"อะแฮ่ม!!"เสียงพี่หมอดังขึ้นทำให้ฉันที่กำลังเหม่อมองหน้าพี่ขุนเขาอยู่รีบตวัดสายตาหนีไปทางอื่นทันที พี่ขุนเขายังคงจ้องมองใบหน้าของฉันอยู่อย่างไม่ละสายตา"ออกไปดิ จะยืนอยู่ทำไม" พี่หมอพูดไล่พี่ขุนเขาให้ออกไปจากห้องครัว ไม่พูดเปล่า พี่หมอคว้ามือมากอดเอวของฉันไว้ด้วยฉันยืนตัวแข็งทื่อ ไม่ขัดขืนอะไรพี่หมอ ฉันยอมทำตามแผนของพี่หมอ เพราะอยากรู้ว่าพี่ขุนเขาคิดยังไงกับฉันกันแน่ เขารักฉันบ้างมั้ย เรากำลังจะมีลูกด้วยกันแล้วนะเขาแค่หวงของเล่นอย่างฉันหรือเปล่า.....หมั่บ!!พี่ขุนเขาคว้ามาจับมือฉัน ก่อนจะฉุดกระชากฉันออกไปจากห้องครัว โดยที่ฉันไม่ทันตั้งตัว พี่หมอท้วง แต่พี่ขุนเขาไม่แม้แต่จะหันไปมอง เขาลากฉันขึ้นมาบนห้องเหมือนเดิม แล้วก็จับฉันนั่งลงที่ปลายเตียง“เธอจะทำให้ฉันเป็นบ้าตายรึไง !!” หลังจากที่พี่ขุนเขาเงียบเเละเอาแต่จ้องหน้าฉัน เขาก็พูดขึ้น“คะ ?” ฉันขมวดคิ้วมองหน้าพี่ขุนเขาอย่างไม่เข้าใจที่เขาพูดออกมาเมื่อครู่มันหมายความว่าอะไรกัน ฉันทำอะไร“เธอรักมันรึไง ห๊ะ!!”“อะไรคะ หนูไม่เข้าใจ”“ทำไมถึงให้มันกอดเอวแบบนั้น ชอบรึไง ให้คนอื่นมาเเตะเนื้อต้องตัว”“อ้อ มันไม่ใช่คนอื่น มันเป็นผัวเธอ หึ”
พี่ขุนเขากระตุกแขนหวังว่าจะให้ฉันเดินตามเขา แต่ฉันแกะมือพี่ขุนเขาออก แล้วเดินไปประคองพี่หมอเอาไว้“ไปหาหมอมั้ยคะ” ฉันถามพี่หมอด้วยความเป็นห่วง เพราะท่าทางของพี่หมอเหมือนจะไม่ไหวจริงๆ“พาพี่ไปนอนพักก็พอแล้ว” พี่หมอพูดเสียงเหมือนคนกำลังจะหมดแรง“สำออยไอ้สัส เจอต่อยแค่นี้จะเป็นจะตาย ไปเอากระโปรงผู้หญิงมาใส่เถอะมึง!!”พี่ขุนเขาพูดแทรกขึ้น ฉันรีบหันขวับไปจ้องพี่ขุนเขาหน้าเขม็งทันที เมื่อเขาพ่นคำที่มันไม่น่าฟังออกมาหน้าตาย“ทำไม ห่วงมันมากก็รีบๆพามันขึ้นไปนอนดิ !!” พี่ขุนเขาตวาดเสียงดังลั่นบ้าน“ค่ะ”“ไปค่ะพี่หมอ”ฉันตอบพี่ขุนเขาสั้นๆก่อนที่จะหันหน้าไปบอกพี่หมอ และประคองพี่หมอเดินขึ้นไปบนชั้นสองฉันพาพี่หมอเข้ามาในห้องของฉัน ที่ต้องมาห้องของฉันเพราะฉันไม่มีกุญแจห้องอื่น และถ้าจะให้ไปที่ห้องของพี่ขุนเขา เจ้าตัวก็คงจะไปยอมเมื่อเข้ามาในห้อง พี่หมอจัดการล็อคห้องเรียบร้อย“ล็อคทำไมคะ ?” ฉันขมวดคิ้วถามอย่างแปลกใจ“เชื่อพี่เถอะ เดี๋ยวมันก็มาเคาะ”ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนที่จะประคองพี่หมอไปนอนบนเตียง จากนั้นก็รีบไปหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดคราบเลือดบนใบหน้าของพี่หมอออก“เจ็บดีชะมัด” พี่หมอบ่นพึมพำเบาๆ แต่
เมื่อพี่ขุนเขาพูดคำนี้ออกมา หูฉันมันดับไปเลย ฉันไม่รับรู้ว่่าต่อจากคำนี้แล้วพี่ขุนเขาพูดอะไรต่อ สมองฉันมันไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว“วีนัส”“พี่เคยรักหนูบ้างมั้ย...”ฉันเงยหน้าขึ้นมองพี่ขุนเขา เขาก็มองฉันเหมือนกัน พี่ขุนเขาถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะเอามือข้างที่ว่างอยู่มาลูบแก้มองฉันไปมาเบาๆฉันค่อยๆยกมือขึ้นไปกุมมือของพี่ขุนเขาที่กำลังลูบไล้แก้มฉันไปมาอยู่เอาไว้“ตอบคำถามที่หนูถามหน่อยได้มั้ย” ฉันมองใบหน้าของพี่ขุนเขาอย่างมีความหวัง ฉันหวังว่าเขาจะตอบว่ารักฉัน ฉันหวังมากไปรึเปล่าพี่ขุนเขาค่อยๆจับมือฉันไปวางลงบนหน้าอกข้างซ้ายของเขา“ข้างในนี้มันมีเธออยู่”พูดจบพี่ขุนเขาก็โน้มใบหน้าลงมาจูบลงบนหน้าผากของฉันอย่างแผ่วเบา ก่อนจะถอนจูบออกแล้วมองจ้องมองหน้าฉัน แบบนี้ที่พี่ขุนเขาพูดไปเมื่อครู่ มันแปลว่าเขารักฉันใช่มั้ยแล้วแบบนี้ฉันควรจะดีใจใช่มั้ย แต่ทำไมมันกลับรู้สึกหน่วงๆแบบนี้ ทั้งที่ฉันเองแท้ๆ ที่เป็นคนถามว่าเขารักฉันมั้ยข้างในใจของพี่ขุนเขามีฉันอยู่อย่างงั้นหรอ แล้วมันมีแค่ฉันคนเดียวใช่มั้ย มันยังมีคนอื่นอีกรึเปล่ายังไม่ทันที่ฉันจะได้ถามอะไรต่อ พี่ขุนเขาก็เดินกลับขึ้นไปบนห้องสะก่อนฉันงงไปห
ระหว่างที่กำลังเก็บเสื้อผ้า ฉันพูดตามตรงว่าฉันไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรเลยจริงๆ ขณะที่เก็บเสื้อผ้าอยู่ น้ำตาของฉันมันก็ยังคงไหลออกมาตลอดเวลา เมื่อนึกถึงคำพูดคำนั้น ที่พี่ขุนเขาบอกกับพี่หมอ ว่าเขายกฉันให้พี่หมอเหตุผลอะไรที่จะยกฉันให้คนอื่น เคยถามฉันบ้างมั้ย ว่าฉันอยากจะอยู่กับใครเหตุผลอะไรที่พูดออกมาแบบนั้น ทั้งๆที่เมื่อวาน เขาบอกว่าในหัวใจเขามีฉันอยู่“ตัวเล็กเราร้องไห้เยอะมากแล้วนะ เราท้องอยู่ ร้องแบบนี้มันไม่ดี ถ้าเราเศร้า ลูกก็จะเศร้าไปกับเราด้วยนะ แม่รู้สึกยังไงลูกก็จะรู้สึกอย่างนั้น”“ฮึก ละ แล้วต้องทำยังไง หนูถึงจะหยุดร้องได้ละคะ ฮึก” ฉันเงยหน้าขึ้น พร้อมกับถามพี่หมอ น้ำตาไหลพรากลงมาอาบแก้มไม่ขาดสายฉันต้องทำยังไงกัน ถึงจะห้ามน้ำตาของตัวเองได้ ทำยังไงกัน ที่จะไม่เจ็บปวดกับเหตุการณ์ในครั้งนี้พี่หมอมองหน้าฉัน ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆจากนั้นก็ดึงฉันไปกอด ก่อนจะลูบหัวฉันเบาๆ นั่นยิ่งทำให้ฉันร้องไห้ออกมาหนักยิ่งกว่าเดิม“ไปนั่งรอบนเตียงเถอะเดี๋ยวพี่เก็บให้” พี่หมอดึงผ้าที่อยู่ในมือของฉันออก ก่อนที่จะพับมันเก็บใส่กระเป๋าเดินทางใบเล็กของฉันฉันลุกขึ้นไปนั่งบนเตียงตามที่พี่หมอบอก เพราะ
ฉันมองหน้าพี่ขุนเขาสีหน้าจริงจัง และมองเขาด้วยสายที่บ่งบอกว่าฉันไม่ได้ทำจริงๆ แต่ดูเหมือนว่าพี่ขุนเขาจะไม่เชื่อฉันเลย เขามองหน้าฉันก่อนจะส่ายหน้าไปมาเบาๆ“เธอจะให้ฉันเชื่อว่าด้ายตกลงไปเองงั้นหรอวีนัส”“ใช่ พี่เส้นด้ายตกลงไปเองจริงๆ หนูไม่ได้ทำ”“หึ! เธอคิดว่าที่ฉันพูดออกไปแบบนั้น มันเป็นเพราะด้ายใช่มั้ย”“....”“ทำไมเธอไม่คิดว่าเป็นเพราะไอ้เวรนั่นบ้าง” พี่ขุนเขาชี้ไปทางด้านหลังของฉัน ที่พี่พี่หมอยืนอยู่“รักแล้วไงวะ ในเมื่อเธออยากจะไปกับมันเต็มทน เธอไม่สนใจฉันอยู่แล้วไมใช่รึไง”“พี่ขุนเขา...”“ถ้าอยากจะไปกับมันมากขนาดนั้น ก็ไป”“หนูไปแน่ แต่พี่จำไว้ ว่าหนูไม่ได้ทำ อย่ามาโทษหนู เพราะหนูไม่เคยคิดที่จะทำอะไรต่ำๆแบบนี้ !!”“จะไปก็ไป อย่าพูดมาก!!” พี่ขุนเขาตวาดใส่หน้าฉันเสียงดังลั่นบ้าน“ไปเถอะค่ะ พี่หมอ” ฉันหันกลับไปบอกพี่หมอที่อยู่ด้านหลังของฉันจากนั้นฉันก็เดินลงบันได ผ่านร่างพี่เส้นด้ายที่กำลังนอนสบอยู่ ฉันไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น ฉันรีบมุ่งหน้าออกจากบ้าน ฉันไม่อยากจะรับรู้อะไรอีกแล้วพี่เส้นด้าย เธอทำได้ยังไง ไม่กลัวว่าตัวเองจะตายเลยรึยังไง เหตุผลอะไรที่ต้องทำขนาดนั้นกัน ให้พี่ขุนเขาสนใ
ฉันผลักตัวเองออกจากพี่ขุนเขา ก่อนจะวิ่งหนีเขา ใช่ฉันวิ่งจริงๆ ไม่ใช่ว่าฉันไม่ห่วงลูกที่อยู่ในท้อง แต่ฉันต้องวิ่งเพื่อที่จะหนีเขาพ้น“วีนัส หยุด เธอจะวิ่งทำไม ท้องอยู่นะเว้ย!!” พี่ขุนเขาวิ่งตามฉัน และตะโกนบอกคนที่อยู่บริเวณนี้ต่างพากันจับจ้องมาที่ฉันเป็นตาเดียว แต่ฉันไม่สนใจว่าใครจะมองยังไง และไม่คิดที่จะหันกลับไปมองพี่ขุนเขาอีกฉันไม่อยากเจอหน้าเขาอีกแล้ว ในเมื่อเขาเลือกไม่ได้ ฉันก็ถอยออกมาแล้วนี่ไงทุกอย่างมันควรจะจบสักที....@ภายในห้องตรวจ“ตัวเล็ก เป็นอะไร” พี่หมอถามอย่างตกใจเมื่อเห็นฉันวิ่งพรวดเข้ามาในห้องปัง ปัง ปัง! (เสียงทุบประตูห้องตรวจ)“วีนัส ออกมาคุยกันก่อน วีนัส!!”ปัง ปัง ปัง !!พี่ขุนเขาเริ่มทุบประตูห้องรัวและเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ“มัน ?” พี่หมอลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน ก่อนจะเดินมาถามฉันที่ยืนหันหลังให้ประตู“ยะ อย่าเปิดนะคะ” ฉันมองพี่หมอสายตาอ้อนวอน ต้ำตามัรไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้างอัตโนมัติยิ่งได้ยินเสียงพี่ขุนเขา มันยิ่งทำให้ฉันอยากจะร้องไห้“พี่จะเปิดให้มันเข้ามาทำไม” พี่หมอพูดพลางยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาออกจากแก้มให้ฉันเสียงทุบประตูห้อง พร้อมกับเสียงพี่ขุนเขาที่ตะโกนเรียกช
เช้าวันใหม่...วันนี้ฉันตื่นมารับลมหนาวตอนเช้าๆ ช่วงนี้ใกล้หน้าหนาวแล้ว บรรยากาศที่บ้านนอกดีมากๆ มองไปทางไหนก็รู้สึกสบายหูสบายตา อีกทั้งยังทำให้จิตใจสงบ ไม่คิดอะไรฟุ้งซ่านไม่ใช่ว่าไม่คิดอะไรเลยหรอกนะ ฉันแค่พยายามคิดถึงลูกให้มากๆวันนี้ กรีน กับ นัตตี้ เพื่อนสนิททั้งสองของฉันจะมาหาที่บ้าน พอสองคนนั้นรู้ว่าฉันกลับมาอยู่บ้านแล้ว ก็รีบบอกว่าถ้าเลิกเรียนจะรีบมาหาฉันทันที“เป็นไงวีนัสเอ้ย แพ้ท้องหนักมั้ย” ป้านิ่มเดินมาถามฉันป้านิ่มรู้เรื่องทุกอย่างตั้งแต่แรก และก็เรื่องทั้งหมด แม่เป็นคนเล่าให้ป้านิ่มฟัง“แพ้หนักเลยจ้ะป้า”“ทนเอาหน่อยลูก เดี๋ยวก็ดีขึ้น” ป้านิ่มลูบหัวฉันเบาๆ ฉันรู้ว่าป้านิ่มอยากจะถามอะไรหลายๆอย่าง แต่ป้านิ่มเลือกที่จะไม่ถาม“เดี๋ยวป้าไปคุยกับแม่เอ็งก่อนนะ”“จ้ะป้า” ฉันยิ้มจางๆให้ป้านิ่มหลังจากที่ป้านิ่มไปแล้ว ฉันก็คิดๆว่าจะทำอะไรดี ยังไงก็ไม่ได้เรียนหนังสือแล้ว จะให้มานั่งอยู่เฉยๆก็คงจะไม่ได้ ถ้าอยู่เฉยๆไม่ทำอะไร ลูกคลอดออกมาจะเอาอะไรกินถึงฉันจะอายุแค่นี้ แต่ฉันก็ยังพอมีความคิดนะ“วีนัส !!” เสียงผู้ชายเรียกชื่อฉันจากด้านหลัง“พี่เพทาย” พี่เพทายคือรุ่นพี่ที่ฉันค่อนข้างสนิท
Talk khunkao @โรงพยาบาล“กูถามว่าเมียกูอยู่ไหน !!”“ไม่รู้”“มึงจะไม่รู้ได้ยังไงวะห๊ะ!!”“นี่มันโรงพยาบาล กรุณาอย่าเสียงดัง”“มึงนี่มันวอนโดนกูกระทืบจริงๆ !!”“ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็เชิญออกไป!!”ผมพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะระงับอารมณ์ที่มันเดือดพล่านของตัวเองเอาไว้ถ้าที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาล มันเจอผมกระทืบจริงๆแน่ไอ้หมอเวร ไม่รู้มันเอาวีนัสไปซ้อนไว้ที่ไหน ผมตามหาเธอจนแทบจะพลิกกรุงเทพหาแล้วก็ไม่เจอไปอยู่ที่ไหนวะ แม่ง!!เด็กบ้านั่น โทรหาก็ไม่คิดจะรับสายผมเลยรึไง รู้บ้างมั้ยว่าผมจะเป็นบ้าตายอยู่แล้วตอนนี้ถึงผมจะลังเลว่าลูกในท้องของเธอจะใช่ลูกผมรึเปล่า ไม่สิ ต้องเป็นลูกผม เอากันขนาดนั้น จะเป็นลูกคนอื่นได้ไงวะผมยอมรับว่าที่ผมอยากให้วีนัสท้อง เพื่อที่เธอจะได้ไม่ไปยุ่งกับคนอื่น เพราะเธอมันรั้น ไม่ฟังที่ผมห้าม แล้วแม่ใหญ่ก็อยากจะมีหลาน นั่นมันเข้าทางผมเลยมันน่าหัวเสียมั้ยล่ะ ถ้าลูกในท้องของเธอไม่ใช่ลูกของผม แล้วทำไมผมต้องอยากมีลูกกับเด็กนั่นขนาดนี้ด้วยวะผมเดินหัวเสียกลับไปหาเส้นด้าย ที่ห้องพักฟื้น ด้ายอยู่โรงพยาบาลมาอาทิตย์หนึ่งแล้ว หมอดูอาการอยู่ ไม่รู้จะได้ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่“ไปไหนมา
ทะเล...วันนี้คือวันแรงที่ฉันกับพี่ขุนเขามาฮันนีมูนกัน เราเลือกมาที่ทะเล ไม่อยากไปต่างประเทศ เพราะเป็นห่วงลูกๆ เรามาฮันนีมูนกันแค่สามวันและสำหรับวันแรกของการมาทะเล มันก็ตรงกับวันครบรอบแต่งงานสิบปีของฉันกับพี่ขุนเขาพอดี ไม่รู้ว่าบังเอิญ หรือ พี่ขุนเขาตั้งใจ ให้ตรงกับวันสำคัญของเรา“ไปเดินเล่นกันมั้ย”“ค่ะ ^_^”เราจูงมือกันเดินออกจากบังกะโล และพากันเดินไปที่ริมหาด ตอนนี้พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้ว แสงแดดอ่อนๆ กระทบกับผิวน้ำทะเลมันชั่งสวยจริงๆเชื่อมั้ยว่านี่คือครั้งแรกที่ฉันเคยมาทะเล ตั้งแต่เล็กจนโตฉันไม่เคยไปไหนไกลนอกจากบ้านและโรงเรียนเลยที่นี่เงียบสงบดีจริงๆเลยนะ อาจเป็นเพราะเราเลือกมาวันที่คนอื่นเขาทำงานกัน เลยไม่ค่อยมีคน“เล่นน้ำมั้ย”“ไม่เล่....อร้ายยย” ฉันร้องออกมาเสียงหลงเมื่อ จู่ๆ พี่ขุนเขาก็ช้อนตัวฉันขึ้น ก่อนจะเดินตรงไปที่ทะเลสีฟ้าคราม“พี่ขุนเขาหนูบอกว่าไม่เล่นไง”ตู้มม!!เมื่อฉันพูดจบร่างของฉันก็ถูกพี่ขุนเขาโยนลงน้ำทันที นี่เขาได้ยินที่ฉันร้องบอกบ้างมั้ยเนี่ย“ไอ้พี่ขุนเขาบ้า หนูบอกว่าไม่เล่นไง!!” เมื่อโผล่ขึ้นมาจากน้ำได้ ฉันก็ตวาดใส่พี่ขุนเขาทันที“เวลาเปียก หนูเซ็กซี่มากเล
ภายในบ้าน“หนูชื่ออะไร” ฉันก้มลงถามเด็กน้อย เฮ้อ ดูแววตาของเธอที่มองฉันสิ ทำไมถึงเศร้าแบบนี้นะ“หนูชื่อ เหมือนฝันค่ะ น้องชื่อ ข้าวหอม” เด็กน้อยตอบฉันเสียงใส ถ้าจับอาบน้ำแต่งตัว หนูเหมือนฝัน นี่น่าตาน่ารักน่าชังมากๆเลยนะ ส่วนทารกน้อยก็น่ารักน่าชังไม่แพ้กัน ใครหน้อชั่งใจร้ายพามาทิ้งไว้ที่หน้าบ้านของฉันฉันจัดการให้ป้าช้อยพาหนูเหมือนฝันไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนข้าวหอม ฉันจะจัดการอาบน้ำให้เอง เด็กอะไรก็ไม่รู้ เลี้ยงง่ายมาก ไม่ร้องไม่งอแงในเวลาอาบน้ำเลย พออาบน้ำเสร็จฉันเอานมให้กินแล้วก็พาไปนอนในเปลของขุนแผน ตอนนี้หลับปุ๋ยไปแล้ว เลี้ยงง่ายจริงๆผ่านไปพักใหญ่ ป้าช้อยพาหนูเหมือนฝันลงมาจากชั้นสอง พออาบน้ำขัดผิวแล้วน่ารักน่าชังมากกว่าที่ฉันคิดไว้สะอีกฉันเอาข้าวให้หนูเหมือนฝันกิน เด็กน้อยกินใหญ่เลย ท่าทางเหมือนจะไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน“หนู นั่นลูกใคร” เสียงพี่ขุนเขาถามฉัน พี่ขุนเขาเดินมาพร้อมกับ ขุนราม เจ้าคุณ แล้วก็อุ้มขุนแผนมาด้วย“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ นั่งอยู่หน้าบ้าน ถามอะไรก็ไม่รู้ หนูก็ได้ให้เขามาในบ้านก่อน พี่ขุนเขาให้ลูกน้องตามหาพ่อแม่ให้ทีนะคะ” พี่ขุนเขาเพ่งมองไปที่เหมือนฝัน เธอกำลังน
หลายปีผ่านไปไวเหมือนโกหก...“ขุนรามลูก อย่าแกล้งน้อง”“เจ้าคุณเลิกเล่นเกมส์ได้แล้วลูก”ตอนนี้ฉันกำลังเก็บของเล่นที่มันกระจัดกระจายเกลื่อนพื้นไปหมด คงไม่ต้องบอกว่าฝีมือใครหรอกนะ จะมีใครสะอีก ก็เจ้าสองแฝด ขุนรามกับเจ้าคุณ ของฉันไงล่ะตอนนี้ทั้งสองอายุ8ขวบแล้ว แถมยังดื้อเอามากๆ ให้ช่วยดูน้องก็เอาแต่เล่นเกม อีกคนให้ดูน้องก็แกล้งน้องฟังไม่ผิดหรอกค่ะ ฉันมีลูกเล็กเพิ่มมาอีกคน แถมเป็นผู้ชายด้วย ชื่อ ขุนแผน จริงๆพี่ขุนเขาอยากจะได้แฝดอีก แต่ได้แค่คนเดียว แถมเขายังจะเอาอีกคน ฉันเบรคไว้แทบไม่ทัน ปิดอู่แล้วตอนนี้ เพราะแค่เจ้าสองแสบก็วุ่นแล้ว ไม่รู้ขุนแผนโตขึ้นกว่านี้หน่อยจะดื้อเหมือนพวกพี่ๆมั้ยเจ้าคุณ กับ ขุนราม เป็นแฝดก็จริง แต่หน้าตาไม่เหมือนกันเลยสักนิด เป็นแฝดคนละฝา แต่ถ้าพูดถึงความดื้อแล้วละก็ กินกันไม่ลงเลยจริงๆ ขุนรามเป็นพี่ก็จะดื้อเอามากๆ ชอบโวยวาย ส่วนเจ้าคุณ แฝดน้อง ร้ายนี้เงียบๆ แต่ดื้อไม่เบาเหมือนกัน เอาแต่ใจตัวเองมากๆอีกด้วยวันนี้พี่ขุนเขาไปที่บริษัท บริษัทของพี่เจ้าป่ากับพี่ขุนเขาหุ้นกันเปิด เปิดมาได้5ปีแล้ว ธุรกิจกำลังรุ่งเลยตอนนี้“แง๊ แง๊~” เสียงขุนแผนร้องดังลั่นบ้านฉันถึงกับถ
——วันแห่งความสุข—-ขอตัดมาวันแต่งงานเลยแล้วกัน เพราะที่ผ่านมาหลังจากที่พี่ขุนเขาขอฉันแต่งงานเราก็วุ่นๆกันทั้งคู่ ทั้งหาฤกษ์แต่งงาน จัดเตรียมสถานที่ การ์ด อะไรอีกหลายๆอย่างเราสองคนจัดพิธีแต่งงานแบบไทยๆ ชุดแต่งงานก็เหมือนกัน ฉันใส่ชุดแบบไทยๆ ไม่ได้หรูหราอะไรมากมายพิธีแต่งงานจัดขึ้นที่บ้านของฉัน ไม่ได้จัดงานใหญ่โตอะไร เป็นงานเล็กๆ และก็เชิญแค่ญาติที่สนิทเท่านั้นตอนนี้แม่กำลังตอนรับแขกอยู่ข้างนอกกับป้านิ่มวันนี้ฉันคุยกับเจ้าตัวน้อยที่อยู่ในท้องแล้ว บอกว่าห้ามกวนแม่นะวันนี้ และดูเหมือนว่าลูกน้องของฉันจะเชื่อฟังซะด้วย เพราะตั้งแต่ตื่นมาแต่งหน้าแต่งตัว จนถึงตอนนี้ ฉันไม่มีอาการพะอืดพะอมอยากจะอ้วกเลย“ตื่นเต้นหรอเรา” เจ้แอมเปิดประตูเข้ามาในห้องก่อนจะเอ่ยถาม เจ้แอมเป็นเพื่อนเจ้าสาว แล้วก็มีกรีน มีนัตตี้ แต่สองคนนั้นยังแต่งตัวกันอยู่ คงจะเอาให้สวยกว่าฉันเลยละมั้ง“ตื่นเต้นสิเจ้” บอกตามตรงว่าตอนนี้มือไม้ฉันสั่นไปหมดทั้งที่เคยแต่งงานกับเขามาแล้วครั้งหนึ่งแท้ๆ แต่ความรู้สึกของฉันราวกับว่านี่คือครั้งแรกที่ฉันกำลังจะได้แต่งงาน“เจ้าบ่าวใกล้จะมาถึงแล้วนะ” ยิ่งเจ้แอมพูดแบบนี้ฉันยิ่งตื่นเต้นไปกันใ
พอได้ยินพี่เส้นด้ายพูดออกมาแบบนี้ ฉันก็หันขวับไปมองหน้าของพี่ขุนเขาทันที เพราะอยากจะรู้ว่าตอนนี้อาการของพี่ขุนเขาเป็นยังไงตอนนี้พี่ขุนเขามองพี่เส้นด้าย แต่เขาไม่ได้ตอบอะไร“ถ้างั้นก็คุยกันไปแล้วกันค่ะ เดี๋ยวหนูไปรอที่รถ” ฉันบอกพี่ขุนเขาออกไป ถามว่าประชดมั้ย ใช่!! ฉันประชด แต่ถ้าเขาจะคุยกัน จริงๆ ฉันก็ห้ามอะไรไม่ได้หรอก“หนู...” พี่ขุนเขารั้งแขนฉันเอาไว้ก่อนที่ฉันจะเดินไป“ก็คุยไปสิ” ฉันพูดกระแทกเสียงใส่พี่ขุนเขา เขากำลังทำให้ฉันหงุดหงิด“ขุนเขา...” พี่เส้นด้ายเรียกพี่ขุนเขาอีกครั้ง“ด้าย คุณก็มากับแฟนคุณไม่ใช่รึไง คนที่คุณควรให้ความสนใจคือแฟนคุณนะ”“แต่...”“ตอนมีเขาอยู่ ไม่เห็นจะอาลัยอาวรณ์ ตอนนี้เป็นบ้ารึไง” ฉันพูดออกไปอย่างเหลืออด เพราะฉันก็ทนมามากแล้วเหมือนกัน“นี่แก หุบปากไป ฉันจะคุยกับขุนเขาไม่ใช่แก”“ด้าย!! เราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้ว” พี่ขุนเขาพูดขึ้นก่อนที่ฉันจะพูด“ขอคุยแค่แปปเดียวก็ไม่ได้หรอ”“หน้าด้าน มาขอคุยกับผัวคนอื่น”“นี่ก็ผัวฉันเหมือนกัน !!”“แต่ตอนนี้เขาเป็นผัวหนู เรากำลังจะมีลูกด้วยกัน พี่มายุ่งอะไรด้วย!!”“หนู พอแล้วคนอื่นมองเยอะแล้ว” พี่ขุนเขาร้องห้ามฉัน ทำไมไ
“พี่นั่นแหละ จะเป็นใครได้ล่ะ”พี่ขุนเขายิ้มออกมาอย่างพึ่งพอใจในคำตอบของฉันหลังจากที่เราทั้งคู่ต่างจ้องตากันนานพอสมควร พี่ขุนเขา ค่อยๆ โน้มใบหน้าลงมาใกล้ฉันเรื่อยๆ จนกระทั่งริมฝีปากของเราทั้งคู่แตะโดนกันก๊อกๆ ก๊อกๆ (เสียงเคาะประตูห้อง)จู่ๆ เสียงเคาะห้องก็ดังขึ้น ฉันรีบผลักพี่ขุนเขาออกทันที“ใครวะ !!” พี่ขุนเขานั่งบนปลายเตียงเขายกมือขึ้นมายีผมตัวเองแรงๆ ก่อนจะสบถออกมาอย่างหัวเสียก๊อก ก๊อกๆ“วีนัสลูก อยู่ในห้องรึเปล่า” คนที่เคาะห้องคือแม่นี่เอง“ยะ อยู่จ้ะแม่”ฉันรีบลุกขึ้นจากเตียงแล้วไปเปิดประตูให้แม่ เมื่อเปิดประตูออก แม่กำลังจะพูดอะไรสักอย่าง แต่แม่หยุดชะงัก แล้วก็มองผ่านตัวฉันเข้ามาด้านในห้อง ก่อนที่แม่จะมองหน้าฉันแล้วก็ยิ่มน้อยยิ้มใหญ่“ใจอ่อนเเล้วใช่มั้ย” แม่ถามฉันฉันเม้มปากเข้าหากันแน่น มันอายที่จะตอบนะ เพราะก่อนหน้านี้ฉันยังบอกแม่ว่าจะไม่ให้อภัยพี่ขุนเขาอยู่เลย“งั้นแม่ไม่กวนแล้ว ทำต่อเถอะ”“แม่!!” ฉันทำหน้างอใส่แม่ ก็แม่นะสิ คงคิดว่าฉันกำลังจะทำอะไรกับพี่ขุนเขาอยู่แน่ๆเลย ถึงเราสองคนกำลังจะทำแบบนั้น จริงๆ ก็เถอะ“แม่พูดผิดรึไง แต่ เบาๆ หน่อยนะ เดี๋ยวจะกระทบถึงลูกเอา” เเม่เอ
พูดจบฉันก็เดินไปหยิบเค้กขึ้นมา ก่อนที่จะส่งยิ้มหวานให้พี่ขุนเขา แต่ดูท่าเขาจะไม่เข้าใจในการกระทำของฉันสักเท่าไหร่พี่ขุนเขายังคงร้องไห้อยู่ แล้วก็มองหน้าฉันด้วยอาการมึนงง“เทียนละคะ”เมื่อฉันถามหาเทียน พี่ขุนเขาก็รีบหมุนตัวกลับไปก้มหยิบถุงที่เอาใส่เค้กมา ข้างในนั้นมีกล่องเทียนอยู่ เมื่อได้เทียนแล้ว พี่ขุนเขาก็จัดการปักเทียนลงเค้ก เขาทำไปร้องไห้ไปเหมือนเด็กเลย“ถ้าร้องไห้แบบนี้ หนูจะไม่เป่าเค้กแล้วนะ” ฉันทำตาดุใส่พี่ขุนเขา เมื่อพี่ขุนเขาเห็นว่าฉันพูดขู่ไปแบบนั้น เขาก็รีบยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาออกจากแก้มของตัวเองทันที และพยายามที่จะหยุดร้องพี่ขุนเขาล้วงเมื่อเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเอง หยิบไฟแช็กออกมาจุดเทียนวันเกิด“เอ้า เงียบทำไม จุดเทียนเสร็จแล้วก็ร้องเพลงวันเกิดสิคะ” ฉันบอกพี่ขุนเขา เมื่อเขาเอาแต่ก้มหน้าเงียบ“อ้อ อื้อ..” พี่ขุนเขาพยักหน้าตอบหงึกๆ“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู....~” 🎵เสียงเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ดังขึ้นจากต้นจนจบ เมื่อจบเสียงเพลง ฉันก็จัดการเป่าเค้กวันเกิด ก่อนจะฉีกยิ้มหวานให้พี่ขุนเขาอีกครั้ง แต่ดูท่าพี่ขุนเขายังคง งง กับเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่นี่เขาดูไม่ออ
พี่ขุนเขาทำท่าเหมือนกำลังขุ่นคิดอะไรอยู่สักพัก จู่ๆ เขาก็ลุกขึ้นยืนถอดเสื้อออก จากนั้นก็ถอดกางเกง“จะทำอะไร !!” ฉันถามไปเมื่อพี่ขุนเขากำลังจะถอดบล็อกเซอร์ของตัวเองออก นี่อย่าบอกนะว่าจะแก้ผ้าวิ่งรอบหมู่บ้าน จริงๆ เป็นบ้าไปแล้วรึไง“ก็หนูบอกว่าถ้าพี่ยอมแก้ผ้าวิ่งรอบหมู่บ้าน หนูจะให้อภัยพี่“หยุด หยุดเดี๋ยวนี้นะ !!” ฉันร้องห้าม เพราะพี่ขุนเขากำลังจะถอดบล็อกเซอร์ออกจากตัว“ทำไม”“ไม่ต้องทำ แล้วก็ออกไปจากห้อง”“หนู...พี่ยอมทำทุกอย่าง แค่หนูบอกมา”“ออกไป หนูบอกให้ออกไป”“หนู....”“ได้ ถ้าไม่ไปหนูไปเอง!!”พูดจบฉันก็ลุกขึ้นเดินนออกมาจากห้องของตัวเองทันที ขืนอยู่ต่อฉันคงต้องใจอ่อนให้พี่ขุนเขาจริงๆแน่“พี่หมอ !!” ฉันอุทานออกมา เมื่อเดินออกมานอกบ้านแล้วเจอกับพี่หมอที่กำลังเดินมาทางฉัน ในมือพี่หมอถือของเต็มไม้เต็มมือไปหมด“ทำไมทำหน้าเหมือนเจอผีแบบนั้น”“ปะ เปล่าสะหน่อย”“แล้วนี่แม่ตัวเล็กล่ะ พี่ซื้อของมาให้เยอะแยะเลย”“แม่ไป....”“แม่ไม่อยู่ อยู่แต่ผัว”ฉันกำลังจะตอบพี่หมอ แต่ไม่ทันที่จะได้พูดจบ เสียงของพี่ขุนเขาก็พูดแทรกขึ้นมาจากทางด้านหลังของฉันพี่หมอมองหน้าพี่ขุนเขา แต่ดูท่าพี่หมอจะไม่แปลกใจเ
เช้าวันใหม่...เฮือก....ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมา ก่อนจะมองไป ข้างๆ กายปรากฎร่างของพี่ขุนเขานอนอยู่ ข้างๆ กับตัวฉัน แถมตอนนี้เขาลืมตาทำตาใสส่งมาให้ฉันอีกต่างหาก“ออกไปเลยนะ” ฉันพูดเสียงแข็ง เมื่อคืนฉันทำอะไรลงไป เผลอตัวไปแบบนั้นได้ยังไงกัน“ขอนอนอยู่แบบนี้อีกหน่อยไม่ได้หรอ” พี่ขุนเขาพูดเสียงออดอ้อนใส่ฉัน ดูเขาทำหน้าสิ อย่างกับเด็กสามขวบ“อย่าเยอะได้มั้ย”“เมื่อคืนหนูเร้าร้อนมากเลยนะ ^_^”“พี่ขุนเขา หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ!!” ฉันตวาดใส่หน้าเขา คนบ้า ทำไมต้องมาพูดเรื่องแบบนั้นด้วย หน้าอายที่สุดจู่ๆ ใบหน้าของฉันมันก็เห่อร้อนขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ไม่สิ สาเหตุก็เรื่องอย่างว่าที่พี่ขุนเขาพึ่งพูดออกมาไงล่ะ“พี่พูดผิดตรงไหน ก็เมื่อคืนเรามีอะไรกัน ตัวเล็กครางเสียงดังลั่นบ้าน จำไม่ได้หรอ หื้ม^_^” ไม่พูดเปล่า พี่ขุนเขาถือวิสาสะเอามือขึ้นมากดร่างฉันให้นอนราบไปกับที่นอนเหมือนเดิม ก่อนจะกอดฉันเอาไว้แน่น“บอกให้ออกไปไง ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไง !!” ฉันตวาดเสียงดังอีกครั้ง“อยากให้ฝนตก บ่อยๆ จัง หนูจะได้ให้พี่เข้ามาอยู่ในห้องด้วย บ่อยๆ ^_^” พี่ขุนเขาพูดพร้อมกับกำชับกอดแน่นกว่าเดิม แค่นั้นยังไม่พอ เขายังขโมยห