“ตะ แต่ง!” ผมตกใจเหมือนกัน ที่ปลายฟ้าตอบตกลงปุ๊บปับเสียงดังขนาดนั้น จนเธอเข้ามากอดผมแน่น แล้วกระโดดหอมแก้มผมอีกซ้ายขวา สติผม ถึงกลับมาเป็นเหมือนเดิม ‘ฟอด ฟอด~’ “สอบเสร็จเมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกที แหวนที่ให้ไว้ ถือว่าจองแล้วนะ” ปลายฟ้าพยักหน้ารัวที่อกผม ทำไมมันเปียก ๆ ล่ะเนี่ย อย่าบอกนะ! ว่าเธอกำลังร้องไห้ “ถึงไม่ใช่การขอแต่งงาน แต่ได้ยินแล้ว ดีใจจัง” ผมลูบหัวเธอเบา ๆ แล้วสวมกอดเธอกลับ จนอยู่ ๆ แม่ยายผม ท่านเดินออกมาจากประตูข้างบ้าน พร้อมกับตะหลิวในมือ “เจ้าปลาย!” ผมกับปลายฟ้ารีบผละออกจากกันทันที ก่อนที่เธอจะรีบเช็ดน้ำตา ที่เปียกตามแก้มออกลวก ๆ “คะ คะแม่ มีอะไรคะ?” “กอดกันหน้าบ้านแบบนี้ไม่ได้! เดี๋ยวชาวบ้านเห็น ก็เอาไปนินทาหรอก!” ปลายฟ้าก้มหน้าลง แล้วเขี่ยนิ้วตัวเองไปมา “ค่ะ ขอโทษค่ะอารมณ์มันพาไป” แม่ยายมองค้อนเราพักใหญ่ ก่อนจะถอนหายใจยาว ๆ แล้วหันหลังกลับเข้าบ้าน แต่ทว่า กลับมีรถเบนซ์ของอาจารย์ ขับเข้ามาจอดก่อน “นั่น! พ่อมาแล้วค่ะแม่” แม่ย
ปลายฟ้ากับแม่บ้าน ทยอยยกกับข้าวออกมาจากในครัว พร้อม ๆ กับแม่ยาย ที่กำลังถือแจกันดอกไม้ออกมา และท่านก็นำมันไปวางกลางโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ ที่มีกับข้าวปลายฟ้าวางอยู่ ดอกไม้ที่อาจารย์ให้? โน้ตอาจารย์ผมไม่แน่ใจ ว่าแม่ยายอ่านรึยัง เพราะดูท่านนิ่งมาก มีแต่อาจารย์ผมนี่ล่ะ ที่ยิ้มหน้าบานกว่าจานข้าวบนโต๊ะ ยิ่งเห็นดอกไม้ของตัวเองถูกจัดใส่แจกัน อาจารย์ท่านก็มองดอกไม้กับแม่ยายสลับกันไม่หยุด จนเราทุกคนมารวมกันที่โต๊ะอาหาร ก่อนปลายฟ้าเธอจะขอตัวขึ้นข้างบน ไปตามใบไม้ลงมา สุดท้าย ก็ไม่ได้ผล เธอลงมาคนเดียว แล้วบ่นหัวเสียถึงน้องสาวไม่หยุด “ยายคะ หนูว่าใบไม้อาการหนักนะคะ” “เป็นแบบนี้สองสามวันแล้ว ช่วงยายยังไม่กลับ แม่บ้านก็บอกว่าใบไม้น่ะ กลับมาค้างที่นี่ทุกวัน หน้าบึ้งไม่คุยกับใครเลย เฮ้อ อกหักรึป่าวนะ” ปลายฟ้ามองยายตกใจ “ไม่ค่ะ ไม่หรอก แหะ ๆ ใบไม้ไม่มีแฟน จะอกหกได้ไง ยายก็” ยายยิ้ม ก่อนจะตักกระหล่ำปลีผัดน้ำปลาให้ผมและอาจารย์ “นี่ดูสิ มีรอยสะดุ้งน้ำมันนิด ๆ กลิ่นก็หอม” ผมก้มขอบคุณยาย แล้วมอ
ผมเดินไปหาปลายฟ้า ที่นั่งจ้องจอแมคบุ๊คอย่างเคร่งเครียด เธอกำลังสลับหน้าต่างเทียบตารางหลาย ๆ ตารางวุ่นวายไปหมด เฮ้อ... ผมเห็นแล้วไม่ชอบเลย ให้ผมทำงานแบบนี้ ผมคงทำไม่ได้ ประสาทกิน “อ้วน หิวไหม?” ปลายฟ้าปล่อยเมาส์ แล้วจับมือผมไปวางบนไหล่เธอ “นิดหน่อย เบบี๋หิวเหรอ? งั้นไปกินข้าวไหม” ผมไม่ทันตอบ เธอก็ลุกขึ้น เดินไปหยิบกระเป๋าสะพาย ก่อนสุดท้ายจะหันมาจับมือผม เดินออกไปจากห้องด้วยกัน จับมือ ในที่สาธารณะ? “เบบี๋ เราจะเดินจับมือกัน เราจะไปห้าง ZER เราจะไปทุกที่ ที่เราอยากไป โอเคมั้ย” ผมบีบมือปลายฟ้าแล้วพยักหน้าเบา ๆ ผมรู้สึกดีจริง ๆ ที่เราเริ่มจะเหมือนคู่รักปกติเหมือนคู่อื่นแล้ว ตอนผมขับรถ ระหว่างทางสะดวกเมื่อไหร่ ผมก็จับมือปลายฟ้าเมื่อนั้น ตอนนี้ผมไม่กลัวอะไรแล้ว นอกจากแม่ตัวเอง ที่รู้เมื่อไหร่ จะวุ่นวายมาก ผมอยากอยู่อย่างสงบ อีกอย่าง ถ้าแม่ไม่รู้ แม่ก็จะเป็นแบ็คเสริม ที่จะช่วยให้ผมได้มาอยู่คอนโดกับปลายฟ้าต่อ และเราก็มาถึงห้าง ZER สถานที่แรก ที่เราจะเดินจับมือกัน จะเจอแม่ผมไหมนั้น ไม่รู้
ผมลืมเรื่องที่ปลายฟ้าบอกจะไปอังกฤษภายในพริบตา เมื่อสองขาของแม่ยาย กำลังก้าวยาว ๆ มาหาเรา “มะ มาทำอะไรกัน?” พอแม่ยายถามตกใจ อาจารย์ผม ท่านก็รีบเดินตามมาด้วย เหอะ ยิ้มแป้นเลยนะ “ก็มาเดินเล่นหาอะไรกินค่ะ พ่อกับแม่ล่ะคะ?” แม่ยายกอดอกหันไปทางอื่น จนอาจารย์ท่านดี๊ด๊ารีบตอบแทน “มาหามื้อเย็นทานครับลูก ไปนั่งด้วยกันไหม” แม่ยายหันควับไปมองอาจารย์ทันที แถมยังมองอย่างหงุดหงิด เออ... ผมไม่เข้าใจจริง ๆ อาการนี้คือ อยากให้พวกเรานั่งหรือไม่อยากให้นั่งวะ “เอ่อ ไม่ดีกว่าค่ะ เหมือนคนบางคน อยากอยู่กับพ่อสองต่อสอง” “เจ้าปลาย” ปลายฟ้ายิ้มหวาน แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ แม่ตัวเอง “คุณ เบนโตะปลาดิบคุณ สั่งรึยัง” แม่ยายยกมือทาบอกกระพริบตาถี่ ๆ จนผมเห็น ว่าหน้าท่าน เริ่มแดงขึ้นเรื่อย ๆ “เจ้าปลาย? นี่ขนาดคุณไม่ได้เลี้ยงนะพีท นิสัยยังเหมือนคุณเลย!” มีเรียกชื่อด้วยว่ะ “อะไรคะ หนูแซวนิดหน่อยเอง เห็นว่าน่ารักดี ใช่ไหมคะพ่อ” “ครับลูก” แม่ยายเริ่มทำตัวไม่ถูก ท่านเลิ่กลั่ก
ไอ้นาวินหัวเราะผมเสียงดัง หัวเราะทำบ้าอะไร? มึงเป็นคนบอกกูเองไม่ใช่เหรอ! “ฮ่า ๆ มึงเอาจริง?” ผมลุกขึ้นยืนทันที ไหน ๆ แม่งก็ตะโกนบอกคนงานไปแบบนั้นแล้ว ผมคงต้องเหมาจริง ๆ ไม่อยากเสียคำพูด “คงแบบนั้น มึงเลิกหัวเราะกูสักที” ไอ้นาวิน หันไปทางอื่นแล้วอมยิ้มแทน ผมน่าจะจับรกพันคอมันตั้งแต่ในท้องแม่ รำคาญ “เออ ๆ แล้วมึงคิดไว้ยังวะ ว่าจะเอาดอกไม้พวกนี้ไปทำอะไรต่อ” กูต้องคิดอีกสินะ? “มึงเป็นคนแนะนำ มึงต้องช่วยกูคิด” “กูแนะนำมึงตอนไหน กูแค่บอกว่า ถ้าเป็นกู กูจะทำ” ผมอยากจะบ้า! จะด่าไอ้สัส ก็ห่วงภาพพจน์ตัวเอง “แล้วถ้าเป็นมึง มึงจะทำยังไง” มันเดินไปส่องดูดอกไม้ในร้าน แล้วหันกลับมายิ้มให้ผม “กูไม่ยกไปไหน จัดเซอร์ไพรส์แม่งในนี้ จะได้ขายดอกไม้ต่อไปเลย” ผมพยักหน้าเบา ๆ “ก็ดี” “ฮ่า ๆ มึงโง่แบบนี้ เลิกเป็นพี่กูเถอะ” นี่มันกวนประสาทผมใช่ไหม! “สัส” และคำนี้มันก็ออกมาจนได้ ไอ้นาวินมันไม่รู้สึกรู้สาอะไร มันเอามือกอดอกมองคนงานที่ยกดอกไม้ขึ้นรถ จนอ
ทำไมฉันหงุดหงิดแบบนี้เนี่ย อยู่ ๆ อนันธาราหุ้นก็ตกฮวบฮาบ จนพ่อทีต้องเรียกบอร์ดบริหารเข้าประชุมแต่เช้า อิไทม์ก็ไม่อยู่ ฉันปวดหัวชะมัด ไม่รู้ไปปั๊มลูกปั๊มหลานกับน้ำปั่นถึงไหนแล้ว! “ไม่ต้องเครียด ไม่ได้เป็นเพราะลูกไปภูเก็ต หรอกปลายฟ้า” แม่เมย์เดินอ้อมมานวดไหล่ฉัน ฉันโคตรเครียดบอกตามตรง ฉันไม่เคยทำงานพลาดสักครั้ง ทำไมหุ้นต้องตก หลังฉันกลับจากที่นั่นไม่กี่อาทิตย์ด้วย “มันทยอยตก ช่วงหนูกลับจากภูเก็ตเลยนะคะแม่เมย์” “ไม่เกี่ยวเลย ๆ หุ้นโรงแรมอื่นก็ตก มันอยู่ที่นักท่องเที่ยว อย่าคิดมาก” ฉันพยักหน้าเบา ๆ ไม่คิดก็คงยาก ถ้ามันเป็นเพราะฉัน เข้าไปคุยกับบริษัททัวร์รายนั้นจริง ฉันก็จะเอาไปปรับปรุงตัวเอง เฮ้อ... ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย วันนั้นก็โอเคนี่น่า ฉันพูดอะไรผิดไปวะ ฉันเหนื่อยมากวันนี้ นี่ก็บ่ายสามแล้ว ข้าวปลาก็ยังไม่ได้กิน ป่านนี้คุณหมอศัล เขาคงเข้าเวรอยู่ล่ะมั้ง ให้เขาทำงานเถอะ ฉันไม่อยากโทรกวน พอกลับมาถึงคอนโด ฉันก็อาบน้ำ กินมาม่าที่ห้องตัวเอง รู้สึกเหนื่อย ๆ เพลีย ๆ อยากอยู่คนเดียว และอยากนอนพักสักงีบ
เป็นเมนส์! เป็นเมนส์! ปกติผมจะเฉยมากกับคำนี้ แต่วันนี้ ทำไมผมรู้สึกเจ็บใจ! ที่ผมวุ่นวายจัดเตรียมของทั้งวัน เป็นเพราะไอ้สเตตัสบ้า ๆ นั่น มันทำผมเข้าใจผิดไปหมด! หรือ... ไม่ใช่? ปลายฟ้าปั่นผม เธอต้องร่วมมือกับไอ้นาวิน ซินน์ ไออุ่นแน่! “แผนใช่ไหม” “แผน? ป่าวนะ ไม่มีแผนอะไรเลย” ผมจับข้อมือเธอ ดึงเข้าหาตัวทันที “สารภาพมา ใครเป็นคนต้นคิด” ปลายฟ้ามองตาผมสลับกับมือตัวเอง แล้วส่ายหน้ารัว “ไม่มีเบบี๋ ไม่มี ไม่มีจริง ๆ” “แน่ใจ?” เธอพยักหน้า แล้วกลืนน้ำลายลงคอ จนผมได้ยินเสียงหัวใจเธอ มันเต้นตึก ๆ ตึก ๆ ออกมา พร้อมกับปลายฟ้า ที่เริ่มหลบตาผม “เบบี๋เค้าไม่ได้โกหกนะ คือ... เบบี๋จ้องแบบนี้ เค้าทำตัวไม่ถูก” ผมไม่ตอบ รีบลากเธอเข้าไปในห้องนอน ก่อนจะดันร่างบาง ๆ ที่พยายามแกะมือผมออก นั้นลงบนเตียง ‘ฟุบ’ “เบบี๋! เค้าเป็นเมนส์” ผมขึ้นคร่อมปลายฟ้าไม่ให้เธอลุกไปไหน พร้อมกับจับมือที่ปัดป่ายกดไว้แนบเตียง แล้วค่อย ๆ ก้มลง ไปจ้องตาโต ๆ ที่ไม่กล้าสบตาคู่นั้น “แน่ใจ?”
ผมช็อกหนักกว่าเดิม ถึงขั้นขู่ประจานกันเลยเหรอวะ ลูกสาวก็มี ทำไมทำกันได้ถึงขนาดนี้ “อาจารย์รู้จัก ลูกสาวหมอพวกนั้นไหม” ผมขับรถไปถามอาจารย์ไป เรากำลังมุ่งหน้าไปร้านกาแฟที่ลุงทีนัดไว้เมื่อคราวก่อน “ไม่รู้จัก แต่ผมจำนามสกุลพวกมันได้ทุกคน เรื่องนี้ถ้าลูกเมียพวกมันรู้นะ คงรับไม่ได้แน่” ผมถอนหายใจ แม่งยิ่งนึกตาม ภาพในคลิปยิ่งเข้ามาในหัวผม พอถึงร้านกาแฟ เราก็รีบลงจากรถทันที ก่อนที่จะเข้าไปในร้าน แล้วเห็นพ่อบอสกับลุงทีนั่งรออยู่ “สวัสดีครับ” “นั่ง ๆ” พอผมกับอาจารย์เลื่อนเก้าอี้นั่ง ลุงทีก็เอาศอกค้ำโต๊ะเปิดประเด็นทันที “ตอนนี้วีดีโอกล้องวรจรปิดในฐานข้อมูล พวกมันลบหมดแล้ว โชคดีที่เราแฮกมาทัน” ผมกับอาจารย์ตกใจมาก ถ้ารอบครอบกันขนาดนี้ ผมว่าพวกมันเคยทำมาก่อนแน่นอน “ถ้าเป็นแบบนั้น เราจะให้ตำรวจไปค้นได้ไงครับ? ค้นไปก็ไม่มีคลิปหลักฐานให้สูบ” พ่อบอสเอามือกอดอกถอนหายใจ “เฮ้อ... ฉันว่า ตอนนี้เราไม่ต้องกลัวใครไหวตัวทันแล้วล่ะ มันเล่นสังหารหมู่คนของเราขนาดนั้น แถมยังถ่ายคลิปขู่อีก เราต้อง
“พ่อครับ ผู้หญิงที่ผมคบด้วยเอาแต่ใจมาก ผมจะเลิกแล้วล่ะ ปวดหัว” ผมหันมองลูกชายที่นั่งเบาะข้างแวบนึง ลูกชายอายุสิบสี่ จะมีแฟนก็ไม่แปลก แต่ที่แปลกคือเปลี่ยนบ่อยเหลือเกิน แล้วแต่ละคนที่เลิกก็จะมาปรึกษาผมแบบนี้ กับแม่เขาไม่ปรึกษาหรอก เพราะปลายฟ้าจะบอกแค่ว่าให้ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ คุย แต่ผมไม่... “อืม ก็เลิกสิ ถ้าปวดหัวก็เลิก อย่าให้กระทบการเรียน” ลูกชายเม้มปากแล้วพยักหน้าอย่างมั่นใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ไอโฟนรุ่นใหม่ออกมาจากกระเป๋ากางเกงนักเรียน ลูกไฮโซออกรุ่นไหนก็จัดรุ่นนั้น ฝีมือแม่เขา นั่นแหละ ชอบสอนให้ลูกฟุ่มเฟือย ซึ่งผมเตือนแล้วเตือนอีกเพราะอดห่วงตอนส่งไปเรียนอังกฤษไม่ได้ ถ้าลูกใช้เงินไม่คิดแบบนี้ ผมกับเมียได้กินแกลบกินเกลือแน่ “พี่ณเพชรจะเลิกกับผู้หญิงอีกแล้วอ่ะ ณพิม มาดูเร็ว ๆ” สองแสบรีบเกาะเบาะ ยื่นหน้ามาดูจอโทรศัพท์กับพี่ชาย แต่ณเพชรรีบเก็บใส่กระเป๋าไว้แล้วเบือนหน้าหนี “เอ้า ทำไมเก็บแล้วล่ะคะ ปรึกษาได้นะ ณพิมก็ผู้หญิง” ณพิมยังใจจดใจจ่ออยากดูโทรศัพท์ แต่ณพลอยเธอมีเป้าหมายใหม่ ลุกขึ้นเกาะเบาะผม ก่อนจะยื่นแขนเล็ก ๆ ขอ
สิบปีผ่านไป... “ณภัทร ณเพชร กลับได้แล้ว” ไม่อยากจะเชื่อ ตอนนี้ฉันเป็นยายแก่ที่ยืนโบกไม้โบกมือหน้าโรงเรียนมัธยม ฉันมารอรับลูกกับหลานทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เว้นแต่หลานสาว ที่หมอนาวาพ่อพวกเธอเป็นคนไปรับเอง เพราะณพลอย ณพิมเรียนโรงเรียนประถมที่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลมาก ก็พ่อเจ้าหล่อนเล่นหวงขนาดนั้น ฉันบอกให้ย้ายโรงเรียนมาเรียนกับปลายฝนก็ไม่ยอม! หมอนาวาไม่อยากคาดสายตาไปไหน เขาทำงานที่โรงพยาบาลใกล้ ๆ ว่างเขาก็แว๊บไปดูลูกได้ตลอด ส่วนณเพชรรายนั้นไม่น่าห่วงแล้ว เพราะเขาโตเป็นหนุ่มอายุสิบสี่เรียนโรงเรียนเดียวกับน้า แหงล่ะอะไรก็น้า ๆ เขาน่ะตัวติดน้าอย่างกับอะไร เด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน แถมหน้าตาก็ไม่ไกลกันมาก บางทีฉันก็แก่จนเรียกผิดเรียกถูก ไม่รู้คนไหนลูกคนไหนหลาน ยิ่งทั้งสองกำลังเข้าสู่วัยรุ่น วัยกำลังโตที่นั่งเล่นเกมส์ เหล่หญิง และอ่านหนังสือกัน เรื่องอ่านหนังสือต้องยอมรับลูกชายฉันณภัทร เขาสอนหลานได้ดีมาก เขาติวหนังสือให้กันจนติดท็อปโรงเรียนทั้งคู่ ผิดกับปลายฝนลูกสาวบุญธรรม รายนั้นเธอชอบวาดรูปชอบศิลปะ ทุกครั้งที่หนุ่ม ๆ ทวนวิชา
สรุปแม่ฉันก็ได้เด็กคนนั้นมาเลี้ยง ใช่ค่ะเธอน่ารักจริง ๆ เรียบร้อยมาก ณภัทรก็ดูรักมาก กลับจากโรงเรียนก็หอม ตื่นเช้าจะไปโรงเรียนก็หอม ฉันพาสองสาวไปเลี้ยงที่นั่นบ่อย เห็นแทบทุกช็อตทุกตอน และเห็นอีก ว่าแม่แทบไม่ต้องเลี้ยงเจ้าหนูคนนั้น เธอเหมือนเด็กที่สงบเสงี่ยมเจียมตัว เอาแต่มองหน้าทุกคนแล้วยิ้ม เจ็บปวดอะไรก็ต้องเจ็บปวดจริง ๆ ถึงจะร้องแอ๊ะออกมา แค่ร้องแอ๊ะนะ เรื่องร้องงอแง แม่บอกว่านอกจากวันแรกที่เห็นที่โรงพยาบาล แม่ก็ไม่ได้เห็นอีกเลย “ปลายฝนไม่ร้องแบบนี้ แม่รู้ได้ไงคะว่าน้องหิว?” “กะเวลาเอาสิ ปลายฝนจะหิวและทำอะไรตามเวลาเป๊ะ ๆ แล้วสองสาวล่ะ อยู่กับลูกที่บ้านดื้อไหม?” “ไม่ดื้อค่ะ จะว่าไปตอนนี้หนูเริ่มชินแล้ว หน้าที่แม่ยิ่งใหญ่จริง ๆ แบบว่า เหนื่อยจนชินค่ะ” แม่ขำเบา ๆ พร้อมกับเขย่าขวดนมเตรียมป้อนปลายฝน ก่อนที่ฉันจะอุ้มณพลอยเข้าเต้าอีกคน และนั่งมองน้องไปด้วย ปลายฝนเป็นเด็กที่ไม่เหมือนเด็ก แววตาเธอเหมือนผู้ใหญ่ที่เฝ้าสังเกตและสำรวจตลอดเวลา ฉันไม่อยากเชื่อ ว่าเด็กเดือนกว่า ๆ จะรู้เรื่องและทำอะไรทุกอย่างเป
คุณน้ำหวานยิ้มให้ฉัน เหมือนเป็นรอยยิ้มแห่งความหวัง เราเป็นแม่คนและมีหลานเหมือน ๆ กัน เราดูกันออก แล้วคุณน้ำหวานก็พาฉันไปที่ห้องเด็กอ่อนทันที ที่ตอนนี้ในห้อง มีตำรวจสองสามคนยืนคุยกับกุมารแพทย์ “เรื่องถึงไหนแล้วคะ?” คุณน้ำหวานถามทันทีเมื่อเดินไปถึง ฉันจึงค่อย ๆ เดินอ้อมไปดูเด็กผู้หญิงคนนั้นที่เตียงเด็ก ตายแล้ว เหมือนที่คุณน้ำหวานพูดเลย เธอน่ารักจิ้มลิ้มจริง ๆ ตอนเธอร้องไห้ฉันรู้สึกเศร้าใจตาม อยากจะอุ้มขึ้นมาโอ๋มาก ‘อุแว้~ อุแว้~’ มีรอยมดกัดเต็มแก้ม น่าสงสารจริง ๆ ทำไมถึงทิ้งได้ลง ลูกทั้งคนนะ “ดูจากกล้องวงจรปิด มีคนอุ้มเด็กมาทิ้งราว ๆ เจ็ดโมงเช้าครับ ลักษณะรูปร่างคล้ายผู้หญิง เธอสวมหมวกบัตเก็ตกับมาสก์ปิดปาก และเธอเอียงตัวหลบเหมือนรู้จักมุมกล้องเป็นอย่างดี” คุณน้ำหวานพยักหน้ารับ พลางก้มมองเจ้าตัวเล็กที่ร้องงอแงไปด้วย “เห็นป้ายทะเบียนรถไหมคะ?” “ไม่เห็นครับ เพราะเธอเดินมา และเธอก็เดินเท้าเปล่าด้วย” แล้วฉันกับคุณน้ำหวาน ก็หันไปถามพร้อมกัน “เท้าเปล่า?” จริงอยู
“ณพิม เหมือนอ้วนตอนเด็ก ๆ” คุณหมอเขามองหน้าณพิมสลับกับฉัน ดูสายตาเขาสิ มันเป็นประกายมาก ถ้าถอดมาสก์ปิดปากออก ฉันคงได้เห็นรอยยิ้มกว้าง ๆ ของเขา “แต่ณพลอยเหมือนเบบี๋นะ เค้าอยากให้ลูกมีลักยิ้มเหมือนเบบี๋จัง” “ไม่แน่ณพลอยอาจจะมี ใช่ไหมครับ ลูกสาวพ่อ” ละมุนจริง ๆ เลยกับลูกสาวเนี่ย “จ้า ลูกสาวหมอนาวา” ฉันล้อเขาเสียงอ่อน เพราะตอนนี้รู้สึกเพลียมาก ก่อนที่พยาบาลเธอจะช่วยอุ้มสอง ณ มาถ่ายรูปครอบครัวกัน วิสัญญีแพทย์ก็จะพูดอะไรสักอย่าง จนฉันเผลอหลับไป “ณเพชรอย่าเสียงดังนะลูก แม่หลับอยู่” เสียงสามีฉันนี่น่า โอ้ย... รู้สึกตึง ๆ ท้องจัง “ปะป๊าณเพชรอยากนอนกับแม่ น้องออกมารึยังครับ?” “น้องอยู่ที่ห้องเด็กอ่อนแล้วครับ เช้า ๆ เดี๋ยวพ่อจะพาไปหาน้องนะ ตอนนี้ณเพชรต้องนอนลูก” “ปะป๊า ณเพชรอยากไปตอนนี้เลยครับ” “รอครับ ณเพชรต้องรู้จักรอ ตอนนี้ตีสี่นะ รบกวนคนอื่นเขา” แล้วเสียงเล็ก ๆ ของลูกชายก็เงียบไป ถ้าให้ฉันเดา ตอนนี้เขาคงเดินกอดผ้าทำหน้าบึ้งใส่พ่ออยู่ โถลูก... แม่ไม่ไหวจริง ๆ
ณเพชรปราบพ่อนาวาอยู่หมัด หลังจากวันนั้น ความบันเทิงก็เกิดขึ้นนับไม่ถ้วน เมื่อฉันต้องเข้าแอ็ดมิทที่โรงพยาบาลเพื่อรอคลอด แน่นอนพ่อนาวาต้องเลี้ยงณเพชรมากกว่าเดิม หนำซ้ำบางวันมีณภัทรมาด้วย รายนั้นเขาไม่เถียงพี่เขยหรอก แต่ณเพชรนี่สิ สายกวนประสาทพ่อ “ปะป๊า วันก่อนณเพชรเอาเรื่องปะป๊าไปถามคุณครู คุณครูบอกว่า... “ “อะไรนะณเพชร?” “ครับ ปะป๊าไม่อธิบายเรื่องช้างน้อย ณเพชรเลยถามคุณครูครับ” คุณหมอนาวาทรุดนั่งข้าง ๆ ลูกชาย ก่อนจะชันเข่าขึ้นมากอดไว้ “ชีวิตกูเนี่ยนะ” “ชีวิตปะป๊าทำไมครับ ช้างน้อยปะป๊าโกรธณเพชรเหรอ?” เขาเงยหน้าขึ้น มองฉันขอความช่วยเหลือ เพราะคำว่าช้างน้อย ฉันสอนณเพชรพูดเองล่ะ เอ่อ ของพ่อไม่มีคำว่า ‘น้อย’ นะลูก ช้างเลยล่ะ! “ถ้าณเพชรไม่ลืมเรื่องนี้ พ่อนี่แหละจะโกรธ” ณเพชรเงียบ และหันไปหาณภัทร จนน้าเขาชี้นิ้วไปจิ้มอกหลานเบา ๆ “ฟังน้า อย่าทำให้พ่อโกรธเข้าใจไหม เดี๋ยวโตขึ้นพ่อไม่ให้ตังค์ไปโรงเรียน” สอนหลานน่ารักเชี
เรื่องดุลูก ปากคุณหมอศัลนี่ไวจริง ๆ ฉันต้องอุ้มณเพชรไปห่าง ๆ เขา จนลูกหลับถึงได้กลับมาขึ้นเตียงนอนเหมือนเดิม ณเพชรเป็นแบบนี้จนถึงสามขวบ เป็นลูกชายที่ติดแม่เหมือนนาวีลูกซินน์ และฉันไม่สามารถที่จะโอ๋ประคบประหงมเขาได้เหมือนแต่ก่อน เพราะตอนนี้ฉันก็ท้องจวนคลอดแล้ว ใช่ค่ะ กว่าจะท้องแฝดได้ ฉันกับคุณหมอศัลเราปั๊มกันนานเหลือเกิน แต่เราภูมิใจนะ ที่ท้องแฝดและได้ผู้หญิงเหมือนที่ตั้งใจ ลูกสาวสองคนห่างจากพี่ชายสามปี พอดิบพอดีที่จะเป็นเพื่อนกับลูกสาวไออุ่น นึกไม่ถึงล่ะสิ! ไออุ่นท้องแล้ว ฮ่า ๆ ฉัน น้ำปั่น ซินน์ รู้ข่าวปุ๊บ ก็นัดกันไปขำใส่หน้ามันปั๊บ! เพราะน้ำปั่นโอมเพี้ยง ๆ ใส่ท้องมันทุกครั้งที่เจอกัน ตอนนี้มันท้องได้สี่เดือนแล้ว แถมได้ลูกสาวด้วย มันหงุดหงิดเวียร์หนักมาก นั่งยันนอนยันว่าคลอดคนนี้จะทำหมันเหมือนซินน์ อย่าว่าแต่ไออุ่นเลยฉันก็จะทำหมันเหมือนกัน เพราะณเพชรไม่ได้เลี้ยงง่ายเหมือนเดิม ยิ่งพูดได้ยิ่งแสบ รู้ทุกเรื่อง! ยิ่งกับณภัทรน้าเขา คือเข้าขากันดีมาก แต่โชคดีที่ณเพชรเขาไม่เถียงฉัน เขาเถียงพ่อแทน! เถียงเหมือนที่คุณหมอ
คุณหมอศัลดูช็อกนิด ๆ แต่ก็ไม่พูดอะไร จนเขาเปิดประตูห้องออกไป ฉันถึงพาลูกกลับไปนอนที่เตียงเด็กและรีบอาบน้ำ แต่งหน้าแต่งตัวเรียบร้อยก็พอดิบพอดีที่ลูกตื่น อาจจะช้าไปบ้าง เพราะฉันต้องสุ่มเดินไปดูว่าณเพชรตื่นรึยังเพราะเขาตื่นมา เขาจะมองเพดานเงียบ ๆ ไม่ส่งเสียงร้องอะไร พอเขาตื่นฉันก็อาบน้ำแต่งตัวให้ เรื่องอาหารเด็กอ่อน ให้เขาไปกินที่บ้านกับน้าณภัทรแล้วกัน ฉันไม่ว่างทำ ถึงลูกจะเลี้ยงง่ายแต่ไม่ใช่ฉันไม่เหนื่อย เหนื่อยมาก! ฉันเป็นคุณแม่ยังสาวที่หุ่นดีจนผู้ชายมองเหลียวหลัง จะบอกอะไรให้ แต่ก่อนหุ่นฉันเฉย ๆ มาก! รูปทรงก็ไม่ค่อยชัดและได้สัดส่วน แต่หลังจากคลอดลูกเท่านั้นแหละ คนละคนกันเลยนมตูดมาเต็ม! ซึ่งฉันชอบมาก... สามีก็ชอบ จัดการลูกเรียบร้อยฉันก็ขับรถออกจากคอนโด เราสองแม่ลูกแวะซุปเปอร์กันนิดหน่อย ฉันซื้อแครอท ซื้อบรอกโคลี ณเพชรเขาไม่ดื้อนะ เขาแค่มองตามมือฉันว่าฉันหยิบจับอะไร บ้างก็อยากจับด้วยเพราะสงสัย เป็นแบบนี้จนฉันซื้อของเสร็จ พอถึงบ้านฉันก็เอาผักทุกอย่างไปล้างให้เขานั่งเล่นที่พื้น สีส้มของแครอทสีชัดเจน บรอกโคลีก็เขียว
ฉันยกมือบีบแขนคุณหมอศัลเบา ๆ บีบจนเขาเงยหน้าที่ซุกตามซอกคอ ขึ้นมาจุมพิตที่ริมฝีปากฉัน “ขอแฝดหญิงนะคะที่รัก” “ครับ” รับปากฉันเสร็จเขาก็ก้มลงประทับริมฝีปากบบาง ก่อนจะเลื่อนมือที่จับตรงหัวไหล่ ลงมาดึงสายชุดนอน ชุดนอนสายเดี่ยวถูกเขาเกี่ยวสาย ถอดออกอย่างง่ายดาย ฉันตั้งใจใส่เพื่อจะให้นมลูกง่าย ๆ แต่ไม่คิดว่ามันจะง่ายถึงขนาดปลดได้แค่ปลายนิ้วแบบนี้ เมื่อสองเต้าที่เปลือยเปล่าประจันหน้าเขา ริมฝีปากที่พรมจูบเบา ๆ ก็ไล่ลงไปหามัน เขาส่งแค่ปลายลิ้นอุ่น ๆ ตวัดวนเท่านั้น สลับกับมือใหญ่ ที่ลูบคลำตามฐานเต้าเบา ๆ “อื้ม~” ไม่นานฉันก็ถูกถอดพันธการช่วงล่างอย่างรวดเร็ว ตามด้วยมือใหญ่ที่ใช้ปลายนิ้ว ถูตามแยกสวาทฉัน เขาเริ่มกดนิ้วกลางลงเบา ๆ เพื่อกระตุ้นน้ำสวาท บ้างก็พยายามดันมันเข้าไป และถูรอบ ๆ แบบนั้น แต่ทุกอย่างถูกกระทำอย่างเบามือ “อ่ะ อื้ม~ เสียวจัง” ฉันเริ่มบีบไหล่ ที่ขยับต่ำลงไปเรื่อย ๆ ตามหว่างขา โดยที่นิ้วยาวเขายังละเลงเล่นตุ่มกระสันช้า ๆ อยู่แบบนั้น เมื่อริมฝีปากไล่ลงไปถึงยอดที่เขาโปรดปราน เขาก็ลงลิ้นทักทายมันทั