@เวลาผ่านไปหลายเดือน ครืด ครืด ครืด เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้นขณะที่กำลังเร่งเคลียร์งานบนโต๊ะให้เสร็จก่อนจะกลับบ้าน เธอชำเลืองตาไปมองหน้าจอโทรศัพท์เล็กน้อย ก่อนจะหยิบขึ้นมารับสายพร้อมกับรีบเคลียร์งานไปด้วย "ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?"( วันนี้ผมจะไปรับที่ทำงานนะ เดี๋ยวผมแวะไปรับลูกก่อน )"พอดีธนาจะไปส่งฉันที่บ้านแล้วค่ะ คุณไม่ต้องมารับก็ได้"( ไม่ได้! คุณยกเลิกกับผู้ชายคนนั้นไปเลย เดี๋ยวผมไปรับคุณเอง ) เขามีน้ำเสียงที่ขึงขังทุกครั้งเมื่อมายพูดถึงเพื่อนที่ทำงาน "เอ่อ..."( ตกลงตามนี้นะแล้วเจอกัน )"ดะ เดี๋ยวสิคะคุณ!" ไม่ทันที่เธอจะได้ตกลงหรือปฏิเสธเขาก็กดวางสายไปซะก่อน แบบนี้มันมัดมือชกกันเลยนี่นา "คุณธนาคะ ไม่ต้องไปส่งฉันที่บ้านนะคะ" เธอหันไปบอกกับเพื่อนร่วมงานที่กำลังนั่งเร่งเคลียร์งานเหมือนกับเธอ "ทำไมล่ะครับ?" "มีคนมารับฉันแล้วค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ" มายเอ่ยปากขอโทษอย่างรู้สึกผิด อุตส่าห์ตกลงกันเอาไว้แล้วแท้ๆ แต่ต้องมายกเลิกเพราะเขาคนเดียว "อ๋อ ไม่เป็นไรครับ" "ขอโทษจริงๆ นะคะ""ครับ" เธอรีบนั่งเคลียร์งานจนเสร็จก่อนเวลา จากนั้นก็เก็บข้าวของใส่กระเป๋าสะพายของตัวเอง ไม่มีอะไรทำก็นั
@สองวันต่อมา ขณะที่มายกำลังยืนรอรถอยู่ที่หน้าบริษัท จู่ๆ ก็มีรถตู้คันสีดำขับมาจอดตรงหน้าของเธอ ก่อนที่จะมีคนลงมาจากรถแล้วใช้ผ้าสีดำคลุมศีรษะของเธอจากนั้นก็พาเธอขึ้นรถหายไป ไม่นานเธอก็ถูกพามายังบ้านหลังนึงที่เต็มไปด้วยชายชุดดำ เป็นบ้านที่เธอไม่เคยรู้จักไม่เคยเห็นมาก่อนเลย และก็ไม่รู้ด้วยว่าใครเป็นคนพาเธอมา นอกจากชายชุดดำพวกนี้แล้วต้องมีคนบงการอยู่เบื้องหลังแน่นอน แต่จะเป็นใครกันล่ะที่อยากได้ตัวของเธอ "ที่นี่ที่ไหน!?" "..." ไม่มีใครตอบอะไรทุกอย่างนิ่งสงบ ทุกคนเหมือนกับคนเป็นใบ้ได้แต่ยืนนิ่งๆ อย่างเดียว "ฉันถามว่าที่นี่ที่ไหน!?" เธอตะโกนอีกครั้ง ก่อนจะวิ่งหนีออกไปทางประตูตอนที่ชายชุดดำกำลังเผลอ แต่ทว่าชายชุดดำคนนึงก็วิ่งมาจับตัวเธอเอาไว้ซะก่อน "ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ พวกคุณเป็นใครมาจับตัวฉันทำไม!""แม่ครับ//แม่ขา" "..." เสียงเล็กๆ ทำให้เธอหยุดชะงักก่อนจะหันกลับไปมอง และก็ได้พบว่าลูกฝาแฝดของเธอถูกจับมาอยู่ที่นี่เหมือนกัน "สกาย สโนว์ นี่ลูกก็ถูกจับตัวมาเหมือนกันเหรอ ไม่เป็นอะไรใช่ไหมเจ็บตรงไหนหรือเปล่า!?" มายไล่สายตามองร่างกายของลูกๆ ทั้งสองด้วยความตื่นตระหนก พยายามหาบาดแผลตามจุดที่ล
พลั่ก!!"เมียกับลูกกูอยู่ที่ไหน!?" เวคินกระชากคอเสื้อลูกน้องของพ่อตัวเองอย่างแรง และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราด แววตาทั้งสองข้างดุดันราวกับต้องการสังหารคน "เอ่อ...เรื่องนี้ผมไม่ทราบจริงๆ ครับ" ลูกน้องรีบก้มหน้าลงด้วยความกลัว เพราะไม่รู้จริงๆ ว่าพ่อของเวคินไปอยู่ที่ไหน ไม่ว่าเวคินจะเอาลูกน้องของพ่อตัวเองมาเค้นหาความจริงครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรเลย ดูเหมือนว่าลูกน้องทุกคนที่นี่จะไม่รู้เรื่องที่พ่อของเขาจับตัวมายและลูกไป "ตาคินลูก แม่ว่าคนพวกนี้คงไม่รู้เรื่องด้วยหรอก" เสียงของผู้เป็นแม่ดังขึ้นก็เหมือนเสียงสวรรค์มาโปรดลูกน้องทุกคนที่ถูกจับมาให้เวคินเค้นหาความจริงจากเรื่องที่เกิดขึ้น "พวกมึงออกไปให้หมด" "ครับคุณเวคิน""ใจเย็นๆ ก่อนสิลูก""แม่จะให้ผมใจเย็นยังไงครับ เมียกับลูกผมหายไปนะครับ แล้วถ้าสามคนนั้นเป็นอะไรขึ้นมาผมคงไม่ต้องโทษตัวเองไปตลอดชีวิตเหรอครับ""ลองมองในแง่ดี พ่อของเราอาจจะแค่พาทั้งสามคนไปเที่ยวก็ได้ อย่าลืมสิว่าพ่อของเราก็ทั้งรักทั้งหลงหลานแฝดจะตาย" "ผมรู้จักพ่อดีครับ" "แต่ไม่รู้จักเท่าที่แม่รู้""ครับ??" "พ่อเราน่ะความจริงเป็นคนจิตใจดีอ่อนโยนกับเด
@ตกเย็นวันเดียวกัน "มาย" "หือ?" "ลูกล่ะ?""เล่นอยู่ด้านในน่ะ คุณมีอะไรกับพวกแกเหรอ?""เปล่า ผมถามเฉยๆ" "อ่อ" "พอผมพูดอะไรกับคุณบ้าง" "..." "อย่าเงียบสิ นี่ผมร้อนใจจนทำอะไรไม่ถูกแล้วนะ ตอนที่รู้ว่าคุณกับลูกหายตัวไปผมนี่แทบจะบ้าตาย" เวคินพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม บ่งบอกถึงสถานการณ์ตอนนั้นเขามีท่าทีเป็นอย่างไรเมื่อรู้ว่าเธอกับลูกหายตัวไป "ท่านก็ไม่ได้พูดอะไร ก็แค่พูดถึงเรื่องทายาทสืบสกุล" "พ่อของผมอยากให้เราแต่งงานกันใช่ไหม""ค่ะ""แล้วคุณว่ายังไง คุณตอบตกลงพ่อผมไปหรือเปล่า" "ฉันยังไม่ได้พูดอะไร ทุกอย่างมันกระทันหันมากไปฉันตั้งรับไม่ทัน" "...""พ่อของคุณต้องการแค่ทายาทสืบสกุล ไม่ได้ต้องการฉัน""ทำไมคุณถึงคิดแบบนั้นล่ะ?" "ฉันเป็นใครเกิดตรงไหนฉันรู้กำพืดของตัวเองดี ฉันไม่ทะเยอทะยานขึ้นไปชูคออยู่ในสังคมของพวกคุณหรอก แต่พ่อของคุณอยากให้ฉันแต่งงานกับคุณเพื่อที่จะให้คุณได้เป็นพ่อของสองแฝดทั้งทางกฎหมายและทางสายเลือด" "คุณไม่ต้องกลัวหรอก ถ้าเราแต่งงานกันแล้วผมจะไม่มีวันทำเรื่องอะไรที่คุณไม่ชอบเด็ดขาด" "..." "มาย.." "เรื่องนี้ฉันอยากกลับไปคิดดูก่อน""ได้สิ" "คุณจะพาฉันกลับหรือ
@ตกเย็นวันเดียวกัน "คุณสั่งอาหารมาเหรอ?" ฉันหันไปถามคุณเวคิน เมื่อเห็นอาหารหลายอย่างจัดเรียงไว้อยู่บนโต๊ะอย่างสวยงาม แต่ละอย่างก็ดูน่ากินมากๆ "อืม..น่ากินไหม""น่ากินค่ะ" "นั่งลงสิ เดี๋ยวผมไปตามเด็กๆ ให้" "ขอบคุณค่ะ"บ้านหลังนี้ดูเงียบสงบมากๆ เลยนะ เงียบจนได้ยินเสียงแมลงเสียงนกร้องจากไกลๆ "แม่คร้าบ//แม่!!" "อย่าวิ่งสิลูก" ฉันเอ็ดพวกแกเล็กน้อย ถึงจะรู้ว่าเด็กๆ จะดื้อไม่ทำตามก็เถอะ "จะว่าลูกทำไมล่ะมาย เด็กน่ะถ้าไม่มีประสบการณ์ก็ไม่จำหรอก ต้องลองให้ล้มดูบ้างถึงจะรู้สึก" คุณเวคินขัดขึ้น เพราะมีพ่อคอยตามใจแบบนี้ไง ถึงได้เอาแต่ใจไม่เกรงกลัวอะไรเลย "แม่ขาเราจะอยู่ที่นี่กันนานมั้ย""แล้วเราว่ายังไงล่ะ ถ้าไม่กลับบ้านเลยลุงหมอกจะเป็นห่วงเอานะ""หนูคุยกับลุงหมอกแล้วค่ะ" "คุยแล้ว?" ฉันถามกลับ พร้อมกับขมวดคิ้วเป็นปมยุ่ง "พ่อให้โทรศัพท์คุยกับลุงหมอกแล้วค่ะ" "แล้วลุงหมอกว่ายังไงบ้าง" "ลุงหมอกว่าแล้วแต่พวกเราค่ะ จะกลับกันตอนไหนวันไหนก็ได้ลุงหมอกไม่ว่า" "ใช่ครับ จะกลับกันตอนไหนก็ได้ แม่ครับเราอยู่ที่นี่นานๆ นะครับ ผมยังอยากเล่นอยู่ที่นี่อยู่เลย""..." เจอลูกอ้อนแบบนี้มีเหรอที่ฉันจะทนได้
@หลายวันต่อมา “คุณจะออกไปไหน?” เวคินเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นว่าที่ภรรยากำลังแต่งตัวเตรียมที่จะออกไปไหน “ฉันมีนัดน่ะ คุณไม่ได้ออกไปไหนใช่ไหม?” เธอหันมาตอบ พร้อมกับหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นคล้องบนหัวไหล่ “ไม่” เขาตอบสั้นๆ แววตาเต็มไปด้วยความสงสัย “งั้นฉันไปก่อนนะ” “คุณมีนัดกับใคร?” ขณะที่หญิงสาวกำลังจะออกไปจากห้อง เสียงของชายหนุ่มก็เอ่ยถามขึ้น ทำให้เธอหยุดยืนนิ่งก่อนจะค่อยๆ หมุนตัวกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงยานคางว่า “กับ…คุณธนา..” “…” เขาจ้องเขม็งไปที่เธอ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ขุ่นเคือง “คุณจะไปนานหรือเปล่า?” “อืม..ซัก 3 ชั่วโมงน่ะ” เธอมองไปที่นาฬิกาข้อมือของตัวเอง น่าจะกลับมาทันมื้อเย็นอยู่ “ฉันไปก่อนนะ”“…” ยังไม่ทันที่เวคินจะได้ตอบอะไร เธอก็เดินออกไปซะก่อนแล้ว ติ๊ด~ ( ครับนาย ) “ตามดูเมียกู ถ้าไอ้หมอนั่นมันทำรุ่มร่ามเมื่อไหร่ สั่งสอนมันได้เลย” เวคินพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น แววตาสาดประกายอำมหิต ( ครับ ) เขาวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ จากนั้นก็เดินไปหาลูกๆ ที่เล่นอยู่ในห้องอีกห้องหนึ่ง“พ่อครับแม่ล่ะครับ?” “แม่ออกไปทำธุระ อีกสักพักก็คงจะกลับมา” เวคินตอบลูกชายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน พลาง
@เซฟเฮ้าส์ พรึบ!! ร่างบางทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้อย่างแรง พร้อมกับถอนหายใจออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า จนเวคินเดินเข้ามาและได้เห็นอาการผิดปกติของเธอ "เป็นอะไรไป" เขาเอ่ยถาม พร้อมกับจ้องมองใบหน้าสวยที่ตอนนี้กำลังแสดงถึงอารมณ์ที่หงุดหงิด "คนเก่าของคุณน่ะสิ" "พิณเหรอ!?" เวคินพูดพลางค่อยๆ หย่อนกายนั่งลงข้างหญิงสาว "อือ.." "เกิดอะไรขึ้น!?" "ช่างมันเถอะ ฉันแค่หงุดหงิด แต่แปลกใจทำไมดูเหมือนคนสติไม่ค่อยดีเลย" เธอบอกพร้อมกับอธิบายอาการของพิณทิพย์ที่เธอเห็นก่อนหน้านี้ จะว่าปกติดีก็ไม่ใช่ จะว่าเป็นคนเสียสติไปเลยก็ไม่เชิง เพราะคนดีๆ แบบนั้นคงไม่ร้องโวยวายวิ่งออกไปท่ามกลางคนมากมายแบบนั้น แต่ทุกคำที่พูดกับเธอก็ดูเหมือนคนปกติทั่วไปดูเหมือนไม่มีอาการผิดปกติอะไรเลย "เรื่องนั้นผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ครอบครัวของเธอถูกฟ้องล้มละลาย บ้านถูกยึด สมบัติทุกอย่างถูกยึดไปหมดแล้ว" "น่าสงสารเธอเหมือนกันนะคะ อายุแค่นี้เองต้องมาเจออะไรก็ไม่รู้" มายพูดน้ำเสียงปนเศร้า เพราะเธอเองก็พอจะรู้มาบ้างว่าพิณทิพย์เธอยังอายุน้อยกว่าเธอมาก น่าจะยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่เลย "โทษใครไม่ได้หรอก พ่อกับแม่ของเธอเลี้ยงมาแบบตามใจ
ร่างบางถูกอุ้มลอยแล้ววางลงบนเตียงหนานุ่มอย่างอ่อนโยน ก่อนที่มือหยาบจะเริ่มปลดเปลื้องอาภรณ์ของคนใต้ร่างจนหมดสิ้น ฝ่ามือหนาสัมผัสกับรอยแผลเป็นยาวใต้ท้องน้อยของเธออย่างเบามือ แล้วจูบซับลงไปตรงรอยแผลเป็นนั้นอย่างอ่อนโยน "คะ คุณ อืม.." คนตัวเล็กเปล่งเสียงครางกระเส่า พร้อมกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่ครั้งแล้วครั้งเล่า “อยะ อย่าทำสิ ฉันขนลุก” “ผมว่าคุณเสียวมากกว่า..” พูดจบมือหยาบก็ลูบไล้ขาอ่อนขาวเนียนขึ้นมาอย่างช้าๆ จนถึงจุดกลางกาย เธอสะดุ้งเมื่อนิ้วเรียวยาวกรีดกรายแหวกกลีบกุหลาบสีแดงฉ่ำออก ก่อนจะใช้ลิ้นแตะลงสัมผัสที่จุดสงวนอย่างแผ่วเบา จนพวงแก้มใสแดงระรื่อเป็นลูกมะเขือเทศ มือเรียวเล็กช้อนปลายคางแหลมให้ขึ้นมา ก่อนที่ริมฝีปากได้รูปจะกลืนกินกายสาวของเธอซะก่อน “อย่าทำค่ะ มันสกปรก” “คุณยังสวยเหมือนเดิมเลยนะ” ชายหนุ่มกล่าวขึ้น พร้อมกับคลี่ยิ้มออกมาจางๆ ส่งสายตาเจ้าเล่ห์ให้กับคนตรงหน้า “ทำไมคุณยิ้มแบบนั้นคะ” “ผมยิ้มแบบนี้ แล้วมันทำไม?” “…” เธอหลุบตาต่ำลงก่อนจะเบี่ยงหน้าหนีไปด้วยความเขินอาย รอยยิ้มของเขามันดูคล้ายกับพวกโรคจิตกระหายเซ็กซ์ยังไงก็ไม่รู้ “หน้าคุณแดงมากเลยนะ”“อย่าแซวสิ!” ริมฝีปากอวบ
6 ปีต่อมา หลังจากที่คลอดลูกคนที่ 3 ได้ 2 ปี ฉันก็มีลูกอีกคนนึงและก็ปิดอู่เรียบร้อยเลยนั่นก็คือการทำหมัน เพราะไม่อย่างนั้นคุณเวคินก็คงจะทำให้ฉันมีลูกขึ้นมาอีกชัวร์ คุณหมอก็ยังไม่อยากให้ฉันทำเพราะอายุยังน้อย แต่ถ้าฉันไม่ทำเปอร์เซ็นที่ฉันจะมดลูกแตกก็มีมากเลยทีเดียวเพราะท้องเยอะมาก ฉันก็เลยอ้อนวอนขอให้คุณหมอทำหมันให้ฉันเลยหลังจากที่ผ่าคลอดคนที่ 4 เสร็จ ตอนนี้วุ่นวายมากๆ เลย ลูกฝาแฝดทั้งสองคนตอนนี้ก็โตขึ้นมากแล้ว คนที่ 3 ก็อายุ 6 ขวบกว่าๆ น้องเล็กสุดคือ 4 ขวบกว่าเช่นกัน วัยกำลังซนเลย ลูกของพี่หมอกก็มี 2 คน อีกคนนึง 6 ขวบส่วนอีกคนนึงก็ 5 ขวบ วันไหนที่ครอบครัวของเราได้มารวมตัวกัน ฉันบอกได้เต็มปากเลยว่ามันเป็นอะไรที่วุ่นวายมากๆ จากตระกูลเล็กๆ พ่อกับแม่ของคุณเวคินก็มีเพียงคุณเวคินคนเดียว ลูกบุญธรรมอีก 1 คน แต่ในตอนนี้มีหลานวิ่งอยู่กันให้เต็มไปหมด กลายเป็นตระกูลใหญ่ที่มีลูกหลานเยอะแยะมากมายสมใจคุณปู่ที่อยากได้หลานมากๆ ในตอนนั้น ถ้าอย่างนั้นฉันขอแนะนำลูกๆ ของฉันและก็หลานในตระกูลนี้ให้ฟังทั้งหมดเลยก็แล้วกัน ฉันกับคุณเวคินมีลูกกัน 4 คน 2 คนแรกเป็นฝาแฝดกัน สกาย กับ สโนว์ คนกลางเป็นผู้ชายชื่อ
@ห้าเดือนต่อมา ตอนนี้ฉันท้องใหญ่มากๆ แต่มีลูกคนเดียวนะ และก็ไม่รู้เพศด้วยคุณหมอบอกว่าสงสัยว่าแกจะอายก็เลยไม่ยอมเปิดให้เห็นว่าเป็นเพศอะไร เพราะงั้นก็เลยต้องรอลุ้นตอนคลอดทีเดียวเลยว่าจะได้ลูกผู้หญิงหรือลูกผู้ชาย ส่วนคุณเวคินก็หายจากอาการแพ้ท้องบ้างแล้วแต่ก็ยังไม่หายขาด เริ่มกินอะไรได้มากขึ้น ร่างกายเริ่มมีน้ำมีนวลมากขึ้นจากที่แพ้ท้องมาหลายเดือนจนร่างกายซูบไปเยอะ "กินเยอะๆ นะ ลูกจะได้แข็งแรงๆ" "ขอบคุณค่ะ" "เป็นยังไงบ้าง""ก็อึดอัดนิดหน่อยค่ะ ท้องใหญ่แบบนี้ก็อึดอัดเป็นธรรมดาแหละ" ฉันตอบ คุณเวคินเขาจะเฝ้าคอยถามแบบนี้เป็นประจำทุกวัน ว่าฉันลำบากไหม ที่ต้องอุ้มท้องใหญ่ๆ แบบนี้ แล้วก็ชอบถามถึงเรื่องเมื่อก่อนว่าตอนที่ฉันอุ้มท้องสองแฝดลำบากมากไหมฉันก็บอกไปตามตรงว่าค่อนข้างลำบาก และต้องระมัดระวังเพราะท้องแฝด และตอนนั้นฉันก็คิดหนักเลยด้วย ลูกจะได้รับสารอาหารเท่ากันไหม ลูกจะแข็งแรงไหม ลูกจะออกมาโตเท่ากันไหม เพราะเท่าที่ฉันฟังคุณหมอมา คุณหมอบอกเหมือนกันว่าท้องแฝดค่อนข้างอันตรายและต้องระวังทุกอย่าง ทั้งการกิน และการใช้ชีวิต แต่ฉันก็สามารถดูแลลูกๆ ให้คลอดออกมาอย่างปลอดภัยและครบสมบูรณ์ทั้งสองค
@ผ่านไปอาทิตย์กว่าๆ #โรงพยาบาลเอกชน คุณเวคินพาฉันมาฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล เขาเองก็ยังไม่หายดีหรอก แต่ก็อยากจะแน่ใจว่าฉันท้องจริงๆ หรือเปล่าก็เลยพาฉันมาตรวจที่โรงพยาบาล หลายวันมานี้คุณเวคินแพ้ท้องอย่างหนักหน่วงจริงๆ เขาดูซูบผอมลงไปเยอะเลย เพราะกินอะไรไม่ได้ ต่างจากฉันที่ไม่มีอาการอะไรเลยในครั้งนี้ แม่คุณเวคินบอกว่าคุณเวคินเป็นแทนฉันหมดทุกอย่างแล้ว อาการแพ้ท้องก็เลยรับจากฉันไปเต็มๆ "คุณมาริสาเชิญเข้าห้องตรวจค่ะ" "..." ฉันกับคุณเวคินเดินไปเข้าห้องตรวจ เมื่อคุณพยาบาลเรียกผ่านไมค์ "สวัสดีค่ะคุณหมอ//สวัสดีครับหมอ" "สวัสดีครับ" "..." ฉันหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับคุณหมอ "ตามที่ได้แจ้งเอาไว้ มาตรวจครรภ์ใช่ไหมครับ""ใช่ค่ะมาตรวจครรภ์""งั้นเดี๋ยวรบกวนคุณไปฉี่ใส่กระปุกให้พยาบาลเก็บผลตรวจหน่อยนะครับ และก็ขอตรวจเลือดของคุณทั้งสองคนด้วย" "ค่ะ" ก็เหมือนกับที่ฉันมาฝากท้องครั้งแรกนั่นแหละ คุณหมอก็ให้ฉันตรวจฉี่ตรวจเลือดตรวจหลายๆ อย่าง แต่ครั้งนั้นไม่มีคุณเวคินมาตรวจด้วย @ผ่านไปสักพัก "คุณท้องที่สองแล้วใช่ไหมครับ" "ค่ะ ท้องแรกได้ลูกแฝดสองคน" "เดี๋ยวรบกวนขึ้นไปนอนบนเตียงหน่อยนะครับ
@หนึ่งเดือนถัดมา อุ๊บบ!! โอกกก!! โอกกก!! "คุณเวคิน!?" หญิงสาวรีบวิ่งเข้ามาดูสามีของตน เมื่อเห็นเขาวิ่งเข้าออกห้องน้ำด้วยความเร็วแสงและอาเจียนออกมาจนเสียงดัง อาการแบบนี้เธอพอจะเดาออกว่าเป็นอาการอะไร บวกกับรอบเดือนตอนนี้ที่ไม่มาจนครบสองเดือนแล้ว "อืม..." ร่างหนาทิ้งตัวลงนั่งอยู่ข้างชักโครกด้วยสภาพที่อิดโรย ริมฝีปากแห้งเหือดจนซีด เขากินอะไรไม่ได้เลยสักอย่างเดียว แค่ได้กลิ่นอาหารก็ทำให้รู้สึกอยากอาเจียนแล้ว "เป็นยังไงบ้างคะ ไหวหรือเปล่า" เธอรีบเข้าไปดูอาการ ทว่า..พอเธอเดินเข้าไปถึงเวคินก็มีอาการขึ้นมาอีกครั้งเพราะกลิ่นตัวของเธอ "อึก..อุ๊บโอกก!!!" "คุณเวคิน! หวะ ไหวหรือเปล่าคะ ไปหาหมอมั้ย" เธอเอ่ยถามน้ำเสียงตะกุกตะกัก เพราะตอนที่เธอท้องอาการแพ้ท้องก็หนักพอควรเหมือนกัน แต่ก็ทุเลาลงได้เพราะยาที่หมอให้มา "ผมไหว...แต่กลิ่นตัวคุณมันเหม็นอะ ผมได้กลิ่นแล้วอยากอาเจียนไงไม่รู้" "งั้นฉันไม่อยู่ใกล้ก็ได้ คุณเดินมาเองไหวไหม ถ้าไม่งั้นฉันจะไปตามคนมาช่วย" "ไหวๆ" เวคินตอบเสียงแผ่ว ก่อนจะพยุงตัวเองเดินกลับเข้าไปในห้อง "ไปหาหมอมั้ย" "ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก็หาย สงสัยผมจะพักผ่อนน้อย""นี่คุณยังไม่ร
@หนึ่งเดือนต่อมา #งานแต่งสุดหรูในโรงแรมห้าดาว เจ้าบ่าวและเจ้าสาวเดินเคียงคู่กันมาในชุดสีขาวสวยงามสง่า แขกที่มาร่วมงานต่างปรบมือรัวๆ ให้จนเกิดเสียงดังขึ้นชั่วขณะ ทั้งสองสวยและหล่อเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก ลูกฝาแฝดทั้งสองก็ใส่ชุดไทยชายหญิงน่ารักสมวัย "คนเยอะจังเลยคุณ ไหนบอกว่าคนไม่เยอะไง" หญิงสาวกระซิบถามคนข้างๆ เพราะเข้าใจว่างานแต่งจัดเป็นงานเล็กๆ เชิญแขกเหรื่อมาไม่กี่คน แต่ไม่คิดว่าจะมีคนมาร่วมงานเยอะขนาดนี้ และแต่ละคนก็เป็นนักธุรกิจระดับแนวหน้าทั้งนั้น "นี่แค่คนรู้จักที่สนิทกันนะ พ่อผมแค่จัดให้เบาะๆ ไม่ใหญ่โตมาก" "นี่น่ะเหรอที่เรียกว่าไม่ใหญ่โต" มายบ่นพึมพำ สำหรับพวกเขาอาจจะไม่ใหญ่โตอะไร สำหรับเธอมันใหญ่โตมาก คนมาร่วมงานแต่งนี้เยอะมากๆ มองไปทางไหนก็เจอแต่คนทางนั้น "ลูกชายเจ้าของอสังหาริมทรัพย์แต่งงานทั้งทีก็ต้องให้สมฐานะหน่อยสิ จะให้น้อยหน้าคนอื่นได้ยังไง" เวคินบอก ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับแขกที่มาร่วมงาน ก็นั่นน่ะสินะ ลูกชายเจ้าของอสังหาริมทรัพย์จะแต่งงานทั้งทีก็ต้องจัดให้สมฐานะหน่อยสิ ไหนจะเปิดตัวหลานฝาแฝดอีก งานนี้พ่อของเวคินจัดหนักจัดเต็มเลย มายเคยเห็นแต่ในทีวีกับการจั
@วันต่อมา มายตื่นแต่เช้าเพราะเมื่อคืนได้นอนหลับอย่างเต็มอิ่มแต่เวคินยังไม่ตื่นเธอเลยถือโอกาสนี้ออกไปเดินเล่นที่ริมชายหาดคนเดียว เพราะเมื่อวานมาถึงก็มืดแล้ว กว่าจะจัดของเตรียมของเข้าที่ก็ดึกแล้ว เลยไม่มีเวลาออกมาดูบรรยากาศริมทะเล “บรรยากาศดีจัง” ฉันพูดขึ้นเบาๆ พร้อมกับอ้าแขนกว้างเหมือนนกกางปีก รับลมทะเลที่แสนจะสดชื่นในตอนเช้าๆ “ตื่นแล้วไม่ปลุกผมเลยนะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลังของฉัน ก่อนที่จะถูกเจ้าของเสียงนั้นเข้ามาสวมกอด “เห็นคุณนอนหลับสบายฉันก็ไม่อยากกวนค่ะ” ฉันตอบ “ที่นี่เงียบสงบดีนะ ว่ามั้ย” “ค่ะ เงียบสงบมากเลย บรรยากาศก็ดีด้วย” มันนานแค่ไหนแล้วนะที่ฉันไม่มีโอกาสได้มาเที่ยวพักผ่อนแบบนี้ ครั้งล่าสุดที่มาก็แทบจะไม่ได้พักเพราะวุ่นวายอยู่กับสองแฝดมากเลย “หิวยัง”“ไม่ค่ะ”“ถ้าคุณไม่หิวข้าว ผมก็มีอย่างอื่นให้คุณกินนะ” เขามองหน้าฉันพร้อมกับส่งสายตาเจ้าเล่ห์ใส่ “บ้า! พูดแบบนี้อีกแล้วนะคุณ!” ฉันแหวใส่เขาเสียงดัง จะมีสักครั้งไหมที่ไม่พูดเรื่องใต้สะดือกัน รู้แล้วล่ะว่าอยากมีลูก แต่ก็ไม่น่าจะหื่นขนาดนี้นะ “ผมยังไม่ไดพูดเลยนะว่ามันคืออะไร คุณคิดไปเองทั้งนั้น”“…” ถึงจะพูดแบบนั้
@สามวันต่อมา "นี่เราจะไปไหนกันเหรอ คุณยังไม่ได้ตอบฉันเลยนะ" ฉันถามคุณเวคิน เพราะเขายังไม่ยอมบอกเลยว่าจะไปไหน เอาแต่รีบเก็บเสื้อผ้าอย่างกับว่ามีเรื่องด่วนอะไร "ไปเก็บเสื้อผ้าเถอะถึงเดี๋ยวคุณก็รู้เอง" เขาหันมาตอบ จะไม่ให้ฉันอยากรู้ได้ยังไงในเมื่อเขาพูดกำกวมแบบนี้ จะบอกฉันให้มันจบไปตั้งแต่แรกก็ไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะปิดบังไปทำไม "ถ้าคุณไม่ตอบฉันก็ไม่ไป" ฉันพูดเสียงแข็ง พร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง ถ้าเขาไม่ยอมบอกฉันก็ไม่ไปจริงๆ นั่นแหละ อีกอย่างลูกๆ ของฉันก็ยังไม่กลับมาเลย ถ้าฉันไปแล้วพวกแกกลับมาไม่เจอร้องไห้หาฉันขึ้นมาจะทำยังไง "พ่อของผมจองรีสอร์ทเอาไว้ ให้เราสองคนไปพักกัน จะพักกี่คืนก็ได้ตามใจ ส่วนเด็กๆ ก็รู้เรื่องนี้แล้ว พวกแกไปเที่ยวอยู่กับพ่อของผมอีกที่นึง คุณไม่ต้องกลัวหรอกเด็กๆ สนุกกันจะตาย น้องอัศวินก็อยู่ที่นั่นด้วย" "ห๊ะ!? นี่พ่อของคุณลงทุนจองรีสอร์ทให้เลยเหรอ?""อืม..ท่านบอกว่าเราจะได้มีลูกกันเร็วๆ" "มันบังคับกันได้ด้วยเหรอคุณ ตอนที่ฉันท้องสองแฝดก็กว่าจะรู้ตัวก็ร่วมสองเดือนเลย" นี่ก็เพิ่งจะมีอะไรกันแค่ 2-3 วันเอง จะให้ท้องเลยก็คงจะไม่ได้หรอก ทุกอย่างมันมีเวลาของมัน "พ่อผมค
@ตกดึกของอีกวัน “อื้อคุณ…ทำอะไรเนี่ย!?” เธอตะเบ็งเสียงถามขึ้น เมื่อกำลังนั่งหวีผมอยู่ที่หน้ากระจก ก็ถูกเขาเข้ามานั่งซ้อนอยูู่ข้างหลังและเริ่มลูบไล้ขาอ่อนของเธอไปมา “ไม่น่าถามนะ ว่าจะทำอะไร” เวคินเอ่ยพูดพร้อมกับกวาดตามองเรือนร่างของเธอตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงหน้าอกอวบอิ่ม “อือ อย่าสิคุณ” เธอร้้องปรามคนด้านหลัง เพราะไม่ชอบให้เขาเข้ามาจุกจิกกับเธอตอนที่ยังต้องทำอะไรอยู่่แบบนี้ “พ่อของผมอยากมีหลานนะ ลูกแค่สองคนจะพออะไร สมบัติของพ่อผมก็มีตั้งมากมาย”“ฉันไม่ได้หวังสมบัติจากพ่อของคุณเลยนะคะ”“ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น หมายถึงถ้าเรามีลูกหลายคน สมบัติก็จะถูกแบ่งไปอีกไง”“แต่พ่อของคุณท่านก็มีลูกอีกไม่ใช่เหรอคะ” ลูกที่ว่าก็น่าจะหมายถึงพี่สาวของเวคิน ซึ่งเธอเองก็เป็นแค่ลูกบุญธรรมเท่านั้นไม่ใช่ลูกแท้ๆ ที่จะสามารถได้รับสมบัติทุกอย่าง แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่ยอมแบ่งอะไรให้เลย “ใช่ แต่นั่นก็เป็นแค่ลูกบุญธรรมนะ ได้แค่ส่วนของพ่อผมเท่านั้น ส่วนสมบัติที่เป็นของแม่ผมพี่สาวของผมก็ไม่ได้หรอกเพราะไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของแม่”“อือ..แต่ฉันเหนื่อย” เธอพยายามหาข้ออ้าง กลัวว่าจะมีอะไรกันหนักหน่วงเหมือนกับวันก่อน แล้วลูก
@เช้าวันต่อมา ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นหลายครั้ง แต่ทั้งสองก็ไม่มีท่าทีว่าจะตื่นเลย จนถึงตอนนี้ก็เพิ่งจะหลับไปได้ไม่กี่ชั่วโมงเอง แกร้ก! ประตูห้องถูกเปิดก่อนที่เด็กฝาแฝดสองคนจะจูงมือกันเดินเข้ามา และก็ได้พบว่าผู้เป็นพ่อและแม่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียง โดยที่ไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าเลยสักชิ้นเดียว "พ่อกับแม่ยังไม่ตื่นเลยสกาย" สโนว์เอ่ยถามพี่ชายฝาแฝดที่ยืนอยู่ข้างๆ "ปลุกไหม?" สกายหันไปกระซิบถามน้องสาวฝาแฝดของตัวเอง "ทำไมพ่อกับแม่ไม่ใส่เสื้อผ้าล่ะ?" สโนว์พูดขึ้นด้วยความสงสัย และก็อยากรู้อยากเห็นตามประสาเด็กวัยนี้ "พ่อกับแม่ร้อนหรือเปล่า" สกายตอบ "ตอนนี้สายแล้วทำไมพ่อกับแม่ยังไม่ตื่นอีก" สโนว์พูด พลางมองไปที่ผู้เป็นพ่อกับแม่ "อื้ออ~~" เวคินบิดตัวไปมาเล็กน้อย เพราะได้ยินเสียงพูดอู้อี้อยู่ข้างๆ หู ก่อนจะปรือตาขึ้นแล้วกรอกตามองไปรอบๆ จนกระทั่งได้เห็นลูกๆ ยืนอยู่ข้างเตียง "อือ..มีอะไรหรือเปล่าลูก?" "ทำไมพ่อกับแม่ยังไม่ตื่นอีกคะ แล้วทำไมถึงไม่ใส่เสื้อผ้า" "!!!" พอน้องสโนว์พูดจบเท่านั้นแหละ เวคินก็รีบดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหน้าอกของตัวเองทันที "มะ เมื่อคืนมันร้อนน่ะลูก พ่อก็เลยไม่ได