"ถือดีๆ นะ ใบนั้นตั้งหลายล้าน" คนเมาหันมาสั่งเธอเสียงแหว จนเมื่อรถคันหรูขออลินามาจอดรอรับที่หน้าบาร์ ส่งเธอขึ้นรถเสร็จแต่เหมือนคนเมาจะอยากให้เขาไปส่งที่บ้านด้วยอย่างนั้นแหละ "ริสไปส่งอลินที่บ้านหน่อยนะคะ" "อย่าเลยครับ เกรงใจอาธนา เดี๋ยวใครจะมองไม่ดี" "ริสน่ะ" "ครับ ไว้เจอกันนะ" ฟาริสปิดประตูรถให้อลินาเสร็จก็ได้แต่ถอนหายใจ พอดีกับที่รถมินิแวนมาจอดพอดี เธอก้าวขึ้นก่อน เพราะต้องนั่งตำแหน่งเดิมด้านใน "ทำไมทำหน้าอย่างนั้น" ฟาริสเอ่ยถามคนข้างๆ "หน้าฉันก็ปกติ" "โกรธเหรอที่ฉันมาที่นี่" "เปล่าค่ะ" "แต่หน้าเธอมันฟ้องเหมือน หึง ฉันอยู่" คนถูกกล่าวหาว่า หึง รีบหันหน้าไปมองเขาอีกครั้ง พลางแค่นหัวเราะออกมาจากลำคอเบาๆ "หึงคุณ ทำไมฉันต้องหึงคุณด้วยคะ" "เธอไม่หึงฉัน แล้วทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ" "ฉันก็บอกแล้วหน้าฉันปกติ" "ไม่ปกติ" "งั้นก็ถือว่าคุณทำสำเร็จ" "เรื่อง" ฟาริสเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ ว่าใช่เรื่องที่เขาคิดว่าเธอหึงหรือไม่ "ถ้าคุณอยากพาฉันมาให้คนอื่นดูถูก เหยียดหยามแล้วคิดว่าฉันจะต้องเสียใจไหม หรือคิดว่าฉันจะหน้าด้านขนาดไหน คุณทำสำเร็จแล้วค่ะ"
"วันนี้พี่พราวหยุดค่ะ" แจ่มเอ่ยบอกเจ้านายเสียงใส ยังไม่ค่อยเข้าใจอารมณ์กรุ่นโกรธของผู้เป็นเจ้าของบ้านสักเท่าไร ฟาริสพยักหน้าให้บอดี้การ์ด ทั้งเป็นคำสั่งว่าควรจะไปตามที่ไหน และเป็นการบอกให้ทุกคนออกไปได้แล้ว "นี่เธอ คุณพราวฟ้าพักอยู่ห้องไหนอ่ะ" พอออกจากห้องทำงานใหญ่มาได้ บอดี้การ์ดก็เอ่ยถามแจ่มทันที "ห้องริมสุดน่ะค่ะ" เห็นหน้าชายชุดดำสองคน แจ่มก็พอจะเข้าใจ "งั้นเดี๋ยวหนูพาพี่สองคนไปเองก็ได้ค่ะ" เพราะถึงคนของคุณฟาริสจะสามารถตรวจตราไปได้ทุกส่วนของบ้าน แต่กระนั้นในส่วนของห้องพักหญิง ยิ่งเป็นคุณพราวฟ้าด้วยแล้ว ทำให้บอดี้การ์ดสองคนนี้เกิดขยาดขึ้นมาทันที เพราะยังจำวันที่ถูกดุเรื่องให้เธอทำความสะอาดที่เขี่ยบุหรี่ที่หล่นแตกได้ดี ภายในห้องพักเงียบสงบราวกับไม่มีคนอยู่ด้านใน แจ่มเคาะประตูห้องอยู่สองสามครั้งจนแน่ใจว่าพี่พราวไม่ได้อยู่ในห้องแน่ "คุณพราวไม่อยู่ที่ห้องครับ" หนึ่งในบอดี้การ์ดสองคนขึ้นไปรายงานเจ้านายที่ห้องทำงาน ปัง!! เสียงทุบโต๊ะดังสนั่น จนคนที่ยืนรายงานสะดุ้งตัวนิดๆ "ไม่อยู่ห้องพวกมึงก็ไปหาซิวะ" "ครับๆ" อธิปที่กำลังเดินขึ้นบันไดมาชั้นสองของ
ไม่ถอดหมดแล้วมันต้องถอดแค่ไหน ได้แต่เก็บคำถามไว้ในใจ เพราะมัวแต่หลบริมฝีปากที่เม้มไซ้ไปตามลำคอ เมื่อเสียงห้ามไม่อาจห้ามคนเอาแต่ใจได้ พราวฟ้าจึงใช้แขนดันตัวเขาไว้ โดยที่พยายามไม่ให้มือที่เลอะดินเปื้อนเสื้อแบรนด์หรูราคาแพงบนตัวเขา "มือเลอะอยู่นะ" คล้ายรำคาญเสียงของคนในอ้อมแขน เมื่ออยู่ๆ ริมฝีปากอิ่มก็ถูกประกบลงมาทั้งที่เธอกำลังจะเอ่ยห้ามเขาอีกครั้ง ลิ้นหนาที่ตวัดพันเกี่ยวหยอกเย้าให้เธอแทบจะลืมหายใจ สะโพกกลมก็ยังถูกบดขย้ำอย่างมันมือ "อื้อ..." มือที่เลอะไปด้วยดินถูกวางพาดไปที่ลำคอหนาอย่างไม่รู้ตัว แค่จูบของเขาก็ทำเธอแข้งขาอ่อนแรงแทบจะพยุงตัวไม่ไหว ฟาริสใช้สองมือล็อกเอวบางอุ้มเพียงนิด ตัวคนเล็กก็ขึ้นไปนั่งอยู่บนโต๊ะทำงานเสียแล้ว ฝ่ามือใหญ่ที่ลูบไล้เนินสามเหลี่ยมอวบอิ่มแม้จะผ่านเนื้อผ้าหนา แต่มันก็ทำให้เธอร้อนวาบไปทั้งตัว ปลายนิ้วบดขยี้ติ่งเสียว นวดคลึงเพียงเบาๆ เสียงกระเส่าก็หลุดออกมาทันที ยิ่งเขาออกแรงบดขยี้และรู้ดีว่าจุดไหนที่เธอจะสะท้านจนตัวเกร็ง ฟาริสก็ยิ่งลงน้ำหนักและความเร็วในจุดนั้น "ฟาริส...อ๊ะ..." นั่นไงแค่นั้นเธอก็เสร็จแล้ว แทบไม่ต้องคิดว่าด้านในกางเกงผ
กลับออกมาจากร้าน เพราะชุดที่ออกจะยาวทำให้เธอต้องคอยจับชายกระโปรงเอาไว้ เปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับได้ ก็ค่อยๆ เอนตัวเข้าไปด้านในด้วยความระวัง ฟาริสที่เดินตามมา เขาช่วยกดศีรษะเธอต่ำลงอีกนิด เพื่อไม่ให้หัวโขกกับขอบประตู เธอได้แต่เหลือบสายตามอง เขาช่วยแหละ...แม้จะเหมือนกดหัวเธออย่างแรงก็ตาม คงเพราะไอ้รถสปอร์ตหรูหราแต่เวลาขึ้นลงแสนจะลำบาก กำลังจะเอี้ยวไปหยิบเข็มขัดนิรภัยข้างตัว แต่คนที่ยืนค้ำหัวอยู่นอกรถก้มตัวมาหยิบไปคาดให้เสียก่อน "ขอบคุณค่ะ" พราวฟ้าได้แต่เอ่ยเสียงขอบคุณแผ่วเบา เพราะคนตัวสูงที่ก้มตัวเข้ามาในรถตอนนี้ ทำให้ใบหน้าหล่อคมคายของเขาอยู่ห่างจากเธอเพียงคืบ "นมจะล้นออกมาอยู่แล้ว เวลาเอี้ยวตัวก็ระวังหน่อย" เขาเอ่ยบอกตอนที่ถอยตัวกลับไปยืนเต็มความสูงอยู่ข้างรถ ยังไม่เดินไปขึ้นฝั่งคนขับ จนเมื่อเขาปิดประตูรถให้ "เห็นไหมล่ะ บอกแล้วให้เลือกชุดสีครีม" พราวฟ้าต่อว่าเขาทันที ที่ฟาริสขึ้นมานั่งในรถ พลางขยับขอบเสื้อที่หน้าอกไม่ให้นมล้นออกมาอย่างเขาว่า "ก็แค่บอกให้ระวังตัวเวลาเอี้ยวตัวแค่นั้น มันก็ไม่ได้จะหลุดออกมาทั้งเต้าหรอก แต่คนเห็นแล้วมันจะลุ้นเอา" คร้านจะเถียงกับเ
เสียงใสที่เอ่ยทักทาย พร้อมรอยยิ้มหวานที่ส่งให้ พลางกระชับวงแขนของฟาริสเบียดตัวเองเข้าหาอย่างจงใจจนหน้าอกอิ่มเกยอยู่บนต้นแขนแกร่งของคนข้างๆ หวังว่าไอ้ท่าแบบนี้คงไม่ต้องอธิบายมากหรอกนะ "คู่นอนคนใหม่ของพี่ฟาริสหรือคะ เมื่อคราวที่แล้วที่มาไม่ใช่คนนี้นี่" "แฟนพี่เอง" "ครั้งที่แล้วก็บอกแบบนี้ เห็นคบกันไม่เกินสามเดือนสักคน คนนี้คบมากี่เดือนแล้วคะ" น้ำเสียงที่เอ่ยถามคล้ายไม่ได้สนใจเธอที่ยืนเกาะแขนเขาอยู่สักนิด ท่าทางคงจะถูกตามใจอย่างหนักจนดูไร้มารยาทขนาดนี้ "กี่เดือนแล้วนะคะ ฟาริส พราวก็จำไม่ค่อยได้ น่าจะเกินสามเดือนแล้วนะคะ" ในประโยคท้ายเธอหันไปบอกสาวสวยตรงหน้า "เดี๋ยวพี่ขอตัวพาคุณพราวไปสวัสดีผู้ใหญ่ด้านในก่อนนะ" "ค่ะ" เสียงห้วนที่เอ่ยตอบอย่างไม่พอใจ ยืนมองให้คนสองคนตรงหน้ากำลังจะเดินผ่านไปด้วยความหมั่นไส้ "อุ๊ย!!" พราวฟ้าอุทานขึ้นเบาๆ ตอนที่กำลังจะเดินผ่านสาวสวยดีกรีลูกสาวเจ้าของสายการบิน อยู่ๆ เธอก็ร้องออกมาราวกับตกใจอะไรสักอย่าง แต่เสียงตกใจที่ฟังอย่างไรก็เหมือนแกล้งทำ "หือ เป็นอะไร" ฟาริสเอ่ยถามพลางกระชับมือเธอ "ขอโทษค่ะ พราวสะดุดชายกระโปรง" ฟาริสจึงปล่อย
"ไง ฟาริส ไม่เจอกันนานเลยนะ" เสียงทักทายที่ดังมาจากด้านหลัง สีหน้าของเขาดูตึงขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีจะหันไปสนใจ คล้ายกับว่าไม่อยากทักทายเสียด้วยซ้ำ ได้แต่มองหน้าเธอที่ชะงักมือกำลังจะใช้ส้อมจิ้มอาหารเข้าปาก จนเจ้าของเสียงทักทายนั้นเดินมายืนตรงหน้าฟาริสจึงได้เงยหน้าขึ้นมองอย่างเสียไม่ได้ ใบหน้าคมคายอย่างคนมีเชื้อสายยุโรปผสมเอเชียผิวสีเข้มยิ่งส่งให้ดวงตาคมดูดุแต่แววตาเป็นประกายไม่ได้เรียบนิ่งอย่างฟาริส ติดออกจะเจ้าเล่ห์และเจ้าชู้อยู่ไม่น้อย "ว่าไง" "ไม่นึกว่าจะเจอมึงที่นี่ นึกว่ากลับอิตาลีไปแล้วซะอีก" "มีอะไร" "ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่อยากทักทายเพื่อนเก่า เอ๊ะ..แต่ว่า...นี่ใคร มึงจะไม่แนะนำหน่อยหรือ" "ไม่จำเป็น" "แต่ทำไมกูคุ้นหน้าจังวะ อ๋อ...คุณพราวฟ้า ใช่ไหมครับ" ในประโยคท้ายชายคนนั้นหันมายิ้มให้เธอ เพราะไม่รู้ควรต้องทำอย่างไร ดูเหมือนคนสองคนจะไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าไร เธอจึงเพียงยกยิ้มมุมปากเพียงนิดให้เป็นมารยาทพลางก้มหน้าให้เล็กน้อย "คุณพราวฟ้า ลูกสาวคุณอานนท์ใช่ไหมครับ" เพราะชื่อผู้เป็นพ่อ ทำให้พราวฟ้ามีสีหน้าตื่นๆ ขึ้นทันที คนในวงการน้อยคนที่จะรู้จ
ตลอดระยะเวลาในท้องถนนยามค่ำคืน กับรถสปอร์ตหลายร้อยแรงม้า เพียงแค่ไม่กี่นาทีรถคันหรูก็กลับมาจอดที่คฤหาสน์หลังใหญ่ อธิปยืนรอรับเจ้านายอยู่ที่หน้าบ้าน นี่เขาต้องขับรถเร็วขนาดไหน ขนาดว่ามาถึงก่อนเจ้านายตัวเองที่เหยียบคันเร่งจนเธอเกร็งเท้าตาม "ขึ้นไปรอบนห้อง" พราวฟ้าชะงักฝีเท้าที่กำลังจะก้าวไปในทิศทางที่ต้องเดินอ้อมไปหลังบ้าน ได้แต่เดินกลับเข้าบ้านตรงขึ้นไปชั้นสอง ตามหน้าที่ "พ่อคุณพราวอยู่กับไอ้เอมอนน์" ฟาริสเอ่ยบอกลูกน้องคนสนิท "มิน่า เราถึงหาคุณอานนท์ไม่เจอสักที" "เตรียมความพร้อมไว้ด้วย" "ครับ" ฟาริสกลับขึ้นมาที่ห้องเห็นหญิงสาวสวยในชุดราตรีหรูนั่งอยู่ที่โซฟาด้วยใบหน้าเรียบเฉย เขาจึงเดินไปรินเหล้าใส่แก้ว คล้ายไม่สนใจคนที่นั่งอยู่ "ฉันบอกแล้วไงว่าจะจัดการเรื่องพ่อเธอให้" "จัดการแบบไหนคะ" ไร้เสียงตอบจากคนที่กำลังกระดกแก้วเหล้าเข้าปาก "ฉันไม่สนใจว่าพวกคุณจะไม่ถูกกันเรื่องอะไรหรอกนะ แต่ฉันแค่อยากรู้เรื่องพ่อแค่นั้น" "ก็บอกให้อยู่เฉยๆ และห้ามเข้าใกล้มันแค่นั้น อย่าดื้อ" ฟาริสวางแก้วเหล้าลงที่โซฟา หย่อนตัวลงนั่งข้างคนตัวเล็ก พลางใช้หลังมือเกลี่ยที่ข
เมื่อคนตัวเล็กยังทำท่าทางดื้อดึง ฟาริสเพียงพยักหน้าให้อธิป ลูกน้องคนสนิทก็เดินเข้าหาเธอช้าๆ แตะแขนเธอเบาๆ "ขึ้นไปรอข้างบนเถอะครับ" มองใบหน้าของคุณอธิปมีสีหน้าจริงจัง แต่แววตาเรียบนิ่งที่มองเธออย่างไม่ได้คิดร้าย ทำให้เธอยอมเดินออกมาจากตรงนั้น "คุณเอมอนน์เป็นคนอย่างไรหรือคะ" พ้นห้องรับแขกมาไกลแล้ว เธอจึงได้เอ่ยถามลูกน้องคนสนิทของฟาริส ที่ยังเดินตามมาด้วย แม้รู้ว่าเจ้าตัวคงจะเข้าข้างเจ้านาย แต่ก็ยังเชื่อว่าคุณอธิปจะยังพอมีมโนธรรมอยู่บ้าง "ผมก็ไม่ค่อยรู้จักนิสัยเขาหรอกครับ รู้แต่ว่าคุณคนนี้ไม่ค่อยเล่นตามกติกาสักเท่าไร" "เขาไม่ถูกกับเจ้านายคุณอธิปหรือคะ" "ทำนองนั้นครับ" "แล้วถ้าเขาช่วยใช้หนี้ให้พ่อฉัน" "คุณรออยู่ในห้องนะครับ ห้ามลงไปข้างล่าง ผมจะให้บอดี้การ์ดมาเฝ้าหน้าห้องคุณไว้ให้" นอกจากไม่ได้คำตอบจากอธิป เธอยังกลายมาเป็นนักโทษไปโดยปริยายอีกหรือเนี่ย และเมื่อมาถึงห้อง เขาก็หายกลับลงไปข้างล่างอีกครั้ง พราวฟ้าได้แต่เดินวนเวียนไปมาอยู่ในห้อง พยายามฟังเสียงฝีเท้าที่หน้าประตูแต่มันก็เงียบเชียบ ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง เธอได้ยินเสียงลูกบิดประตูห้องถูกเปิดก็รีบวิ่งหน
ตอนเด็กชายราฟฟา อายุได้เกือบสองขวบ วงการบันเทิงก็มีข่าวใหญ่อีกครั้ง เมื่อสาธรประกาศแต่งงานรอบสองกับภรรยาคนเดิมอย่างอลินา ไม่ได้สร้างความแปลกใจให้ทั้งเธอและฟาริส สื่อต่างๆ อวยพรกันอย่างคับคั่งในวันแถลงข่าว แต่ก็มีสื่อบางสำนักที่ยังจำเรื่องราวในอดีตได้เป็นอย่างดี เอ่ยถามถึงเรื่องราวในครั้งนั้นทำนองว่าที่เลิกกันเป็นเพราะดาราสาวอย่างพราวฟ้า "สำหรับน้องพราว เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันครับ จริงๆ เธอเป็นน้องสาวของผม ลูกพี่ลูกน้องกันครับ พ่อผมกับแม่เธอเป็นพี่น้องคนละแม่ แต่ที่ตอนนั้นเราต้องปิดข่าวเพราะย่าผมไม่สบาย ท่านไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อน" คำตอบของสาธร สร้างเสียงฮือฮาให้สื่อทุกสำนัก จากนั้นก็ยังมีคำถามอีกมากมายที่ตามมา (ถ้าอย่างนั้นเรื่องที่คุณพราวเป็นมือที่สามก็ไม่ใช่เรื่องจริง) "ครับ" (คุณอลินาไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อนใช่ไหมคะ) "ใช่ครับ คุณอลินาไม่เคยทราบเรื่องนี้ เธอรู้เรื่องตอนงานศพย่าผมนั่นแหละครับ ได้เจอน้องพราวกันโดยบังเอิญในงาน" (คุณสาธรกับคุณอลินาเลยได้มีโอกาสกลับมาดีกันใช่ไหมคะ) "ครับ หลังจากนั้นผมกับอลินาก็ได้มีโอกาสกลับมาคุยกันอีกครั้ง จนถึงวันนี้ครับ
"คุณพ่อคะ คุณพ่อคะ ไหวใช่ไหมคะ" เสียงร้อนรนของพยาบาลที่เอ่ยถาม ชายหนุ่มรูปหล่อที่อยู่ในชุดปลอดเชื้อสีฟ้าเช่นเดียวกับคนท้องที่นอนอยู่บนเตียงผ่าตัด ฟาริสรับแอมโมเนียมาแล้วก็ขยับตัวมานั่งที่เก้าอี้สำหรับคุณพ่อ บริเวณหัวเตียงอย่างเดิม "ไหวไหมคะ ฟาริส" พราวฟ้าเอ่ยถามสามี ที่มีใบหน้าขาวซีดราวกับไก่ต้ม "วะ..ไหว พราวเจ็บหรือเปล่า" เอ่ยถามคุณแม่ที่นอนยิ้มหวานอยู่บนเตียง ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอ "ยังไม่เจ็บหรอกค่ะ" ตอนนี้ยังไม่เจ็บ แต่ไม่รู้ว่าหลังจากยาหมดฤทธิ์แล้วจะเป็นอย่างไร ตอนนี้รู้สึกเพียงเย็นๆ อยู่ที่หน้าท้อง เหมือนมีมือหลายมืออยู่ที่นั่น "ถ้ากลัวเลือดก็อย่าไปมองซิคะ" "ไม่ได้กลัวเลือด แต่กลัวพราวเจ็บ" เพราะภาพที่เขาเห็นเมื่อครู่หลังจากที่หมอกรีดมีดอันเล็กลงที่ผิวหนังหน้าท้องของภรรยา เลือดก็ค่อยๆ ซึมออกมาจากเล็กน้อยกลายเป็นแดงเถือก ความกลัวในชีวิตแทบไม่เคยเกิดขึ้นอยู่ๆ เขาก็แทบเข่าทรุดอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่กลัวเลือด แต่กลัวว่าคนที่นอนท้องโตให้หมอกรีดมีดลงไปจะเจ็บ เธอต้องอดทนขนาดไหน แพ้ท้องก็แสนทรมาน ยิ่งภาพเมื่อครู่ทำเขารู้สึกสงสารเธอขึ้นมาจับใ
เธอสวยกว่าทุกคนที่เขาเคยควง เธอน่ารักสดใสจนไม่อยากทำร้ายแต่ในขณะเดียวกันความเซ็กซี่ของเธอมันกลับเป็นตัวอันตรายที่ทำเขาอดใจไม่อยู่ไปพร้อมๆ กัน "อยากนอนกับฉันไหม" ใบหน้าหวานตื่นตกใจไม่น้อย แต่ตอนที่เขาจ้องมองเธอ ดวงตาคู่สวยกลับไม่ยอมหลบสายตา "เอ่อ..." เสียงครางในลำคออย่างคนที่ใช้ความคิด เธอคงกำลังตัดสินใจกับเรื่องตรงหน้า อย่างน้อยเขาก็ควรบอก "วันไนต์สแตนด์นะ" "เอ่อ..." เธอยังหาเสียงตัวเองไม่เจอ ไม่รู้ว่าตัดสินใจอย่างไร แต่ใบหน้านั้นหม่นลงเล็กน้อย "พอเดินได้ไหม เดี๋ยวฉันไปส่ง พักอยู่ที่ไหน" เห็นหน้าตื่นๆ ลังเลของเธอ เขาก็เลยยอมตัดใจ แต่พอคนตัวสูงลุกขึ้นยืน ข้อมือเขาก็กลับถูกรั้งเอาไว้ "ที่นี่หรือคะ" คำถามกล้าๆ กลัวของคนตัวเล็ก ทำความอดทนเขาขาดลงตรงนั้น ฟาริสนั่งลงที่โซฟาอย่างเดิม รั้งเอวบางของคนตรงหน้าให้ขยับตัวมาแนบชิด ฝ่ามืออีกข้างประคองท้ายทอยรั้งเข้าหา เขาจูบเธออยู่นาน จูบที่รู้ว่านั่นเป็นจูบแรกของเธอด้วยซ้ำ คนตัวเล็กที่จูบตอบกลับอย่างไม่ประสามันชวนให้อารมณ์แห่งความต้องการแสนดิบเถื่อนพลุกพล่าน ในคืนนั้นเขาจึงแทบจะไม่ได้อ่อนโยนกับเธอสักเท่าไร แต่กระนั้
"พราว แกไปไหนมาอ่ะ หายไปตั้งนาน" น้ำขิงเอ่ยทักเพื่อน แต่พอมองแก้วกาแฟในมือพราวฟ้าก็ได้แต่ร้องอ๋อ "ไปซื้อกาแฟที่ตึกบริหารอีกแล้วซิ" น้ำเสียงล้อเลียน พลางหลิ่วตาใส่เพื่อนอย่างรู้ทัน "ก็เราชอบกาแฟร้านนี้ มันอร่อยดี" "แล้วได้เจอไหมล่ะ" "อื้อ" คนตอบได้แต่ทำเสียงในลำคอ ใบหน้าหวานเห่อแดงขึ้นทันตา คนที่อยากเจอก็ได้เจอ เพียงแต่เขาไม่เคยเห็นเธอก็เท่านั้นเอง ในทุกวันจันทร์เธอจะสามารถเห็นฟาริสได้ที่โต๊ะหินอ่อนใต้อาคารบริหาร ซึ่งร้านกาแฟร้านโปรดของเธอก็อยู่ใกล้ๆ ตรงนั้น ในทุกวันอังคารช่วงเที่ยงเธอจะเจอเขาได้ที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัย แอบรู้ทีหลังจากพี่สาวน้ำขิงว่า ฟาริสจะมีชั่วโมงว่างตอนเที่ยงซึ่งจะต้องเข้าคลาสอีกทีก็เกือบบ่ายสอง หลังจากกินข้าวเสร็จเธอก็จะเจอเขาได้ที่ห้องสมุดบ่อยๆ แต่เขาก็ไม่เห็นเธออีกเช่นเคย เพราะคนที่มาห้องสมุดก็แค่เพื่อพักสายตาเท่านั้น บนโต๊ะมุมด้านในไม่มีหนังสือสักเล่ม มีเพียงใบหน้าหล่อเหลาที่ฟุบลงบนแขนของตัวเอง หลับตาตากแอร์เย็นฉ่ำอยู่ด้านใน เธอมีโอกาสเจอเขาครั้งแรกที่นี่เมื่อเดือนก่อน เพราะต้องมายืมหนังสือเพื่อทำรายงาน ขณะกำลังเขย่งปลายเท้าเพื่อห
สาธรรีบเดินมาต้อนรับพราวฟ้าผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องที่หน้าศาลา อธิปยื่นพวงหรีดขนาดใหญ่ส่งให้ สาธรรับไปแล้วก็เดินไปส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ของวัดช่วยจัดการ เธอเข้าไปรดน้ำศพคุณย่าของพี่ธรเสร็จแล้ว ก็เดินเลยไปทางชายชราที่นั่งอยู่เก้าอี้ไม้ตัวใหญ่อีกฝั่ง โดยมีฟาริสตามประกบไม่ห่าง "สวัสดีค่ะคุณตา" "พราว...เป็นไงบ้างลูก" "สบายดีค่ะ" "นี่ใช่ไหม คุณฟาริสที่เป็นข่าวว่ากำลังจะแต่งงานกัน" "ครับ สวัสดีครับ" "สวัสดี ขอบคุณนะครับที่ช่วยดูแลยายพราวอย่างดี ผมผิดต่อแม่ยายพราวไว้เยอะทีเดียว" "เรื่องอดีตช่างมันเถอะครับ พราวเขาก็ไม่ได้ติดใจอะไร ดูแกยังรักพี่ธรเหมือนพี่แท้ๆ อีกต่างหาก" ขนาดยอมลงทุนให้ตัวเองถูกสังคมด่า แม้อยากจะพูดต่ออีกหลายคำ แต่ฟาริสก็เพียงละไว้เท่านั้น เพราะนึกเห็นใจคนที่เพิ่งกำลังสูญเสีย "ตาขอโทษนะ" "ไม่เป็นไรเลยค่ะ คุณตาทำใจให้สบายนะคะ แต่อีกเดี๋ยวสักพักพราวอาจจะต้องกลับก่อนนะคะ ไม่แน่ใจว่าจะมาได้อีกหรือเปล่าค่ะ เอ่อ..คือ พราวกำลังท้องน่ะค่ะ การเดินทางอาจไม่ค่อยสะดวก" "อ้าว..จริงหรือ ตาดีใจด้วย..แค่นี้ก็ดีแล้วลูก ลำบากแย่" "งั้นเดี๋ยวพราวขอตัวก
แต่งฟ้าแลบ พราวฟ้า ประกาศสละโสดกับนักธุรกิจหนุ่มโพรไฟล์หรู ข่าวพาดหัวในเช้าวันใหม่ที่สร้างความฮือฮาให้กับวงการบันเทิงไม่น้อย ชื่อของฟาริส กลายเป็นที่กล่าวถึงไปโดยปริยาย หลายเพจข่าวที่ตีแผ่ประวัติแม้จะไม่ละเอียด แต่ก็พอรู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน ที่สำคัญและดูผู้คนจะสนใจคงไม่พ้น ไอ้นามสกุลต่อท้ายที่ถูกสื่อตั้งขึ้นให้ ฟาริส นักธุรกิจแสนล้าน และดูคำนั้นจะไม่เกินจริงสักนิด เสียงโอ้กอ้าก ที่ดังมาจากห้องน้ำ หญิงสาวตัวเล็กยืนโกงคออยู่เหนือชักโครกโดยมีชายหนุ่มตัวสูงใหญ่ยืนลูบหลัง "เป็นไงบ้าง โอเคไหม พราว" "ดีขึ้นแล้วค่ะ" ใบหน้าหวานขาวซีด ท่าทางอ่อนเพลีย เพราะตั้งแต่เช้านี่เป็นรอบที่สามที่เธอต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ อาการแพ้ท้องดูจะเล่นงานเธอไม่น้อย "ไปกินข้าวกัน เดี๋ยวจะได้กินยา" "ข่าวออกแล้วหรือคะ" "อืม ออกแล้ว ทำไมครับ คุณแม่กลัวเรตติ้งตกหรือไงที่จะต้องแต่งงาน" "กลัวคุณสามีแห่งชาติจะถูกสาวๆ รุมต่างหาก" "อันนี้ก็อาจจะจริง" คนท้องได้แต่ส่งสายตาเขียวๆ "ไหนว่าไม่ชอบเป็นข่าวไงคะ" "ทำไงได้ล่ะ ก็ได้เมียเป็นดารานี่ ว่างๆ จะผันตัวเองไปเป็นอินฟลูเอนเซอร์แล้วเนี่ย" "ค
หดคอกลับพร้อมสายตาเขียวๆ อย่างไม่จริงจังนัก แต่เมื่อเขาบอกให้อยู่เฉยๆ เธอจึงได้นิ่งค้างอยู่แบบนั้น ฝ่ามือใหญ่ปัดข้างแก้มเบาๆ แล้วก็อ้อมไปด้านหลังศีรษะ พลันของบางอย่างก็ร่วงจากมือมาอยู่ข้างลำคอ "อุ๊ย! อะไรคะ" อุทานด้วยความตกใจ แต่พอก้มมองสายสร้อยที่อยู่ตรงลำคอ และมืออีกข้างของเขาก็หยิบชายสร้อยอีกข้างขึ้นเพื่อติดตะขอให้เธอ "คุณฟาริส!!" เธอร้องด้วยความตกใจมากกว่าตอนอุทานเมื่อครู่เสียอีก เมื่อจดจำมันได้ว่าไอ้สร้อยเส้นนี้ก่อนหน้านี้มันยังวางโชว์อยู่ในชอป และที่สำคัญราคากว่ายี่สิบล้าน เธอจำได้เพราะตอนที่เดินผ่านแอบแวะมองมันเห็นราคาแล้วก็แทบจะคำนวณเป็นเงินไทยไม่ถูกเลยทีเดียว "จะร้องตกใจอะไร" "มันแพงมากเลยนะคะ" "ก็เห็นเธอไปยืนมองมันอยู่" "พราวแค่มองว่ามันสวยดี เห็นดาราเกาหลีใส่กันหลายคน เลยไปแอบมองราคาเฉยๆ" "ก็อยากซื้อให้เมียไม่ได้หรือไง" "คุณจะซื้อทุกอย่างที่พราวมองไม่ได้หรอกน่ะ งั้นถ้าพราวมองดวงจันทร์คุณไม่ต้องขี่จรวดไปเอามาให้หรือไงคะ" "ฉันจะไปนาซ่าให้เขาผลิตยานอวกาศให้" "คุณไปคนเดียวนะ พราวกลัวตาย" ฟาริสหัวเราะร่วนแล้วก็ดีดหน้าผากเหม่งของเธอไปเสียอีก
จนมาถึงทางออกจึงได้เห็นเครื่องบินขนาดไม่ใหญ่เท่าเครื่องบินพาณิชย์ แต่ยี่ห้อที่ตัวเครื่องนกยักษ์ลำใหญ่แสดงบริษัทสายการบินระดับโลกอย่างผู้มีอันจะกินมักใช้บริการ เพราะมันคือเครื่องบินเช่าเหมาลำ นอกจากฟาริส คุณอธิป ก็ยังมีทีมบอดี้การ์ดอีกห้าคนที่ร่วมเดินทางในครั้งนี้ แม้เครื่องบินจะลำเล็กกว่าปกติมาก แต่เมื่อขึ้นลอยลำบนท้องฟ้าได้ ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ภายในห้องโดยสารหรูหราไม่ต่างจากชั้นเฟิสต์คลาสสักนิด ลูกเรือสาวสวยสองคนที่คอยบริการตลอดการเดินทาง ดูจะพิเศษกว่าสายการบินปกติ กว่าสิบสองชั่วโมงในการเดินทาง แม้จะเหนื่อยล้า แต่เมื่อมาถึงวิลล่าหลังใหญ่ใกล้ทะเลสาบก็ทำให้เธอหายเหนื่อยได้ทันที แสงสะท้อนของดวงอาทิตย์กระทบผิวน้ำระยิบในช่วงเที่ยงของวันกับอากาศเย็นสบายแม้จะเป็นในช่วงฤดูร้อน "อ้าว มาถึงกันแล้วหรือ" เสียงทักเป็นภาษาไทยจากด้านหลัง พอหันไปเธอก็เห็นชายสูงวัยคนเดียวกับเมื่องานวันเกิดที่บ้านหลังใหญ่ "สวัสดีครับพ่อ" ฟาริสเดินเข้าไปสวมกอดคนที่เรียกว่าพ่อ ส่วนเธอเดินเข้าไปหาท่านพลางยกมือขึ้นไหว้ "สวัสดีค่ะ" "หนูเองหรือที่ช่วยจัดงานวันเกิดให้ฉัน ขอบใจนะ วันนั้นติ
พราวฟ้าถูกอุ้มขึ้นในท่าที่เธอยังคร่อมเขาอยู่ แต่ดูท่าฟาริสคงจะไม่ได้จับเธออุ้มแตงอยู่ตรงนี้ เมื่อเขาเดินไปทางชั้นลอยของเพนต์เฮ้าส์ เธอจึงได้รู้ว่าห้องนอนเขาอยู่ด้านบน เธอถูกวางลงที่เตียงใหญ่ ฟาริสก็จัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตัวเอง ก่อนจะจับชุดเดรสตัวสวยของเธอถอดออกทางศีรษะ บราเซียเกาะอกไร้สายก็ถูกถอดออกอย่างรวดเร็ว รวมถึงแพนตี้ตัวจิ๋ว ฟาริสประทับจูบมาอีกครั้ง ซุกไซ้ลำคอระหงหนักๆ คนตัวเล็กก็รีบเอ่ยห้ามอีกครั้งเช่นกัน "ไม่ทำคอเป็นรอยหรอก เดี๋ยวทำตรงอื่นแทน" ตรงอื่นที่ว่าคงเป็นหน้าอก เมื่อเนินอกอิ่มถูกเขาขบเม้มแรงๆ จนเกิดรอยแดง "ฟะ..ฟาริส" เสียงกระเส่าคล้ายเอ่ยห้าม แต่กระนั้นมันกลับยิ่งทำให้คนที่ยังดูดเม้มยอดอกยิ่งหื่นกระหาย ทุกตารางนิ้วที่ลิ้นร้ายตวัดเลียแผ่นหลังเนียนก็แอ่นลอยแทบไม่ติดพื้น หนวดเคราเขียวเป็นตอสั้นๆ ที่ครูดผิวอ่อนนุ่มยิ่งสร้างความเสียวซ่าน หน้าท้องแบนราบที่ถูกหนวดครูดผ่าน สะโพกมนก็แอ่นขึ้นเนินเนื้อโหนกนูนเสียดสีแผงอกล่ำสันอย่างไม่รู้ตัว "ขอทำรอยตรงนี้ด้วยนะ" "มะ...ไม่เอานะ อ๊า..." เนินเนื้อสามเหลี่ยมอวบอิ่มที่ถูกริมฝีปากหยักขบเม้มอย่างแรง มื