เงียบไปครู่หนึ่งผู้ชายใบหน้าหล่อก็ถามขึ้นมาอีก
“เธออายุเท่าไร ?” “ยี่สิบค่ะ” “ที่บ้านคงไม่มีนมให้กินรึไงถึงได้ตัวแคะแกนแบบนั้น” ไม่พูดเปล่า เขายังใช้สายตามองมาอย่างดูถูกส่วนสูงของฉันด้วย จุกดอกที่สอง!!! เห็นหน้าหล่อๆ สกิลปากใช่เล่นเหมือนกันนะ “ลุงพูดมาเลยดีกว่าค่ะว่าจะให้หนูทำอะไร” “ลุง ?” เขารีบขัดด้วยสายตาที่หาเรื่อง เมื่อได้ยินฉันเรียกตัวเองว่าลุง “ใช่ค่ะ ลุงนั่นแหละ” เสียงพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ อย่างไม่สบอารมณ์ดังขึ้น ฉันจึงรีบพูดต่อ “แล้วหนูต้องอยู่ชดใช้หนี้ของป้ากี่วันคะ หนูต้องไปมหาวิทยาลัยด้วย จะให้ลาออกมาใช้หนี้คงไม่ได้เพราะถ้าใช้หนี้ให้ป้าหมดหนูก็จะกลายเป็นคนไม่มีอนาคต” การยกเรื่องเรียนมาอ้างอาจจะย่นระยะเวลาให้ฉันได้ อ้างๆ ไปก่อนเขาคงไม่รู้ว่าฉันโกหก “ไม่สงสารบ้างหรอคะ หนูเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย จู่ๆ ก็ถูกจับตัวมา อีกอย่างป้านิก็คงไม่เอาเงินมาไถ่ตัวหนูไปหรอก เขาไม่เคยรักไม่เคยมองว่าหนูเป็นหลายด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นคงไม่ยืนดูหลายแท้ๆ ถูกจับตัวมาหน้าตาเฉย” “เธอพูดสั้นๆ เป็นหรือเปล่า ?” แทนที่จะเห็นใจผู้ชายตรงหน้ากลับถามในสิ่งที่ทำให้รู้สึกแปลกใจเอามากๆ “ค่ะ หนูพูดเป็น” “ถ้าพูดเป็นก็หัดพูดซะ เพราะฉันรำคาญ” จุกดอกที่สาม!!! ถ้ามองแค่ผิวเผินเขาคงเป็นผู้ชายที่น่าหลงใหล “ที่ถามว่าต้องอยู่ใช้หนี้ให้ป้าอีกกี่วัน เธอคงเข้าใจอะไรผิดไป เพราะเธอต้องอยู่ที่นี่นานเป็นปี อาจจะสองสามสี่หรือห้าปี เพราะป้าเธอเอาเงินกับฉันไปไม่ใช่น้อย” “ห….ห้า….ปีหรอคะ” “อืม” “หะ ให้หนูอยู่นานขนาดนั้นไม่กลัวเปลืองข้าวหรอคะ หนูกินเยอะนะ เอาหนูกลับไปส่งบ้านแล้วจับลูกสาวตัวจริงของป้านิมาดีกว่าค่ะ เดี๋ยวหนูจะล่อมันออกมาให้” ด้วยความที่ฉันกับยัยมิ้งไม่ค่อยถูกชะตากันอยู่แล้วจึงพยายามเสนอ “เสียเวลา ตอนนี้ฉันมีงานในเธอทำแล้ว” “งะ งานหรอคะ” “ฉันยกตำแหน่งคนใช้ของบ้านหลังหนี้ให้เธอ ต่อไปนี้งานบ้านทุกอย่างเธอต้องเป็นคนทำ ล้างจาน กรวดบ้าน ถูบ้าน ทำอาหาร ซักผ้า ทำทุกอย่างโดยที่ไม่มีค่าตอบแทน” “ม….ไม่มีค่าตอบแทนแล้วหนูจะอยู่ยังไงล่ะคะ” “นั่นมันเรื่องของเธอ เพราะสถานะของเธอคือลูกหนี้ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรจากฉัน” “แต่หนูไม่ใช่คนเอาเงินไปจะเป็นลูกหนี้ได้ยังไง” “ฉันเป็นนักธุรกิจคงไม่ยอมเสียเปรียบใครง่ายๆ ไม่ได้เงินแต่ก็ได้คนรับใช้มาฟรีๆ ส่วนป้าของเธอฉันจะคิดบัญชีทีหลัง” “แล้วทำไมไม่จับตัวป้าหนู จับตัวหนูมาทำไม” “ป้าเธอจะอยู่ได้อีกกี่ปี จะให้ฉันเอามาแก่ตายที่บ้านรึไง” “ถึงหนูจะเด็กกว่าใช่ว่าจะอายุยืนกว่านะ คนเราจะตายวันตายพรุ่ง……” “หุบปาก!! ที่บ้านไม่มีใครคุยด้วยรึไงถึงได้เอาแต่พูด ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าพูดมากมันน่ารำคาญ” “ก็ใช่สิคะ อยู่บ้านหนูจะพูดกับใครได้ ครอบครัวนั้นใช้หนูอย่างกับทาส ตอนนี้ก็ยังต้องมาชดใช้หนีให้อีก เป็นคนเหมือนกันแท้ๆ ไม่รู้จักเห็นอกเห็นใจกันบ้างเลย” “หุบปากซะ!! ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนกับเธอ” ฉันรีบเม้มปากแน่นเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเอาจริง ดวงตาคู่นั้นจ้องเขม็งมาอย่างน่ากลัว “รีบเอาตัวเด็กนี่ไปให้พ้นๆ หน้าฉัน” “ไปไหนคะ” “ถามมากรีบตามมา” ผู้ชายคนที่ไปจับตัวฉันมาจากบ้านออกคำสั่งแล้วเดินนำ ตอนนี้สิ่งเดียวที่ทำได้คือทำตามที่เขาบอกอย่างเลี่ยงไม่ได้เดินมาครู่หนึ่งก็มาหยุดที่หน้าห้องของใครไม่รู้ จากนั้นผู้ชายที่เดินนำมาก็หันมาบอก “นี่คือห้องของเอ็งนะนังหนู”
นังหนู? ก่อนหน้านี้ยังเรียกฉันว่านังเด็กนี่อยู่เลย แต่เอาเถอะเรียกแบบนี้ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อยนึง “หนูไม่มีเสื้อผ้าเลยสักตัว จู่ๆ จับตัวหนูมาแล้วก็สั่งๆๆๆ ไม่ให้เวลาปรับตัวกันเลย” “คิดซะว่ามันเป็นชะตากรรมของเอ็งก็แล้วกัน ถ้านายเอ็นดูก็อาจจะได้อิสระคืนในไม่ช้า” “……..” ฉันได้แต่รับฟังแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องนอน ตอนนี้ฉันมีแค่ตัวกับเสื้อผ้าจริงๆ แถมยังดูมอมแมมเพราะเพิ่งจะทำงานบ้านเสร็จ ไม่ทันตั้งตัวก็ถูกลากขึ้นรถรู้ตัวอีกทีก็มาโผล่ที่กรุงเทพ โทรศัพท์ก็ไม่มีติดตัว หนำซ้ำรองเท้ายังใส่มาคนละข้าง เมื่ออาทิตย์ก่อนไปดูหมอมา ไหนทักว่าฉันจะสบายนอนบนกองทองไง อุตส่าห์ดีใจสุดท้ายก็คงจะพูดไปส่งๆ หลอกลวงชัดๆ นี่แหละน่าเขาถึงว่าหมอดูก็คู่กับหมอเดาฉันนั่งเหม่อลอยมองไปตรงหน้าอย่างไร้จุดหมาย กำลังพูดกับตัวเองว่านี่ไม่ใช่ฝันและฉันไม่ใช่นางเอกในนิยายอย่าหวังว่าเจ้าหนี้จะเอ็นดูเลย จะถือว่าการมาอยู่ที่นี่เป็นการเริ่มต้นใหม่ก็แล้วกัน เพราะชีวิตที่ผ่านมามันก็ไม่ได้มีความสุข ถ้าได้กลับไปเจอป้านิอีกครั้งฉันจะด่าๆๆๆ ให้สาแก่ใจ ที่ทำให้ฉันต้องมาอยู่แบบนี้และไม่สนใจว่าจะเป็นพี่สาวแม่ เพราะเขาไม่เคยเห็นฉันเป็นหลานอยู่แล้วก็อกๆ~ เสียงเคาะห้องทำให้ฉันที่กำลังเหม่อลอยได้สติ ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงไปเปิดประตู เห็นว่าเป็นผู้ชายคนเดิมที่มาเคาะห้อง แต่ครั้งนี้ในมือของเขามีเสื้อผ้ามาด้วย“นี่เสื้อผ้าของคุณหนูลิล มีแต่ของราคาแพงๆ ทั้งนั้น ใส่ระวังๆ หน่อยก็แล้วกัน” “หะ ให้หนูหรอคะ” “ก็ใช่น่ะสิ รีบๆ รับไป” “ขะ ขอบคุณค่ะ” ฉันรับเสื้อผ้ามาไว้ในอ้อมแขนอย่าง งงๆ ก่อนจะปิดประตูห้อง จากนั้นก็เดินกลับมาที่เตียงแล้วหยิบชุดขึ้นมาดู มีแต่ชุดสวยๆ ที่ฉันไม่เคยใส่ทั้งนั้นเลยเนื้อผ้าก็นุ่มมือสุดๆ คงจะราคาแพงอย่างที่ว่าจริงๆ เมื่อปรับอารมณ์ได้ฉันก็เริ่มสำรวจห้องนอน ขนาดของห้องสำหรับฉันคือกว้างมากๆ แถมยังติดแอร์ มีตู้เสื้อผ้า มีห้องน้ำในตัว “ห้องนอนคนรับใช้มันดี
เวลาผ่านไปจนครึ่งค่อนวัน ฉันที่ถูกมอบหมายให้ทำความสะอาดบ้านก็ยังทำไม่เสร็จ ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ไม่เห็นใครสักคนเลยนอกจากลุงคนนั้นและคุณเฟย ชีวิตของฉันมันน่าตลกสิ้นดี ทั้งถูกจับตัวมาแบบงงๆ ต้องใช้หนี้แทนป้าแบบงงๆ จู่ๆ ก็ได้มาเป็นคนใช้แบบงงๆ เฮ้อ!! ถอนหายใจออกมาหนักๆ เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ ฉันสะบัดความคิดออกจากหัวเบาๆ แล้วเตือนให้ตัวเองอยู่กับปัจจุบันให้ได้ขณะที่กำลังดูดฝุ่นสายตาเหลือบไปเห็นห้องๆ หนึ่งจึงเดินไปดูถึงได้รู้ว่ามันคือห้องครัวเอาไว้ทำอาหาร ในที่สุด!! ฉันก็เจอห้องครัวและห้องที่ใช้สำหรับกินข้าวสักที ถึงแม้บ้านหลังนี้จะสวยและใหญ่โตมากๆ แต่บรรยากาศวังเวงอย่างกับบ้านผีสิงแหนะ ขนาดกลางวันแบบนี้ขนแขนฉันยังลุกซู่ตั้งหลายรอบ #ช่วงดึกๆ หลังจากทำความสะอาดบ้านเสร็จก็ค่ำมืดแล้วแถมยังหาใครไม่เจอเลยสักคน ทำให้ฉันไม่ได้กินข้าวเพราะไม่กล้ากลัวจะถูกดุหากไปทำอะไรกินในครัวโดยไม่ได้รับอนุญาต ตอนนี้ฉันอยู่ในชุดนอน เป็นเสื้อผ้าที่ลุงคนนั้นให้มา ด้วยความที่มีชุดชั้นในเพียงชิ้นเดียวฉันจึงถอดออกไปต้องซักไว้เพื่อใส่ในวันพรุ่งนี้เฮ้อ! เพราะความหิวไม่มีอะไรตกถึงท้องมาตั้งแต่เช้าทำให้
มากล่าวหาว่าฉันขี้มโนแล้วดูตอนนี้สิ คุณเขาขี้มโนกว่าฉันซะอีก “ฉันไม่ได้บ้ากามถึงขนาดจับเอาคนใช้อย่างเธอทำเมียหรอกนะ”“หนูก็ไม่ได้อยากเป็นเมียคุณสักหน่อย ไม่เคยอยากเป็นเลยสักนิด” “คราวหลังก็ควรใส่เสื้อชั้นในให้มันดีๆ”“ก็หนูมีชุดชั้นในแค่ตัวเดียวถ้าใส่แบบไม่ซักคงขึ้นเกลือกันพอดี เงินก็ไม่มีซื้อใหม่ด้วย” จากที่หิวๆ ตอนนี้หมดอารมณ์กินแล้ว ฉันรีบเดินหนีคุณเฟยกลับมาที่ห้องให้เร็วที่สุด จะว่าเสียมารยาทก็ช่างเถอะ ไอ้สถานะคนรับใช้ฉันก็ไม่ได้อยากจะเป็นสักนิด #เช้า ปั้ง ปั้ง ปั้ง ปั้ง!!!!! ขณะที่กำลังนอนหลับเสียงบางอย่างก็ดังขึ้นมารบกวน เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ จนฉันสะดุ้งตื่น หัวใจดวงน้อยเต้นรัวเพราะคิดว่าตอนนี้กำลังเกิดเหตุร้ายขึ้น “ถ้าเธอยังไม่ยอมเปิดประตู ฉันจะพังเข้าไป” เฮือก! เสียงที่อำมหิตนั่นทำให้ฉันที่สะลึมสะลือตาสว่างขึ้นมาทันที จากนั้นก็รีบควานมือหาโทรศัพท์เพื่อจะดูเวลา แต่ลืมไปว่าตัวเองไม่มีโทรศัพท์ติดตัว แกร็ก! ฉันค่อยๆ เปิดประตูห้องออกเผยให้เห็นใบหน้ายักของคนที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้า ไม่ลืมที่จะยกมือขึ้นมาปิดหน้าอกเอาไว้เพราะตอนนี้ก็ยังไม่ได้ใส่เสื้อชั้นใน “ตอนนี้มันกี่โมงแล้ว!
“นายบอกให้จับตัวลูกสาวแกไปถ้ายังหาเงินมาใช้หนี้ไม่ได้ก็อย่าหวังว่านายจะคืนยัยเด็กนี่ให้” “กรี๊ดดดด! พวกบ้าไม่เกรงกลัวกฎหมายกันบ้างรึไง”“หนูไม่ใช่ลูกสาว ได้ยินไหมว่าหนูไม่ใช่ลูกสาว หนูเป็นหลาน ป้านิช่วยพูดอะไรหน่อยได้ไหม พวกบ้านี่จะจับตัวหนูไปแล้ว”“น้ำอิงช่วยแม่ด้วยนะลูกถ้าแม่มีเงินจะรีบไปไถ่ตัวหนูกลับมานะลูกนะ”“ป้า!! ร้อยวันพันปีไม่เคยเรียกหนูว่าลูกแล้วมาเรียกทำไมวันนี้เนี่ย”ใครจะไปคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ดีๆ ก็ถูกชายร่างยักษ์หน้าตาน่ากลัวสองคนมาจับตัว แถมยังถูกยัดเข้าไปในรถตู้สีดำสนิท ส่วนคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องก็ไม่แม้แต่จะช่วย “จะพาหนูไปไหน ไม่ไปนะหนูต้องไปเรียนหนังสือ” จริงๆ ฉันไม่ได้เรียนหรอกที่พูดไปก็แค่ข้ออ้าง เหตุผลที่ไม่ได้เรียนเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม“หุบปาก” เสียงโทรศัพท์ของคนที่ตะคอกใส่ฉันดังขึ้น ด้วยความอยากรู้ว่าเขาจะคุยอะไรกับปลายสายจึงรีบเงียบฟัง “ครับนายเจอตัวแล้วครับ มันหนีกลับมาอยู่ที่ต่างจังหวัด” “ผมกำลังเอาตัวลูกสาวมันไปครับ”“บอกว่าไม่ใช่ลูก ไม่ใช่ลูก!! พี่สองคนหูตึงหรอคะ หนูเป็นหลานจริงๆ ปล่อยหนูเถอะนะ” “พูดมากจังเว้ยนังเด็กน
ถึงแม้จะหน้าตาดีแต่วาจาของเขานั้นช่างร้ายกาจ เพิ่งเจอกันครั้งแรกก็มากล่าวหาว่าฉันเป็นคนบ้า “พวกมึงจับเด็กนี่มาทำไม?”“…นายสั่งว่าถ้ามันไม่มีเงินคืนให้ก็จับลูกสาวของมันมา ผมทำตามคำสั่งนายทุกอย่างเลยนะครับ”“กูบอกว่าไม่ชอบเด็กไร้เดียงสา พวกมึงไม่เคยจำ?” ชายคนนั้นแสดงสีหน้าไม่พอใจ เขาบ่นลูกน้องเสียงเข้มในเมื่อไม่ถูกใจแบบนี่พวกเขาต้องปล่อยฉันไปแน่ๆ “ขอโทษครับนายแล้วจะให้ผมทำยังไงดีครับ เอาตัวเด็กคนนี้ส่งกลับไปคืนดีไหมครับ” “อะ…เอ่อ…หนูขอขัดจังหวะนิดนึงนะคะ…ทะ….ที่นี่ที่ไหนคะ” ฉันถามอย่างเจียมตัว จริงๆ ก็ไม่อยากจะพูดแทรก แต่เขาคุยกันไม่เว้นจังหวะให้ถามอะไรเลย “กรุงเทพ”“ฮะ!! กรุงเทพ!!!!” ฉันเบิกตากว้างเพราะไม่คิดว่าที่นี่คือกรุงเทพ แล้วแบบนี้จะหนีไปไหนได้คงได้หลงทางกันพอดี“เอายังไงดีครับนาย” “ห….ให้ค่ารถมาก็ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูกลับเอง” รีบเสนออย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่ดูท่าไม่มีใครอยากจะให้ฉันพูดสักเท่าไร“ไม่ต้อง! ไหนๆ ก็จับตัวมาแล้ว” ดวงตาคมที่แฝงไปด้วยความอำมหิตจ้องมองใบหน้าของฉัน ก่อนจะพูดต่อเสียงเย็น “…ฉันคงต้องใช้งานให้คุ้มค่าหน่อย” “หนูไม่ใช่ลูกป้านิ จะต้องให้พูดจนปากฉีกเลยหรือไงคะ พ
มากล่าวหาว่าฉันขี้มโนแล้วดูตอนนี้สิ คุณเขาขี้มโนกว่าฉันซะอีก “ฉันไม่ได้บ้ากามถึงขนาดจับเอาคนใช้อย่างเธอทำเมียหรอกนะ”“หนูก็ไม่ได้อยากเป็นเมียคุณสักหน่อย ไม่เคยอยากเป็นเลยสักนิด” “คราวหลังก็ควรใส่เสื้อชั้นในให้มันดีๆ”“ก็หนูมีชุดชั้นในแค่ตัวเดียวถ้าใส่แบบไม่ซักคงขึ้นเกลือกันพอดี เงินก็ไม่มีซื้อใหม่ด้วย” จากที่หิวๆ ตอนนี้หมดอารมณ์กินแล้ว ฉันรีบเดินหนีคุณเฟยกลับมาที่ห้องให้เร็วที่สุด จะว่าเสียมารยาทก็ช่างเถอะ ไอ้สถานะคนรับใช้ฉันก็ไม่ได้อยากจะเป็นสักนิด #เช้า ปั้ง ปั้ง ปั้ง ปั้ง!!!!! ขณะที่กำลังนอนหลับเสียงบางอย่างก็ดังขึ้นมารบกวน เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ จนฉันสะดุ้งตื่น หัวใจดวงน้อยเต้นรัวเพราะคิดว่าตอนนี้กำลังเกิดเหตุร้ายขึ้น “ถ้าเธอยังไม่ยอมเปิดประตู ฉันจะพังเข้าไป” เฮือก! เสียงที่อำมหิตนั่นทำให้ฉันที่สะลึมสะลือตาสว่างขึ้นมาทันที จากนั้นก็รีบควานมือหาโทรศัพท์เพื่อจะดูเวลา แต่ลืมไปว่าตัวเองไม่มีโทรศัพท์ติดตัว แกร็ก! ฉันค่อยๆ เปิดประตูห้องออกเผยให้เห็นใบหน้ายักของคนที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้า ไม่ลืมที่จะยกมือขึ้นมาปิดหน้าอกเอาไว้เพราะตอนนี้ก็ยังไม่ได้ใส่เสื้อชั้นใน “ตอนนี้มันกี่โมงแล้ว!
เวลาผ่านไปจนครึ่งค่อนวัน ฉันที่ถูกมอบหมายให้ทำความสะอาดบ้านก็ยังทำไม่เสร็จ ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ไม่เห็นใครสักคนเลยนอกจากลุงคนนั้นและคุณเฟย ชีวิตของฉันมันน่าตลกสิ้นดี ทั้งถูกจับตัวมาแบบงงๆ ต้องใช้หนี้แทนป้าแบบงงๆ จู่ๆ ก็ได้มาเป็นคนใช้แบบงงๆ เฮ้อ!! ถอนหายใจออกมาหนักๆ เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ ฉันสะบัดความคิดออกจากหัวเบาๆ แล้วเตือนให้ตัวเองอยู่กับปัจจุบันให้ได้ขณะที่กำลังดูดฝุ่นสายตาเหลือบไปเห็นห้องๆ หนึ่งจึงเดินไปดูถึงได้รู้ว่ามันคือห้องครัวเอาไว้ทำอาหาร ในที่สุด!! ฉันก็เจอห้องครัวและห้องที่ใช้สำหรับกินข้าวสักที ถึงแม้บ้านหลังนี้จะสวยและใหญ่โตมากๆ แต่บรรยากาศวังเวงอย่างกับบ้านผีสิงแหนะ ขนาดกลางวันแบบนี้ขนแขนฉันยังลุกซู่ตั้งหลายรอบ #ช่วงดึกๆ หลังจากทำความสะอาดบ้านเสร็จก็ค่ำมืดแล้วแถมยังหาใครไม่เจอเลยสักคน ทำให้ฉันไม่ได้กินข้าวเพราะไม่กล้ากลัวจะถูกดุหากไปทำอะไรกินในครัวโดยไม่ได้รับอนุญาต ตอนนี้ฉันอยู่ในชุดนอน เป็นเสื้อผ้าที่ลุงคนนั้นให้มา ด้วยความที่มีชุดชั้นในเพียงชิ้นเดียวฉันจึงถอดออกไปต้องซักไว้เพื่อใส่ในวันพรุ่งนี้เฮ้อ! เพราะความหิวไม่มีอะไรตกถึงท้องมาตั้งแต่เช้าทำให้
ฉันนั่งเหม่อลอยมองไปตรงหน้าอย่างไร้จุดหมาย กำลังพูดกับตัวเองว่านี่ไม่ใช่ฝันและฉันไม่ใช่นางเอกในนิยายอย่าหวังว่าเจ้าหนี้จะเอ็นดูเลย จะถือว่าการมาอยู่ที่นี่เป็นการเริ่มต้นใหม่ก็แล้วกัน เพราะชีวิตที่ผ่านมามันก็ไม่ได้มีความสุข ถ้าได้กลับไปเจอป้านิอีกครั้งฉันจะด่าๆๆๆ ให้สาแก่ใจ ที่ทำให้ฉันต้องมาอยู่แบบนี้และไม่สนใจว่าจะเป็นพี่สาวแม่ เพราะเขาไม่เคยเห็นฉันเป็นหลานอยู่แล้วก็อกๆ~ เสียงเคาะห้องทำให้ฉันที่กำลังเหม่อลอยได้สติ ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงไปเปิดประตู เห็นว่าเป็นผู้ชายคนเดิมที่มาเคาะห้อง แต่ครั้งนี้ในมือของเขามีเสื้อผ้ามาด้วย“นี่เสื้อผ้าของคุณหนูลิล มีแต่ของราคาแพงๆ ทั้งนั้น ใส่ระวังๆ หน่อยก็แล้วกัน” “หะ ให้หนูหรอคะ” “ก็ใช่น่ะสิ รีบๆ รับไป” “ขะ ขอบคุณค่ะ” ฉันรับเสื้อผ้ามาไว้ในอ้อมแขนอย่าง งงๆ ก่อนจะปิดประตูห้อง จากนั้นก็เดินกลับมาที่เตียงแล้วหยิบชุดขึ้นมาดู มีแต่ชุดสวยๆ ที่ฉันไม่เคยใส่ทั้งนั้นเลยเนื้อผ้าก็นุ่มมือสุดๆ คงจะราคาแพงอย่างที่ว่าจริงๆ เมื่อปรับอารมณ์ได้ฉันก็เริ่มสำรวจห้องนอน ขนาดของห้องสำหรับฉันคือกว้างมากๆ แถมยังติดแอร์ มีตู้เสื้อผ้า มีห้องน้ำในตัว “ห้องนอนคนรับใช้มันดี
เงียบไปครู่หนึ่งผู้ชายใบหน้าหล่อก็ถามขึ้นมาอีก “เธออายุเท่าไร ?”“ยี่สิบค่ะ” “ที่บ้านคงไม่มีนมให้กินรึไงถึงได้ตัวแคะแกนแบบนั้น” ไม่พูดเปล่า เขายังใช้สายตามองมาอย่างดูถูกส่วนสูงของฉันด้วยจุกดอกที่สอง!!! เห็นหน้าหล่อๆ สกิลปากใช่เล่นเหมือนกันนะ“ลุงพูดมาเลยดีกว่าค่ะว่าจะให้หนูทำอะไร”“ลุง ?” เขารีบขัดด้วยสายตาที่หาเรื่อง เมื่อได้ยินฉันเรียกตัวเองว่าลุง “ใช่ค่ะ ลุงนั่นแหละ” เสียงพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ อย่างไม่สบอารมณ์ดังขึ้น ฉันจึงรีบพูดต่อ “แล้วหนูต้องอยู่ชดใช้หนี้ของป้ากี่วันคะ หนูต้องไปมหาวิทยาลัยด้วย จะให้ลาออกมาใช้หนี้คงไม่ได้เพราะถ้าใช้หนี้ให้ป้าหมดหนูก็จะกลายเป็นคนไม่มีอนาคต” การยกเรื่องเรียนมาอ้างอาจจะย่นระยะเวลาให้ฉันได้ อ้างๆ ไปก่อนเขาคงไม่รู้ว่าฉันโกหก “ไม่สงสารบ้างหรอคะ หนูเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย จู่ๆ ก็ถูกจับตัวมา อีกอย่างป้านิก็คงไม่เอาเงินมาไถ่ตัวหนูไปหรอก เขาไม่เคยรักไม่เคยมองว่าหนูเป็นหลายด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นคงไม่ยืนดูหลายแท้ๆ ถูกจับตัวมาหน้าตาเฉย” “เธอพูดสั้นๆ เป็นหรือเปล่า ?” แทนที่จะเห็นใจผู้ชายตรงหน้ากลับถามในสิ่งที่ทำให้รู้สึกแปลกใจเอามาก
ถึงแม้จะหน้าตาดีแต่วาจาของเขานั้นช่างร้ายกาจ เพิ่งเจอกันครั้งแรกก็มากล่าวหาว่าฉันเป็นคนบ้า “พวกมึงจับเด็กนี่มาทำไม?”“…นายสั่งว่าถ้ามันไม่มีเงินคืนให้ก็จับลูกสาวของมันมา ผมทำตามคำสั่งนายทุกอย่างเลยนะครับ”“กูบอกว่าไม่ชอบเด็กไร้เดียงสา พวกมึงไม่เคยจำ?” ชายคนนั้นแสดงสีหน้าไม่พอใจ เขาบ่นลูกน้องเสียงเข้มในเมื่อไม่ถูกใจแบบนี่พวกเขาต้องปล่อยฉันไปแน่ๆ “ขอโทษครับนายแล้วจะให้ผมทำยังไงดีครับ เอาตัวเด็กคนนี้ส่งกลับไปคืนดีไหมครับ” “อะ…เอ่อ…หนูขอขัดจังหวะนิดนึงนะคะ…ทะ….ที่นี่ที่ไหนคะ” ฉันถามอย่างเจียมตัว จริงๆ ก็ไม่อยากจะพูดแทรก แต่เขาคุยกันไม่เว้นจังหวะให้ถามอะไรเลย “กรุงเทพ”“ฮะ!! กรุงเทพ!!!!” ฉันเบิกตากว้างเพราะไม่คิดว่าที่นี่คือกรุงเทพ แล้วแบบนี้จะหนีไปไหนได้คงได้หลงทางกันพอดี“เอายังไงดีครับนาย” “ห….ให้ค่ารถมาก็ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูกลับเอง” รีบเสนออย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่ดูท่าไม่มีใครอยากจะให้ฉันพูดสักเท่าไร“ไม่ต้อง! ไหนๆ ก็จับตัวมาแล้ว” ดวงตาคมที่แฝงไปด้วยความอำมหิตจ้องมองใบหน้าของฉัน ก่อนจะพูดต่อเสียงเย็น “…ฉันคงต้องใช้งานให้คุ้มค่าหน่อย” “หนูไม่ใช่ลูกป้านิ จะต้องให้พูดจนปากฉีกเลยหรือไงคะ พ
“นายบอกให้จับตัวลูกสาวแกไปถ้ายังหาเงินมาใช้หนี้ไม่ได้ก็อย่าหวังว่านายจะคืนยัยเด็กนี่ให้” “กรี๊ดดดด! พวกบ้าไม่เกรงกลัวกฎหมายกันบ้างรึไง”“หนูไม่ใช่ลูกสาว ได้ยินไหมว่าหนูไม่ใช่ลูกสาว หนูเป็นหลาน ป้านิช่วยพูดอะไรหน่อยได้ไหม พวกบ้านี่จะจับตัวหนูไปแล้ว”“น้ำอิงช่วยแม่ด้วยนะลูกถ้าแม่มีเงินจะรีบไปไถ่ตัวหนูกลับมานะลูกนะ”“ป้า!! ร้อยวันพันปีไม่เคยเรียกหนูว่าลูกแล้วมาเรียกทำไมวันนี้เนี่ย”ใครจะไปคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ดีๆ ก็ถูกชายร่างยักษ์หน้าตาน่ากลัวสองคนมาจับตัว แถมยังถูกยัดเข้าไปในรถตู้สีดำสนิท ส่วนคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องก็ไม่แม้แต่จะช่วย “จะพาหนูไปไหน ไม่ไปนะหนูต้องไปเรียนหนังสือ” จริงๆ ฉันไม่ได้เรียนหรอกที่พูดไปก็แค่ข้ออ้าง เหตุผลที่ไม่ได้เรียนเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม“หุบปาก” เสียงโทรศัพท์ของคนที่ตะคอกใส่ฉันดังขึ้น ด้วยความอยากรู้ว่าเขาจะคุยอะไรกับปลายสายจึงรีบเงียบฟัง “ครับนายเจอตัวแล้วครับ มันหนีกลับมาอยู่ที่ต่างจังหวัด” “ผมกำลังเอาตัวลูกสาวมันไปครับ”“บอกว่าไม่ใช่ลูก ไม่ใช่ลูก!! พี่สองคนหูตึงหรอคะ หนูเป็นหลานจริงๆ ปล่อยหนูเถอะนะ” “พูดมากจังเว้ยนังเด็กน