“ก่อนฉันเหรอ?” เซเลน่าทวนคำพูดของเซเวียสอย่างมึนงง ทั้งที่ตอนหันไปข้างหลังแล้วไม่เจอเขา และหากเขาอยู่ตรงนี้ก่อนเธอก็ต้องสังเกตเห็นเขาตั้งแต่แรก “ทำไมฉันไม่เห็นนายล่ะ”
“…” เซเวียสเมินเฉยต่อคำถามของบุคคลร่วมชั้นเรียน ก่อนจะบุหรี่รสเมนทอลในกระเป๋าเสื้อโค้ตขึ้นมาจุดสูบ แล้วเดินผ่านเธอไปโดยไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น
“นายไม่ชอบฉันเหรอเซส” ปฏิกิริยาของอีกฝ่ายชักนำให้หญิงสาวตั้งคำถามอีกครั้ง เขาดูเย็นชาเสมอเมื่อพบหน้าเธอ แต่จริงๆ เขาก็เย็นชากับทุกคน เพียงแต่เซเลน่ารู้สึกได้ว่าเซเวียสตั้งกำแพงกับเธอเกินไป
และเป็นอีกครั้งที่เซเลน่าไม่ได้รับคำตอบใดจากปากเขา ส่งผลให้เธอยู่ปากใส่แผ่นหลังแกร่งของคนตัวโต แล้วอุ้มขวดแชมเปญเดินตามหลังเขามายังหอพักอีลีตส์
เซเลน่าเดินมาหากลุ่มเพื่อนที่มองตามเซเวียสเดินเข้าไปในสถานที่จัดงานปาร์ตี้ “ฉันมาแล้ว”
“เซเวียสมางานปาร์ตี้จริงว่ะอีเซล พวกอีลีตส์มันเอาเขามาได้ยังไงเนี่ย” พิตต์พูดขึ้นอย่างตื่นเต้น การมาของเซเวียสไม่ได้ทำให้กลุ่มพวกเธอตกใจเท่านั้น แต่กลุ่มอื่นๆ ก็เหมือนกัน
“ก็เซสมีชื่ออยู่ในโดมอีลีตส์อยู่แล้วนี่ เขาจะมาก็ไม่แปลกอะไร” แต่ก็ไม่เคยมีใครเห็นเขาเข้ามานอนค้างที่หอพักเลย ถึงอย่างนั้นทุกคนก็เข้าใจได้ว่าเซเวียสเป็นพวกโลกส่วนตัวสูง แถมการอยู่ข้างนอกก็น่าจะสบายกว่าหอพักนักศึกษาด้วย
“ทำไมแกดูไม่ตกใจ”
“ฉันเจอเขาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”
“ไปๆ เข้างานกันดีกว่า” พิตต์โบกมือให้เพื่อนผู้หญิงเดินเข้าไปในงานปาร์ตี้ก่อน
เซเลน่ายื่นแชมเปญราคาแพงให้ผู้ควบคุมคนเข้างาน พร้อมกับรับกำไลข้อมือเรืองแสงสีเขียวกลับมา ดูเหมือนจะไม่มีความหมายอะไร แต่กำไลแต่ละสีมีความหมายของมัน สีชมพูสำหรับคนมีคู่ สีเหลืองสำหรับคนโสด และสีเขียวสำหรับคนที่อยากมีความสัมพันธ์กับใครสักคนในคืนนี้
ทั้งที่เธอควรได้กำไลสีเหลือง แต่เพื่อนสนิทดันลงชื่อเป็นสีเขียวเอาไว้ ต่อให้อยากเปลี่ยนก็ทำไม่ได้ ดังนั้นจึงทำใจไว้เนิ่นๆ ว่าจะมีคนเข้ามาทำความรู้จักกับเธอในค่ำคืนนี้แน่นอน
“แกนี่มันสร้างเรื่องให้ฉันตลอดเลยนะนังพิตต์”
“เอาน่าอีเซล คืนนี้ปล่อยจอยไปเถอะ ผู้ชายโดมอีลีตส์ปังเด้อ ถ้าแกชอบใครก็ตามเข้าไปที่ห้องได้เลย”
“ฉันหรือแก?”
“ขอบอกตรงนี้เลยว่าวันนี้ฉันไม่ดูแลพวกแกนะ ฉันจะไปกับผู้ชายแน่นอน ชะนีน้อยพวกแกต้องดูแลตัวเอง โอเค้?” แม้ว่าพิตต์จะชอบเอาแต่ใจตัวเองในบางเรื่อง แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาเป็นเพื่อนที่คอยดูแลสาวๆ ในกลุ่มตลอด ปากจัดแต่ใจดีนั่นคือนิยามของพิตต์
“ตามสบายเถอะ” เซเลน่าพยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วเดินตามเพื่อนเข้ามาหยิบเครื่องดื่มที่เตรียมไว้อย่างฟูลออฟชันบริเวณโซนของมัน จากนั้นมายืนริมกำแพงหลบมุมดื่มเงียบๆ คนเดียว เพราะเพื่อนทั้งสามคนอันตรธานหายไปตามหาผู้ชายที่หมายปองของตัวเองกันหมดแล้ว
“เซลก็มาด้วยเหรอ”
“อ้าวทิว มาได้ไงเนี่ย” หญิงสาวทักทายแฟนเก่าสมัยมัธยมปลายครั้นยังอยู่ที่ประเทศไทยผ่านรอยยิ้ม ทิวเขาเป็นแฟนคนแรกที่คบหากันระยะเวลาสั้นๆ เนื่องจากต้องย้ายมาเรียนต่อต่างประเทศ และเลิกกันเพราะเธอเป็นฝ่ายบอกเลิกเขาเอง
“เพื่อนเราพาเข้ามาน่ะ ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้คนเดียว” ทิวเขาไม่ได้มีชื่ออยู่ทั้งโดมอีลีตส์และโดมไฮคลาส การจะเข้ามางานปาร์ตี้ชนชั้นสูงเช่นนี้ได้ก็ต้องรู้จักกับคนในโดมมากพอสมควร
“เพื่อนเราไปสนุกกันหมดแล้ว เราเลยมายืนรอตรงนี้”
“งั้นเราขอดื่มเป็นเพื่อนเซลนะ อยู่ประเทศเดียวกันแท้ๆ แต่ไม่ค่อยได้คุยกันเลย”
“ได้สิ” เซเลน่าเปรยยิ้มอย่างเป็นมิตรส่งให้แฟนเก่า ซึ่งแววตาของเขาบ่งบอกว่าอยากกลับมาทำความสนิทสนมกับเธออีกครั้ง แต่น่าเสียดายต่อให้ทิวเขาจะรู้สึกอย่างนั้น แต่เธอก็ไม่อยากผูกพันธะกับใครตอนนี้
ทิวเขายื่นแก้วเครื่องดื่มมาชนกับแก้วของเธอเบาๆ ก่อนที่เธอจะยกมันขึ้นจิบอย่างละเมียดละไมตามมารยาทสากล โดยที่สายตากวาดมองบรรยากาศไปรอบๆ กระทั่งไปเจอเซเวียสที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวเขื่องคนเดียว แต่รอบข้างมีประธานโดมทั้งของเขาและของเธอนั่งอยู่ด้วย
สีหน้าของเขายังคงเย็นชาไม่ต่างจากเดิม แม้ว่าผู้หญิงจะขออนุญาตชนแก้วกับเขาก็ตามที หากเขาสนใจก็จะตอบรับ แต่ถ้าไม่สนใจก็จะกลายเป็นธาตุอากาศไปโดยปริยาย
เซเลน่าหันกลับมาสนทนากับทิวเขาเพียงครู่สั้นๆ พอหันกลับไปมองเซเวียสก็ไม่เห็นเขานั่งอยู่ตรงนั้นแล้ว เธอจึงกวาดสายตามองหาเพื่อนสนิทคนอื่นๆ ซึ่งไม่รู้ว่าไปอยู่ตรงไหนกันบ้าง“ช่วงนี้เซลเรียนหนักมั้ย”“ไม่เท่าไหร่นะ ส่วนใหญ่จะเข้าแล็บมากกว่า แล้วทิวล่ะ”“ก็เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน”“เรียนจบจะกลับไทยเลยรึเปล่า”“น่าจะทำงานอยู่ที่นี่สักปีสองปีแล้วค่อยกลับน่ะ ยังไม่อยากกลับไปทำงานกับที่บ้านตอนนี้”“เราก็คงเหมือนทิว แต่ต่างกันตรงต้องหาประสบการณ์เพื่อเรียนต่อปริญญาโท” หญิงสาวกำหนดเส้นทางของชีวิตไว้ตั้งแต่เรียนมัธยมปลายว่าต้องเรียนให้จบระดับปริญญาเอกให้ได้ เพราะการศึกษาค่อนข้างสำคัญกับหน้าที่การงานในสมัยนี้ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ “ก็สมกับเป็นเซลดีนะ ชอบเรียนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่”“ที่จริงเราก็ไม่ได้ชอบเรียนขนาดนั้นหรอก…” ยังไม่ทันที่เซเลน่าจะพูดจนจบประโยค เสียงตะโกนของใครบางคนก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน ตามมาด้วยเจ้าของเสียงกระโดดมากอดคอทิวเขา“ไอ้ทิว!”“เสียงดังไปไอ้ศิลป์”“คุยกับใครวะ มึงจะดีลคืนนี้เหรอ แจ่มเลยว่ะ น่าเอาอยู่”“…” เซเลน่าฟังที่อีกฝ่ายพูดเงียบๆ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้ว่าเธอเป็นลูกครึ่งไทยและ
“อื้อ! จะพาไปไหน” คนเมาเอ่ยถามเสียงยานคาง ขณะถูกจับจูงอย่างไร้ความปรานี ถ้าเธอสวมรองเท้าส้นสูงแทนรองเท้าเอสปาดริลส์มีหวังคงตกส้นสูงจนขาแข้งหักชายผู้ถูกตั้งคำถามยังคงเงียบ กำลังชั่งใจในวิธีการเดินทางกลับที่พักของตัวเองว่าจะขับรถยนต์หรือวิธีปกติที่เขาชอบใช้“เซสปล่อยฉัน”“อย่าดิ้น”“เจ็บเท้าแล้ว” เซเลน่ากล่าวอย่างงอแง พยายามย่อตัวนั่งลงบนพื้นเพื่อยื้อยุดกับอีกฝ่ายเพราะไม่เคยต้องประคบประหงมผู้หญิงคนไหนมาก่อน ทำให้เซเวียสจึงยื่นมือไปแตะหน้าผากมนหนึ่งครั้ง ส่งผลให้เธอตัวอ่อนยวบแทบล้มลงทั้งยืน เขาใช้จังหวะนั้นช้อนร่างเธอไว้แล้วพาเธอมายังที่พำนักด้วยวิธีที่รวดเร็วที่สุดเจ้าของร่างสูงใหญ่อุ้มหญิงสาวที่ยังตกอยู่ในอาการสะลึมสะลือเข้ามายังห้องส่วนตัวในคฤหาสน์หลังใหญ่ซึ่งตั้งอยู่กลางหุบเขาอันเงียบสงบ ก่อนจะวางเธอไว้บนเตียงคิงไซซ์สีดำสนิทอย่างแผ่วเบา แล้วโน้มตัวลงไปมองสำรวจใบหน้าแดงระเรื่อของเธอเซเลน่าสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกปลายนิ้วเย็นเฉียบลูบไล้ตามกรอบใบหน้า พยายามปรือตามองเจ้าของร่างกายอุณหภูมิต่ำนี้ว่าเป็นใคร กระทั่งได้สบตากับดวงตาสีอำพันของเซเวียส ซึ่งมันสว่างราวกับเรืองแสงได้“เซสเหรอ”“…” ช
หญิงสาวเดินดื่มกาแฟเข้ามาในคลาสเรียนของตัวเองด้วยความสบายใจ หลังจากเห็นว่าอาจารย์ผู้สอนและเพื่อนคนอื่นยังไม่มาเรียน เว้นแต่ชายผู้นั้นที่เธอบังเอิญสบตาเข้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ เป็นเหตุทำให้ริมฝีปากหยุดดูดน้ำ และนิ่งค้างไปในทันทีเริ่มแรกเธอจำเรื่องราวตอนตื่นนอนไม่ได้ แต่พอได้เห็นหน้าเซเวียส ความฝันเมื่อคืนกลับประเดประดังเข้ามาในหัว ส่งผลให้พวงแก้มขึ้นสีแดงระเรื่อ เพราะกระดากอายที่ตัวเองจินตนาการเรื่องลามกกับเขาอย่างไม่สมควรต่างจากอีกฝ่ายที่ดวงตาสีอำพันสว่างวาบขึ้นหลังจากพบหน้าหญิงสาวที่เขามีเซ็กซ์อย่างเร่าร้อนเมื่อคืน ทั้งที่ความเป็นจริงเธอควรจะหมดลมหายใจไปแล้วเซเวียสเกิดความกระหายและตื่นเต้นเป็นครั้งแรกในรอบเกือบหนึ่งพันปี…ของชีวิตการเป็น ‘ปีศาจ’ เพราะไม่ว่าใครที่ได้ร่วมรักกับเขาจะไม่มีวันตื่นขึ้นมาอีก มันเป็นคำสาปที่จะทำให้เขาหา ‘คู่ชะตา’ ของตัวเจอดังนั้นผู้หญิงที่ยืนอยู่เบื้องหน้าคือคนที่เขาตามหามานานแสนนาน และดันเป็นคนที่เขาไม่เคยคิดจะสนใจแม้แต่วินาทีเดียว บนลำคอของเซเลน่ายังปรากฏรอยเขี้ยวของเขา ทั้งที่ก่อนจะพาเธอกลับไปส่งยังที่พำนัก เขาได้มีการใช้พลังเพื่อลบร่องรอยบนกายเธอทั้งหม
เซเลน่าขับรถเปิดกระจกรับอากาศเย็นๆ ช่วงโพล้เพล้ระหว่างทางกลับไปยังหอพักในมหาวิทยาลัย ถนนหนทางเป็นทางเรียบยาวหลายสิบกิโลเมตร นอกจากป่าสีเขียวขจีก็ไม่มีที่พักอาศัยของผู้คน ซ้ำเวลานี้ยังไร้ซึ่งรถราสัญจรไปมา เพราะอุทยานในหุบเขาปิดทำการแล้วเอี๊ยดดดดด~ทว่าสิ่งผิดปกติข้างทางทำให้หญิงสาวแตะเบรกเบาๆ เธอนำรถเทียบจอดหน้าประตูเหล็กสีดำซึ่งมีเถาวัลย์พันเกี่ยวเต็มไปหมด มองไปที่ประตูนั้นอย่างนึกประหลาดใจ เธอมาที่นี่ไม่ต่ำกว่าสิบรอบ แต่กลับไม่เคยเห็นประตูบานนี้เลยสักครั้งพอลงจากรถยนต์แล้วมองผ่านความมืดเข้าไปในประตู กลับเห็นปราสาทหลังใหญ่สีดำคล้ายกับบ้านร้างตั้งอยู่ข้างใน แต่เพียงเสี้ยววินาทีหน้าต่างทุกบานก็มีแสงไฟสว่างสาดส่องออกมา มันก็เป็นเรื่องที่น่าพิศวงไม่น้อย เพราะไม่ควรมีใครมาตั้งสถานที่ที่อยู่อาศัยในเขตอุทยานเช่นนี้ขณะครุ่นคิดว่าเธอเคยมองข้ามผ่านบริเวณนี้ไปบ้างหรือไม่ ประตูเหล็กสีดำก็ค่อยๆ เปิดออกอย่างเชื่องช้าพร้อมกับส่งเสียงชวนขนลุก ราวกับเชื้อเชิญให้เธอเข้าไปเซเลน่าก้าวถอยหลังมาที่รถยนต์ตัวเองด้วยความตกใจ จากนั้นก็รีบขึ้นรถและขับออกมาจากตรงนั้นด้วยความเร็ว โดยไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนกำลั
ริมฝีปากบางเผยอตอบรับเรียวลิ้นที่สอดแทรกเข้ามาในโพรงปาก รสจูบไต่ระดับความเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าบทรักจะเพิ่งจบลง เธอมัวเมากับความฝันอย่างไม่คิดจะฉุดตัวเองกลับขึ้นมาเมื่ออีกฝ่ายค่อยๆ ผละจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง ดวงตากลมโตจึงเปิดปรือมองเขา หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำหลังจากสบตากับดวงตาเรืองแสงสีอำพันทว่าสิ่งที่ทำให้เธอตกใจกับจินตนาการของตัวเองก็คือเขี้ยวแหลมคมของเซเวียสขณะเขาตวัดลิ้นเลียกลีบปาก เธอรู้ดีว่าจินตนาการของมนุษย์มันแฟนตาซี แต่เหตุจูงใจที่ทำให้เธอมองเห็นเขาเป็นเช่นนั้นมันคืออะไรกันแน่ทุกอย่างที่เธอคิดขณะนั้นถูกหยุดไว้ เมื่อชายหนุ่มถอนตัวตนออกไปจากร่างกายของเธอ แต่เพียงเสี้ยววินาทีเขาก็จับเธอนอนอยู่ในท่าคลานเข่า แล้วสอดใส่สิ่งใหญ่โตเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว“อื้อ!” สติกระเจิดกระเจิงจนต้องผวาคว้าหัวเตียงเอาไว้ แต่อีกฝ่ายกลับยื่นมือมาประสานหลังมือของเธอ แล้วโถมกายเข้าใส่อย่างป่าเถื่อนเซเวียสสอดมือเข้าไปกุมลำคอระหงไว้ด้วยแรงอันน้อยนิดของเขา แต่มันทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเหมือนถูกบีบด้วยแรงมหาศาลแทบหายใจไม่ออก ใบหน้าหวานแดงก่ำจนปีศาจหนุ่มยอมปล่อยมือออกจากคอ แล้วเลื่อนลงมากอบกุมทรวงอกอวบแทน
หลังจากวันที่เซเลน่ามีรอยปริศนาเกิดขึ้นบนร่างกายเพียงไม่กี่วัน เธอได้ตัดสินใจไปโรงพยาบาลเพื่อเช็กสภาพร่างกายและตรวจภายใน ปรากฏว่าแพทย์วินิจฉัยว่าอวัยวะเพศมีร่องรอยของการฉีกขาดคล้ายกับมีเพศสัมพันธ์ แต่ไม่พบสารคัดหลั่งที่บ่งชี้ว่าเธอถูกล่วงละเมิดทางเพศส่วนรอยกัดก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นการกระทำของสัตว์ประเภทใด เนื่องจากเขี้ยวมีขนาดใหญ่กว่างูหรือสัตว์เลื้อยคลานที่มีลักษณะการกัดเป็นสองรูเซเลน่ากลับหอพักนักศึกษามาพร้อมกับความฉงนอยู่เต็มหัว หลังจากปรึกษากับแพทย์เรื่องที่เธอไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กับใครเลยในช่วงเวลานั้น ทำให้แพทย์ผู้ทำการรักษาแนะนำให้เธอปรึกษากับครอบครัวเพื่อแจ้งตำรวจ เพราะอาจจะมีใครบางคนกระทำการใดๆ ในตอนที่เธอหลับไม่ได้สติปกติหญิงสาวไม่ใช่คนหลับลึกมากขนาดนั้น แต่หลังจากคืนปาร์ตี้ชุดนอนก็รู้สึกอ่อนเพลียเหมือนคนไม่ได้นอนมาทั้งคืน หาสาเหตุไม่ได้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้นเธอรับคำแนะนำของแพทย์ไว้ แต่ไม่ได้รับปากว่าจะทำตาม เพราะเธอไม่ต้องการให้พ่อกับแม่เป็นห่วง และอยากดูว่ามันจะมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดอีกหรือไม่คืนนี้เธอต้องนอนคนเดียว เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ทำให้แอนนาเดินทา
“…ฉันไม่เข้าใจ นายพาฉันมาได้ยังไง” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสับสน เธอยังหาคำตอบไม่ได้ว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ด้วยวิธีใดถ้าไม่ใช้จินตนาการเพ้อฝันปีศาจหนุ่มหันหลังพาสัตว์เลี้ยงตัวโปรดกลับไปวางไว้ในบ้านไม้ของมัน ก่อนจะเดินกลับมาหาเจ้าของใบหน้าตื่นตระหนกอีกครั้ง“กำลังคิดว่าตัวเองอยู่ในความฝันเหรอ”“…” เธอพยักหน้าแทนการตอบคำถาม เพราะมันไม่น่าจะเป็นอย่างอื่นไปได้อีกแล้ว“เธอไม่ได้ฝัน…แต่ฉันบอกแล้วไงว่าเธอต้องแต่งงานกับฉัน”“แต่งงานบ้าบออะไรเซส เราไม่ใช่คนรักกัน นายกับฉันไม่ได้เป็นแฟนกันด้วยซ้ำ”“เธอเป็นคู่ชะตาของฉัน”“เพ้อเจ้ออะไรของนาย” จากสับสนเริ่มกลายเป็นหวาดกลัว เซเวียสดูเหมือนคนมีอาการทางจิตอย่างที่เธอคิด เพราะคนปกติคงไม่พูดไร้สาระได้ขนาดนี้“เป็นแค่มนุษย์อย่าปากดี”“นายก็เป็นมนุษย์เหมือนฉันนะ” สิ้นคำพูดนั้นเหตุการณ์เมื่อคืนก็ประเดประดังเข้ามาในสมองของเซเลน่า เธอนึกถึงภาพใบหน้าเซเวียสที่เปลี่ยนไปก็เผลอกลืนน้ำลาย แต่ก็ยังเชื่อว่านั่นคือจินตนาการอันลึกล้ำของตัวเองอยู่ดี“อย่าเอาฉันไปเทียบกับมนุษย์น่ารังเกียจพวกนั้น เพราะฉันไม่ใช่”เซเวียสยึดติดกับคำว่าคู่ชะตาจนไม่สนใจว่าการกระทำข
ค่ำคืนนี้ช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้า ขณะที่เซเลน่าคิดหาวิธีออกไปยังปราสาทแห่งนี้ แถมยังต้องหวาดระแวงกับความเงียบเซเวียสซึ่งนั่งอ่านหนังสือภาษาแปลกๆ อยู่ที่โซฟาฝั่งตรงข้าม ทั้งที่ภายในห้องปิดไฟมืด มีเพียงแค่แสงไฟจากพระจันทร์สาดส่องเข้ามาเหตุการณ์เหนือธรรมชาติมันก็ยังน่าเหลือเชื่อสำหรับเธออยู่ดี เพราะเป็นสิ่งที่หาคำตอบมาสมคบคิดไม่ได้ในทันทีเธอเรียกเขาเสียงสั่นไหว “ซะ…เซส”“…” ปีศาจหนุ่มเงยหน้ามองเจ้าของเสียงผ่านแววตาเย็นชา“พรุ่งนี้ฉันต้องไปเรียน ขอกลับบ้านได้มั้ย” มันน่าขื่นขมที่เธอต้องขอร้องอ้อนวอนเขา ทั้งที่เขาไม่มีสิทธิกักขังเธอไว้ และเธอมีสิทธิที่จะทำอะไรตามใจตัวเองโดยไม่ต้องขออนุญาตเขาก่อน“ไม่จำเป็นต้องเรียน”“มันจะไม่จำเป็นได้ยังไง ในเมื่อฉันเป็นมนุษย์ แต่นายเป็นตัวประหลาด!”“ปากดี”น้ำแข็งกร้าวทำเอาร่างกายของเซเลน่าสั่นเทาอย่างหนัก เธอหลุบตามองมือตัวเองที่กำลังกำผ้าห่มแน่นจนเลือดไม่ไปหล่อเลี้ยงจนขาวซีด แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้ร่างบางรวบรวมความกล้าอีกครั้ง แล้วเอ่ยออกมาผ่านเสียงขาดห้วง “ยะ…ยังไงฉันก็หนีนายไม่ได้อยู่แล้ว ฉันขอกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมไม่ได้เหรอ
@QUEENS CITY “โอ้โห~” คลาริสาอ้าปากอย่างตกตะลึง เมื่อเข้ามาในอาณาเขตที่ตั้งปราสาทใหญ่โตของครอบครัวเพื่อนสนิท “อ้าปากกว้างจนแมลงบินเข้าปากหมดแล้วหนูท่อ” “นี่เหมือนปราสาทยุคกลางที่เราอ่านในเว็บตูนเลยอะไซลัส” ทั้งใหญ่โต ทั้งสวยงาม แถมยังอยู่ในหุบเขาอีกด้วย แต่อีกมุมหนึ่งก็ดูลึกลับและน่ากลัว “จอดรถได้แล้ว เราอยากลงไปเดินดู” “ไปๆ ลงไป” ไซลัสยอมจอดรถให้เพื่อนสนิทลงไปก่อน เกิดเธอผลีผลามกระโดดลงรถจะเจ็บตัวเอาเปล่าๆ ส่วนเขาก็วนรถมาจอดให้เป็นที่เป็นทาง จากนั้นเดินตามหลังเธอมาเรื่อยๆคลาริสาตื่นเต้นกับความแปลกใหม่เหล่านี้ ทุกอย่าง ณ ที่แห่งนี้เหมือนกับอยู่ในโลกจินตนาการเลย เธอเดินมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาหยุดอยู่ตรงต้นสะพานเหล็กที่ยื่นไปในทะเลสาบหมับ!จังหวะที่คลาริสากำลังจะก้าวขาขึ้นไปบนสะพาน ไซลัสตวัดแขนกอดเอาเธอไว้จนตัวลอยขึ้นจากพื้น ก่อนที่เจ้าตัวจะเอี้ยวหน้าไปถาม “อุ้มเราทำไม” “ไปหาพ่อกับแม่ก่อนแล้วค่อยมาเดินเล่นใหม่” “เออใช่ เราลืมเลย” ไซลัสยอมปล่อยเพื่อนยืนลงบนพื้นอย่างว่าง่าย เปลี่ยนมากอดคอพาเธอเดินลัดทางเดินเข้ามาในปราสาท ความเงียบทำให้เขาสงสัยว่าพ่อกับแม่หายไปไหน แต่พอจะอ้าป
หลายปีต่อมา…“มี้ครับ เดี๋ยวผมมานะ” ไซลัสในวัยสิบเก้าปีวิ่งลงมาจากชั้นสองของบ้านอย่างรีบร้อน ยังไม่ได้สวมเสื้อเลยด้วยซ้ำ“จะไปไหนลูก อีกสักพักเราต้องเดินทางแล้วนะ”“ไปรับยัยหนูท่อที่บ้านครับ”“แน่ะ มี้บอกแล้วว่าอย่าเรียกหนูคลาร่าแบบนั้น” เซเลน่าทำโทษลูกชายด้วยการตีแขนเบาๆ “เขาโตเป็นสาวแล้ว เรียกให้มันดีๆ หน่อย”“ในสายตาผมคลาร่าก็ยังเหมือนหนูท่อเหมือนเดิมนั่นแหละ” คล่ายังคงตัวเล็กเหมือนเด็กมัธยม ทั้งที่กำลังจะขึ้นมหาวิทยาลัยแล้ว เปรียบเทียบกับเขาที่มีความสูงหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตรยอยู่เพียงระดับอกอยู่เลย “พ่อกับแม่ไปกันก่อนเลยก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมตามไปทีหลัง”“โอเค ขับรถระวังๆ ด้วยล่ะ”ไซลัสวิ่งออกมาเอารถยนต์นอกบ้าน แล้วใช้มันขับมารับคลาริสาที่บ้านของเธอซึ่งอยู่เมืองข้างเคียง ตอนแรกเขาตั้งใจจะไปเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัว แต่จู่ๆ คลาริสาก็ขอไปด้วยเธอเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวของเขาตั้งแต่อนุบาลจนมาถึงปัจจุบัน แม้ว่าหลังจากจบอนุบาลเขาจะเรียนโฮมสกูล แต่ก็ยังติดต่อกันผ่านข้อความอยู่บ่อยๆตอนที่เขามีอายุได้เพียงแปดขวบ เขาก็เติบโตเทียบเท่ากับชายหนุ่มวัยเจริญพันธุ์แล้ว กว่าจะได้เจอคลาริสาอีกครั้งห
“ศาสตราจารย์คะ!”“ครับ?”“เอ่อ…วันนี้ไปทานอาหารกลางวันกับฉันมั้ยคะ”เซเวียสสบตากับผู้ใต้บังคับบัญชาของตัวเองด้วยแววตาเรียบเฉย ความคิดในหัวของเจ้าหล่อนทำให้เขาเกือบหลุดหัวเราะเธอกำลังคิดว่าอย่างไรเขาก็ต้องตกลง เพราะตัวเองเป็นคนหน้าตาดี คงไม่กล้าปฏิเสธสาวสวยแบบนี้ หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงปฏิเสธอย่างไม่ไว้หน้า แต่ตอนนี้เขาต้องนึกถึงภาพลักษณ์ของตัวเองในที่ทำงานด้วย“ได้สิครับ”“จริงนะคะ!”“เจอกันที่โรงอาหารตอนกลางวันแล้วกันครับ” ว่าจบเซเวียสก็หันไปรับเครื่องดื่มสองแก้วจากบาริสต้า แล้วเดินออกมาจากร้านกาแฟเพื่อมาส่งน้ำให้กับคนรักอย่างเช่นทุกวันปัจจุบันเขาทำงานที่ศูนย์วิจัยมาได้เกือบสามเดือนแล้ว แต่เรื่องที่เขากับเซเลน่าเป็นสามีภรรยากันยังคงถูกเก็บเป็นความลับ เธอให้เหตุผลว่าไม่อยากให้ใครเอาเรื่องส่วนตัวไปพูดลับหลัง และเขาก็ปฏิบัติตามที่เธอต้องการอย่างเคร่งครัดมาตลอดก๊อก ก๊อก ก๊อก~“เชิญค่ะ” ปีศาจหนุ่มเปิดประตูเข้าไปทันทีที่ได้ยินเสียงอนุญาตของคนในห้อง “มาทำอะไร”“เอาช็อกโกแลตเย็นมาให้”“อ้อ ขอบใจ” เซเลน่าลุกจากเก้าอี้ทำงานพร้อมกับรับแก้วเครื่องดื่มมาจากมือเซเวียส นอกจากจะขอบคุณเขาด้วยคำพูดย
“เมื่อกี้นายไปไหนมา” เซเลน่าเอ่ยถามหลังจากเดินพ้นออกจากอาณาเขตโรงเรียนของอนุบาล ด้วยความที่เขาหายไปเกือบครึ่งชั่วโมง คงไม่แปลกที่เธอจะสงสัย“ซื้อโรงเรียน”“ถามจริง?” เธอถามกลับอย่างไม่อยากเชื่อ“จริง”“อะไรเข้าสิงให้คิดจะซื้อโรงเรียนลูกเนี่ย”“สิ่งที่ไซลัสกำลังเจอคือการเหยียดหยาม เพราะทุกคนเอาแต่คิดว่าเป็นเด็กไม่มีพ่อ ถ้าฉันเป็นเจ้าของโรงเรียนนี้ใครมันจะกล้าทำตัวไม่ดีใส่ลูกอีกล่ะ” ตอนแรกเขาตั้งใจว่าจะเข้าไปคุยกับผู้อำนวยการโรงเรียนเท่านั้น แต่ระหว่างเดินผ่านกลับได้ยินคุณครูซุบซิบเรื่องของไซลัสกับเซเลน่าอย่างออกรสออกชาติ ในฐานะที่เขาเป็นพ่อและสามีก็ควรจะปกป้องลูกและภรรยาตัวเอง“ต้องเล่นใหญ่เบอร์นี้เลยเหรอ? อีกไม่นานลูกก็โตแล้วอีกอย่างฉันมีความคิดจะให้ไซลัสเรียนโฮมสกูลด้วย ถ้าลูกผ่านเกณฑ์ ไม่กี่ปีก็เข้ามหา’ ลัยได้”ปัจจุบันไซลัสเรียนอยู่ระดับชั้นอนุบาล แต่สรีระร่างกายของเขาเหมือนเด็กประถมต้น ดังนั้นเธออยากจะหลีกเลี่ยงเหตุการณ์เหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้ โดยการให้ไซลัสศึกษาเล่าเรียนที่บ้านแทน แต่เมื่อเขาพร้อมที่จะเข้ามหาวิทยาลัยก็จะให้เขาได้ออกไปใช้ชีวิตเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป“นายก็รู้ว่าลู
หลังจากไซลัสยอมหยุดการกระทำของตัวเองลง เขาก็เดินกลับมาหาเพื่อนผู้หญิงที่ก้มหัวปิดหน้าปิดตา ย่อตัวนั่งลงใกล้ๆ แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“เมื่อกี้เธอไม่เห็นอะไรใช่มั้ย”“ระ…เราไม่เห็นอะไรนะ!” คนถูกถามสะดุ้งพร้อมกับกางนิ้วมองหน้าของไซลัส โดยที่ยังเอามือปิดหน้าตัวเองไว้“งั้นก็ดี ตอนนี้เธอต้องวิ่งไปฟ้องครูว่าเพื่อนทะเลาะกัน โยนของจนทำกล้องวงจรปิดพัง”“ตะ…แต่เมื่อกี้ไซลัส…”“เธอต้องไม่เห็นอะไร เรื่องนี้จะไม่เกี่ยวกับเรา…เข้าใจมั้ย” น้ำเสียงของไซลัสเข้มขรึมเพื่อต้องการข่มขู่เพื่อนผู้หญิงคนนี้ไม่ให้เอาเรื่องนี้ไปพูดกับใคร “เธอชื่ออะไร”“คะ…คลาริสา”“เราจำชื่อเธอได้แล้ว ถ้าไม่อยากโดนเหมือนพวกนั้น หวังว่าจะไม่พูดถึงชื่อของเรากับครู”“อื้อๆ เราจะไม่พูดอะไรเลย” เด็กหญิงยกมือกุมจมูกตัวเองลุกพรวดวิ่งผ่านของเล่นที่กระจัดกระจายบนพื้นออกไปจากห้องเรียนอย่างรวดเร็วส่วนไซลัสก็หยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วเดินมานั่งอ่านหนังสือที่เดิมอย่างไม่คิดจะปรายตามองเพื่อนร่วมห้องที่ถูกเขาเล่นงานคืนเลยสักนิดที่เด็กชายไม่อยากเอาคืนเพื่อนๆ ก็เพราะคิดว่าอีกหน่อยพวกนั้นก็คงหยุดแกล้งไปเอง แต่ที่ไหนได้กลับหนัก
“หัวหน้าครับ” “หืม? ว่าไงคะคุณโจเอล” “ไปกดน้ำกันมั้ยครับ” “ก็ดีค่ะ ฉันกำลังอยากได้คาเฟอีนพอดีเลย” เซเลน่าโครงศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนทิศทางเดินยังตู้กดน้ำดื่มของศูนย์วิจัย “คุณโจเอลเอาอะไรดีคะ เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง” “ผมเป็นผู้ชายนะครับ ให้ผมเลี้ยงหัวหน้าเถอะ” “ฉันไม่อยากให้คนอื่นเอาไปพูดว่าดูแลลูกน้องตัวเองไม่ดีค่ะ” “คนที่กล้าว่าหัวหน้าก็คงมีแต่คนขี้อิจฉานั่นแหละ ผลงานก็ยอดเยี่ยม แถมสวยอีกต่างหาก” “ฉันจะลอยแล้วนะ อย่าชมเยอะ” เซเลน่าแย้มยิ้ม ก่อนจะหันไปเลือกน้ำดื่มสำหรับโจเอลและตัวเอง จากนั้นก็ยื่นมันไปให้เขา “ฉันเห็นคุณดื่มอันนี้บ่อยๆ น่าจะถูกใจอยู่ใช่มั้ยคะ” “ขอบคุณครับผม ผมเปิดให้มั้ยครับ” “ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวยื่นกระป๋องน้ำดื่มไปให้อีกฝ่ายช่วยเปิด จากนั้นก็รับกลับมาพร้อมกับยกขึ้นจิบเบาๆ โดยที่สายตามองเอกสารงานวิจัยของทีม “คุณรู้รึยังว่ากำลังจะมีคนเข้ามาแทนตำแหน่งของด๊อกเตอร์เบอร์นาร์ดน่ะครับ” “หาคนมาแทนได้แล้วเหรอคะ” “เห็นสาวๆ บอกว่าคนคนนั้นเข้ามาประจำที่ศูนย์วิจัยแล้วนะครับ แต่พวกเราคงได้เจอวันพรุ่งนี้ตอนแนะนำตัว” “ก็ดีเหมือนกันนะคะ เพราะตั้งแต่ด๊อกเตอร์เบ
เสียงแดดยามเช้าที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างปลุกหญิงสาวขณะกำลังหลับตาพริ้มนอนอย่างสบายใจ เธอพลิกตัวไปมาพร้อมกับควานมือหาลูกชายและพ่อของเขาแต่เมื่อสัมผัสกับเตียงนอนว่างเปล่า ดวงตากลมโตก็ค่อยๆ เปิดปรือมอง โครงคิ้วเรียวสวยเริ่มขมวดมุ่นสงสัยว่าทั้งคู่หายไปไหนกันตั้งแต่เช้ารีบลุกจากเตียงเข้ามาล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ แล้วเดินออกมาให้อาหารเช้าเจ้างูเผือกที่พามาพักผ่อนในสถานที่คุ้นเคยด้วยกัน“พี่สนุกมาก~” เสียงแว่วที่ดังมาจากหน้าปราสาทขับกล่อมให้เซเลน่าเดินมาบริเวณระเบียงห้องนอน แล้วมองลงไปยังข้างล่าง“ไปไหนกันมาตั้งแต่เช้า”“มอร์นิงครับมี้!” ไซลัสโบกมือขึ้นมาทักทายผู้เป็นแม่อย่างร่าเริง แล้วหันไปเลียไอศกรีมที่เพิ่งซื้อมาด้วยความเอร็ดอร่อย“มอร์นิงครับ แต่ไซลัสยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลยนะ ทำไมถึงกินไอติมแล้วล่ะลูก”“ก็พ่อซื้อให้พี่นี่ครับ แถมพาพี่หายตัวไปซื้อด้วยนะ!”คนเป็นพ่อก็ถึงกับขมวดคิ้วมุ่น เมื่อจู่ๆ ลูกชายก็โยนความผิดมาให้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ทั้งที่เจ้าตัวเล็กเป็นคนขอให้เขาพาไปซื้อแท้ๆ“อ้อ…” เซเลน่าเหล่สายตามองหน้าพ่อของลูกเล็กน้อย “…งั้นแสดงว่ามี้ต้องดุพ่อของไซลัสใช่มั้ย”“จะมาดุอ
“คาดไม่ถึงแฮะ” เซเลน่ายกยิ้มมุมปาก“ไม่ใช่สิ่งที่เธออยากฟังรึไง”“ทุกอย่างมันเกินความคาดหมายตั้งแต่ปีศาจอย่างนายเข้ามาในชีวิตของฉันแล้ว แต่ฉันก็ดีใจที่ฉันได้รู้จักกับนาย ถึงตอนแรกจะไม่ได้คิดแบบนั้นก็เถอะ”“ที่ผ่านมาฉันคงเห็นแก่ตัวเกินไปหน่อย หวังว่าเธอจะไม่ถือสาฉัน”“เพิ่งจะรู้ตัวเหรอว่านายทั้งเห็นแก่ตัว ทั้งเอาแต่ใจ” หญิงสาวฟาดกำปั้นใส่แขนแกร่งด้วยความหมั่นไส้อย่างไม่จริงจังมากนัก“ตอนนี้ดึกแล้วนะ ฉันว่าเธอควรเข้าไปนอนกับลูกได้แล้ว”“ฉันมีเรื่องที่ยังอยากถามนายอีกหลายเรื่อง” ร่างเล็กส่ายหัวปฏิเสธ ก่อนจะเดินมาทิ้งสะโพกนั่งลงบนเก้าอี้ “ช่วยตอบมาตามความจริงด้วย”“ว่ามาสิ”“ริโอน่ะ…เขาเป็นน้องชายของนายจริงเหรอ” มีเรื่องราวส่วนหนึ่งในความฝันที่ทำให้เธอค้างคาใจ และมีเหตุการณ์ที่น่าหดหู่เกิดขึ้นด้วย“อืม”“เขาคือคนที่ฆ่าฉันในอดีตด้วยใช่มั้ย” ภาพที่องค์หญิงไอร่ากระโจนเข้าไปปกป้องว่าที่สามีอย่างเซเวียส มันเป็นความแน่วแน่จนเซเลน่ารับรู้ได้ถึงความรักที่หล่อนมีต่อชายคนรัก แต่สุดท้ายก็ถูกสังหารตายอย่างเลือดเย็น“สิ่งที่มันทำไม่ควรได้รับการให้อภัย มันควรหนีไปเหมือนที่มันเคยทำมาตลอด แต่มันดันกลับมา
ปึง!“มี้!”เซเลน่าสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินทุบประตูพร้อมกับเสียงแผดลั่นของลูกชาย กำลังจะอ้าปากถามว่าทำไมถึงมายืนอยู่หน้าประตู แต่เจ้าตัวเล็กกลับวิ่งเข้ามารัวหมัดใส่ท้องเซเวียสแทน“จะขโมยมี้ของพี่ไปไหน!” ปลายเสียงของไซลัสนั้นสั่นเครือ เขาตกใจที่จู่ๆ ก็ตื่นมาไม่พบแม่ตัวเอง พอวิ่งหาในปราสาทจนรอบก็ไม่เจออีก “อย่าขโมยมี้พี่ไปนะ ไอ้โจรนิสัยไม่ดี!”เซเวียสขมวดคิ้วมุ่นกับการกระทำของเด็กน้อย ก่อนจะเอื้อมมือไปจับฮูดดีแล้วยกเขาขึ้นลอยจากพื้น มองดวงตาสองสีอย่างพินิจพิเคราะห์ รู้สึกคุ้นเคยกับเด็กคนนี้อย่างน่าประหลาด“ปล่อยพี่เดี๋ยวนี้นะ! อยากตายงั้นเหรอ!”“ไซลัสไม่เอาลูก ใจเย็นๆ ก่อนครับ”“บอกให้ปล่อยไง!” ไซลัสตะโกนเสียงดังด้วยความโมโห สบตากับดวงตาสีอำพันของชายที่กำลังจะลักพาตัวแม่ของตัวเองเพื่อสะกดจิตให้ปล่อยมือออกจากเสื้อของเขาตามคำสั่งแต่นอกจากจะไม่เกิดผล ยังถูกอีกฝ่ายยั่วยุด้วยความเงียบงัน เจ้าตัวเล็กขบกราบแน่นแสดงความโกรธเกรี้ยวยิ่งกว่าเดิมจนดวงตาข้างซ้ายเปลี่ยนเป็นสีแดงแต่จู่ๆ ใบหน้าถมึงทึงก็ออกอาการตกใจจนอ้าปากค้าง เพราะดวงสีอำพันของอีกฝ่ายนั้นกลายเป็นสีแดงไม่ต่างกัน ไซลัสรู้ได้ทันทีว่าผู้ชา