@เวลาต่อมา
"ยินดีต้อนรับค่ะท่านประธาน" เสียงของพนักงานดังขึ้นพร้อมกับก้มโค้งเคารพเจ้านาย ซึ่งฉันเองก็ต้องทำตาม โดยที่ยังไม่รู้ไม่เห็นหน้าเลยด้วยซ้ำว่าท่านประธานที่พนักงานพูดถึงหน้าตาเป็นแบบไหน
"คนไหนเลขาของผม?"
"ฉะ ฉันค่ะ ฉันเอง" ฉันเอ่ยตอบรับน้ำเสียงตะกุกตะกัก
ผู้จัดการให้ฉันทำงานเป็นเลขาวันนี้และก็ตอนนี้เลยด้วย ฉันเองก็ตอบตกลงปลงใจเพราะอยากได้เงินเดือนเพิ่มจะได้ไม่ต้องไปรบกวนพี่หมอกเยอะ
"ตามผมมา"
"ค่ะ"
ฉันเดินก้มหน้าตามหลังผู้ชายคนนั้นไป ก่อนที่เขาจะเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปในห้องทำงาน ซึ่งแม่บ้านน่าจะมาจัดเตรียมทำความสะอาดไว้ให้ตั้งแต่เช้าแล้ว
"เอาล่ะ ผมไม่ชอบเสียเวลา เอางานมาให้ผมได้เลย"
"นี่ค่ะ นี่เป็นเอกสารตั้งแต่ปีแรกจนถึงปัจจุบันค่ะ ผู้จัดการจัดเตรียมมาให้ท่านประธานเรียบร้อยแล้ว" ฉันเพิ่งเข้ามาทำงานในบริษัทไม่ได้อยู่มาตั้งแต่เปิดบริษัทเหมือนกับผู้จัดการ คนที่มีความรู้คนที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุดก็เห็นทีว่าจะเป็นผู้จัดการ
"ไม่ต้องเรียกผมเต็มยศขนาดนั้นก็ได้ ผมชื่อเวคิน เรียกว่าคุณคินก็พอ"
"ค่ะคุณคิน"
"คุณเพิ่งมาทำงานเหรอ?"
"ค่ะ ฉันเพิ่งมาทำงานได้ยังไม่ถึงปีเลย"
"งานที่นี่เป็นยังไงบ้าง ผมอยากรู้ว่ามันหนักไปสำหรับพนักงานหรือเปล่า"
"ไม่เลยค่ะ"
"อืม..."
"...."
"คุณออกไปทำงานของคุณเถอะ ถ้ามีอะไรผมจะเรียกใช้งานเอง"
"ค่ะ"
เป็นอย่างที่ผู้จัดการบอกเอาไว้ไม่มีผิด ท่านประธานเป็นคนที่เนี๊ยบมากๆ ถึงมากที่สุดเลยก็ว่าได้ ดูก็รู้ว่าเขาเป็นคนที่เรียบร้อยกับงานมากแค่ไหน นี่ถ้าฉันทำผิดมีหวังถูกด่าเปิงแน่นอน
ครืด ครืด ครืด
สายเรียกเข้า >> คุณครู
ฉันชำเลืองตามองหน้าจอโทรศัพท์ อยากจะเอามากดรับนะแต่ก็กลัวว่าคุณคินจะออกมาเห็น ที่ฉันเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนในเวลางาน
แต่บางทีคุณครูอาจจะมีเรื่องด่วนเรื่องสำคัญก็ได้ ถึงได้โทรมาหาฉันในเวลานี้
"สวัสดีค่ะ" ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย
( ใช่คุณแม่ของเด็กชายสกายหรือเปล่าคะ? )
"ใช่ค่ะ ฉันเป็นแม่ของสกายเอง"
( พอดีว่าน้องมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับเพื่อนในโรงเรียนน่ะค่ะ ก็เลยอยากจะเชิญผู้ปกครองมาตักเตือน )
"วันไหนเหรอคะ?"
( พรุ่งนี้ค่ะ ทางเราเชิญผู้ปกครองมาทั้งสองฝ่ายเลย )
"ได้ค่ะ"
ฉันกดวางสายพร้อมกับถอนหายใจออกมาแรงๆ น้องสกายเป็นอะไรทำไมถึงไปมีเรื่องกับเพื่อนที่โรงเรียนแบบนั้น แต่ฉันมั่นใจนะเพราะฉันเป็นคนเลี้ยงแกมาเองกับมือฉันรู้นิสัยของลูกดี แกไม่ใช่เด็กเกเรไม่ใช่เด็กที่ชอบรังแกเพื่อน แต่ยังไงฉันก็ต้องถามความจริงจากปากของลูกอยู่ดี
"แฮ่ม!"
"อุ้ย ขอโทษค่ะคุณคิน"
"งานของผมเสร็จหรือยัง?"
"ใกล้แล้วค่ะ เสร็จแล้วฉันจะเอาเข้าไปให้ในห้องทำงานนะคะ"
"อืม ตอนกลางวันสั่งอาหารให้ผมด้วยนะ"
"ได้เลยค่ะ ว่าแต่คุณคินจะทานอะไรเหรอคะ"
"ข้าวกล่องธรรมดาก็ได้ ผมไม่ใช่คนเรื่องมาก"
"ค่ะ"
ฉันถอนหายใจออกมาอีกครั้งแต่คราวนี้ฉันรู้สึกโล่งอกที่ไม่ได้ถูกดุเพราะใช้โทรศัพท์ในเวลางาน พรุ่งนี้ฉันคงต้องแวะไปที่โรงเรียนของน้องสกายก่อนสินะถึงจะมาทำงานได้
@เวลาผ่านไป
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"ขออนุญาตค่ะคุณคิน ฉันเอาข้าวมาส่งค่ะ"
"ด้านในเป็นอะไร?"
"เป็นผัดกระเพราไก่ไข่ดาวค่ะ"
"อืม...แล้วคุณล่ะกินแล้วเหรอ?"
"เรียบร้อยแล้วค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ"
ฉันเดินออกมาจากห้องทำงานของคุณคินก่อนจะคว้าโทรศัพท์เดินไปตรงมุมเสาแล้วกดโทรออกไปหาพี่หมอก ช่วงเวลานี้พี่หมอกก็น่าจะพักอยู่เหมือนกัน
( ว่าไง พี่กำลังกินข้าวอยู่ )
"เมื่อเช้าคุณครูประจำชั้นของน้องสกายโทรมา บอกว่าน้องสกายไปมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับเพื่อน"
( ว่าไงนะ น้องสกายเนี่ยนะไปมีเรื่องกับเพื่อน! ) ขนาดพี่หมอกยังไม่เชื่อเลย ฉันเองก็ไม่อยากจะเชื่อหรอกแต่ก็ต้องไปอยู่ดี
"ค่ะ คุณครูเป็นคนบอกเอง"
( แล้วคุณครูได้บอกมั้ย ว่าสาเหตุที่น้องสกายทะเลาะกับเพื่อนเพราะอะไร )
"คุณครูไม่ได้บอกเลยพี่ ได้แต่บอกว่าจะเรียกพบผู้ปกครองเพื่อตักเตือนพรุ่งนี้"
( เราว่างมั้ยล่ะ ถ้าไม่ว่างเดี๋ยวพี่จะเป็นคนไปให้เอง )
"ไม่เป็นไรหรอกพี่หมอก เดี๋ยวมายลองลาพักกับเจ้านายครึ่งวันก่อนก็ได้"
( โอเคๆ กลับบ้านไปค่อยคุยกันแค่นี้ก่อนนะ )
"ค่ะ"
เรื่องนี้มันต้องมีสาเหตุสิ ฉันไม่เชื่ออยู่แล้วถ้าอยู่ดีๆ น้องสกายจะไปแกล้งเพื่อนหรือไปทำร้ายเพื่อนแบบนั้น ฉันเลี้ยงแกมาเองกับมือฉันรู้นิสัยของลูกดี แกไม่ใช่คนใจร้อนไม่ใช่คนอารมณ์ร้อนไม่รังแกใครก่อนด้วย
@ผ่านไปสักพัก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"ขออนุญาตค่ะคุณคิน"
"มีอะไรหรือเปล่า"
"คือว่าพรุ่งนี้ฉันขอลางานครึ่งวันค่ะ"
"ขอสาเหตุ"
"ฉันมีธุระต้องไปทำจริงๆ ค่ะ เสร็จธุระแล้วฉันจะรีบมาเลย"
"แล้วถ้าผมไม่อนุญาตให้คุณลาล่ะ?"
"....." ฉันยืนเงียบไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไป ถ้าคุณคินไม่อนุญาตให้ฉันลางานก็คงจะเป็นหน้าที่ของที่หมอกไปแทน
แต่ความจริงฉันก็อยากจะไปเองมากกว่านะ
"พรุ่งนี้ผมก็ต้องไปธุระเหมือนกัน ก็คงจะกลับมาพร้อมกันนั่นแหละ"
"คุณคินอนุญาตให้ฉันลางานได้ใช่มั้ยคะ"
"อืม"
"ขอบคุณมากๆ ค่ะ"
หลังจากที่คุยตกลงกันเสร็จเรียบร้อยแล้วฉันก็เดินออกมานั่งทำงานต่อ พรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องมีงานอะไรที่มันเร่งรีบ เพราะฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะเสร็จตอนไหน
@ตกเย็น
ฉันออกมายืนรอรถแท็กซี่ที่หน้าบริษัท และก็เป็นจังหวะเดียวกันที่คุณเวคินท่านประธานคนใหม่ของบริษัทขับรถออกไปพอดี คนรวยก็แบบนี้แหละเนาะมีรถหรูๆ ขับ มีบ้านหลังใหญ่ๆ มีคนใช้มีคนคอยอำนวยความสะดวกให้ทุกอย่างไม่ต้องลำบาก
ไม่นานฉันก็ได้รถแท็กซี่นั่งกลับไปที่บ้านของตัวเอง ตลอดทางฉันก็ได้แต่คิดถึงเรื่องของน้องสกาย
ก็คนเป็นแม่อ่ะเนาะลูกมีเรื่องแบบนี้ในโรงเรียนก็ต้องรู้สึกเป็นห่วงเป็นธรรมดา ไม่รู้ว่าลูกต้องเจอกับอะไรทำไมแกถึงเป็นแบบนั้น
ตอนนี้ในหัวของฉันมันคิดหลายอย่างมาก คิดจนมันพันกันยุ่งเหยิงไปหมด และฉันก็ไม่รู้ว่าฉันจะเรียบเรียงคำพูดไหนมาคุยกับแกก่อนดี แต่คงจะไม่ใช่คำพูดที่รุนแรงเพราะฉันเข้าใจความรู้สึกของแก
@วันต่อมา ที่โรงเรียนของน้องสกาย..."น้องสกายครับ ตอนเข้าไปพบคุณครูน้องสกายต้องพูดความจริงทุกอย่างนะครับห้ามโกหกเด็ดขาด""ครับแม่" ฉันเชื่อว่าทุกอย่างที่ลูกพูดมันเป็นความจริง แต่ก็ไม่รู้ว่าผู้ปกครองอีกฝ่ายจะเอาเรื่องหรือเปล่า แต่เท่าที่คุณครูบอกมันก็เป็นเพียงการทะเลาะวิวาทของเด็กสองคนก็เท่านั้น และที่เรียกผู้ใหญ่มาก็เพื่อจะตักเตือนและบอกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง "ไม่เป็นอะไรนะครับไม่ต้องกลัว แม่จะอยู่ข้างๆ หนูเอง" ฉันปลอบโยนลูกตามประสาคนเป็นแม่ "ครับ" แต่ถ้าลูกของฉันผิดจริงๆ ฉันก็จะให้แกขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น @ผ่านไปสักพัก"เชิญผู้ปกครองเข้ามาได้เลยค่ะ" "ค่ะ" ฉันกับน้องสกายเดินเข้าไปนั่งรอในห้องของคุณครูเพื่อรอผู้ปกครองอีกฝ่ายมา จนกระทั่ง..."ผู้ปกครองของเด็กชายอัศวินใช่หรือเปล่าคะ""ครับ ผมเป็นอาครับ""....." ฉันเงยหน้าขึ้นมองที่ต้นเสียง ก่อนจะต้องตกใจจนอ้าปากค้างเมื่อท่านประธานคือผู้ปกครองของเด็กที่น้องสกายไปมีเรื่องด้วย "คุณคิน" ฉันพูดขึ้นเบาๆ "เชิญนัั่งเลยค่ะ" "ครับ""เอาล่ะนักเรียนทั้งสองคน ต่อไปนี้คุณครูจะให้นักเรียนพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นให้ผู้ปกครองฟัง""ครับ/ครั
@บ้านมาย "พี่หมอก""หือว่าไง" "มายต้องไปดูงานที่ต่างจังหวัดกับเจ้านาย พี่อยู่กับสองแฝดได้หรือเปล่า" "ได้สิ ว่าแต่ไปกันกี่คนเหรอ แล้วไปกี่วัน""ประมาณสามวัน แต่ไปกันกี่คนมายเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ" "อืม ไปสิพี่อยู่ได้ สองแฝดก็โตกันแล้วไม่ใช่เด็กๆ สักหน่อย""เดี๋ยวมายจะไปบอกกับลูกๆ ไว้ มายกลัวว่าพวกแกจะเป็นห่วง""โอเค" ฉันไม่เคยไปไหนแบบค้างคืนเลยสักครั้ง ไม่เคยห่างจากสองแฝดเลยแม้แต่คืนเดียว ถ้าฉันไปทำงานค้างคืนที่อื่นโดยที่ไม่บอกพวกแกคงจะพากันเป็นห่วงแย่ แค่ฉันทำโอทีกลับดึกพวกแกก็ไม่ยอมนอนจะรอจนกว่าฉันจะกลับมาถึงบ้านถึงยอมเข้านอนกันได้ "น้องสกายน้องสโนว์""แม่//แม่""มาหาแม่หน่อยสิลูก" "แม่มีอะไรหรือเปล่าครับ""แม่ต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัดประมาณสามวันนะ อยู่กับลุงหมอกห้ามดื้อเด็ดขาดรู้มั้ย เสร็จงานแล้วแม่จะรีบกลับมาเลย""แม่ไม่ไปไม่ได้เหรอคะ หนูคงนอนไม่หลับถ้าแม่ไม่อยู่ด้วย""แม่ก็ไม่อยากไปไหนไกลจากลูกๆ หรอกนะ""แต่ถ้าแม่ไม่ทำงานเราจะเอาเงินจากไหนมาใช้จ่ายมากินมาใช้ล่ะลูก" "ก็ได้ค่ะ แต่แม่ต้องโทรมาหาพวกเราทุกวันนะคะ""แม่สัญญาค่ะ" "คุณแม่ไปกับใครเหรอครับ""ไปกันหลายคนครับ" "
@ที่ทำงานของมาย "คุณมายเอาเอกสารการเงินเข้ามาให้ผมหน่อย""ได้ค่ะ สักครู่นะคะ" เป็นเลขานี่ก็เหนื่อยใช้ได้เหมือนกันเลยนะต้องคอยวิ่งเอาเอกสารจากด้านล่างขึ้นมาให้เจ้านายด้านบน ถ้าวันไหนลิฟท์เสียนี่ฉันคงเดินขาลาก @5นาทีต่อมา ก๊อก ก๊อก ก๊อก"ขออนุญาตค่ะคุณคิน เอกสารการเงินได้แล้วค่ะ""ขอบคุณ แล้วนี่งานที่ผมให้คุณทำใกล้เสร็จหรือยัง เราต้องเอาไปประชุมในช่วงบ่ายวันนี้นะ" "ใกล้เสร็จแล้วค่ะไม่เกิน 15 นาที" "เร่งมือหน่อยนะ จะได้เวลาเข้าห้องประชุมแล้ว""ค่ะ" ฉันพยักหน้ารับก่อนจะเดินกลับมานั่งทำงานของตัวเองต่อ เจ้านายคนใหม่ดูเคร่งเครียดกับงานมากๆ เลย ตอนแรกที่ฉันรู้จักกับคุณคินฉันคิดว่าเขาจะดูผ่อนคลายมากกว่านี้ แต่นี่ทั้งเร่งงานนั่นนี่จนแต่ละวันฉันหัวหมุนไปหมด @เวลาผ่านไป พอถึงเวลาประชุมฉันกับคุณคินก็เข้าห้องประชุมทันที อยากจะบอกว่าคุณคินเป็นคนที่ตรงต่อเวลามากถึงมากๆ เลยแหละ พนักงานคนไหนมาสายแค่นาทีเดียวก็โดนตำหนิแล้ว "เอาล่ะทุกคนมากันครบแล้วใช่มั้ย""ครับ//ค่ะ""ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มการประชุมได้เลย" ฉันนั่งฟังและจดตามสิ่งที่ประชุมในวันนี้เพราะฉันต้องเอาไปสรุปรายงานส่งให้คุณคินอีก แล้วอ
@ต่างจังหวัด “ผมจองห้องพักไว้สองห้องนะ คุณก็พักอยู่อีกห้องนึง”“ค่ะ” ฉันพยักหน้ารับเบาๆ “นี่คีย์การ์ด” “ขอบคุณค่ะ” ฉันรับคีย์การ์ดมาแล้วถือกระเป๋าเดินเข้าไปในลิฟท์เพื่อขึ้นด้านบน “เดี๋ยว”“คะ?” “พักผ่อนให้เพียงพอ ตอนเช้าและเย็นจะมีพนักงานโรงแรมเอาอาหารมาให้ ส่วนตอนกลางวันเราก็ไปหากินข้างนอกกัน แต่ถ้าเธออยากจะกินอะไรนอกเหนือนั้นก็ซื้อจากร้านสะดวกซื้อมาเอง”“ค่ะ” “แล้วเจอกันพรุ่งนี้เช้า”“ค่ะ แล้วเจอกัน” จากนั้นฉันก็แตะคีย์การ์ดเข้าห้องพักของตัวเองทันที ก่อนจะจัดแจงเสื้อผ้าของตัวเองใส่ตู้อาบน้ำเตรียมตัวที่จะนอนพักเพื่อลุยงานในวันพรุ่งนี้ ไม่รู้ว่าฉันจะต้องเจออะไรบ้าง งานเป็นแบบไหน คนที่จะมาร่วมงานด้วยเป็นแบบไหน จะคุยง่ายหรือเปล่าก็ไม่รู้ ครืด ครืด ครืด สายเรียกเข้า >>> พี่หมอก “ค่ะพี่หมอก”( เป็นไงบ้างถึงหรือยัง ) “ถึงได้สักพักแล้วค่ะพี่หมอก เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จกำลังจะนอนพักแล้วค่ะ” ( โอเค พี่โทรมาถามแค่นี้แหละ พักเถอะนะไม่ต้องห่วงทางนี้หรอก สองแฝดไม่ได้ดื้ออะไร ) “ฝากดูแลพวกแกด้วยนะคะ เสร็จงานแล้วมายจะรีบกลับ”( จ้ะ แค่นี้นะ พักผ่อนเถอะฝันดีครับ ) “ฝันดีค่ะ” ฉันวางสายจากพี
@ผ่านไปสักพัก ครืด ครืด ครืด สายเรียกเข้า >>> พี่หมอก "ค่ะพี่หมอก" ( พี่โทรมารบกวนเราทำงานหรือเปล่า? ) "ไม่ค่ะ มายกลับมาที่พักแล้ว พรุ่งนี้ถึงจะไปทำงานต่อค่ะ" ( เป็นยังไงบ้าง ที่ทำงานที่พักโอเคหรือเปล่า ) "ok ดีค่ะปกติดีทุกอย่าง" ( ..... ) "พี่หมอกมีอะไรหรือเปล่าคะ?"( เปล่าหรอก พี่เป็นห่วงน่ะก็เลยโทรมาถาม )"มายไม่เป็นอะไรค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะ"( ครับ ) ฉันกดวางสายจากพี่หมอกก่อนจะเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าสะพายของตัวเอง และคุณคินก็เดินออกมาพอดี "คุยกับใคร?""จำเป็นต้องบอกด้วยเหรอคะ" ฉันตอบสวนกลับไปอย่างลืมตัว ลืมไปว่าเขาคือเจ้านายของฉัน "...." คุณคินมองหน้าฉันไม่พอใจเท่าไร "ขอโทษค่ะ พอดีว่าพี่ชายโทรมา""พี่ชายคุณอายุเท่าไหร่แล้ว?""35ค่ะ""อายุเท่าผมเลยนะ แล้วคุณล่ะอายุเท่าไร?""28ค่ะ ใกล้จะ29แล้ว" ใช่แล้วล่ะตอนนี้ฉันไม่ใช่มายเด็กน้อยคนนั้นอีกแล้ว ตอนนี้ฉันเป็นแม่คนแล้วและอายุก็ใกล้จะเหยียบ 30 ขึ้นทุกที "ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณเลี้ยงลูกมาคนเดียวโดยตลอด""ไม่คนเดียวหรอกค่ะ ฉันมีพี่ชายคอยช่วย" "แล้วพ่อของลูกคุณ เขาไม่เคยมาดูดำดูดีเลยเหรอ""....." "แล้วแบบนี
จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ "อืมม...." ฉันผ่อนลมหายใจที่หอบถี่เข้าออก พร้อมกับมองการกระทำของคุณคิน เพราะเขากำลังเล่นอยู่กับหน้าอกของฉันอยู่ ไม่รู้ทำไมถึงปล่อยให้เขาทำแบบนี้ แต่ฉันแค่รู้สึกว่าตัวเองหมดแรง ไม่อยากขัดขืน หัวใจเต้นแรงจนจับจังหวะไม่ถูก ฉันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย “คุณรู้สึกยังไง” “ฉะ ฉัน ฉันบอกไม่ถูก” ฉันตอบน้ำเสียงสั่นเครือ “อยากให้ผมทำต่อมั้ย” “….” ฉันเงียบไม่ตอบ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธเขา “คุณดูมีอารมณ์นะ” “คะ คุณ อื้มม…” ฉันพ่นลมหายใจร้อนระอุออกมา ก่อนจะมองคุณคินที่พยายามปลดกระดุมกางเกงของฉัน พร้อมกับไล่พรมจูบตามหน้าท้องน้อยของฉัน จนฉันรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว “ผมจะทำให้คุณเสียวซ่าน จนต้องร้องขอความต้องการจากผม” “….” คุณคินไม่ได้พูดเล่น เขาอุ้มฉันไปที่เตียงของเขา ก่อนที่เขาจะเริ่มทำให้ฉันรู้สึกเสียววาบจนต้องจิกเท้าลงบนที่นอนระบายความรู้สึกที่บอกไม่ถูก มือหนาลูบไล้ผิวกายขาวเนียนไปมาอย่างอ่อนโยน พร้อมกับเริ่มถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้น โดยที่ฉันไม้ขัดขืนอะไรเลย “คุณสวยมากเลยนะ” เขาชมฉันครั้งแล้วครั้งเล่า จนฉันรู้สึกเขิน แต่ฉันเขินเพราะเขาได้เห็นเรือนร่างของฉัน ถึงจะมีชุดชั้นในปกปิดอย
@เช้าวันต่อมา ฉันตื่นแล้วลงมาซื้อกาแฟที่ร้านกาแฟด้านล่างตั้งแต่เช้าเพราะเมื่อคืนนอนไม่หลับ ตื่นเช้ามาฉันเลยรู้สึกง่วงมาก อีกอย่างจะได้ถือโอกาสมานั่งรอคุณคินแต่งตัวเสร็จด้วยเลย "แฮ่ม!""อุ้ย!" ฉันหันไปมองเสียงกระแอมด้านหลัง "อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณคิน" "อื้ม""กาแฟสักหน่อยมั้ยคะ เดี๋ยวฉันสั่งให้""ขอบคุณ" "....." ฉันลุกออกจากโต๊ะเดินไปสั่งกาแฟให้คุณคิน ไม่รู้ว่าจะถูกปากเหมือนที่เขาเคยกินหรือเปล่า ก่อนจะกลับมานั่งที่โต๊ะตามเดิม "นึกยังไงถึงออกมากินกาแฟแต่เช้า" "เปล่าค่ะ""คุณนอนไม่หลับ ตื่นเช้ามาก็เลยลงมาหากาแฟกินแก้ง่วง" "....." ฉันยิ้มเจื่อนๆ เป็นคำตอบให้เขา "กาแฟได้แล้วค่ะ""ขอบคุณครับ นี่ครับเงิน" "อ๋อไม่ต้องค่ะ คุณผู้หญิงจ่ายให้แล้วค่ะ" "ครับ" "นึกยังไงถึงเลี้ยงกาแฟผม" "เปล่าเลี้ยงค่ะ ก็คุณให้ฉันไปสั่งกาแฟแล้วมันก็ต้องจ่ายเงินตรงนั้นเลย" "อ่อ" "แล้วเราจะไปกันตอนไหนคะ""ไปกันเลยก็ได้ จะได้เสร็จเร็วๆ ช่วงบ่ายอากาศน่าจะร้อน""ค่ะ" ฉันเดินตามคุณคินไปขึ้นรถของเขาจากนั้นเขาก็ขับไปตามที่ได้รับโลเคชั่นมา บนรถก็ไม่มีใครพูดอะไรฉันจะไปกล้าพูดได้ยังไงแค่หน้าของเขาฉันยังไม่กล้ามองเลย
@ตกเย็น ครืด ครืด ครืด สายเรียกเข้า >>> คุณคิน “ค่ะคุณคิน” ( คุณอยู่ที่ไหน ผมไปเคาะประตูห้องคุณตั้งนานแล้ว ) “ฉันออกมาเดินเล่นอยู่ข้างล่างค่ะ” ( …. ) “คุณมีอะไรหรือเปล่าคะ?” ( เปล่าๆ ผมก็นึกว่าคุณหายไปไหน ) “คุณคินอยากได้อะไรหรือเปล่าคะ เดี๋ยวฉันซื้อขึ้นไปให้” ( ไม่ครับ ) “ค่ะ แค่นี้นะคะ”หญิงสาวเดินเล่นอยู่ด้านล่างจนกระทั่งฟ้าเริ่มมืดเธอถึงกลับขึ้นไปด้านบนเหมือนเดิม หมับ! “ว๊าย!” เธอร้องอุทานเมื่อถูกดึงเข้าไปในห้อง ขณะที่เธอกำลังล้วงกระเป๋าหาคีย์การ์ดเพื่อจะเข้าห้องของตัวเอง “คุณคิน ตกใจหมดเลยค่ะ”“คุณหายไปไหนมา ผมรอตั้งนาน” “เอ่อ…ก็บอกแล้วไงคะว่าไปเดินเล่น” “อืม…” “….” เธอเบิกตากว้างเมื่อถูกเขาคว้าตัวเข้าไปจูบ ทั้งๆ ที่ยังยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องกันอยู่เลย “พร้อมมั้ย”“คะ??” “….” ร่างบางถูกอุ้มลอยขึ้นแล้วพาไปนอนที่เตียงก่อนที่ถูกเขาปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจนหมด ร่างกายเปลือยเปล่าไม่เหลือเสื้อผ้าสักชิ้นเดียว เขาเริ่มเร้าอารมณ์เธอตั้งแต่การจูบปากและค่อยๆ ลงมาตรงหน้าอกของเธอ นัวเนียกับเต้าอวบจนคนใต้ร่างตัวเกร็งก่อนจะผละตัวลุกออกไปถอดเสื้อผ้าของตัวเองจนหญิงสาวได้เห็นรูปร
6 ปีต่อมา หลังจากที่คลอดลูกคนที่ 3 ได้ 2 ปี ฉันก็มีลูกอีกคนนึงและก็ปิดอู่เรียบร้อยเลยนั่นก็คือการทำหมัน เพราะไม่อย่างนั้นคุณเวคินก็คงจะทำให้ฉันมีลูกขึ้นมาอีกชัวร์ คุณหมอก็ยังไม่อยากให้ฉันทำเพราะอายุยังน้อย แต่ถ้าฉันไม่ทำเปอร์เซ็นที่ฉันจะมดลูกแตกก็มีมากเลยทีเดียวเพราะท้องเยอะมาก ฉันก็เลยอ้อนวอนขอให้คุณหมอทำหมันให้ฉันเลยหลังจากที่ผ่าคลอดคนที่ 4 เสร็จ ตอนนี้วุ่นวายมากๆ เลย ลูกฝาแฝดทั้งสองคนตอนนี้ก็โตขึ้นมากแล้ว คนที่ 3 ก็อายุ 6 ขวบกว่าๆ น้องเล็กสุดคือ 4 ขวบกว่าเช่นกัน วัยกำลังซนเลย ลูกของพี่หมอกก็มี 2 คน อีกคนนึง 6 ขวบส่วนอีกคนนึงก็ 5 ขวบ วันไหนที่ครอบครัวของเราได้มารวมตัวกัน ฉันบอกได้เต็มปากเลยว่ามันเป็นอะไรที่วุ่นวายมากๆ จากตระกูลเล็กๆ พ่อกับแม่ของคุณเวคินก็มีเพียงคุณเวคินคนเดียว ลูกบุญธรรมอีก 1 คน แต่ในตอนนี้มีหลานวิ่งอยู่กันให้เต็มไปหมด กลายเป็นตระกูลใหญ่ที่มีลูกหลานเยอะแยะมากมายสมใจคุณปู่ที่อยากได้หลานมากๆ ในตอนนั้น ถ้าอย่างนั้นฉันขอแนะนำลูกๆ ของฉันและก็หลานในตระกูลนี้ให้ฟังทั้งหมดเลยก็แล้วกัน ฉันกับคุณเวคินมีลูกกัน 4 คน 2 คนแรกเป็นฝาแฝดกัน สกาย กับ สโนว์ คนกลางเป็นผู้ชายชื่อ
@ห้าเดือนต่อมา ตอนนี้ฉันท้องใหญ่มากๆ แต่มีลูกคนเดียวนะ และก็ไม่รู้เพศด้วยคุณหมอบอกว่าสงสัยว่าแกจะอายก็เลยไม่ยอมเปิดให้เห็นว่าเป็นเพศอะไร เพราะงั้นก็เลยต้องรอลุ้นตอนคลอดทีเดียวเลยว่าจะได้ลูกผู้หญิงหรือลูกผู้ชาย ส่วนคุณเวคินก็หายจากอาการแพ้ท้องบ้างแล้วแต่ก็ยังไม่หายขาด เริ่มกินอะไรได้มากขึ้น ร่างกายเริ่มมีน้ำมีนวลมากขึ้นจากที่แพ้ท้องมาหลายเดือนจนร่างกายซูบไปเยอะ "กินเยอะๆ นะ ลูกจะได้แข็งแรงๆ" "ขอบคุณค่ะ" "เป็นยังไงบ้าง""ก็อึดอัดนิดหน่อยค่ะ ท้องใหญ่แบบนี้ก็อึดอัดเป็นธรรมดาแหละ" ฉันตอบ คุณเวคินเขาจะเฝ้าคอยถามแบบนี้เป็นประจำทุกวัน ว่าฉันลำบากไหม ที่ต้องอุ้มท้องใหญ่ๆ แบบนี้ แล้วก็ชอบถามถึงเรื่องเมื่อก่อนว่าตอนที่ฉันอุ้มท้องสองแฝดลำบากมากไหมฉันก็บอกไปตามตรงว่าค่อนข้างลำบาก และต้องระมัดระวังเพราะท้องแฝด และตอนนั้นฉันก็คิดหนักเลยด้วย ลูกจะได้รับสารอาหารเท่ากันไหม ลูกจะแข็งแรงไหม ลูกจะออกมาโตเท่ากันไหม เพราะเท่าที่ฉันฟังคุณหมอมา คุณหมอบอกเหมือนกันว่าท้องแฝดค่อนข้างอันตรายและต้องระวังทุกอย่าง ทั้งการกิน และการใช้ชีวิต แต่ฉันก็สามารถดูแลลูกๆ ให้คลอดออกมาอย่างปลอดภัยและครบสมบูรณ์ทั้งสองค
@ผ่านไปอาทิตย์กว่าๆ #โรงพยาบาลเอกชน คุณเวคินพาฉันมาฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล เขาเองก็ยังไม่หายดีหรอก แต่ก็อยากจะแน่ใจว่าฉันท้องจริงๆ หรือเปล่าก็เลยพาฉันมาตรวจที่โรงพยาบาล หลายวันมานี้คุณเวคินแพ้ท้องอย่างหนักหน่วงจริงๆ เขาดูซูบผอมลงไปเยอะเลย เพราะกินอะไรไม่ได้ ต่างจากฉันที่ไม่มีอาการอะไรเลยในครั้งนี้ แม่คุณเวคินบอกว่าคุณเวคินเป็นแทนฉันหมดทุกอย่างแล้ว อาการแพ้ท้องก็เลยรับจากฉันไปเต็มๆ "คุณมาริสาเชิญเข้าห้องตรวจค่ะ" "..." ฉันกับคุณเวคินเดินไปเข้าห้องตรวจ เมื่อคุณพยาบาลเรียกผ่านไมค์ "สวัสดีค่ะคุณหมอ//สวัสดีครับหมอ" "สวัสดีครับ" "..." ฉันหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับคุณหมอ "ตามที่ได้แจ้งเอาไว้ มาตรวจครรภ์ใช่ไหมครับ""ใช่ค่ะมาตรวจครรภ์""งั้นเดี๋ยวรบกวนคุณไปฉี่ใส่กระปุกให้พยาบาลเก็บผลตรวจหน่อยนะครับ และก็ขอตรวจเลือดของคุณทั้งสองคนด้วย" "ค่ะ" ก็เหมือนกับที่ฉันมาฝากท้องครั้งแรกนั่นแหละ คุณหมอก็ให้ฉันตรวจฉี่ตรวจเลือดตรวจหลายๆ อย่าง แต่ครั้งนั้นไม่มีคุณเวคินมาตรวจด้วย @ผ่านไปสักพัก "คุณท้องที่สองแล้วใช่ไหมครับ" "ค่ะ ท้องแรกได้ลูกแฝดสองคน" "เดี๋ยวรบกวนขึ้นไปนอนบนเตียงหน่อยนะครับ
@หนึ่งเดือนถัดมา อุ๊บบ!! โอกกก!! โอกกก!! "คุณเวคิน!?" หญิงสาวรีบวิ่งเข้ามาดูสามีของตน เมื่อเห็นเขาวิ่งเข้าออกห้องน้ำด้วยความเร็วแสงและอาเจียนออกมาจนเสียงดัง อาการแบบนี้เธอพอจะเดาออกว่าเป็นอาการอะไร บวกกับรอบเดือนตอนนี้ที่ไม่มาจนครบสองเดือนแล้ว "อืม..." ร่างหนาทิ้งตัวลงนั่งอยู่ข้างชักโครกด้วยสภาพที่อิดโรย ริมฝีปากแห้งเหือดจนซีด เขากินอะไรไม่ได้เลยสักอย่างเดียว แค่ได้กลิ่นอาหารก็ทำให้รู้สึกอยากอาเจียนแล้ว "เป็นยังไงบ้างคะ ไหวหรือเปล่า" เธอรีบเข้าไปดูอาการ ทว่า..พอเธอเดินเข้าไปถึงเวคินก็มีอาการขึ้นมาอีกครั้งเพราะกลิ่นตัวของเธอ "อึก..อุ๊บโอกก!!!" "คุณเวคิน! หวะ ไหวหรือเปล่าคะ ไปหาหมอมั้ย" เธอเอ่ยถามน้ำเสียงตะกุกตะกัก เพราะตอนที่เธอท้องอาการแพ้ท้องก็หนักพอควรเหมือนกัน แต่ก็ทุเลาลงได้เพราะยาที่หมอให้มา "ผมไหว...แต่กลิ่นตัวคุณมันเหม็นอะ ผมได้กลิ่นแล้วอยากอาเจียนไงไม่รู้" "งั้นฉันไม่อยู่ใกล้ก็ได้ คุณเดินมาเองไหวไหม ถ้าไม่งั้นฉันจะไปตามคนมาช่วย" "ไหวๆ" เวคินตอบเสียงแผ่ว ก่อนจะพยุงตัวเองเดินกลับเข้าไปในห้อง "ไปหาหมอมั้ย" "ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก็หาย สงสัยผมจะพักผ่อนน้อย""นี่คุณยังไม่ร
@หนึ่งเดือนต่อมา #งานแต่งสุดหรูในโรงแรมห้าดาว เจ้าบ่าวและเจ้าสาวเดินเคียงคู่กันมาในชุดสีขาวสวยงามสง่า แขกที่มาร่วมงานต่างปรบมือรัวๆ ให้จนเกิดเสียงดังขึ้นชั่วขณะ ทั้งสองสวยและหล่อเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก ลูกฝาแฝดทั้งสองก็ใส่ชุดไทยชายหญิงน่ารักสมวัย "คนเยอะจังเลยคุณ ไหนบอกว่าคนไม่เยอะไง" หญิงสาวกระซิบถามคนข้างๆ เพราะเข้าใจว่างานแต่งจัดเป็นงานเล็กๆ เชิญแขกเหรื่อมาไม่กี่คน แต่ไม่คิดว่าจะมีคนมาร่วมงานเยอะขนาดนี้ และแต่ละคนก็เป็นนักธุรกิจระดับแนวหน้าทั้งนั้น "นี่แค่คนรู้จักที่สนิทกันนะ พ่อผมแค่จัดให้เบาะๆ ไม่ใหญ่โตมาก" "นี่น่ะเหรอที่เรียกว่าไม่ใหญ่โต" มายบ่นพึมพำ สำหรับพวกเขาอาจจะไม่ใหญ่โตอะไร สำหรับเธอมันใหญ่โตมาก คนมาร่วมงานแต่งนี้เยอะมากๆ มองไปทางไหนก็เจอแต่คนทางนั้น "ลูกชายเจ้าของอสังหาริมทรัพย์แต่งงานทั้งทีก็ต้องให้สมฐานะหน่อยสิ จะให้น้อยหน้าคนอื่นได้ยังไง" เวคินบอก ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับแขกที่มาร่วมงาน ก็นั่นน่ะสินะ ลูกชายเจ้าของอสังหาริมทรัพย์จะแต่งงานทั้งทีก็ต้องจัดให้สมฐานะหน่อยสิ ไหนจะเปิดตัวหลานฝาแฝดอีก งานนี้พ่อของเวคินจัดหนักจัดเต็มเลย มายเคยเห็นแต่ในทีวีกับการจั
@วันต่อมา มายตื่นแต่เช้าเพราะเมื่อคืนได้นอนหลับอย่างเต็มอิ่มแต่เวคินยังไม่ตื่นเธอเลยถือโอกาสนี้ออกไปเดินเล่นที่ริมชายหาดคนเดียว เพราะเมื่อวานมาถึงก็มืดแล้ว กว่าจะจัดของเตรียมของเข้าที่ก็ดึกแล้ว เลยไม่มีเวลาออกมาดูบรรยากาศริมทะเล “บรรยากาศดีจัง” ฉันพูดขึ้นเบาๆ พร้อมกับอ้าแขนกว้างเหมือนนกกางปีก รับลมทะเลที่แสนจะสดชื่นในตอนเช้าๆ “ตื่นแล้วไม่ปลุกผมเลยนะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลังของฉัน ก่อนที่จะถูกเจ้าของเสียงนั้นเข้ามาสวมกอด “เห็นคุณนอนหลับสบายฉันก็ไม่อยากกวนค่ะ” ฉันตอบ “ที่นี่เงียบสงบดีนะ ว่ามั้ย” “ค่ะ เงียบสงบมากเลย บรรยากาศก็ดีด้วย” มันนานแค่ไหนแล้วนะที่ฉันไม่มีโอกาสได้มาเที่ยวพักผ่อนแบบนี้ ครั้งล่าสุดที่มาก็แทบจะไม่ได้พักเพราะวุ่นวายอยู่กับสองแฝดมากเลย “หิวยัง”“ไม่ค่ะ”“ถ้าคุณไม่หิวข้าว ผมก็มีอย่างอื่นให้คุณกินนะ” เขามองหน้าฉันพร้อมกับส่งสายตาเจ้าเล่ห์ใส่ “บ้า! พูดแบบนี้อีกแล้วนะคุณ!” ฉันแหวใส่เขาเสียงดัง จะมีสักครั้งไหมที่ไม่พูดเรื่องใต้สะดือกัน รู้แล้วล่ะว่าอยากมีลูก แต่ก็ไม่น่าจะหื่นขนาดนี้นะ “ผมยังไม่ไดพูดเลยนะว่ามันคืออะไร คุณคิดไปเองทั้งนั้น”“…” ถึงจะพูดแบบนั้
@สามวันต่อมา "นี่เราจะไปไหนกันเหรอ คุณยังไม่ได้ตอบฉันเลยนะ" ฉันถามคุณเวคิน เพราะเขายังไม่ยอมบอกเลยว่าจะไปไหน เอาแต่รีบเก็บเสื้อผ้าอย่างกับว่ามีเรื่องด่วนอะไร "ไปเก็บเสื้อผ้าเถอะถึงเดี๋ยวคุณก็รู้เอง" เขาหันมาตอบ จะไม่ให้ฉันอยากรู้ได้ยังไงในเมื่อเขาพูดกำกวมแบบนี้ จะบอกฉันให้มันจบไปตั้งแต่แรกก็ไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะปิดบังไปทำไม "ถ้าคุณไม่ตอบฉันก็ไม่ไป" ฉันพูดเสียงแข็ง พร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง ถ้าเขาไม่ยอมบอกฉันก็ไม่ไปจริงๆ นั่นแหละ อีกอย่างลูกๆ ของฉันก็ยังไม่กลับมาเลย ถ้าฉันไปแล้วพวกแกกลับมาไม่เจอร้องไห้หาฉันขึ้นมาจะทำยังไง "พ่อของผมจองรีสอร์ทเอาไว้ ให้เราสองคนไปพักกัน จะพักกี่คืนก็ได้ตามใจ ส่วนเด็กๆ ก็รู้เรื่องนี้แล้ว พวกแกไปเที่ยวอยู่กับพ่อของผมอีกที่นึง คุณไม่ต้องกลัวหรอกเด็กๆ สนุกกันจะตาย น้องอัศวินก็อยู่ที่นั่นด้วย" "ห๊ะ!? นี่พ่อของคุณลงทุนจองรีสอร์ทให้เลยเหรอ?""อืม..ท่านบอกว่าเราจะได้มีลูกกันเร็วๆ" "มันบังคับกันได้ด้วยเหรอคุณ ตอนที่ฉันท้องสองแฝดก็กว่าจะรู้ตัวก็ร่วมสองเดือนเลย" นี่ก็เพิ่งจะมีอะไรกันแค่ 2-3 วันเอง จะให้ท้องเลยก็คงจะไม่ได้หรอก ทุกอย่างมันมีเวลาของมัน "พ่อผมค
@ตกดึกของอีกวัน “อื้อคุณ…ทำอะไรเนี่ย!?” เธอตะเบ็งเสียงถามขึ้น เมื่อกำลังนั่งหวีผมอยู่ที่หน้ากระจก ก็ถูกเขาเข้ามานั่งซ้อนอยูู่ข้างหลังและเริ่มลูบไล้ขาอ่อนของเธอไปมา “ไม่น่าถามนะ ว่าจะทำอะไร” เวคินเอ่ยพูดพร้อมกับกวาดตามองเรือนร่างของเธอตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงหน้าอกอวบอิ่ม “อือ อย่าสิคุณ” เธอร้้องปรามคนด้านหลัง เพราะไม่ชอบให้เขาเข้ามาจุกจิกกับเธอตอนที่ยังต้องทำอะไรอยู่่แบบนี้ “พ่อของผมอยากมีหลานนะ ลูกแค่สองคนจะพออะไร สมบัติของพ่อผมก็มีตั้งมากมาย”“ฉันไม่ได้หวังสมบัติจากพ่อของคุณเลยนะคะ”“ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น หมายถึงถ้าเรามีลูกหลายคน สมบัติก็จะถูกแบ่งไปอีกไง”“แต่พ่อของคุณท่านก็มีลูกอีกไม่ใช่เหรอคะ” ลูกที่ว่าก็น่าจะหมายถึงพี่สาวของเวคิน ซึ่งเธอเองก็เป็นแค่ลูกบุญธรรมเท่านั้นไม่ใช่ลูกแท้ๆ ที่จะสามารถได้รับสมบัติทุกอย่าง แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่ยอมแบ่งอะไรให้เลย “ใช่ แต่นั่นก็เป็นแค่ลูกบุญธรรมนะ ได้แค่ส่วนของพ่อผมเท่านั้น ส่วนสมบัติที่เป็นของแม่ผมพี่สาวของผมก็ไม่ได้หรอกเพราะไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของแม่”“อือ..แต่ฉันเหนื่อย” เธอพยายามหาข้ออ้าง กลัวว่าจะมีอะไรกันหนักหน่วงเหมือนกับวันก่อน แล้วลูก
@เช้าวันต่อมา ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นหลายครั้ง แต่ทั้งสองก็ไม่มีท่าทีว่าจะตื่นเลย จนถึงตอนนี้ก็เพิ่งจะหลับไปได้ไม่กี่ชั่วโมงเอง แกร้ก! ประตูห้องถูกเปิดก่อนที่เด็กฝาแฝดสองคนจะจูงมือกันเดินเข้ามา และก็ได้พบว่าผู้เป็นพ่อและแม่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียง โดยที่ไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าเลยสักชิ้นเดียว "พ่อกับแม่ยังไม่ตื่นเลยสกาย" สโนว์เอ่ยถามพี่ชายฝาแฝดที่ยืนอยู่ข้างๆ "ปลุกไหม?" สกายหันไปกระซิบถามน้องสาวฝาแฝดของตัวเอง "ทำไมพ่อกับแม่ไม่ใส่เสื้อผ้าล่ะ?" สโนว์พูดขึ้นด้วยความสงสัย และก็อยากรู้อยากเห็นตามประสาเด็กวัยนี้ "พ่อกับแม่ร้อนหรือเปล่า" สกายตอบ "ตอนนี้สายแล้วทำไมพ่อกับแม่ยังไม่ตื่นอีก" สโนว์พูด พลางมองไปที่ผู้เป็นพ่อกับแม่ "อื้ออ~~" เวคินบิดตัวไปมาเล็กน้อย เพราะได้ยินเสียงพูดอู้อี้อยู่ข้างๆ หู ก่อนจะปรือตาขึ้นแล้วกรอกตามองไปรอบๆ จนกระทั่งได้เห็นลูกๆ ยืนอยู่ข้างเตียง "อือ..มีอะไรหรือเปล่าลูก?" "ทำไมพ่อกับแม่ยังไม่ตื่นอีกคะ แล้วทำไมถึงไม่ใส่เสื้อผ้า" "!!!" พอน้องสโนว์พูดจบเท่านั้นแหละ เวคินก็รีบดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหน้าอกของตัวเองทันที "มะ เมื่อคืนมันร้อนน่ะลูก พ่อก็เลยไม่ได