‘ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก’ นอกจากเสียงถอนหายใจพ่อกับแม่ ก็มีเสียงนาฬิกาติดผนังนี่ล่ะที่ดังอยู่ “จะทำแบบนี้จริง ๆ เหรอ เจ้าปลาย” ฉันอมยิ้มแล้วพลิกหน้าจอโทรศัพท์ที่คว่ำขึ้นมาดู ‘ครืน ครืน~’ นั่นไงโทรมาอีกแล้ว “ค่ะ หนูอยากจบความสัมพันธ์ลับ ๆ นี้สักที” “ความสัมพันธ์ลับ ๆ คืออะไร?” แม่ขมวดคิ้วสงสัย ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ ๆ ฉัน “ก็ช่วงที่หนูคบกับเขาแรก ๆ หนูไม่อยากให้เรื่องถึงหูแม่ เลยตกลงกับเขา ว่าเราจะอยู่กันแบบนี้ คบกันเงียบ ๆ ไม่บอกใคร ไม่มีสถานะให้เป็นทุกข์ เวลาจะจากกัน” แม่ถอนหายใจ แล้วจับมือฉัน “ที่ลูกคิด ว่าจะมีวันจากกัน วันนั้น คือวันที่แม่รู้ใช่ไหม?” พ่อนั่งลงตรงข้าม แล้วมองฉันกับแม่สลับกัน “ค่ะ และมันจะมีวันที่เขาจากหนูไปเหมือนกัน ใช่ไหมคะพ่อ” แม่หันไปมองพ่อทันที “คุณมาเกี่ยวเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?” “ลูกศิษย์ผม กับลูกสาวผม ผมรู้ทุกเรื่องอยู่แล้วบีม” พ่อยิ้มให้แม่จนตาหยี แต่แม่กลับแยกเขี้ยวใส่พร้อมไฟท์เต็มที่
เหมือนไออุ่น มันจะมองหาฉันเหมือนกัน จนมันเห็นฉันที่ยืนโบกมืออย่างกับนางงาม แล้วขยิบตาให้ ไม่สนิทหลบไป หลบไป! ช่อดอกไม้ต้องเป็นของช้านนน! ‘ฟิ้ว~’ ‘ฟุบ’ เฮ้ย! ทำไมมันโยนแรงแบบนี้เนี่ย! ดอกไม้ของไออุ่นมันข้ามทุกคน ข้ามฉัน ข้ามไปนู่น! ข้ามไปตกด้านหลัง! แต่โชคดีเหลือเกิน! มันใกล้ฉันที่สุด! น้ำปั่นเห็นแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที ก่อนที่มันจะชี้ และตะโกนบอกฉันเสียงดัง “ปลายฟ้า วิ่ง!” ฉันหันควับไปมองคู่แข่งที่กำลังก้าวยาว ๆ มาจากด้านหลัง ก่อนที่จะลุกลี้ลุกลนวิ่งไปหยิบช่อดอกไม้ช่อนั้น ขึ้นมาชูอย่างภูมิใจ “เย้ ๆ” เสียงปรบมือดังขึ้นลั่นห้อง ขอบคุณจริง ๆ ในที่สุดฉันก็ทำได้! จนฉันเดินกอดช่อดอกไม้ แล้วเดินยิ้มไปขึ้นเวที ว้าว... พิธีกรขาวจัง พิธีกร: นี่คือ... โสดเหรอครับ? ไออุ่นหันควับมองพิธีกรทันที เมื่อเขาถามออกไมค์ไปแบบนั้น จนมีคนส่งไมค์ให้ฉันตอบ ฉัน: เอ่อ... ก็ จะเล่นแบบนี้ดีไหมกู แต่... ทุกคนนั่งมองฉันรอคำตอบมาก คุณหมอศัลเขาก็ด้วย เข
“ยังไงมึง กับพี่กูยังไง” น้ำปั่นยืนกอดอกมองฉัน ที่กำลังรีบก้มหน้าก้มตาเช็ดปากตัวเอง “ไม่ไง... คือ” ฉันอ้ำอึ้งอยู่นาน จนหมอศัลเขาเริ่มถอนหายใจรำคาญ ก่อนจะเดินออกไป มองหน้าเพื่อน ๆ ฉัน ทีละคน ทีละคน “เราคบกัน” เดี๋ยว บอกเลยเหรอ? พวกผู้ชายยืนนิ่ง แต่เพื่อน ๆ ฉันยกมือทาบอกตกใจมาก แถมพวกมัน ยังมองนาวาสลับกับฉันไม่หยุด จนไอ้ซินน์มองฉันยิ้ม ๆ พร้อมกับยื่นทิชชูมาให้ “ถ้าไม่เห็นกับตา คงไม่บอกใช่ป่ะ” “คือ กูยังไม่พร้อม และอีกอย่าง” ฉันพยายามอธิบาย ไม่อยากให้เพื่อน ๆ ฉันน้อยใจ ว่าทำไมฉันเก็บเงียบไม่บอกใครแบบนี้ เพราะสิ่งฉันกลัวมาก ก็คือ ฉันกลัวพวกมันจะหาว่าฉัน เห็นพวกมันเป็นคนอื่น แล้วน้ำปั่น ก็เดินเข้ามาใกล้ ๆ ฉัน ก่อนจะจับมือฉันขึ้นมา “พอเถอะ มึงไม่ต้องอธิบายอะไรหรอก มึงคงไม่พร้อมบอกจริง ๆ เข้าใจมึงนะ แต่มีอะไรไม่สบายใจปรึกษาพวกกูได้ ถ้ามึงไม่พูด พวกกูไม่รู้นะ เพราะมึงเก็บความรู้สึกเก่งมาก เฮ้อ... พวกกูอยากอยู่ข้าง ๆ มึงนะปลายฟ้า ไว้มึงพร้อมเมื่อไหร่ค่อยเล่าก็ได้ ไปส่งไออุ่นเข้าหอกัน เรื่อง
เขาเดินมากระชากแขนฉันทันที จนฉันที่นั่งอยู่บนเตียง เสียหลัก เซเข้าไปชนแผงอกเขาจัง ๆ “ฉันจะตีให้ตาย ถ้ายังพูดไม่คิดแบบนี้อีก” “ใช้อารมณ์ตลอด” “พูดไม่คิดตลอด จะให้ได้ดั่งใจทุกอย่างเลยใช่ไหม” “ถ้าไม่เอา จะมาลวนลามทำไม เท่าไหร่ว่ามา กี่บาทก็จ่าย” มือใหญ่ ๆ ของคุณหมอศัล บีบแก้มฉันทันที ก่อนที่เขา จะก้มลงมาใกล้ ๆ หน้าฉัน “ชั่วโมงละล้านเป็นไง เอาทุนซื้อคอนโดนี้คืน” ฉันกลืนน้ำลายลงคอ ดังอึก มองเขาที่จ้องฉัน ราวกับอยากจะบีบแก้มที่จับ ให้แตกคามือ จนฉันพยายามแกะมือเขาออกไป “รับบัตรเครดิตไหมล่ะ?” พอฉันถามจบ เขาก็ปล่อยมือลง ก่อนจะปลดเข็มขัดตัวเอง แล้วโยนมันลงพื้นทันที “อยากมากเลยรึไง” ถามไปจ้องตาฉันไป แถมมือใหญ่ ๆ ก็ปลดกระดุมกางเกงตัวเองไปด้วย ‘อึก...’ แค่มองมือขาว ๆ ที่มีเส้นเลือดปูดขึ้นบาง ๆ มันก็ทำฉันคอแห้งผาด อยากจะกินอะไรบางอย่างที่ซ่อนข้างในนั้น ถอดสักทีสิ ซิปนั้น รูดลงเลย ไม่ไหว ฉันหื่นมาก ถ้าเขาจะน่ากินทุกอริยาบทแบบนี้ ขืนปล่อยให้หลุดมือกลับบ
มาถึงรถฉันก็รีบขึ้น สตาร์ทอย่างไว ก่อนที่ฉันจะเอื้อมมือไปเข้าเกียร์ ก็มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นมาก่อน ‘ตึ้ง ตึ้ง~’ ไลน์กลุ่ม? NamPun: ปลายฟ้ามึงว่างป่าว? NamPun: ไปหาอะไรกินกัน ฉลองไออุ่น แต่งงาน นั่นไง! น้ำปั่นมันอยากรู้เรื่องฉันแน่นอน ตอนนี้ฉันไม่ว่างโว้ย เดี๋ยวก่อนได้ไหม ฉันอยากไปส่องคุณหมอศัลให้แน่ใจก่อน Zinn: เช้าไป... ง่วง ดีมากซินน์ ดีมาก! NamPun: ซินน์มึงอยู่ไหน เดี๋ยวกูไปรับ บ้านกูใช่ไหม มึงจะบังคับเพื่อน ให้ได้เลยสินะ Zinn: อืม อีกสองชั่วโมงได้ไหม ง่วงอ่ะ ไม่ต้องมารับ เดี๋ยวให้สามีไปส่ง กินที่ไหน อะไร ยังไง? และน้ำปั่นก็ส่งสติกเกอร์มารัว ๆ เหมือนเร่งให้ทุกคนตอบมันตอนนี้ เดี๋ยวนี้ เฮ้อ... ฉันไปไหนไม่ได้แล้วล่ะ ปิดเพื่อนมาตั้งนาน รู้สึกกับพวกมันมาก ฉัน: ก็ได้ NamPun: อยู่ไหนอ่ะปลายฟ้า อยู่กับพี่กูป่าว กิกิ เมื่อวานกูอุตส่าห์ชม วันนี้แซวกูแล้ว! ฉัน: ป่าว ไออุ่นไปไหน ตื่นยัง
‘มึงอย่าตามใจแฟนมาก เดี๋ยวจะกู่ไม่กลับ’ ผมนั่งนึกถึงตอนนั้น ตอนที่ไอ้นาวินมันบีบไหล่ผมเตือนสติ บอกตามตรง ผมกังวลเรื่องขอปลายฟ้าเป็นแฟนมาก ใจจริงผมอยากจะขอบนเตียงให้มันจบ ๆ งนั่นล่ะ เพราะเห็นเธอชอบนัก แต่เพื่อนผมมันดันบอกว่า ‘มึงจะขอเป็นแฟนทั้งที ต้องเซอร์ไพรส์อลังการนะเว้ย’ เวรเถอะ สำหรับผม มันยากกว่าสอบเข้าหมออีกมั้ง แถมช่วงนี้ผมต้องจับตาดูคนแก่ตัณหากลับ สามคนนั้น เพราะต้องทยอยส่งผู้หญิงเข้าไปทีละคน ทีละคน และเว้นวันให้ถูกจังหวะ ไม่งั้นจะถูกสงสัยเอา ส่วนเรื่องไอ้นาวินเตือนผม อย่าตามใจแฟนมากเนี่ย มันบอกผมอีกว่า ‘คบแรก ๆ มึงอย่าตามใจมาก พอตามใจหนัก ๆ หลัง ๆ จะแย้งอะไร เขาจะหาว่ามึงไม่เหมือนเดิม หาว่ารักเขาน้อยลงบ้างล่ะ เปลี่ยนไปบ้างล่ะ กูเจอมาหมดแล้ว!’ ครับ ผมเชื่อไอ้นาวิน เชื่อสนิทเลย มันไม่เคยขัดใจเมียเลยสักครั้ง คิดจะขัดอะไร สุดท้ายมันก็ต้องยอมทุกอย่าง ซึ่งผมจะไม่เป็นแบบนั้นแน่นอน! เสียระบบ! งานผมก็ยิ่งเยอะ บางครั้งเคสด่วนเข้ามา ผมไม่อยากมานั่งเหนื่อยกับปัญหาครอบครัวอีก และที่ผมทำไป
KAI: ผมพยายามไม่ยุ่งกับใคร อยากจริงจังกับเพื่อนเจ๊คนเดียว แต่เขาไม่เลือกผมว่ะ หรือเพราะผมไม่มีเวลา ผมบินบ่อยไป? ฉันนั่งอ่านไลน์ไคล์ ที่พร่ำเพ้อบ่นไม่หยุด เขาโทษตัวเองที่ไม่มีเวลาเดินหน้ากับน้ำปั่นทั้งในสาย ทั้งในไลน์ ฉันน่ะเข้าใจไคล์นะเรื่องบินบ่อย เพราะต้นไม้ก็ยังไม่มีเวลาหาแฟนเหมือนกัน บางทีฉันอาจจะเห็นน้องชายตัวเองขึ้นคานก็ได้ ส่วนไคล์ฉันรู้ว่ายังไง ๆ ใบไม้ก็รอเคลมอยู่แล้ว ฉัน: ไม่เกี่ยว เดทกันไม่กี่ครั้งเอง อย่าคิดมากเลย หาใหม่ คนใกล้ ๆ ตัวก็มี ^^ KAI: เจ๊ไม่รู้จัก คำว่ารักแรกพบเหรอ? น้ำเน่า! ฉัน: ไม่รู้ เลิกพูดถึงน้ำปั่นได้แล้ว เออ ช่วงนี้เจอใบไม้บ้างรึป่าว? KAI: ทำไมผมต้องเจออ่ะ ใบไม้เอ้ย งานยากแล้วแก! ดูเหมือนไคล์... เขาจะไม่สนใจอะไรแกเลยนะ ฉัน: เห็นมันโสดเหมือนกัน ทำไมไม่ชวนไปสังสรรค์บ้าง จะได้แลกเปลี่ยนความคิดกันไง KAI: ไม่ดีกว่า ผมกลัวเมาแล้วได้กันเอง ได้กันเองคือ... ได้แบบนั้น หรือคบกัน? ยังไง ๆ ฉัน: ยังไง? ไม่เ
“ตะ แต่ง!” ผมตกใจเหมือนกัน ที่ปลายฟ้าตอบตกลงปุ๊บปับเสียงดังขนาดนั้น จนเธอเข้ามากอดผมแน่น แล้วกระโดดหอมแก้มผมอีกซ้ายขวา สติผม ถึงกลับมาเป็นเหมือนเดิม ‘ฟอด ฟอด~’ “สอบเสร็จเมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกที แหวนที่ให้ไว้ ถือว่าจองแล้วนะ” ปลายฟ้าพยักหน้ารัวที่อกผม ทำไมมันเปียก ๆ ล่ะเนี่ย อย่าบอกนะ! ว่าเธอกำลังร้องไห้ “ถึงไม่ใช่การขอแต่งงาน แต่ได้ยินแล้ว ดีใจจัง” ผมลูบหัวเธอเบา ๆ แล้วสวมกอดเธอกลับ จนอยู่ ๆ แม่ยายผม ท่านเดินออกมาจากประตูข้างบ้าน พร้อมกับตะหลิวในมือ “เจ้าปลาย!” ผมกับปลายฟ้ารีบผละออกจากกันทันที ก่อนที่เธอจะรีบเช็ดน้ำตา ที่เปียกตามแก้มออกลวก ๆ “คะ คะแม่ มีอะไรคะ?” “กอดกันหน้าบ้านแบบนี้ไม่ได้! เดี๋ยวชาวบ้านเห็น ก็เอาไปนินทาหรอก!” ปลายฟ้าก้มหน้าลง แล้วเขี่ยนิ้วตัวเองไปมา “ค่ะ ขอโทษค่ะอารมณ์มันพาไป” แม่ยายมองค้อนเราพักใหญ่ ก่อนจะถอนหายใจยาว ๆ แล้วหันหลังกลับเข้าบ้าน แต่ทว่า กลับมีรถเบนซ์ของอาจารย์ ขับเข้ามาจอดก่อน “นั่น! พ่อมาแล้วค่ะแม่” แม่ย
“พ่อครับ ผู้หญิงที่ผมคบด้วยเอาแต่ใจมาก ผมจะเลิกแล้วล่ะ ปวดหัว” ผมหันมองลูกชายที่นั่งเบาะข้างแวบนึง ลูกชายอายุสิบสี่ จะมีแฟนก็ไม่แปลก แต่ที่แปลกคือเปลี่ยนบ่อยเหลือเกิน แล้วแต่ละคนที่เลิกก็จะมาปรึกษาผมแบบนี้ กับแม่เขาไม่ปรึกษาหรอก เพราะปลายฟ้าจะบอกแค่ว่าให้ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ คุย แต่ผมไม่... “อืม ก็เลิกสิ ถ้าปวดหัวก็เลิก อย่าให้กระทบการเรียน” ลูกชายเม้มปากแล้วพยักหน้าอย่างมั่นใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ไอโฟนรุ่นใหม่ออกมาจากกระเป๋ากางเกงนักเรียน ลูกไฮโซออกรุ่นไหนก็จัดรุ่นนั้น ฝีมือแม่เขา นั่นแหละ ชอบสอนให้ลูกฟุ่มเฟือย ซึ่งผมเตือนแล้วเตือนอีกเพราะอดห่วงตอนส่งไปเรียนอังกฤษไม่ได้ ถ้าลูกใช้เงินไม่คิดแบบนี้ ผมกับเมียได้กินแกลบกินเกลือแน่ “พี่ณเพชรจะเลิกกับผู้หญิงอีกแล้วอ่ะ ณพิม มาดูเร็ว ๆ” สองแสบรีบเกาะเบาะ ยื่นหน้ามาดูจอโทรศัพท์กับพี่ชาย แต่ณเพชรรีบเก็บใส่กระเป๋าไว้แล้วเบือนหน้าหนี “เอ้า ทำไมเก็บแล้วล่ะคะ ปรึกษาได้นะ ณพิมก็ผู้หญิง” ณพิมยังใจจดใจจ่ออยากดูโทรศัพท์ แต่ณพลอยเธอมีเป้าหมายใหม่ ลุกขึ้นเกาะเบาะผม ก่อนจะยื่นแขนเล็ก ๆ ขอ
สิบปีผ่านไป... “ณภัทร ณเพชร กลับได้แล้ว” ไม่อยากจะเชื่อ ตอนนี้ฉันเป็นยายแก่ที่ยืนโบกไม้โบกมือหน้าโรงเรียนมัธยม ฉันมารอรับลูกกับหลานทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เว้นแต่หลานสาว ที่หมอนาวาพ่อพวกเธอเป็นคนไปรับเอง เพราะณพลอย ณพิมเรียนโรงเรียนประถมที่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลมาก ก็พ่อเจ้าหล่อนเล่นหวงขนาดนั้น ฉันบอกให้ย้ายโรงเรียนมาเรียนกับปลายฝนก็ไม่ยอม! หมอนาวาไม่อยากคาดสายตาไปไหน เขาทำงานที่โรงพยาบาลใกล้ ๆ ว่างเขาก็แว๊บไปดูลูกได้ตลอด ส่วนณเพชรรายนั้นไม่น่าห่วงแล้ว เพราะเขาโตเป็นหนุ่มอายุสิบสี่เรียนโรงเรียนเดียวกับน้า แหงล่ะอะไรก็น้า ๆ เขาน่ะตัวติดน้าอย่างกับอะไร เด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน แถมหน้าตาก็ไม่ไกลกันมาก บางทีฉันก็แก่จนเรียกผิดเรียกถูก ไม่รู้คนไหนลูกคนไหนหลาน ยิ่งทั้งสองกำลังเข้าสู่วัยรุ่น วัยกำลังโตที่นั่งเล่นเกมส์ เหล่หญิง และอ่านหนังสือกัน เรื่องอ่านหนังสือต้องยอมรับลูกชายฉันณภัทร เขาสอนหลานได้ดีมาก เขาติวหนังสือให้กันจนติดท็อปโรงเรียนทั้งคู่ ผิดกับปลายฝนลูกสาวบุญธรรม รายนั้นเธอชอบวาดรูปชอบศิลปะ ทุกครั้งที่หนุ่ม ๆ ทวนวิชา
สรุปแม่ฉันก็ได้เด็กคนนั้นมาเลี้ยง ใช่ค่ะเธอน่ารักจริง ๆ เรียบร้อยมาก ณภัทรก็ดูรักมาก กลับจากโรงเรียนก็หอม ตื่นเช้าจะไปโรงเรียนก็หอม ฉันพาสองสาวไปเลี้ยงที่นั่นบ่อย เห็นแทบทุกช็อตทุกตอน และเห็นอีก ว่าแม่แทบไม่ต้องเลี้ยงเจ้าหนูคนนั้น เธอเหมือนเด็กที่สงบเสงี่ยมเจียมตัว เอาแต่มองหน้าทุกคนแล้วยิ้ม เจ็บปวดอะไรก็ต้องเจ็บปวดจริง ๆ ถึงจะร้องแอ๊ะออกมา แค่ร้องแอ๊ะนะ เรื่องร้องงอแง แม่บอกว่านอกจากวันแรกที่เห็นที่โรงพยาบาล แม่ก็ไม่ได้เห็นอีกเลย “ปลายฝนไม่ร้องแบบนี้ แม่รู้ได้ไงคะว่าน้องหิว?” “กะเวลาเอาสิ ปลายฝนจะหิวและทำอะไรตามเวลาเป๊ะ ๆ แล้วสองสาวล่ะ อยู่กับลูกที่บ้านดื้อไหม?” “ไม่ดื้อค่ะ จะว่าไปตอนนี้หนูเริ่มชินแล้ว หน้าที่แม่ยิ่งใหญ่จริง ๆ แบบว่า เหนื่อยจนชินค่ะ” แม่ขำเบา ๆ พร้อมกับเขย่าขวดนมเตรียมป้อนปลายฝน ก่อนที่ฉันจะอุ้มณพลอยเข้าเต้าอีกคน และนั่งมองน้องไปด้วย ปลายฝนเป็นเด็กที่ไม่เหมือนเด็ก แววตาเธอเหมือนผู้ใหญ่ที่เฝ้าสังเกตและสำรวจตลอดเวลา ฉันไม่อยากเชื่อ ว่าเด็กเดือนกว่า ๆ จะรู้เรื่องและทำอะไรทุกอย่างเป
คุณน้ำหวานยิ้มให้ฉัน เหมือนเป็นรอยยิ้มแห่งความหวัง เราเป็นแม่คนและมีหลานเหมือน ๆ กัน เราดูกันออก แล้วคุณน้ำหวานก็พาฉันไปที่ห้องเด็กอ่อนทันที ที่ตอนนี้ในห้อง มีตำรวจสองสามคนยืนคุยกับกุมารแพทย์ “เรื่องถึงไหนแล้วคะ?” คุณน้ำหวานถามทันทีเมื่อเดินไปถึง ฉันจึงค่อย ๆ เดินอ้อมไปดูเด็กผู้หญิงคนนั้นที่เตียงเด็ก ตายแล้ว เหมือนที่คุณน้ำหวานพูดเลย เธอน่ารักจิ้มลิ้มจริง ๆ ตอนเธอร้องไห้ฉันรู้สึกเศร้าใจตาม อยากจะอุ้มขึ้นมาโอ๋มาก ‘อุแว้~ อุแว้~’ มีรอยมดกัดเต็มแก้ม น่าสงสารจริง ๆ ทำไมถึงทิ้งได้ลง ลูกทั้งคนนะ “ดูจากกล้องวงจรปิด มีคนอุ้มเด็กมาทิ้งราว ๆ เจ็ดโมงเช้าครับ ลักษณะรูปร่างคล้ายผู้หญิง เธอสวมหมวกบัตเก็ตกับมาสก์ปิดปาก และเธอเอียงตัวหลบเหมือนรู้จักมุมกล้องเป็นอย่างดี” คุณน้ำหวานพยักหน้ารับ พลางก้มมองเจ้าตัวเล็กที่ร้องงอแงไปด้วย “เห็นป้ายทะเบียนรถไหมคะ?” “ไม่เห็นครับ เพราะเธอเดินมา และเธอก็เดินเท้าเปล่าด้วย” แล้วฉันกับคุณน้ำหวาน ก็หันไปถามพร้อมกัน “เท้าเปล่า?” จริงอยู
“ณพิม เหมือนอ้วนตอนเด็ก ๆ” คุณหมอเขามองหน้าณพิมสลับกับฉัน ดูสายตาเขาสิ มันเป็นประกายมาก ถ้าถอดมาสก์ปิดปากออก ฉันคงได้เห็นรอยยิ้มกว้าง ๆ ของเขา “แต่ณพลอยเหมือนเบบี๋นะ เค้าอยากให้ลูกมีลักยิ้มเหมือนเบบี๋จัง” “ไม่แน่ณพลอยอาจจะมี ใช่ไหมครับ ลูกสาวพ่อ” ละมุนจริง ๆ เลยกับลูกสาวเนี่ย “จ้า ลูกสาวหมอนาวา” ฉันล้อเขาเสียงอ่อน เพราะตอนนี้รู้สึกเพลียมาก ก่อนที่พยาบาลเธอจะช่วยอุ้มสอง ณ มาถ่ายรูปครอบครัวกัน วิสัญญีแพทย์ก็จะพูดอะไรสักอย่าง จนฉันเผลอหลับไป “ณเพชรอย่าเสียงดังนะลูก แม่หลับอยู่” เสียงสามีฉันนี่น่า โอ้ย... รู้สึกตึง ๆ ท้องจัง “ปะป๊าณเพชรอยากนอนกับแม่ น้องออกมารึยังครับ?” “น้องอยู่ที่ห้องเด็กอ่อนแล้วครับ เช้า ๆ เดี๋ยวพ่อจะพาไปหาน้องนะ ตอนนี้ณเพชรต้องนอนลูก” “ปะป๊า ณเพชรอยากไปตอนนี้เลยครับ” “รอครับ ณเพชรต้องรู้จักรอ ตอนนี้ตีสี่นะ รบกวนคนอื่นเขา” แล้วเสียงเล็ก ๆ ของลูกชายก็เงียบไป ถ้าให้ฉันเดา ตอนนี้เขาคงเดินกอดผ้าทำหน้าบึ้งใส่พ่ออยู่ โถลูก... แม่ไม่ไหวจริง ๆ
ณเพชรปราบพ่อนาวาอยู่หมัด หลังจากวันนั้น ความบันเทิงก็เกิดขึ้นนับไม่ถ้วน เมื่อฉันต้องเข้าแอ็ดมิทที่โรงพยาบาลเพื่อรอคลอด แน่นอนพ่อนาวาต้องเลี้ยงณเพชรมากกว่าเดิม หนำซ้ำบางวันมีณภัทรมาด้วย รายนั้นเขาไม่เถียงพี่เขยหรอก แต่ณเพชรนี่สิ สายกวนประสาทพ่อ “ปะป๊า วันก่อนณเพชรเอาเรื่องปะป๊าไปถามคุณครู คุณครูบอกว่า... “ “อะไรนะณเพชร?” “ครับ ปะป๊าไม่อธิบายเรื่องช้างน้อย ณเพชรเลยถามคุณครูครับ” คุณหมอนาวาทรุดนั่งข้าง ๆ ลูกชาย ก่อนจะชันเข่าขึ้นมากอดไว้ “ชีวิตกูเนี่ยนะ” “ชีวิตปะป๊าทำไมครับ ช้างน้อยปะป๊าโกรธณเพชรเหรอ?” เขาเงยหน้าขึ้น มองฉันขอความช่วยเหลือ เพราะคำว่าช้างน้อย ฉันสอนณเพชรพูดเองล่ะ เอ่อ ของพ่อไม่มีคำว่า ‘น้อย’ นะลูก ช้างเลยล่ะ! “ถ้าณเพชรไม่ลืมเรื่องนี้ พ่อนี่แหละจะโกรธ” ณเพชรเงียบ และหันไปหาณภัทร จนน้าเขาชี้นิ้วไปจิ้มอกหลานเบา ๆ “ฟังน้า อย่าทำให้พ่อโกรธเข้าใจไหม เดี๋ยวโตขึ้นพ่อไม่ให้ตังค์ไปโรงเรียน” สอนหลานน่ารักเชี
เรื่องดุลูก ปากคุณหมอศัลนี่ไวจริง ๆ ฉันต้องอุ้มณเพชรไปห่าง ๆ เขา จนลูกหลับถึงได้กลับมาขึ้นเตียงนอนเหมือนเดิม ณเพชรเป็นแบบนี้จนถึงสามขวบ เป็นลูกชายที่ติดแม่เหมือนนาวีลูกซินน์ และฉันไม่สามารถที่จะโอ๋ประคบประหงมเขาได้เหมือนแต่ก่อน เพราะตอนนี้ฉันก็ท้องจวนคลอดแล้ว ใช่ค่ะ กว่าจะท้องแฝดได้ ฉันกับคุณหมอศัลเราปั๊มกันนานเหลือเกิน แต่เราภูมิใจนะ ที่ท้องแฝดและได้ผู้หญิงเหมือนที่ตั้งใจ ลูกสาวสองคนห่างจากพี่ชายสามปี พอดิบพอดีที่จะเป็นเพื่อนกับลูกสาวไออุ่น นึกไม่ถึงล่ะสิ! ไออุ่นท้องแล้ว ฮ่า ๆ ฉัน น้ำปั่น ซินน์ รู้ข่าวปุ๊บ ก็นัดกันไปขำใส่หน้ามันปั๊บ! เพราะน้ำปั่นโอมเพี้ยง ๆ ใส่ท้องมันทุกครั้งที่เจอกัน ตอนนี้มันท้องได้สี่เดือนแล้ว แถมได้ลูกสาวด้วย มันหงุดหงิดเวียร์หนักมาก นั่งยันนอนยันว่าคลอดคนนี้จะทำหมันเหมือนซินน์ อย่าว่าแต่ไออุ่นเลยฉันก็จะทำหมันเหมือนกัน เพราะณเพชรไม่ได้เลี้ยงง่ายเหมือนเดิม ยิ่งพูดได้ยิ่งแสบ รู้ทุกเรื่อง! ยิ่งกับณภัทรน้าเขา คือเข้าขากันดีมาก แต่โชคดีที่ณเพชรเขาไม่เถียงฉัน เขาเถียงพ่อแทน! เถียงเหมือนที่คุณหมอ
คุณหมอศัลดูช็อกนิด ๆ แต่ก็ไม่พูดอะไร จนเขาเปิดประตูห้องออกไป ฉันถึงพาลูกกลับไปนอนที่เตียงเด็กและรีบอาบน้ำ แต่งหน้าแต่งตัวเรียบร้อยก็พอดิบพอดีที่ลูกตื่น อาจจะช้าไปบ้าง เพราะฉันต้องสุ่มเดินไปดูว่าณเพชรตื่นรึยังเพราะเขาตื่นมา เขาจะมองเพดานเงียบ ๆ ไม่ส่งเสียงร้องอะไร พอเขาตื่นฉันก็อาบน้ำแต่งตัวให้ เรื่องอาหารเด็กอ่อน ให้เขาไปกินที่บ้านกับน้าณภัทรแล้วกัน ฉันไม่ว่างทำ ถึงลูกจะเลี้ยงง่ายแต่ไม่ใช่ฉันไม่เหนื่อย เหนื่อยมาก! ฉันเป็นคุณแม่ยังสาวที่หุ่นดีจนผู้ชายมองเหลียวหลัง จะบอกอะไรให้ แต่ก่อนหุ่นฉันเฉย ๆ มาก! รูปทรงก็ไม่ค่อยชัดและได้สัดส่วน แต่หลังจากคลอดลูกเท่านั้นแหละ คนละคนกันเลยนมตูดมาเต็ม! ซึ่งฉันชอบมาก... สามีก็ชอบ จัดการลูกเรียบร้อยฉันก็ขับรถออกจากคอนโด เราสองแม่ลูกแวะซุปเปอร์กันนิดหน่อย ฉันซื้อแครอท ซื้อบรอกโคลี ณเพชรเขาไม่ดื้อนะ เขาแค่มองตามมือฉันว่าฉันหยิบจับอะไร บ้างก็อยากจับด้วยเพราะสงสัย เป็นแบบนี้จนฉันซื้อของเสร็จ พอถึงบ้านฉันก็เอาผักทุกอย่างไปล้างให้เขานั่งเล่นที่พื้น สีส้มของแครอทสีชัดเจน บรอกโคลีก็เขียว
ฉันยกมือบีบแขนคุณหมอศัลเบา ๆ บีบจนเขาเงยหน้าที่ซุกตามซอกคอ ขึ้นมาจุมพิตที่ริมฝีปากฉัน “ขอแฝดหญิงนะคะที่รัก” “ครับ” รับปากฉันเสร็จเขาก็ก้มลงประทับริมฝีปากบบาง ก่อนจะเลื่อนมือที่จับตรงหัวไหล่ ลงมาดึงสายชุดนอน ชุดนอนสายเดี่ยวถูกเขาเกี่ยวสาย ถอดออกอย่างง่ายดาย ฉันตั้งใจใส่เพื่อจะให้นมลูกง่าย ๆ แต่ไม่คิดว่ามันจะง่ายถึงขนาดปลดได้แค่ปลายนิ้วแบบนี้ เมื่อสองเต้าที่เปลือยเปล่าประจันหน้าเขา ริมฝีปากที่พรมจูบเบา ๆ ก็ไล่ลงไปหามัน เขาส่งแค่ปลายลิ้นอุ่น ๆ ตวัดวนเท่านั้น สลับกับมือใหญ่ ที่ลูบคลำตามฐานเต้าเบา ๆ “อื้ม~” ไม่นานฉันก็ถูกถอดพันธการช่วงล่างอย่างรวดเร็ว ตามด้วยมือใหญ่ที่ใช้ปลายนิ้ว ถูตามแยกสวาทฉัน เขาเริ่มกดนิ้วกลางลงเบา ๆ เพื่อกระตุ้นน้ำสวาท บ้างก็พยายามดันมันเข้าไป และถูรอบ ๆ แบบนั้น แต่ทุกอย่างถูกกระทำอย่างเบามือ “อ่ะ อื้ม~ เสียวจัง” ฉันเริ่มบีบไหล่ ที่ขยับต่ำลงไปเรื่อย ๆ ตามหว่างขา โดยที่นิ้วยาวเขายังละเลงเล่นตุ่มกระสันช้า ๆ อยู่แบบนั้น เมื่อริมฝีปากไล่ลงไปถึงยอดที่เขาโปรดปราน เขาก็ลงลิ้นทักทายมันทั