“เล่นแล้วเป็นไงบ้างสนุกไหม” อลันหันไปถามหญิงสาวที่นั่งข้างกัน“สนุกค่ะ ถ้ามีพี่อลันเล่นด้วย”ซูมี่เอ่ยพลางฉีกยิ้มให้เขา รอยยิ้มของเธอทำให้โลกดูช่างสดใส นี่สินะสิ่งที่ช่วยฮีลความเหนื่อยล้าจากการทำงานของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าได้“ถ้ามีพี่อลันเล่นด้วย”ซิงอีเลียนแบบคำพูดของซูมี่ด้วยน้ำเสียงแหลมราวกับเป็นสตรีศรีสยาม“จ่ายเงินมา แกลอกเลียนคำพูดของฉัน” ซูมี่ชะโงกหัวหาน้องชายที่นั่งอยู่อีกฝั่งพร้อมแบมือขอเรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์จากเขา“ไถเงินขนาดนี้ ใครได้เป็นแฟนมีหวังเป็นหนี้เป็นสินแน่”“หลิน ซิงอี!”ซูมี่ทนไม่ไหวกับความกวนอวัยวะเบื้องล่างของน้องชายจนถึงขั้นลุกพรวดจากโซฟาวิ่งเข้าประชิดตัวและเขย่าไหล่ของน้องเป็นจังหวะสามช่า ซิงอีตะโกนส่งเสียงให้อลันช่วยเขาให้หลุดพ้นจากพี่สาวจอมโหด ทว่าอลันดันเลือกที่จะเข้าข้างพี่สาวของเขามากกว่า ชายหนุ่มอายุมากที่สุดได้แต่นั่งยิ้มและหัวเราะให้กับทั้งคู่ จนกระทั่งซูมี่ยอมปล่อยมือออกจากไหล่เอง“เฮียสองมาตรฐานมาก ๆ”ซิงอีพูดเชิงน้อยใจพี่ชายสุดที่รักเล็กน้อย เขาก็เป็นน้องของอลันเหมือนกัน แต่ทำไมอภิสิทธิ์ช่างน้อยกว่าพี่สาวของตัวเองเหลือเกิน“ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ เฮี
“เราดื้อแบบนี้ พี่ไม่อยากห่วงแล้ว” อลันทำหน้าบึ้งตึงใส่ซูมี่จนเธอต้องขยับตัวเข้ามานั่งใกล้ ๆ เพื่อง้อผู้ชายตรงหน้า“โอ๋ ๆ ไม่ทำหน้าแบบนั้นสิคะ ซูมี่สัญญาจะไม่ดื้อกับพี่อลันและจะเชื่อฟังทุกอย่างเลยค่ะ”ซูมี่ยกสามนิ้วขึ้นสัญญากับอลันเพื่อให้เขาหายหน้าหงิกหน้างอ“ถ้าเชื่อฟังก็ไปขึ้นรถ พี่จะพาไปซื้อกระโปรงใหม่”“โอเคค่า”ซูมี่ลุกพรวดจากโซฟาแล้วเดินมุ่งหน้าไปที่ประตูทางออกของบ้าน แต่ต้องหยุดชะงักเมื่อมีเสียงพูดจากอลันดังขึ้นไล่หลัง“เดี๋ยวก่อน ไปเปลี่ยนกางเกง”เมื่อซูมี่หันกลับมา ก็เห็นอลันทำท่ายืนกอดอกเหมือนผู้ปกครองกำลังดุลูกของตัวเองเรื่องการแต่งกายที่ไม่สุภาพ แม้ว่ามันจะเป็นกางเกงออกกำลังกาย เขาก็ไม่อนุญาตให้ใส่ออกไปอยู่ดีเพราะมันสั้นพอ ๆ กับกระโปรงทรงเอของเธอเลยซูมี่รีบเดินลงบันไดมาหาอลันเมื่อเปลี่ยนกางเกงเสร็จ ครั้งนี้เธอเปลี่ยนเป็นสวมใส่กางเกงวอร์มสีดำขายาวลากดิน เมื่ออลันเห็นถึงกับชมเธอว่าแต่งกายได้เรียบร้อยมากแถมบอกให้รักษามาตรฐานการแต่งกายแบบนี้เอาไว้ ขณะที่เธอก็ได้แต่ยิ้มแห้งกลับไปเพราะมันไม่ใช่สไตล์การแต่งตัวที่ชอบเลยด้วยซ้ำ แต่ทำไงได้คนของใจขอมาก็ต้องตามใจคนขอหน่อยก็แล้วกันท
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา@ ห้องทำงานของอลัน“คุณอลันคะ มีนจองตั๋วเครื่องบินและที่พักไว้ให้เรียบร้อยแล้วค่ะ”เลขาส่วนตัวยื่นแฟ้มเอกสารข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับการเดินทางไปสาธารณรัฐประชาชนจีน – เมืองเซี่ยงไฮ้ให้อลันดูข้อมูล“ขอบคุณครับ เดี๋ยวผมเช็กอีกทีนะ” อลันหยิบมาเปิดเพียงไม่กี่วินาทีจากนั้นเขาก็วางมันลงบนพื้นที่ว่างบนโต๊ะทำงาน“คุณอลันไม่สบายหรือเปล่าคะ สีหน้าดูไม่โอเคเลยค่ะ” เลขาสาวถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมน่าจะพักผ่อนน้อยไปหน่อย”“มีนว่าคุณอลันกลับไปพักก่อนไหมคะ ช่วงบ่ายไม่มีตารางนัดหมายอะไรแล้วค่ะ”“ดีเหมือนกันครับ ขอบคุณนะครับ”เมื่อบทสนทนาจบลง เลขาก็เดินออกจากห้องทำงานของเจ้านายไป อลันที่ดูสีหน้าไม่ค่อยดีราวกับคนเป็นไข้พลางถอนหายใจลากยาว คำพูดเรื่องนอนพักผ่อนน้อยที่เขาบอกเลขาเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ทำให้เขามีสีหน้าแบบนั้น ทว่าอีกส่วนกลับดันเป็นเรื่องที่กวนใจเขามาตลอดตั้งแต่สัปดาห์ก่อนเขาจะหาทางบอกกับเด็กดื้อคนนั้นอย่างไร ทั้งที่พึ่งเดินทางกลับประเทศไทยมาได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องเดินทางไกลอีกครา แถมครั้งนี้ไปตั้ง 2 เดือน แล้วตอนนี้เวลาก็เหลือน้อยเต็มที ถ้าไม่บอกตอนนี้เห็นทีไม่ดีแ
ซูมี่นั่งแข็งทื่อราวกับเป็นรูปปั้นมังกรหินเมื่อได้ยินประโยคล่าสุดที่อลันเอ่ย เธอรู้สึกโหวงและหวิวราวกับหัวใจดวงน้อยหลุดออกจากร่างร่วงหล่นไปกองกับพื้น เซลล์ประสาทในสมองจับต้นชนปลายความรู้สึกนึกคิดไม่ถูก สิ่งที่ได้ยินนั้นทำไมถึงกะทันหันไม่ทันได้ตั้งตัวเช่นนี้ นัยน์ตาของสาวหมวยเริ่มชุ่มไปด้วยน้ำสีใส เธอพยายามขยับปากที่สั่นไหวเพื่อถามบางอย่างที่อยากรู้เพิ่ม“ต...ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”“ซูมี่หมายถึงอะไร”“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะ...ที่พี่อลันรู้ว่าต้องไปที่นั่น” ซูมี่เริ่มเสียงสั่นจนจะควบคุมมันไม่อยู่เสียแล้ว“ตั้งแต่ซูมี่มาหาพี่ที่โรงแรมวันนั้น...” อลันรู้ตัวดีว่าเขาผิดเองที่พึ่งมาบอกเธอเอาป่านนี้ซูมี่ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาพร้อมยิ้มทั้งน้ำตา“นานพอสมควรนะคะ แต่ซูมี่กลับพึ่งรู้เรื่องนี้ก่อนพี่อลันจะเดินทาง เพียง 1 สัปดาห์เท่านั้นเองเนอะ”“ซูมี่ฟังพี่อธิบายก่อน” เขาเอื้อมมือไปจับแขนร่างบาง แต่เจ้าตัวกลับปัดมือเขาออก“มันก็ชัดเจนหมดแล้วค่ะ ต่อให้พี่อลันจะอธิบายใหม่สักกี่รอบ...ผลลัพธ์ก็ต้องไปอยู่ดี ซูมี่ว่าเรากลับกันเถอะค่ะ” ซูมี่ลุกขึ้นหยิบกระเป๋าขึ้นสะพายบนไหล่“พี่ยังไม่ให้กลับ ฟังพี่พูดก่อนสัก
สัปดาห์ต่อมา...@ สนามบิน“บ้าเอ๊ย!”ซูมี่รีบก้าวเท้าลงจากวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างสับขาวิ่งเข้าตัวอาคารสนามบินราวกับแข่งวิ่งมาราธอนชิงแชมป์เหรียญทองระดับโลก เธอลงตารางตัวเองไว้เรียบร้อยว่าจะมาส่งอลันที่สนามบินหลังเลิกเรียนคลาสตอนเช้า แต่อาจารย์ดันสอนเกินเวลาไปเกือบชั่วโมงแถมต้องทำควิซก่อนเลิกด้วยเลยทำให้เธอต้องนั่งพี่วินฝ่ามรสุมการจราจรติดขัดช่วงพักเที่ยงในกรุงเทพฯ เธอรีบกดโทรหาเขาทันทีที่เข้ามาในตัวอาคารพลางกวาดสายตามองหาตัว“ว่าไงซูมี่”“พี่อลันอยู่ตรงไหนคะ ซูมี่จะไปหา”“พี่อยู่ตรง Row H เราอยู่ตรงไหน เดี๋ยวพี่เดินไปหาเองง่ายกว่า”“ไม่ต้องค่ะ ๆ ซูมี่ใกล้ถึงละ” เธอเร่งฝีเท้าเดินไวมุ่งไปตรงที่อลันบอกโดยยังถือสายเขาไว้จนกว่าจะเจอตัวในที่สุดก็พบตัวชายหนุ่มเพราะสไตล์การแต่งตัวของเขา หญิงสาวจำได้ดี ชุดเสื้อคลุมสีดำแขนยาวกางเกงสีครีมและรองเท้าหนังคู่โปรด“พี่อลันคะ!”เธอตะโกนเรียกชื่อก่อนจะเดินไปถึง เจ้าตัวที่ถูกเรียกชื่อรีบหันไปตามทิศทางของเสียง สภาพที่เขาเห็นคือซูมี่วิ่งเร็วยิ่งกว่าเสือชีตาห์ขณะที่ใส่ส้นตึกสูงเกือบ 3 เซนติเมตร“ซูมี่ ไม่ต้องวิ่งเดี๋ยวล้ม!”อลันก็เป็นห่วงว่าเธอจะล้มหัวทิ่มบ
ซูมี่ยืนอึ้งอยู่หน้าประตูบ้าน เมื่อดวงตาทั้งสองข้างมองผู้ชายตรงหน้าเป็นพี่อลัน หญิงสาวคิดว่าสมองคงสร้างภาพลวงตาให้คนที่เธอคิดถึงมายืนอยู่ตรงหน้าในตอนนี้ หญิงสาวหลับตาปี๋และสะบัดหัวให้สติกลับมา“พิซซ่าเท่าไหร่นะคะ”“เราจะให้พี่เป็นพนักงานส่งพิซซ่าให้ได้เลยใช่ไหม”ชายหนุ่มคนดังกล่าวเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะเอานิ้วดีดไปที่หน้าผากหญิงสาว เธอถึงสะดุ้งและลืมตาขึ้น“พ...พี่อลัน” ซูมี่เบิกตากว้าง“ยังดีที่จำชื่อพี่ได้อยู่นะ” อลันส่งยิ้มให้“ทำไมกลับมาไวจังคะ”ซูมี่ยังคงสงสัย ไหนอลันบอกเธอว่าต้องไปอยู่เซี่ยงไฮ้ตั้ง 2 เดือน แต่นี่ยังไม่ครบหนึ่งเดือนเลยด้วยซ้ำ เขาดันมาปรากฏที่หน้าบ้านเธอ“อยากให้พี่อยู่ที่นั่นต่อเหรอ งั้นเดี๋ยวพี่ซื้อตั๋วกลับแป๊บนะ” อลันทำท่าจะหมุนตัวกลับขึ้นรถ ซูมี่จึงรีบจับแขนชายหนุ่มให้หยุดก่อน“อย่าไปนะคะ” อลันจึงหันกลับมาหา“ไม่อยากให้พี่ไปแล้วเหรอ”หญิงสาวคิดในใจไม่อยากให้ไปตั้งแรกแล้วด้วยซ้ำ แต่เธอพูดออกไปแบบนั้นได้ที่ไหนกัน“ใช่ค่ะ”“ทำไมตอบพี่สั้นจัง”“แล้วพี่อลันจะให้ซูมี่ตอบว่าไงคะ จะให้บอกว่าไม่อยากให้พี่ไปตั้งแต่แรก ขนาดอยู่ที่สนามบินก็หน้าหงอยเป็นหมาตอนพี่อลันไป แบบนี้เ
อลันและซูมี่เดินทางถึงที่นัดหมายโรงแรมในเครือ HTND อีกสาขา ชายหนุ่มพาหญิงสาวเดินเข้าไปห้องประชุมที่ถูกจัดไว้เพื่อพูดคุยกับลูกค้าเมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบสุภาพสตรีดูดีและดูสง่างามนั่งจิบกาแฟอยู่ที่โซฟารับรองแขก เธอแหงนหน้ามองอลันก่อนจะฉีกยิ้มให้แล้วสวัสดีทักทายกัน แต่ไม่สบตาให้กับซูมี่เลยแม้แต่น้อย และนั่นจึงเป็นชนวนเหตุที่ทำให้ซูมี่ไม่ชอบขี้หน้าเจ้าหล่อนทันทีตั้งแต่แรกพบ“สวัสดีค่ะคุณอลันไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ” แขกผู้หญิงยิ้มร่าราวกับว่าพยายามโปรยเสน่ห์ความงามให้อลันหลงใหล“ครับคุณบีน่า คนนี้น้องสาวผมซูมี่”เมื่ออลันแนะนำตัวซูมี่ในฐานะน้องสาว หล่อนจากที่หน้าตึงใส่ก็เปลี่ยนสีหน้าฉีกยิ้มให้แถมชวนซูมี่คุยเสียด้วย“ชื่อน่ารักจังค่ะคุณอลัน ยินดีที่รู้จักนะคะน้องซูมี่”ทว่าซูมี่กลับนั่งหน้าตึงไม่ยอมพูดจากับผู้หญิงคนนั้นเลย จนอลันต้องกระแอมไอเตือนให้รักษามารยาทด้วย“ค่ะคุณบีน่า” เธอตอบห้วน ๆ แม้ว่าอลันมองอยู่ก็ตาม“ผมว่าเรามาคุยเรื่องธุรกิจกันดีกว่าไหมครับ”“ก็ดีค่ะ แล้วน้องซูมี่อยู่ด้วยเหรอคะ”“ผมขออนุญาตให้เธออยู่ด้วยนะครับคุณบีน่า พอดีกำลังให้น้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการทำงานอยู่ครับ”อล
มุมมองของอลัน ☻“ซูมี่ตัดสินใจจะเลิกชอบพี่อลันแล้วค่ะ”ดีจังที่เธอคิดได้เสียที...ผมจะได้ไม่ต้องมาเหนื่อยปฏิเสธความรักในรูปแบบอื่นที่เธอมอบให้ แต่ทำไมใจผมกลับรู้สึกโหวงแปลก ๆ มันคืออาการดีใจถูกไหม“ดีแล้วที่คิดได้แบบนี้”ผมเอื้อมมือลูบหัวซูมี่อย่างที่เคยทำ แต่ครั้งนี้เธอกลับถอยห่างไม่ให้ผมได้สัมผัส“พี่อลันอย่าทำแบบนี้อีกเลยค่ะ”“ทำไมล่ะ”“เราไม่ได้เป็นอะไรกัน สิ่งที่พี่อลันทำอยู่ ซูมี่เอาไว้ทำกับแฟนเท่านั้นค่ะ”ทำไมคำพูดของเด็กดื้อถึงทำให้ผมรู้สึกจี๊ดทุกประโยคเลยนะ เป็นพี่ชายก็ไม่มีสิทธิ์ลูบหัวน้องสาวเลยเหรอ ไม่เป็นไร...ผมเคารพการตัดสินใจของเธอหากเธอไม่อนุญาต“พี่จะไม่ทำแบบนั้นแล้ว งั้นเรากลับกันเถอะ”“พี่อลันกลับไปก่อนเลยค่ะ เดี๋ยวซูมี่กลับเองได้ค่ะ”“มาด้วยกันก็ต้องกลับด้วยกันสิ”“ซูมี่อยากอยู่ที่นี่ต่ออีกวัน เพราะงั้นพี่กลับไปก่อนเถอะค่ะ”เธอเป็นอะไรกัน นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่เธอพูดกับผมแล้วให้ความรู้สึกห้วนแม้ว่าจะพูดทิ้งท้ายด้วย ค่ะ ทุกประโยคก็ตาม“งั้นพี่อยู่เป็นเพื่อนเรา”“ไม่ต้องค่ะ พี่อลันเลิกห่วงซูมี่ได้แล้ว เราไม่ได้เป็นอะไรกันที่ต้องมาเฝ้าตามติดกันขนาดนี้”“เรากำลังประชดพี
1 เดือนต่อมา @ หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัย เวลา 06.00 น.“นักศึกษาชั้นปีที่ 4 เชิญเข้าหอประชุมเลยครับ” ประธานสโมสรนักศึกษาประกาศเสียงผ่านโทรโข่งเพื่อกวาดต้อนนักศึกษาแต่ละคณะเข้าหอประชุมเพื่อเตรียมเข้าพิธีรับประกาศนียบัตรจบการศึกษาวันนี้นักศึกษาชั้นปีที่ 4 จำนวนมหาศาลจากต่างคณะมารวมตัวกันที่มหาวิทยาลัยโดยไม่ได้นัดหมาย ยังไม่นับรวมญาติสนิทมิตรสหายที่มาร่วมแสดงความยินดีกับว่าที่บัณฑิตป้ายแดงในอีกไม่กี่ชั่วโมง จำนวนผู้คนหลั่งไหลเข้ามาราวกับฝูงมด หากจะติดต่อหากันคงต้องบอกที่นัดหมายไว้ให้เรียบร้อย ไม่เช่นนั้นคงพลัดหลงกันแน่ “ยัยมี่ทางนี้” ต้นข้าวชูมือขึ้นสูงเพื่อเรียกเพื่อนสาวที่กำลังเอามือถือแนบที่หูพลางกวาดสายตามองหาพวกเธอเมื่อซูมี่เห็นเป้าหมายจึงรีบเดินเบียดเสียดคนเข้าไปหาเพื่อนสาว “หวัดดีพวกแก ไม่คิดว่าคนจะเยอะขนาดนี้” “จริง มาเข้าใจรุ่นพี่ปีก่อนก็ตอนนี้แหละเนอะมีมี่” ต้นรักเอ่ย“พวกเราเข้าไปห้องพิธีข้างในกันเถอะ ตรงนี้คนมันแน่นฉันหายใจไม่ออกแล้ว” ต้นข้าวเอ่ยชวน สามสาวเดินตามกันเข้าไปในห้องประชุมด้วยความทุลักทุเลกับชุดครุยที่ลากยาวติดพื้น ไหนจะรองเรื่องรองเท้าคัทชูที่สวมใส่กัดอีก ท
1 เดือนต่อมา@ คณะบริหารธุรกิจ“เย้! โปรเจคผ่านสักทีเว้ย!” แฝดสาวผู้พี่กระโดดโลดเต้นดีใจ“ดีใจเกินเหตุข้าว อย่าลืมสิว่ามีสอบอีกชุดใหญ่ไฟกะพริบ”แฝดผู้น้องย้ำเตือนเธอว่ายังเหลือโค้งสุดท้ายแห่งชีวิต ถ้าสอบไม่ผ่านก็เตรียมแหกโค้งปลิดชีพเรียนไม่จบไปได้เลย“เออว่ะ อย่าพูดสิฉันเศร้า” ต้นข้าวเสียงหงอยก่อนนั่งลงที่เก้าอี้แต่จะมีอยู่หนึ่งคนที่อยู่เหนือความเครียดและความกังวลใด ๆเพราะโลกของเธอช่างสดใสราวกับเดินเล่นอยู่ในดินแดนแห่งเวทมนตร์“คงจะมียัยมี่คนเดียวที่เบิกบานใจ” ต้นข้าวถึงกับหยิบปากกาขว้างไปที่หัวเหม่งของคนที่ถูกกล่าวถึง“โอ๊ย!ยัยข้าวเจ็บ” หญิงสาวที่โดนขว้างปากกาใส่หัวหันมาเรียกชื่อเพื่อนสาวฝาแฝด“มีความสุขเหลือเกินแม่สาวหมวย พอมีแฟนเป็นตัวเป็นตนก็เทเพื่อนเลยนะยะ” ต้นข้าวเอ่ยเชิงน้อยใจ“ฉันทิ้งพวกยูตรงไหน มา ๆ วันนี้มีแพลนไปไหนกัน ฉันไปด้วย”ซูมี่เอ่ยถามสองแฝดว่าวันนี้มีที่ไหนอยากไป เธอพร้อมจะไปด้วยเพื่อเป็นการไถ่โทษที่ช่วงนี้อยู่กับพวกเธอน้อยกว่าเดิม“ชิ ถ้าฉันบอกว่าอยากไปดื่มเหล้า แกจะไปกับพวกฉันเหรอ” ต้นข้าวเอ่ยถามทั้งที่รู้ว่าซูมี่คงไม่ไปด้วยแน่“ไปสิ ดื่มเหล้านี่ของชอบเลย” หญิงสาว
3 สัปดาห์ต่อมาความรักของชายหนุ่มกับหญิงสาวเริ่มสุกงอม หลายสัปดาห์ก่อนเขาและเธอได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นในสถานะความสัมพันธ์ที่เรียกว่าแฟนอลันตัดสินใจเปิดตัวซูมี่ต่อครอบครัวเขาและเธออย่างเป็นทางการโดยเชิญพวกท่านมาเป็นสักขีพยานช่วงทานอาหารมื้อค่ำที่โรงแรม HTND ทั้งคุณพ่อคุณแม่ของเขาและเธอต่างพากันตกใจในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ทว่าพวกท่านก็ไม่ได้ขัดที่ทั้งคู่จะคบหาดูใจกันพร้อมทั้งเอ่ยปากร่วมแสดงความยินดีไปในตัว ถือว่าทั้งคู่โชคดีที่ครอบครัวเปิดไฟเขียวให้คบหาดูใจกันได้ตามสะดวก ทางครอบครัวซูมี่ยังเอ่ยฝากฝังลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนกับอลันไว้ด้วย ซึ่งเขารับปากสัญญาว่าจะดูแลเธอเป็นอย่างดีในวันนี้อลันขออนุญาตทางผู้ปกครองของซูมี่พาเธอไปเที่ยวหรือที่เรียกกันว่าชวนไปออกเดต หากเป็นคู่รักคู่อื่น ๆ คงจะพาไปดูหนัง กินข้าว ร้องคาราโอเกะ เดินเล่นในสวน แต่สำหรับพวกเขาซึ่งตัวติดกันอย่างกับหมากฝรั่ง สถานที่ที่เขาเดตกันก็มีเพียงที่เดียวที่ปลอดภัยและเป็นส่วนตัวนั่นคือ คอนโดของชายหนุ่ม@ คอนโดของอลันเมื่อทั้งคู่เปิดประตูห้องเข้ามาแล้ววางสัมภาระไว้ที่โต๊ะเรียบร้อย ไม่ทันไรผู้ชายคลั่งรักก็พุ่งตัวเข้าไปสวมกอดแฟนสาวจา
@ คอนโดของอลันเวลา 08.30 น.กริ๊งงงง!เสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือที่ตั้งเอาไว้โดยซูมี่ดังขึ้น เธอเอื้อมมือสุดแขนไปที่โต๊ะเล็กข้างเตียงเพื่อปิดมันก่อนจะดันตัวเองจากเตียงแล้วลุกนั่งตัวตรงในสภาพที่ยังไม่ลืมตาตื่น“อยากนอนต่อจัง…ไม่ได้สิ เราอยู่คอนโดพี่อลันนี่นา”ซูมี่สะดุ้งตัวฟื้นคืนสติว่าตอนนี้ตัวเองไม่ได้อยู่ที่บ้าน ทว่ายังอยู่ที่คอนโดผู้ชายที่เธอน่าจะเรียกได้เต็มปากแล้วว่า…แฟนหนุ่มหญิงสาวลุกขึ้นจากเตียงแล้วพับผ้าห่มอย่างประณีตตามหลักสูตรวิชาการโรงแรมที่เรียนมา ก่อนจะเดินไปเปิดประตูทักทายยามเช้ากับชายหนุ่ม“อรุณสวัสดิ์ค่าพี่อลัน เอ…ยังไม่ตื่นเหรอ”ซูมี่กวาดตามองทั่วทิศเพื่อหาผู้ชายร่างสูง และพบว่าเป้าหมายยังคงนอนหลับสนิทอยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่น เธอค่อย ๆ ย่องฝีเท้าให้เบาประดุจดังขนนกมาหยุดอยู่ที่โซฟาก่อนจะย่อตัวลงเอามือชันเข่าพลางโน้มตัวจ้องมองใบหน้าของอลัน“คนอะไร ขนาดหลับยังหล่อเลย”เธอยื่นนิ้วเรียวเล็กเอื้อมไปปัดปอยผมข้างหน้าของอลันที่บังตาไว้เพื่อจะได้เห็นความหล่อของแฟนตัวเองชัด ๆหมับ!ยังไม่ทันจะได้ชื่นชมเต็มอิ่ม จู่ ๆ ข้อมือของเธอก็ถูกจับโดยผู้ชายที่นอนอยู่ แถมเขายังดึงร่างเธอใ
สามปีก่อน (สมัยซูมี่อยู่ปี 1 และซิงอีอยู่ ม.6) @ บ้านตระกูลหลินเวลา 19.00 น.“กลับมาแล้วค่ะ / ครับ” เสียงเด็กหนุ่มวัยมัธยมปลายและสาววัยมหาวิทยาลัยแจ้งคนในบ้านให้ทราบว่าพวกเขาเดินทางกลับถึงบ้านเป็นที่เรียบร้อย“วันนี้เป็นไงกันบ้างเด็ก ๆ ” คุณเพียงขวัญเอ่ยถามลูกรักทั้งสอง “เหนื่อยครับคุณแม่ ผมขอตัวไปนอนเลยนะครับ” ซิงอีพูดจบก็รีบขึ้นบันไดเข้าห้องนอนตัวเองทันที“อ้าว ไม่กินข้าวกินปลาก่อนเหรอลูก” ผู้เป็นแม่เอ่ยไล่หลังแต่ลูกชายไม่ตอบกลับอะไรเลย “เดี๋ยวซูมี่ไปดูน้องเองค่ะคุณแม่” ซูมี่รีบเดินขึ้นบันไดตามน้องชายตัวเองไปเธอมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องพลางเคาะประตูขออนุญาตเปิดเข้าไป ภาพที่เธอเห็นคือซิงอีล้มตัวลงนอนทั้งที่ยังใส่ชุดนักเรียนอยู่เลย “ซิงอี ลุกขึ้นไปอาบน้ำก่อนค่อยมานอน เชื้อโรคมันจะสะสม” “ไม่ไหวแล้วซูมี่ วันนี้ผมเหนื่อยมากขอนอนพักแป๊บ เดี๋ยวมีนัดเล่นเกมตอนดึกกับเพื่อนต่อ” แปะ! พี่สาวตีไปที่หลังน้องชายเสียงดังแปะในขณะที่เขานอนคว่ำหน้าอยู่“โอ๊ย! พี่ทำไรเนี่ย” จนเขาต้องหันหน้ามาคุยกับเธอ “หมั่นไส้ ห่วงเล่นเกมอยู่ได้ หนังสืออ่านมั่งไหม ปีนี้แกต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วนะ” “เออผมรู้แ
@ WithUs Café and Restaurantแอ๊ด...ประตูถูกเปิดอีกครั้งหลังจากสามสิบนาทีก่อนหน้าถูกปิดลง หญิงสาวที่นั่งรอใครบางคนหันไปในทิศทางที่ประตูเปิดออกแล้วเผยรอยยิ้มให้ผู้ชายที่กำลังเดินเข้ามา“ดีใจจัง พี่อลันกลับมาแล้ว”ขณะเดียวกันผู้ชายคนนั้นก็เดินปรี่เข้ามาสวมกอดผู้หญิงตรงหน้า“พี่คิดถึงเราจัง”เมื่อหญิงสาวได้ยินเขาเอ่ยแบบนี้จึงดันตัวเขาออกทันที คนที่สวมกอดถึงกับทำหน้างง“ถามจริง นี่ใช่พี่อลันตัวจริงหรือเปล่าคะ” ซูมี่เลิกคิ้วด้วยความสงสัย“ซูมี่…เราพูดอย่างกับพี่มีฝาแฝดอีกคนไปได้” คำตอบของเขาจะสื่อว่าไม่มีใครจะตัวจริงไปกว่านี้อีกแล้ว“ปกติพี่อลันไม่เคยทำตัวแบบนี้นี่นา ซูมี่แตะทีหรือกอดทีตะโกนโหวกเหวกตกใจทุกทีเลย”“มันเมื่อก่อนไหม ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว”“ไม่เหมือนเดิมยังไงคะ”“ก็เราเป็นแฟนของพี่แล้วไม่ใช่เหรอคะ”อลันกระชับกอดเอวบางแน่นขึ้น แถมยังพูดคำที่ซูมี่โคตรจะแพ้ใส่ไปในประโยคด้วย“ถ้าบอกยกเลิกตอนนี้ทันไหมคะ” ซูมี่ลองแกล้งพูดอำอลันเชิงขำขัน ทว่าเขาดันไม่รู้สึกขำด้วย“ลองดูสิ” อลันให้คำตอบสั้น ๆ พร้อมยักคิ้วให้“ได้ใช่ม้า”“เราก็ลองดูสิ แล้วเดี๋ยวก็รู้ว่าพี่จะทำยังไงต่อกับเรา”อลันไม่
อลันคิ้วขมวดมองซูมี่ แววตาเขาแข็งกระด้าง เสียงลมหายใจที่เข้าออกทางจมูกแลดูติดขัด ริมฝีปากเม้มสนิทเหมือนข่มอารมณ์ไม่พอใจบางอย่างอยู่“ค่ะ เสียใจที่ไม่ใช่แฟนของซูมี่มายืนรออยู่ตรงนี้”“ให้พี่ไปเรียกเขาให้ไหมล่ะ”“ก็ดีนะคะ รบกวนด้วยค่ะ”เมื่อได้ยินเธอพูดออกมาแบบนั้น ตัวเขาที่ถูกพูดประชดยิ่งรู้สึกไม่พอใจเข้าไปใหญ่ ชายหนุ่มเริ่มกัดปากตัวเองพลางพยักหน้า“ดูรักกันมากเลยเนอะ”“ใช่ค่ะ รักมากอยากอยู่ใกล้เขาแทบบ้าเลย ขอตัวนะคะแฟนซูมี่คงจะรอดูหนังด้วยกันแย่แล้ว”ซูมี่เอ่ยบอกลาอลันแล้วเดินสวนทางกับเขาเพื่อกลับไปที่ห้องหมับ!ทว่ายังเดินไม่พ้นจากบริเวณนั้น ก็ถูกผู้ชายที่พึ่งสนทนากันเมื่อสักครู่จับแขนข้างหนึ่งของเธอไว้ไม่ให้เดินไปไหนต่อ“ปล่อยค่ะ”“จับนิดจับหน่อยไม่ได้เลยเหรอ เมื่อก่อนอยากใกล้ชิดพี่แทบตายนี่”“เรื่องอดีตซูมี่ไม่เก็บเอามาคิดหรอกค่ะ พี่อลันควรอยู่กับปัจจุบัน ปล่อยค่ะ เดี๋ยวคนอื่นมาเห็นจะเข้าใจผิด”“ก็ดี ปล่อยให้เข้าใจแบบนี้แหละ” ซูมี่ส่ายหน้าให้อลันและพยายามปัดมือเขาออกจากแขนเธอให้ได้ “เลิกเล่นแบบเด็ก ๆ เถอะค่ะพี่อลัน ซูมี่เหนื่อยที่จะพูดกับพี่แล้ว”อลันเผยยิ้มที่มุมปากเมื่อเธอสื่อว
@ WithUs Café and Restaurant“พอใจยังคีย์” ซูมี่หันไปถามคีย์ที่นั่งข้างกัน เธอยื่นมือถือให้ดูรูปคู่ที่ถ่ายแล้วลงโพสต์แคปชันเปิดตัวแฟน“ดีมากซูมี่”“แล้วรักษาสัญญาเรื่องของซิงอีด้วยล่ะ”“ได้เลย ไม่มีปัญหา”พูดจบนายคีย์ก็เขยิบตัวเข้ามาใกล้ซูมี่ก่อนจะเลื่อนใบหน้ามาใกล้ชิดกับเธอ หญิงสาวพยายามเอี้ยวตัวหลบ“คีย์ใกล้ไปแล้ว เขยิบออกไปเดี๋ยวนี้” ซูมี่ดันตัวเขาให้ห่าง “ทำไมต้องหนี ซูมี่เป็นแฟนเราแล้ว”“มัน…เร็วไปไหม เราพึ่งรู้จักกันเองนะ”เธอตอบรับตกลงก็จริง แต่ทำไปเพื่อปกป้องน้องชายตัวเองจากอันตรายเท่านั้น ในเรื่องของความรู้สึกกับผู้ชายคนนี้ไม่มีเลยแม้แต่น้อย“ก็เราอยากอยู่ใกล้ซูมี่นี่ แถม…ตัวซูมี่ยังหอมด้วย”คีย์ยื่นจมูกมาดอมดมตัวเธอ ดีที่ซูมี่ไหวตัวทันไม่เช่นนั้นแก้มของเธอคงชนกับจมูกของเขาแล้ว“ถ้าคีย์ยังทำแบบนี้ เราจะกลับบ้านแล้วนะ”“ก็ได้ไม่ทำแล้ว อยู่ดูหนังด้วยกันก่อนนะครับ” เขาหงุดหงิดเล็กน้อยแต่ก็ยอมเพราะอยากให้เธออยู่ด้วย“ได้ ดูจบแล้วเราขอกลับบ้านนะ”“ได้เลย”ทั้งคู่เดินไปนั่งที่โซฟาพลางเปิดทีวีเลือกหนังดู คีย์ถามซูมี่ว่าจะดูเรื่องนี้กันไหมน่าดูเป็นหนังรัก เมื่อหญิงสาวหันไปมองตามที่ค
“คงไม่มีวันนั้นค่ะ”ซูมี่ยังยืนกรานในจุดยืนของตัวเองว่าเธอเลิกชอบอลันแล้ว“ไม่มีเหรอ” อลันทวนถามซูมี่อีกครั้ง“ค่ะ”“ไหนลองบอกพี่หน่อย เพราะอะไรเราถึงเลิกชอบพี่”อลันมองจ้องซูมี่แบบไม่ละสายตาเพื่อเค้นถามเหตุผลที่เลิกชอบเขา“พี่อลันให้ซูมี่อยู่ในฐานะน้องสาวมาตั้งแต่ต้นไม่ใช่เหรอคะ มันก็ถึงเวลาแล้วที่ซูมี่จะถอยแล้วเปิดใจให้คนอื่นบ้าง” “นั่นมันตอนนั้น...ไม่ใช่ตอนนี้” อลันรู้ตัวดีว่าเป็นคนพูดคำนั้นออกจากปากเอง แต่นั่นเป็นสิ่งที่เขาอยากให้เป็นในเมื่อก่อน ในตอนนี้เขาไม่ต้องการแบบนั้น“หมายความว่ายังไงคะ” ซูมี่เลิกคิ้วไม่เข้าใจที่อลันพูด“ก็พี่...”ตืด ตืดเสียงจากมือถือเจ้ากรรมดันมาขัดจังหวะเสียได้ ซูมี่ใช้จังหวะนั้นรีบลุกขึ้นจากตักอลันเพื่อรับสาย“สวัสดีค่ะ”หญิงสาวก็ไม่รู้ว่าใครโทรมาเพราะหน้าจอขึ้นแต่เพียงหมายเลข“สวัสดีซูมี่ จำเราได้หรือเปล่า...คีย์ไง”เมื่อปลายสายเอ่ยชื่อทักทาย ซูมี่ถึงกับตกใจแต่ก็พยายามนิ่งให้ได้มากที่สุด เพราะตอนนี้เธออยู่กับอลันจะให้เขารู้เรื่องนี้ไม่ได้“จำได้ ได้เบอร์มาจากไหน” เธอยังเลี่ยงใช้สรรพนามที่บ่งบอกเพศสภาพที่คุยกันอยู่“เอาเป็นว่าหามาได้...และไม่ใช่จากซิ