ปีศาจหนุ่มมองแผ่นหลังบางของหญิงสาวเดินห่างออกไปผ่านแววตาเย็นชาระคนหงุดหงิด ทั้งที่เซเลน่าหายหน้าหายไปร่วมสามวัน แต่กลับไม่ยอมชดเชยเวลาให้กับเขา รู้แบบนี้เขาคงไม่ทำตัวมีมารยาทแล้วเข้าไปหาเธอที่ศูนย์วิจัยแห่งนั้นให้รู้แล้วรู้รอดเซเวียสย่ำเท้าเดินมาบริเวณซอกตึกเพื่อหลบหนีจากสายตามนุษย์รอบตัว จากนั้นก็หายตัวกลับมายังปราสาทของตัวเอง เขาหย่อนสะโพกนั่งลงบนเก้าอี้ริมระเบียงแล้วนำโทรศัพท์มือถือขึ้นมาใช้งานไม่เคยใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชนิดนี้มาก่อน เพราะไม่จำเป็นต้องติดต่อกับใคร ถ้าเป็นอุปกรณ์ชิ้นอื่นเคยใช้มาบ้างในช่วงปีที่เรียนแพทย์ แต่เคยเห็น ‘มาลอส’ ลูกสมุนมือขวาหยิบมันขึ้นมาใช้บ้าง เพราะมาลอสก็เป็นอีกคนที่วนเวียนอยู่ในโลกร่วมกับมนุษย์ และมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ยิ่งกว่าเขาด้วยเขาไม่เคยได้ยินชื่อแอปพลิเคชันไลน์ แต่ถ้าเป็นอินสตราแกรมเคยได้ยินหู เพราะมนุษย์ที่มีสถานะเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนพูดคุยกันบ่อยนิ้วเรียวยาวเลื่อนไปบนหน้าจอทัชสกรีน แล้วมองหาคำว่า ‘Line’ เมื่อเจอก็กดเข้าไป แต่มึนงงว่าควรทำอะไรต่อไป จะส่งข้อความหาเซเลน่าได้อย่างไรใช้เวลาทำความเข้าใจกับโทรศัพท์เครื่องนี้ราวๆ ครึ่งชั่วโม
ก๊อก ก๊อก ก๊อก~เสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้นขณะสบตากับเซเวียส ทำให้เซเลน่าลุกลี้ลุกลนผลักเขาลงไปนอนบนเตียง แล้วเด้งตัวลุกยืนทันที“มาแอบตรงนี้ก่อน เดี๋ยวมีคนเห็น” มือบางฉุดกระชากข้อมือของปีศาจหนุ่ม ดันเขาไปยืนชิดกับกำแพงอีกฝั่ง ยกนิ้วแตะริมฝีปากเป็นเชิงสั่งไม่ให้เขาพูดอะไรขึ้นมาระหว่างนี้จากนั้นจึงเปิดประตูห้องนอน “มีอะไรรึเปล่าคะพ่อ”“เมื่อกี้พ่อกับแม่ออกไปซูเปอร์มาเลยซื้อไอติมที่หนูชอบมาให้” ชาร์ลียื่นไอศกรีมขนาดหนึ่งสกู๊ปกับช้อนไม้ด้ามยาวให้เซเลน่า“หนูกำลังนึกอยากกินพอดีเลย”“พ่อซื้อมาให้เยอะแยะเลย ตอนกลับก็อย่าลืมเอาไปด้วย”“โอเคค่ะ ขอบคุณนะคะ” เซเลน่ารับไอศกรีมถ้วยนั้นมาจากผู้เป็นพ่อพร้อมกับโน้มเข้าไปหอมแก้มท่านฟอดใหญ่แทนการบอกรัก หลังจากท่านยื่นมือมาลูบผมเธอด้วยความเอ็นดูก็เดินจากไปประตูห้องนอนถูกปิดจนสนิท ก่อนเจ้าตัวจะเดินมานั่งที่เตียง แล้วเปิดไอศกรีมกินอย่างเอร็ดอร่อย แต่ไม่ลืมจะถามอีกคนตามมารยาทด้วย“กินมั้ยเซส”“ไม่”“นายเคยกินไอติมบ้างยัง รสนี้อร่อยมากเลยนะ”ปีศาจหนุ่มไม่ได้ตอบคำถามนั้น แต่เลือกจะเดินมานั่งข้างๆ คนตัวเล็กแทน เธอคงเข้าใจว่าเขาอยากกินถึงได้ตักไอศกรีมมาป้อ
สองวันต่อมา…ระหว่างเก็บกระเป๋าสัมภาระเพื่อกลับไปที่มหาวิทยาลัย เสียงแจ้งเตือนข้อความโทรศัพท์ดังขึ้นไม่หยุด ไม่จำเป็นต้องหยิบขึ้นมาดูก็รู้ว่าถูกส่งมาจากใครเธอปล่อยให้มันดังกวนใจไปแบบนั้น แล้วหิ้วกระเป๋ามาร่ำลาเจ้าแมวตัวอ้วนที่นอนขดตัวอยู่บนนั่งร้านที่ติดไว้กับกระจกในห้องนั่งเล่น“เซลไปก่อนนะแคนดี้ ถ้าเซลว่างจะมาหาแคนดี้บ่อยๆ นะ” ปลายจมูกกดลงบนพุงนิ่มๆ ของแมวอย่างอาลัยอาวรณ์ หากเป็นไปได้ก็อยากจะพามันไปอยู่ที่หอพักนักศึกษา แต่น่าเสียดายที่กฎของหอพักไม่อนุญาตให้ทำเช่นนั้นแคนดี้ทำเพียงแค่เหล่มองเซเลน่าผ่านหางตา จากนั้นก็ทิ้งหัวนอนแผ่ไปบนนั่งร้านเช่นเดิม ด้วยความที่ไม่อยากเสียน้ำตาจึงรีบพาตัวเองออกมาจากบ้านอย่างรวดเร็ว“ทำไมไม่ตอบข้อความอีกแล้ว”คำว่า ‘อีกแล้ว’ บ่งบอกว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่เซเลน่าเมินเฉยต่อคำถามของเซเวียส แต่เท่าที่จำได้มันเป็นครั้งที่ห้าตั้งแต่เขามีเครื่องมือสื่อสารชนิดนั้นในมือ“มายืนอะไรหน้าบ้านคนอื่น?”“มารับ”“ฉันบอกให้นายทำแบบนั้นเหรอ แล้วรู้ได้ยังไงว่าฉันจะออกจากบ้านเวลานี้” เซเลน่าไม่ได้รีบร้อนเอาคำตอบ เพราะเวลานี้พ่อและไม่ของเธอไปทำงานกันหมดแล้ว แม้ว่าตอนนี้จะยืนค้
เอ็มมา “พวกแกคิดเหมือนฉันมั้ย”พิตต์ “นังเซลมันต้องแอบแซ่บกับเซเวียสแน่ๆ”แอนนา “ว่าแต่เอาเวลาไหนไปทำความรู้จักกันอะ ฉันไม่เคยเห็นสองคนนั้นมันคุยกันเลย”ระยะห่างทำให้เซเลน่าไม่ได้ยินบทสนทนาของเพื่อนทั้งสามคน จึงไม่รู้ว่ากำลังถูกนินทาอย่างเมามัน จนกระทั่งเข้ามาในห้องแล็บสำหรับเพาะเชื้อของสาขา ทุกคนต้องเปลี่ยนชุดกาวน์เพื่อป้องกันสารเคมีหรือเชื้อโรคก่อนจะเข้าไปปฏิบัติหน้าที่เซเลน่าเปิดตู้เพาะเลี้ยงเชื้อแบคทีเรียนำจานเพาะเชื้อของตัวเองออกมาเพื่อส่องกล้องจุลทรรศน์ดูการเติบโตของแบคทีเรีย หางตาเห็นไวๆ ว่าเพื่อนสนิททั้งสามคนเดินมายืนใกล้ๆ แต่เธอเลือกจะไม่สนใจ“อีเซล”เจ้าของชื่อขานรับเสียงเอื่อย “อะไร”“แกกับเซสนี่ยังไง”“ก็ไม่ยังไง”“จะหยุดตอแหลกี่โมง? คิดว่าพวกฉันดูไม่ออกเหรอว่าแกกับเซสมีซัมติงกัน”เซเลน่าเหลือกสายตามองโดยรอบเพื่อดูว่านอกจากพิตต์ เอ็มมา และแอนนามีใครอยู่บริเวณนี้อีกบ้าง เพราะกลัวว่าคนอื่นจะได้ยินแล้วเอาไปพูดต่อกัน“แกเห็นฉันติดรถมากับเซสก็คิดไปไกลแล้วเหรอ”“ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นในคณะก็คงไม่คิดหรอก แต่นั่นเซเวียสเลยนะ คนที่ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับใคร แม้แต่เพศเดียวกัน”“มันไม่มีอะ
“อยากรู้เรื่องของฉันขนาดนั้นเลย?”“มันอาจจะทำให้ฉันช่วยนายปลดคำสาปได้ไวขึ้น”“หนังสือที่เธออ่านถูกสร้างด้วยมนุษย์ คิดเหรอว่ามันเป็นเรื่องจริง”เซเลน่าลืมนึกถึงความจริงข้อนี้ไปเสียสนิท ส่วนใหญ่หนังสือที่เกี่ยวข้องกับตำนานมักจะถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาจากจินตนาการของมนุษย์ทั้งสิ้น และจะมีผู้ใดที่เคยพบเจอกับปีศาจจริงๆ เหมือนเธอบ้าง“มันไม่มีประโยชน์ เสียเวลา”“แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก นายก็เห็นนี่ว่าฉันไปยืมหนังสือนี้มาจากห้องสมุด”“บางทีมนุษย์ก็เขลาเกินกว่าจะเข้าใจ”“นี่นายด่าฉันว่าโง่เหรอเซส”“แล้วแต่จะคิด”“เหอะ” หญิงสาวสบถหน้าบูดบึ้ง ก่อนจะเก็บหนังสือไร้ประโยชน์เล่มนั้นใส่กระเป๋าสะพายข้าง แล้วหยิบกระป๋องน้ำอัดลมขึ้นมาเปิดดื่มแทน “ดื่มมั้ย?”“ไม่”“งั้นฉันขอถามอะไรหน่อยสิ แค่คำถามเดียว”“…” ปีศาจหนุ่มพยักหน้าแทนการตอบตกลง“ทำไมนายถึงถูกสาปล่ะ”ทั้งที่ิอนุญาตให้เซเลน่าถามคำถามนี้ แต่กลับไม่รู้สึกอยากตอบเลยแม้แต่น้อย เพราะเป็นไปได้เขาไม่อยากนึกถึงเหตุผลที่ทำให้ต้องทนอยู่กับคำสาปอย่างทรมานแต่ถ้ามันไม่ต้องลงรายละเอียดลึกซึ้งก็จำใจตอบได้ “เพราะฉันทำผิด…ร้ายแรง”“มันร้ายแรงมากขนาดนั้นเลยเหรอ”“อ
ภาพที่เซเวียสขับรถยนต์มาจอดหน้าหอพักนักศึกษาไฮคลาสและเดินไปเรียนพร้อมกับเซเลน่าเป็นภาพคุ้นตาของทุกคนไปแล้ว ยิ่งคนรู้เยอะเท่าไรก็กลายเป็นที่พูดถึงมากเท่านั้นบางคนก็บอกว่าเซเวียสกำลังคบหากับเซเลน่า แต่บางคนก็สันนิษฐานว่าแค่กำลังอยู่ในช่วงจีบกัน ถึงทั้งสองคนจะไม่ได้ทำอะไรประเจิดประเจ้อต่อหน้าคนอื่นก็ตามแต่ไม่มีใครคิดว่าทั้งสองคนสนิทสนมกันในฐานะเพื่อนเลย ซ้ำยังพูดว่าเซเลน่าทำให้เซเวียสเปลี่ยนไป จากที่ไม่เคยพบเขาในสถานที่ต่างๆ ของมหาวิทยาลัยก็ได้พบ“รู้ป้ะเนี่ยว่าคนอื่นเขาคิดว่าแกกับเซเวียสคบกันแล้ว”“ได้ยินมาสักพักแล้ว” ข่าวลือหนาหูขนาดนั้น มีหรือเซเลน่าจะไม่รู้ว่าคนอื่นพูดถึงเธออย่างไรบ้าง“ไม่คิดจะแก้ข่าวหน่อยเหรอ แบบนี้ผู้ชายคนอื่นก็ไม่กล้ามาจีบกันแกกันพอดี”“มันไม่ใช่ความจริง เดี๋ยวคนก็คงเลิกพูดกันไปเองนั่นแหละ”“ฉันถามจริงนะ แบบเอาความรู้สึกมาคุยกันเลย แกกับเซสเป็นอะไรกัน”หญิงสาวยกแก้วสมูตตีขึ้นมาดูดอึกใหญ่ ระหว่างคิดทบทวนว่าจะบอกเพื่อนดีหรือไม่ เพราะอย่างน้อยทั้งสามคนก็เป็นเพื่อนสนิทมากๆ ของเธอ แต่ไม่ได้คิดจะบอกถึงขั้นว่าเซเวียสเป็นปีศาจ“ขมวดคิ้วแบบนี้อย่าบอกนะว่าคบกัน?” พิตต์เร
หลังจากเดินชอปปิงคนเดียวเกือบชั่วโมง เซเลน่าพาตัวเองมายืนรอเซเวียสบริเวณหน้าคอมมิวนิตีมอลล์ของมหาวิทยาลัยไม่ถึงห้านาทีรถยนต์ไฮเปอร์คาร์คุ้นหน้าคุ้นตาก็ขับมาจอดตรงหน้า เธอรีบเปิดประตูขึ้นไปนั่งอย่างรวดเร็ว ด้วยเพราะเมฆกลุ่มใหญ่กำลังตั้งเค้าคล้ายกับฝนใกล้จะตก“ซื้ออะไรเยอะแยะ”“เสื้อผ้าคอลฯ ใหม่”“เงินพอใช้มั้ย ถ้าไม่พอก็เอาเงินจากฉันไป” ในฐานะที่เซเลน่าถือครองสถานะคู่ชะตาของเขา การเลี้ยงดูเธอให้สุขสบายทั้งกายและใจก็เป็นสิ่งที่ควรทำ“พูดถึงเรื่องเงิน นายช่วยเอาเงินของนายคืนไปด้วย เดี๋ยวพ่อฉันเห็นรายการเดินบัญชีแล้วจะตกใจ” เงินกว่าพันล้านดอลลาร์ยังคงค้างอยู่บัญชีของเธอมาเกือบสองเดือนแล้ว นอกจากมันจะมากจนเกินพอดี อาจจะมีเรื่องของรายได้ที่ไม่มีที่มาที่ไปด้วย“แล้วไม่ดีรึไง”“มันเยอะไปเซส ฉันเป็นแค่นักศึกษานะ”“อืม”“ลบประวัติด้วยนะ ฉันรู้ว่านายทำได้”ชายหนุ่มพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ โดยไม่ได้ตอบคำถามผ่านเสียง ให้ความสนใจกับการขับรถมากกว่า ระหว่างนั้นคนข้างๆ ก็หยิบบางอย่างออกมาจากถุงกระดาษสีขาว“ฉันซื้อน้ำหอมมาฝากนายด้วย เทสต์หลายขวดเลยกว่าจะเจอกลิ่นที่เหมาะกับนาย”“ขอบใจ”เซเลน่าเผลออมยิ้มเ
‘ข้ารักเจ้า...โลธาน’‘...ข้าก็รักเจ้าเช่นกัน’ ‘ไม่ว่าอย่างไร…ข้าก็จะขอรักเจ้าแต่เพียงผู้เดียว’‘หลับให้สบายเถิด ข้าจักอยู่ตรงนี้ตลอดไป’ เฮือก!เสียงแจ้งเตือนข้อความจากโทรศัพท์บนหัวเตียง ทำให้เซเลน่าสะดุ้งตื่นจากความฝันที่ไม่มีที่มาที่ไป เธอเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มทั้งสองข้างจนเปียกชุ่มแม้ว่าเธอจะได้สติแล้ว แต่น้ำตายังไหลไม่หยุด ปวดหัวใจคล้ายกับตัวเองเป็นผู้ที่อยู่ในความฝันนั้น เธอไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ ถึงได้ฝันถึงคนอื่นที่ไม่รู้จักมาก่อน ยังไม่เคยหน้าตาเลยด้วยซ้ำหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาเสร็จเรียบร้อย เริ่มกวาดสายตามองหาคนที่นอนอยู่ข้างกันเมื่อหลายชั่วโมงก่อน แต่ทว่าตอนนี้ไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาเซเลน่าพึมพำ “ไปไหนของเขาดึกดื่น”ก่อนจะหยัดกายลุกจากเตียงเอ็มเพอเรอร์ไซซ์ ความคิดบางอย่างขับกล่อมให้เดินออกมานอกระเบียงของห้องนอน เงยหน้ามองพระจันทร์เต็มดวงสว่างไสวท่ามกลางท้องฟ้าสีแดงเธอไม่เคยเห็นพระจันทร์เต็มดวงชัดเจนขนาดนี้มาก่อน ซ้ำสีท้องฟ้ายังดูน่ากลัวกว่าทุกวัน สายลมซึ่งพัดผ่านดูสงบสวนทางกับสิ่งที่เห็นอย่างสิ้นเชิงขณะหมุนตัวกลับเข้ามาในห้อง เธอได้กลิ่นหอมอ
@QUEENS CITY “โอ้โห~” คลาริสาอ้าปากอย่างตกตะลึง เมื่อเข้ามาในอาณาเขตที่ตั้งปราสาทใหญ่โตของครอบครัวเพื่อนสนิท “อ้าปากกว้างจนแมลงบินเข้าปากหมดแล้วหนูท่อ” “นี่เหมือนปราสาทยุคกลางที่เราอ่านในเว็บตูนเลยอะไซลัส” ทั้งใหญ่โต ทั้งสวยงาม แถมยังอยู่ในหุบเขาอีกด้วย แต่อีกมุมหนึ่งก็ดูลึกลับและน่ากลัว “จอดรถได้แล้ว เราอยากลงไปเดินดู” “ไปๆ ลงไป” ไซลัสยอมจอดรถให้เพื่อนสนิทลงไปก่อน เกิดเธอผลีผลามกระโดดลงรถจะเจ็บตัวเอาเปล่าๆ ส่วนเขาก็วนรถมาจอดให้เป็นที่เป็นทาง จากนั้นเดินตามหลังเธอมาเรื่อยๆคลาริสาตื่นเต้นกับความแปลกใหม่เหล่านี้ ทุกอย่าง ณ ที่แห่งนี้เหมือนกับอยู่ในโลกจินตนาการเลย เธอเดินมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาหยุดอยู่ตรงต้นสะพานเหล็กที่ยื่นไปในทะเลสาบหมับ!จังหวะที่คลาริสากำลังจะก้าวขาขึ้นไปบนสะพาน ไซลัสตวัดแขนกอดเอาเธอไว้จนตัวลอยขึ้นจากพื้น ก่อนที่เจ้าตัวจะเอี้ยวหน้าไปถาม “อุ้มเราทำไม” “ไปหาพ่อกับแม่ก่อนแล้วค่อยมาเดินเล่นใหม่” “เออใช่ เราลืมเลย” ไซลัสยอมปล่อยเพื่อนยืนลงบนพื้นอย่างว่าง่าย เปลี่ยนมากอดคอพาเธอเดินลัดทางเดินเข้ามาในปราสาท ความเงียบทำให้เขาสงสัยว่าพ่อกับแม่หายไปไหน แต่พอจะอ้าป
หลายปีต่อมา…“มี้ครับ เดี๋ยวผมมานะ” ไซลัสในวัยสิบเก้าปีวิ่งลงมาจากชั้นสองของบ้านอย่างรีบร้อน ยังไม่ได้สวมเสื้อเลยด้วยซ้ำ“จะไปไหนลูก อีกสักพักเราต้องเดินทางแล้วนะ”“ไปรับยัยหนูท่อที่บ้านครับ”“แน่ะ มี้บอกแล้วว่าอย่าเรียกหนูคลาร่าแบบนั้น” เซเลน่าทำโทษลูกชายด้วยการตีแขนเบาๆ “เขาโตเป็นสาวแล้ว เรียกให้มันดีๆ หน่อย”“ในสายตาผมคลาร่าก็ยังเหมือนหนูท่อเหมือนเดิมนั่นแหละ” คล่ายังคงตัวเล็กเหมือนเด็กมัธยม ทั้งที่กำลังจะขึ้นมหาวิทยาลัยแล้ว เปรียบเทียบกับเขาที่มีความสูงหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตรยอยู่เพียงระดับอกอยู่เลย “พ่อกับแม่ไปกันก่อนเลยก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมตามไปทีหลัง”“โอเค ขับรถระวังๆ ด้วยล่ะ”ไซลัสวิ่งออกมาเอารถยนต์นอกบ้าน แล้วใช้มันขับมารับคลาริสาที่บ้านของเธอซึ่งอยู่เมืองข้างเคียง ตอนแรกเขาตั้งใจจะไปเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัว แต่จู่ๆ คลาริสาก็ขอไปด้วยเธอเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวของเขาตั้งแต่อนุบาลจนมาถึงปัจจุบัน แม้ว่าหลังจากจบอนุบาลเขาจะเรียนโฮมสกูล แต่ก็ยังติดต่อกันผ่านข้อความอยู่บ่อยๆตอนที่เขามีอายุได้เพียงแปดขวบ เขาก็เติบโตเทียบเท่ากับชายหนุ่มวัยเจริญพันธุ์แล้ว กว่าจะได้เจอคลาริสาอีกครั้งห
“ศาสตราจารย์คะ!”“ครับ?”“เอ่อ…วันนี้ไปทานอาหารกลางวันกับฉันมั้ยคะ”เซเวียสสบตากับผู้ใต้บังคับบัญชาของตัวเองด้วยแววตาเรียบเฉย ความคิดในหัวของเจ้าหล่อนทำให้เขาเกือบหลุดหัวเราะเธอกำลังคิดว่าอย่างไรเขาก็ต้องตกลง เพราะตัวเองเป็นคนหน้าตาดี คงไม่กล้าปฏิเสธสาวสวยแบบนี้ หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงปฏิเสธอย่างไม่ไว้หน้า แต่ตอนนี้เขาต้องนึกถึงภาพลักษณ์ของตัวเองในที่ทำงานด้วย“ได้สิครับ”“จริงนะคะ!”“เจอกันที่โรงอาหารตอนกลางวันแล้วกันครับ” ว่าจบเซเวียสก็หันไปรับเครื่องดื่มสองแก้วจากบาริสต้า แล้วเดินออกมาจากร้านกาแฟเพื่อมาส่งน้ำให้กับคนรักอย่างเช่นทุกวันปัจจุบันเขาทำงานที่ศูนย์วิจัยมาได้เกือบสามเดือนแล้ว แต่เรื่องที่เขากับเซเลน่าเป็นสามีภรรยากันยังคงถูกเก็บเป็นความลับ เธอให้เหตุผลว่าไม่อยากให้ใครเอาเรื่องส่วนตัวไปพูดลับหลัง และเขาก็ปฏิบัติตามที่เธอต้องการอย่างเคร่งครัดมาตลอดก๊อก ก๊อก ก๊อก~“เชิญค่ะ” ปีศาจหนุ่มเปิดประตูเข้าไปทันทีที่ได้ยินเสียงอนุญาตของคนในห้อง “มาทำอะไร”“เอาช็อกโกแลตเย็นมาให้”“อ้อ ขอบใจ” เซเลน่าลุกจากเก้าอี้ทำงานพร้อมกับรับแก้วเครื่องดื่มมาจากมือเซเวียส นอกจากจะขอบคุณเขาด้วยคำพูดย
“เมื่อกี้นายไปไหนมา” เซเลน่าเอ่ยถามหลังจากเดินพ้นออกจากอาณาเขตโรงเรียนของอนุบาล ด้วยความที่เขาหายไปเกือบครึ่งชั่วโมง คงไม่แปลกที่เธอจะสงสัย“ซื้อโรงเรียน”“ถามจริง?” เธอถามกลับอย่างไม่อยากเชื่อ“จริง”“อะไรเข้าสิงให้คิดจะซื้อโรงเรียนลูกเนี่ย”“สิ่งที่ไซลัสกำลังเจอคือการเหยียดหยาม เพราะทุกคนเอาแต่คิดว่าเป็นเด็กไม่มีพ่อ ถ้าฉันเป็นเจ้าของโรงเรียนนี้ใครมันจะกล้าทำตัวไม่ดีใส่ลูกอีกล่ะ” ตอนแรกเขาตั้งใจว่าจะเข้าไปคุยกับผู้อำนวยการโรงเรียนเท่านั้น แต่ระหว่างเดินผ่านกลับได้ยินคุณครูซุบซิบเรื่องของไซลัสกับเซเลน่าอย่างออกรสออกชาติ ในฐานะที่เขาเป็นพ่อและสามีก็ควรจะปกป้องลูกและภรรยาตัวเอง“ต้องเล่นใหญ่เบอร์นี้เลยเหรอ? อีกไม่นานลูกก็โตแล้วอีกอย่างฉันมีความคิดจะให้ไซลัสเรียนโฮมสกูลด้วย ถ้าลูกผ่านเกณฑ์ ไม่กี่ปีก็เข้ามหา’ ลัยได้”ปัจจุบันไซลัสเรียนอยู่ระดับชั้นอนุบาล แต่สรีระร่างกายของเขาเหมือนเด็กประถมต้น ดังนั้นเธออยากจะหลีกเลี่ยงเหตุการณ์เหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้ โดยการให้ไซลัสศึกษาเล่าเรียนที่บ้านแทน แต่เมื่อเขาพร้อมที่จะเข้ามหาวิทยาลัยก็จะให้เขาได้ออกไปใช้ชีวิตเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป“นายก็รู้ว่าลู
หลังจากไซลัสยอมหยุดการกระทำของตัวเองลง เขาก็เดินกลับมาหาเพื่อนผู้หญิงที่ก้มหัวปิดหน้าปิดตา ย่อตัวนั่งลงใกล้ๆ แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“เมื่อกี้เธอไม่เห็นอะไรใช่มั้ย”“ระ…เราไม่เห็นอะไรนะ!” คนถูกถามสะดุ้งพร้อมกับกางนิ้วมองหน้าของไซลัส โดยที่ยังเอามือปิดหน้าตัวเองไว้“งั้นก็ดี ตอนนี้เธอต้องวิ่งไปฟ้องครูว่าเพื่อนทะเลาะกัน โยนของจนทำกล้องวงจรปิดพัง”“ตะ…แต่เมื่อกี้ไซลัส…”“เธอต้องไม่เห็นอะไร เรื่องนี้จะไม่เกี่ยวกับเรา…เข้าใจมั้ย” น้ำเสียงของไซลัสเข้มขรึมเพื่อต้องการข่มขู่เพื่อนผู้หญิงคนนี้ไม่ให้เอาเรื่องนี้ไปพูดกับใคร “เธอชื่ออะไร”“คะ…คลาริสา”“เราจำชื่อเธอได้แล้ว ถ้าไม่อยากโดนเหมือนพวกนั้น หวังว่าจะไม่พูดถึงชื่อของเรากับครู”“อื้อๆ เราจะไม่พูดอะไรเลย” เด็กหญิงยกมือกุมจมูกตัวเองลุกพรวดวิ่งผ่านของเล่นที่กระจัดกระจายบนพื้นออกไปจากห้องเรียนอย่างรวดเร็วส่วนไซลัสก็หยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วเดินมานั่งอ่านหนังสือที่เดิมอย่างไม่คิดจะปรายตามองเพื่อนร่วมห้องที่ถูกเขาเล่นงานคืนเลยสักนิดที่เด็กชายไม่อยากเอาคืนเพื่อนๆ ก็เพราะคิดว่าอีกหน่อยพวกนั้นก็คงหยุดแกล้งไปเอง แต่ที่ไหนได้กลับหนัก
“หัวหน้าครับ” “หืม? ว่าไงคะคุณโจเอล” “ไปกดน้ำกันมั้ยครับ” “ก็ดีค่ะ ฉันกำลังอยากได้คาเฟอีนพอดีเลย” เซเลน่าโครงศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนทิศทางเดินยังตู้กดน้ำดื่มของศูนย์วิจัย “คุณโจเอลเอาอะไรดีคะ เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง” “ผมเป็นผู้ชายนะครับ ให้ผมเลี้ยงหัวหน้าเถอะ” “ฉันไม่อยากให้คนอื่นเอาไปพูดว่าดูแลลูกน้องตัวเองไม่ดีค่ะ” “คนที่กล้าว่าหัวหน้าก็คงมีแต่คนขี้อิจฉานั่นแหละ ผลงานก็ยอดเยี่ยม แถมสวยอีกต่างหาก” “ฉันจะลอยแล้วนะ อย่าชมเยอะ” เซเลน่าแย้มยิ้ม ก่อนจะหันไปเลือกน้ำดื่มสำหรับโจเอลและตัวเอง จากนั้นก็ยื่นมันไปให้เขา “ฉันเห็นคุณดื่มอันนี้บ่อยๆ น่าจะถูกใจอยู่ใช่มั้ยคะ” “ขอบคุณครับผม ผมเปิดให้มั้ยครับ” “ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวยื่นกระป๋องน้ำดื่มไปให้อีกฝ่ายช่วยเปิด จากนั้นก็รับกลับมาพร้อมกับยกขึ้นจิบเบาๆ โดยที่สายตามองเอกสารงานวิจัยของทีม “คุณรู้รึยังว่ากำลังจะมีคนเข้ามาแทนตำแหน่งของด๊อกเตอร์เบอร์นาร์ดน่ะครับ” “หาคนมาแทนได้แล้วเหรอคะ” “เห็นสาวๆ บอกว่าคนคนนั้นเข้ามาประจำที่ศูนย์วิจัยแล้วนะครับ แต่พวกเราคงได้เจอวันพรุ่งนี้ตอนแนะนำตัว” “ก็ดีเหมือนกันนะคะ เพราะตั้งแต่ด๊อกเตอร์เบ
เสียงแดดยามเช้าที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างปลุกหญิงสาวขณะกำลังหลับตาพริ้มนอนอย่างสบายใจ เธอพลิกตัวไปมาพร้อมกับควานมือหาลูกชายและพ่อของเขาแต่เมื่อสัมผัสกับเตียงนอนว่างเปล่า ดวงตากลมโตก็ค่อยๆ เปิดปรือมอง โครงคิ้วเรียวสวยเริ่มขมวดมุ่นสงสัยว่าทั้งคู่หายไปไหนกันตั้งแต่เช้ารีบลุกจากเตียงเข้ามาล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ แล้วเดินออกมาให้อาหารเช้าเจ้างูเผือกที่พามาพักผ่อนในสถานที่คุ้นเคยด้วยกัน“พี่สนุกมาก~” เสียงแว่วที่ดังมาจากหน้าปราสาทขับกล่อมให้เซเลน่าเดินมาบริเวณระเบียงห้องนอน แล้วมองลงไปยังข้างล่าง“ไปไหนกันมาตั้งแต่เช้า”“มอร์นิงครับมี้!” ไซลัสโบกมือขึ้นมาทักทายผู้เป็นแม่อย่างร่าเริง แล้วหันไปเลียไอศกรีมที่เพิ่งซื้อมาด้วยความเอร็ดอร่อย“มอร์นิงครับ แต่ไซลัสยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลยนะ ทำไมถึงกินไอติมแล้วล่ะลูก”“ก็พ่อซื้อให้พี่นี่ครับ แถมพาพี่หายตัวไปซื้อด้วยนะ!”คนเป็นพ่อก็ถึงกับขมวดคิ้วมุ่น เมื่อจู่ๆ ลูกชายก็โยนความผิดมาให้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ทั้งที่เจ้าตัวเล็กเป็นคนขอให้เขาพาไปซื้อแท้ๆ“อ้อ…” เซเลน่าเหล่สายตามองหน้าพ่อของลูกเล็กน้อย “…งั้นแสดงว่ามี้ต้องดุพ่อของไซลัสใช่มั้ย”“จะมาดุอ
“คาดไม่ถึงแฮะ” เซเลน่ายกยิ้มมุมปาก“ไม่ใช่สิ่งที่เธออยากฟังรึไง”“ทุกอย่างมันเกินความคาดหมายตั้งแต่ปีศาจอย่างนายเข้ามาในชีวิตของฉันแล้ว แต่ฉันก็ดีใจที่ฉันได้รู้จักกับนาย ถึงตอนแรกจะไม่ได้คิดแบบนั้นก็เถอะ”“ที่ผ่านมาฉันคงเห็นแก่ตัวเกินไปหน่อย หวังว่าเธอจะไม่ถือสาฉัน”“เพิ่งจะรู้ตัวเหรอว่านายทั้งเห็นแก่ตัว ทั้งเอาแต่ใจ” หญิงสาวฟาดกำปั้นใส่แขนแกร่งด้วยความหมั่นไส้อย่างไม่จริงจังมากนัก“ตอนนี้ดึกแล้วนะ ฉันว่าเธอควรเข้าไปนอนกับลูกได้แล้ว”“ฉันมีเรื่องที่ยังอยากถามนายอีกหลายเรื่อง” ร่างเล็กส่ายหัวปฏิเสธ ก่อนจะเดินมาทิ้งสะโพกนั่งลงบนเก้าอี้ “ช่วยตอบมาตามความจริงด้วย”“ว่ามาสิ”“ริโอน่ะ…เขาเป็นน้องชายของนายจริงเหรอ” มีเรื่องราวส่วนหนึ่งในความฝันที่ทำให้เธอค้างคาใจ และมีเหตุการณ์ที่น่าหดหู่เกิดขึ้นด้วย“อืม”“เขาคือคนที่ฆ่าฉันในอดีตด้วยใช่มั้ย” ภาพที่องค์หญิงไอร่ากระโจนเข้าไปปกป้องว่าที่สามีอย่างเซเวียส มันเป็นความแน่วแน่จนเซเลน่ารับรู้ได้ถึงความรักที่หล่อนมีต่อชายคนรัก แต่สุดท้ายก็ถูกสังหารตายอย่างเลือดเย็น“สิ่งที่มันทำไม่ควรได้รับการให้อภัย มันควรหนีไปเหมือนที่มันเคยทำมาตลอด แต่มันดันกลับมา
ปึง!“มี้!”เซเลน่าสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินทุบประตูพร้อมกับเสียงแผดลั่นของลูกชาย กำลังจะอ้าปากถามว่าทำไมถึงมายืนอยู่หน้าประตู แต่เจ้าตัวเล็กกลับวิ่งเข้ามารัวหมัดใส่ท้องเซเวียสแทน“จะขโมยมี้ของพี่ไปไหน!” ปลายเสียงของไซลัสนั้นสั่นเครือ เขาตกใจที่จู่ๆ ก็ตื่นมาไม่พบแม่ตัวเอง พอวิ่งหาในปราสาทจนรอบก็ไม่เจออีก “อย่าขโมยมี้พี่ไปนะ ไอ้โจรนิสัยไม่ดี!”เซเวียสขมวดคิ้วมุ่นกับการกระทำของเด็กน้อย ก่อนจะเอื้อมมือไปจับฮูดดีแล้วยกเขาขึ้นลอยจากพื้น มองดวงตาสองสีอย่างพินิจพิเคราะห์ รู้สึกคุ้นเคยกับเด็กคนนี้อย่างน่าประหลาด“ปล่อยพี่เดี๋ยวนี้นะ! อยากตายงั้นเหรอ!”“ไซลัสไม่เอาลูก ใจเย็นๆ ก่อนครับ”“บอกให้ปล่อยไง!” ไซลัสตะโกนเสียงดังด้วยความโมโห สบตากับดวงตาสีอำพันของชายที่กำลังจะลักพาตัวแม่ของตัวเองเพื่อสะกดจิตให้ปล่อยมือออกจากเสื้อของเขาตามคำสั่งแต่นอกจากจะไม่เกิดผล ยังถูกอีกฝ่ายยั่วยุด้วยความเงียบงัน เจ้าตัวเล็กขบกราบแน่นแสดงความโกรธเกรี้ยวยิ่งกว่าเดิมจนดวงตาข้างซ้ายเปลี่ยนเป็นสีแดงแต่จู่ๆ ใบหน้าถมึงทึงก็ออกอาการตกใจจนอ้าปากค้าง เพราะดวงสีอำพันของอีกฝ่ายนั้นกลายเป็นสีแดงไม่ต่างกัน ไซลัสรู้ได้ทันทีว่าผู้ชา