เพล้ง!“โอ๊ย!”“เฮ้ย! เป็นอะไรน่ะหงส์” เสียงมอม้าฟังดูร้อนรนเอ่ยถามฉันเมื่อไม่กี่นาทีก่อนฉันรู้สึกคอแห้งเลยกะจะเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่ข้างๆ มาดื่ม แต่ไม่รู้ทำไมรู้สึกมือไม้มันไม่มีแรงเลยทำให้แก้วหล่นและแตกเกลื่อนพื้น ส่งผลให้มีเศษแก้วบางส่วนกระเด็นมาโดนเท้าฉันจนได้แผลเอาจริงๆ ฉันว่าฉันแทบจะไม่มีสมาธิในการทำงานเลยด้วยซ้ำ ตั้งแต่ออกมาจากห้องยูกิตั้งแต่เมื่อเช้า เหตุการณ์ในห้องคืนนั้นทำให้ฉันแทบจะไม่อยากมองหน้าคนเป็นเจ้านาย ต้องฝืนทนทำเป็นเมินเฉยเขา ทั้งๆ ที่ในใจไม่ได้ต้องการเฉยเมยแบบนั้นเลยสักนิดความรู้สึกฉันมันกำลังตีรวนกันไปหมดแล้วตอนนี้ตั้งแต่ได้รับไออุ่นจากเขา แต่กลับเจ็บปวดเจียนตายเมื่อเขาคิดว่าฉันเป็นคนอื่น ผู้หญิงคนนั้น ‘ฟ้า’ คนที่ครอบครองหัวใจเขาแม้กระทั่งยามหลับและยามตื่น“ไม่เป็นไรมากค่ะ เดี๋ยวหงส์เก็บเศษแก้วก่อนนะคะ” ฉันที่เริ่มตั้งสติได้รีบยกมือห้ามมอม้าที่วิ่งมาจวนจะถึงตัวให้ออกห่างจากพื้นที่อันตรายที่มีเศษเล็กเศษน้อยของแก้วกระจัดกระจายพร้อมกับน้ำที่นองหน่อยๆ บนพื้น“เฮ้ย! ไม่ต้องเก็บ เดี๋ยวก็ได้แผลอีกหรอก”“โอ๊ย!”“นั่นไง พูดยังไม่ทันขาดคำ ทำไมดื้อด้านแบบนี้วะ
“แล้วนี่ไปทำอะไรมาถึงได้แผลทั้งนิ้วมือทั้งเท้าแบบนั้นล่ะ” เสียงแก้มใสถามฉันน้ำเสียงแลดูเป็นห่วงเป็นใย“พอดีหงส์เบลอนิดหน่อยเลยทำแก้วหลุดมือ แล้วก็ได้แผลอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ” พูดแล้วก็นึกสมเพชตัวเองไม่หาย ไม่คิดว่าจู่ๆ จะไร้เรี่ยวแรงแม้แต่แก้วใบเล็กนิดเดียวที่น้ำหนักไม่ได้มากมายอะไรก็ประคองไว้ไม่ได้ต้องพลอยทำให้คนอื่นเดือดร้อนตามไปด้วย สงสัยอาจจะเป็นเพราะเมื่อคืนฉันแทบไม่ได้นอนตั้งแต่ตีสองยันสว่าง“งั้นน้องทิวก็อดเล่นกับอาหงส์แล้วล่ะครับวันนี้” แก้มใสก้มหน้าลงไปพูดกับลูกชายที่นั่งจ้องฉันอยู่บนตักเธอ“น้องทิวจะดูแลอาหงส์เอง” เสียงพูดที่ดูไร้เดียงสา แต่สายตาแน่วแน่“ขอบคุณครับ” รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกจนไม่รู้จะตอบเด็กคนนี้ยังไงดีหลังจากที่นั่งคุยกับแก้มใสและทิวลิปในห้องนอนฉันได้ไม่นาน เด็กน้อยก็เริ่มงอแงเพราะหิวข้าว ก็นะ ตอนนี้มันก็เลยเที่ยงมานิดๆ แล้วด้วย ทำให้ตอนนี้พวกเราสามคนย้ายตัวมาที่ห้องครัวด้านล่างของยุกกี้คาสิโนเป็นที่เรียบร้อยแล้วและตอนนี้ฉันก็กำลังจะโชว์ฝีมือทำข้าวผัดกุ้งของโปรดทิวลิปน้อยเพื่อเอาใจเด็กน่าตาน่ารักที่ห่วงใยฉันสักหน่อย“หายดีแล้วไง ถึงห้าวมาจับมีด” เสียงราบ
ครืด~และอีกครั้งที่มีเสียงเลื่อนเก้าอี้“อ้าว! แล้วนั่นจะไปไหนน่ะเรา” มอม้าเอ่ยถามเมื่อเห็นฉันลุกขึ้นหยิบจานข้าวตัวเองติดมือเพื่อไปวางที่ซิงค์ล้างจาน“หงส์อิ่มแล้วค่ะ ทานกันตามสบายเลยนะคะ เดี๋ยวหงส์ค่อยเข้ามาเก็บกวาดอีกที” ฝืนยิ้มไว้ไฉ่หง อย่าทำให้คนอื่นเสียบรรยากาศกับคนนอกอย่างเธอ“อะไรกันวะ อีกคนก็กินไปแค่คำสองคำ อีกคนก็แทบจะยังไม่แตะข้าวบนจานแต่บอกว่าอิ่มแล้ว แปลกชะมัดคู่นี้”ฉันได้ยินเหมือนมอม้าจะพูดอะไรสักอย่าง มันดังแว่วๆ อยู่ด้านหลังฉัน เพราะตอนนี้ฉันกำลังเดินออกมาจากห้องครัวเพื่อไปหาที่สงบๆ สักที่คิดทบทวนเรื่องอะไรบางอย่างบางที ถ้าหากการที่ฉันมาอาศัยอยู่ที่นี่มันสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นมากมายนัก ฉันควรจะจากไปเสียดีกว่า มันคงจะไม่เป็นไรมั้ง ถ้าหากฉันจะกลับมาตอบแทนหนี้บุญคุณเขาอีกครั้งในวันที่เขาพร้อมจะรับการตอบแทน[Yuuki’s part]ตอนที่ผมกำลังคุยเรื่องไอ้ดำกับใบไม้อยู่ดีๆ ไอ้มอม้าก็เสือกเข้ามาขัดจังหวะ อันที่จริงมันก็ไม่ถือว่าขัดจังหวะเท่าไหร่หรอก ถ้ามันไม่เสือกพูดถึงประเด็นเรื่องเมื่อวันก่อนที่ผมฝากรอยแผลไว้ที่มุมปากให้น้องมันฟังตอนแรกที่มอม้าเข้ามาในห้องมันคงคิดว่าผมมองไ
อ่อนแอก็แพ้ไปไฉ่หง คนอย่างเธอมันทำได้แค่มองเขาเท่านั้นแหละ[มีใครรังแกเราเหรอไง บอกเฮียมา เฮียจะให้ไอ้ยูกิจัดการให้]‘คนที่เฮียพูดอยู่นั่นแหละตัวการ’“เปล่าหรอกค่ะ หงส์แค่คิดถึงป๊า ม๊า แล้วก็บ้าน” คิดว่าตัวเองดราม่ามาพอแล้ว เลยเอาท่านทั้งสองมาเป็นข้ออ้างแต่ฉันก็ไม่ได้โกหกนะ ฉันคิดถึงพวกท่านจริงๆ เฮียเทียนบอกแค่ว่าพวกท่านสบายดี แล้วทำไมไม่มีใครโทรมาหาฉันบ้างเลยสักคน[ไฉ่หง] เฮียเทียนเรียกฉันน้ำเสียงฟังดูเศร้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด[เฮียต้องวางแล้วนะ ต้องรีบไปทำธุระต่อ ไว้เฮียเคลียร์งานเสร็จจะรีบบินไปหาเราทันที รอเฮียหน่อยนะยัยน้อง เฮียรักและคิดถึงเราเสมอ จำไว้]คนโทรมาพูดเสร็จก็เป็นฝ่ายตัดสายทิ้งไป ไม่รอแม้แต่คำว่า ‘คิดถึง’ หรือ ‘บาย’ จากน้องสาวคนนี้สักนิดหลังจากวางสายกับเฮียเทียนเสร็จ ฉันจึงเห็นเวลาที่ปรากฏเป็นตัวเลขที่หน้าจอมือถือ “สามทุ่มแล้วเหรอ”นี่ฉันนั่งตั้งแต่บ่ายแล้วเผลอหลับไปแบบไม่รู้ตัวจนถึงสามทุ่มเนี่ยนะ ถึงว่าทำไมบรรยากาศรอบๆ ตัวถึงได้มืดครึ้มแบบนี้ไม่รอช้ารีบลุกขึ้นเพื่อที่จะลงไปด้านล่างคาสิโน แต่แล้วก็เหมือนร่างกายชาหนึบ แข้งขาอ่อนแรง รู้สึกหนักอึ้งที่หัว และในเวลาต่อมา
แกรก ปังภาพแรกที่เห็นคือสระว่ายน้ำขนาดกลาง และข้างๆ ขอบสระจะมีเก้าอี้ผ้าใบสองสามตัววางอยู่รอบๆ และสิ่งที่ผมเห็นคือร่างเล็กของคนที่ตามหามาหลายชั่วโมงล้มอยู่ข้างเก้าอี้ผ้าใบ“หงส์ ฟื้นสิ หงส์!” ผมเรียกคนที่นอนสลบอยู่บนพื้นปูนเสียงลั่นสัมผัสแรกที่ผมแตะตัวเธอคือความร้อนดั่งเปลวไฟไฉ่หงตัวร้อนจัดขนาดนี้อาจจะเป็นเพราะนอนตากทั้งแดดในช่วงกลางวันพอตกเย็นก็โดนน้ำค้างแน่ๆพรึ่บ!“ทำใจดีๆ ไว้ พี่จะพาเราไปหาหมอ” ปากก็คอยพูดคุยกับคนไม่ได้สติในอ้อมกอด ร่างกายร้อนระอุแทบจะเผาไหม้เนื้อกายของผมได้เลยทีเดียว“เป็นอะไร” พอลงมาถึงชั้นสอง คนที่เพิ่งออกมาจากห้องทำงานอย่างเฮียยูกิก็เอ่ยถามขึ้น“หงส์ไม่สบาย สงสัยจะตากน้ำค้างนานไป ผมจะพาเธอไปโรงพยาบาล”“พาไปห้องนอนแล้วเรียกหมอมาแทน” เฮียยูกิรีบพูดขัด และเดินตรงดิ่งไปยังประตูห้องไฉ่หง ทำหน้าที่เปิดประตูใบใหญ่เพื่อให้ผมพาคนป่วยเข้าไปยังเตียงนอนครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ผมไม่ยอมทำตามคำสั่งคนเป็นนาย เพราะตอนนี้ผมเป็นห่วงคนในอ้อมกอดมากเกินที่จะปล่อยไว้ที่ยุกกี้แล้วรอหมอมาดูอาการ ผมเลยเลือกอุ้มไฉ่หงลงมายังชั้นล่างและรีบตรงดิ่งมาที่ลานจอดรถด้านหลังเพื่อพาคนป่วยไปโ
“ฉันป้อน”น้ำเสียงดุๆ ถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากหนาสีแดงนิดๆ ของคนข้างเตียงตึกตัก... เพียงแค่ประโยคนั้นประโยคเดียว เหมือนน้ำที่ส่งมาหล่อเลี้ยงหัวใจที่กำลังปิดตายของฉันให้มีชีวิตอีกครั้ง“…” ฉันเงียบไม่ตอบ แต่สายตาสองคู่ของเรากำลังจ้องประสานกันฉันไม่เห็นความพูดเล่นในสายตาคมดำสนิทของผู้ชายคนนี้ นัยน์ตาคู่สวยนั้นมีแต่ความจริงจังกับคำพูดก่อนหน้า“ดื่ม!” ยูกิบอกอีกครั้ง พร้อมกับจ่อหลอดดูดน้ำติดริมฝีปากบางของฉันนาทีนี้เหมือนร่างกายมันไปก่อนสมองสั่งการ ริมฝีปากบางแย้มเปิดออกพร้อมกับงับเข้าที่หลอดดูดนั้น ดูดน้ำเปล่าใสสะอาดลงคอไปหลายอึก“ก็แค่นี้” คำพูดที่เหมือนจะหลอกด่ากลายๆ ว่าฉันลีลาถูกส่งออกมาจากนั้นร่างสูงก็เดินไปยังห้องน้ำที่อยู่ด้านข้าง ทิ้งให้ฉันมองตามจนไม่เห็นร่างหนาใหญ่นั้น ถึงแม้ตอนนี้จะมองไม่เห็นร่างยูกิเพราะเขาเข้าห้องน้ำไปแล้ว แต่ทำไมฉันเหมือนกับถูกจ้องกลับมาด้วยสายตาคมของเขาอยู่เลยหรือจะเป็นเพราะสายตาก่อนหน้าที่เขาใช้มองมา มันมีแววความเป็นห่วงปนออกมากันนะ[Yuuki’s part]แกร๊ก~เสียงกลอนประตูห้องน้ำถูกผมกดล็อคดังขึ้นเบาๆ ทำให้ผมได้สติอีกครั้งตึกตัก...บ้าไปแล้ว หัวใจผมเต้นแรง
แอ้ด~เสียงเหมือนมีใครเปิดประตูเข้ามา ดึงให้ผมได้สติอีกครั้งและพบว่าบนใบหน้าตัวเองตอนนี้มันกำลังเปียกชื้นนิดๆ‘น้ำตา?’ นี่ผมเผลอนึกถึงเรื่องนั้นอีกแล้วสินะ“เฮีย” เสียงมอม้าที่เพิ่งเข้ามาเมื่อกี้เรียกผม“เพิ่งหลับ หมอให้ยาแล้ว ไปล่ะ” ผมพูดกับมอม้าแบบไม่ได้หันหน้าไปมองหน้ามันสักนิดแล้วเลือกเลี่ยงเดินออกจากห้องนี้ทันทีนี่ผมเกือบลืมคำสัญญาสุดท้ายที่ให้กับคนสำคัญที่สุดในชีวิตผมไปได้ยังไงไฉ่หงคนนั้นจะมามีสิทธิ์อะไรให้ผมปั่นป่วนแบบนี้ผู้หญิงคนนี้อันตราย ผมจะต้องอยู่ห่างจากเธอ“อื้ม ผมขอเวลาอยู่นี่สิบนาที แล้วจะรีบตามไปอธิบายกับเฮีย”เสียงมอม้าดังไล่หลังตอนที่ผมกำลังจะปิดประตูห้องลง“ไม่จำเป็น กูไม่ได้เคืองอะไร” ผมบอกมันด้วยน้ำเสียงปกติแล้วเลือกเดินออกจากห้องนั้นทันทีตอนนี้มันไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรกับผมแล้ว เรื่องที่มันขัดคำสั่งก่อนหน้าผมไม่ได้โกรธเคืองอะไรมัน กลับกัน ผมต้องขอบคุณมันต่างหากที่ช่วยไฉ่หงให้ปลอดภัย เพราะหากมัวรอช้ากว่านั้น หมอบอกไฉ่หงอาจจะช็อคได้[Special’s part]หลังจากสิ้นร่างสูงผมสีชมพู ภายในห้องผู้ป่วยก็หลงเหลือเพียงสองคนนั่นคือคนป่วยที่ตอนนี้นอนหลับสนิทเพราะเมื่อไม่ก
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป“น้ำ!” รู้สึกปวดเมื่อยตัวไปหมดร่างกายต้องการน้ำเป็นสิ่งแรกหลังจากที่รู้สึกตัว“เอา! นี่จ๊ะ ดื่มน้ำก่อน” เสียงหวานๆ เรียกให้ฉันดื่มน้ำ“สิตา” ฉันเรียกเจ้าของใบหน้าสวยหวานเสียงแหบแห้ง“ดื่มก่อน” สิตายังคงพูดประโยคเดิมพร้อมกับยื่นน้ำที่มีหลอดดูดมาจ่อที่ริมฝีปากบาง พลันสมองก็หวนกลับไปนึกถึงตอนที่ยูกิกำลังทำแบบนี้ให้แปรด~ รับรู้ได้เลยว่าใบหน้าตอนนี้กำลังเห่อร้อน“หน้าแดง ไข้ขึ้นอีกไหมเนี่ย” เสียงร้อนรนของสิตาทำให้ฉันสะบัดหัวเบาๆ เพื่อลบภาพพวกนั้นทิ้งไป“ดีขึ้นแล้ว ไม่ปวดหัวด้วย” ฉันรีบบอกอาการของตัวเองทันทีที่เห็นเธอกำลังจะเอื้อมมือไปกดปุ่มฉุกเฉินเรียกพยาบาล“แน่ใจนะ” ใบหน้าหวานถอดสีหน่อยๆ เหมือนกำลังกังวลอะไรในใจ“อื้ม หงส์ไม่เป็นไรแล้ว” ยิ้มสำทับคำพูดเพื่อให้คนหน้ามุ่ยผ่อนคลาย“เมื่อกี้สิตากลัวแทบตาย หงส์ดูเจ็บปวดทรมานมากเลยล่ะ”ฉันได้ฟังถึงกับขมวดคิ้วมุ่น ก่อนหน้านี้ฉันจำได้ว่ากำลังเจ็บปวดกับเรื่องที่มอม้าระบายออกมา แล้วหลังจากนั้น...“ไม่เอาสิ อย่าขมวดคิ้วแบบนั้น ไม่ต้องไปคิดถึงมันแล้ว” สิตารีบจับไหล่ฉันแล้วเขย่าเบาๆ“เมื่อกี้หงส์ หงส์...”“ช่างมันเถอะ ดูนี่ สิตามี
“โอ๊ย อื้อ” คนขี้โกง!ยูกิใช้มือข้างไหนไม่รู้ขย้ำหน้าอกของฉันแรงมากจนฉันเผลอร้องออกมาด้วยความตกใจปนสั่นสะท้าน ไม่ใช่แค่บีบ เขากำลังใช้นิ้วมือค่อยๆ ลากวนกับส่วนที่ชูขันของฉันเป็นวงกลม แถมยังค่อยๆ ขยี้มันเหมือนกับนั่นคือดินน้ำมันที่ต้องการจะปั้นให้เป็นก้อนกลมๆ“อื้อๆ” ทำได้เพียงร้องประท้วง เพราะเขายังไม่ยอมถอนริมฝีปากออกไปไม่ไหว หายใจไม่ทัน เหมือนเริ่มจะขาดอากาศไปเลี้ยงปอดและสมอง“อึก เฮือก” ราวกับรู้ว่าฉันกำลังต้องการอะไร ยูกิรีบผละริมผีปากออกมา แต่ก็แค่ชั่วครู่ “อือ” ไม่ใช่เสียงฉันยูกิครางแผ่วลอดออกมาตอนที่กำลังเล่นสนุกกับการไล่เกี่ยวกระหวัดและดูดดุนลิ้นเล็กของฉันในโพรงปากปึกๆ มือฉันเป็นอิสระอีกครั้ง รีบระดมทุบรัวไปทั้งแผ่นหลังข่วนได้ฉันข่วน จิกได้ฉันเลือกจิก เพื่อให้ยูกิละมือที่บีบเคล้นหน้าอกฉันจนแทบจะแหลกละเอียด ส่วนปากนั้นก็กอบโกยเอาความหวานฉ่ำที่ปนรสชาติแอลกอฮอล์ของฉันและเขาแลกเปลี่ยนกันผ่านทางน้ำลาย“อ๊ะ อย่านะ ยูกิ ฉันขอร้อง” ทั้งดิ้น ทั้งอ้อนวอน ยูกิก็ทำเพียงแค่มองและ...“ฉันบอกแล้ว นี่คือของขวัญวันเกิดเธอ”กึก เสียงเหมือนอะไรสักอย่างขาดผึง เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมที่ทำให้พื้นที
“ใหญ่ อื้อ ชอบ” ไม่แน่ใจว่านั่นเป็นประโยคบอกเล่าหรือแค่พูดกับตัวเองเดี๋ยวนะ! เมื่อกี้ฉันบอกแค่ว่าชุดมันกำลังร่นลง แต่ทำไมตอนที่ฉันมองตามเสียงพูดยูกิถึงได้เห็นร่างกายช่วงบนที่เปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ปกปิดแบบนั้น“อย่ามอง คนฉวยโอกา..ส โอ๊ย!” เขากัดเนื้อที่ล้นออกมาจากกำมือที่กำลังกอบกุมมันอยู่ทั้งสองข้าง มันทั้งเจ็บ ชวนขนลุกอย่างบอกไม่ถูกร่างกายฉันอ่อนเปรี้ยทันทีที่ริมฝีปากหนาหยักลึกกำลังครอบครองยอดอกที่เต่งตึงของฉัน มืออีกข้างก็ทั้งบีบ นวด เคล้น คลึง เขาทำทุกอย่างเหมือนกับมันคือของเล่นที่นิ่มๆ ชนิดหนึ่ง“อืม~” ไม่! ฉันไม่อยากได้ยินเสียงน่าอายพวกนั้น ทั้งของฉันและของเขา“พอ อย่าเล่น เลิกแกล้งหงส์ได้แล้ว” ฉันยังคงปลอบใจตัวเองคนเกลียดขี้หน้ากัน เขาทำกันแบบนี้เหรอจำเป็นต้องใกล้ชิดขนาดอากาศไม่ให้ลอดผ่านแบบนี้ไหม?“ไม่ได้อยากทำ แต่เลิกไม่ได้ อาส์”สติฉันกำลังลางเลือนไม่รู้เมื่อกี้ยูกิพูดว่าอะไร จิตใจมันกำลังหวาดระแวงและเป็นกังวลว่าไอ้ชุดที่มันลงไปกองค้างปิดสะดืออยู่จะหลุดต่ำลงไปกว่านั้นตอนไหน ทั้งตัวฉันมีแค่เดรสสีชมพูตัวนี้ กับซับในที่เป็นเหมือนแพนตี้เหลือแค่สองชิ้นนี้เท่านั้น ถ้ามันหลุดออกห
ตุ้บ!ร่างเล็กของฉันถูกทิ้งลงบนเตียงหนาใหญ่ด้วยฝีมือของคนฉวยโอกาส“คุณจะทำอะไร” รีบกระถดตัวถอยไปทางหัวเตียง สอดส่ายสายตามองหาทางหนีทีไล่ แต่มันคือเรื่องซวยของฉันตรงที่เตียงนอนของอยู่กิอยู่ติดกำแพงข้างหนึ่ง ส่วนข้างที่โล่งไม่มีอะไรขวางกั้นกลับมีร่างสูงยืนคุมเชิงอยู่อีกที“ฉันบอกแล้ว ให้เธอรีบไป แต่ก็ไม่!” ยูกิพูดรอดไรฟันแม้เสียงจะดูเหมือนกำลังโทษฉัน แต่สายตาที่กำลังมองสำรวจร่างฉันมันกำลังแผดเผาชุดที่สวมใส่อยู่ให้กระจุยกระจาย“ห.. หงส์จะไปแล้ว หงส์เชื่อคุณแล้ว” ตอบรับคำสั่งโดยไม่อิดออด ผละตัวเตรียมคลานลงจากเตียงนอนเพราะยูกิเริ่มขยับตัวเปิดทางให้ฉันแต่นั่นฉันคิดผิด... เขาไม่ได้เปิดทางให้หนีแต่…“จะไปไหน”“โอ๊ย! กรี้ด!” ฉันกรีดร้องด้วยความตกใจ เมื่อยูกิทิ้งน้ำหนักตัวลงมาทับฉันในท่ากำลังคลานตัวมายังปลายเตียงฉันล้มในท่านอนคว่ำ ยูกิทาบทับฉันอยู่ด้านบนอีกทีตึกตัก ตึกตักไม่ใช่เสียงหัวใจที่เขินอาย แต่มันคือเสียงเตือนว่าท่านี้ไม่ปลอดภัย“ปล่อยหงส์เถอะค่ะ หงส์ไม่กล้าขัดคำสั่งคุณยูกิแล้ว”พูดไปก็พยายามดิ้นให้คนตัวใหญ่ที่อยู่ด้านบนหลุดพ้นจากแผ่นหลังตัวเองสักที ความอุ่นร้อนของผิวกายที่โผล่พ้นออ
หลังจากรับของขวัญวันเกิดจากคนที่มาร่วมงานที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีเพราะส่วนมากเป็นพนักงานของยุกกี้ กว่าจะเสร็จก็ปาไปหลายชั่วโมง ตอนนี้ฉันเริ่มมึนหัวนิดหน่อยเพราะหลายคนชวนชนแก้วกับฉันทุกครั้งที่เอาของขวัญมาให้“ไหวมั้ยเรา” มอม้าเดินมานั่งยองๆ ข้างเก้าอี้ตัวที่ฉันนั่งอยู่“ถ้ามีชนอีกคงไม่ไหว” ตอบด้วยความสัจจริง ถ้ามีอีกคนยื่นแก้วเหล้ามาให้มีหวังฉันล้มพับก่อนได้เป่าเค้กวันเกิดแน่นอน“ฮ่าๆ” เสียงหัวเราะของเอฟวันดังขึ้น ก่อนหน้านี้ฉันได้รู้จักชื่อบุคคลสองคนที่ไม่คุ้นหน้าเรียบร้อยแล้ว แก้มใสเธอเป็นคนแนะนำให้รู้จักน่ะคนที่น้ำเสียงติดทะเล้นๆ เขาชื่อ ‘เอฟวัน’ส่วนอีกคนที่ฉันบอกว่าน่าจะอายุเยอะสุดชื่อ ‘ไททัน’“หงส์ ได้เวลาตัดเค้กแล้ว” แก้มใสเรียกขึ้นเพราะมัวแต่มองหน้าใครบางคนที่เอาแต่กระดกแอลกอฮอล์เข้าปากถึงกับสะดุ้งตัวนิดๆ “ค่ะ” ตอบรับเสร็จก็เดินไปตรงที่มีเค้กขนาดหลายปอนด์ตั้งตระหง่านแต่ทางที่จะเดินผ่านมันต้องผ่านยูกิก่อนไง แล้วเขาก็เหมือนจะแกล้งหรือทำเป็นไม่รู้ตัวว่าขายาวๆ ของเขากำลังขวางทางเดินฉันอยู่มันเป็นโต๊ะแบบล้อมวงกลมและเป็นเก้าอี้ตัวยาวๆ วางเรียงกันเป็นวงกลมมีทางออกแค่ทางเดียวคือเก้า
[Special’s part]หลังจากที่สามสาวก้าวเท้าขึ้นมายังชั้นดาดฟ้า สถานที่จัดงานที่ถูกเนรมิตให้เหมือนดั่งสรวงสวรรค์ เพลงคลาสสิคที่ดังคลอเบาๆ ชวนให้บรรยากาศหน้าจิบไวน์หรือของมึนเมาบริเวณรอบๆ ตรงสระว่ายน้ำมีเทียนวางล้อมรอบให้ความอบอุ่นและแสงสว่างรำไร หากมองไปทางริมระเบียงดาดฟ้าจะเห็นว่าถูกตกแต่งไปด้วยลูกโปร่งหลากหลายสีสันข้างผนังกำแพงด้านในมีผ้ากำมะหยี่สีขาวสะอาดตาถูกขึงตรึงไว้ด้วยหมุด พร้อมตัวอักษณ์สีส้มอ่อนๆ‘HAPPY BIRTHDAY TO CAIHONGสุขสันต์วันเกิดไฉ่หง’ทำให้เจ้าของวันเกิดที่กำลังกวาดตามองรอบๆ ยิ้มกว้างด้วยใบหน้าตื้นตัน“สวยมากอะหงส์ กรี้ด ตาอิจฉา” เสียงหวานๆ ของสิตาดังขึ้น เธอตื่นเต้นราวกับนี่เป็นงานวันเกิดตัวเองเสียอย่างนั้น“น้อยๆ หน่อย ออกหน้าออกตานะเธอ ป้ะ! ไปตรงนู้นกันดีกว่า” เสียงพี่ใหญ่อย่างลิชาเอ่ยขึ้น พร้อมกับคว้าข้อมือสองสาวอย่าง ไฉ่หงและสิตา เดินเข้ามาในงานเมื่อเจ้าของวันเกิดที่ทั้งสวย และโดดเด่นที่สุดในงานปรากฏตัวขึ้น ทำให้มีสายตาหลายสิบคู่กำลังมองมาที่เธอเป็นจุดๆ เดียวสาวสวยรูปร่างเพอเฟค หุ่นไซส์เอส ที่สาวๆ หลายคนใฝ่ฝันและหนุ่มๆ หมายปอง แล้วไหนจะชุดที่ชายใดได้มองต้องกลื
เออ! นั่นดิ แล้วทำไมต้องเรียกวะ?“ฉันหมายถึงเอาโทรศัพท์เธอมาให้ฉันดูหน่อย”เหมือนจะสีข้างถลอก แถไปแบบน้ำขุ่นๆ“นี่ค่ะ” ไฉ่หงยื่นโทรศัพท์ราคาแพงมาให้ ผมลองกดๆ ดูก็ไม่เห็นจะมีอะไรยัยนี่คงมีเครื่องไว้ประดับแต่ไม่เคยใช้เลยสินะ รูปถ่ายในเครื่องก็ไม่มี เบอร์โทรก็มีแค่เบอร์ไอ้เทียนเบอร์เดียว แต่เดี๋ยวนะ...ผมกดไปดูบันทึกการโทรเข้า เห็นมีหนึ่งสายล่าสุดที่โทรเข้ามาเมื่อไม่กี่นาทีก่อน แต่พอสังเกตดีๆ เบอร์นี้เป็นเบอร์โทรจากต่างประเทศและน่าจะเป็นฮ่องกงเพราะไอ้เทียนชอบใช้เบอร์ที่ขึ้นต้นคล้ายๆ กันโทรหาผมบ่อยๆ“นี่เบอร์ใคร?” ผมถามน้ำเสียงติดดุๆ“คุณยูกิรู้จัก?” เธอถามกลับ ติดดีใจหน่อยๆคิดว่าที่ผมถามเพราะผมรู้? บังเอิญไม่ใช่สมุดหน้าเหลืองน“ถามให้ตอบ ไม่ใช่ให้ย้อนถามคืน” ผมปรายตาดุๆ ส่งไปให้คนที่ยืนรอคำตอบผมด้วยใบหน้ามีความหวังเป็นเด็กเป็นเล็กไม่รู้จักมารยาท ได้ข่าวพรุ่งนี้ถึงจะครบยี่สิบเอ็ดปีเต็มไม่ใช่? ห่างกับผมตั้งเกือบสิบปี หลังๆ คะ ขา นี่ไม่มีลงท้ายด้วยเหอะ“หงส์ไม่ได้อยากย้อน หงส์แค่เห็นคุณยูกิมองเบอร์นั้นอยู่นานสองนาน ทำท่าทางเหมือนกำลังนึกอะไรในใจ เลยลองถามดูเผื่อจะเป็นเบอร์คนรู้จัก”ไฉ่หง
ก๊อก ก๊อกฉันเคาะห้องสองสามครั้ง เปิดประตูเข้าไปห้องทำงานยูกิ เขาเองก็เงยหน้าจากกองเอกสารตรงหน้าขึ้นมองฉันพร้อมเครื่องหมายคำถามมากมายบนใบหน้าหล่อเหลานั้น“เอ่อ... ขอบคุณสำหรับค่ารักษาค่ะ” คิดคำทักทายไม่ทันเพราะมัวแต่จ้องใบหน้าที่คุ้นเคยแต่เหมือนห่างไกล“ลิชาไม่ได้บอก?” เขาคงหมายถึงคำสั่งที่ส่งผ่านเจ๊ลิชาที่ห้ามฉันมาทำงานจนกว่าจะหายดี“บอกค่ะแต่หงส์อยากมาสะสางงานที่คั่ง...”“งานมันไม่หนีไปไหน กลับไปพักผ่อน พรุ่งนี้วันเกิดเธอ”“ไอ้เทียนให้ฉันจัดงานให้”ฉันยังพูดไม่ทันจบ ยูกิก็พูดแทรกมาก่อนด้วยน้ำเสียงติดรำคาญ“งานไม่หนี แต่วันต่อไปอาจจะไม่มีหงส์อยู่” เป็นคำตอบที่ไม่ค่อยจะต่อกับบทสนทนาก่อนหน้าเท่าไหร่ไม่รู้สิ! มันเหมือนความรู้สึกที่เก็บกดมานานมันระเบิดออกมา ตู้ม! เดียว“หมายความว่าไง? ไอ้เทียนจะพาเธอกลับฮ่องกงแล้วว่างั้น” ยูกิถามเขาจ้องหน้าฉันเหมือนกับกำลังรอคอยคำตอบ“…” ฉันเงียบ จะให้ตอบว่าอะไรล่ะ ในเมื่อสิ่งที่พูดไปเมื่อกี้มันแค่ประชดบางทีเฮียเทียนอาจจะไม่ได้เป็นคนมาพาฉันกลับ แต่อาจจะเป็นคนที่เพิ่งโทรหาฉันเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้าก็เป็นได้ฉันมั่นใจว่าฉันกับเขาเรารู้จักกัน ความรู้สึกล
“ไม่เอาแล้ว ดึกแล้ว นอนกันเถอะ เดี๋ยวถูกดุอีก”ฉันใช้น้ำเสียงไม่จริงจังพูดออกไป แล้วแกล้งหลับตาแอบมองปฏิกิริยาของคนที่กำลังทำหน้าเอ๋อๆ คิดอะไรเรื่อยเปื่อย และจากนั้นก็เดินกลับไปนอนที่โซฟาปรับเบาะให้กลายเป็นเตียงนอนแล้วหลับไป ส่วนฉันสงสัยยาจะเริ่มออกฤทธิ์แล้วเช่นกันเลยปล่อยให้ร่างกายชัดดาวน์ตัวเองไปตามธรรมชาติในที่สุดฉันก็ได้ออกจากโรงพยาบาลสักที นอนเหี่ยวเฉาอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมตั้งหนึ่งคืนเต็มๆ หลังจากที่ก้าวเท้าเข้ามาในยุกกี้ที่ตอนนี้ยังไม่มีคนมาใช้บริการเพราะมันเพิ่งจะแปดโมงเช้า แต่พนักงานก็ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองอย่างขะมักเขม้นความรู้สึกแปลกๆ ทำให้เสียวสันหลังวาบ เหมือนมีสายตาคู่หนึ่งรอบบริเวณที่ฉันยืนอยู่จับจ้องอยู่ตลอดเวลา“ตาเอาของไปเก็บให้นะ หงส์ไปทานข้าวในครัวก่อนเลย เจ๊ลิชาคงเตรียมไว้ให้แล้ว” สิตาที่มาพร้อมกับฉันว่าเสร็จก็แย่งเอากระเป๋าของใช้ไปเก็บทันที“เป็นไรเรา หันซ้ายหันขวา มองหาใครอยู่เหรอ” เสียงมอม้าดังมาจากด้านหลัง เขากำลังเดินถึงบันไดขั้นสุดท้าย สงสัยเพิ่งลงมาจากชั้นสอง“หงส์รู้สึกแปลกๆ” ฉันตอบน้ำเสียงเบาหวิว ลูบแขนตัวเองป้อยๆ เพราะยังรู้สึกประหม่ากับความรู้สึกร้อนๆ
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป“น้ำ!” รู้สึกปวดเมื่อยตัวไปหมดร่างกายต้องการน้ำเป็นสิ่งแรกหลังจากที่รู้สึกตัว“เอา! นี่จ๊ะ ดื่มน้ำก่อน” เสียงหวานๆ เรียกให้ฉันดื่มน้ำ“สิตา” ฉันเรียกเจ้าของใบหน้าสวยหวานเสียงแหบแห้ง“ดื่มก่อน” สิตายังคงพูดประโยคเดิมพร้อมกับยื่นน้ำที่มีหลอดดูดมาจ่อที่ริมฝีปากบาง พลันสมองก็หวนกลับไปนึกถึงตอนที่ยูกิกำลังทำแบบนี้ให้แปรด~ รับรู้ได้เลยว่าใบหน้าตอนนี้กำลังเห่อร้อน“หน้าแดง ไข้ขึ้นอีกไหมเนี่ย” เสียงร้อนรนของสิตาทำให้ฉันสะบัดหัวเบาๆ เพื่อลบภาพพวกนั้นทิ้งไป“ดีขึ้นแล้ว ไม่ปวดหัวด้วย” ฉันรีบบอกอาการของตัวเองทันทีที่เห็นเธอกำลังจะเอื้อมมือไปกดปุ่มฉุกเฉินเรียกพยาบาล“แน่ใจนะ” ใบหน้าหวานถอดสีหน่อยๆ เหมือนกำลังกังวลอะไรในใจ“อื้ม หงส์ไม่เป็นไรแล้ว” ยิ้มสำทับคำพูดเพื่อให้คนหน้ามุ่ยผ่อนคลาย“เมื่อกี้สิตากลัวแทบตาย หงส์ดูเจ็บปวดทรมานมากเลยล่ะ”ฉันได้ฟังถึงกับขมวดคิ้วมุ่น ก่อนหน้านี้ฉันจำได้ว่ากำลังเจ็บปวดกับเรื่องที่มอม้าระบายออกมา แล้วหลังจากนั้น...“ไม่เอาสิ อย่าขมวดคิ้วแบบนั้น ไม่ต้องไปคิดถึงมันแล้ว” สิตารีบจับไหล่ฉันแล้วเขย่าเบาๆ“เมื่อกี้หงส์ หงส์...”“ช่างมันเถอะ ดูนี่ สิตามี