เขาตวาด ทำให้มิ่งขวัญยืนจังงังด้วยคาดไม่ถึง เขายังประคองพิมสุดาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย มองหล่อนด้วยแววตาที่ทำให้มิ่งขวัญรู้สึกว่ามันไม่มีเยื่อใยใดๆ เอาเสียเลยระหว่างหล่อนกับยายแก่นั่น หล่อนพ่ายแพ้ สังขารที่ยังสดกว่าสู้สังขารยายแก่ไม่ได้...หล่อนกำมือแน่นกัดริมฝีปากเอาไว้ก่อนจะคลายออก“คุณศิ...คุณพูดผิดหรือเปล่า...คุณไม่ได้ตั้งใจใช่ไหมคะ”“ออกไปให้พ้นบ้านผมนะ” เขายังใช้น้ำเสียงดุจเดิม”ถ้าคุณยังไม่ไปผมจะเรียกคนมาลากคุณโยนออกไปเดี๋ยวนี้”“คุณศิ”“ไป”เสียงเขากึกก้อง และเมื่อมิ่งขวัญยังไม่ยอมขยับ...เขาก็เรียกหาคนของเขาเสียงลั่นบ้าน ให้ไปเรียกยามหน้าประตูมาลากหล่อนออกไป...เท่านั้นเองก็ยิ่งกว่าตอกย้ำกันมิ่งขวัญน้ำตาตกพรู หล่อนรู้แล้วว่าพิมสุดาสำคัญอย่างไรบ้าง หมุนตัวกลับวิ่งออกไปทั้งที่น้ำตาอาบแก้ม“ศิลา จะปล่อยออกไปดีรึนั่น”“ช่างหัว...ทำเกินไปนะฮะนี่ น้าแหม่ม ผมเสียใจที่มิ่งขวัญล่วงเกินกับน้าแหม่ม...ดีเท่าไหร่แล้วผมไม่ได้ตบตอบแทน”“อย่าเลย ศิลา...อย่ารุนแรงแบบนั้น มันไม่ได้ทำให้เป็นลูกผู้ชายแกร่งกล้าอะไร นอกเสียจากจะได้ชื่อว่ารังแกผู้หญิงไม่มีทางสู้ นี่น่ะน้ายกให้เพราะมิ่งขวัญหึงจนเลือดขึ้นหน้า
เขาเดินกลับมาหาเธอ “เราเคยพูดกันแล้วว่าจะไม่ให้ยายมินแกระคายใจเลยไง คุณจำได้ไหม”“ไม่ใช่ความจำเสื่อมนี่คะ”“อย่าพูดแบบตะกี้นี้อีก”“ยายมินมันร้าย มันไม่เห็นใจพี่มันเลย มันอิจฉายายมิ่ง เห็นพี่สาวฟูมฟายน้ำตาผิดหวังในตัวผู้ชายแทนที่จะพูดปลอบโยน มันมีแต่จะซ้ำเติมให้ทรุดหนักตัวเองไม่มีความรักมันก็พูดได้...”“มินไม่ใช่คนแบบนั้น ฉันเห็นมันรักพี่สาวยังกะอะไรดี คุณเองก็รู้แก่ใจว่ามินทำอะไรเพื่อยายมิ่งบ้าง มิ่งซะอีกยังไม่เห็นทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเพื่อน้องสาว”เขาพูดในสิ่งที่เขารู้เห็นมาแต่ไม่อยากจะพูดหากไม่จำเป็น เขาได้อดทนเสมอมา แม้จะปิดปาก แต่เขาไม่เคยปิดหูปิดตาตัวเอง เขาได้รู้เห็น ได้เวทนาในตัวมินตานักหนาแล้ว“เห็นแต่วิ่งวุ่นตามผู้ชาย ไม่อยากพูดนะ เดี๋ยวจะมาฟูมฟายน้ำตากับฉันเข้าอีก...แต่คุณควรจะพูดกับแก ผู้ชายยังไม่ได้หมั้นหมายกันด้วยซ้ำ แกจะไปโวยวายอะไรกันนักหนา”“คุณอีกคนที่ไม่เข้าใจลูก ฉันรู้แล้วว่ายายมินขวางโลกเหมือนใครก็เหมือนพ่อมัน...มันไม่ได้ติดนิสัยคนเลี้ยงอย่างฉันไปบ้างเล้ย...ไม่ได้ดังใจ...นี่คุณ...ถ้าฉันเหลือทนกับยายมินมากๆ ฉันจะยกให้คนอื่นรับเอาไปเป็นลูกซะมั่ง...ยกให้คุณสีดาเลยเป็
“มีคนขอพบค่ะ” เลขาฯ ของเขาเข้ามาบอก “ผู้หญิง รออยู่ข้างล่างยามกันเอาไว้”“ใคร”“มิ่งขวัญ”เขาส่ายหน้าเกือบจะทันทีนั้นทีเดียว “ลงไปบอกว่าผมไม่อยู่”“ถ้าไม่ยอมล่ะคะ”“คุณรู้นี่ว่าควรจะจัดการแบบไหน เด็ดขาด ไม่ต้องถามผมอีกผมจะไม่ลงไป งานผมเยอะแยะ...เพราะผมจะไม่อยู่สักอาทิตย์หนึ่ง ผมจะไปพักผ่อน คุณเตรียมเรื่องนัดหมายในช่วงเจ็ดวันหน้าของผมไว้ให้เรียบร้อยก่อนสามโมงเย็นวันนี้แล้วกัน”“ค่ะ”หล่อนออกจากห้อง รับคำสั่งของศิลามาเรียบร้อยแล้วและพอหล่อนลงมาบอกมิ่งขวัญก็ได้เห็นสาวสวยเม้มปากทำตาวาวๆ และทำท่าเหมือนจะฝ่าหล่อนไปให้ได้ เท่านั้นหล่อนก็พยักเรียกคนยามเข้ามากันมิ่งขวัญออกไปด้วยท่าทีนุ่มนวล แต่เมื่อคนทำท่านุ่มนวลเป็นผู้ชายตัวโตกำยำล่ำสันก็ทำให้มิ่งขวัญถอยกรูดไปได้เหมือนกัน“บอกคุณศิลาว่าฉันชื่อมิ่งขวัญ...เขาจะต้องให้ฉันพบ”“เขาไม่อยู่ค่ะ เพิ่งจะออกไป”“โกหก”“เราไม่ได้โกหกนะคะ คุณกลับไปดีกว่า”“ฉันจะไม่กลับ”ยามเลยถูกสั่งว่า“จัดการด้วยแล้วกัน ฉันยังมีงานค้างข้างบนอีกแยะ”มิ่งขวัญไม่รู้จะทำอะไร ขืนหล่อนยังปักหลักอยู่อีกต่อไป หล่อนไม่รู้ว่าจะต้องพบเจอกับสิ่งใดอีกบ้าง ผู้ชายตัวโตหน้าตาน่ากลัวคนนี
“ไม่ใช่แบบนี้ คุณหมี” เขาเงยหน้าขึ้นสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “เอาเถอะอยากรู้ผมก็จะบอกให้ รู้แล้วต้องให้เหมือนเดิมนะ” เขายื่นมือมาบนโต๊ะจับมือของลักษมีเอาไว้ “ผมไม่อยากให้คุณจากผมไป ยังต้องการให้คุณเป็นเพื่อนผมแม้เรื่องที่ผมทำลงไปมันจะออกทุเรศสักหน่อย แต่ผมไม่มีทางเลือกเป็นอื่น ผมถูกบีบนะ” เขายังไม่วายจะโยนว่าเป็นความผิดของศิลาอยู่นั่นเองปรารถนาของศิลาที่เขายับยั้งไม่ได้...มันง่ายดายเพื่อแลกกับเงินเท่านั้นเองพอเขาบอก ลักษมีก็มีสีหน้าประหลาด และทำท่าตะลึงงันไปได้นานหลายนาที“คุณหมี เข้าใจผมหรือเปล่านั่น”เขาถามอย่างร้อนรนยิ่ง“หมีพยายามจะเข้าใจ...”เขาขายผู้หญิงหนที่สองแล้ว หนก่อนหน้านี้คือแหวน...หนที่สองหญิงเพื่อนบ้านของเขาเอง“คุณศิลาเขาต้องการ รายนี้เขาบอกมาเลย...ว่าเขาขอผมไม่ได้เป็นคนยื่นข้อเสนอนะ ผมมีเครื่องเพชรไปให้ เขาไม่เอา เขาต้องการมินตา”“เขารักมินตารึคะ”“ผมไม่รู้ ผมอยากคิดอย่างนั้นเหมือนกันนะ แต่มันเป็นไปได้อย่างไรกันเล่า คุณหมี ยายมินมอมแมมกะโปโลไม่ใช่สาวสวยเฉียบ ไม่คู่ควรกับเขา หรือเขาเพียงแต่จะระบายความใคร่...ตามประสาผู้ชาย”“หมีรู้จักเขาดี คุณศิลาไม่ใช่คนมักง่ายขนาดนั้น เขา
“ทำไมเลิกไวคะ ก็ยังได้อยู่”ลักษมีถามอย่างพิศวง เมื่อสาวิตต์วางมือลงแล้วในคืนนี้ สีหน้าของเขาเหมือนครุ่นคิดเรื่องใดเรื่องหนึ่งอยู่ในใจ“ผมรู้สึกไม่สู้จะสบายใจนัก”“เรื่องมินตาหรือคะ”ชายหนุ่มพยักหน้า“ยายมินจะเป็นอย่างไรบ้านก็ไม่รู้”“สายเกินไปแล้วมังคะ” ลักษมีประชดให้นิดหนึ่ง “ป่านนี้เขาคงจะสุขสมไปแล้ว คุณส่งแกไปเอง แล้วจะมาเสียใจ มันไม่ช้าไปหน่อยหรือคะ...”สาวิตต์แยกจากลักษมีด้วยความรู้สึกปั่นป่วน...คิดเรื่องมินตาแล้วเขาอยากอาเจียน มันอัดแน่นอยู่ข้างในด้วยความขยะแขยงตัวเองเป็นอันดับแรกกว่าเขาได้ทำลงไปแล้ว...ขายมินตา...มันต่างจากตอนเขาพาแหวนไปขาย...มันไม้ความรู้สึกแตกต่างกัน เพราะเขาเคยเห็นมินตามาแต่เล็กแต่น้อยนั่นเอง เหมือนน้องเหมือนเพื่อน...“ผมปวดหัว” เขาบอกคุณสีดาที่ยังไม่ได้นอน หมู่นี้แม่เขามีอาการแปลกไปจากเมื่อก่อน เธอแทบจะไม่ยอมกินไม่ยอมนอนให้เป็นปกติวิสัย“แม่ก็เหมือนกัน...คุณศรีเพิ่งโทร. มาฟูมฟายว่าลูกสาวไม่กลับบ้าน”สาวิตต์ตัวแข็งทื่อแต่ยังเสไก๋ถาม“ลูกสาวคนไหนล่ะฮะ”“ยายมินน่ะซิ ไม่รู้ไปไหน...เพื่อนที่บริษัทก็แวะมาหาที่บ้าน บอกว่าออกไปแต่บ่าย...”เพื่อนหล่อนหรือ...ชายหนุ่มค
ธันวามองเธอเหมือนจะผิดหวัง ในขณะที่เขาเดือดร้อนแสนสาหัสกับการที่เพื่อนเขาหายตัวข้ามวันข้ามคืน แต่แม่ของมินตากลับทำเหมือนไม่เดือดร้อนเอาเสียเลย เขาจำต้องลากลับ...ไปบ่นกับครรชิตที่ออฟฟิศอย่างกลัดกลุ้ม“มินจะไปไหนได้ล่ะฮะ มินไม่เคยไปแบบนี้ คนไม่เคยทำเหลวไหลมาก่อนเลย ผมว่าต้องไอ้หมอนั่นแน่ๆ ท่าทางมันมีพิรุธ มันอาจจะพายายมินไปทำเรื่องไม่ดี...”“แล้วทำไมเขากล้ากลับมา”“เขาอาจจะทำร้ายยายมินไปแล้ว...โอ...พี่ชิต เป็นไปได้ไหมฮะว่ายายมินอาจจะ...ตะ...ตายแล้ว”“เฮ้ย...” ครรชิตเสียงหลง แล้วส่ายหน้า “คิดมากไปได้นี่หว่า แช่งยายมินมันด้วย”“แล้วจะให้คิดไปทางไหนได้อีกล่ะฮะ...ผมรู้ตอนนี้ว่ามินอาจจะตกอยู่ในอันตราย แล้วทางบ้านของแกก็ไม่ได้ห่วงใยแกสักเท่าไหร่ ยายแม่ทำหน้าตาเหมือนลูกสาวหนีไประเริงกับผู้ชาย ไม่ยอมกลับมาบ้าน ถ้ายายมินกลับมาวันไหนอาจจะยับเพราะยายแม่ก็ได้นะ”“นายอย่าเพิ่งคิดมาก”แต่สีหน้าของครรชิตก็ยังไม่สู้ดีนัก เขาอดห่วงใยต่อมินตาไม่ได้ อยู่ๆ หล่อนหายไป แต่ครรชิตอยากจะถามเรื่องมินตากับใครสักคนหนึ่งที่เขาไม่อาจจะบอกธันวาได้กลัวเจ้าหนุ่มนี่จะแล่นไปเอาเรื่องกันถึงบ้าน ธันวาเลือดร้อนได้เสมอหากเก
เขานึกถึงอดีตนับสิบปีมาแล้ว...เด็กผู้หญิงจอมวุ่นคนหนึ่งที่พูดมาก ช่างซักเสียจนเขาเวียนหัวและต้องคอยเดินหนีจากหล่อน ทั้งที่จะว่ากันไปแล้วก็มีเพียงหล่อนคนเดียวเท่านั้นที่ป้วนเปี้ยนเข้าใกล้เขา คอยจะเป็นเพื่อนเล่นกับเขา ทั้งที่เขาไม่อยากจะเล่นด้วย ไม่อยากพูดด้วย แต่หล่อนก็ยังไม่ละความพยายาม เป็นเด็กคนเดียวที่ไม่เคยพูดร้ายๆ กับเขาไม่เหมือนเด็กหญิงคนพี่...เด็กหญิงที่ดูสำรวยสวยผ่องอยู่ตลอดเวลา เด็กคนที่มองเขาเป็นตัวเชื้อโรคร้าย และเชิดคางยกไหล่ขึ้นทุกครั้งที่ได้เห็นเขา ไม่เคยจะเอ่ยพูดจากับเขาตรงๆ นอกจากพูดอ้อมๆ แล้วประชดประชันใส่เขา เด็กหญิงคนนั้นเข้ากันได้ดีกับเด็กชายที่มีสายเลือดครึ่งหนึ่งในกายเช่นเดียวกับเขาถึงตอนนี้ศิลาอดถามตัวเองไม่ได้ว่าเขาทำร้ายมินตามากเกินไปหรือเปล่า ทำกับหล่อนทั้งที่หล่อนเคยดีกับเขาเอาน่า เขาสัญญากับตัวเอง หากหล่อนตื่นขึ้น เขาจะเริ่มต้นกับหล่อนใหม่...ก็หล่อนเป็นเมียเขาแล้ว...ชายหนุ่มทอดกายลงนอนข้างๆ กอดหล่อนเอาไว้โดยไม่มีวี่แววว่าหล่อนจะลุกขึ้นมาในตอนนี้เลย เนื้อเย็นแต่แน่น...จับตรงไหนก็รู้สึกถึงความเต็มตึง และยังไม่มีสิ่งใดให้ตะขิดตะขวงใจด้วยว่าหล่อนเคยผ่านผู้ชา
“เจ้าแม่แหม่มล่ะ”เขาไม่รู้ชื่อจริงแน่นอนของผู้หญิงคนนั้น “ไปบอกนะว่าเพื่อนของมินตามาขอพบ ถ้าไม่ยอมให้พบ จะได้เรื่องแน่ๆ”แม้จะรู้ว่าเป็นเพียงคำขู่ แต่พิมสุดาก็ไม่อยากให้มีเรื่องออกไป เพราะรู้ว่าความโกรธของคนนั้นเหมือนไฟ หากปล่อยให้ลุกลามมันจะเดือดร้อนได้แสนสาหัส เธอออกมาต้อนรับเขา สีหน้าของเธออ่อนโยนพอจะดับความรุ่มร้อนของธันวาลงได้“มีอะไรให้ช่วยหรือคะ”ท่าทีที่ดูดีเกินกว่างานอาชีพของเธอทำให้ธันวาไม่กล้าจะรุนแรงด้วยนัก แต่ความเคร่งเครียดของเขาก็ยังฉายชัด“คนของคุณเอาตัวเพื่อนผมไปกักขัง ปล่อยแกกลับมาเถอะฮะ”“มินตารึ”“ใช่ เพื่อนของผม...”“ฉันยังไม่ได้เจอเขาเลยนะ เขาว่าจะไปพักผ่อน ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรลงไปบ้าง”“เขาทำร้ายเพื่อนของผม มินตาเป็นผู้หญิง จะสู้อะไรกับผู้ชายได้ ให้แกกลับมา”“ฉันจะพูดกับเขาดู...แล้วจะบอกคุณดีไหม”“พูดเดี๋ยวนี้เลยซิ”พิมสุดาส่ายหน้า“ยังไม่ใช่เดี๋ยวนี้...ใจเย็นๆ ซิคุณ”“เพื่อนผมยับไปแล้ว ยังจะให้ผมใจเย็นอยู่อีกรึ ถ้าเป็นไปได้ผมอยากได้ที่อยู่ของศิลาด้วย ผมจะไปที่นั่น ไปเอาตัวเพื่อนผมกลับมา”ธันวามองพิมสุดาเหมือนชั่งใจตัวเองอยู่เหมือนกัน ว่าจะบังคับให้เธอทำในสิ่งที่
“ไม่ใช่ห้องนี้”มินตาตัวแข็ง เมื่อเขาเปิดประตูห้องที่หล่อนเป็นคนตกแต่งเพื่อเป็นห้องหอของเขากับมิ่งขวัญหล่อนพยายามจะถอยกลับ แต่ศิลาผลักหล่อนออกเดินไปข้างหน้า“ฉันยอมมาที่นี่ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะใช้ห้องนี้” หล่อนยังเสียงแข็งและมีท่าทีปฏิเสธ ไม่ยอมรับ“คุณแต่งมันเอง...ก็ใช้เสียเองซิ” เขาบอกนุ่มๆ “ที่ทางของคุณเอง“ฉันทำเพื่อพี่มิ่ง” หล่อนยืนยัน หล่อนรักมิ่งขวัญไม่เคยเปลี่ยนแปลงเป็นอื่น“แต่มันเป็นสิ่งที่คุณชอบ” เขาดักคอ “ผมรู้ว่ารสนิยมของมิ่งขวัญเกิดจากตัวคุณเป็นหลัก...ลืมซะว่าผมเคยสั่งว่าอย่างไร นั่นเป็นข้ออ้างจะเอาตัวคุณมาทำงานต่างหากเล่า ถ้าผมไม่บอกว่าเป็นห้องหอมีหรือที่คุณจะยอมมาทำ ตอนนั้นคุณชังน้ำหน้าผมจะแย่”“ตอนนี้ก็ใช่”“ผมไม่เชื่อ ไม่มีวันเชื่อ...”เขาปิดประตูไว้ข้างหลังแล้วยืนพิงอยู่อย่างนั้น ตอบหล่อนด้วยถ้อยคำหนักแน่นเขาจะไม่ยอมเสียหล่อนไปศิลาบอกตัวเองว่าเขาจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองสมปรารถนาให้จงได้ ต่อให้ยากเท่ายากก็ตามที“เราจะต้องคุยกันตามลำพังสองต่อสองแล้วละ มินตา”เขาบอกด้วยเสียงนุ่มทุ้ม และแน่นอนว่ามีกังวานของความรักอยู่มากมาย เขาไม้ปฏิเสธใจตัวเอง“ไม่...” หล่อนป
พิมสุดามาแล้วกลับไปแล้ว ปล่อยให้มินตาได้ครุ่นคิดตามลำพัง แม้จะมีปรางคอยรับใช้อยู่ใกล้ๆ แต่มินตาก็เหมือนอยู่คนเดียว...หล่อนคิดถึงอนาคตวันข้างหน้าเมื่อไม่มีบ้าน ไม่มีพ่อ ไม่มีสิ่งใดหลงเหลือให้คว้าติดอีกหล่อนจะทำอย่างไรดีนั่นคือสิ่งที่มินตาต้องคิด...มันไม่ใช่เรื่องเล็กเสียด้วย เพราะเท่ากับต้องเอาอนาคตมาเป็นเดิมพัน...อนาคตที่มินตาไม่แน่ใจ และหล่อนก็รู้ว่าเพราะตัวเขานั่นแหละที่ทำให้หล่อนเกิดความรู้สึกเช่นนั้นขึ้นมา/////////////////////////////ผู้ชายสองคนต่างวัยแต่มีสายเลือดส่วนหนึ่งเหมือนกันได้เผชิญหน้ากันอีกครั้ง คนแก่ดูจะยิ่งแก่ ในขณะที่คนหนุ่มก็มิได้ทำท่าลำพองว่าตัวเองเป็นผู้ชนะ ต่างคนต่างมองกันชั่วอึดใจในความเงียบงันแล้วศิลาก็เป็นคนเอ่ยขึ้นมาก่อน “สาวิตต์เป็นอย่างไรบ้าง”“ก็ยังเหมือนเดิม...เก็บตัวเอง...และไม่พูดไม่จากับใครเลย”“เขาคงจะหายสักวันหนึ่ง“นั่นคือความหวัง”“ผมจะเอาใจช่วยแล้วกัน”คุณทรงศักดิ์ทำท่าเหมือนไม่คาดคิดเมื่อได้ยินเช่นนั้น“ต่อ...ให้อภัยพ่อกับพี่แล้วใช่ไหม”ชายหนุ่มส่ายหน้า นั่นคือความจริง เขายังไม่อาจจะให้อภัย เพียงแต่เขาคิดว่าเขาจะวางมือในส่วนนี้...หลายปีที่เ
“ไล่ปรางหรือคะ...” มินตาแสนจะตกใจ “ทำไมล่ะคะ ปรางทำผิดตรงไหน”“มันเป็นพวกแกนี่ รับเอาไปซิ นังนั่นมันเลี้ยงไม่เชื่อง หวังว่าที่พูดมานี่แกคงจะเข้าใจนะ”“ค่ะ มินตารับคำ ดวงหน้าสลด ครอบครัวของหล่อนคือซาก...มันคืออดีตที่เหมือนจะเนิ่นนานผ่านมาแล้ว ดวงตาของหล่อนซุ่มไปด้วนน้ำตา ป่วยการจะพูดมากไปกว่านี้อีกเมื่อคุณมารศรีและมิ่งขวัญปั้นปึ่งใส่ มินตามาไหว้พ่อ นั่งพับเพียบอยู่นานจนศิลาต้องเป็นฝ่ายสะกิดหล่อน“กลับดีกว่ามั้ง มินตา...เขาประคองหล่อนลุกขึ้น ท่าทีถนอมเป็นนักหนาบาดตาของมิ่งขวัญสุดขีด หล่อนไม่อาจจะยอมรับออกมาดังๆ ว่าลึกลงไปนั้นหล่อนเจ็บปวดกับการที่ถูกทิ้ง...ทั้งที่หล่อนเคยทระนงในตัวเองมาตลอด ผู้ชายคนนั้นคือชายที่หล่อนรักและเมื่อความจริงเปิดเผยออกมารักกลายเป็นร้าง และขมขื่นที่สุดจะหารสชาติใดมากกว่านี้ ในชีวิตคงจะไม่มีอีกแล้วแน่นอน“แม่คะ...มิ่งตัดสินใจแน่นอนแล้ว พอเสร็จงานพ่อ มิ่งจะไปอยู่เมืองนอก เราไปด้วยกันไหนคะ แม่...เอาบ้านนี้ให้เช่า...ถ้าไม่คิดจะขาย เราคงจะพอมีเงินสักก้อนไปเที่ยวเล่นด้วยกัน พอให้มิ่งหายช้ำใจแล้วค่อยกลับมาใหม่...หรือบางทีเราอยู่ทางโน้นกันเลยก็ได้ มิ่งก็พอจะมีเพื่อนที
ดวงตาคู่นั้นเบิกกว้าง และมินตาก็นิ่งงันปราศจากเสียงกรีดร้องจนเขาใจเต้นแรง ไม่รู้ว่าหล่อนเสียใจแค่ไหนกันการรับรู้ในการสูญเสียหนนี้ มือของเขาลูบไล้เส้นผม“มินตา ได้ยินผมหรือเปล่า”“ก็ดีเหมือนกัน” หล่อนพึมพำออกมา “จะได้จบสิ้นกันแท้จริงๆ”“ไม่....” เขาปฏิเสธเสียงลั่น“เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก”“อย่าพูดแบบนี้...ทิ้งทุกอย่างเอาไว้ข้างหลัง แล้วเราเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน ที่ผ่านมาผมรู้ว่าผมผิด จะไม่ให้อภัยคนที่รู้สำนึกหรอกหรือ มินตา...ใช่ว่าผมจะไม่เสียใจหรือไม่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้นะ เพียงแต่ ตอนนั้นความแค้นทำให้ผมบ้าเลือดและลากคุณเข้ามาพัวพันด้วย”“ฉันให้อภัย แล้วก็โยนมันทิ้งเอาไว้ตรงนั้นแหละ...”ศิลากำลังจะพูดอีก แต่เสียงเคาะประตูห้องขัดจังหวะเสียงก่อนและประตูเปิดเข้ามาหลังจากนั้นครรชิตเดินนำหน้าธันวาเข้ามาพร้อมกับกระเช้าดอกไม้ใหญ่ที่บรรจุดอกไม้สวยงามสีสันสดใสชายหนุ่มขยับห่างออกจากเตียงนิดหนึ่ง ครรชิตทักทายและแสดงความห่วงใย ต่อสภาพบาดเจ็บของเขาสักห้านาทีก่อนจะหันไปหามินตา“ไง...มิน หน้าตาเหมือนคนเจ็บหนัก”“เกือบจะตายแต่ไม่ยักจะตาย...”“ประชดใครล่ะนั่น”ถูกดักคอแบบนี้มินตาทำตาวาว “มินไม่มี
สาวิตต์นอนอยู่บนเตียง...ขาของเขาข้างหนึ่งที่ถกขากางเกงขึ้นไปถูกพันด้วยผ้าขาวหนาเปอะ แล้วหน้าตาของเขาก็เหมือนไม่ใช่ลูกชายคนเดิมของเธอ มีรอยช้ำปูดโปนนั่นยังทำใจได้ว่ามันจะหาย แต่ดูซิ...ดูสีหน้าและแววตาของเขามันดูเลื่อนลอย...และมองมาทางเธอย่างว่างเปล่า“เอ...”เธอถลาเข้าไปหาเขา แล้วก็หยุดอีกหนหนึ่ง เมื่อสาวิตต์ทำเหมือนไม่รับรู้ด้วย เขายังมองเบิ่งไปทางอื่นที่ไม่ใช่หน้าเธอ คุณสีดาหันขวับมาหาสามี ถามเสียงสั่น“อะไรกันคะนี่ ตาเอเป็นอะไร...ทำไมเขาทำหน้าตาแบบนั้น”คุณทรงศักดิ์โอบบ่าของภรรยาเอาไว้ ร่างแบบบางของเธอสั่นสะท้านด้วยความหวาดหวั่น“หมอบอกว่าเหมือนเขาจะช็อก พูดกันรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เป็นพักๆ เหมือนคนสะเทือนใจมากเกินไป”“แล้วแกจะหายไหม”“ต้องอาศัยเวลา แต่ตอนนี้เขาต้องรักษาตัว บางทีอาจจะต้องลางาน...หรืออาจจะต้องถึงขั้นลาออกก็ได้”“ไม่!”เธอร้อง หันมาซบหน้ากับบ่าของสามี นานแล้วที่คนสองคนไม่เคยหันหน้าเข้าหากันอีก ต่างมีวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเอง ความบาดหมางในเรื่องเล็กน้อยถูกทำให้ใหญ่มากขึ้น และไม่อาจจะเชื่อมต่อติดกันได้อีกเลยแต่ตอนนี้หัวอกของความเป็นพ่อแม่ที่จะต้องรับผิดชอ
ปืน...มินตาบอกเมื่อเห็นสาวิตต์หยิบมันออกมาวางไว้บนโต๊ะกลมเล็กข้างๆ เก้าอี้ที่เขานั่งลง แววตาที่เขามองดูศิลาทำให้มินตายะเยือกไปตลอดตัว มันบ่งบอกว่าหากเขาจะลั่นไกปืน เขาก็จะทำได้โดยไม่ต้องหยุดคิดชั่งใจอีกเลย มินตาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เมื่อพูดกับสาวิตต์ดีๆ“คุณเอ ขอให้มินนะ...อย่าถึงกับฆ่ากันเลย...”“บอกแล้วว่าอย่ายุ่ง ไม่ฆ่าเธอด้วยก็บุญเท่าไหร่รึว่าอยากตายตามผัว”“คุณเอจะทำไมได้นะคะ”“ทำไมพี่จะทำไม่ได้ นึกถึงที่มันทำกับพี่ซิ เพราะมัน...” สาวิตต์ชี้มือไปยังศิลาอย่างคั่งแค้น นั่นคือชายที่ร่วมสายเลือดเดียวกัน แม้จะไม่ใช่ทั้งหมด แต่ก็กึ่งหนึ่งที่เหมือนกัน เขาไม่เคยเชื่อใครพูดอย่างไร เขาก็มักจะหัวเราะขบขันเสียเสมอว่าทุกคนที่พูดนั้น ล้วนแล้วแต่มีอาการทางจิตที่คิดมากเกินการไปเองทั้งนั้น แต่แล้วเขากลับมารู้เป็นคนสุดท้าย รู้เพื่อทำให้โลกที่เคยสวยงามสำหรับเขามันพังทลายลงมาต่อหน้าต่อตาเขาจึงมองหาทางออกใดไม่พบนอกจากทางนี้ ฆ่าศิลาเสีย ก็เท่ากับฆ่าไอ้เด็กเวรคนนั้นด้วย เมื่อหนนั้นมันเลือกรอดได้อาจจะเพราะดวงมันแข็ง แต่คราวนี้ไม่มีวันที่ดวงมันจะแข็งเท่าครั้งนั้นอีก มันจะต้องตายนั่นคือทางที่เขาเลือกให้มั
สาวิตต์เดินปังๆ จากไปแล้ว ก่อนที่เขาจะกระแทกประตูบ้านด้านหน้าปิดลั่นกุญแจ ปรางก็เสนอหน้าเข้ามา“จะช่วยคุณมินทำแผลให้กับเขา”ปรางบอก หล่อนยืนให้ห่างจากสาวิตต์เข้าไว้ ด้วยไม่แน่ใจในความบ้าของเขาและเขาก็ยอมปล่อยปรางเข้ามาโดยดี ปรางมาคุกเข่าดูศิลาอยู่อีกด้านหนึ่งของเขา“เลือดทั้งนั้นเลย...” ปรางพึมพำ “ทำแผลก่อนนะคะ คุณมินจะเอาอะไรบ้าง”“ต้มน้ำร้อนให้ฉันสักกระติก แล้วหาผ้าสะอาดๆ มา...มีพวกผ้าเช็ดหน้าของฉันเหลืออยู่บ้างมั้งในตู้...แล้วก็พวกผ้าขนหนูผืนเล็กๆ นั่นด้วยก็ได้ คุณเอขังเราเอาไว้ในบ้านแล้วนี่ หยูกยาที่นี่ไม่มีสักอย่าง”“ปรางมีทิงเจอร์กับยาแดง...แล้วก็ยาล้างแผล...” ปรางบอกล้วงมือเข้าไปในกางเกงสามส่วนหยิบยาที่บอกออกมา “เอามาได้แค่นี้ค่ะ จะเอาสำลีกับผ้าพันแผลมาด้วย กลัวคุณมิ่งจะเห็น จะเอาอะไรมาไม่ได้สักอย่าง”“ขอบใจมา ปราง”มินตาคว้าขวดยาพวกนั้นมาด้วยมืออันสั่นเทา ตัวหล่อนเองนั้นสภาพก็ไม่ได้ดีไปกว่าคนที่ยังนอนทอดร่างนิ่งๆ นี่สักเท่าไหร่ หล่อนรู้ตัวว่าตัวเองก็แย่ เจ็บในช่องท้องจี๊ดๆ เตือนเป็นระยะอย่างไม่เคยเป็น แล้วหล่อนก็อยากล้มตัวลงนอน แล้วหลับให้นานโดยไม่ต้องตื่นขึ้นมารับรู้ใดๆ อีกเ
“คุณมินเป็นอะไร...”แตะตัวมินตาแล้วก็พอว่าไม่ขยับสักนิด ปรางเงยหน้าหล่อนได้เห็นสาวิตต์นั่งอยู่บนเก้าอี้ริมหน้าต่าง สีหน้าของเขาดูน่ากลัวอย่างไม่เห็นมาก่อนเลยหันกลับมามองมิ่งขวัญก็เห็นสีหน้าแย้มเยาะประหลาดนัก“คุณมินสลบนะคะ”“ฉันให้แกมาดู ไม่ได้ให้มาพูดมาก แกมีหน้าที่คอยพยาบาลเอาไว้ แต่แกห้ามยุ่งมากไปกว่านี้อีก”“ค่ะ”“พาเข้าไปในห้องนอนซะ”มิ่งขวัญออกคำสั่ง แล้วหล่อนจึงเดินเข้ามาหาสาวิตต์...จับมือของเขาไปบีบเหมือนจะให้กำลังใจแก่เขา“มิ่งเข้าใจว่าคุณเอกำลังเฮิร์ทมาก อีกไม่นานค่ะทุกอย่างจะเรียบร้อยมันจะกลายเป็นปุ๋ยจมดินไปเลย จะไม่มีใครเห็นซากของมันอีก...อย่างนั้นใช่ไหมคะ...ที่นี่มีที่มากมายให้ฝังมัน...”“เมื่อไหร่มันจะมา” คำถามของสาวิตต์เลื่อนลอย“ใจเย็นหน่อยค่ะ ยังไงซะมันก็จะต้องมา”“มันทำกับพี่เจ็บปวดนัก...” เขาหลับตาลง “รู้ถึงไหนอายถึงนั่น”“จะไม่มีใครรู้...” หล่อนลูบบ่าของเขาเบาๆ ด้วยมือที่เหลืออยู่ปลอบโยนเขา “มิ่งสัญญาว่าจะเอาตัวมันมาให้”“แล้วยายมินล่ะ...”“ขายมันซิ คุณเอ...หลังจากจัดการหมอนั่นแล้ว เอายายมินไปขาย” น้ำเสียงของมิ่งขวัญเหี้ยมเกรียม เขาแหงนหน้ามอง “มิ่งพูดจริงๆ นะ ไม่
“คุณมินเป็นอะไร...”แตะตัวมินตาแล้วก็พอว่าไม่ขยับสักนิด ปรางเงยหน้าหล่อนได้เห็นสาวิตต์นั่งอยู่บนเก้าอี้ริมหน้าต่าง สีหน้าของเขาดูน่ากลัวอย่างไม่เห็นมาก่อนเลยหันกลับมามองมิ่งขวัญก็เห็นสีหน้าแย้มเยาะประหลาดนัก“คุณมินสลบนะคะ”“ฉันให้แกมาดู ไม่ได้ให้มาพูดมาก แกมีหน้าที่คอยพยาบาลเอาไว้ แต่แกห้ามยุ่งมากไปกว่านี้อีก”“ค่ะ”“พาเข้าไปในห้องนอนซะ”มิ่งขวัญออกคำสั่ง แล้วหล่อนจึงเดินเข้ามาหาสาวิตต์...จับมือของเขาไปบีบเหมือนจะให้กำลังใจแก่เขา“มิ่งเข้าใจว่าคุณเอกำลังเฮิร์ทมาก อีกไม่นานค่ะทุกอย่างจะเรียบร้อยมันจะกลายเป็นปุ๋ยจมดินไปเลย จะไม่มีใครเห็นซากของมันอีก...อย่างนั้นใช่ไหมคะ...ที่นี่มีที่มากมายให้ฝังมัน...”“เมื่อไหร่มันจะมา” คำถามของสาวิตต์เลื่อนลอย“ใจเย็นหน่อยค่ะ ยังไงซะมันก็จะต้องมา”“มันทำกับพี่เจ็บปวดนัก...” เขาหลับตาลง “รู้ถึงไหนอายถึงนั่น”“จะไม่มีใครรู้...” หล่อนลูบบ่าของเขาเบาๆ ด้วยมือที่เหลืออยู่ปลอบโยนเขา “มิ่งสัญญาว่าจะเอาตัวมันมาให้”“แล้วยายมินล่ะ...”“ขายมันซิ คุณเอ...หลังจากจัดการหมอนั่นแล้ว เอายายมินไปขาย” น้ำเสียงของมิ่งขวัญเหี้ยมเกรียม เขาแหงนหน้ามอง “มิ่งพูดจริงๆ นะ ไม่