“ได้!! งั้นก็ลองดูว่าใครกันแน่ที่จะเป็นฝ่ายจดจำมากกว่า!!”มือหนากระชากแขนเล็กอย่างแรงจนร่างบางเซไปตามแรง ใบหน้าสวยซบเข้าที่หน้าอกแกร่งทำให้ได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ“จะทำอะไร?” ฮันน่าถามเสียงเบาฟุบ!!มือหนาจับปลายคางมนเชิดขึ้นเล็กน้อยก่อนจะประกบจูบลงที่ริมฝีปากบางอย่างดิบเถื่อนและเอาแต่ใจตัวเองความดื้อของเธอทำให้เขาโมโห และเผลอสาดความดิบเถื่อนใส่คนตัวเล็กโดยไม่รู้ตัว“อื้อ!! อ่อยอะ (ปล่อยนะ)” ริมฝีปากเล็กพูดอู้อี้จนแทบจะฟังไม่รู้เรื่อง พลางมือบางก็ทุบหน้าอกแกร่งรัวๆ เพื่อเป็นการต่อต้านและให้อีกฝ่ายยอมปล่อยทว่าการต่อต้านและขัดขืนของเธอกลับไม่เป็นผล เมื่อยิ่งเธอดิ้นคนเมาก็ยิ่งเพิ่มความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปเริ่มออกฤทธิ์ผสมผสานไปกับความต้องการที่วิ่งพุ่งพล่านอยู่ภายในร่างกาย ความเป็นชายเริ่มตื่นตัวและขยายใหญ่อยู่ภายใต้กางเกงตอนแรกเคย์สันตั้งใจจะลงโทษเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้หญิงสาวกลัว แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับผิดคลาดไม่เป็นไปตามที่เขาคิดเอาไว้ในหัวเขาตอนนี้มีเพียงกลิ่นกายสาวหอมๆ เรือนร่างที่เนียนนุ่ม บวกกับริมฝีปากหวานฉ่ำที่เขาไม่ได้สัมผัสมานานแรมปี ทำให้ยากเกินที่จะหยุดทุกอย่าง
เช้าวันต่อมาสองร่างเปลือยเปล่านอนหลับอยู่บนโซฟาหรูกลางห้องรับแขก ถึงตอนนี้จะเช้าแล้วแต่ทั้งสองก็ยังคงนอนหลับด้วยความเหนื่อยล้า จากบทรักที่แสนเร่าร้อนและจัดหนักจัดเต็มกันตลอดทั้งคืนทางด้านโรมันและโอนิกซ์เตรียมตัวเตรียมใจที่จะมาเก็บกวาดและทำความสะอาดห้องรับแขกช่วยแม่บ้าน เพราะทั้งสองคนรู้ดีว่าเจ้านายคงจะเมาหนักและคงจะอาละวาดทำลายข้าวของภายในบ้านเละเทะเหมือนทุกครั้งอย่างแน่นอน“กูว่าห้องเละแน่” โอนิกซ์พูดขึ้นเมื่อหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องรับแขก“กูทำใจไว้แล้ว ยังไงก็เละ” ตามด้วยโรมันที่เห็นด้วย“เอ่อ…” สายใจแม่บ้านที่มาทำความสะอาดในวันนี้ยืนนิ่งอยู่หน้าห้องรับแขก พร้อมกับมีอาการอ้ำอึ้งพูดอะไรไม่ออก เมื่อได้เห็นภาพที่อยู่ตรงหน้าก่อนใคร“หยุดทำไมล่ะน้าสายใจ” โรมันบ่นให้เมื่อเห็นสายใจมีท่าทีแปลกไป“คะ คือว่า…” สายใจอ้ำอึ้งไม่กล้าพูดเสียงดัง ก่อนจะชี้มือไปกลางห้องรับแขก“คืออะไร” โอนิกซ์อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจึงเดินมาดูและมองไปตามทางที่สายใจบอกโรมันและโอนิกซ์ต่างยืนนิ่งตกตะลึงกับภาพที่เห็นตรงหน้า ซึ่งมันเป็นภาพที่พวกเขาไม่ได้เห็นนานมากแล้วและคิดว่าไม่น่าจะได้เห็นภาพแบบนี้อีก แต่มันก็เกิดขึ้น
หลังจากที่เก็บของทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ฮันน่าก็เดินลงมาข้างล่างเพื่อสำรวจเหตุการณ์ว่ามีใครอยู่บ้างทว่าหญิงสาวไม่ได้เอากระเป๋าลงมาด้วย เพราะกลัวจะโดนจับได้และเธอต้องทำตัวให้ปกติที่สุด ขอแค่ออกจากบ้านหลังนี้ไปให้ได้ก่อน กระเป๋าค่อยให้คนอื่นมาเอาให้ก็ได้ ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเมื่อทางสะดวกและเจ้าของบ้านไม่อยู่ ฮันน่าจึงเดินออกไปนอกบ้านทันที“จะไปไหนครับ?” บอดี้การ์ดคนหนึ่งถามขึ้นเมื่อเธอก้าวขาออกจากประตูบ้าน“ฉันจะไปเรียน”“รอสักครู่นะครับ”ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อต่อสายหาเจ้านาย เมื่อได้รับคำสั่งว่าให้ดูเธอดีๆ แต่ถ้าจะออกไปไหนให้โทรรายงานเจ้านายก่อน“สวัสดีครับ คือคุณฮันน่าบอกให้ผมไปส่งครับ”(ที่ไหน?)“มหาลัยครับ” ลูกน้องรายงานไปตามที่หญิงสาวบอก(ไหนบอกว่าไม่มีเรียน?) น้ำเสียงนิ่งเรียบถามผ่านปลายสายด้วยความแปลกใจ เพราะก่อนออกมาเธอยังบอกว่าไม่มีเรียน“สักครู่นะครับ” ลูกน้องบอกเจ้านาย ก่อนจะหันมามองหญิงสาวที่ยืนอยู่ไม่ไกล“นายท่านถามว่าไหนบอกไม่มีเรียนครับ”“ฉันพึ่งนึกได้ว่ามีเรียนตอนบ่าย” ฮันน่าบอกไปตามความจริง เพราะเธอมีเรียนตอนบ่ายจริงๆ แต่ที่บอกว่าไม่มีเรียนคือเธอโกหก“คุณฮันน่
หลายวันต่อมาฮันน่าเริ่มใช้ชีวิตปกติและมีความสุขมากขึ้น ตั้งแต่วันที่เธอตัดสินใจออกจากบ้านหลังนั้นและมาพักอยู่กับกวินที่คอนโด ก็ยิ่งทำให้รู้ว่าเธอคิดถูกแล้วที่ตัดสินใจออกมาทว่าเธอยังต้องคอยระวังเรื่องการใช้ชีวิตอยู่เหมือนเดิม จะไปไหนมาไหนก็ต้องคอยระวัง เผื่อมีคนตามมาทำร้ายเธออีกวันนี้ฮันน่ามาเรียนตามปกติ พอเรียนตอนเช้าเสร็จก็มีเวลาพักอีกสามชั่วโมง ก่อนจะเริ่มเรียนวิชาสุดท้ายในช่วงบ่ายของวันนี้“มึงจะไปไหน?” กวินถามไทเกอร์ที่กำลังตั้งท่าจะเดินไปยังลานจอดรถ“กูจะกลับไปนอน” ไทเกอร์ตอบ“จะกลับไปทำไมให้เสียเวลา อีกหน่อยก็เรียนต่อแล้ว” ฮันน่าแย้งขึ้น เพราะเธออยากใช้ชีวิตอยู่ในเขตมหาวิทยาลัยจนกว่าจะเรียนเสร็จ“ไปหาอะไรกินที่โรงอาหารดีกว่า” กวินรีบเสนอขึ้น เพราะตอนนี้ก็จะบ่ายโมงและเหมาะแก่การทานอาหารเที่ยงแล้ว“พวกมึงเป็นอะไร ปกติชวนออกไปแต่ข้างนอก ไม่เคยเห็นอยากอยู่ในมหาลัยแบบนี้เลย” คริสตัลถามขึ้นด้วยความแปลกใจ แถมช่วงนี้ยังเห็นฮันน่ากับกวินตัวติดกันแปลกๆ“อย่าบอกนะว่าพวกมึงรักกันเหมือนสองคู่นี้” นาเดียทำท่าทางตกใจและตั้งใจรอฟังคำตอบ“ไม่มีทาง”กวินตอบด้วยความมั่นใจ เพราะสำหรับเขาถ้าเป็นเ
หลังจากที่เรียนเสร็จก็เป็นเวลาเกือบห้าโมงเย็น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หลายๆ คนต่างก็เลิกงาน ทำให้การจราจรค่อนข้างติดขัด รถค่อยๆ ขยับตามกันไปทีละนิดกวินขับรถออกจากมหาวิทยาลัยโดยที่มีฮันน่านั่งอยู่ข้างๆ แต่สภาพการจราจรวันนี้ทำให้เขาหัวร้อนขึ้นมาโดยอัตโนมัติ“จะติดอะไรนักหนาวะ” คนหัวร้อนบ่นด้วยท่าทางหงุดหงิด“มึงก็ใจเย็นๆ หน่อย จะรีบไปไหน” ฮันน่าพยายามช่วยพูด เผื่อว่าเพื่อนจะใจเย็นลงบ้าง“กูมีธุระที่จะต้องไปทำต่อ” กวินบอกเหตุผลด้วยท่าทางอารมณ์เสีย“คนเยอะๆ แบบนี้แหละดีแล้วจะได้ไม่อันตราย” ฮันน่าให้เหตุผลและมองโลกในทางที่ดีเอาไว้“ทั้งคนเยอะทั้งรถติดแบบนี้กูก็ไม่ไหวหรอกนะ” กวินยังคงหัวร้อน“ใจเย็นๆ ก่อน เดี๋ยวก็ถึงคอนโดแล้ว”“อยู่ใกล้แค่นี้แต่ใช้เวลาเป็นชั่วโมง”“มึงอย่าพึ่งหงุดหงิด กูมีเรื่องจะคุยด้วย”“เรื่องอะไร?”“คือตอนนี้ทุกอย่างก็ปกติแล้ว กูว่าจะกลับไปอยู่คอนโด” ฮันน่าไม่อยากอยู่กับกวินนานๆ เพราะกลัวจะรบกวนเวลาส่วนตัวของกวิน“วันไหน?” กวินถามกลับด้วยความอยากรู้“วันนี้แหละ ไปถึงก็จะเก็บของเลย”“มึงคิดดีแล้วเหรอ?” กวินถามด้วยความเป็นห่วง เพราะเขารู้ดีว่าชีวิตของฮันน่าไม่ได้ปลอดภัยและเป็
“อือออ~”ฮันน่ารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็พบกับความมืด เมื่อเธอถูกปิดตาและถูกมัดมือทั้งสองข้างเอาไว้ แต่เธอก็รับรู้ได้ว่ามีคนนั่งอยู่ข้างๆเธอไม่รู้เลยว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน รู้เพียงแค่ว่าอยู่บนรถและรถกำลังขับไปเรื่อยๆ“มันออกมาสุดเขตควบคุมของมันแล้วครับ” น้ำเสียงหนักแน่นรายงานขึ้นมา“วันนี้จะเป็นวันตายของมัน” น้ำเสียงของชายหนุ่มอีกคนพูดขึ้นมาพร้อมความมั่นใจหญิงสาวที่นั่งอยู่ก็เริ่มตัวสั่นด้วยความกลัว เมื่อได้ยินบทสนทนาของชายทั้งสองคุยกัน และคงจะเป็นการคุยกันระหว่างเจ้านายกับลูกน้อง“เธอฟื้นแล้วค่ะ” เสียงผู้หญิงอีกคนรายงานขึ้นมาฮันน่ารับรู้ได้ว่าเสียงของผู้หญิงดังอยู่ใกล้ๆ และทำให้เธอมั่นใจว่าผู้หญิงคนนี้ต้องนั่งอยู่ข้างเธออย่างแน่นอน“นี่เหรอผู้หญิงของไอ้เคย์สัน!” น้ำเสียงหยาบกระด้างจากชายมีอายุพูดขึ้นมาธาดาหัวหน้าแกงค์ค้าอาวุธผิดกฎหมายที่ใครๆ ต่างก็รู้จัก เขาทำธุรกิจค้าอาวุธผิดกฎหมายมานานหลายปี จนทำให้เขามีเงินและอำนาจมากมาย เป็นที่รู้จักไปทั่วในวงการค้าอาวุธแต่เมื่อสองปีที่ผ่านมาธุรกิจเขาได้เกิดปัญหาขึ้น ทำให้ยอดขายลดลงจนแทบจะไม่เหลืออะไร ลูกค้าประจำที่เคยมีก็หายไปจนหมด เพียงเพราะมีเ
“โอ๊ย!!” ฮันน่าร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อเธอเผลอยกแขนข้างที่โดนยิงขึ้นมาอย่างลืมตัว“เจ็บมากมั้ย?” เคย์สันถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง ใบหน้าสวยดูซีดลงอย่างเห็นได้ชัดฮันน่าพยักหน้าให้แทนคำตอบ ทั้งที่ในใจอยากจะตอบดังๆ ว่าเจ็บมาก เจ็บที่สุดในชีวิตแล้ว ตั้งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยมีแผลใหญ่ขนาดนี้มาก่อน เพราะครอบครัวดูแลและเลี้ยงดูเธอมาเป็นอย่างดี มีแผลใหญ่สุดก็แค่ถลอกตอนที่วิ่งล้มสมัยเรียนอนุบาล“จะพาฉันไปไหน?” ฮันน่าถามขึ้นเมื่อลิฟต์ผ่านชั้นที่เธออยู่ไปแล้ว“ไปทำแผล” เคย์สันตอบเสียงเรียบ และในขณะที่เขารีบเวลามักจะเดินช้าเสมอ เลือดที่แผลเธอก็ไหลซึมออกมาไม่หยุดร่างบางยืนนิ่งทันทีเมื่อลิฟต์เปิดออก เธอไม่คิดเลยว่าที่คอนโดจะมีห้องแบบนี้ ชั้นสูงสุดจะเป็นห้องส่วนตัวของเคย์สัน ที่ถูกจัดตกแต่งเรียบร้อย มีห้องนอน ห้องครัว ห้องพยาบาล แยกกันเป็นสัดส่วนอย่างชัดเจน“มาสิ” เคย์สันเรียกหญิงสาวให้ตื่นจากภวังค์ความคิดถึงจะรู้สึกแปลกใจ แต่ฮันน่าก็ไม่กล้าที่จะถามอะไรอยู่ดี เธอทำได้เพียงแค่เดินตามเขาไปเงียบๆ“ขยันหาเรื่องจริงๆ” ภากรพูดประชดขึ้นมาในระหว่างที่กำลังเตรียมอุปกรณ์ทำแผล“พูดมาก” เคย์สันพูดขึ้นลอยๆ
เคย์สันใช้เวลาทำแผลอยู่นานเกือบจะสองชั่วโมง เนื่องจากกระสุนอยู่ลึกจึงต้องทำการผ่าตัดและเอากระสุนออกมา โชคดีที่ภากรเตรียมอุปกรณ์มาครบทุกอย่าง ทำให้การผ่าตัดเรียบร้อยและผ่านไปได้ด้วยดีส่วนโรมันกับโอนิกซ์ลูกน้องคนสนิทก็ยืนดูอยู่ไม่ห่าง เพราะเป็นห่วงเจ้านาย เผื่อมีอะไรฉุกเฉินจะได้ช่วยกันแก้ปัญหาได้ทันครืด~ ครืด~โรมันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อนจะปรากฏชื่อของฮันน่าอยู่บนหน้าจอ และเขาก็ไม่รีรอที่จะกดรับสาย“สวัสดีครับ”(เอ่อ… เขาเป็นยังไงบ้าง? ทำแผลเสร็จหรือยัง?) ฮันน่าไม่รอช้ารีบถามเข้าประเด็นที่เธออยากรู้ทันที“ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ คุณฮันน่าไม่ต้องเป็นห่วง” โรมันตอบไปตามเหตุการณ์ที่เห็น(แล้วเขาทำอะไรอยู่?) ด้วยเป็นห่วงทำให้ฮันน่าอยากรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเขา“กำลังจะไปพักครับ ถ้าคุณฮันน่าต้องการอะไร สามารถเรียกแม่บ้านได้ตลอดเลยนะครับ แม่บ้านจะเป็นคนทำทุกอย่างให้ครับ” โรมันบอกหญิงสาวเอาไว้เผื่อว่าเธอจะต้องการอะไร(ฉันไล่ออกไปหมดแล้ว) ฮันน่าตอบเสียงเบา“ทำไมละครับ” โรมันถามขึ้นด้วยความสงสัย(ฉันไม่ได้ต้องการอะไร อยากจะอยู่คนเดียวมากกว่า)“ถ้ามีอะไรก็เรียกแม่บ้านได้ตลอดนะครับ”(ค่ะ) ฮันน่าเ
เช้าวันต่อมาฮันน่ากับเคย์สันตื่นขึ้นมาในช่วงสายของอีกวัน พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จทั้งสองก็จัดการเคลียร์เรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้เรียบร้อยค่าใช้จ่ายในงานทั้งหมดที่เคย์สันต้องจ่ายเกือบสองล้าน เพราะมีทั้งค่าสถานที่ ค่าอาหาร ค่าเวที ค่านักร้อง ค่าเครื่องดื่ม และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งยังไม่รวมค่าชุดกับค่าแต่งหน้าที่เขาจะต้องกลับไปเคลียร์ที่กรุงเทพฯ อีกวันนี้ฮันน่าชวนเคย์สันออกไปเดินเล่นที่ริมทะเล เนื่องจากต้องอยู่ที่นี่ต่ออีกหลายวัน จึงต้องออกมาเดินเที่ยวเล่นชมบรรยากาศกันสักหน่อย“มีอะไรหรือเปล่าคะ” ฮันน่าถามขึ้นเมื่อเคย์สันเดินเข้ามาด้วยสีหน้าและท่าทางที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่“เอ่อ… คือ งานที่กรุงเทพมีปัญหา ต้องรีบกลับไปเคลียร์” เคย์สันอ้ำอึ้งก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา ซึ่งเป็นงานสำคัญที่เขาไม่อาจจะเลี่ยงได้“หนูขอไปเก็บของก่อนได้มั้ยคะ” หญิงสาวบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ถึงในใจจะแอบผิดหวังอยู่บ้าง“ไม่อยู่เที่ยวต่อเหรอ” มาเฟียหนุ่มถามขึ้น เพราะเขารู้ดีว่าฮันน่าชอบทะเลมากแค่ไหน ถ้าได้มาแล้วเขาก็อยากจะให้เธอได้พักผ่อนที่นี่ก่อน“ไม่เป็นไรค่ะ หนูกลับพร้อมเฮียเลยดีกว่า” ฮันน่าตอบ“เดี๋ยวจะพามาเที่ยวใหม่
พิธีการต่างๆ ถูกดำเนินมาจนถึงขั้นตอนสุดท้ายของงาน นั่นก็คือการส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าห้องหอ ถึงแม้แขกบางส่วนจะทยอยกลับกันบ้างแล้ว แต่ก็ยังเหลือบางส่วนที่รออยู่จนถึงขั้นตอนนี้ทุกคนต่างก็ร่วมอวยพรให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวกันอีกครั้ง ก่อนจะขอตัวออกไปเพื่อให้ทั้งสองคนได้พักผ่อนและมีเวลาส่วนตัว“ม๊าอยากเลี้ยงหลานแล้วนะ” ก่อนจะออกไปคุณแม่ของฮันน่าก็ไม่ลืมที่จะพูดย้ำประโยคเดิมอีกครั้ง“ม๊าคะ” ใบหน้าสวยร้อนแผ่วรู้สึกเขินอายในสิ่งที่คุณแม่พูดออกมา“ไม่ต้องห่วงนะครับ” เคย์สันหันไปบอกแม่ยายพร้อมรอยยิ้ม เพราะเขาเองก็อยากจะมีลูกแล้วเหมือนกันหลังจากที่ทุกคนเดินออกไป เคย์สันก็เดินเข้าไปหาหญิงสาวที่นั่งอยู่บนเตียงกว้างทันที“เหนื่อยมั้ย” มาเฟียหนุ่มถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง มือหนาจับปลายคางให้เชิ่ดขึ้น เพื่อที่เขาจะได้มองใบหน้าสวยได้ชัดเจน“นิดหน่อยค่ะ” ฮันน่าฉีกยิ้มกว้างถึงแม้จะเหนื่อยแต่ทุกอย่างก็คุ้มค่าสำหรับเธอ“แล้วเมื่อไหร่เราจะมีลูกด้วยกัน” เคย์สันถามขึ้น เพราะนี่ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าฮันน่าจะท้องเลยสักนิด ทั้งๆ ที่เขาตั้งใจทำมาตลอด“เฮียอยากมีลูกเหรอคะ” ฮันน่าถามย้ำด้วยความตก
วันต่อมาเวลา 16:00 น.แสงแดดอ่อนๆ กับสายลมเย็นสบาย เสียงคลื่นซัดสาดเป็นระยะ บรรยากาศเย็นสบายตามแบบฉบับของธรรมชาติหาดทราย สายลม แสงแดด ท้องฟ้าสีสวย กับทะเลสีคราม ซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็นความฝันของผู้หญิงหลายๆ คนโต๊ะเก้าอี้จัดเรียงเอาไว้อย่างสวยงาม มีทั้งโซนอาหารและเครื่องดื่มที่จัดเตรียมเอาไว้สำหรับแขกทุกคนที่มาร่วมงานทางเดินเล็กๆ ที่เตรียมเอาไว้ให้สำหรับเจ้าบ่าวเจ้าสาวได้เดินขึ้นเวที และตลอดทางก็มีดอกกุหลาบสีขาวสลับกับสีแดงสดจัดเรียงเอาไว้ทั่วงาน ซึ่งดูสวยงามและลงตัวเป็นอย่างมากและตอนนี้ก็ใกล้ถึงเวลาเริ่มงานแล้ว แขกในงานก็เริ่มทยอยมากันจนใกล้จะครบแล้ว บรรดาเพื่อนๆ ต่างทำหน้าที่ต้อนรับแขกแทนเจ้าของงานได้เป็นอย่างดีทุกคนที่มาร่วมงานในวันนี้ต่างก็เป็นคนในครอบครัว ญาติพี่น้อง และเพื่อนสนิทที่ต่างก็มาร่วมแสดงความยินดีในงานวันนี้“ข้างนอกคนเยอะมั้ย” ความตื่นเต้นทำเอาเจ้าสาวของงานเดินไปเดินมาไม่หยุด ใครเข้ามาก็ถามทุกครั้งว่าคนเยอะหรือเปล่าฮันน่าอยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวสะอาดตา ภายนอกอาจจะดูเรียบๆ แต่กลับมีลายปักดอกไม้แฝงอยู่ด้านในเพื่อเพิ่มเสน่ห์และลวดลายให้ดูน่าค้นหามากขึ้น“ไม่เยอะหรอก” ค
สามเดือนต่อมา@ภูเก็ตประเทศไทยฮันน่าตรวจดูความเรียบร้อยทุกอย่างด้วยตัวเอง เพราะงานนี้จะต้องออกมาดีและสวยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ อาหาร ดอกไม้ และโรงแรม เรียกได้ว่าฮันน่าดูแลทุกขั้นตอนทว่าฮันน่าคนเดียวคงดูแลไม่ไหว เพราะมีเพื่อนๆ คอยให้คำปรึกษาและแนะนำอยู่ตลอด อย่างเช่นตอนนี้…“งานนี้ต้องออกมาสวยมากแน่ๆ”นาเดียพูดขึ้นพร้อมกับมองสำรวจไปรอบๆ เมื่อทุกอย่างใกล้จะเสร็จเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว เหลือแค่เพียงเก็บรายละเอียดนิดๆ หน่อยๆ ก็น่าจะเสร็จเรียบร้อยดี“ขอบใจมากนะที่มาช่วย” ฮันน่าขอบคุณนาเดียที่มาช่วยเธอออกแบบและทำทุกอย่าง“เพื่อนจะแต่งงานทั้งทีก็ต้องมาช่วยสิ เดี๋ยวอีกหน่อยพวกนั้นก็คงมาถึง” นาเดียบอกพร้อมรอยยิ้ม และอีกหน่อยคริสตัลกับไอรินก็คงจะมาถึงกันแล้ว“แล้วพี่หมอล่ะ” ฮันน่าถามถึงคุณหมอคีรินทันที“ทำงานอยู่ คงจะมาถึงตอนดึกๆ นู้นแหละ” นาเดียตอบไป เพราะช่วงนี้คนไข้เยอะพี่หมอก็ทำงานจนแทบจะไม่ได้พัก“แล้วพวกนั้นถึงไหนกันแล้ว” ฮันน่าเปลี่ยนเรื่องคุยทันที เมื่อเห็นนาเดียทำหน้าเศร้าขึ้นมา“อ้าว นั่นไงมาถึงพอดีเลย” นาเดียชี้ไปยังทางเดินที่มีสองสาวกำลังเดินมา“ใครเป็นคนออกแบบเนี่ย จัดงานได้
วันต่อมา“อื้อออ” ร่างเล็กรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเมื่อมีแสงแดดส่องเข้ามาภายในห้องนอน ร่างกายร้าวระบมไปทั่วทุกส่วนจนแทบจะขยับไม่ได้ฮันน่ามองชายหนุ่มที่นอนอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ซึ่งเขานั้นจะเป็นผู้ชายคนแรกและคนเดียวในชีวิตเธอร่างบางพยายามขยับตัวช้าๆ เพื่อไม่ให้ชายหนุ่มรู้สึกตัวตื่น เพราะเธออยากจะให้เขาได้นอนพักต่ออีกสักนิดวันนี้ฮันน่าเลือกใส่ชุดเดรสแขนสั้นคลุมเข่าเนื้อผ้าเบาสบาย เพราะเธอจะต้องไปรับและพามินตราไปเที่ยวตลอดทั้งวัน“สายแล้วนะคะ ตื่นได้แล้วค่ะ” ฮันน่าก้มลงกระซิบบอกที่ข้างหูของมาเฟียหนุ่มเหมือนทุกครั้ง“ทำไมช่วงนี้ตื่นเช้าทุกวันเลย” เคย์สันถามขึ้นด้วยความสงสัย เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาจะเป็นฝ่ายปลุกเธอตลอด“พาหนูมินไปเที่ยวกันค่ะ” ใบหน้าสวยฉีกยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดีเมื่อพูดถึงเด็กตัวเล็ก“เที่ยวที่ไหน” เคย์สันยังคงถามต่อ เพราะเขายังไม่รู้เลยว่าเธอจะพามินตราไปเที่ยวที่ไหน“ทะเลค่ะ หนูเตรียมชุดเอาให้เฮียแล้วนะคะ”“ห้ามใส่บิกินี” น้ำเสียงดุดันเอ่ยห้ามก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำ“รู้ได้ไง” ฮันน่าถึงกับนั่งทำหน้าเซ็ง เพราะเธอแอบเตรียมชุดว่ายน้ำใส่ในกระเป๋าเ
@โรงแรม“เป็นอะไรหรือเปล่า?”เมื่อเดินเข้ามาภายในห้องพัก เคย์สันก็ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง เพราะกลัวว่าฮันน่าจะคิดมากเรื่องที่เขาดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายให้มีนากับลูกสาว“เปล่าค่ะ หนูไม่ได้เป็นอะไร” ใบหน้าสวยฉีกยิ้มกว้างเพื่อยืนยันคำตอบว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ“คิดมากเรื่องมีนามั้ย”“เรื่องอะไรคะ”“ก็เรื่องที่ฉันเป็นคนดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้มีนากับลูกสาวไง”“หนูเข้าใจทุกอย่าง ไม่ได้คิดเรื่องนี้เลยค่ะ” ฮันน่าตอบไปตามความจริง เพราะเธอไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาคิด“จริงเหรอ” มาเฟียหนุ่มถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ“จริงค่ะ แบบนี้สิคะถึงเหมาะที่จะเป็นพ่อของลูกในอนาคต” ฮันน่าบอกอย่างภูมิใจ อย่างน้อยเธอก็ได้คนดีๆ อย่างเคย์สันมาร่วมใช้ชีวิตด้วยกัน และเธอคงจะเป็นผู้หญิงที่โชคดีและมีความสุขมากแน่ๆ“ฉันก็นึกว่าเธอจะน้อยใจซะอีก” เคย์สันตอบไปตามที่คิด“หนูไม่ใช่คนงี่เง่านะคะ แล้วอีกอย่างหนูก็เป็นคนดีด้วย” ฮันน่ายิ้มกว้างไม่อยากให้ชายหนุ่มคิดมาก“ขอบคุณนะที่เข้าใจฉัน” มือหนารวบร่างบางเข้ามากอดเอาไว้แน่น“ก็รักไงคะหนูถึงเข้าใจ” ฮันน่ากอดชายหนุ่มเอาไว้แน่นไม่ต่างกัน นับวันเธอยิ่งรักเขามากขึ้น“ไปอาบน้ำกันเถ
วันต่อมาฮันน่าตื่นขึ้นมาในช่วงบ่ายแล้วรีบลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวทันที เมื่อคืนเธอตื่นเต้นและเตรียมของเกือบทั้งคืน ตอนแรกเธอว่าจะไม่นอนด้วยซ้ำ แต่พอรอไปรอมาเธอก็เผลอหลับจนถึงบ่าย“เสร็จหรือยัง?” ใบหน้าหล่อถามพร้อมรอยยิ้มเมื่อเห็นว่าเธอเดินไปเดินมาไม่หยุด ไม่รู้ว่าจะตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น“อืม… น่าจะเสร็จแล้วค่ะ” ฮันน่ามองสำรวจของในกระเป๋าเพื่อตรวจเช็คความเรียบร้อยว่าเธอไม่ได้ลืมอะไร“ตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น” เคย์สันถามขึ้นด้วยความอยากรู้“ก็หนูดีใจหนิคะ ไม่ได้เจอน้องมินตั้งหลายเดือนแล้ว”ฮันน่ารู้สึกผูกพันกับมินตรามาก เพราะก่อนที่มินตราจะไปอยู่ต่างประเทศ เธอก็เป็นคนช่วยดูแลมินตราทุกวัน จนทำให้เกิดความรักและความผูกพัน“ทุกอย่างพร้อมแล้วครับ” โรมันเดินเข้ามารายงานและช่วยถือของให้เจ้านายตามหน้าที่“รีบไปกันเถอะค่ะ” ฮันน่าเดินเข้าไปกอดแขนเคย์สันเอาไว้แน่นก่อนที่ทั้งสองจะเดินไปด้วยกันโชคดีที่มาเฟียหนุ่มมีเครื่องบินส่วนตัว จึงไม่ต้องไปนั่งรอที่สนามบินให้เสียเวลา พอไปถึงก็เตรียมตัวขึ้นเครื่องบินทันทีใช้เวลาเดินทางเกือบสิบชั่วโมงกว่าจะมาถึง ซึ่งฮันน่ากับเคย์สันเลือกที่จะพักที่โรงแรมที่อยู่ไม่ไกลจาก
สามเดือนต่อมา“ขอบคุณนะคะ” ฮันน่าเอ่ยขอบคุณพร้อมกับเดินเข้าไปสวมกอดมาเฟียหนุ่มที่กำลังยืนตรวจเช็คความเรียบร้อยอยู่หน้ากระจก“ขอบคุณเรื่องอะไร” เคย์สันถามกลับด้วยความสงสัย“ขอบคุณที่ตามใจหนูทุกอย่างไงคะ” ใบหน้าสวยฉีกยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี เพราะไม่ว่าเธอจะขออะไรเขาก็ยอมตามใจเธอทุกอย่างนับวันฮันน่าก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น และเธอยิ่งมั่นใจว่าเธอคิดไม่ผิดเลยจริงๆ ที่จะแต่งงานกับเคย์สัน“จะมีเมียแล้วก็ต้องตามใจเมียสิ” เคย์สันตอบท่าทางทะเล้น“น่ารักที่สุดเลยค่ะ”“น่ารักแล้วรักมั้ยล่ะ?” ใบหน้าหล่อเลิกคิ้วถามด้วยความอยากรู้“รักสิคะ รักมากด้วย” ฮันน่าตอบเสียงหวาน พร้อมกับกอดชายหนุ่มเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย“รีบลงไปข้างล่างกันเถอะ ก่อนที่จะไม่ได้ลงไป”เพียงแค่ร่างกายเนียนนุ่มมาสัมผัสที่ตัว ก็ยิ่งทำให้มาเฟียหนุ่มเกิดอารมณ์พุ่งพล่าน จนต้องเอ่ยท้วงขึ้น“ทำไมล่ะคะ?” คนตัวเล็กยังคงแกล้งถามกลับ ทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร ทั้งๆ ที่ในใจเธอรู้ความหมายเป็นอย่างดีพรึบ!!เคย์สันไม่ตอบอะไร แต่กลับคว้าใบหน้าสวยเข้ามาจูบอย่างดูดดื่มและร้อนแรงก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!!เสียงเคาะประตูที่หน้าห้องดังขึ้นมาขัดจังหวะ ก่อนที่ใบ
หลังจากที่ภาพขอแต่งงานถูกปล่อยออกไปและฮันน่าก็ถ่ายภาพโชว์แหวนเพชรเม็ดโตลงอวดเพื่อน แต่กลับทำให้เธอกลายเป็นคนดังในชั่วข้ามคืน และเป็นคนที่สาวๆ ทั้งประเทศอิจฉา ที่เธอจะได้แต่งงานกับมาเฟียที่ทั้งหล่อและรวยมากๆภายในเวลาชั่วข้ามคืนแต่กลับทำให้ชีวิตของฮันน่าเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก มีคนติดตามเยอะยิ่งกว่าดาราเสียอีก ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงต่างก็ให้ความสนใจในตัวเธอกันทั้งนั้น“หนูไปเรียนก่อนนะคะ” คนตัวเล็กเดินเข้าไปสวมกอดมาเฟียหนุ่มด้วยท่าทางออดอ้อนเช่นเคยเหมือนที่เคยทำ“ไม่ไปไม่ได้เหรอ” เคย์สันถามขึ้นนับวันเขายิ่งหวงจนแทบตะไม่อยากปล่อยให้เธอไปเรียน“ไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูจะเรียนไม่จบ” ฮันน่ายังคงอ้อนเขาเช่นเคย“เรียนไม่จบก็ไม่เห็นเป็นไรเลย เมียคนเดียวฉันเลี้ยงได้” ชายหนุ่มกอดหญิงสาวเอาไว้แน่นนับวันยิ่งตัวติดกัน นับวันยิ่งไม่อยากห่างไปไหน“ไม่ได้ค่ะ หนูต้องเรียนให้จบเผื่อว่าในอนาคตหนูจะได้ทำงานช่วยเฮียไงคะ” ฮันน่าตอบเพราะเรียนจบเธออยากจะช่วยเขาทำงาน ดีกว่าจะต้องมานั่งรออยู่เฉยๆ“ก็ได้” สุดท้ายเคย์สันก็ยิมใจอ่อนปล่อยให้เธอไปเรียน เพราะเหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนเธอก็จะเรียนจบแล้วเคย์สันเป็นคนไปรับไปส่