เช้าวันต่อมา..เนเน่ขับรถพาลูกสาวทั้งสองคนมาหาพ่อของเขา หน้าตาเพลินลินกับเพลงพิณดูสดใสร่าเริงกว่าทุกวันที่ผ่านมา ทั้งสองคนใจจดใจจ่อเอาแต่มองออกไปนอกรถมาตลอดทั้งทางโดยที่คนพี่เกาะกระจกข้างรถมองและคนน้องชะเง้อมองหน้ารถ ทันใดนั้นรถยนต์คันหรูก็เลี้ยวเข้ามาจอดหน้าบ่อนโจร เธอหันไปมองลูกๆหลังจอดรถสนิท อดอมยิ้มพร้อมทั้งส่ายหน้าไม่ได้เมื่อเห็นท่าท่างตื่นเต้นของเด็กหญิงทั้งสองคนดูน่าเอ็นดูไม่น้อย ก่อนสองคนพี่น้องจะหันมามองกลับไล่เลี่ยกันด้วยสีหน้าสงสัย "พร้อมจะเข้าไปหาคุณพ่อกันหรือยังคะ" หญิงสาวเอ่ยถามออกไป"นี่ปวกเยาตึ๊งป้านจุนป้อกานแย้วหย๋อกะ (นี่พวกเราถึงบ้านคุณพ่อกันแล้วเหรอคะ)" เป็นเพลินลินถามกลับ แล้วขมวดคิ้วหันไปมองบ้านสามชั้นตรงหน้าที่มีรถจอดอยู่เต็มไปหมด ขณะเพลงพิณค่อยๆเกาะตัวพี่สาวลุกขึ้นมองตาม"ใช่ค่ะ""เย้ๆ ปร้อมกะน้อนเปลินจับน้อนกิดตึ๊งจุนป้อจายจากาดแย้ว (พร้อมค่ะน้องเพลินกับน้องคิดถึงคุณพ่อใจจะขาดแล้ว)"ก๊อก! ก๊อก!ยังไม่ทันที่เนเน่จะได้พูดอะไรต่อเสียงเคาะกระจกรถฝั่งคนขับดังขัดจังหวะขึ้นทำให้เธอชะงักหันไปมอง ก็เห็นว่าเป็นบอล เธอเลยเลื่อนกระจกรถลง พอบอลเห็นว่าเป็นคนที่คุ้นเคยถึง
"ครั้งแรกเลยที่ผมได้เห็นพี่เพลิงยิ้ม" บอลโพล่งแซวหลังยืนฟังคำสนทนาและมองการกระทำของเจ้านาย ตะลึงไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นมุมนี้ทุกทีเห็นแต่มุมเคร่งขรึมกับอมทุกข์เพลิงหุบยิ้มหันไปมองเจ้าของคำพูดเขม็ง คนถูกมองยิ้มแหยให้ในนาทีต่อมารีบก้มหน้าหลบสายตาดุดัน "จะยืนก้มหน้าอยู่ตรงนี้อีกนานไหม หรือจะรอให้กูไล่ออก" เมื่อเห็นลูกน้องยังยืนก้มหน้าเฉยไม่รีบออกไปเขาจึงถามออกมาเสียงแข็ง ทำให้บอลเงยหน้ามองในทันทีแล้วทำท่าอึกอักปฏิเสธออกไป"เอ่อ..ปะ..เปล่าครับ" เพลิงดึงสายตากลับมามองเนเน่กับลูกที่กำลังนั่งมองเขาอยู่ตาแป๋วหลังลูกน้องเดินออกไปพ้นประตู ริมฝีปากหนาแสยะยิ้มให้ทำเอาเธอระอาสะบัดหน้าหนี@โตเกียว (ประเทศญี่ปุ่น)"เป็นอะไรของป๊า" ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำปลดกระดุมคอเสื้อเชิ้ตสีขาวเดินเข้ามาในห้องประชุมของบริษัทตัวเอง เห็นผู้เป็นพ่อที่นั่งทำหน้าไม่สบอารมณ์อยู่บนเก้าอี้ประธาน"ก็ม๊าลูกอะดิขัดคำสั่ง ปล่อยให้เจ้ลูกไปทำงานที่บริษัท" โน่ตอบคำถามของลูกชายคนเล็กอย่างหงุดหงิดขณะที่เนตินกำลังหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ ทั้งที่เขาก็สั่งห้ามปล่อยลูกสาวออกไปไหนแม้กระทั่งไปทำงานแต่เธอกลับขัดคำสั่งซะงั้นคิดจะทำอะไรของเธอกันแ
"ลูกอยากมา" เพลิงหันมาตอบกลับหน้าตาเฉย พร้อมกับกดปลดเข็มขัดนิรภัยออก"ลูกบอกตอนไหนไม่เห็นได้ยิน.." ได้ยินอย่างนั้นเนเน่รีบสวนกลับทันควัน ก่อนชะงักไปเมื่อนึกถึงตอนที่เขากลับเข้ามานั่งเล่นกับลูกหลังทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้ว ต้องเป็นตอนที่กระซิบกระซาบกันอยู่สามคนแน่ๆเพราะเธอลูกพยักหน้าทำท่าทางดีอกดีใจใหญ่"ก็ลูกบอกฉันเธอจะได้ยินได้ไง" ริมฝีปากหนาเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ ขณะที่เธอฟึดฟัดน้อยใจที่ลูกไม่บอกตนและเห็นเขาสำคัญกว่า"พาฉันกับลูกกลับเดี๋ยวนี้" "จะเสียงดังทำไมลูกหลับอยู่ไม่เห็นรึไง" เขาเอ็ดเธอ คนถูกเอ็ดรีบยกมือข้างหนึ่งขึ้นปิดปากด้วยความลืมตัว พลางชายตามองไปยังเบาะหลังแล้วถอนหายใจโล่งอกพอเห็นว่าลูกยังไม่ตื่น ถ้าตื่นตอนนี้มีหวังงอแงแน่เพราะเพิ่งจะนอนไปได้ชั่วโมงกว่าๆเอง"ก็พากลับสิ" "ลูกยังไม่ทันจะได้เห็นทะเลเลยให้พากลับแล้ว? เป็นแม่ที่โคตรใจร้ายเลยรู้ตัวปะ" "แล้วใครใช้ให้นายเกริ่นทำให้ลูกอยากมาล่ะ คิดจะทำอะไร" ดวงตากลมโตหลี่มองใบหน้าคมคายอย่างจับผิด เด็กตัวแค่นี้ไม่มีทางบอกให้พามาทะเลเองแน่ถ้าเขาไม่พูดถึง "....." เพลิงยักไหล่ไม่ยี่หระ ที่เขาพาเนเน่กับลูกมาที่นี่ก็แค่อยากใช้เวลาส่วนตัว
หัวค่ำในห้องพักบนเรือยอชท์ เพลิงนั่งพิงพนักหัวเตียงอ่านนิทานในหนังสือที่เนเน่ได้เตรียมมาด้วยกล่อมเพลินลินและเพลงพิณโดยมือข้างหนึ่งลูบหัวศีรษะทุยเล็กของลูกสลับกันไปด้วย เด็กหญิงคนน้องแหงนหน้าฟังกอดตุ๊กตาแมวสีฟ้าตัวกลางๆตาเคลิ้ม ส่วนคนพี่ดูดนมฟังตาเคลิ้มเช่นกันเนเน่ยืนมองยิ้มปลื้มปริ่ม ก่อนจะเดินหอบเสื้อผ้าเปียกหมาดๆมาวางลงบนเก้าอี้หน้ากระจก เอื้อมมือไปหยิบชุดนอนเชิ้ตสีขาวพร้อมกับกางเกงขาสั้นที่ชายหนุ่มได้จัดเตรียมไว้ให้หน้าตู้ขึ้นมาสวมใส่ หลังจากเธอเพิ่งทำความสะอาดชำระร่างกายและซักเสื้อผ้าที่ใส่แล้วของตัวเองกับเขาและลูกเสร็จ “หญิงชราในคราบหญิงสาวที่กลับโรยตัวลงมาจากหอคอย โดยการห้อยตัวลงมากับผมของใครสักคนที่ยาวเอาการ เมื่อเห็นว่ากอเทลได้ออกไปแล้ว เขาก็ได้เรียกคนที่อยู่ข้างบนเช่นเดียวกับที่กอเทลทำ..” ดวงตาคมกริบของเพลิงเหลือบมองเธอเป็นระยะโดยที่ปากนั้นขยับเล่าเรื่องไม่ขาดตอน แม้กระทั่งอีกฝ่ายเปิดประตูหอบเสื้อผ้าหมาดๆออกไปก็หยุดไม่ได้เพราะไม่อยากรบกวนลูกที่กำลังเคลิ้มๆกันอยู่ “ราพันเซลจึงทำการรักษาให้เขาโดยการนำผมไปพันไว้ที่มือของฟลินน์แล้วร้องเพลง เรื่องนี้ยิ่งทำให้ฟลินน์ตกใจเข้าไปใหญ
"....." ได้ยินอย่างนั้นเท้าใหญ่ก็ชะงักไป พลางหันเสี้ยวหน้าคมเหล่ตามองเจ้าของคำพูดเร้า เธอฟอร์มทำหน้าเคร่งขรึมคิดว่าเขาจะเลิกยอมแพ้แล้วกลับมาสู้ แต่ในนาทีต่อมาเปล่าเลยเขากลับเมิน ยกขาก้าวข้ามราวสเตนเลส "เพลิง!" การเมินเฉยของอีกฝ่ายทำให้เนเน่ตกใจเข้าไปใหญ่เผลอเรียกชื่อเขา แล้วตะลีตะลานวิ่งเข้าไปคว้าตัวเขาไว้ไม่ให้กระโดดลงไป "ทำบ้าไรของนาย เข้ามา""มาห้ามทำไม เธออยากให้ฉันตายมากไม่ใช่เหรอ" เขาหันมาถาม หญิงสาวแทบอยากกุมขมับ ไม่อยากจะเชื่อว่าคนฉลาดอย่างเขาจะกลายมาเป็นคนบื้อดูเธอไม่ออกแบบนี้"เหอะ! อุตส่าห์สู้มาตั้งนานจะมายอมแพ้เอาง่ายๆแบบนี้ ไม่เหมือนกับเป็นตัวนายเลยนะ" เธอสถบคำสวนกลับอย่างไม่เข้าใจ "ฉันไม่ได้ยอมแพ้..ที่ฉันทำเพราะอยากได้โอกาสจากเธอไงเนเน่" "แบบนี้เขาเรียกว่ายอมแพ้ นายไม่ได้อยากได้โอกาสจากฉันจริงๆหรอก เพราะถ้านายอยากได้โอกาสๆจริงๆนายจะสู้และหาทางทำให้ฉันให้โอกาสในวิธีอื่น""ก็แล้วแต่เธอจะคิด ถ้าคิดว่าฉันไม่ได้อยากได้โอกาสจากเธอจริงๆแล้วมาห้ามทำไม ไม่ปล่อยให้ฉันกระโดดลงไปล่ะ" "อยากกระโดดลงไปมากใช่ไหม.." เนเน่เริ่มโมโหเมื่อเพลิงดึงดันที่จะไม่สู้หรือคิดจะกวนประสาทเธอก็ไม่
"....." เธอพ่นลมหายใจออกมาอีกครั้งหนักๆอย่างเอือมระอา แต่ทว่าขี้เกียจจะเถียงด้วยเลยปล่อยให้ชายหนุ่มอุ้มกลับโดยไม่ขัดขืน แม้ลึกๆเจ้าตัวก็ไม่ค่อยจะไว้ใจเขาสักเท่าไหร่หรอกกลัวๆด้วยซ้ำกลัวเขาจะทำอะไรมากกว่านั้นใบหน้าสวยซบเข้าหาแผงอกแกร่ง พร้อมกับแขนนั้นกระชับลำคอหนาแน่นกันตกโดยมีสายตาคู่คมของเพลิงเหลือบลงมองขณะที่กำลังก้าวลงบันไดมา เวลาเห็นเธออ้อนมันดูน่ารักเอามากๆเลยจนเขาหุบยิ้มไม่ได้แกร๊ก!ทันทีที่ประตูถูกผลักเข้าไปเนเน่รีบหันขวับไปมองลูกสาวทั้งสองคนบนเตียงนอนด้วยความเป็นห่วงว่ายังนอนอยู่ดีไหม แต่กลับพบแต่ความว่างเปล่าทำให้เธอรีบกวาดสายตาไปมองรอบๆจึงทำให้รู้ว่านี่ไม่ใช่ห้องเดิมที่อยู่ในตอนแรก ว่าแล้วต้องเป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด รู้เลยว่าเขาคิดจะทำอะไรและบอกเลยเธอไม่มีทางยอมทรมานกับรสนิยมซาดิสม์ของเขาอีกแล้ว ที่สำคัญเธอเป็นห่วงลูกด้วยไม่อยากปล่อยให้นอนกันตามลำพัง"คนอย่างนายมันไว้ใจไม่ได้เลยสักนิด" เธอหันกลับมาเหวใส่คนเจ้าเล่ห์เสียงเขียว แล้วพยายามดีดตัวลงจากอ้อมแขนของเขา แต่ก็ไม่เป็นผล"ไว้ใจไม่ได้ตรงไหน? ฉันก็พาเธอกลับมาห้องไหม" เพลิงถามกลับเสียงเรียบ ตามด้วยหน้ามึนบอกต่อ"ฉันจะก
เช้าวันรุ่งขึ้น..อาทิตย์ทอแสงที่มาพร้อมสายลมอ่อนๆพัดพลิ้วมาทักทายคนบนเรือยอชท์คันหรูที่ยืนอุ้มลูกสาวกันคนละคนรอจะลงอยู่ท้ายลำเรือ ขณะที่เรือนั้นกำลังถอยมาเทียบฝั่งเมื่อถึงที่หมายเด็กๆดูตื่นเต้นดีใจกันมากร้องอยากเล่นน้ำมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วจะได้สมดั่งใจหวังสักที ชายหนุ่มถือวิสาสะสอดมือเข้าไปประสานกับหญิงสาว เธอหันมองหน้าเขาโดยไม่ว่าหรือขัดขืน ก่อนเขาจะจูงลงฝ่าเกลียวคลื่นซัดเข้าหาฝั่งไปเพื่อหาตากับยาย ไม่รู้ว่าป่านนี้ตากับยายนั้นได้ออกไปดักหากุ้ง หอย ปู ปลาอย่างที่ทำประเป็นประจำแล้วหรือยัง เพราะตอนที่เขารักษาตัวอยู่ที่นี่บางวันก็เห็นไปเช้าบางวันก็สายหน่อยตามสภาพร่างกายระหว่างทางเนเน่กับเพลิงหันมองวิถีชีวิตของชาวบ้านบนเกาะที่บ้างก็ปีนเก็บมะพร้าวบ้างก็ถืออวน กะละมัง และอีกมากมายตามที่เพลินลินกับเพลงพิณผลัดกันชี้ถาม เห็นอย่างนั้นเธออดจะหันหน้ากลับมาถามเขาออกไปไม่ได้"คนที่นี่เขาตื่นเช้ามาทำแบบนี้กันทุกวันเลยเหรอ""อืม มันเป็นอาชีพของพวกเขา" เพลิงหันไปพยักหน้าตอบ ตามด้วยบอกสั้นๆ "อ๋อ น่าสนุกเนอะ" เธอพยักหน้าเข้าใจ พลางเกริ่นหันไปมองต่อ อาชีพบนเกาะนี้แปลกตาและน่าตื่นเต้นสำหรับเธอมาก เนื่
เสือ เล้ง ตี๋มาก รวมไปถึงแคทกับแคนดี้ก็เป็นอีกคนที่หนักใจและต่างก็ห่วงเพื่อนกับหลานตัวเอง โดยเฉพาะฝ่ายแรกเดือดเนื้อร้อนใจอย่างเห็นได้ชัดพยายามช่วยกันคิดว่าที่ไหนบ้างเจ้าตัวจะไปเล้งคาดเดาว่าเพลิงต้องพาเนเน่กับลูกไปที่บ้านพักตากอากาศที่สีชังอีกแน่ๆ เพราะคอนโดหญิงสาวถูกขายไปแล้วก็เหลืออยู่ที่เดียวที่เพื่อนรักจะไป ทุกคนเลยต้องชิ่งพากันขับรถตามมาหาถึงที่ตั้งแต่รุ่งเช้าเพื่อจะบอกให้รีบพากันกลับก่อนที่พวกลูกน้องนายใหญ่จะเจอ อย่างน้อยยังช่วยกันหาทางแก้ต่างได้บ้างเบื่อที่จะเห็นเพื่อนรักมีบาดแผลบนร่างกายแล้ว ตอนนี้อยากเห็นเพื่อนรักมีความสุขมากกว่า"ไอ้เพื่อนเวรนี่..มันคิดว่าตัวเองเป็นมนุษย์หินรึไงขยันรนหาเรื่องเจ็บตัวตลอด!" ตี๋บ่นออกมาด้วยความหงุดหงิดปนเป็นห่วงทันทีที่เดินกลับเข้ามาหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟาในบ้านพักพร้อมกับทุกคน ตั้งแต่มาถึงพวกเขาก็เจอแค่รถยนต์ป้ายแดงของเจ้าตัวที่เพิ่งถอยมาใหม่จอดอยู่ จึงรีบแยกย้ายกันออกตามหาบริเวณรอบๆแต่ก็ไร้วี่แวว จะมีก็แต่รอยเท้าเดินมุ่งหน้าไปริมหาด"คนไม่เคยมีความรักอย่างมึงไม่เข้าใจหรอก..ที่มันขยันทำแบบนี้ก็เพราะอยากอยู่กับคนที่มันรัก" เป็นเสือหันไปตอกกลับอย่
“อ้าว มาถึงกันตั้งแต่ตอนไหน” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อเดินกลับเข้ามาในบ้านตัวเองช่วงพลบค่ำพร้อมกับหลานชาย แล้วเห็นหญิงสาวเดินลงมาจากชั้นสองพร้อมชายหนุ่มร่างสูงกำยำคงจะเป็นหลานเขยสินะ หน้าตามันคุ้นๆแฮะเหมือนเคยเจอที่นี่ไหน?“คุณปู่ สวัสดีค่ะ” เนเน่ยกมือขึ้นประนมไหว้ ก่อนเธอจะเร่งฝีเท้าเข้าไปกอดผู้เป็นปู่อย่างที่เคยทำเวลามาหา “คิดถึงจังเลย” “อะ ขี้อ้อนเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน” นุลูบศีรษะทุยเบาๆกอดหลานกลับ ทั้งก้มหอมกุมผมให้หายคิดถึงคูลจ้องมองคนข้างหลังพี่สาวไม่วางตา เห็นอย่างนั้นเพลิงเองก็จ้องกลับไปเช่นกันด้วยสีหน้าเชิงมีคำถาม ว่าเด็กหนุ่มได้มีปัญหาอะไรกับเขาหรือเปล่า เด็กหนุ่มนิ่งเลือกที่จะเดินเลี่ยงขึ้นไปชั้นสอง แม้จะคับแค้นใจไม่น้อยกับเรื่องที่เพลิงได้เคยกระทำต่อเนเน่ แต่เขาก็ไม่อยากจะยุ่งปล่อยให้เจ้าตัวนั้นเลือกทางเดินของชีวิตเอาเอง“ทำไมวันนี้คุณปู่กลับมาเย็นจังคะ” ใบหน้าสวยแหงนถาม ในขณะที่ยังคงแนบชิดกับอกแกร่งของปู่และกอดเอวท่านอยู่หลวมๆ“แวะไปตีกอล์ฟกับเพื่อนมาน่ะ แล้วนี่เจ้าสองแสบปู่อยู่ไหน” นุตอบพร้อมกวาดสายตามองรอบๆ เมื่อไม่เห็นเหลนตัวน้อยทั้งสองคนจึงถามหา“น่าจะอยู่กับคุณย
“หนูม่ายต้ายหวันจาห้ายทินยดโตดห้ายจุนป้อนะกะถ้าทินม่ายเท็มจาย หนูแค่หยาดห้ายทินพ่อยวางห้ายจุนแม่กับปวกหนูต้ายเยือกกู้ซีวิดแยะป้อกานเอนต้ายมายกะ ห้ายกวามสุดปวกเยาต้ายมาย (หนูไม่ได้หวังจะให้ตินยกโทษให้คุณพ่อนะคะถ้าไม่เต็มใจ หนูแค่อยากให้ตินปล่อยวางให้คุณแม่กับพวกหนูได้เลือกคู่ชีวิตและพ่อกันเองได้ไหมคะ ให้ความสุขพวกเราได้ไหม)”“จะให้น้ามั่นใจได้ยังไงว่าสิ่งที่พวกหนูกับแม่หนูเลือกมันดีที่สุดแล้ว คนมันสันดานโจรทำเลวมาตั้งแต่เด็ก คิดเหรอว่ามันจะกลับตัวกลับใจมาเป็นผัวที่ดีพ่อที่ดีให้หนูกับแม่หนูได้”“ถึงผมจะเคยเลวเคยทำไม่ดีทำร้ายเนเน่กับลูก แต่ผมสัญญา..ต่อจากนี้ไปผมจะเป็นสามีที่ดีให้กับเธอจะเป็นพ่อที่ดีให้กับลูก จะรักและดูแลพวกเขาให้ดีที่สุดยิ่งกว่าชีวิตของผม” เพลิงละอายใจเอ่ยขัดบอกออกมาเองตามความรู้สึกหลังยืนนิ่งฟังลูกช่วยอยู่นาน ชายหนุ่มไม่ได้ขี้ขลาดที่จะเผชิญหน้าขอให้เด็กหนุ่มเห็นใจยอมไว้ใจให้โอกาสเขาได้ชดเชยในสิ่งที่เคยกระทำกับหญิงสาวและลูกสาวทั้งสองคน แต่แค่ไม่อยากจะมีปัญหาเพิ่มอีก เลยเลือกจะอยู่นิ่งๆ อะไรที่ยอมได้ก็ยอมทว่าลูกคนเล็กกลับช่วยพูดขอจนเขาอดที่จะอยู่เฉยๆไม่ได้ ไม่อยากให้ลูกนั
เย็นวันเดียวกันเสือกำลังขับรถพาแคทและแคนดี้มาหาเพื่อนรักของพวกเธอกับหลานสาวหลังจากที่ทั้งสามคนพากันไปวัดไซส์ตัดชุดแต่งงาน พร้อมกับเลือกโปสต์การ์ดและของชำร่วยรวมไปถึงสถานที่มาเสร็จสรรพ ฟังไม่ผิดหรอกเสือกับแคทกำลังจะแต่งงานกันปลายเดือนหน้านี้แล้วโดยมีแคนดี้จัดการแนะนำจองร้านดังงานดีระดับประเทศซึ่งเป็นของพี่สาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องไว้ให้ทั้งนำทางมา ตามจริงเนเน่ต้องมาด้วยแต่เพราะติดที่ลูกงอแงคิดถึงน้าชายไม่หยุดจึงมาด้วยไม่ได้ เขาเลยต้องพาแวะไปหาเนี่ยแหละทันทีที่รถเลี้ยวเข้ามาจอดสนิทแล้วการ์ดได้เปิดประตูให้ แคนดี้ก็รีบก้าวลงจากรถ ก่อนจะเดินตัวปลิวนำหน้าเพื่อนกับแฟนเพื่อนไปอย่างไม่รีรอ“นี่แคนดี้แกจะรีบไปไหนเนี่ย กลับมาช่วยถือของเล่นหลานก่อนเลยนะ..อย่าเนียนเดินตัวปลิว” แคทหันมาร้องเรียก ขณะกำลังเดินไปหยิบของเล่นที่ซื้อมาฝากหลานสาวหลังรถคนถูกเรียกได้ยินก็หยุดฝีเท้าหมุนตัวกลับมาทำหน้าเจือนๆด้วยความลืมว่ามีของที่ตัวเองซื้อมาให้หลานด้วย “แหะๆ ฉันลืม”“ลืมตลอดแหละแกอะ” ใบหน้าหวานส่ายระอากับนิสัยตีเนียนของเพื่อนรัก พลางหยิบถุงยื่นไปให้สามถุงแคนดี้แบะปากยักไหล่ไม่ยี่หระอุตส่าห์จะตีเนียนสักหน่อยโ
หนึ่งเดือนต่อมา..ชีวิตครอบครัวของเนเน่และเพลิงดำเนินกันมาอย่างมีความสุขปะปนกับความทุกข์ใจเรื่องเนติน นับตั้งแต่คืนวันนั้นเจ้าตัวก็ขาดการติดต่อจากคนที่บ้านไปเลย แม้ว่าเนเน่กับคนอื่นๆในครอบครัวพยายามติดต่อไปหาเท่าไหร่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมรับสาย ไม่ว่าจะติดต่อผ่านทางลูกน้องคนสนิท ลูกพี่ลูกน้องหรือตายาย พอทุกคนยื่นสายไปให้เนตินก็จะรีบเดินหนีไปทันทีจนคนอื่นๆเอือมระอาเลิกติดต่อไป เหลือเพียงแต่เธอที่ยังคงดั้นด้น“จุนแม่ก๋า.. (คุณแม่ขา)” “หือ?” เจ้าของใบหน้าสวยเลิกคิ้ว พลางช้อนตามองลูกสาวคนเล็กตรงหน้าที่เอ่ยเรียกตนขึ้นขณะนั่งยกโทรศัพท์มือถือแนบหูพยายามต่อสายหาน้องชายครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่บนเบาะคอกกั้นในห้องนั่งเล่น ก่อนเพลงพิณจะพูดถามออกมาเสียงสั่นๆราวกับคนจะร้องไห้“ทินโขดอาใยปวกเยาหย๋อกะ ตำมายจุนแม่โตปายม่ายเกยยับซัดที โตกาบก็ม่ายมี (ตินโกรธอะไรพวกเราเหรอคะ ทำไมคุณแม่โทรไปไม่เคยรับสักที โทรกลับก็ไม่มี)” แววตาเด็กหญิงเศร้าสร้อยมองผู้เป็นแม่อย่างตัดพ้อ แทบไม่เหลือคาบร่าเริงอย่างที่ควรจะเป็น “.....” ได้ยินเช่นนั้นเนเน่ก็หน้าเจื่อนลง เธอสงสารลูกจับใจ..มันหลายอาทิตย์แล้วที่เพลงพิณและเพลินลินงอแงบ่น
"....." สันกรามของเจ้าของคำถามบดเข้าหากันอย่างฉุนมาก สองมือกำมัดแน่น ตวัดสายตาคมกริบไปมองเพลิงที่เป็นคนตอบเอง"ใครอนุญาตให้มึงมาอยู่" "ป๊าให้มันมาอยู่ช่วยทำงานแทนตอนพาม๊าไปฮันนีมูน" เป็นโน่บอกตามความจริง "ทำไมไม่ให้เฮียทำ""มันว่างไหมล่ะ""กลับมาแล้วก็ไล่มันออกไป" "ติน.." เนเน่ทนไม่ได้หมายจะพูดช่วยให้น้องชายเข้าใจกันบ้างและปล่อยวางสักที ทันใดนั้นเพลิงก็กุมมือส่ายหน้าห้ามเธอไว้ไม่ให้พูดอะไร เดี๋ยวมันจะบานปลายไปเสียเปล่าๆ"....." ขณะที่โน่เงียบไปอย่างทำอะไรไม่ถูก ซึ่งเนตินเป็นคนไม่ฟังใครและพูดยากมันทำให้เขาค่อนข้างลำบากใจ เพราะนี่ก็ลูกนั่นก็สามีของลูกจะให้ไล่ออกไปมีหวังทั้งลูกทั้งหลานได้หอบผ้าตามไปแน่ ให้ตายยังไงเขาก็ไม่ยอมให้ลูกกับหลานออกไปอยู่ที่อื่นเด็ดขาด"จะไล่มันออกไปได้ไง ก็ป๊ายอมรับมันเป็นลูกเขยแล้ว" เมื่อเห็นผู้เป็นพ่ออึกอักไม่กล้าบอก เนมาร์เลยโพล่งฉวยโอกาสฟ้องก่อตั้งพวกเขม้น หลังทนนั่งฟังเงียบๆมาสักพัก"ฮันนี่!" สถานการณ์ยิ่งคุกรุ่นไม่ค่อยจะดีอยู่ พอเห็นสามีจุดชนวนก๋วยเตี๋ยวจึงปรามให้อยู่นิ่งๆ แล้วกระดุกแขนแกร่งให้ลุกขึ้นพาเด็กๆที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ให้ออกไปจากห้องนี้ก่อน
"ขอบคุณนะ.." ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณ รั้งศีรษะทุยเข้ามากดหอม "ขอบคุณที่อดทนช่วยเหลือพี่จนครอบครัวเรายอมรับ" "จะขอบคุณทำไม ทุกอย่างมันอยู่ที่ความพยายามของพี่เองทั้งนั้น" เนเน่ยิ้ม แหงนหน้ามองสามีพร้อมกับตอบกลับโดยที่เขาลูบผมเธอไปด้วย "แต่ถ้าไม่ได้เราช่วยเหลือเลย ป่านนี้พี่อาจยังไม่ถูกยอมรับก็ได้""เหรอ แต่เน่ว่าคงไม่ใช่แค่เน่คนเดียวหรอกที่ช่วยเหลือพี่..""....." คิ้วเข้มขมวดเลิกขึ้นอย่างไม่เข้าใจ ยังมีใครอีกเหรอที่คอยช่วยเหลือเขานอกจากเธอ"ยังมีม๊าอีกคนนะ" "ม๊า?" "ใช่ คืนก่อนวันที่จะพาลูกไปหา ถ้าไม่มีม๊ามาคอยพูดให้เน่เลิกสับสนกับความรู้สึกของตัวเอง ป่านนี้คงไม่ได้มาอยู่ด้วยกันแบบนี้หรอก""งั้นพี่ก็ต้องไปขอบคุณม๊าด้วยใช่ไหม" "คงงั้นมั่ง" ใบหน้าสวยแนบลงบนไหล่แกร่งหลังพูดจบ ทว่าไม่ทันไรก็รีบแหงนมองหน้าสามีอีกครั้งเมื่อฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้.."หือ?" การกระทำของคนตรงหน้าทำเอาเพลิงถึงกับงุนงง แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยถามเสียงใสก็ดังถามขึ้นมาติดๆ"พี่เพลิงลืมอะไรไปหรือเปล่า.." "ลืมอะไร" "ก็..มีป๊าแค่คนเดียวเองนะที่ยอมรับพี่ เฮียกับตินยังไม่ได้ยอมรับพี่เลย" หารู้ไม่ว่าจริงๆเขาไม่ได้ลื
"ว้าว มีแต่ของน่าทานเหมือนเดิมเลย" พอเดินมาถึงห้องอาหารเห็นบนโต๊ะมีอาหารหลากหลายอย่างวางเต็มไปหมด ทำให้ฟีฟายหวนคิดถึงตอนเด็กๆที่เขามักจะมาเล่นและรับประทานอาหารที่นี่เป็นประจำในวันหยุด"มีฉู่ฉี่ปลาทูของชอบพี่ฟีฟายเหมือนเดิมด้วยนะ เหมือนแม่นมรู้ว่าพี่จะมา" ไม่ว่าเปล่าหญิงสาวหย่อนสะโพกนั่งลงพร้อมกับสามี เพลิงเหล่มองทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างไม่ชอบใจแต่ก็ไม่ได้ปริปากอะไร ได้แต่ขบกรามแน่น"คนสำคัญก็งี้แหละ" ฟีฟายยักไหล่โอ้อวดมาหย่อนตัวนั่งลงฝั่งตรงข้าม ก่อนแม่บ้านจะมาตักข้าวใส่จานให้ "แล้วนี่ไอ้เนกับไอ้ตินไปไหน ไม่ลงมากินด้วยกันเหรอ" "เนตินอยู่ดูแลงานแทนป๊าที่ญี่ปุ่นยังไม่กลับมาเลยค่ะ ส่วนเฮียน่าจะหอบลูกไปเฝ้าเมียที่มหาลัยแต่เช้าโน้น""ท่าจะหวงเมียจัด""มากๆ มาหนักก็ปีที่แล้วอะ ม๊าบอกซามิชวนก๋วยเตี๋ยวไปซื้อของเป็นเพื่อนและแวะดูหนัง แล้วบังเอิญเจอเพื่อนอีกคณะชวนไปงานวันเกิดที่ผับต่อโดยไม่บอกเฮีย จนมีคนส่งรูปมาถามเฮียรู้รีบบุกไปลากกลับมาทันที สภาพนี่ไม่ต้องพูดถึงเมาเละเทะ เฮียโมโหมากจับล่ามโซ่ไม่ให้ไปเรียนเป็นอาทิตย์" "ฮ่าๆๆ ถึงกับล่ามโซ่เลยอ๋อ""นิ่งเฉยก็ไม่ใช่เฮียสิ" มือเล็กตักข้าวใส่ปาก ไม
ใบหน้าสวยส่ายไปมา พลางหันกลับมาเลือกชุดต่อ ในขณะที่อีกคนเปิดลิ้นชักหยิบกล่องบุหรี่พร้อมไฟแช็กในตัว เดินต่อไปยังระเบียงเพื่อระบายความหงุดหงิดและเจ็บใจในเวลาเดียวกันที่ภรรยาเห็นคนอื่นสำคัญกว่าคำสั่งตนเพลิงเปิดบุหรี่ออกมาแล้วจุดสูบ เพียงไม่กี่นาทีเนเน่ก็เดินออกมาในชุดเสื้อแขนยาวไหมพรมคอวีสีขาว กางเกงผ้ามัดยอมพาสเทลขายาวทรงหลวมสีขาวดำตามสไตล์การอยู่บ้านของเธอ ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบๆห้องหลังไม่เห็นสามี ก่อนสะดุดตรงประตูระเบียงที่ถูกเปิดคาไว้จนเห็นแผ่นหลังแกร่งของเจ้าตัวที่ยืนสูบบุหรี่อยู่เธอดึงยางรัดผมจากข้อมือออกมามัดด้วยความรำคาญ พร้อมกับเดินนวยนาดเข้าไปหา เพลิงเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาใกล้ๆก็ไม่ได้สนใจพ่นควันบุหรี่ขาวคลุ้งออกจากปาก"พี่จะลงไปกินข้าวไหม หรือจะเข้าห้องไปทำงานต่อ เน่จะได้ให้แม่บ้านยกข้าวขึ้นมาให้" ริมฝีปากอวบอิ่มเปล่งเสียงถาม "....." แล้วคำตอบที่ได้กลับมาคือความเงียบ ชายหนุ่มสูดควันบุหรี่เข้าเต็มปอด พลางทอดสายตามองบรรยากาศรอบๆทั้งพ่นมันออกมาราวกับไม่ได้ยินในสิ่งที่เธอถาม"พี่เพลิง ได้ยินที่เน่ถามไหม" เห็นอย่างนั้นหญิงสาวจึงย้ำถาม มือเล็กเอื้อมจับท่อนแขนแกร่งดึงเขาให้ห
"ฮึ่ย.." เจ้าพ่อมาเฟียใหญ่ขบกรามฮึดฮัดทันทีที่ถูกตัดสาย เขายกโทรศัพท์มือถือออกจากหูปามันใส่ฝาผนังห้องนอนอย่างแรงปึก! เพล้ง! แรงกระแทกอย่างหนักส่งผลให้มันแตกกระจายไปคนละทิศละทางโดยที่เจ้าของได้แต่นั่งนิ่งๆมองโทรศัพท์มือถือของตัวเองเละไม่มีชิ้นดี ใบหน้าแดงก่ำไปถึงใบหู พร้อมกับฝ่ามือทั้งสองข้างกำแน่นทำเอาดินไม่กล้าจะพูดอะไรออกมา"อื้อ~" แนทที่สะดุ้งรู้สึกตัวตั้งแต่ได้ยินเสียงสามีอาละวาดลั่นอยู่ก่อนแล้ว ลืมตาตื่นอย่างงัวเงียด้วยความหงุดหงิดเมื่อมาได้ยินเสียงกระแทกของวัตถุบางอย่างดังสนั่นขึ้นอีก เธอยันตัวลุกขึ้นเดินไปคว้าชุดคลุมหน้าตู้เสื้อผ้ามาสวมใส่ แล้วเดินออกไปจัดการกับเจ้าของกระทำเพราะรู้สึกเอือมระอามากและเพียงก้าวพ้นกรอบประตูก็เห็นสามีนั่งอารมณ์ฉุนเฉียวอยู่บนโซฟาคนละตัวกับลูกน้อง โดยที่พื้นนั้นเต็มไปด้วยเศษซากโทรศัพท์มือถือ"เป็นบ้าอะไรของแด๊ด ฮะ! ดึกดื่นป่านนี้แล้วมันใช่เวลามาอาละวาดไหม" แนทตวาดถามด้วยความโมโห น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของเธอทำเอาโน่ตวัดสายตามอง ก่อนจะค่อยๆสงบสติอารมณ์ยกมือขึ้นลูกหน้าตัวเอง และดินยังคงนั่งเงียบๆแต่เสมองไปทางอื่นหลบสายตาดุดันที่สลับมองมา"ก็ไอ้เวรนั่นมัน