ทุกคนตื่นตะลึงอย่างสุดขีด“วันนี้ผมไม่อยากลงมือ เรื่องนี้ให้นายเป็นคนจัดการเถอะ” หลินเซียวพูดขึ้น“ผมเข้าใจแล้วครับ ไว้ชีวิตมันก่อน จากนั้นจับไปทรมาน ดูสิว่าจะได้ข้อมูลของอาณาจักรพยัคฆ์ไหม” วังต้าไห่พูดกับองครักษ์ที่อยู่รอบๆ“ทุกคนไม่ต้องตกใจนะครับ ทุกอย่างปลอดภัยแล้วครับ เริ่มงานแต่งต่อได้ ทุกคนโปรดกลับไปยังที่นั่งของตัวเองครับ พวกเราเริ่มงานกันต่อครับ!” หลินเซียวพูดขึ้น“พนักงาน มาทำความสะอาดตรงนี้หน่อย” วังต้าไห่พูดกับพนักงานบริการที่กำลังตกใจกลัวพวกนั้นพนักงานบริการของโรงแรมพยักหน้า ก่อนจะเริ่มทำความสะอาดคราบเลือดที่อยู่บนพื้นซูหว่านเอ๋อร์และคนตระกูลซูได้เห็นเบื้องหลังของหลินเซียวอีกครั้ง รอบกายของเขากลับมีคนปกป้องเยอะขนาดนี้พิธีการของงานแต่งงานก็ค่อยๆ กลับเป็นปกติ“หลินเซียว คุณเป็นอะไรไป ทำไมสีหน้าดูไม่ดีเลย หรือว่ากลัวใช่ไหม?” ซูหว่านเอ๋อร์เห็นสีหน้าของหลินเซียวซีดลง และดูเหมือนจะเป็นสีหน้าของความเจ็บปวดก็เลยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงหลินเซียวอับอายจนเหงื่อตก ตัวเองเป็นถึงราชามังกร ยกทัพเข้าสู้สงครามมานักต่อนัก ไม่ว่าจะเป็นความอันตรายแบบไหน และเหตุการณ์แบบนี้ก็เคยเห็นม
“พวกเราคอยอยู่ข้างนอกนะคะ เวลาไม่เคยรอใครค่ะ ท่านรีบเข้าเถอะค่ะ” เหลิ่งซวงกระซิบกับหลินเซียวที่อยู่ข้างๆในขณะที่หลินเซียวและเหลิ่งซวงพูดคุยกัน ซูหว่านเอ่อร์ หยางฮุยฟางและซูเฉิงกงก็ได้เดินเข้าไปในคฤหาสน์แล้วเมื่อซูหว่านเอ๋อร์ หยางฮุยฟาง และซูเฉิงกงเข้าไปถึงภายในคฤหาสน์แล้วก็ถูกทุกอย่างตรงหน้าทำให้ต้องตื่นตะลึงการตกแต่งภายในคฤหาสน์หรูหราเป็นอย่างมาก และมีสิ่งของเครื่องทุกสิ่งอย่างทุกอย่าง สมแล้วที่เป็นคฤหาสน์หรูมูลค่ากว่าพันล้านบาทเฉียนว้านชิง คุณชายของเมืองหลวงคนนี้ ไม่คิดว่าจะเป็นเศรษฐีที่ใจกว้างและมีน้ำใจขนาดนี้“เหลิ่งซวง ก่อนผมจะไป ช่วยผมจัดการเรื่องหนึ่ง เรื่องนี้จำเป็นต้องให้คุณไปจัดการด้วยตนเอง” หลินเซียวสั่งกับเหลิ่งซวงที่อยู่ข้างๆ“ท่านราชามังกรคะ ท่านมีอะไรก็สั่งมาได้เลยค่ะ” เหลิ่งซวงพยักหน้า“คุณไปรับแม่บุญธรรมที่อยู่ในชนบทนอกเมืองหนานหูมาที่นี่นะ” หลินเซียวพูด“แม่บุญธรรมเหรอคะ? ท่านราชามังกรคะ ไม่เคยจะได้ยินว่าท่านยังมีแม่บุญธรรมด้วยเหรอคะ?” เหลิ่งซวงถามขึ้นด้วยความสงสัย“มันเป็นเรื่องหลายปีก่อนแล้ว” หลินเซียวพูดไปพร้อมครุ่นคิดในค่ำคืนที่ฟ้าฝนตกกระหน่ำ ในตอนท
“ผมเคยบอกกลับหว่านเอ๋อร์ไปแล้วว่าผมเคยช่วยนายพลท่านหนึ่งไว้ และนายพลท่านนั้นก็คือวังต้าไห่ ผมเคยช่วยเขาจัดการนักฆ่าสามคนที่ต้องการจะลอบฆ่าเขา และผมยังบาดเจ็บจากการถูกยิงด้วย ส่วนเรื่องเคลื่อนกองกำลังอาวุธพวกนั้นก็เพื่อคุ้มกันวังต้าไห่ เพราะเขาเป็นถึงนายพลระดับสูงจะเกิดเรื่องขึ้นกับเขาไม่ได้เป็นอันขาด” หลินเซียวสร้างเรื่องขึ้นมาให้ตรงกับเรื่องที่ตัวเองเคยบอกซูหว่านเอ๋อร์ไปก่อนหน้านี้“เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ถึงว่าวังต้าไห่จะถูกลูกช่วยไว้จริง แต่ทำไมเหล่าคุณชายตระกลูใหญ่ที่เดินทางมาไกลจากเมืองหลวง และยังมีนักการเมืองและนักธุรกิจเศรษฐีจากทั่วอาณาจักรต่างก็มาร่วมงานแต่งงานของลูกและหว่านเอ๋อร์ได้ล่ะ?” หยางฮุยฟางยังคงสงสัย จึงถามขึ้นต่อ“ทั้งหมดนี้วังต้าไห่เป็นคนจัดการ” หลินเซียวพูดขึ้น“ทำไมวังต้าไห่ถึงเชิญคนพวกนี้มา?” หยางฮุยฟางถามต่อ“ตอนนี้สถานการณ์สงครามชายแดนใต้กำลังตึงเครียด เหลิ่งซวงอยากให้ผมกลับเข้ากองทหารแนวหน้าอีกครั้ง ผมเคยให้สัญญากับหว่านเอ๋อร์ไว้ว่าจะมอบงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่อลังการที่สุดให้กับเธอ ดังนั้นถึงได้ขอร้องให้วังต้าไห่ช่วย และเขาก็ได้เชิญเหล่าคนมีชื่อเสียงจากทั้งใกล้แ
ภายในห้องนอนหลักก็ถูกตกแต่งหรูหรามาก และห้องนอนนี้มีเฟอร์นิเจอร์ครบครันทันทีที่ถึงห้องนอนแล้ว ซูหว่านเอ๋อร์ก็ถามหลินเซียวอย่างจริงจังขึ้นว่า: “คุณเป็นแค่องครักษ์วังต้าไห่จริงๆ ใช่ไหม?”“ถ้าไม่ใช่ล่ะ?” หลินเซียวไม่ได้เปิดเผยตัวตนของตัวเองไปตรงๆ และมีอีกเหตุผลก็คืออยากที่จะพิสูจน์ซูหว่านเอ๋อร์สักหน่อยว่าเธอซื่อสัตย์และรักเขาจริงไหม“ถ้าคุณเป็นแค่ทหารองครักษ์ธรรมดา ทำไมตอนงานเลี้ยงตำแหน่งนายพลระดับกลางอย่างเหลิ่งซวง เธอยังพาคนมาช่วยพวกเรา ฉันยังเห็นเธอพูดกับคุณด้วยความเคารพ คุณจะอธิบายเรื่องพวกนี้ยังไง?”“ก่อนหน้านี้คุณก็บอกเลยไม่ใช่เหรอ? เรื่องพวกนี้เป็นการแสดง คุณก็รู้ว่าสถานการณ์ตอนงานเลี้ยงว่าจริงๆ แล้วเป็นเพราะผมเคยช่วยชีวิตวังต้าไห่ไว้ เหลิ่งซวงจึงช่วยพวกเรา” หลินเซียวพูดถาม“จริงใช่ไหม?” ซูหว่านเอ๋อร์เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง“ใช่ ตัวตนของผมไม่ได้สุดยอดอย่างที่คุณคิด คุณผิดหวังหรือเปล่า?” หลินเซียวถามขึ้น“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แต่ฉันก็พอใจมากแล้ว ยังไงซะวันนี้คุณจัดงานแต่งที่ยิ่งใหญ่อลังการให้ฉัน วันนี้คือฉันดูมีอำนาจที่สุดวันหนึ่งตลอดหลายปีมานี้ ฉันก็ไม่เคยคิดว่าคุณจะเป็นคนสุดยอด
ซูหว่านเอ๋อร์น้ำตาไหลริน ตอนนี้ในใจสับสน และยิ่งไปกว่านั้นก็คือความตื้นตันใจเธอคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าหลินเซียวจะยังคงจัดงานแต่งทั้งที่ได้รับบาดเจ็บหนักขาดนี้เพื่อรักษาสัญญาที่ให้ไว้จู่ๆ ซูหว่านเอ๋อร์ก็คิดขึ้นได้ว่าตอนที่เกิดขึ้นที่โรงแรม ตอนนั้นสีหน้าของหลินเซียวซีดขาวเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เพราะตกใจกลัว แต่เป็นเพราะเจ็บบาดแผลถูกยิง“ก็แค่บาดแผลเล็กน้อย ไม่เป็นไรหรอก อย่าร้องไห้เลยนะ” หลินเซียวเห็นซูหว่านเอ๋อร์ร้องไห้ก็เลยพูดปลอบขึ้นซูหว่านเอ๋อร์ไม่ได้ตอบ แต่ค่อยๆ เขย่งปลายเท้าขึ้นแล้วจูบไปริมฝีปากของหลินเซียวเบาๆ .......รู้สึกถึงอ่อนโยนที่ส่งมาจากบนฝีปากนั้น หลินเซียวก็ตะลึงไปชั่วครู่ไม่คิดว่าซูหว่านเอ๋อร์จะเป็นฝ่ายรุกแบบนี้ แต่เมื่อเขารู้สึกตัวอีกที ซูหว่านเอ๋อร์ก็กลับเป็นปกติดังก่อนแล้ว“คุณแอบจูบผม บอกกันก็ได้นะ ผมยังไม่เตรียมตัวดีเลย และก็ไม่ได้ดื่มด่ำเต็มที่เลย” หลินเซียวพูดด้วยรอยยิ้มนอกจากครั้งก่อนแล้ว นี่เป็นเรื่องที่พวกเขามีความใกล้ชิดกันที่สุดในช่วงนี้ซูหว่านเอ๋อร์หน้าแดงอมชมพู เขินอายจนไม่รู้ทำตัวไม่ถูกเมื่อสักครู่เธอตื่นเต้นจนเผลอตัวไปจึงจูบหลินเซียวเบาๆ
ไม่ ต้องไม่ขัดคล่องอะไรอยู่แล้ว ก็แค่ทำไมเมื่อก่อนคุณไม่เคยพูดถึงเลย?” ซูหว่านเอ๋อร์พยักหน้า ตอนนี้เธอแต่งงานกับหลินเซียวแล้ว แม่บุญธรรมของหลินเซียวก็คือแม่ของเธอตอนนี้หลินเซียวต้องเดินทางไปชายแดนใต้ การที่เธอดูแลแม่บุญธรรมของเขาก็เป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว“ตัวตนของผมพิเศษ การที่ผมเป็นองครักษ์ของนายพลจึงไม่สามารถทำให้จุดอ่อนตกอยู่ในมือของข้าศึกได้ เพื่อเป็นการปกป้องแม่บุญธรรม ผมถึงไม่ได้ให้เธอเปิดเผยตัวตน” หลินเซียวอธิบาย“งั้นท่านไม่ได้มาร่วมงานแต่งของเรา ท่านจะไม่โกรธใช่ไหม?” ซูหว่านเอ๋อร์ถามด้วยความเป็นกังวล“วางใจได้ แม่บุญธรรมของผมคุยง่าย ผมได้ให้เหลิ่งซวงไปอธิบายกับท่านแล้ว รออีกเดี๋ยวท่าก็จะมาที่นี่” หลินเซียวพูดขึ้นซูหว่านเอ๋อร์พยักหน้า หลินเซียวไปแล้ว งั้นเธอก็ต้องดูแลแม่บุญธรรมให้ดี“อื้ม ตอนที่ผมไม่อยู่ คุณดูแลตัวเองดีๆ นะ เกรงว่าผมคงไม่ได้อยู่กับคนสักพัก” หวังว่าคุณจะดีกับแม่บุญธรรมหน่อยนะ ให้เธอได้ดื่มด่ำความสุขในช่วงชีวิตปั้นปลายสักหน่อยนะ ท่านเป็นคนเลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็กจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ท่านลำบากมามาก แต่ตอนนี้ผมยังไม่สามารถตอบแทนบุญคุณท่านได้ก็ต้องเดินทางไปยั
นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เธอได้เจอซูหว่านเอ๋อร์“แม่คะ” ซูหว่านเอ๋อร์เรียกออกมาอย่างไม่คุ้นทว่าเธอไม่ได้รังเกียจที่จะรู้จักกับจ้าวหลาน เพราะเธอรู้สึกว่าจ้าวหลานดูเป็นคนใจดีมาก“แม่คะ ไม่ได้เชิญแม่มาร่วมงานแต่ แม่ไม่ถือสาใช่ไหมคะ?” ซูหว่านเอ๋อร์ถามขึ้น“จะไปโกรธได้ไงล่ะ เซียวเอ๋อร์ได้แต่งกับหนูที่สวยแบบนี้ ฉันดีใจยังไม่ทันเลย เขาได้อธิบายให้ฉันฟังแล้ว จริงๆ แล้วไม่จำเป็นต้องรับฉันมาก็ได้นะ ฉันอยู่บ้านนอกมาตลอดจนชินแล้ว” จ้าวหลานพูดด้วยรอยยิ้ม“หนูขอแนะนำตัวสักหน่อยค่ะ นี่คือแม่ของหนู และนี่คือพ่อของหนูค่ะ”ซูหว่านเอ๋อร์แนะนำพ่อแม่ของตัวเองให้กับจ้าวหลาน“สวัสดีแม่ของหว่านเอ๋อร์” จ้าวหลานยื่นมือออกไปพร้อมพูดขึ้น“สวัสดีค่ะ สวัสดี ยินดีต้อนรับนะ” หยางฮุยฟางยิ้มอย่างจอมปลอม ก่อนจะมือกับจ้าวหลานเบาๆ เพียงครู่เดียวก็ชักมือออกอย่างรวดเร็วดูเหมือน จ้าวหลานจะเป็นคนบ้านนอกที่ไม่มีพิถีพิถันคนหนึ่ง“แม่ครับ อีกเดี๋ยวผมก็จะต้องเดินทางไปแนวหน้าแล้วนะครับ แม่ก็อยู่ที่กับหว่านเอ๋อร์ให้สงบจิตสบายใจนะครับ” หลินเซียวเตรียมบอกลาจ้าวหลานผู้เป็นแม่บุญธรรมของตน“ต้องไปแนวหน้าแล้วเหรอ? ทำไมมันกะทันหั
เมื่อหยางฮุยฟางกลับไปยังคฤหาสน์ตระกูลซูก็เล่าเรื่องที่หลินเซียวเป็นแค่ทหารองครักษ์ธรรมดาออกมาจนหมดคนตระกูลซูต่างก็ยากที่จะเชื่อไม่นาน ซูชิงเอ๋อร์และหวังเทียนเฟิงก็รู้ข่าวนี้เช่นกันพอซูชิงเอ๋อร์รู้ว่าที่แท้หลินเซียวเป็นแค่ทหารองครักษ์ธรรมดา และไม่ใช่ผู้มีอำนาจอะไร เธอก็เริ่มคิดวิธีที่จะหาเรื่องหลินเซียวหลินเซียวและเหลิ่งซวงนั่งเครื่องบินตรงไปยังชายแดนตลอดทั้งคืนหลังจากที่หลินเซียวไปจากแล้ว เหล่าทหารที่ตั้งกองกำลังป้องกันเมืองหนานหูต่างก็ถอนกำลังกลับจนหมดข่าวที่ว่าหลินเซียวเป็นแค่ทหารองครักษ์ธรรมดาก็ได้แพร่กระจายไปทั่วทุกมุมของเมือง และไม่นานทุกคนในเมืองหนานหูก็รู้เรื่องนี้และพวกเขาต่างก็รู้ว่าการที่หลินเซียวจัดงานแต่งที่ยิ่งใหญ่อย่างไม่เคยมีมาก่อนได้ เป็นเพราะเขาเคยช่วยชีวิตวังต้าไห่ไว้ ดังนั้นวังต้าไห่ถึงได้มาช่วยงานของเขาด้วยตัวเองเวลาเพียงชั่วข้ามคืน ผู้คนที่เคยเคารพนับถือหลินเซียวก็ต่างดูถูกและเหยียดหยามเขา พวกเขาต่างคิดว่าหลินเซียวเป็นผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่จริงๆ ไปๆ มาๆ เป็นแค่คนที่อาศัยคนอื่นเพื่อเชิดหน้าชูตาหยางฮุยฟางรู้ว่าตัวตนของหลินเซียวแพร่กระจายไปทั่วเมืองหนานห