02:50 AM 🕝ช่วงเวลาเกือบตีสามที่สองแฝดต่างพากันนอนกอดร่างบาง พวกเขาหลับสนิทหมดแรงจากความเหนื่อยล้าที่สะสมมาหลายวัน แต่ในเวลาเดียวกันก็มีหนึ่งคนที่กำลังจะตื่น…“อื้ออ”ร่างบางที่นอนหลับไปหลายชั่วโมง ค่อยๆลืมตาตื่น ความรู้สึกเหมือนมีอะไรมากอดร่างกายเธอ กระพริบตาปริบๆ ปรับรูม่านตาให้มองเห็นสิ่งรอบข้างชัดๆ ‘หื้อ? ซิกแพกใคร?’ สิ่งแรกที่เธอมองเห็นเมื่อลืมตาตื่น คือแผงอกแกร่ง เงยมองขึ้นถึงได้รู้ว่าแผงอกนี้เป็นของเคอร์วิน“อื้อ เคลว์?”“ฉันหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่นะ?” ผิงอันนึกย้อนว่าตอนแรกเธอนั่งรอพวกเขาอยู่ที่โซฟา สงสัยคงเผลอหลับไป สองแฝดเลยพาเธอมานอนที่เตียงเมื่อพลิกตัวมาอีกด้านก็สบตากับคาร์ลเตอร์ที่กำลังมองเธออยู่“คาร์ล..”“ตื่นแล้วเหรอ”“ค่ะ”“คุณตื่นเพราะฉันหรือเปล่าคะ ขอโทษนะคะ”“ไม่เป็นไร ฉันได้นอนพักผ่อนมากกว่าที่ผ่านมาซะอีก”เขาบอกเธอเสียงเรียบ ทั้งสองมองตากันใต้แสงไฟ คาร์ลเตอร์ขยับมาจูบปากอวบอิ่ม ค่อยๆจูบอย่างละเมียดละไม ถอนจุมพิตจากปากเล็กแล้วจูบอีกครั้ง“อื้ม” “ปากหวานเหมือนเดิมเลยนะ”“แล้วเธออยากดูดอยากอื่นนอกจากปากฉันไหม..”พรึบ!“คะ..ค่ะ รู้สึกร้อนจังเลยนะคะ” ผิงอันรู้สึกห
“ฉันลืมหยิบชุดไปน่ะค่ะ” เสียงหวานเอ่ยอ้อมแอ้ม“…” เพียงมาเฟียหนุ่มทั้งสองเงยหน้าขึ้นมาเท่านั้นแหละ อึก อึก กลืนน้ำลายลงคอคนละอึก“คงไม่ต้องใช้แล้วแหละ”คาร์ลเตอร์เดินลงจากเตียงไปหาร่างบางที่ยืนเอามือปิดหน้าอกใหญ่ไว้ไม่มิด“ไม่ต้องปิดหรอกคนสวย” คาร์ลเตอร์จับมือเธอดึงออก ซ้อนตัวยืนด้านหลังมือหนากุมเต้าสวยบีบจนขึ้นรอยแดง“อื้มม” เสียงหวานครางเล็กน้อยเมื่อถูกสัมผัส“วันนี้คงปล่อยให้นอนเฉยๆไม่ได้แล้วล่ะ ยัยดอกไม้ของฉัน” เคลว์เดินไปนั่งลงขุกเข่า ใบหน้าคมจับจ้องอยู่ที่น้องสาวขาวเนียนไร้ขน“รู้ไหมว่าฉันต้องอดทนมากแค่ไหน” หลายเดือนที่เขาต้องช่วยตัวเองแล้วนึกถึงเธอ วันนี้ขอทำให้หนำใจเลยนะเคอร์วินใช้มือแหวกน้องสาวเธอออก โน้มหน้าเข้าไปจูบ ก่อนจะใช้ปากดูดเม็ดความสุข จนขาเธอแทบอ่อนแรง“คาร์ล เคลว์…”เสียงหวานออดอ้อน มือยกขึ้นลูบไล้ใบหน้าหล่อของคาร์ลเตอร์ อีกมือก็กำผมเคอร์วินที่ซุกซนอยู่กับน้องสาวเธอคาร์ลเตอร์ขบกัดคอขาว มือกำผมสีน้ำตาลยาวสลวยเธอรวบติดกับมือตัวเองเคอร์วินกัดเล่นกับเม็ดความสุขเธอเหมือนว่ากำลังกินเยลลี่ และเริ่มเปลี่ยนเป็นใช้ลิ้นสอดใส่เข้าไปในรูเล็กที่ปิดสนิท เพราะเธอไม่ได้ทำเลยตั้งแต
08:00 AMนานนับหลายชั่วโมงกว่าที่สองแฝดจะหยุดพักจากกิจกรรมทางกายกับเธอ ก็ปาเวลาเข้าไปถึงแปดโมงเช้าถ้าไม่ติดว่าเธอสลบไปก่อน พวกเขาคงอยากจะทำต่อมากกว่านี้… หลังจัดการเช็ดทำความสะอาดให้ผิงอันเรียบร้อยแล้ว“เดี๋ยวกูไปทำงานก่อน”คาร์ลเตอร์กำลังจะลุกจากเตียงแต่เคอร์วินก็ชิงลุกขึ้นก่อนพี่ชาย“วันนี้ไม่ต้อง กูเอง”“มึง?”คาร์ลเตอร์ถามย้ำ เพราะรู้ว่าน้องไม่ชอบงานในบริษัทที่จะต้องไปวันนี้“เออ มึงอยู่เป็นเพื่อนเธอเถอะ”“กูออกไปเคลียร์งานเอง”“เดี๋ยวตื่นมาไม่เจอใคร จะคิดว่าถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว”เคอร์วินลุกออกจากเตียงกอดอกมองร่างบางแล้วหันหน้าไปพูดกับพี่ชายก่อนเดินไปแต่งตัว“โอเค ไม่ติด กูจะได้นอนกอดเธอต่อ” เอาใบหน้าคมซุกหน้าลงไปกับหน้าอกเนียนนุ่ม รู้สึกขอบคุณน้องชายที่อาสาออกไปทำงานแทน เพราะตามจริงวันนี้ต้องเป็นเขาที่ไปบริษัทเกี่ยวกับการส่งออกผลไม้คาร์ลเตอรจุมพิตลงบนเต้านมสวย ไล่จูบขึ้นมาจนถึงหัวไหล่“เออ นอนไปเถอะครับ”“มึงเหนื่อยมาหลายวันแล้ว” เสียงเคอร์วินตะโกนออกมาจากห้องแต่งตัวคาร์ลเตอร์ที่ได้ยินชะงักเล็กน้อย ผละตัวออกห่างยัยตัวเล็กที่นอนหลับสนิทใช้แขนดันตัวลุกขึ้นนั่ง เอนหลังพิงกับหั
แกร๊ก คาร์ลเตอร์ยังพูดไม่ทันขาดคำ เสียงเปิดประตูเข้ามาในห้องจากคนที่ออกไปทำงานนอกบ้านก็กลับมาถึง“ยังไม่ตื่นอีกเหรอ” คำแรกที่เอ่ยก็คือการถามถึงร่างบางเคอร์วินที่ออกไปเคลียร์งานกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งในตอนบ่ายๆของวัน เห็นคาร์ลเตอร์ยืนกอดอกมองร่างบางนอนสลบสไหลใต้ผ้าห่มที่ปกปิดร่างกายที่ไร้เสื้อผ้า“ยัง เราคงทำหนักไปสินะ”“ก็กล้าถามเนอะมึง” เล่นสับเปลี่ยนท่าไปมากันขนาดนั้น เธอตื่นไหวสิแปลก“ก็ไม่ใช่กูคนเดียวที่ทำอะ”คาร์ลเตอร์พูดสวนกลับ“ครับพี่ชาย” ก็ตามที่คาร์ลเตอร์พูด ก็คนมันคิดถึงเมียให้ทำไงเดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า“เรามีเวลาอยู่กับเธออีกกี่วันวะ” เคอร์วินถามขณะเปลี่ยนเสื้อตัวเก่าออกเตรียมอาบน้ำ เพราะกลัวสิ่งสกปรกจากด้านนอกจะไปเปื้อนเธอ ยิ่งในตอนนี้ยังคงมีโรคระบาดไวรัสแพร่กระจายอยู่ไม่หาย“กูโทรไปคุยกับคุณลุง เธออยู่ต่อกับเราได้อีกสามอาทิตย์”กึก!เคอร์วินที่ได้ยินอย่างนั้นวิ่งออกมาตัวเปล่า ด้วยอาการดีใจ“มึงพูดจริงใช่ไหม!”“โกหก”“ไอ้สัตย์! เอาดีๆ” เคอร์วินหน้าหงิกหน้างอใส่พี่ชายเมื่อถูกหลอก“ใช่เรื่องมาหลอกกูไหม! พูดความจริงมา!” เคอร์วินพูดเสียงดัง“มึงยังหลอกกูเรื่องขอบ
(อ่านจบอย่าลืมกดติดตาม คอมเมนต์นะคะ)เคอร์วินกับคาร์ลเตอร์กำลังพูดคุยเรื่องราวที่มีการฉ้อโกงในบริษัทเครือข่ายลูกที่อยู่ในการดูแลของพวกเขา และดูเหมือนว่า ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นอาพวกเขาเองที่ทำดูท่าครั้งนี้จะได้ข้อสรุปเด็ดขาดในการกำจัดสิ่งสกปรกเหล่านั้นแล้วด้วย ถึงแม้ว่าจะเป็นญาติพี่น้องกันก็ตาม แต่ถ้ามาทำอะไรที่มันข้ามหัวกันอย่างนี้ ก็ไม่มีอะไรที่ต้องไว้หน้ากันอีกต่อไป“เออมึง อีกเรื่องจดหมายที่ปู่ให้ไว้ มึงเปิดอ่านหรือยัง” เคอร์วินนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้อ่านจดหมายของปู่เลย“ยังไม่ได้อ่าน”“เหรอ ค่อยเอามาอ่านตอนที่เคลียร์ทุกอย่างแล้วก็ได้”“หรือมึงอยากจะเอาไปอ่านก่อน”คาร์ลเตอร์เอ่ยถามน้องชาย“ไม่อะ รออ่านพร้อมมึง” กระดกไวน์ดื่มจนหมดแก้ว แล้วเอนตัวลงนอนหับโซฟา“อาทิตย์หน้าพวกไอ้ลูซจะมานะ”“จริงอะ ดีเลยนะแบบนั้น” ไม่ได้เจอกับแก๊งเพื่อนมาสักพักคงต้องสังสรรค์กันสักหน่อยแล้ว“จดหมายมีแค่ของปู่ใช่ไหมวะ” จู่ๆ เคอร์วินก็ถามขึ้น เพราะรู้สึกว่าในหัวเขามันมีคำว่าจดหมายติดอยู่ในหัว“อืม มีแต่ของปู่”“ตาแก่นี่ก็จริงรู้ว่าไม่ชอบก็ยังจะเขียนจดหมายทิ้งไว้อีก”“ท่านปู่คงรู้ว่ามึงไม่ชอบ ถึงได้จงใจไง”“ก
“ทำไม ไม่เชื่อเหรอว่าฉันออกไปทำงานมาจริงๆ?”“อื้อ ก็เคลว์ดูเป็นคนไม่ชอบทำงานนี่นา” “ดูจะชอบดื่มไม่ก็ไปเที่ยวเล่น รอให้คาร์ลเลี้ยงอะ” เธอพูดด้วยความใสซื่อ ก่อนที่ผิงอันจะจับมือเคอร์วินออก ลูบจมูกตัวเองที่ถูกเขาบีบ“ฮะ หึ” พี่ชายฝาแฝดถึงกับต้องหันหน้าไปอีกทางเพราะกลั้นขำ“ขำไรของมึง” เคอร์วินถลึงตามองใส่พี่ชายฝาแฝด“เปล่า” คาร์ลเตอร์ไหวไหล่ แต่ยังกลั้นขำอยู่“ฉันเปลี่ยนไปแล้ว และตั้งใจจะเป็นคนที่ดูแลเธอให้ได้” เคอร์วินก้มหน้ามาพูดกับผิงอัน“จริงนะคะ” เธอหันไปหาเขาก่อนจะขยับหน้าไปหอมแก้มมาเฟียหนุ่ม“รางวัลสำหรับคนออกไปทำงานค่ะ”และหันไปหอมคาร์ลเตอร์อีกคน“และรางวัลสำหรับคนที่อยู่ดูแลค่ะ”สองหนุ่มฝาแฝดหน้าแดงระรื่น รู้สึกเขินเมื่อถูกสาวน้อยหอมแก้มไปคนละที“ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ” รีบคลานลงจากเตียง“อ๊ะ ว้าย!!!” ตุบ ก้าวเท้าได้สามก้าวเธอก็ลงไปนั่งอยู่กับเพื่อนซะแล้ว“ผิงอัน/อันอัน!”สองแฝดตกใจมากรีบลุกจากเตียงนอนทันที ตรงเข้ามาหาเธอที่นั่งตัวงออยู่กับพื้นห้อง“เจ็บมากไหม”“ไม่เจ็บค่ะ”“เป็นอะไรไหม ทำไมถึงล้มได้ล่ะ”“ขา ขามันเหมือนไม่มีแรงเดินค่ะ”“เจ็บตรงนั้นด้วย”ตรงนั้นก็คือ น้องสาวเธอ
(อ่านจบอย่าลืมกดติดตาม คอมเมนต์นะคะ)เคอร์วินกับคาร์ลเตอร์กำลังพูดคุยเรื่องราวที่มีการฉ้อโกงในบริษัทเครือข่ายลูกที่อยู่ในการดูแลของพวกเขา และดูเหมือนว่า ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นอาพวกเขาเองที่ทำดูท่าครั้งนี้จะได้ข้อสรุปเด็ดขาดในการกำจัดสิ่งสกปรกเหล่านั้นแล้วด้วย ถึงแม้ว่าจะเป็นญาติพี่น้องกันก็ตาม แต่ถ้ามาทำอะไรที่มันข้ามหัวกันอย่างนี้ ก็ไม่มีอะไรที่ต้องไว้หน้ากันอีกต่อไป“เออมึง อีกเรื่องจดหมายที่ปู่ให้ไว้ มึงเปิดอ่านหรือยัง” เคอร์วินนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้อ่านจดหมายของปู่เลย“ยังไม่ได้อ่าน”“เหรอ ค่อยเอามาอ่านตอนที่เคลียร์ทุกอย่างแล้วก็ได้”“หรือมึงอยากจะเอาไปอ่านก่อน”คาร์ลเตอร์เอ่ยถามน้องชาย“ไม่อะ รออ่านพร้อมมึง” กระดกไวน์ดื่มจนหมดแก้ว แล้วเอนตัวลงนอนหับโซฟา“อาทิตย์หน้าพวกไอ้ลูซจะมานะ”“จริงอะ ดีเลยนะแบบนั้น” ไม่ได้เจอกับแก๊งเพื่อนมาสักพักคงต้องสังสรรค์กันสักหน่อยแล้ว“จดหมายมีแค่ของปู่ใช่ไหมวะ” จู่ๆ เคอร์วินก็ถามขึ้น เพราะรู้สึกว่าในหัวเขามันมีคำว่าจดหมายติดอยู่ในหัว“อืม มีแต่ของปู่”“ตาแก่นี่ก็จริงรู้ว่าไม่ชอบก็ยังจะเขียนจดหมายทิ้งไว้อีก”“ท่านปู่คงรู้ว่ามึงไม่ชอบ ถึงได้จงใจไง”“ก
“ตอนนี้กี่โมงแล้วเหรอคะ”“เกือบบ่ายสามแล้วยัยขี้เซา” เคอร์วินตอบ“โอ้ ฉันหลับไปนานขนาดนั้นเลยเหรอคะ”“ใช่ เคลว์ไปทำงานจนกลับมาเธอก็ยังไม่ตื่น”“ฮะ แล้วคาร์ล..”“ฉันอยู่กับเธอทั้งวัน”“แต่สงสัยจัง เคลว์? ไปทำงาน?” น้ำเสียงที่ฟังดูไม่เชื่อว่าเคอร์วินออกไปทำงานมาหมับ! เคอร์วินบีบจมูกเธอดึงให้หันมาหาเขา แต่ไม่ได้ทำแรงมาก“อ๊ะ!”“ทำไม ไม่เชื่อเหรอว่าฉันออกไปทำงานมาจริงๆ?”“อื้อ ก็เคลว์ดูเป็นคนไม่ชอบทำงานนี่นา” “ดูจะชอบดื่มไม่ก็ไปเที่ยวเล่น รอให้คาร์ลเลี้ยงอะ” เธอพูดด้วยความใสซื่อ ก่อนที่ผิงอันจะจับมือเคอร์วินออก ลูบจมูกตัวเองที่ถูกเขาบีบ“ฮะ หึ” พี่ชายฝาแฝดถึงกับต้องหันหน้าไปอีกทางเพราะกลั้นขำ“ขำไรของมึง” เคอร์วินถลึงตามองใส่พี่ชายฝาแฝด“เปล่า” คาร์ลเตอร์ไหวไหล่ แต่ยังกลั้นขำอยู่“ฉันเปลี่ยนไปแล้ว และตั้งใจจะเป็นคนที่ดูแลเธอให้ได้” เคอร์วินก้มหน้ามาพูดกับผิงอัน“จริงนะคะ” เธอหันไปหาเขาก่อนจะขยับหน้าไปหอมแก้มมาเฟียหนุ่ม“รางวัลสำหรับคนออกไปทำงานค่ะ”และหันไปหอมคาร์ลเตอร์อีกคน“และรางวัลสำหรับคนที่อยู่ดูแลค่ะ”สองหนุ่มฝาแฝดหน้าแดงระรื่น รู้สึกเขินเมื่อถูกสาวน้อยหอมแก้มไปคนละที“ขอไปเข้าห้
เหมือนโดนแช่แข็ง สายตาคมที่มองมาทางพวกเขาพนักงานที่จับกลุ่มพากันก้มหน้าลงพื้นไม่กล้าสบตาเคอร์วินบางคนอาจคิดสินะว่าทำไมพวกเขาถึงไม่พุ่งเป้าไปที่บริษัทเหมืองทองคำ แต่กลับเป็นบริษัทส่งออกอาหารทะเลแล้วใครบอกว่าเขาจะไม่พุ่งเป้าไปที่นั่นกันล่ะแต่ในเมื่อเราเลือกจะจัดการ เราต้องทำจากสิ่งที่รักมากที่สุดสองแฝดและลูกน้องอีกสี่คนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนที่เป็นห้องผู้บริหารเพียงแค่สองแฝดก้าวเท้าออกจากลิฟต์ ลูกน้องอังเดรก็เกิดความแปลกใจ และตกใจไปตามๆกันไม่เคยเห็นทั้งสองคนมาที่นี่มาก่อนเลยบอดี้สองคนเดินไปขวางทางมาเฟียหนุ่มที่งสองเอาไว้ไม่ให้เดินเข้าไปด้านใน“เฮ้ย! กล้าดียังไงมาขวางทางนายท่าน!”ไทกิตะคอกเสียงดังสนั่น“ได้นัดไว้หรือเปล่าครับ ถ้าไม่รบกวนกลับไปด้วยครับ”“โหไอ้นี่ มึงกล้าพูดกับนายท่านแบบนี้เลยเหรอวะ!”คาร์ลเตอร์ยกมือห้ามไทกิเอาไว้“หลบไป”“ไม่ได้ครับ บริเวณนี้มีเพียงผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้นที่เข้าไปได้” อัสมาร์บอดี้การ์ดที่คอยดูแลอังเดรเอ่ยบอกเสียงเรียบ“หึ” เคอร์วินแค่นหัวเราะในลำคอก้าวเท้าเดินมาด้านหน้าสองก้าว “มึงลืมอะไรไปหรือเปล่า”“กู พี่กู คือ ผู้นำตระกูลดูรองซ์”“บริษัทที่เป็นข
⚠️ตอนนี้มีการใช้คำหยาบคายรุนแรง⚠️⚠️ไม่ชอบสามารถข้ามได้เลยค่ะ⚠️เช้าวันเสาร์ท้องฟ้าที่สดใสน่ามอง ท้องฟ้าที่ดูเหมือนกำลังมีความสุข แต่ในเวลาช่วงบ่ายมันกลับแปรเปลี่ยนเป็นสีเทาหม่นดูอึมครึมไม่สดใส ก้อนเมฆก่อตัวจับกันเป็นก้อนดูท่าแล้ววันนี้พายุฝนคงจะก่อตัวโหมกระหน่ำเทลงมาเสียแล้ว..ฝาแฝดหลานชายแห่งตระกูลดูรองซ์ลงจากรถยนต์สุดหรูหรา ที่มีเพียงห้าคันในโลก และอีกสี่คันก็เป็นของเพื่อนทั้งสี่คนคาร์ลเตอร์และเคอร์วินมองดูป้ายชื่อบริษัท“เพิ่งเคยได้มาครั้งแรกเลยนะ”“เข้าไปด้านในกัน”seafood’duronx company ( บริษัท ดูรองซ์ซีฟู้ด จำกัด ) หนึ่งในหุ้นที่อองเดรเคยยกให้ลูกชายคนรองนั้นยังมีอีกหนึ่งบริษัท นั่นคือบริษัทส่งออกเกี่ยวกับอาหารทะเล ในตอนนั้นคนที่มีหุ้นมากที่สุดคืออองเดรและออสตินลูกชายคนโต.. อองเดรมีหุ้น40% ออสตินลูกชายคนโตมีหุ้น15% อังเดรลูกชายคนกลางที่ไม่มีสักเปอร์เซ็นต์…แต่แล้วระดับการถือหุ้นก็เปลี่ยนไป…เพราะเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ? เอ๊ะหรือว่าบางคนจะอยากให้เกิดขึ้น ! โศกนาฏกรรมที่ออสตินและภรรยาได้ถูกฆาตกรรม เป็นประวัติการณ์ครั้งใหญ่ของตระกูลดูรองซ์อันยิ่งใหญ่ ที่ลูกชายคน
หนึ่งสัปดาห์ถัดมาหลังจากวันนั้นที่ได้รับรู้ความรู้สึกภายในใจอย่างตรงไปตรงมาของผิงอัน จริงๆ ลึกในใจ พวกเขารับรู้ความรู้สึกของเธอมานานแล้ว ตลอดเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันนั่นแหละ แต่อยากได้ยินจากปากเธอเองมากกว่า สองแฝดไม่กังวลในเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสามคนอีกต่อไป เธอสัญญาว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ว่างจากมหาวิทยาลัย จะสองวัน สามวัน หนึ่งวัน ผิงอันจะคอยโทรศัพท์มาพูดคุย หรือเผลอๆ เธอก็จะมาหาทั้งสองคนที่นี่เลย!!!“ฉันจะมาหาอีกนะคะ วันหยุดเมื่อไหร่..”“ไม่ต้อง”“..”“เดี๋ยวไปหาเอง”“จริงเหรอคะ!”“เคยโกหกหรือไง”“งั้นเราสามคนมาเกี่ยวก้อยสัญญาค่ะ..”“ประทับสัญญา!” นิ้วโป้งเล็กแตะประทับนิ้วโป้งเรียวยาวทั้งของแฝดพี่และแฝดน้อง“ทำอะไรเป็นเด็กไปได้นะเธอ จุ๊บ!”“แล้วเจอกัน จุ๊บ!”ส่วนสองแฝดเองก็ได้ให้คำมั่นสัญญา รับปากว่าถ้าเคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อย จะขึ้นเครื่องบินส่วนตัวไปหาที่ประเทศจีน ไม่ต้องให้เธอลำบาก นั่งเครื่องบินปกติ ข้ามน้ำข้ามทะเล ข้ามทวีป เดินทางแสนไกล ให้เหนื่อยเปล่าๆ พวกเขาบอกให้เธอรออยู่ที่นั่นพวกเขาจะไปหาเธอเอง…จะไปหาแน่นอน…สัญญาไว้แล้ว…ห้องทำงานคาร์ลเตอร์คาร์ลเตอร์นั่งก้มหน้าอ่า
ผิงอันที่ได้อ่านข้อความ จากที่ง่วงๆ ตื่นเต็มตา ลุกขึ้นนั่ง แล้วรีบตอบไปทันทีว่าเธอจะรีบกลับ พอไปเช็กเที่ยวบิน มีพรุ่งนี้ที่สามารถกลับได้ชั่วขณะหนึ่งที่ผิงอันมีความคิดบางอย่างเกิดขึ้นในใจ ช่วงเวลาที่เธออยู่กับสองแฝดมันทำให้เธอลืมทุกอย่าง ลืมว่าตัวเองมีหน้าที่อะไร ต้องทำอะไร ตอนนี้อยู่ในจุดไหนบางทีนี่อาจทำให้เธอต้องกลับมาทบทวนตัวเองอีกครั้งว่ากำลังทำอะไรอยู่กัน…ผิงอันลุกจากเตียงไปหาสองแฝดที่ห้องแต่ก็ไม่เจอเลยเดินหาทั่วคฤหาสน์ จนสองคนกลับเข้ามาพอดี“ฉันมีเรื่องจะบอกค่ะ..”ทั้งสามคนมานั่งอยู่ที่ห้องโถง เหมือนกับวันแรกที่ได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง แต่ต่างตรงที่ทั้งสามคนนั่งแยกกันคนละโซฟา…“มีอะไร”“บอกมาสิ ทำไมหน้าตาดูกังวล เกิดอะไรขึ้น”เคอร์วินรัวคำถามผิงอันนั่งก้มหน้ากำมือเข้าหากันแน่น ถอนหายใจก่อนจะเปล่งเสียงพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ“พรุ่งนี้.. ฉันคงต้องกลับจีนก่อนนะคะ!”“ทำไม เธอยังเหลือเวลาอีกหนึ่งสัปดาห์ไม่ใช่เหรอ”“ตามจริงฉันลามาแค่งานรับตำแหน่งพวกคุณเฉยๆค่ะ ป๊าม๊าคงไปขอเวลาวันหยุดให้เพิ่ม..” “งั้นก็อยู่ต่อสิ จะรีบกลับทำไม” คาร์ลเตอร์มองร่างบางที่เอาแต่ก้มหน้า“นั่นสิ จะรีบกลับทำไมฉัน
เรนเดลผู้เป็นดั่งมันสมองของกลุ่ม สมองเขาเหมือนกลไกหุ่นยนต์ เขามักมีแผนการดีๆ และรอบคอบมาให้เพื่อนเสมอ ไม่มีใครเคยเอาชนะแผนการของเรนเดลได้เลยหลายต่อหลายครั้งที่เรนเดลเป็นคนคิด แผนจะสำเร็จเสมอ ไม่เคยพลาดเลยสักครั้ง ใครที่เข้ามาอยู่ในแผนของเขาถือว่าพลาดมาก เพราะคุณจะไม่สามารถรอดไปไหนได้แล้ว…เพื่อนทุกคนในกลุ่มถึงไว้วางใจถ้าเป็นแผนการมาจากเรนเดล“คิดอะไรออกแล้วสินะ” อีวานยกยิ้ม เพียงฟังคำพูดของเรนเดลก็รู้ได้ในทันที“มึงมีความคิดยังไง” เคอร์วินเอ่ยถามเรนเดล“หึ อามึงต้องการทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกมึงได้ใช่ไหม”“ตอนนี้ ถึงอามึงจะได้มรดกไปมากแค่ไหน ก็ยังไม่พอใจในสิ่งที่มีกันสักที”“แล้วถ้าไอ้คนที่มันเคยมี เคยได้ เคยใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสิ่งที่ต้องการมาตลอดทั้งชีวิต” เรนเดลกล่าวเสียงเรียบมุมปากยกยิ้ม“แล้วไม่เหลืออะไรสักอย่าง หลานที่พวกมันเกลียดนักเกลียดหนาได้ครอบครองทุกอย่างที่เป็นของมันไปเพิ่มอีก” “จะต้องเจ็บปวดทรมานใช่ไหมที่มึงกำลังจะบอกกู” คาร์ลเตอร์พูดต่อจากเรนเดล“ถูกต้อง ในเมื่อฆ่าให้ตายก็เปล่าประโยชน์ สู้เราเล่นสนุกกับมันให้เหมือนตายทั้งเป็น”“สนุกกว่าตั้งเยอะ” อีวานพูดเสียงเรียบ “ถ้
‘ ปู่ขอโทษนะ ที่ไม่สามารถอยู่ปกป้องพวกแกได้แล้ว และขอโทษที่ไม่สามารถปกป้องพ่อแม่ของพวกแกความผิดทั้งหมดมาจากกระทำของปู่คนนี้เอง ที่เลี้ยงลูกมาได้ไม่ดี ทำให้มีความคิดแก่งแย่งชิงดี แตกแยก ปู่พยายามแล้วที่จะให้ครอบครัวเป็นครอบครัวแต่ก็ไม่เคยทำได้ ปู่รู้เรื่องคนที่อยู่เบื้อหลังการตายของพ่อแม่พวกแกมานานแล้ว… แต่ปู่ก็ไม่กล้าที่ลงมือเพราะคนที่ทำ ก็คือลูกชาย คืออาพวกแกถ้าพวกแกได้อาจจดหมายนี้ แสดงว่าปู่ไม่อยู่บนโลกนี้อีกต่อไปแล้ว…ปู่ไม่เด็ดขาดพอจะจัดการสั่งการ หรือลงโทษ คงเพราะนั่นก็เป็นลูกชายปู่เหมือนกันสงสัยใช่ไหมว่าทำไมปู่เลือกจะบอก ทำไมไม่ปล่อยให้ความลับนี้มันตายไปกับปู่ ปู่เพิ่งคิดได้ก็ตอนช่วงสุดท้ายของชีวิต คนทำผิดควรได้รับการลงโทษไม่ว่านั่นจะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขที่เราสร้างขึ้นมาและเรื่องนี้พวกแกควรได้รู้ความจริงนี้แล้วจะจัดการยังไง ก็ตามที่พวกแกต้องการขอโทษนะที่ทำให้พวกแกจมอยู่กับความเจ็บปวดปู่รักพวกแกนะ คาร์ลเตอร์ เคอร์วิน ’“ไอ้พวกเหี้ยนั่น ยังเรียกตัวเองว่าคนได้อีกเหรอวะ!” เรนเดลแทบจะกำแก้วในมือแตก อีวานถึงกับต้องดึงแก้วไวน์ออกจากมือเรนเดล“เข้าประเด็นเลยนะ ให้กูฆ่าอามึงเลย
ห้องประชุมลับชั้นบนสุดของคฤหาสน์ไม่ได้มีแต่เพียงห้องนอนใหญ่ หรือห้องบรรณาการความสะดวกสบายแค่อย่างเดียว แต่ด้านในของห้องสมุดมีห้องลับถูกซ่อนอยู่หลังกำแพงชั้นหนังสือ ที่มีเพียงทายาทสายเลือดตรงเท่านั้นที่เปิดได้ เพราะต้องใช้เลือด..ในการเปิดประตูห้องลับนี้และในเวลานี้แก๊งมาเฟียที่ขึ้นชื่อว่าทรงอิทธิพล มีอำนาจ และมีความสำคัญระดับชาติ ติดหนึ่งในห้าแก๊งที่น่ากลัวที่สุดในโลก กำลังรวมตัวกันอยู่ในห้องลับตระกูลดูรองซ์ นานแล้วที่พวกเขาไม่ได้มาประชุมจริงจังรวมตัวกันอย่างนี้ แต่เพราะนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่กว่าแค่การโกงเงินมาเฟียหกคนที่นั่งล้อมโต๊ะกลมตัวใหญ่ พวกเขาทั้งหกคนมีสีหน้าที่ต่างกันออกไป คาร์ลเตอร์มีสีหน้าเรียบนิ่ง แต่สายกับกังวล ไม่ได้กังวลเรื่องวิธีการจีดการ แตาเขาเป็นห่วงคนที่อยู่ข้างหลัง ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือเคอร์วิน อาจเป็นจุดเปลี่ยน เขาเลยเรียกรวมตัวเพื่อนๆ ส่วนเคอร์วินสีหน้าออกชัดเจนว่ากำลังไม่พอใจ และโกรธมาก ถ้าพี่ชายไม่ห้ามเอาไว้เขาคงจะออกไปฆ่าพวกมันให้หมด!!!!ลูเซียโน่ที่มีสีหน้ายิ้มแย้ม ไม่สะทกสะท้านต่ออะไร แม้เรื่องตรงหน้าอาจแลกด้วยเลือด ชีวิต..อีวานคีบชิก้าสูบ พ่นควันสีข
อีวานที่มาเอาเอกสารที่ห้องทำงาน ติดกับห้องนอน ให้เพื่อนซึ่งกำลังจะเปิดประตูออกมาแต่ได้ยินเสียงหวานใสที่คุ้นหู เขาเลยยังไม่ออกไป บทสนทนานี้ทำให้เขาได้เข้าใจความรู้สึกของเธอ…ปรากฎว่าสองแฝดไม่ได้นอนอยู่ในห้อง สงสัยคงยังพูดคุยกับเพื่อนกันอยู่มั้ง ไม่ก็อาจจะไปนอนห้องส่วนตัวของเขาเพราะห้องนี้ใช้นอนสำหรับสามคน คือเธอ และสองแฝดเอาของเสร็จแล้ว สองสาวก็พากันเดินออกมา แต่ต้องชะงักกันไปเลยทั้งสองคน เพราะตอนนี้อีวานกำลังยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าพวกเธอ“คุณอีวาน / คุณ..ทำไมมาอยู่ตรงนี้” ขนมปังหวังไว้เหลือเกินว่าเขาคงจะไม่ได้อยู่หรือได้ยินตั้งแต่แรกที่เธอพูดคุยกับผิงอันหรอกใช่ไหม“ฉันขอคุยกับขนมปัง”“เอ่อ อ๋อค่ะ แกฉันไปนั่งรอตรงห้องนั่งเล่นนะ”ผิงอันเดินไปรอเพื่อนตรงห้องนั่งเล่น ที่อยู่ถัดไปจากห้องสมุด ชั้นนี้มีหลายโซนมาก เหมาะแล้วที่เป็นชั้นบนสุด แต่ผิงอันคงไม่รู้ว่าชั้นนี้มีโซนลับอยู่ด้วย..“มีอะไรกับฉันเหรอคะ”“ต้องมีอะไร? ถึงจะคุยได้เหรอ?”สีหน้าที่นิ่ง และน้ำเสียงที่เย็นชาทำขนมปังรู้สึกตัวชาแปลกๆ“เปล่าค่ะ แล้วสรุปมีอะไรคะ”“…”“ถ้าไม่มีฉันจะไปหาเพื่อนแล้วนะคะ”เพราะเขาเอาแต่เงียบ เธอก็ไม่รู้จะยืนอ
เพื่อนสาวที่นั่งปรับทุกข์เรื่องราวความรักจบก็ ชวนคุยกันเรื่องอื่นต่อไปอีก ลากยาวจนเกือบตีหนึ่งครึ่ง นี่แหละนะไม่ได้เจอกันนาน ทำให้มีเรื่องต้องคุยกันเยอะ เหมือนต่างคนต่างอัปเดตเรื่องราวที่ผ่านมาของตัวเอง“โห ตีหนึ่งครึ่งแล้วอะแก”“อาบน้ำกันก่อนไหม แล้วแกเตรียมเสื้อผ้ามาหรือเปล่า” ผิงอันไม่เห็นกระเป๋าเดินทางของขนมปังเลย เหมือนเพื่อนจะมาตัวเปล่า?“ไม่อะ พอฉันได้ยินว่าเขาจะพามาหาแก”“ก็รีบมาเลย ไม่ได้พกอะไรมานอกจากกระเป๋าสะพายข้าง และในกระเป๋าก็มีแค่โทรศัพท์ สายชาร์จ อะไรพวกนี้ที่มีอยู่ในกระเป๋าอะ” ขนมปังเปิดดูกระสะพายข้างสุดหรูยี้ห้อdior ให้เพื่อนดูว่าเธอเอามาเท่านี้ โทรศัพท์ กระเป๋าตังค์ สายชาร์จ ลิปสติก “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปเอาชุดนอนกับชุดใส่เล่นมาให้แกเอง”“ให้ฉันไปด้วยไหม” จริงๆ คือกลัวการต้องนั่งอยู่คนเดียวในห้อง“อยากไปเดินเล่นไหมล่ะ”“แต่มันดึกแล้วนะ”“ไม่เป็นไรหรอก เอางี้เดี๋ยวเราไปเล่นน้ำที่ดาดฟ้ากัน” ผิงอันชวนเพื่อนสาวไปว่ายน้ำเล่นที่ดาดฟ้า“มีสระว่ายน้ำอยู่บนดาดฟ้าด้วยเหรอแก”“มีๆ เคอร์วินพาไปดูมา ฉันก็ยังไม่ได้เล่น”“งั้นก็ไปสิคะ ฉันอยากว่ายน้ำ”เหมือนพวกเธอจะลืมไผแล้วว่าต