ตอนที่ 25 เหตุผลหรงผิงยืนส่งพ่อกับแม่ที่นั่งรถแทรกเตอร์กลับบ้านไปจนลับสายตา เธอคุยกับทั้งสองนานพอสมควร เธอบอกกับพ่อและแม่ว่าได้งานทำในเมืองแล้ว แต่หากได้ไปทำงานแล้วจะบอกพ่อกับแม่อีกที และหากพ่อกับแม่อยากไปดูที่ทำงาน เธอก็พร้อมที่จะพาไปหลังจากที่พูดคุยแล้ว เธอก็เตรียมปลาสดและข้าวสารให้พ่อกับแม่เอากลับไปด้วย ซึ่งตอนแรกทั้งสองก็อิดออดไม่อยากจะรับ ต้องการให้เธอเก็บไว้กินภายในครอบครัวมากกว่า แต่เพราะทนลูกคะยั้นคะยอของเธอไม่ไหว จึงต้องนำสิ่งของเหล่านั้นกลับไปด้วยหรงผิงคิดหาทางออกไว้หมด ถึงแม้บางเรื่องจะไม่ใช่ความจริง แต่เพื่อความสบายใจของพ่อกับแม่ เธอต้องบอกทั้งเรื่องจริงและเรื่องเท็จปนกันไป เพราะหากบอกเรื่องจริงทั้งหมด รับรองได้เลยว่าห่างไกลจากคำว่าสบายใจแน่นอน"ลองเปิดโอกาสให้ตัวเองดูอีกสักครั้งไม่ดีกว่าหรืออย่างไร""ก่อนออกมาก็ได้ยินแล้วไม่ใช่หรือว่าเขาไม่หย่าแล้ว ถึงแม้ก่อนหน้านั้นเขาจะทำเกินไป แต่ลูกก็พูดเองไม่ใช่หรือว่าทุกอย่างนั้นเกิดจากตัวลูกเอง อยากให้คิดดูดี ๆ อีกสักรอบ ทำเพื่อหลานและทำเพื่อตัวเอง... ลองดูอีกสักครั้งดีไหม"หรงผิงนึกถึงคำที่พ่อกับแม่พูดเกี่ยวกับเรื่องหย่า เธอยอม
ตอนที่ 26 เป็นนักรบต้องมีบาดแผลซือหยางคอยมองภรรยากับลูกทั้งสองที่ดูเหมือนจะวุ่นวายไปหมด มีทั้งเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของทั้งสามคน มันทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ทั้งที่ปกติเขาจะชอบอยู่เงียบ ๆ มากกว่า แต่พอได้มาดูมาเห็นทั้งสามคนที่ต่างพูดคุย กลับทำให้มีความรู้สึกแปลกแต่ดีไปอีกแบบหนึ่งเขายอมรับว่าก่อนหน้านี้ต้องการที่จะหย่าขาดจากภรรยา แต่พอมาเจอภรรยาที่ปรับปรุงตัวเอง แล้วทำเพื่อลูกก็ทำให้เขาเกิดลังเลขึ้นมา และยิ่งได้เห็นหลาย ๆ อย่างเปลี่ยนไป ยิ่งทำให้คิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรต่อจากนี้ดีในตอนแรกเขานึกว่าภรรยาจะไม่อยากหย่า แต่มาวันนี้เขากระจ่างแจ้งแล้วว่า ภรรยาก็ต้องการหย่าไม่ต่างกัน ท่าทางคำพูดแตกต่างจากแต่ก่อนมาก มันยิ่งทำให้เขาสงสัยมากกว่าเดิม"แม่ไม่สบายหลับไปหลายวัน แต่พอตื่นขึ้นมา แม่ก็เปลี่ยนไป""แม่บอกว่าแม่คนใจร้ายได้ตายไปแล้ว ตอนนี้เหลือแค่แม่คนใจดีเท่านั้น""แม่ทำหลุมดักปลาและสอนหนังสือพวกเราด้วย แม่มีอาหารมีขนมและนมให้กินตลอด""แต่แม่ต้องเข้าไปซื้ออาหารในเมือง เพราะในหมู่บ้านของหมดตลอดทั้งที่เห็นว่ามีอยู่ แต่คนขายบอกว่าขายไปหมดแล้ว""แต่ก่อนแม่จะด่าคนอื่นก่อน ตอนนี้แม่จะโดนคนอื่นด่
ตอนที่ 27 ความช่วยเหลือที่มาพร้อมการแลกเปลี่ยนหรงผิงยืนอยู่ในบ้านเช่า และตรวจสอบทุกอย่างให้เรียบร้อย ก่อนที่จะส่งคืนเจ้าของบ้านตัวจริง เธอเช่าเพียงสามวันเท่านั้นไม่ได้เช่าเป็นเดือน เพราะเธอไม่ได้นัดที่นี่ที่เดียว เธอต้องเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เพื่อความปลอดภัยเธอทำงานคนเดียว ไม่มีคนระวังหน้าระวังหลังให้จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนสถานที่ส่งของทุกครั้ง จนกว่าจะหาคนที่ไว้ใจมาช่วยงานได้แล้วค่อยคิดอีกทีว่าจะทำอย่างไรต่อ ตอนนี้เธอจะทำแบบนี้ไปก่อน หมดห่วงเรื่องที่พี่สาวอิงจะให้คนมาเฝ้าบ้านหลังนี้ ถึงเฝ้าก็ไม่มีอะไรให้จับผิดได้อย่างแน่นอนหรงผิงมองเงินที่ตัวเองได้ในวันนี้ทั้งหมด เธอขายข้าวสารและปลาสดเพียงสองอย่างเท่านั้น วันนี้ได้เงินมาทั้งหมด 880 หยวน ถือว่าเยอะมากในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน แต่ยอมรับว่าเหนื่อยมาก!!ถึงจะมีตัวช่วยในการทำงานหลาย ๆ อย่าง แต่เธอต้องลงมือทำเอง และทุกอย่างที่ทำนั้นต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ เวลานอนวันหนึ่งมีไม่เกิน 3 ชั่วโมง ต้องดูแลลูกและสามีอีกด้วย ยังดีที่สามีมีเจ้าหน้าที่และญาติอยู่ช่วย แต่เขาจะช่วยเหลือตัวเองได้หลายอย่างอยู่แล้ว ส่วนเจ้าแฝดนั้นเลี้ยงง่ายเชื่อฟัง ไม่ค่อยมีปัญหามากนั
ตอนที่ 28 ไม่เกี่ยวกับฉันหรงผิงยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม และยังคงอยู่ที่โรงพยาบาลเฝ้าสามีเช่นเคย ที่เธอไม่กลับบ้าน ไม่ใช่ว่าอยากจะอยู่เฝ้าสามีเพียงอย่างเดียว แต่เพราะเธออยู่ในเมืองแล้วทำงานสะดวกมากขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปกลับระหว่างบ้านกับตัวเมืองหรงผิงมาอยู่ที่โรงพยาบาลนับเป็นเวลา 10 กว่าวันแล้ว เธอไม่เห็นครอบครัวสายหลักมาอีก หรืออาจจะมา แต่เธอไม่ค่อยได้อยู่เลยไม่เห็น วันนี้คือวันที่ทางครอบครัวเฉินต้องจ่ายเงินค่ารักษาในรอบแรก ซึ่งหรงผิงเตรียมเงินในส่วนที่เธอต้องรับผิดชอบไว้ครบหมดแล้วเธอยอมรับว่าเริ่มสนิทใจกับพ่อของเด็กแฝดมากว่าตอนแรก อาจเพราะตอนนี้เขาไม่มีท่าทีจ้องจับผิดเหมือนแต่ก่อน เธอเลยวางใจลงบ้าง สามารถพูดคุยหารือกันได้หลายเรื่อง ยอมรับว่าดีขึ้นมากกว่าแต่ก่อนอย่างเห็นได้ชัด"คุณซื้อมาหรือครับ" ซือหยางหยิบเสื้อกันหนาวขึ้นมาดู ก่อนจะมองไปทางภรรยา"ใช่ค่ะ พอดีฉันเห็นว่าคุณไม่มีเสื้อกันหนาวเลยซื้อมา ลองใส่เลยไหมคะ" หรงผิงเงยหน้ามายิ้มให้ ก่อนจะวางมือจากการเตรียมชงนมมาช่วยคนป่วยใส่เสื้อ"ไม่น่าลำบากเลย" ซือหยางใส่เสื้อตามที่ภรรยาบอก แต่ก็ยังพึมพำเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะตลอดระยะเว
ตอนที่ 29 ให้มันจบภายในวันนี้หรงผิงดันตัวลูกออกแล้วดันตัวสามีออกไปอยู่ทางด้านหลัง ไม่ใช่ว่าเธอเก่ง ออกรับแทนทุกคน แต่เพราะตอนนี้คนขาเดี้ยงกับเด็กเล็กไม่สามารถช่วยเธอได้ และอีกอย่างแม่สามีที่แทบไม่มีปากไม่มีเสียงเพราะพ่อสามีออกหน้าเองตลอด และยังมีลูกชายที่ขาเดี้ยงทั้งสองข้างคนหนึ่ง ส่วนลูกชายคนโตก็ดูเหมือนจะออกตัวได้ไม่มากนักสังคมที่ผู้ใหญ่ถูกเสมอ สอนให้กตัญญูแบบไม่ลืมหูลืมตา เอาทุกอย่างออกมาอ้างเรื่องบุญคุณ เคยรู้ไหมว่าเด็กไม่ได้เลือกมาเกิดเอง!! คนพวกนี้จะรู้ไหมว่าในเมื่อตัวเองมีลูกแล้วก็ต้องรับผิดชอบจนกว่าพวกเขาจะสามารถยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง ทำไมถึงคิดว่าการมีลูกคือการที่ต้องเลี้ยงพวกเขา เพื่อให้พวกเขามาทดแทนบุญคุณอยากจับคนแก่พวกนี้ไปปรับทัศนคติจริง ๆ อยากบอกว่าการที่คนมันจะสำนึกนั้น ไม่ต้องไปทวงบุญคุณให้ยาก เพราะยิ่งทวงแล้วเจอพวกหัวแข็งขึ้นมาเท่ากับจบเลย แต่ก็แปลก คนที่นี่เอาเรื่องนี้มาขู่กันอย่างไม่อาย ไม่รู้หรือว่าคนเราไม่สมบูรณ์แบบ คนเรามีผิดพลาดทั้งนั้น ไม่ว่าจะแก่แค่ไหนก็ใช่ว่าจะถูกเสมอไป เหมือนเธอก็ไม่ได้ขาวสะอาดบริสุทธิ์ เธอยังทำเรื่องผิด โกหกปลิ้นปล้อนสารพัด เธอคิดแค่ว
ตอนที่ 30 กล้าหรือไม่เมื่อหรงผิงเห็นว่าสามพี่น้องบ้านเฉินต้องการแก้ปัญหาด้วยวิธีของเธอ หรงผิงเลยบอกให้เขาสร้างหลักฐานปลอมขึ้นมา ในเมื่อไม่มีหนังสือหรือเอกสารยืนยันว่าได้จ่ายเงินเดือนให้แม่เฒ่าเฉิน ก็สร้างมันขึ้นมาเท่านั้นเองหรงผิงคิดว่าสามพี่น้องเป็นทหาร น่าจะพอรู้จักกับเจ้าหน้าที่อยู่บ้าง ขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยเท่านั้นเอง และจากที่เห็น หลายสิ่งหลายอย่างในยุคนี้ตรวจสอบได้ยาก การจะตรวจสอบเอกสารสักใบอาจต้องใช้ทั้งเงินและเวลา ซึ่งคนส่วนมากจะหลีกเลี่ยงเรื่องการใช้เงินอยู่แล้วส่วนเรื่องขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ เธอคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา ขอแค่มีค่าน้ำชาและคาเฟยบ้าง และแน่นอนว่าเจ้าหน้าที่บางคนก็ต้องการน้ำชาคาเฟยคุณภาพดี ๆ ขึ้นอยู่กับว่าสามพี่น้องบ้านเฉินจะยอมจ่ายไหมคนเราไม่ได้มีความซื่อสัตย์ต่ออาชีพขนาดนั้น เพราะขนาดเจ้านายของพี่สาวอิงที่เป็นทหารยังทำการค้าเอง ทั้งที่รู้ว่ามันผิดกฎ ต้องมีเจ้าหน้าที่สักคนยอมช่วยเหลือในเรื่องนี้แน่นอน"บอกแล้วว่าฉันไม่ใช่คนดี" เมื่อเห็นทั้งสี่คนนิ่งค้าง หรงผิงก็ย้ำเตือนคนพวกนี้ทันที"แต่ไม่คิดว่าจะทำขนาดนี้ พี่รองให้เจ้าหน้าที่เดินเรื่องหย่าให้ นั่นคือหล
ตอนที่ 31 การเปลี่ยนแปลงหรงผิงยืนอยู่ที่บ้านเช่าหลังใหม่ โดยมีพี่ชายกับพ่ออยู่ด้วย เธอได้ไปจ้างงานพวกเขา โดยที่อ้างว่านายจ้างต้องการจ้างคนเฝ้าของ แต่ไม่ได้บอกให้รู้ว่านายจ้างคือใคร การจ้างงานถูกจ้างผ่านเธอผู้เป็นคนกลางในตอนแรกพวกเขาก็ซักถามมากมายหลายอย่าง แต่พอได้คำตอบแล้วก็ไม่ว่าอะไรและรับงานมาเฝ้าของให้ พวกเขาไม่ถามถึงเงินที่จะได้ เหมือนว่าอยากช่วยงานลูกสาว ช่วยงานน้องสาวมากกว่า และอีกอย่างที่พวกเขาทำ เพราะรู้ดีว่าทำแบบนี้มันผิดพวกเขาไม่ไว้ใจให้คนอื่นมาทำงาน เพราะกลัวว่าเธออาจเดือดร้อนได้ เลยรับงานนี้ไว้ทำกันเอง หรงผิงยิ่งรู้สึกดีมากกว่าเดิม เพราะสิ่งที่พวกเขาทำนั้น บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขารักเธอ จึงยอมช่วยโดยไม่สนใจค่าตอบแทนเลยสักนิดเดียว"น้องเล็ก เสื้อผ้าพวกนี้ซื้อมาจากไหน" เซียวฉวนหยิบชุดเด็กที่น้องสาวบอกเตรียมไว้ให้หลาน ๆ ก็แปลกใจ เพราะไม่เคยเห็นสิ่งของเหล่านี้"เจ้านายหามาจากเมืองอื่น ไม่รู้ว่าได้มาจากเมืองไหนเหมือนกัน" หรงผิงตอบพี่รองโดยที่ไม่ได้สนใจมองในสิ่งที่พี่ชายถามมากนัก"เก็บเงินไว้บ้าง" เซียวหยวนบอกน้องสาวก่อนจะส่ายหน้าไปมาเมื่อวันก่อนน้องสาวซื้อของกลับบ้านเย
ตอนที่ 32 ผมขอโอกาสหรงผิงกับสองแฝดต่างพากันยืนโบกมือให้ครอบครัวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม กว่าที่แม่จะยอมหยุด ...ก็บ่นจนหูของเธอชาไปหมด แต่เธอกลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก รับรู้ได้ถึงความรักและความห่วงใยที่ทุกคนในครอบครัวเซียวมอบให้"พ่อว่าแต่พวกเรา ที่ไหนได้... พ่อออกตัวแรงมากกว่าพวกเราเสียอีก" เซียวฉวนหัวเราะท่าทีของพ่อที่พยายามนิ่ง แต่มองอย่างไรก็รู้ว่าแม่จับทางได้!!"แต่พี่ก็ยังคิดว่าแม่พูดถูกนะน้องเล็ก เก็บเงินไว้ใช้ในครอบครัวดีกว่า น้องต้องจ่ายค่ารักษาให้น้องเขยด้วยไม่ใช่หรืออย่างไร" เซียวหยวนช่วยน้องไม่ให้โดนแม่บ่นมากก็จริง แต่ก็เห็นด้วยในสิ่งที่แม่บอกอยู่ดี"เข้าใจแล้วค่ะ ฉันซื้อในสิ่งที่จำเป็นเท่านั้น ต่อไปพวกพี่ก็ต้องซื้อกันเอง อีกอย่างฉันอยากตอบแทนทุกคนด้วย ก่อนหน้านี้ฉันมีแต่ทำให้ทุกคนเดือดร้อน พอฉันมีก็อยากให้ทุกคนได้บ้าง และที่สำคัญ ทุกคนไม่เคยทิ้งฉันไปไหน" หรงผิงบอกพี่ชายทั้งสอง น้อยคนนักที่จะมีครอบครัวที่รักใคร่กันดีแบบนี้ พอแต่งงานออกเรือนไปแล้วก็ต่างคนต่างช่วยครอบครัวตัวเอง แต่ครอบครัวของเธอกลับไม่เป็นแบบนั้น ยังคงช่วยเหลือกันเสมอถึงแม้จะออกเรือนไปแล้วก็ตาม"น้องไ
ตอนพิเศษ 3วันตรุษจีนของพวกเราณ โรงพยาบาลประจำมณฑล"เราจะได้กลับกี่โมง... ปกติพ่อกับแม่ไม่เคยมารับเราช้า แต่ทำไมวันนี้ถึงช้าได้เล่า" เสียงบ่นดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมทั้งชะเง้อมองไปยังเส้นทาง เฝ้ามองว่าคนที่ตัวเองรอจะมารับเมื่อไร"หิว ง่วง หรือว่ายังไง" ซือหงมองเพื่อนที่บ่นเป็นรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ เพราะพูดบ่อยมากจนจำไม่ได้แล้ว"หิว วันนี้ที่บ้านต้องมีอาหารมากมายแน่ ๆ " ซือเล่อหันมาบอกเพื่อนอย่างจริงจังซือหงกับซือเล่อเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรียนระดับประถม และเรียนด้วยกันมาตลอดจนถึงตอนทำงานก็ยังทำที่เดียวกันอีกด้วย พวกเธอเป็นเพื่อนสนิทกัน ชอบอะไรคล้าย ๆ กัน แม้แต่อาชีพที่เลือกเรียนยังเหมือนกันเลยสองสาวเป็นนักศึกษาแพทย์ปีสุดท้ายที่ต้องมาทำงานในโรงพยาบาลประจำมณฑล อีกไม่นานก็เรียนจบแล้ว แต่ใช่ว่าจะจบเลยทีเดียว ยังมีต่อเฉพาะทางอีก ซึ่งสองสาวยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะต่อด้านไหนดีทั้งสองสนิทกันจนถึงขั้นไปกินไปนอนบ้านของอีกคนได้ โดยที่คนในครอบครัวรับรู้ จนพ่อแม่ของทั้งสองคิดว่ามีลูกสาวเพิ่มเข้ามาในครอบครัวอีกคนแล้ว"หิวหรืออยากเห็นหน้าพี่ใหญ่ วันนี้วันตรุษจีน... " ซือหงพูดพร้อมทั้งหรี่ตาจ้องจับผิ
ตอนพิเศษ 2:: เซียวหรงผิงสาวน้อยจากวันสิ้นโลก ::หรงผิงขดตัวซ่อนอยู่ในมุมอับ ทั้งที่รอบ ๆ พื้นที่เงียบสงัด แต่เจ้าตัวกลับรับรู้ถึงภัยที่กำลังคืบคลานใกล้เข้ามา รู้ดีว่าด้านนอกนั้นคือสิ่งใด...เซียวหรงผิง คือชื่อที่พ่อกับแม่ตั้งให้ ผิงผิง คือชื่อที่พวกท่านชอบเรียกหา แต่นั่นเมื่อนานมาแล้ว ตอนนี้เธอไม่ต้องการให้ใครเรียก ผิงผิง อีกแล้ว เพราะมันทำให้เธอคิดถึงพวกท่านหรงผิงดีใจที่พวกท่านจากไปตั้งแต่ช่วงแรก อาจฟังดูใจร้าย แต่เชื่อเถอะว่าคนที่จากไปในช่วงเชื้อโรคแพร่ระบาด หรือในช่วงแรกนั้น... คนพวกนั้นโชคดีกว่าคนที่อยู่มาถึงทุกวันนี้โลกที่เธออยู่มีความเจริญก้าวหน้าด้วยเทคโนโลยี ทุกอย่างสะดวกสบาย เมื่อมีข้อดีก็ย่อมมีข้อเสีย รวมถึงมีรอยรั่วให้สิ่งแปลกปลอมแทรกซึม เธอไม่รู้ว่าสาเหตุหลักจริง ๆ แล้วเชื้อไวรัสนี้มาจากที่ใด แต่การแพร่ระบาดเริ่มในกลุ่มเล็ก ๆ คนที่ติดเชื้อจะถูกแยกและถูกเจ้าหน้าที่กักตัวไว้เพื่อดูอาการในช่วงแรกทุกคนคิดว่าคนที่ติดเชื้อคือโชคร้าย เธอคือหนึ่งในนั้นที่คิดว่าพ่อกับแม่โชคร้ายที่ติดเชื้อตั้งแต่แรก ท่านทั้งสองถูกส่งเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาล โดยที่ตัวเธอถูกจับตรวจร่างกาย เพื่อหาเ
ตอนพิเศษ 1:: เซียวหรงผิงมารดาตัวร้าย ::เซียวหรงผิงค่อย ๆ ขยับตัว พยายามที่จะเปิดเปลือกตา... เพื่อลืมตาตื่น ความทรงจำบอกว่าเธอตกน้ำเย็นจัด จึงทำให้ป่วยเป็นไข้นอนซมตั้งแต่กลับมาถึงบ้านเมื่อนึกย้อนกลับไปว่าเพราะเหตุใดจึงทำให้ตัวเองตกลงไปในน้ำ ก็ทำให้มีแต่อารมณ์กรุ่นโกรธ!! ไม่พอใจชาวบ้านที่พากันลือพูดข่าวมั่ว ๆ กล่าวหาว่าสามีของเธอกำลังจะกลับมาหย่า!! จะหย่าได้อย่างไร ในเมื่อไม่ยอมหย่าซะอย่าง ใครจะทำไม!!สามีของเธอไม่เคยกล้ากับเธอเลยสักครั้ง ถึงตัวไม่กลับมาแต่ส่งเงินให้ตลอด มีกินมีใช้ไม่เคยขาดมือ ก็ลองปล่อยให้ขาดมือดูซิ!! คนที่ต้องอดก็คือลูกของเขาทั้งสองคนอีกนั่นแหละ!! เธอจำได้ดีว่าโทรเลขไปขู่สามี หากครั้งนี้ยังไม่กลับมา อย่าได้เห็นหน้าลูกอีกเลย"ทำไมมันปวดหัวอย่างนี้วะ!! ไอ้แฝดหายหัวไปไหนหมด ไม่แหกตาดูหรือว่าฉันยังไม่ได้กินอะไรเลย พวกแกสองตัวอยากให้ฉันตายหรืออย่างไร อยากลองดีใช่ไหม แม่จะฟาดให้หลังลายเลย!! " แม้จะรู้สึกได้ว่าเสียงของตัวเองเปลี่ยนไป แต่เพราะรู้ว่าตัวเองไม่สบายอาจทำให้เสียงเปลี่ยนไปเท่านั้นเอง"ยังไม่โผล่หัวออกมาอีก!! วันนี้พวกแกสองตัวอดข้าวไปเลยนะ อย่าให้เห็นว่ากินอิ่มนอ
ตอนที่ 46 บทส่งท้าย(มารดาที่ดี)หรงผิงจับลูกสาววัยสิบสองปีทำผมที่เด็กสาวกำลังนิยมในช่วงนี้ ที่ลูกสาวทำผมจัดเต็ม เพราะวันนี้ทางโรงเรียนจัดงานแข่งขันกีฬาสี และยังประกาศผลสอบให้กับนักเรียนอีกด้วย"ทำไมน้องเล็กต้องทำหลายอย่างด้วย" จือหมิงนั่งกินโจ๊กไปด้วยมองน้องสาวไปด้วย"คุณครูประจำชั้นบอกว่าจะมีคะแนนกิจกรรมมอบให้ เลยทำทุกอย่างที่ครูเสนอ" ซือหงตอบไปตามตรง ไม่อยากทำแต่อยากได้คะแนน เพราะผลการเรียนมีผลต่อการที่จะยื่นเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย รุ่นพี่พูดแบบนี้ทั้งนั้น"หากเป็นแต่ก่อน พี่คงคิดว่าน้องเล็กน่าจะถูกหลอก แต่ตอนนี้ไม่น่าจะถูกหลอกง่าย ๆ นอกจากไปหลอกคนอื่นเขามากกว่า" จือหมิงก็ยังคงเย้าแหย่น้องน้อยไปด้วย แต่ที่เขาบอกออกไปนั้นคือเรื่องจริง!!น้องสาวของเขาไม่ใช่เด็กที่ขี้กลัวเหมือนแต่ก่อนแล้ว แม่เป็นแบบไหน น้องสาวของเขาเป็นแบบนั้นเลย และน่าจะร้ายมากกว่าแม่เสียอีก!! เพราะตอนนี้เขาจดจำแม่ปากร้าย แม่ใจร้ายไม่ได้แล้ว เขาจำได้แต่แม่ใจดีถึงแม่จะไม่ค่อยพูด แต่แม่สอนในหลายสิ่งหลายอย่างให้เขากับน้องสาว สอนให้รู้จักเข้มแข็ง สอนให้รู้จักแบ่งปันแก่ผู้อื่นเสมอ และสอนให้สู้คน ไม่ยอมให้คนมารังแก หรือเอา
ตอนที่ 45 เป็นลูกที่ดีหรงผิงยืนมองพ่อกับแม่ที่กำลังนั่งรอคิวให้เจ้าหน้าที่เรียกเข้าไปเพื่อตรวจสุขภาพประจำปี ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะมาอยู่ที่โลกใบนี้เกือบ 3 ปีแล้ว การงานของเธอมั่นคง มีโรงงานเป็นของตัวเอง โดยมีครอบครัวเฉินและครอบครัวเซียวดูแลเหมือนเดิมมาตั้งแต่แรกทุกคนช่วยงานกันเป็นอย่างดี เคยเป็นแบบไหนก็ยังเป็นแบบนั้นเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือทุกคนมีรายได้ดี มีเงินเก็บ และลูกหลานทั้งสองบ้านก็ได้เรียนหนังสือทุกคน"ทำไมต้องมาตรวจให้สิ้นเปลืองด้วย" เหลียนฟางมองลูกสาวที่เดินมานั่งใกล้ ๆ ก็อดที่จะบ่นไม่ได้"ไม่อยากอยู่เลี้ยงหลานเลี้ยงเหลนหรืออย่างไร" หรงผิงถามกลับ แกล้งขู่แม่ไปอย่างนั้นเอง"ฉันไม่ได้เป็นอะไร!! " เหลียนฟางรู้ดีว่าลูกสาวหมายถึงเรื่องอะไรความจริงแล้วปากบ่นไปแบบนั้นเอง มันคือความเคยชิน แต่ในใจกลับตื้นตันที่ลูกสาวใส่ใจ ห่วงพ่อแม่พี่ชาย ต้องให้ทุกคนมาตรวจสุขภาพประจำปี เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่มาไม่เคยรู้ว่ามีตรวจสุขภาพประจำปีประจำเดือนด้วย แต่พอลูกสาวคนนี้เริ่มเปลี่ยนไปก็เหมือนเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ ให้ครอบครัวได้เรียนรู้อยู่เรื่อย ๆ คำพูดของย่าทวดเป็นจริงเสมอ... ในตอนแรกที่ลูกสาวเปลี่ยนไ
ตอนที่ 44 ได้เป็นภรรยาอย่างเต็มตัว Nc+++กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางก็ผ่านมาอีกสามเดือน จนตอนนี้หรงผิงมาอยู่ที่โลกใบนี้เป็นปีแล้ว จากลูกอายุห้าขวบ ตอนนี้อายุหกขวบกว่า ๆ แล้วตอนนี้เด็กแฝดก็ไปเรียนแล้วด้วย เธอไม่รู้เลยว่ามีหลายอย่างเปลี่ยนไป เพราะว่ามัวแต่จัดการกับงานต่าง ๆ แต่พอทุกอย่างเข้าที่เข้าทางจึงทำให้มีเวลามองย้อนกลับไป จึงได้รู้ว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปมาก!!สองครอบครัวมีกินมีใช้ ฐานะดีขึ้น แต่ก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิมไม่ฟุ่มเฟือย แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ การที่สองครอบครัวสนิทกันมากขึ้น แบ่งปันสิ่งของกันเสมอ และที่เห็นได้ชัดอีกเรื่องคือ... ครอบครัวบ้านเฉินได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันครบทั้งหมดพี่ใหญ่บ้านเฉินลาออกจากการเป็นทหารกลับมาดูแลการผลิตในโรงงานให้เธอ เพราะพี่ชายทั้งสองของเธอต้องเข้ามาทำงานในมิติเลยไม่ได้ไปดูแลโรงงาน ทุกคนแบ่งหน้าที่กันทำอย่างลงตัวตอนนี้หน้าที่หลักของเธอคือทำบัญชีเองทั้งหมด แม้แต่ค่าแรงที่จ่ายให้ทุกคน เธอก็คือคนตัดสินใจ แต่ส่วนมากจะขอความคิดเห็นจากสามี เท่าที่รับรู้เธอจ่ายค่าแรงสูงกว่าราคาการจ้างงานทั่วไปแต่พอปรึกษากันแล้ว คิดว่าคนที่ทำงานให้เป็นญาติพี่น
ตอนที่ 43 สร้างเนื้อสร้างตัวซือหยางยืนมองสิ่งของต่าง ๆ ที่อยู่เบื้องหน้าของตัวเอง เขาเข้ามาที่มิติฟาร์มของภรรยานับครั้งไม่ถ้วน ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แต่ก็ยังไม่ค่อยคุ้นชินสักเท่าไรพอเข้ามาทำงานด้วยตัวเอง จึงได้รู้ว่าช่วงที่ภรรยาทำงานคนเดียวนั้นต้องทำงานหนักมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนเดียวต้องขับรถเกี่ยวข้าว แล้วต้องออกแรงสาวมุ้งดักปลาที่มีปลาจำนวนมากอยู่ในนั้น และไม่ใช่ออกแรงสาวเพียงรอบเดียวก็แล้วเสร็จ อย่างน้อยต้องมีถึงสิบกว่ารอบ ถึงจะครบตามจำนวนที่ต้องการ"น้องเล็กไปไหน" เซียวหยวนเดินออกมาหาน้องเขยที่กำลังยืนมองพื้นที่อยู่หน้าลานเกษตร"หลับครับ... ผมไม่อยากปลุก" ซือหยางรู้ว่าไม่สามารถช่วยอะไรในเรื่องที่ผ่านมาได้มาก เลยอยากชดเชยให้ภรรยาได้นอนพักบ้างในช่วงเวลานี้"เดี๋ยวตื่นมาบ่นอีก" เซียวฉวนเดินมาสมทบ หลังจากทำงานในส่วนที่ตัวเองรับผิดชอบเรียบร้อยแล้ว"งานเสร็จแล้ว ไม่น่าบ่นหรอกครับ" ซือหยางบอกไปแบบนั้นเอง... เขารู้ดีว่าภรรยาจะบ่นทุกครั้งที่ไม่ปลุกให้ตื่นมาช่วยทำงาน "น้องเล็กเหมือนคนอยู่ไม่สุข ต้องหยิบจับโน่นนี่ทำตลอด" เซียวฉวนส่ายหน้าไปมาเมื่อนึกถึงน้องสาว"กี่เดือนแล้วนะที่เราสามารถเข้
ตอนที่ 42 ค่อย ๆ เรียนรู้กันไปวันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ นับตั้งแต่วันที่หรงผิงเปิดเผยเรื่องมิติฟาร์มก็ผ่านมานานนับเดือนแล้ว เรื่องมิติฟาร์มยังเป็นความลับ รู้กันเพียงพ่อแม่ พี่ชายทั้งสองคน และสามีของเธอเพียงเท่านั้น ส่วนเจ้าแฝดยังไม่รู้ เธอยังไม่เคยพาลูกเข้าไปเลยสักครั้ง เพราะทั้งสองยังเด็ก กลัวจะทำความลับนี้หลุดออกไป จึงคิดว่าปิดไว้ก่อน รอให้โตกว่านี้ก่อนค่อยเปิดเผยทีหลัง ยังมีเวลาอีกมากมาย "เรียนเป็นหมอได้ไหมคะ" ซือหงที่สะพายกระเป๋าไปสมัครเรียนในวันนี้ก็เฝ้าถามคำถามนี้กับพ่อและแม่ทุกครั้งที่ตัวเองนึกขึ้นได้"เรียนเป็นหมอได้ค่ะ" หรงผิงจัดผมให้ลูกสาวอีกครั้ง เพราะมันไม่ค่อยเรียบร้อยสักเท่าไร"แล้วลูกล่ะ อยากเป็นอะไร" ซือหยางถามลูกชายที่ยืนยิ้มมองแม่กับน้องสาวอยู่ใกล้ ๆ "เป็นทหารเหมือนเดิมครับ" เขาอยากเป็นแบบพ่อทำงานหาเงินเยอะ ๆ แม่กับน้องจะได้ไม่ต้องทำงาน และแน่นอนเขาเคยบอกให้ทุกคนรู้แล้วว่าเขาอยากเป็นทหาร!!ซือหยางจับมือลูกชายไว้แล้วยิ้มกับท่าทางของลูกชาย การเป็นทหารมีหลายรูปแบบ หากเรียนมานั้นหมายถึงต้องมียศมีตำแหน่งแน่นอน แต่เขาสามพี่น้องคือสมัครเข้าไปเป็นทหารการสมัครเข้าไปเป็นทหารจะ
ตอนที่ 41 เปิดโลกใบใหม่หลังจากที่ได้รับคำสอนจากครอบครัวก็ทำให้หรงผิงต้องมาเปิดใจคุยกับพ่อเจ้าแฝดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งแรก เพราะได้คำสอนต่าง ๆ มามาก จึงทำให้เธอยอมที่จะเปิดใจ และคิดว่าต้องเริ่มปรับตัวให้เหมือนตัวเองมีครอบครัวจริง ๆ ไม่เหมือนแต่ก่อนที่จะคิดและทำอะไรแค่คนเดียวเสมอ"ลูกเริ่มเรียนรู้การเป็นแม่ที่ดีแล้ว ลูกก็เริ่มเรียนรู้การเป็นภรรยาไปด้วย ค่อยเป็นค่อยไป ไม่มีใครทำได้ตั้งแต่ครั้งแรก ทุกคนต้องเรียนรู้ด้วยกันทั้งนั้น"หรงผิงนึกถึงคำสอนของพ่อที่ปกติจะเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด กับคนภายนอกคือแค่ยิ้มทักทายเท่านั้น แต่กับเธอ พ่อกลับบอกสอนและพูดด้วยประโยคยาว ๆ และคำสอนแต่ละอย่างของพ่อมันดีมากไม่น่าเชื่อว่าสังคมที่ผู้ชายคิดว่าตัวเองเป็นใหญ่ไม่สามารถใช้ได้กับพ่อ เพราะพ่อไม่เคยกดขี่ข่มเหงคนในบ้าน สิ่งไหนทำได้ให้ช่วยกันทำ เสร็จก็ได้พักแล้ว เธอโชคดีที่มาอยู่ที่นี่ อยู่ตรงนี้ รู้สึกว่าตัวเองมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบจริง ๆ"แม่กินก่อนค่ะ" ซือหงสะกิดแม่ที่มองออกไปนอกบ้าน ไม่ยอมกินข้าวสักที"เดี๋ยวพ่อก็กลับครับ" จือหมิงคิดว่าแม่คงรอพ่ออยู่แน่ ๆหรงผิงหันมายิ้มให้ลูกทั้งสองก่อนจะก้มหน้