Home / โรแมนติก / ในเงาของหัวใจ / บทที่ 11 คืนก่อนประกายจะพร่า

Share

บทที่ 11 คืนก่อนประกายจะพร่า

last update Huling Na-update: 2025-04-14 14:24:41

แสงแดดอุ่นคลี่ตัวลงบนพื้นผิวของอาคารจัดแสดงนิทรรศการที่ถูกเนรมิตขึ้นอย่างวิจิตร ภายในห้องโถงหลัก ทีมงานต่างขะมักเขม้นตรวจความเรียบร้อยอย่างเงียบงัน ท่ามกลางความตึงเครียดที่แฝงอยู่ในความเรียบหรู

นาราเดินตรวจพื้นที่ด้วยสายตาที่แน่วแน่ ไม่หลุดโฟกัสแม้เพียงรายละเอียดเล็กน้อยของแสง เวที หรือกรอบโชว์เครื่องประดับ พรุ่งนี้คือวันจริง และเธอรู้ดีว่าทุกอย่างจะต้องไร้ที่ติ

ขณะเดียวกัน พราวฟ้าปรากฏตัวในชุดฝึกซ้อมที่ตัดเย็บอย่างเรียบโก้ ผ้าเนื้อดีพลิ้วไหวไปตามจังหวะการก้าวเดิน เส้นผมถูกรวบขึ้นอย่างหลวม ๆ เผยลำคอระหงและแววตาที่เจิดจรัสด้วยประกายของหญิงสาวที่มั่นใจในความงามในตัวเอง

แสงแดดอ่อนที่ลอดผ่านกระจกสูงสะท้อนแสงกระทบพื้นหินอ่อนเงาวับ เก้าอี้จัดเรียงตามแนวเวทีอย่างประณีต กล่องประดับเพชรหลักยังคงวางเด่นอยู่กลางโถงใต้แสงไฟไลต์เฉพาะจุดราวกับราชินีผู้สง่างาม

เสียงดนตรีจำลองที่เปิดเบา ๆ ในห้องโถง เริ่มคลี่คลายความเงียบงัน ทีมงานทยอยเข้าประจำตำแหน่ง ขณะที่พราวฟ้าก้าวออกไปยังกลางเวที เธอหมุนตัวอย่างงดงามแบบนางงามสองรอบเต็ม ก่อนหยุดโพสด้วยท่วงท่าสง่างาม มือหนึ่งแตะแผ่วเบาที่สร้อยคอ อีกมือแตะสะโพกอย่างมีชั้นเชิง

รอยผ่าของกระโปรงชุดราตรีแหวกออกเล็กน้อยตามการขยับ ทำให้เรียวขาอันงดงามเผยออกมาอย่างมีศิลปะ ไม่โจ่งแจ้ง แต่สะกิดความสนใจได้อย่างแยบยล

คีรณัฐที่ยืนสังเกตจากระยะห่างก้าวเข้ามาใกล้ ดวงตาของเขาอ่านรายละเอียดทุกจังหวะสายตาอย่างเงียบงัน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มทว่าชัดเจนพอให้ได้ยิน

"ถ้าขยับกระโปรงสูงขึ้นกว่านี้อีกนิดเดียว...ผมกลัวว่าแสงสปอร์ตไลต์จะส่องไปผิดจุดครับ"

พราวฟ้าหันมาหัวเราะเบา ๆ ดวงตาเป็นประกาย "คุณนี่...หมายถึงจุดไหนคะ?"

เขายิ้มบางแต่ไม่ตอบ หันไปสื่อสารกับทีมไฟด้านหลังให้ลดความสว่างบริเวณขอบเวทีลง ไม่ให้ส่องสว่างไปตรงส่วนล่างของชุดมากนัก

นาราก้าวเข้ามาในจังหวะพอดี มองสลับสองคนตรงหน้าแล้วหัวเราะอย่างอดไม่ได้ "สองคนนี้ ถ้าได้ทำงานร่วมกันบ่อย ๆ ฉันคงไม่ต้องจ้างทีมโปรดักชันแล้วล่ะ ประหยัดงบไปได้เยอะเลย"

คีรณัฐที่คุมงานด้านศิลป์อยู่ไม่ห่าง เดินเข้ามาแนะนำจังหวะการหมุนตัว พร้อมพูดกับพราวฟ้าด้วยน้ำเสียงอบอุ่น "ถ้าพลิกตัวช้ากว่านี้อีกสักนิด วางเท้าต่ำลงมาหน่อย ผมว่ามันจะสวยมาก สวยจนคนทั้งงานแทบจะหยุดหายใจพร้อมกันได้เลยนะครับ"

พราวฟ้าเบิกตากว้างก่อนจะหัวเราะลั่น "คุณนี่...จัดท่าซะปิดความเซ็กซี่ของฉันมิดเลยนะ!"

นาราขยับไปข้างพราวฟ้า พลางกระซิบเบา ๆ กับเธอ "ฉันชักไม่แน่ใจ ว่าที่ช่วยจัดท่าเพราะอยากให้ดูดี หรือเพราะหวงขาเรียว ๆ ของแกกันแน่"

"บ้าน่ะแก คิดไปเรื่อยแล้ว" พราวฟ้าพูดพร้อมกับตีไปที่นาราเบา ๆ

แม้จะพูดอย่างนั้น ทว่ากลับมีความเขินอายปรากฏขึ้นบนใบหน้าอย่างปิดบังไม่มิด

หลังการซ้อมเสร็จสิ้น พราวฟ้าชวนนาราไปฉลองเล็ก ๆ ในค่ำคืนก่อนวันงาน

แม้ว่านาราอยากจะปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็ทนต่อลูกตื๊อของเพื่อนสาวไม่ได้

"แค่ดื่มนิดเดียว ฉันสัญญา! ถือว่าให้กำลังใจตัวเองก่อนขึ้นเวทีพรุ่งนี้นะ”

ค่ำนั้น สองสาวนั่งอยู่ในร้านอาหารหรูใจกลางเมือง ดนตรีเบา ๆ คลอไปกับบรรยากาศเย็นสบาย นาราเผลอหัวเราะกับเรื่องเล่าของพราวฟ้าอยู่หลายครั้ง หัวใจที่เคยตึงเครียดค่อย ๆ คลายลง

ดื่มกันมาได้สักพัก นาราก็รู้สึกว่าเธอคล้ายจะเริ่มมึนหัวเล็กน้อย เธอจึงขอตัวไปห้องน้ำ

ขณะเดินกลับออกมา ประตูกระจกจากห้องทานอาหารวีไอพีบานหนึ่ง เปิดออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว

ร่างของนาราเซถอยหลังเล็กน้อย ก่อนจะชนเข้ากับใครบางคนที่เดินตามมาข้างหลัง

“โอ๊ะ ขอโทษค่ะ…” เธอหันกลับไปกล่าวขอโทษเขาอย่างรวดเร็ว

ทว่าด้วยความมึนเล็กน้อยผสมกับความตกใจ เธอจึงทรงตัวได้ไม่ดีนัก

มือที่แตะต้นแขนของเธอเบาและมั่นคง ชายหนุ่มตรงหน้าในชุดสูทเรียบหรู ยืนรับเธอไว้พอดี

เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขา ใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย แต่สัมผัสนั้น...กลับคุ้นอย่างประหลาด

“คุณโอเคไหมครับ” เสียงทุ้มต่ำชัดเจนเอ่ยถามด้วยแววตาสุภาพแต่ลึกซึ้ง

“ค่ะ ขอโทษนะคะ ฉันรีบไปหน่อย” นาราตอบพลางยิ้มจาง ๆ

เขามองเธอครู่หนึ่งก่อนจะพูดอีก “คุณดูไม่ค่อยมีสติเท่าไหร่นะครับ เมาเหรอ?”

“นิดหน่อยค่ะ เพื่อนลากมาดื่มผ่อนคลาย” เธอหัวเราะเบา ๆ ก่อนพยักหน้าเป็นเชิงลา “ขอบคุณนะคะ…สำหรับเมื่อกี้”

เมื่อเธอเดินจากไป ชายคนนั้นยังยืนอยู่ที่เดิม สายตาติดตามแผ่นหลังนั้นเงียบ ๆ แววตานิ่งงันแต่แฝงความอ่อนโยนเอาไว้ภายใต้ท่าทีสงบเสงี่ยม

ไม่กี่อึดใจถัดมา ผู้ชายร่างสูงในสูทสีเข้มเดินเข้ามาใกล้ เขาโค้งศีรษะเล็กน้อยก่อนกระซิบเบา ๆ

"ข้อมูลที่คุณธีภพให้ตรวจสอบเรื่องการรั่วไหลจากบริษัทวรเมธินทร์...ผมได้เบาะแสบางส่วนแล้วครับ ยังไม่แน่ชัดว่าเป็นใคร แต่มีความเคลื่อนไหวผิดปกติบางอย่างที่ผมเพิ่งตรวจสอบได้...."

ธีภพรับฟังโดยไม่เอ่ยคำ ดวงตาเขายังคงจับจ้องไปยังทิศทางที่นาราเดินจากไป พลางเอ่ยช้า ๆ

"เก็บรายละเอียดให้มากที่สุด และอย่าให้เธอรู้ว่าเรากำลังมองอยู่"

ผู้ช่วยพยักหน้ารับ ก่อนจะถอยกลับอย่างเงียบงัน

ในค่ำคืนที่เต็มไปด้วยไฟระยิบ ธีภพยังคงยืนอยู่อย่างนั้น...ราวกับป้อมปราการเงียบงันที่เฝ้ารอเวลาของมัน

................

ขณะเดียวกัน ภายในห้องนิรภัยเก็บรักษาเครื่องประดับ

อรดาก้มหน้าอ่านเอกสารปลอมที่มีตราประทับปลอมแปลงอย่างแนบเนียน ใบหน้าเรียบสนิทไร้ความรู้สึก เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ถูกเธอว่าจ้างไว้แล้วลอบเดินเข้ามาตามแผน ท่ามกลางความเงียบที่เคลือบคลุมไปทั่วโถงด้านหลัง

เครื่องประดับชุดสำคัญ เพชรเม็ดหลักที่เป็นหัวใจของงานประมูล ถูกบรรจุอย่างพิถีพิถันอยู่ในกล่องพิเศษ ห่อด้วยผ้าเนื้อดีเพื่อกันกระแทก

มือของอรดายื่นกล่องให้ชายคนนั้น ก่อนจะนำกล่องอีกใบหน้าตาเหมือนกันทุกประการเข้าแทนที่ตำแหน่งเดิม

เธอขยับกล่องอย่างระมัดระวัง ตรวจมุม วัดองศาแม้กระทั่งรอยพับของผ้า ไม่มีสิ่งใดถูกปล่อยให้ผิดตำแหน่งแม้แต่นิดเดียว

เจ้าหน้าที่คนนั้นพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะเก็บกล่องของจริงใส่กระเป๋าสีดำ และเดินออกไปทางประตูด้านหลังอย่างแนบเนียน

ไม่ถึงสิบห้านาทีหลังจากนั้น ขณะที่อรดาเดินผ่านบานกระจกด้านข้าง แสงไฟสะท้อนแววตาของเธอวาววับ มือถือในกระเป๋าเธอสั่นเบา ๆ

เธอหยิบขึ้นมาอ่านข้อความที่เพิ่งปรากฏบนหน้าจอ

> “ของจริงถูกจัดเก็บไว้ในที่ที่เราคุยกันแล้ว”

เธอกดลบข้อความนั้นทันที ปลายนิ้วยังแตะอยู่ที่หน้าจออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อย ๆ ละออก

ริมฝีปากที่เคยเรียบนิ่งคลี่รอยยิ้มบางออกมา...ช้า ๆ

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Kaugnay na kabanata

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 12 หลุมพรางแห่งการหักหลัง

    ค่ำคืนนี้ คืนแห่งงานประมูลสุดยิ่งใหญ่ที่ทุกสายตาจับจ้อง ห้องโถงนิทรรศการของวรเมธินทร์กรุ๊ป กลายเป็นฉากแห่งความฝันที่ถูกบรรจงสรรค์สร้างขึ้นเพื่อการเฉลิมฉลองความงามอย่างแท้จริงแสงไฟสีทองนวลละมุนไล้ไปตามแนวเพดานโค้งสูง สะท้อนกระทบคริสตัลที่เรียงรายราวหยาดน้ำแข็งจากสรวงสวรรค์ กระจกใสเจียระไนถูกจัดวางอย่างมีจังหวะ ทุกแผ่นสะท้อนเงาผู้คนเป็นพันเสี้ยว ดั่งเพชรที่มีหลากเหลี่ยมมุมทั่วบริเวณประดับประติมากรรมแก้วใสที่ถูกหล่อขึ้นเป็นรูปทรงเรขาคณิต แสดงถึงการควบรวมของศิลปะและวิทยาศาสตร์ เบื้องใต้แสงจันทร์จำลองที่สาดทาบผ่านเพดานโปร่งใส ผืนพรมสีหมอกเงินทอดยาวจากทางเข้าจนถึงเวทีกลางโถง ราวกับพาผู้คนก้าวเข้าสู่โลกซึ่งกาลเวลาและความจริงถูกระบายไว้ด้วยประกายอัญมณีแขกผู้มีเกียรติทยอยเดินเข้าสู่บริเวณงานอย่างต่อเนื่อง ราวกับขบวนแห่งรัตติกาลที่เปล่งประกายไม่หยุดยั้งชุดสูทตัดเย็บจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก สวมทับร่างของนักธุรกิจชายผู้ทรงอิทธิพล ชุดราตรีกวาดพื้นของสตรีผู้สูงศักดิ์ระยิบระยับด้วยคริสตัลจากปารีส ทุกฝีก้าวที่เหยียบย่างบนพรมเงินคือการแสดงออกถึงอำนาจ ฐานะ และศิลปะแห่งการเลือกสรรเสียงกดชัตเตอร์จากก

    Huling Na-update : 2025-04-14
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 13 หมากแรกที่เดินออกมาจากเงา

    เสียงพิธีกรกังวานขึ้นจากเวทีหลักกลางโถงงาน เสียงนั้นลึก หนักแน่น และเต็มไปด้วยพลังสะกดฝูงชนให้เงียบสงบในพริบตา"ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี... ค่ำคืนนี้คือค่ำคืนแห่งประกายและเรื่องราว ค่ำคืนที่ความงามไม่ได้เป็นเพียงสิ่งที่มองเห็น แต่เป็นสิ่งที่สัมผัสได้จากหัวใจ"เสียงปรบมือดังขึ้นเบา ๆ ก่อนจะเงียบลงอีกครั้งเมื่อพิธีกรยกมือขึ้นอย่างนุ่มนวล"วรเมธินทร์กรุ๊ป มีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งในการนำเสนอแฟชั่นโชว์เครื่องประดับแห่งปี ภายใต้แนวคิด 'ศรัทธาแห่งการฟื้นคืน' ซึ่งเชื่อมโยงเรื่องราวของความทรงจำอันมีค่า เข้ากับแสงสะท้อนของอัญมณี"เสียงดนตรีคลาสสิกเริ่มบรรเลงเบา ๆ เคล้ากับเสียงซุบซิบอันเงียบงันของผู้ชม"และเพื่อเปิดม่านสู่ค่ำคืนแห่งแรงบันดาลใจนี้ ขอเชิญทุกท่านพบกับการเดินแบบสุดพิเศษที่จะเปิดตัวด้วย 'เครื่องเพชรแห่งแรงบันดาลใจ' หนึ่งเดียวในค่ำคืนนี้!"แสงไฟทุกดวงดับวูบลงในเสี้ยววินาที ความเงียบปกคลุมห้องจนได้ยินเสียงลมหายใจเบา ๆ จากใครบางคนทันใดนั้น แสงสปอตไลต์สว่างวาบขึ้นบนเวที พร้อมกับเสียงดนตรีที่พุ่งทะยานดั่งสายลมยามค่ำคืนที่โอบล้อมผู้ชมไว้เวทีเปลี่ยนสีเป็นม่วงอมน้ำเงินระยิบ ทอดเงาบนพื้นพ

    Huling Na-update : 2025-04-14
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 14 กลับมาสู่ที่ของมัน

    เสียงภายในห้องโถงเงียบลงฉับพลัน ราวกับถูกกลืนหายไปพร้อมคำกล่าวหาของอรดา ดวงตานับร้อยหันมาจับจ้องที่นารา หญิงสาวในชุดราตรีสีทองดำผู้เป็นหัวใจของงานในค่ำคืนนี้แต่ในจังหวะที่ใครหลายคนเริ่มตั้งคำถาม เธอกลับยืนนิ่งสงบ ดุจผิวน้ำที่ไม่แม้แต่จะกระเพื่อมอรดาก้าวออกมาจากกลุ่มผู้ร่วมงาน เสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นห้องดังชัดเจนในความเงียบ ริมฝีปากแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มที่เหมือนจะนุ่มนวล แต่ในดวงตากลับเต็มไปด้วยความคั่งแค้นที่อัดแน่นจนแทบปริแตก“ฉันเสียใจจริง ๆ ที่ต้องเป็นคนพูดเรื่องนี้ออกมา” อรดาเอ่ยเสียงเรียบ “แต่ในฐานะผู้ช่วยที่อยู่เบื้องหลังงานนี้ ฉันมีหน้าที่ต้องปกป้องชื่อเสียงของแขกทุกท่านและชื่อของแบรนด์ที่เคยภาคภูมิใจ”เธอค่อย ๆ หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งจากกระเป๋าคลัตช์สีน้ำเงินเข้ม ยกขึ้นให้แสงไฟจับต้องชัด“นี่คือใบรับรองของเพชรฟินาเล่ที่ใช้เปิดงานค่ำคืนนี้ค่ะ”เธอหมุนเอกสารให้กล้องสื่อมวลชนและแขกในงานเห็นอย่างทั่วถึง ก่อนใช้นิ้วชี้แตะลงที่มุมล่างขวา “ตรงนี้...ไม่มีโลโก้ของสถาบันรับรอง ซึ่งในทุกใบรับรองจะต้องมีตามมาตรฐาน”เสียงซุบซิบเริ่มดังขึ้นอีกรอบ หนักแน่นและแผ่กระจายเหมือนไฟลามบนผืนหญ้าแห้ง“ฉ

    Huling Na-update : 2025-04-14
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 15 ผู้ประมูลปริศนา

    หลังจากที่ผู้คนเริ่มสลายตัวจากความวุ่นวาย เสียงซุบซิบแผ่วเบาค่อย ๆ จางลงไปตามจังหวะของเวลาที่คลี่คลายแสงไฟในห้องโถงสลัวลง เหลือเพียงประกายจากโคมไฟระย้าซึ่งทอดแสงอุ่นนุ่ม เหนือพื้นที่ที่ยังอบอวลไปด้วยแรงสะเทือนจากเหตุการณ์เมื่อครู่นารายืนอยู่เงียบ ๆ คนเดียวตรงข้างเวที สายตาเธอมองไปยังกล่องเพชรที่วางอยู่บนโต๊ะ ราวกับยังคงจับต้องความจริงได้ไม่หมด เธอสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วผ่อนออกเบา ๆเสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นจากด้านหลัง“คุณไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”น้ำเสียงทุ้มของชายหนุ่มดังขึ้นใกล้พอให้หัวใจสะดุ้งเบา ๆเธอหันกลับไป เห็นธีภพยืนอยู่ตรงนั้นในแสงสลัว ใบหน้าของเขานิ่งสงบ แต่แววตายังมีเงาของความห่วงใยไม่ปิดบัง“ไม่ค่ะ…ฉันไม่เป็นไร” เธอตอบเรียบ ๆ พลางเบนสายตากลับไปยังเพชรตรงหน้า “แต่ก็ยังไม่แน่ใจ ว่าหัวใจของฉันยังแข็งแรงพอจะจัดงานต่อไปได้หรือเปล่า”“หัวใจของคุณแข็งแกร่งกว่าที่คุณคิด” เขาตอบช้า ๆ “คุณยืนอยู่ตรงนี้ได้ทั้งที่ถูกหักหลัง ถูกใส่ร้าย ถูกประณาม…แต่คุณไม่เคยถอยแม้แต่ก้าวเดียว”นาราเงียบ ราวกับคำพูดนั้นกลั่นซึมเข้าสู่รอยร้าวบางอย่างในใจธีภพเดินเข้ามาใกล้อีกก้าวหนึ่ง“ผมเฝ้ามองคุณมาตลอด…น

    Huling Na-update : 2025-04-14
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 16 ก็แค่หมากไม่ใช่คนคุมเกม

    พราวฟ้าลูบต้นแขนตัวเองเบา ๆ เหมือนเพิ่งรู้สึกเย็นวูบวาบขึ้นมาอีกครั้ง “แล้วเธอรู้ไหม ตอนที่ฉันรู้ว่าเพชรที่ฉันใส่ตอนเดินโชว์เป็นของปลอม ฉันแทบเป็นลม!” เธอทำตาโตประกอบคำพูดนาราหัวเราะเบา ๆ “โชคดีแล้วล่ะที่ไม่มีอะไรผิดพลาด ยังไงฉันก็ต้องขอโทษสำหรับเรื่องนี้ด้วยนะ ที่ทำให้แกต้องมาเดือดร้อนไปด้วย”"เดือดร้อนอะไรล่ะแก" พราวฟ้ายืดอกแล้วยิ้มอย่างมีชั้นเชิง "เรื่องนี้ทำให้ฉันได้แสงต่างหากล่ะ อยู่ดี ๆ ก็มีกระแสจากเรื่องเพชรปลอมที่ฉันเองก็ตกเป็นเหยื่อ แม้จะไม่โดยตรงเหมือนแกก็เถอะ แต่ก็ได้คะแนนความสงสารท่วมท้นเลยล่ะ""งั้นคุณฟ้าดาราชื่อดังต้องจ่ายค่าสร้างกระแสให้ฉันด้วยสินะ" นาราเอ่ยเย้าหยอกเพื่อนรักด้วยเสียงจริงจัง "สักยี่สิบเปอร์เซ็นของงานโฆษณาตัวหน้าคิดว่าไง"สองสาวพากันหัวเราะออกมาอย่างคนที่รู้ทันกันพราวฟ้าพยักหน้ารัวแล้วพูดถึงเรื่องในวันงานต่อ “แล้วยัยอรดานั่น...ตอนได้ยินที่เธอพูดบนเวที ฉันแทบลุกขึ้นไปปาส้นสูงใส่หน้าเลย เธอหน้าด้านมากนะ! แกล้งทำเป็นห่วงบริษัท ทั้งที่ตัวเองเป็นคนเอาของปลอมมาเปลี่ยนให้ฉันใส่เอง!”เธอส่ายหน้าแล้วถอนหายใจยาว “สมน้ำหน้านางจริง ๆ ที่จบลงในคุก! คิดจะแทงข้างหลังเ

    Huling Na-update : 2025-04-14
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 17 แทรกแซงการถือหุ้น

    เวลาผ่านไปราวสองสัปดาห์หลังงานประมูล นาราเดินหน้าปรับโฉมโรงแรมในเครือวรเมธินทร์อย่างเต็มกำลัง การประชุมภายในบริษัทถูกจัดขึ้นในห้องประชุมใหญ่ ท่ามกลางทีมบริหารระดับสูงและฝ่ายพัฒนาโครงการ“โครงการที่จะพลิกโรงแรมของเราให้เป็นมากกว่าที่พัก คือสิ่งที่ฉันอยากเห็นจริง ๆ” นารากล่าวเปิดประชุมด้วยน้ำเสียงมั่นคงคีรณัฐก้าวขึ้นไปหน้าห้อง นำเสนอแนวคิดใหม่ผ่านสไลด์ที่เรียบหรู“เราขอเสนอการติดตั้งระบบผู้ช่วยอัจฉริยะภายในห้องพัก โดยเชื่อมโยงกับระบบ AI Concierge (ผู้ช่วยอัจฉริยะที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการให้บริการลูกค้า หรือ ดูแลอำนวยความสะดวก) ที่สามารถควบคุมทุกอย่างในห้องผ่านเสียง ตั้งแต่อุณหภูมิ แสงไฟ เพลง ไปจนถึงแนะนำที่เที่ยวและบริการของโรงแรม”จากนั้น คีรณัฐคลิกภาพถัดไปที่เผยให้เห็นภาพจำลองของ AI Concierge เสมือนจริงในชื่อ “VARA” บนจอ“VARA หรือวารา ย่อจาก Virtual Assistant for Remarkable Arrival ที่หมายถึงผู้ช่วยเสมือนเพื่อการมาถึงอย่างน่าประทับใจ จะเป็นภาพเสมือนในห้องพักของแขกทุกคน เธอจะปรากฏตัวบนหน้าจอหลัก พร้อมเสียงพูดที่นุ่มนวล ช่วยต้อนรับและแนะนำบริการต่าง ๆ อย่างมีเสน่ห์ เป็นมิตร และมืออาชีพ

    Huling Na-update : 2025-04-14
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 18 ทำลายความแข็งแกร่งให้พังทลาย

    หลังจากที่เสียงประชุมเงียบลง และผู้ถือหุ้นทยอยกันออกจากห้อง นารากลับมานั่งที่โต๊ะทำงานส่วนตัวของเธอด้วยความเหนื่อยล้า ความตึงเครียดที่สะสมมาทั้งเช้าเริ่มคลายตัวลง เธอหยิบจดหมายเตือนฉบับนั้นขึ้มมาพินิจดูอย่างครุ่นคิดอีกครั้งไม่มีชื่อผู้ส่ง ไม่มีตราประทับบริษัท ไม่มีแม้แต่สัญลักษณ์ใด ๆ ที่บอกว่าเป็นจดหมายทางธุรกิจ ปลายนิ้วลูบผ่านผิวกระดาษที่หยาบเล็กน้อย ราวกับมันถูกจงใจเลือกให้ดูเรียบง่ายจนเกือบไร้พิรุธ“พี่ศิตาคะ เข้ามาหาฉันหน่อยค่ะ” นารากดออดเรียกพี่ศิตาเลขาคู่ใจเดินเข้ามาแทบจะทันที“คะ คุณนารา?”“จดหมายฉบับนี้…มากับแฟ้มเอกสารพวกนี้เหรอคะ?”พี่ศิตาขมวดคิ้วมอง ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ “ใช่ค่ะ พี่เห็นมันสอดอยู่ในแฟ้มที่ฝ่ายบัญชีส่งขึ้นมา พี่ก็ไม่ทราบว่าเป็นจดหมายอะไร นึกว่าเป็นของคุณนาราเอง เลยนำมาวางไว้ให้ที่โต๊ะ”นาราพยักหน้าเบา ๆ แม้ใบหน้ายังเรียบนิ่ง แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยคำถาม ใครเป็นคนส่งจดหมายปริศนานี้มา?..................................ท่ามกลางค่ำคืนที่มืดมิด เสียงดนตรีจากด้านนอกยังคงดังแผ่ว ๆ เข้ามาเป็นจังหวะคงที่ ขับกล่อมบรรยากาศในห้องส่วนตัวของไนต์คลับหรูให้คลายความตึงเครียดล

    Huling Na-update : 2025-04-14
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 19 รวมถึงเธอคนนั้นด้วยหรือเปล่า

    เช้าวันใหม่ในบริษัทวรเมธินทร์กรุ๊ป เสียงรองเท้าส้นสูงเบา ๆ ดังแผ่วมาตามทางเดิน ก่อนที่ประตูห้องทำงานของประธานหญิงจะเปิดออก พร้อมกับเสียงสดใสที่คุ้นหู“ฉันเอาของกินมาฝากค่ะ ท่านประธานคนสวย!”พราวฟ้ายิ้มกว้างในชุดเดรสลำลองเรียบหรู ถือถุงขนมและของว่างแน่นมือ ทั้งเบเกอรีโฮมเมด ชานมไข่มุกจากร้านดัง และของว่างจากแบรนด์พรีเมียมที่หิ้วมาจากห้างหรูนาราเงยหน้าจากกองเอกสาร ยิ้มบาง ๆ อย่างเหนื่อยแต่ต้อนรับ “นี่ยังเช้าอยู่นะ แล้วนี่…ซื้อทั้งร้านมาเหรอ?”“เกือบทั้งร้านแหละ!” พราวฟ้าหัวเราะแล้ววางถุงขนมเรียงไว้เต็มโต๊ะรับแขก “ได้ยินมาว่าคีรณัฐทำงานอยู่กับเธอใช่มั้ย? ของกินเยอะแบบนี้…ฉันว่าแบ่งไปให้เขาด้วยดีกว่า”นารายิ้มมุมปาก “มาหาฉันหรือมาหาผู้ชายกันแน่?”พราวฟ้าชะงักไปนิด ก่อนจะหัวเราะกลบเกลื่อน “หึ อย่าแซวสิ ก็แค่เพื่อนของเพื่อนจะเอาขนมไปฝากมันผิดตรงไหน”ทั้งสองหัวเราะกันเบา ๆ บรรยากาศผ่อนคลายลงจากความตึงเครียดของงานช่วงที่ผ่านมาทันใดนั้น เสียงเคาะประตูดังขึ้น พี่ศิตาเข้ามาด้วยท่าทางสุภาพ“คุณนาราคะ มีบัตรเชิญจากงานเลี้ยงแวดวงนักธุรกิจที่กำลังจะจัดขึ้นอาทิตย์หน้าค่ะ แขกเชิญในงานเป็นระดับผู้นำบ

    Huling Na-update : 2025-04-14

Pinakabagong kabanata

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 111 รอยที่เด่นชัดในสายตาเธอ

    หลังพายุอารมณ์สงบลง ร่างสองร่างยังแนบชิดกันอย่างเหนื่อยหอบ ธีภพยังคงกอดเธอไว้แน่น ทั้งที่เขารู้ว่าเธอหมดแรงแล้ว แขนเขาประคองร่างเธอไว้ราวกับกลัวว่าเธอจะสลายไปกับน้ำที่ยังไหลพร่าข้างตัว นาราซบหน้าลงกับไหล่เขา ลมหายใจยังสะท้อนอยู่บนอก ธีภพโน้มหน้าลง กดริมฝีปากเบา ๆ บนแก้มนวลของเธอ “คุณโอเคไหม…” เขาถามเสียงแผ่วพร่า แฝงความห่วงใยเต็มเปี่ยม ปลายนิ้วของเขาไล้ปอยผมเปียกที่แนบแก้มเธอออกอย่างแผ่วเบา สัมผัสของเขานุ่มนวลราวกับกำลังลูบดอกไม้ที่กลัวจะช้ำเพียงเพราะแรงนิ้ว นาราหลับตาอยู่ในอ้อมกอดเขา ลมหายใจยังไม่ทันเรียบสนิท “เหนื่อยนิดหน่อย…” เธอเอ่ยเสียงแผ่ว “คุณ...กินดุเกินไป” ถ้อยคำเรียบง่ายนั้นกลับดังชัดในอกเขา ธีภพชะงักเล็กน้อย ดวงตาเขานิ่งนาน…ก่อนจะยิ้มบาง ๆ อย่างที่เขาไม่เคยยิ้มให้ใครแบบนั้นมาก่อน เขากระชับวงแขนแน่นขึ้น ประคองร่างบางในอ้อมอกให้ใกล้ขึ้นอีก แล้วเอ่ยเสียงอ่อน… “งั้นก็ปล่อยให้ผมดูแลคุณ…จนกว่าจะไม่รู้สึกเหนื่อยอีกต่อไปนะ” หลังเช็ดตัวให้เธออย่างเบามือจนหยดน้ำแทบไม่หลงเหลือบนผิว ธีภพหยิบชุดลำลองผ้าฝ้ายสีอ่อนมาวางบนตักเธอ แล้วคุกเข่าลงตรงหน้า ราวกับไม

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 110 ชะล้างเศษความกลัว

    ในห้องน้ำ เสียงน้ำไหลไม่ดังนัก แต่พอจะกลบความเงียบที่เต็มไปด้วยความใกล้ชิดที่แทบไม่ต้องอธิบาย ธีภพยืนอยู่ข้างหลังเธอ มือหนึ่งประคองไหล่ อีกมือค่อย ๆ สระผมให้เธออย่างเบามือ ฟองสีขาวละมุนไหลผ่านลำคอและแผ่นหลังเปลือย นาราหลับตา ปล่อยให้เขาดูแลเธอโดยไม่ต่อต้าน เธอไม่เคยคิดว่าการให้ใครแตะร่างกายเธอ…จะทำให้รู้สึกปลอดภัยได้ถึงเพียงนี้ นิ้วมือของเขานวดเบา ๆ ที่กลางศีรษะ ไล้จากโคนผมไปจนถึงท้ายทอยด้วยจังหวะมั่นคงสม่ำเสมอ และมันชวนให้เธอรู้สึกเหมือนทุกเศษความกลัว…กำลังถูกล้างออกไปช้า ๆ “ผมอยากทำสิ่งพวกนี้ให้คุณ…ทุกวัน” ธีภพยังคงยืนแนบชิดด้านหลัง มือหนึ่งสางผมเธอเบา ๆ ขณะที่อีกมือประคองไหล่เปลือยเปล่าไว้อย่างแนบแน่นแต่ไม่รุนแรง เขาโน้มหน้าลง…ริมฝีปากสัมผัสซอกคอเธอแผ่ว ๆ ก่อนจะกดจูบแน่นขึ้นอีกเล็กน้อย เสียงหอบของเธอดังแผ่วเมื่อรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนจัดที่เป่ารดบนผิวเนื้อ เขาไม่ได้เร่ง แต่เคลื่อนริมฝีปากไปช้า ๆ จูบไล้เล็ม และลูบไล้ ไล่ผ่านลาดไหล่ บ่าบาง…ลงมาที่แผ่นหลังขาวจนกระทั่งเธอเริ่มสะท้านไม่รู้ตัว ธีภพจับเธอให้หมุนตัวช้า ๆ หันกลับมาสบตาเขา แววตาเธอสะท้อนแสงในห้องน้ำระยิบระยับ

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 109 ห่างหายมานานเกินไป

    มือของธีภพเลื่อนไปตามเรียวแขนของเธอ ไล้ผ่านเนินไหล่ ลำคอ และแผ่นอกอย่างเนิบช้า ทุกสัมผัสของเขา…ร้อนจัดอย่างไม่อาจควบคุม แต่แฝงความอ่อนโยนราวกับกำลังหลอมละลายร่างกายเธอทีละส่วน ปลายนิ้วเขาไล้ผ่านเนินอกนุ่มด้วยจังหวะช้าและทรมานใจ นาราสะดุ้งเล็กน้อย หอบลมหายใจเฮือกแรก ไม่ใช่เพราะเจ็บ…แต่เพราะความซ่านซึมที่ไหลผ่านผิวกายแบบที่ไม่อาจควบคุมได้ “ธีภพ…” เธอเรียกชื่อเขาเสียงสั่นพร่า ริมฝีปากเผยอน้อย ๆ ราวกับจะยอมรับทุกสัมผัสที่เขากำลังจะมอบให้ เขาก้มลง จูบที่ปลายคางของเธอ…แล้วลากริมฝีปากผ่านลำคอขาวเนียน ไล่ลงมาเรื่อย ๆ จนถึงยอดอกที่สั่นไหวเพียงปลายนิ้วแตะ เขาใช้ปลายลิ้นแตะสัมผัสเบา ๆ ที่นั่น ก่อนจะดูดกลืนมันด้วยจังหวะช้า ร้อน และชื้นละมุน นาราร้องครางแผ่ว ร่างกายเธอกระตุกเล็กน้อยพร้อมเสียงหอบหายใจที่เริ่มขาดช่วง มือของเธอจิกลงที่แผ่นหลังเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ขณะเขาสลับใช้มืออีกข้างบีบเคล้นอกอีกข้างของเธอเบา ๆ สัมผัสนั้นไม่รุนแรง…แต่มากพอจะทำให้เธอเสียววาบจนแทบต้องกัดริมฝีปากตัวเองกลั้นเสียง “คุณกำลัง…” เธอพูดไม่จบ เพราะในจังหวะถัดมา มือของเขาเลื่อนลงไปยังต้นขาของเธอ ปลายนิ้วสัมผัส

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 108 คุณมันเอาเปรียบ…

    “คุณธีภพ!” เธอร้องเสียงหลง ใบหน้าแดงจัด “วันนี้…” เขาก้มหน้าลง เอ่ยเสียงทุ้มกระซิบแนบหู “ยังไงผมก็ต้องได้รางวัลของผมอยู่ดี” น้ำเสียงของเขานุ่มละมุน ราวกับโอบคลุมเธอไว้ทั้งร่างกายและหัวใจ นาราทุบไหล่เขาเบา ๆ “นี่...ฉันยังทำงานไม่เสร็จ วางฉันลงเดี๋ยวนี้เลยนะ!” “ช้าไปแล้วครับคุณนารา…” เขาหัวเราะเบา ๆ เสียงหัวเราะนั้นอ่อนโยน ละลายทุกความแข็งกร้าว เสียงหัวเราะของธีภพยังคงก้องเบา ๆ อยู่ข้างหูนารา ขณะที่เขาอุ้มเธอขึ้นจากเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานในห้องทำงานส่วนตัว ภายในบ้านเงียบสงบ แสงไฟสีอุ่นถูกหรี่ลงเหลือเพียงพอให้มองเห็น นอกหน้าต่างเป็นเพียงท้องฟ้ายามค่ำที่มืดสนิท มีเพียงแสงดาวเร้นอยู่ไกล ๆ ราวกับเฝ้ามองโลกอย่างเงียบงัน เขาก้มลงกระซิบใกล้หูเธอ เสียงนุ่มทุ้มฟังคล้ายรอยยิ้ม “พอแล้วครับ เลิกทำงานได้แล้ว…คืนนี้คุณควรพักผ่อน” นาราทำท่าจะค้าน แต่ก่อนที่คำพูดจะหลุดออกจากริมฝีปาก ร่างของเธอก็ถูกอุ้มขึ้นในอ้อมแขนอย่างไม่ทันตั้งตัว “คุณมันเอาเปรียบ…” เธอบ่นเบา ๆ พลางตีไหล่เขาอย่างเขิน ๆ “ผมก็แค่รับรางวัล...ในฐานะคนที่ทุ่มเทที่สุดในรอบปี” เขาตอบเรียบ ๆ แต่ดวงตาเป็นประกายเจ้าเล่ห์ เข

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 107 ต้องการรางวัล

    ภานุวัฒน์ฟังเงียบ ๆ ดวงตาคมหลุบต่ำซ่อนแววบางอย่างที่ไม่มีใครทันสังเกต เขายิ้มบาง ๆ ...ในใจกลับเยือกเย็นกว่าครั้งไหน เขาวางแก้วลงบนโต๊ะเบา ๆ ก่อนจะโน้มตัวไปข้างหน้า “แต่ถ้านายอยากได้ผลประโยชน์มากกว่านั้น โดยไม่ต้องเสี่ยง ไม่ต้องให้ใครฟ้องร้อง…มันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีวิธี” “หมายความว่าไง?” ปกรณ์เลิกคิ้ว “มีช่องทางอื่น…ที่สะอาดกว่า ฉลาดกว่า และเติบโตได้เร็วกว่า” ปกรณ์ยังคงลังเล แววตายังเฝ้าจับผิดเล็ก ๆ “อะไรของนายอีกวัฒน์…จะให้ฉันเล่นหุ้นเถื่อนหรือไง?” ภานุวัฒน์หัวเราะนุ่ม ๆ “ไม่ใช่ของเถื่อน…แต่มันคือการมองให้ออกว่า ‘ใคร’ กำลังใช้ระบบให้เป็นประโยชน์ ดูอย่างซาเลียนสิ อยู่ ๆ ก็เข้าตลาดมาได้…ภายในเวลาแค่ปีเดียว จนใคร ๆ ก็ต้องหันมามอง” เขาเอนหลังอย่างคนที่ไม่เร่งเร้า แต่ปล่อยให้คำพูดไหลซึมเข้าสู่ความคิดของอีกฝ่าย “นายไม่อยากรู้เหรอว่า…พวกเขาทำยังไง?” ปกรณ์นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่แววตาจะฉายประกายความสนใจ “แล้วถ้าฉันสนใจล่ะ?” ภานุวัฒน์ยิ้มมุมปาก “ถ้านายสนใจ…นายก็ต้องเชื่อใจฉันก่อน” ................. เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน ในบ้านที่ถูกล้อมด้วยบรรยากาศ

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 106 ฉันไม่เคยเห็นนายเป็นคนอื่น

    ไนท์คลับหรู ใจกลางเมือง ห้อง VIP เสียงเบสดังกระหึ่มลอดผ่านผนังผ้ากำมะหยี่ แสงไฟสีม่วงอมฟ้าสาดส่องเป็นจังหวะ ทำให้ห้องที่เงียบสงบดูเหมือนถูกล้อมด้วยจังหวะชีพจรของเมืองทั้งเมือง ปกรณ์นั่งตัวตรงอยู่บนโซฟาหนังสีเข้ม มือกุมแก้วเหล้าไว้แน่น สีหน้าดูไม่ต่างจากตอนอยู่ในอาคารสูง เพียงแต่ตอนนี้ แววตาของเขาฉายความล้าแบบที่เขาไม่เคยยอมให้ใครเห็นมาก่อน ภานุวัฒน์เอนตัวพิงพนักอย่างสบาย ดวงตาคมทอดมองอีกฝ่ายราวกับเพื่อนที่ห่วงใย “มีอะไรก็บอกมาเถอะปกรณ์ ฉันไม่เคยเห็นนายเป็นคนอื่น” ปกรณ์ไม่พูดในทันที เขาเพียงแค่ยกแก้วขึ้นจิบ แล้วปล่อยให้แอลกอฮอล์ลื่นไหลลงคอราวกับหวังให้มันพาเรื่องหนักออกไปจากใจ “วรเมธินทร์...” เขาเอ่ยช้า ๆ เสียงแผ่วลง “ฉันกำลังมีปัญหาใหญ่กับพวกเขา” “นารา วรเมธินทร์?” ภานุวัฒน์เลิกคิ้ว “คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่เสือของวงการธุรกิจ?” “ใช่…เธอมีหลักฐานในมือ แฟ้มการเงินที่ไม่ควรหลุดออกไปจากโต๊ะของฉัน” ปกรณ์พูดราวกับกลืนก้อนหิน “และที่แย่กว่านั้น…ศักดิ์ดา หายตัวไป” “หายตัว?” น้ำเสียงของภานุวัฒน์เปลี่ยนไปเล็กน้อย “ติดต่อไม่ได้เลย ไม่ว่าจะช่องทางไหน ราวกับหายเข้ากลีบเมฆ…ฉันไม่รู้ว่าเข

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 105 มีเรื่องที่จัดการไม่ลงตัว

    ธีภพยืนสงบนิ่งกลางแสงไฟสีหม่น แสงสลัวสะท้อนใบหน้าคมที่สงบเกินจะคาดเดาได้ แต่ในดวงตายังคงเรืองประกายบางอย่างที่บอกชัดว่า เกมนี้ยังไม่จบ เขาหันไปมองภานุวัฒน์กับคีรณัฐ เพียงการสบตา...ทุกอย่างก็ถูกส่งต่อโดยไม่ต้องใช้คำ “เตรียมพร้อมขั้นต่อไป” “ถึงเวลาจัดการกับปกรณ์” เสียงของเขาเรียบ แต่หนักแน่นพอจะทำให้ใครบางคนล้มทั้งยืน ไม่มีคำถาม ไม่มีการทบทวน เพราะทุกคนรู้ดี ว่าเมื่อธีภพเอ่ยคำว่า 'จัดการ' สิ่งที่ตามมา ไม่เคยมีคำว่าลังเลอยู่ในนั้น เมื่อภารกิจถูกส่งผ่าน ธีภพคลายเนกไท ถอดสูทพาดไว้กับแขน ปลายนิ้วกดแอปฯ ร้านอาหารในมือถือ ก่อนจะหยิบกุญแจรถแล้วก้าวออกไปอย่างเงียบงัน ... เสียงแตรเบา ๆ ดังขึ้นหน้าประตูบ้านวรเมธินทร์ ลุงอำนวยที่กำลังเช็ดทำความสะอาดรูปปั้นหินเงยหน้าขึ้น ก่อนจะยิ้มกว้างทันทีที่เห็นร่างชายหนุ่มในตัวรถ “คุณธีภพ กลับมาแล้วเหรอครับ” “ครับ” ธีภพยิ้มบาง ยื่นถุงของสดและอาหารในมือให้ “มีปลานึ่งแบบที่เธอชอบ ฝากช่วยเตรียมจานกับหม้อซุปหน่อยนะครับ” "ส่วนถุงนี้ ของลุงครับ" ลุงอำนวยเอ่ยขอบคุณแล้วรับถุงอย่างคล่องแคล่ว พร้อมพยักหน้า พลางพูดด้วยแววตาที่อบอุ่นกว

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 104 ซากที่ยังเดินได้

    ศักดิ์ดาเงยหน้าขึ้นอีกครั้งด้วยความยากลำบาก แสงไฟเหนือหัวส่องลงบนใบหน้าคมเข้มของชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา ในตอนแรกเขาคิดว่าแสงนั้นหลอกตา แต่เมื่อสายตาเริ่มปรับชัด...หัวใจของเขาก็แทบหยุดเต้น ธีภพ... คนที่เขาได้ยินข่าวว่าล้มป่วยหนัก คนที่เขารู้มาแน่นอนว่า เดินทางไปรักษาตัวต่างประเทศ คนที่โลกธุรกิจทั้งวงการพากันเข้าใจว่า ถอนตัวจากทุกตำแหน่งเพราะสุขภาพไม่เอื้ออำนวย …แต่ตอนนี้เขากลับยืนอยู่ตรงหน้า ในสภาพที่เต็มไปด้วยพลัง อำนาจ และสายตาเฉียบขาดจนศักดิ์ดารู้สึกหนาวสั่นตั้งแต่ต้นคอจรดปลายสันหลัง “ค…คุณ…” เสียงของศักดิ์ดาขาดเป็นช่วง ๆ อย่างไม่เชื่อสายตา “ไม่ใช่ว่า...คุณ...ป่วย…” ธีภพไม่ตอบในทันที เขาแค่เดินเข้ามาใกล้…ช้า ๆ ชั่วขณะที่เสียงฝีเท้าแตะกับพื้นซีเมนต์ ทุกเสียงรอบตัวเหมือนหายไปจากโกดังนั้น เขาหยุดยืนตรงหน้าศักดิ์ดา โน้มตัวลงเล็กน้อย สายตาคู่นั้น เย็นจนไม่มีไออุ่นหลงเหลือ “ข่าวลือมันมักจะเชื่อง่ายกว่าความจริงเสมอ โดยเฉพาะกับคนที่อยากให้ฉันหายไป” เขากล่าวเรียบ ๆ แต่น้ำเสียงกลับเหมือนกรีดลึกลงกลางอกของคนฟัง “และมันก็ง่าย…ที่แกกับปกรณ์จะหลงคิดว่า นาราไม

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 103 จะอ่อนโยนให้มากที่สุด

    ธีภพก้มหน้าลงเล็กน้อย กระซิบใกล้ใบหูเธอ น้ำเสียงเขาต่ำทุ้ม และอ่อนหวานในแบบที่เธอไม่คุ้นชิน “สงสัยเรื่องคืนนั้นมันผ่านไปนานจนคุณจำอะไรไม่ค่อยได้ แต่ผมก็ไม่รังเกียจที่จะรื้อฟื้นความทรงจำให้กับคุณนะ” นาราหลบสายตา ใจเต้นแรงผิดจังหวะ แต่ยังเอ่ยเสียงแผ่ว “นี่...คุณ" "ฉัน...ยังบาดเจ็บอยู่นะ” ธีภพยิ้มมุมปาก แตะปลายนิ้วที่แก้มเธอเบา ๆ “งั้นผมจะอ่อนโยนกับคุณให้มากที่สุด” เขาไม่ได้รอคำตอบ เพียงแค่ก้มตัวลง ประคองเธอขึ้นในอ้อมแขนอย่างมั่นคง นารานิ่งไป นาทีนี้เธออายจนพูดอะไรไม่ออก สัมผัสของเขาช่างอบอุ่น…และปลอดภัย ราวกับไม่มีอะไรในโลกจะเข้าถึงเธอได้หากมีเขาอยู่ตรงนี้ เธอซุกใบหน้าลงบนไหล่เขาอย่างแผ่วเบา หัวใจเต้นช้าแต่มั่นคง ในอ้อมกอดของผู้ชายที่เธอเคยผลักไส แต่ไม่อาจปฏิเสธได้อีกต่อไปว่า…เขาคือที่พักสุดท้ายของใจเธอจริง ๆ เมื่อประตูห้องนอนถูกเปิดออก ธีภพก้าวเข้าไปอย่างเงียบงัน พร้อมกับร่างของนาราที่อยู่ในอ้อมแขน ทุกย่างก้าวของเขานุ่มนวล ราวกับกลัวจะรบกวนลมหายใจของเธอ เขาเดินตรงไปยังเตียงกว้างกลางห้อง ก่อนจะค่อย ๆ โน้มตัวลง วางเธอลงบนผืนผ้านุ่มอย่างแผ่วเบา นารากำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่

Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status