เนื่องจากเซเวียสยังไม่ได้สติ ทำให้หญิงสาวจำเป็นต้องมาเรียนคนเดียว โดยฝากเขาไว้กับมาลอส ด้วยเพราะใกล้จะถึงช่วงสอบไฟนอล เซเลน่าต้องตั้งใจเรียนมากกว่าเดิม แม้ลึกๆ จะเป็นห่วงคู่ชะตาของตัวเองก็ตามทีหลังจากเลิกเรียนแล้วเธอก็มายังห้องสมุดของมหาวิทยาลัย เพื่อหาที่เงียบสงบอ่านหนังสือ ระหว่างที่นั่งทบทวนบทเรียนอยู่ในมุมหนึ่งของห้องสมุด เธอได้ยินเสียงเคาะเบาๆ ดังมาจากเบื้องหน้า ส่งผลให้ต้องละสายตาจากหนังสือ“มาอ่านหนังสือเตรียมสอบเหรอครับ”“ค่ะ แล้วคุณ?” เซเลน่าถามกลับตามมารยาท แม้ว่าจะขัดใจเล็กน้อยที่ริโอมารบกวนสมาธิของเธอ“ผมมาหาที่เงียบๆ อ่านนิยายน่ะครับ”“นิยาย?”“นิยายไลฟ์โนเวลครับ ช่วงนี้ผมกำลังติดเลย” ริโอคลี่ยิ้มพร้อมกับเลื่อนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของเซเลน่านั่ง “ผมขอนั่งด้วยนะ”“เชิญค่ะ แต่อย่ารบกวนกันก็พอ”“ครับ”เซเลน่าให้ความสนใจชายหนุ่มเพียงเท่านั้น พลางก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อ ทั้งที่รู้ว่าเซเวียสเป็นปีศาจ เขาไม่จำเป็นต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นเซเลน่าก็พยายามสรุปเนื้อหาง่ายๆ ไว้ให้เขาอ่านริโอมองใบหน้าสะสวยแทนการอ่านหนังสือ บ่งบอกว่าสิ่งใดคือสิ่งที่น่าสนใจ ตั้งแต
“เซส”“หือ?”“…” เซเลน่าถอนหายใจเบาๆ พลางกลืนคำถามที่อยากถามอีกฝ่ายลงคอ แล้วตัดสินใจจะไม่ถามต่อ เพราะไม่รู้จะถามไปทำไม ในเมื่อรู้คำตอบอยู่แล้ว“ว่าไง เรียกทำไม”“เปล่า ไม่มีไร”“อยากให้ฉันอ่านความคิดของเธออีก?”“อยากทำอะไรก็ทำเถอะ นายไม่เคยฟังที่ฉันพูดอยู่แล้วนี่”ปีศาจหนุ่มดึงคนตัวเล็กหันมาสบตากันตรงๆ “ฉันจะไม่ทำ แต่เธอต้องบอกมา”“ฉันแค่อยากรู้น่ะ…ว่าถ้าปลดคำสาปได้แล้ว นายจะไปจากฉันรึเปล่า”มันควรเป็นคำถามง่ายๆ ไม่ต้องใช้ความรู้สึกอะไรก็ตอบได้ในทันทีแท้ๆ แต่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้คิดหนักกับคำถามของเธอเธอควรจะรู้หรือไม่ว่าเขาไม่ได้อยากใช้ชีวิตเป็นปีศาจเลือดเย็นอีกต่อไปแล้ว ไม่อยากทนอยู่กับความเจ็บปวด อยากดับสูญไปพร้อมกับอดีตอันแสนโหดร้ายยังคงตามหลอกหลอนมาถึงทุกวันนี้ ทั้งที่ควรคิดแบบนี้…แต่มีเสี้ยววินาทีที่คิดแตกต่างความเงียบของชายหนุ่มทำเอาก้อนความรู้สึกแย่ๆ ค้างอยู่ในลำคอของหญิงสาว จะกลืนก็ไม่ลง จะคายก็ไม่ได้“…นายไม่ต้องตอบหรอก ฉันรู้อยู่แล้ว”เพราะแบบนี้เซเลน่าถึงอยากขอเวลาทบทวนสถานะระหว่างเธอกับเขา และย้ำชัดกับตัวเองว่า ‘พวกเรา’ ต้องมาข้องเกี่ยวกันด้วยเหตุใดสองอาทิตย์ต่อมา…วัน
หนึ่งเดือนต่อมา...“วินเดอร์ออกมาหาเซลเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่งั้นจะไม่ให้กินข้าวแล้ว” เซเลน่าเรียกหาเจ้างูเผือกที่ควรจะนอนอยู่ในบ้านไม้ของตัวเอง แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้หนีไปแอบที่ไหน มันชอบเป็นแบบนี้ตั้งแต่เซเวียสไม่อยู่อะไรบางอย่างที่กำลังยุกยิกอยู่ใต้ผ้าห่มทำให้เซเลน่ารีบเดินไปที่เตียง แล้วจะกระชากผ้าห่มออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพบว่าเจ้าวินเดอร์นอนเกลือกกลิ้งอยู่บนหมอนของเซเวียสที่เขาใช้หนุนนอนทุกคืน“คิดถึงเซสเหรอ” เธอถามมันด้วยความเอ็นดู นานนับเดือนแล้วที่เซเวียสลงไปจำศีลใต้ทะเลลึก จะคนหรือสัตว์ก็คิดถึงผู้ไกลห่างไม่ต่างกันเท่าไรเจ้างูเผือกชูคอขึ้นมามองหน้าเซเลน่าราวกับตอบคำถามของเธอ ก่อนจะนอนลงไปที่หมอนของเซเวียสอีกครั้ง“อีกไม่กี่เดือนเซสก็กลับมาแล้ว แต่วินเดอร์ต้องเชื่อฟังเซลนะ เพราะเซสฝากให้เซลดูแลวินเดอร์” หญิงสาวเดินเข้าไปลูบหัวมันอย่างอ่อนโยน อาจเพราะวินเดอร์ไม่เคยทำท่าทีดุร้ายใส่เธอ แถมพอดุก็รีบกลับเข้าบ้านตัวเองอย่างเชื่อฟัง เธอจึงไม่รู้สึกกลัวมันอีกแล้ว “เซลจะออกไปข้างนอกนะ แล้วจะกลับมาให้อาหารตอนหนึ่งทุ่ม อย่าออกไปไหนล่ะ”ฟู่!“ดีมาก” กล่าวชมมันเสร็จแล้วก็เดินไปปิดหน้าต่างที่เปิดไว
เซเลน่าเริ่มเห็นด้วยกับความคิดของเพื่อนที่บอกว่าเธอตรอมใจเพราะคิดถึงเซเวียส ช่วงอาทิตย์แรกเธอเป็นมากกว่านี้อีกนะ ร้องไห้บ่อยๆ แล้วก็ฝันถึงเขาแทบทุกวัน“กินข้าวเสร็จไปดูหนังกันป้ะ?”“ฉันไปไม่ได้อะสิ มีนัดกับแฮร์รี่”“หล่อนก็ชวนแฮร์รี่ไปด้วยสินังแอน”“ต้องไปบ้านแฮร์รี่อีกเมืองน่ะ เขาจะพาฉันไปรู้จักกับครอบครัว”“กะเทยเซ็ง สงสัยวันนี้ต้องนัดผู้ชายมาระบายอารมณ์สักสามสี่คนซะแล้ว”“นั่นตูดหรือหลุมดำอะกะเทย”“สนุกนะว่าไป ถ้าหล่อนอยากรู้ก็ลองสินังเอ็ม”“คนเดียวก็ตาเหลือกตาลานละป้ะ”“พวกแกคุยอะไรกันเนี่ย คนอื่นเขามองกันหมดแล้ว” เซเลน่ารีบห้ามปรามเพื่อน เพราะบทสนทนาทำเอาคนเริ่มมองแล้วหันไปซุบซิบกัน“ซอร์รีจ้า กะเทยลืมไปว่าอยู่ในร้านอาหาร” พิตต์ยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน พร้อมกับตักอาหารใส่ปาก จากนั้นหัวข้อสนทนาระหว่างรับประทานอาหารก็เปลี่ยนไปหญิงสาวใช้เวลากับเพื่อนๆ ราวสองชั่วโมง ก่อนจะขอตัวแยกมาที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัย เธอทำการคืนหนังสือที่ยืมมากับบรรณารักษ์ แล้วเริ่มเดินหาหนังสือที่อยากจะยืมกลับไปอ่านที่ปราสาทตุบ!หนังสือเล่มหนึ่งร่วงลงมาจากชั้นหนังสือต่อหน้าต่อตาหญิงสาว วินาทีที่เห็นก็จำได้ทัน
ความเงียบระหว่างเซเลน่ากับริโอเกิดขึ้นอีกครั้งหลังจากเธอพูดจบประโยค จนกระทั่งมาถึงท่าเรือควีนบีชส์โซนจอดเรือยอช์ตหรูหรา ท่าเรือดังกล่าวมีหลายโซน สำหรับเรือเฟอร์รีข้ามไปเกาะต่างๆ จนไปถึงโซนสำหรับเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่“นี่เป็นเรือผมครับ” ริโอปรายตาไปยังเรือยอช์ตของตัวเอง จากนั้นก้าวขาขึ้นไปยืนบนเรือแล้วจึงหันกลับมายื่นมือให้เซเลน่า “จับมือผมนะครับ เรือมันโคลงเคลง”“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวกล่าวด้วยรอยยิ้ม หลังจากขึ้นมายืนบนเรือเรียบร้อยแล้ว เธอปล่อยมือออกจากอีกฝ่ายอย่างแนบเนียน ก่อนที่เขาจะเดินไปนั่งประจำที่คนขับ “คุณริโอจะขับเองเหรอคะ”“ใช่ครับ คุณไม่ต้องห่วงนะ ผมมีใบอนุญาตขับเรือแล้วก็ขับชำนาญแล้วด้วย”“อ้อ ค่อยยังชั่วค่ะ”“เสื้อชูชีพอยู่ตรงนั้นนะครับ เผื่อคุณอยากใส่”“ค่ะ” เซเลน่าเดินไปหยิบเสื้อชูชีพมาสวมเพื่อความปลอดภัย ก่อนจะเดินกลับมานั่งบนเบาะใกล้ๆ กับคนขับ “เราจะไปไหนกันเหรอคะ”“ผมว่าจะพาคุณไปขับเรือเล่นรอบเกาะมารีนสักหนึ่งรอบ แล้วเราค่อยจอดเรืออ่านหนังสือกันแถวๆ มารีนไทแองเกิล เห็นบอกว่าตรงนั้นจะมีโลมากับวาฬขึ้นมาทักทายคนด้วย…โอเคมั้ยครับ”มารีนไทแองเกิลคือจุดที่นักสำรวจใต้น้ำบอกว่
‘เซส! เซส!’เฮือก!หญิงสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากความฝันพร้อมกับหยาดน้ำตาอาบใบหน้าจนเปียกชุ่ม เริ่มกลอกสายตาไปรอบๆ ตัวแล้วตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมเธอถึงมาอยู่ที่ปราสาท ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธออยู่กลางมหาสมุทรแท้ๆภาพที่เห็นเซเวียสกับริโอต่อสู้กันมันคือความฝันใช่หรือไม่ แต่ทุกอย่างมันเหมือนจริงเกินไป เสียงกรีดร้องด้วยความทรมานของเซเวียสที่ดังก้องอยู่ในหูก็สมจริงเกินกว่าจะคิดแบบนั้นเสื้อผ้าที่กำลังสวมใส่ก็เปียกชื้น แถมยังเปื้อนรอยสีแดงคล้ายกับเลือดอีกต่างหาก เหตุการณ์เหล่านั้นมันต้องเกิดขึ้นจริงแน่ๆ แต่ใครกันที่พาเธอกลับมายังปราสาท เซเวียสอย่างนั้นหรือ?คิดได้ดังนั้นหญิงสาวก็รีบลุกจากเตียง ทันทีที่วิ่งมาถึงหน้าประตูห้องนอน ใครบางคนก็เปิดประตูเข้ามาเสียก่อน“ซะ…!” ชื่อนั้นถูกกลืนลงคอ เมื่อเห็นว่าชายตรงหน้าไม่ใช่เขา แต่เป็นลูกสมุนของเขา “เซสล่ะมาลอส เขาอยู่ที่ไหน เขาพาฉันกลับมาใช่มั้ย”“ผมเป็นคนพาคุณกลับมา ไม่ใช่นายท่าน”“ฉันเจอเซสในทะเล เขาสู้กับริโอ บาดเจ็บด้วย เขาเป็นยังไงบ้าง!” หญิงสาวถามด้วยความร้อนใจ เพราะเธอเห็นกับตาว่าเซเวียสเพลี่ยงพล้ำให้ริโอ กลัวเหลือเกินว่าเขาจะเป็นอันตรายปัจจุบันมาล
สามปีต่อมา…ก๊อก ก๊อก ก๊อก~“เข้ามาได้เลยค่ะ”“เซลว่างอยู่รึเปล่าลูก”“กำลังจะเลิกงานค่ะ แม่มีอะไรเหรอคะ”“แม่ได้ข่าวว่าเซลขอยื่นเข้าร่วมทีมปฏิบัติการเรือดำน้ำอควาโฟร์…จริงเหรอ”“จริงค่ะ” เซเลน่าพยักหน้าตอบไปด้วยสีหน้าเรียบยิ้มแย้ม ซึ่งเหตุผลที่เธอทำแบบนั้นเพราะอยากลงไปสำรวจใต้ทะเลลึก เผื่อว่าเธอจะเจอใครบางคนที่เฝ้ารอมานาน“แม่ไม่รู้หรอกนะว่าเซลกำลังคิดอะไรอยู่ แต่แม่ว่ามันอันตรายเกินไปสำหรับลูก ตัดสินใจใหม่อีกครั้งได้มั้ย” ซาร่าออกปากขอร้องลูกด้วยสีหน้าเป็นกังวล ถึงปัจจุบันเทคโนโลยีและความปลอดภัยจะมีวิวัฒนาการไปไกลแล้ว แต่การส่งลูกสาวลงไปใต้ทะเลมันเป็นเรื่องหนักหนาสำหรับคนเป็นแม่พอสมควรในเมื่อผู้เป็นแม่ขอร้อง เธอก็จะยอมทำสักครั้งหนึ่ง “หนูจะลองคิดดูอีกครั้งก็ได้ค่ะ แต่แม่ต้องเคารพการตัดสินใจของหนูนะ”“ได้ยินแบบนี้แม่ก็ดีใจแล้ว”“ถ้างั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ ไว้เจอกันที่บ้านค่ะ” หญิงสาวคว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพาย ย่างเท้าเดินมาโน้มหอมแก้มผู้เป็นแม่หนึ่งครั้ง แล้วเดินออกมาจากห้องทำงานของศูนย์วิจัยโคลงศีรษะทักทายเพื่อนร่วมงานมาตลอดทางจนกระทั่งมาถึงรถยนต์ จากนั้นก็ขับรถมาจอดที่บ้านตัวเอง แล้วเดิ
สองแม่ลูกพากันเดินมายังร้านฟู้ดทรักส์ขายไอศกรีมใกล้บ้าน พอซื้อไอศกรีมเสร็จก็เดินต่อมายังบ้านของพวกเขา“ของมี้รสอะไรเหรอ พี่ชิมได้มั้ย”“ของมี้ก็รสเดียวกับไซลัสนั่นแหละ กินไวแล้วจะมาแย่งของมี้เหรอ” ถึงจะพูดเหมือนไม่ยอมให้ลูกชายแย่งไอศกรีมในมือไป แต่หญิงสาวกลับยื่นไปให้เจ้าตัวเล็กเองเลย“มี้ไม่กินแล้วเหรอครับ”“มี้อิ่มแล้วค่ะ”“งั้นพี่จะกินแทนมี้เอง เสียดายของ” เจ้าตัวเล็กรับไอศกรีมโคนมาจากผู้เป็นแม่ด้วยความเร็ว ด้วยกลัวว่าท่านจะเปลี่ยนใจ แถมยังฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีมาตลอดทางเซเลน่าหลุบตามองลูกชายอย่างนึกเอ็นดู พลันนึกถึงพ่อของเขาขึ้นมา แม้ว่าจะมีใบหน้าคล้ายกันราวกับถอดแบบออกมา แต่กลับมีนิสัยต่างกันสุดขั้วไม่เคยคิดเสียใจเลยที่ไซลัสเกิดมาในตอนที่เซเวียสหายไปจากชีวิตเธอ อย่างน้อยเขาก็ยังมอบสิ่งมีชีวิตที่มีคุณค่าสำหรับเธอไว้ให้ ช่วงแรกอาจจะลำบากนิดหน่อย แต่ตอนนี้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางหมดแล้ว ยังดีกว่าจากกันโดยไม่มีอะไรให้นึกถึงเลย“มี้คิดอะไรอยู่ พี่รู้นะ”“มี้บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าอ่านความคิดมี้” จะมีนิสัยตรงนี้แหละที่เหมือนกัน พูดจนปากเปียกปากแฉะก็ไม่คิดจะฟังกัน“พี่อ่านนิดเดียวเอง”“นิด
@QUEENS CITY “โอ้โห~” คลาริสาอ้าปากอย่างตกตะลึง เมื่อเข้ามาในอาณาเขตที่ตั้งปราสาทใหญ่โตของครอบครัวเพื่อนสนิท “อ้าปากกว้างจนแมลงบินเข้าปากหมดแล้วหนูท่อ” “นี่เหมือนปราสาทยุคกลางที่เราอ่านในเว็บตูนเลยอะไซลัส” ทั้งใหญ่โต ทั้งสวยงาม แถมยังอยู่ในหุบเขาอีกด้วย แต่อีกมุมหนึ่งก็ดูลึกลับและน่ากลัว “จอดรถได้แล้ว เราอยากลงไปเดินดู” “ไปๆ ลงไป” ไซลัสยอมจอดรถให้เพื่อนสนิทลงไปก่อน เกิดเธอผลีผลามกระโดดลงรถจะเจ็บตัวเอาเปล่าๆ ส่วนเขาก็วนรถมาจอดให้เป็นที่เป็นทาง จากนั้นเดินตามหลังเธอมาเรื่อยๆคลาริสาตื่นเต้นกับความแปลกใหม่เหล่านี้ ทุกอย่าง ณ ที่แห่งนี้เหมือนกับอยู่ในโลกจินตนาการเลย เธอเดินมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาหยุดอยู่ตรงต้นสะพานเหล็กที่ยื่นไปในทะเลสาบหมับ!จังหวะที่คลาริสากำลังจะก้าวขาขึ้นไปบนสะพาน ไซลัสตวัดแขนกอดเอาเธอไว้จนตัวลอยขึ้นจากพื้น ก่อนที่เจ้าตัวจะเอี้ยวหน้าไปถาม “อุ้มเราทำไม” “ไปหาพ่อกับแม่ก่อนแล้วค่อยมาเดินเล่นใหม่” “เออใช่ เราลืมเลย” ไซลัสยอมปล่อยเพื่อนยืนลงบนพื้นอย่างว่าง่าย เปลี่ยนมากอดคอพาเธอเดินลัดทางเดินเข้ามาในปราสาท ความเงียบทำให้เขาสงสัยว่าพ่อกับแม่หายไปไหน แต่พอจะอ้าป
หลายปีต่อมา…“มี้ครับ เดี๋ยวผมมานะ” ไซลัสในวัยสิบเก้าปีวิ่งลงมาจากชั้นสองของบ้านอย่างรีบร้อน ยังไม่ได้สวมเสื้อเลยด้วยซ้ำ“จะไปไหนลูก อีกสักพักเราต้องเดินทางแล้วนะ”“ไปรับยัยหนูท่อที่บ้านครับ”“แน่ะ มี้บอกแล้วว่าอย่าเรียกหนูคลาร่าแบบนั้น” เซเลน่าทำโทษลูกชายด้วยการตีแขนเบาๆ “เขาโตเป็นสาวแล้ว เรียกให้มันดีๆ หน่อย”“ในสายตาผมคลาร่าก็ยังเหมือนหนูท่อเหมือนเดิมนั่นแหละ” คล่ายังคงตัวเล็กเหมือนเด็กมัธยม ทั้งที่กำลังจะขึ้นมหาวิทยาลัยแล้ว เปรียบเทียบกับเขาที่มีความสูงหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตรยอยู่เพียงระดับอกอยู่เลย “พ่อกับแม่ไปกันก่อนเลยก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมตามไปทีหลัง”“โอเค ขับรถระวังๆ ด้วยล่ะ”ไซลัสวิ่งออกมาเอารถยนต์นอกบ้าน แล้วใช้มันขับมารับคลาริสาที่บ้านของเธอซึ่งอยู่เมืองข้างเคียง ตอนแรกเขาตั้งใจจะไปเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัว แต่จู่ๆ คลาริสาก็ขอไปด้วยเธอเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวของเขาตั้งแต่อนุบาลจนมาถึงปัจจุบัน แม้ว่าหลังจากจบอนุบาลเขาจะเรียนโฮมสกูล แต่ก็ยังติดต่อกันผ่านข้อความอยู่บ่อยๆตอนที่เขามีอายุได้เพียงแปดขวบ เขาก็เติบโตเทียบเท่ากับชายหนุ่มวัยเจริญพันธุ์แล้ว กว่าจะได้เจอคลาริสาอีกครั้งห
“ศาสตราจารย์คะ!”“ครับ?”“เอ่อ…วันนี้ไปทานอาหารกลางวันกับฉันมั้ยคะ”เซเวียสสบตากับผู้ใต้บังคับบัญชาของตัวเองด้วยแววตาเรียบเฉย ความคิดในหัวของเจ้าหล่อนทำให้เขาเกือบหลุดหัวเราะเธอกำลังคิดว่าอย่างไรเขาก็ต้องตกลง เพราะตัวเองเป็นคนหน้าตาดี คงไม่กล้าปฏิเสธสาวสวยแบบนี้ หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงปฏิเสธอย่างไม่ไว้หน้า แต่ตอนนี้เขาต้องนึกถึงภาพลักษณ์ของตัวเองในที่ทำงานด้วย“ได้สิครับ”“จริงนะคะ!”“เจอกันที่โรงอาหารตอนกลางวันแล้วกันครับ” ว่าจบเซเวียสก็หันไปรับเครื่องดื่มสองแก้วจากบาริสต้า แล้วเดินออกมาจากร้านกาแฟเพื่อมาส่งน้ำให้กับคนรักอย่างเช่นทุกวันปัจจุบันเขาทำงานที่ศูนย์วิจัยมาได้เกือบสามเดือนแล้ว แต่เรื่องที่เขากับเซเลน่าเป็นสามีภรรยากันยังคงถูกเก็บเป็นความลับ เธอให้เหตุผลว่าไม่อยากให้ใครเอาเรื่องส่วนตัวไปพูดลับหลัง และเขาก็ปฏิบัติตามที่เธอต้องการอย่างเคร่งครัดมาตลอดก๊อก ก๊อก ก๊อก~“เชิญค่ะ” ปีศาจหนุ่มเปิดประตูเข้าไปทันทีที่ได้ยินเสียงอนุญาตของคนในห้อง “มาทำอะไร”“เอาช็อกโกแลตเย็นมาให้”“อ้อ ขอบใจ” เซเลน่าลุกจากเก้าอี้ทำงานพร้อมกับรับแก้วเครื่องดื่มมาจากมือเซเวียส นอกจากจะขอบคุณเขาด้วยคำพูดย
“เมื่อกี้นายไปไหนมา” เซเลน่าเอ่ยถามหลังจากเดินพ้นออกจากอาณาเขตโรงเรียนของอนุบาล ด้วยความที่เขาหายไปเกือบครึ่งชั่วโมง คงไม่แปลกที่เธอจะสงสัย“ซื้อโรงเรียน”“ถามจริง?” เธอถามกลับอย่างไม่อยากเชื่อ“จริง”“อะไรเข้าสิงให้คิดจะซื้อโรงเรียนลูกเนี่ย”“สิ่งที่ไซลัสกำลังเจอคือการเหยียดหยาม เพราะทุกคนเอาแต่คิดว่าเป็นเด็กไม่มีพ่อ ถ้าฉันเป็นเจ้าของโรงเรียนนี้ใครมันจะกล้าทำตัวไม่ดีใส่ลูกอีกล่ะ” ตอนแรกเขาตั้งใจว่าจะเข้าไปคุยกับผู้อำนวยการโรงเรียนเท่านั้น แต่ระหว่างเดินผ่านกลับได้ยินคุณครูซุบซิบเรื่องของไซลัสกับเซเลน่าอย่างออกรสออกชาติ ในฐานะที่เขาเป็นพ่อและสามีก็ควรจะปกป้องลูกและภรรยาตัวเอง“ต้องเล่นใหญ่เบอร์นี้เลยเหรอ? อีกไม่นานลูกก็โตแล้วอีกอย่างฉันมีความคิดจะให้ไซลัสเรียนโฮมสกูลด้วย ถ้าลูกผ่านเกณฑ์ ไม่กี่ปีก็เข้ามหา’ ลัยได้”ปัจจุบันไซลัสเรียนอยู่ระดับชั้นอนุบาล แต่สรีระร่างกายของเขาเหมือนเด็กประถมต้น ดังนั้นเธออยากจะหลีกเลี่ยงเหตุการณ์เหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้ โดยการให้ไซลัสศึกษาเล่าเรียนที่บ้านแทน แต่เมื่อเขาพร้อมที่จะเข้ามหาวิทยาลัยก็จะให้เขาได้ออกไปใช้ชีวิตเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป“นายก็รู้ว่าลู
หลังจากไซลัสยอมหยุดการกระทำของตัวเองลง เขาก็เดินกลับมาหาเพื่อนผู้หญิงที่ก้มหัวปิดหน้าปิดตา ย่อตัวนั่งลงใกล้ๆ แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“เมื่อกี้เธอไม่เห็นอะไรใช่มั้ย”“ระ…เราไม่เห็นอะไรนะ!” คนถูกถามสะดุ้งพร้อมกับกางนิ้วมองหน้าของไซลัส โดยที่ยังเอามือปิดหน้าตัวเองไว้“งั้นก็ดี ตอนนี้เธอต้องวิ่งไปฟ้องครูว่าเพื่อนทะเลาะกัน โยนของจนทำกล้องวงจรปิดพัง”“ตะ…แต่เมื่อกี้ไซลัส…”“เธอต้องไม่เห็นอะไร เรื่องนี้จะไม่เกี่ยวกับเรา…เข้าใจมั้ย” น้ำเสียงของไซลัสเข้มขรึมเพื่อต้องการข่มขู่เพื่อนผู้หญิงคนนี้ไม่ให้เอาเรื่องนี้ไปพูดกับใคร “เธอชื่ออะไร”“คะ…คลาริสา”“เราจำชื่อเธอได้แล้ว ถ้าไม่อยากโดนเหมือนพวกนั้น หวังว่าจะไม่พูดถึงชื่อของเรากับครู”“อื้อๆ เราจะไม่พูดอะไรเลย” เด็กหญิงยกมือกุมจมูกตัวเองลุกพรวดวิ่งผ่านของเล่นที่กระจัดกระจายบนพื้นออกไปจากห้องเรียนอย่างรวดเร็วส่วนไซลัสก็หยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วเดินมานั่งอ่านหนังสือที่เดิมอย่างไม่คิดจะปรายตามองเพื่อนร่วมห้องที่ถูกเขาเล่นงานคืนเลยสักนิดที่เด็กชายไม่อยากเอาคืนเพื่อนๆ ก็เพราะคิดว่าอีกหน่อยพวกนั้นก็คงหยุดแกล้งไปเอง แต่ที่ไหนได้กลับหนัก
“หัวหน้าครับ” “หืม? ว่าไงคะคุณโจเอล” “ไปกดน้ำกันมั้ยครับ” “ก็ดีค่ะ ฉันกำลังอยากได้คาเฟอีนพอดีเลย” เซเลน่าโครงศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนทิศทางเดินยังตู้กดน้ำดื่มของศูนย์วิจัย “คุณโจเอลเอาอะไรดีคะ เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง” “ผมเป็นผู้ชายนะครับ ให้ผมเลี้ยงหัวหน้าเถอะ” “ฉันไม่อยากให้คนอื่นเอาไปพูดว่าดูแลลูกน้องตัวเองไม่ดีค่ะ” “คนที่กล้าว่าหัวหน้าก็คงมีแต่คนขี้อิจฉานั่นแหละ ผลงานก็ยอดเยี่ยม แถมสวยอีกต่างหาก” “ฉันจะลอยแล้วนะ อย่าชมเยอะ” เซเลน่าแย้มยิ้ม ก่อนจะหันไปเลือกน้ำดื่มสำหรับโจเอลและตัวเอง จากนั้นก็ยื่นมันไปให้เขา “ฉันเห็นคุณดื่มอันนี้บ่อยๆ น่าจะถูกใจอยู่ใช่มั้ยคะ” “ขอบคุณครับผม ผมเปิดให้มั้ยครับ” “ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวยื่นกระป๋องน้ำดื่มไปให้อีกฝ่ายช่วยเปิด จากนั้นก็รับกลับมาพร้อมกับยกขึ้นจิบเบาๆ โดยที่สายตามองเอกสารงานวิจัยของทีม “คุณรู้รึยังว่ากำลังจะมีคนเข้ามาแทนตำแหน่งของด๊อกเตอร์เบอร์นาร์ดน่ะครับ” “หาคนมาแทนได้แล้วเหรอคะ” “เห็นสาวๆ บอกว่าคนคนนั้นเข้ามาประจำที่ศูนย์วิจัยแล้วนะครับ แต่พวกเราคงได้เจอวันพรุ่งนี้ตอนแนะนำตัว” “ก็ดีเหมือนกันนะคะ เพราะตั้งแต่ด๊อกเตอร์เบ
เสียงแดดยามเช้าที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างปลุกหญิงสาวขณะกำลังหลับตาพริ้มนอนอย่างสบายใจ เธอพลิกตัวไปมาพร้อมกับควานมือหาลูกชายและพ่อของเขาแต่เมื่อสัมผัสกับเตียงนอนว่างเปล่า ดวงตากลมโตก็ค่อยๆ เปิดปรือมอง โครงคิ้วเรียวสวยเริ่มขมวดมุ่นสงสัยว่าทั้งคู่หายไปไหนกันตั้งแต่เช้ารีบลุกจากเตียงเข้ามาล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ แล้วเดินออกมาให้อาหารเช้าเจ้างูเผือกที่พามาพักผ่อนในสถานที่คุ้นเคยด้วยกัน“พี่สนุกมาก~” เสียงแว่วที่ดังมาจากหน้าปราสาทขับกล่อมให้เซเลน่าเดินมาบริเวณระเบียงห้องนอน แล้วมองลงไปยังข้างล่าง“ไปไหนกันมาตั้งแต่เช้า”“มอร์นิงครับมี้!” ไซลัสโบกมือขึ้นมาทักทายผู้เป็นแม่อย่างร่าเริง แล้วหันไปเลียไอศกรีมที่เพิ่งซื้อมาด้วยความเอร็ดอร่อย“มอร์นิงครับ แต่ไซลัสยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลยนะ ทำไมถึงกินไอติมแล้วล่ะลูก”“ก็พ่อซื้อให้พี่นี่ครับ แถมพาพี่หายตัวไปซื้อด้วยนะ!”คนเป็นพ่อก็ถึงกับขมวดคิ้วมุ่น เมื่อจู่ๆ ลูกชายก็โยนความผิดมาให้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ทั้งที่เจ้าตัวเล็กเป็นคนขอให้เขาพาไปซื้อแท้ๆ“อ้อ…” เซเลน่าเหล่สายตามองหน้าพ่อของลูกเล็กน้อย “…งั้นแสดงว่ามี้ต้องดุพ่อของไซลัสใช่มั้ย”“จะมาดุอ
“คาดไม่ถึงแฮะ” เซเลน่ายกยิ้มมุมปาก“ไม่ใช่สิ่งที่เธออยากฟังรึไง”“ทุกอย่างมันเกินความคาดหมายตั้งแต่ปีศาจอย่างนายเข้ามาในชีวิตของฉันแล้ว แต่ฉันก็ดีใจที่ฉันได้รู้จักกับนาย ถึงตอนแรกจะไม่ได้คิดแบบนั้นก็เถอะ”“ที่ผ่านมาฉันคงเห็นแก่ตัวเกินไปหน่อย หวังว่าเธอจะไม่ถือสาฉัน”“เพิ่งจะรู้ตัวเหรอว่านายทั้งเห็นแก่ตัว ทั้งเอาแต่ใจ” หญิงสาวฟาดกำปั้นใส่แขนแกร่งด้วยความหมั่นไส้อย่างไม่จริงจังมากนัก“ตอนนี้ดึกแล้วนะ ฉันว่าเธอควรเข้าไปนอนกับลูกได้แล้ว”“ฉันมีเรื่องที่ยังอยากถามนายอีกหลายเรื่อง” ร่างเล็กส่ายหัวปฏิเสธ ก่อนจะเดินมาทิ้งสะโพกนั่งลงบนเก้าอี้ “ช่วยตอบมาตามความจริงด้วย”“ว่ามาสิ”“ริโอน่ะ…เขาเป็นน้องชายของนายจริงเหรอ” มีเรื่องราวส่วนหนึ่งในความฝันที่ทำให้เธอค้างคาใจ และมีเหตุการณ์ที่น่าหดหู่เกิดขึ้นด้วย“อืม”“เขาคือคนที่ฆ่าฉันในอดีตด้วยใช่มั้ย” ภาพที่องค์หญิงไอร่ากระโจนเข้าไปปกป้องว่าที่สามีอย่างเซเวียส มันเป็นความแน่วแน่จนเซเลน่ารับรู้ได้ถึงความรักที่หล่อนมีต่อชายคนรัก แต่สุดท้ายก็ถูกสังหารตายอย่างเลือดเย็น“สิ่งที่มันทำไม่ควรได้รับการให้อภัย มันควรหนีไปเหมือนที่มันเคยทำมาตลอด แต่มันดันกลับมา
ปึง!“มี้!”เซเลน่าสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินทุบประตูพร้อมกับเสียงแผดลั่นของลูกชาย กำลังจะอ้าปากถามว่าทำไมถึงมายืนอยู่หน้าประตู แต่เจ้าตัวเล็กกลับวิ่งเข้ามารัวหมัดใส่ท้องเซเวียสแทน“จะขโมยมี้ของพี่ไปไหน!” ปลายเสียงของไซลัสนั้นสั่นเครือ เขาตกใจที่จู่ๆ ก็ตื่นมาไม่พบแม่ตัวเอง พอวิ่งหาในปราสาทจนรอบก็ไม่เจออีก “อย่าขโมยมี้พี่ไปนะ ไอ้โจรนิสัยไม่ดี!”เซเวียสขมวดคิ้วมุ่นกับการกระทำของเด็กน้อย ก่อนจะเอื้อมมือไปจับฮูดดีแล้วยกเขาขึ้นลอยจากพื้น มองดวงตาสองสีอย่างพินิจพิเคราะห์ รู้สึกคุ้นเคยกับเด็กคนนี้อย่างน่าประหลาด“ปล่อยพี่เดี๋ยวนี้นะ! อยากตายงั้นเหรอ!”“ไซลัสไม่เอาลูก ใจเย็นๆ ก่อนครับ”“บอกให้ปล่อยไง!” ไซลัสตะโกนเสียงดังด้วยความโมโห สบตากับดวงตาสีอำพันของชายที่กำลังจะลักพาตัวแม่ของตัวเองเพื่อสะกดจิตให้ปล่อยมือออกจากเสื้อของเขาตามคำสั่งแต่นอกจากจะไม่เกิดผล ยังถูกอีกฝ่ายยั่วยุด้วยความเงียบงัน เจ้าตัวเล็กขบกราบแน่นแสดงความโกรธเกรี้ยวยิ่งกว่าเดิมจนดวงตาข้างซ้ายเปลี่ยนเป็นสีแดงแต่จู่ๆ ใบหน้าถมึงทึงก็ออกอาการตกใจจนอ้าปากค้าง เพราะดวงสีอำพันของอีกฝ่ายนั้นกลายเป็นสีแดงไม่ต่างกัน ไซลัสรู้ได้ทันทีว่าผู้ชา