ฉันเทให้คนละแก้ว และเมื่อถังหมิงหลีตัวปลอม อีกฝ่ายก็เอาแก้วไปจากฉัน พริบตาหยินเฉิงเหยาก็เอามีดเล็ก ๆ ออกมาแทงที่หลอดเลือดแดงของตัวปลอมอย่างดุเดือด“อ๊า!” ถังหมิงหลีตัวปลอมกรีดร้อง เสียงของเขาเป็นผู้หญิงจริง ๆ ร่างกายของเขาสั่น ก่อนจะปรากฏกลายร่างเป็นผีสาวที่น่าสะพรึงกลัว ดวงตาของเธอดูชั่วร้ายมาก ร่างนั้นใช้หลังมือตบที่หน้าอกของหยินเฉิงเหยาร่างกายของหยินเฉิงเหยาตอบสนองอย่างรวดเร็ว ทว่าเมื่อร่างกายเกิดแสงสว่างขึ้น ก็สามารถหลบจากการโจมตีนี้ได้กลายเป็นร่างของผีสาวคนนั้นเสียเองที่สั่นสะท้าน พลันมลายหายไปฉันตกใจสะดุ้งสุดตัว ถ้าไม่ใช่มีดเล่มนี้ คงกำจัดผีตนนี้ได้ยากซินนาบาร์ที่ทาลงบนมีดไม่ใช่ของธรรมดาเลย อีกทั้งยังจัดทำขึ้นตามสูตรในหนังสือของราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางที่ว่ากันว่าสามารถฆ่าผีทั่วไปได้หรือว่า แท้ที่จริงแล้วผีผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ผี? ถ้ามันเป็นวิญญาณชั่วร้าย มันจะไม่ง่ายที่จะรับมือแบบนี้[จอมเผด็จการก็คือผีที่แปลงร่างมา?][พระเจ้า ฉันยังคิดอยู่เลยว่าเขาหล่อมาก น่ากลัวจริง][จอมเผด็จการตัวจริงหายไปไหนแล้วเหรอ? คงจะไม่ใช่ผีสาวคนนั้นฆ่าตายแล้วนะ]ในเวลานี้ลมตะ
เมื่อยันต์แปดทิศสว่างขึ้น ผีสาวก็กรีดร้อง ความแค้นในร่างกายทั้งหมดของเธอไหลลงไปในยันต์แปดทิศในเวลานี้ บนชั้นที่สิบแปดของโลกภายนอก หน้าของถังหมิงหลีเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว เช่นเดียวกับลมตะวันออกที่ร้อนใจ เขาขยับตัวไปมาไม่หยุดราวกับมดในกระทะที่ถูกเผาไฟจนร้อน ลมตะวันออกเป็นเด็กอายุประมาณสิบเจ็ดถึงสิบแปดปี เขาเพิ่งสอบเข้ามหาวิทยาลัยรัฐศาสตร์และกฎหมายที่เมืองซานเฉิงได้ แต่เขาชอบเกี่ยวกับเรื่องเทพเจ้าและเรื่องผีสางต่าง ๆ มาตั้งแต่เด็ก พอเขาได้ดูการไลฟ์สดครั้งที่แล้วเลยอยากมาลองดูด้วยตาตัวเองบ้าง เพราะครั้งนี้ การไลฟ์สดถูกถ่ายทอดอยู่ที่โรงแรมข้างโรงเรียนเขาพอดี ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงรีบวิ่งมาในขณะนี้เขากำลังถือโทรศัพท์ขึ้นมามองดูภาพอันน่าตื่นเต้นที่อยู่ข้างใน ลมตะวันออกก็เริ่มถาม “ลูกพี่จอมเผด็จการ คุณมีวิธีที่จะเข้าไปด้านในได้บ้างไหม? ผมทนดูไม่ได้ที่จะเห็นพวกเขาตายอยู่ด้านใน”“หุบปาก” ถังหมิงหลีดุเขาด้วยสีหน้าเย็นชา เด็กคนนี้ทำเขาอารมณ์เสีย ลมตะวันออกรู้สึกน้อยใจนิดหน่อยทว่าไม่นานก็มีผู้ชายร่างสูงสองคนที่ดูเหมือนจะเป็นบอดี้การ์ดเดินเข้ามา พร้อมกับพาผู้ชายอายุราวสามสิบกว่า ๆ มาด้วย
ดวงตาของหยินเฉิงเหยาฉายแววร้ายกาจออกมาทันควัน มือทั้งสองจับมีดและฟันออกไปตัดที่หัวของผีผู้หญิงจนขาดทันใดนั้นผีผู้หญิงก็กลายเป็นละอองสีดำ ๆ อยู่ในอากาศ แล้วลอยเข้ามาในปากและจมูกของฉันมือบางรีบลูบที่แก้มของตนอย่างรวดเร็ว เนื้องอกบนแก้มขวาหายไปแล้ว มันเป็นก้อนที่ใหญ่ที่สุดบนใบหน้าของฉันเลยนะ แถมเนื้องอกน่ากลัวบนเบ้าตาที่ชอบดึงให้หางคิ้วตกลงมาก็หายไปด้วยในใจลึก ๆ เองก็แอบรู้สึกดีใจ ผีผู้หญิงคนนี้ทำชั่วมามากมาย และไม่รู้ว่าเธอได้ฆ่าแขกที่มาพักในโรงแรมนี้ไปแล้วกี่คน ดังนั้นกลุ่มควันดำจากหล่อนในครั้งนี้ ก็มีมากพอที่จะทำให้เนื้องอกตรงคิ้วหายไปด้วยเช่นกันเมื่อผู้จัดการหลินเห็นว่าผีสาวตายไปแล้ว ใจที่เกร็งเครียดก็ผ่อนคลายลง และทันใดนั้นเองเขาก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ตายแล้ว ตายแล้ว! ในที่สุดเธอก็ตายอย่างสมบูรณ์ โจวเสี่ยวฮุ่ย ฉันไม่นึกเลยว่าตอนที่เธอยังมีชีวิตอยู่ เธอก็โดนฉันหลอก และพอตายไปแล้ว ก็ยังโดนฉันหลอกได้อีก ที่จริงพ่อแม่ของเธอฆ่าตัวตายไปเมื่อสองสามปีที่แล้ว เธอยังจะเชื่อว่าฉันไปดูแลพวกเขาอีกเหรอ เธอนี่โง่จริง ๆ” ความน่าขยะแขยงของชายคนนี้ทำให้ผู้ชมในห้องไลฟ์สดโกรธมาก[นี่ไ
รวยแล้ว รวยแล้ว ครั้งนี้รวยแล้วจริง ๆ คิดไม่ถึงว่าการไลฟ์สดจะได้เงินเยอะขนาดนี้ ฉันพลิกดูหน้าเว็บด้วยความดีใจ หลังจากที่ไลฟ์สดของฉันดังขึ้นมา ในโทรทัศน์ก็เริ่มเผยแพร่การไลฟ์สดล่าผีจำนวนมาก แต่ส่วนมากจะแนวปลอมเป็นเทพไปจัดการกับผี แถมยังใส่เอฟเฟกต์เข้าไป พอลองกดเข้าไปดูก็พบว่าไลฟ์สดเหล่านั้นล้วนมีแต่คนด่าข้อแตกต่างที่ทำให้ไลฟ์สดของฉันต่างจากคนอื่นคือ ทำไมฉันถึงเจอผีจริง ๆ เวลาที่ฉันไลฟ์สด ซึ่งต่างจากคนอื่นที่ทั้งชีวิตยังไม่เคยเจอเลยสักครั้ง จะเป็นไปได้ที่ร่างกายของฉันสามารถดึงดูดผีได้?เมื่อคิดแล้วก็สัมผัสได้ว่าอากาศในห้องนี้เย็นวาบขึ้นมาอย่างกับสงครามเย็น ไม่หรอกมั้ง ไม่อย่างนั้นทำไมยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาฉันถึงไม่เคยเจอผีเลยล่ะ? ดิ๊งด่อง เสียงข้อความดังขึ้น "นางฟ้าหยุนเซี๋ย” ทักมาขอฉันเป็นเพื่อนดวงตาของฉันเป็นประกาย ก่อนหน้านี้นางฟ้าหยุนเซี๋ยผู้นี้เคยให้รางวัลกับฉันด้วยมงกุฎห้าอัน จนพวกผู้ชมคนอื่น ๆ อดไม่ได้ที่จะเหน็บแนมนิ้วเรียวกดตอบรับการเป็นเพื่อน ในหูฟังเริ่มได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นว่า "ราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางพูดถูก คุณใช้วิธีการต่อสู้กับผีและการจับผีได้น่าสนใ
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ฉันยังไม่พร้อมที่จะมองใบหน้าของตัวเองแบบเต็มตาเพราะในใจนั้นเต็มไปด้วยความหวังว่าคงจะมีสักวันที่ฉันจะเปลี่ยนเป็นคนสวยได้ทว่าคราวนี้ปัญหาที่ตามมาก็คือ ฉันจะขายครีมนี่ได้ยังไง? ใครเขาจะมาซื้อครีมที่ไม่มีมาตรฐานยอมรับกันล่ะ? ไม่มีทางเลือกแล้ว ฉันคงต้องแบกหน้าไปขอความช่วยเหลือจากถังหมิงหลีอีกครั้งถังหมิงหลีบอกว่าหลังจากที่ฉันกลับไปแล้ว ตำรวจได้นำตัวของผู้จัดการหลินไปที่โรงพัก และพนักงานต้อนรับที่ถูกฆ่านั้นก็คือคนรักของเขา ซึ่งหมายความว่าเขานอกใจเธอ และยิ่งกว่านั้น เขาไม่ได้นอกใจแค่คนเดียว ที่จริงยังมีผู้หญิงอีกหลายคนที่คบกับเขาโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาแต่งงานแล้วเมื่อตระกูลเยว่ ตระกูลภรรยาของผู้จัดการหลินรู้เรื่องนี้ก็โกรธมาก จากนั้นภรรยาของเขาก็ได้ขอหย่าขาดในทันทีโดยเอาหุ้นและเงินทั้งหมดของเขาไปด้วย ผู้จัดการหลินหมดเนื้อหมดตัว แถมยังต้องติดคุกอีกหลายสิบปีส่วนเรื่องอื่น ๆ เขาบอกกับฉันว่าเขาจัดการเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว แม้แต่เรื่องแบบนี้ก็ยังจัดการได้ ช่างเป็นผู้ชายที่มหัศจรรย์เสียจริงฉันถามเขาว่า เขาพอจะรู้จักเพื่อนที่รวย ๆ บ้างไหม ถ้าจะให้ดีควรเป็นผู้ห
จูหลิงเหลือบมองถังหมิงหลีด้วยสายตาที่เย็นชา “นี่คุณแค่พาคนโกหกคนมาเจอฉันเหรอ? รังแกคนอื่นเกินไปหน่อยแล้วนะ”นี่คือลักษณะนิสัยของจูหลิง เธอเป็นคนพูดตรงไปตรงมา โดยไม่คำนึงว่าอีกฝ่ายจะอยู่ในฐานะอะไรจึงทำให้ใครหลายคนขุ่นเคือง ตอนที่เธอมีอำนาจ ผู้คนเหล่านั้นต่างก็อดทนไว้ไม่พูดออกมา และหลังจากที่เธอสูญเสียอำนาจ ทุกคนก็คอยซ้ำเติมเหยียบย่ำเธอสีหน้าถังหมิงหลีเริ่มไม่ค่อยดี ขณะที่เขากำลังจะพูดบางอย่าง ฉันก็ถอดหมวกและหน้ากากออกเผยให้เห็นใบหน้าที่น่าเกลียดของฉันจูหลิงหันมามอง ดวงตาของอีกฝ่ายเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง“นี่คือโรคเนื้องอกเส้นใยที่ฉันเริ่มเป็นตั้งแต่เด็ก หมอบอกว่ามันรักษาไม่หาย ฉันต้องอยู่กับใบหน้าแบบนี้ไปตลอดชีวิต” ฉันมองตรงเข้าไปในดวงตาของเธอแล้วพูดต่อ “แต่ฉันไม่เคยท้อแท้ ถึงแม้ว่าชีวิตจะยากลำบากแค่ไหน ฉันก็ต้องเข้มแข็งต่อไป เพราะฉะนั้น ฉันเข้าใจความเจ็บปวดของคุณดี คุณวางใจเถอะ ฉันไม่มีทางที่โกหกคุณหรอก”ดูเหมือนเธอจะสัมผัสได้ถึงความจริงใจในคำพูดของฉัน เพราะหลังจากนั้นไม่นานเธอก็ถอนหายใจและพูดว่า “ได้ ฉันเต็มใจจะลองดู แต่ฉันบอกไว้ก่อนนะ ถ้าไม่ได้ผลฉันจะไม่จ่ายเงินให้เธ
“ก็แค่ต้นจันทร์ขาวธรรมดา” เธอบอก “ฉันชอบกลิ่นที่หอมแบบผู้ดีของจันทร์ขาว”ฉันขมวดคิ้ว “กลิ่นนี้มันแปลก ๆ ฉันขอดูได้ไหมคะ”เนื่องด้วยความเชื่อใจอันล้นเหลือที่จูหลิงมีให้ฉัน เธอจึงพยักหน้าตกลง “เชิญตามสบาย”เวลานี้เอง ฉันก็สังเกตเห็นว่าสาวรับใช้วัยกลางคนที่อยู่ด้านหลังออกอาการประหม่าเล็กน้อย ทำให้ฉันอดใจเต้นรัวตามไม่ได้หรือมันมีเรื่องลับลมคมในอะไรจริง ๆ งั้นเหรอ?ร่างบางเดินเข้ามาในห้อง พลันกลิ่นประหลาดนั้นก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น ฉันหยิบกระถางธูปดินเผาขึ้นมาเปิดดม พร้อมเอ่ยอย่างประหลาดใจ “ในนี้เคยใส่ลั่วเสวียนฉ่าวเอาไว้!”ฉันตวัดหางตาเหลือบมองไปทางสาวรับใช้ทันควัน เมื่อได้ยินคำว่าลั่วเสวียนฉ่าว หล่อนก็มีสีหน้ากังวลใจขึ้นมาแวบหนึ่งจูหลิงเอ่ยถามอย่างสงสัย “ลั่วเสวียนฉ่าวคืออะไร?”ฉันจึงตอบกลับไปด้วยสีหน้าที่จริงจัง “ลั่วเสวียนฉ่าวคือพืชชนิดหนึ่งที่สามารถนำไปสู่การเกิดภาพหลอน ตอนเด็ก ๆ ที่ฉันอยู่ในชนบท เคยเจอกับแม่หมอผู้หลอกลวงคนหนึ่ง นางได้รับคำเชิญจากคนในครอบครัวฉันให้ไปเรียกคืนวิญญาณชายชราที่เพิ่งเสียชีวิตไป ผลคือนางไม่ได้มีความสามารถในการเรียกคืนวิญญาณนั้นเลย แต่นางใช้วิธีการเอ
ฉันรีบตอบตกลงในทันที แต่ในใจกลับคิดว่ามันไม่ค่อยถูกต้องสักเท่าไหร่ เพราะเหมือนการมาช่วยรักษาบาดแผลให้เธอในครั้งนี้ ฉันเองก็เก็บค่ารักษาจากเธอด้วย แต่เธอคงแค่กำลังดีใจมากเลยพูดไปส่ง ๆ ฉันจะคิดจริงจังไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นเหมือนพวกเชื่อคนง่ายน่ะสิขณะนั้นเอง การ์ดที่รับผิดชอบเฝ้าป้าซินก็วิ่งเข้ามาด้วยท่าทีร้อนรน พร้อมพูดระรัวอย่างเป็นกังวล “คุณจูหลิง แย่แล้วครับ ป้าซินหนีไปแล้ว”“อะไรนะ?” จูหลินตวาดอย่างโมโห “แล้วนายปล่อยให้หล่อนหนีไปได้ยังไง?”การ์ดก้มหน้าลงอย่างละอายใจ “ผมผิดเองครับ คุณผู้หญิงโปรดอนุญาตให้ผมรับผิดชอบด้วยการลาออกเถอะนะครับ”พูดยังไม่ทันจบ เสียงอันเยือกเย็นของถังหมิงหลีก็พูดขึ้นมา “คุณไม่ต้องลาออกหรอก ไปที่สถานีตำรวจก่อนเถอะ”เขาเดินก้าวเท้ายาว ๆ เข้ามาในห้องด้วยสีหน้าอึมครึม แล้วโยนป้าซินลงบนพื้นราวกับขยะอย่างไรอย่างนั้น ป้าซินตกใจจนตัวสั่น เธออ้อนวอนอย่างหวาดกลัว “คุณหนูใหญ่คะ ขอร้องเถอะค่ะ ครั้งนี้ปล่อยป้าไปนะคะ ป้าไม่อยากติดคุก”จูหลิงเองก็ไม่ได้โง่ เธอกล่าวอย่างเยือกเย็น “ไหนป้าว่ามา ใครเป็นคนปล่อยป้าไป?”ป้าซินมองไปทางบอดี้การ์ดด้วยความสั่นกลัว
เธอหยุดชั่วคราวและกล่าวอย่างยิ้ม ๆ อีกครั้งว่า “ฉันยังมีคำขอที่ไม่สมเหตุสมผลอีกข้อหนึ่ง หวังว่าคุณหยวนจะตกลง”“เรื่องอะไรเหรอคะ?” ฉันไม่พอใจเล็กน้อยกับสายตาที่มีความดูถูกเหยียดหยามของเธอ แต่ฉันก็ยังถามอย่างเก็บอารมณ์เธอพูดว่า “ในการไลฟ์สดครั้งนี้ มีบางฉากที่ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้ง่าย ฉันอยากให้คุณหยวนได้โปรดอธิบายให้ผู้ชมฟังในการไลฟ์สดครั้งต่อไปด้วย เพื่อไม่ให้คนอื่นเข้าใจลูกเทียนของเราผิด”ใจของฉันสงบลงและรอยยิ้มบนใบหน้าได้เปลี่ยนเป็นไม่เต็มใจเล็กน้อย “คุณนายเสวีย การไลฟ์สดของฉันเป็นการไลฟ์สดจับผีไม่ใช่การไลฟ์สดเกี่ยบกับความรู้สึก”คุณนายเสวียพูดอย่างสุภาพแต่ไม่ยอมปฏิเสธ “ฉันก็กลัวว่าจะทำลายชื่อเสียงของคุณเหยาเหมือนกัน ถึงอย่างไรคุณก็เข้าใจสถานะของตระกูลเราในเมืองจินหลิงชัดเจนอยู่แล้ว ถ้าเกิดทำให้คนอื่นเข้าใจคุณเหยาผิดว่าประจบและแอบอิงผู้มีอิทธิพลก็คงจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่”สีหน้าของฉันเย็นลงมา นี่เป็นการเปลี่ยนวิธีที่จะบอกว่าฉันกำลังประจบและแอบอิงผู้มีอิทธิพลฉันยิ้มจาง ๆ “คุณนายเสวีย ไม่รู้ว่าคุณชายเสวียเคยบอกคุณไหมว่าฉันเป็นคนรักษาอาการป่วยของเขาให้หายดี”คุณนายเสวียตะลึงไปคร
ยังไม่ถึงสองวัน ชาวเน็ตผู้หญิงที่ซื้อสบู่ทำมือเหล่านี้ไปก็มาโพสต์ที่หมวดยา พวกเธอพูดอย่างตื่นเต้นว่าสบู่ทำมือนี้ใช้ดีมาก ๆ พึ่งจะใช้ไปไม่กี่วันสภาพผิวก็ดีขึ้นมาก ริ้วรอยตรงขอบตาและมุมปากต่างก็ตื้นขึ้นเยอะด้วยมีหญิงสาวนักรบสายขาวคนหนึ่งบอกว่าบนใบหน้าของเธอมีสิวเยอะมาก เมื่อก่อนนี้เธอใช้เครื่องประทินผิวเยอะเยอะหลายชนิด แต่ก็ไม่ได้ผล และนั่นทำให้เธอเป็นทุกข์มาก ๆ แต่หลังจากที่เธอได้ใช้สบู่ทำมือ สิวบนใบหน้าของเธอก็หายไป และไม่มีวี่แววว่าจะเกิดขึ้นมาอีก เธอยังปล่อยภาพเปรียบเทียบก่อนและหลังออกมาเป็นพิเศษอีกด้วยในไม่ช้า สบู่ทำมือนี้ก็ถูกอัปโหลดลงบนนักเล่นแร่แปรธาตุเน็ตเวิร์กทั้งหมด และนักเล่นแร่แปลธาตุผู้หญิงจำนวนมากต่างก็ฝากข้อความต้องการจะซื้อไว้ทางบริษัทเครื่องสำอางก็มีผลตอบรับกลับมาว่าได้กำหนดสูตรสบู่ทำมือแล้วสามชนิด ชนิดที่หนึ่งคือ กลิ่นหอมของหอมหมื่นลี้ที่ใช้สำหรับขาวใส ชนิดที่สองคือกลิ่นหอมของลาเวนเดอร์ที่ใช้สำหรับป้องกันสิว และอีกหนึ่งชนิดก็คือกลิ่นหอมของว่านหางจระเข้ที่ใช้สำหรับให้ความชุ่มชื้นเป็นพิเศษผลลัพธ์ของทั้งสามชนิดต่างก็ดีมาก ๆ และทีมผู้บริหารของบริษัทก็พร้อมที่จะทำ
เมื่อมองดูรถของพวกเขาหายไป ฉันก็แอบถอนหายใจในใจ ถึงแม้ว่าคุณนายเสวียจะลืมช่วงความตายของคุณชายเสวียไปแล้ว แต่ความเจ็บปวดที่เหมือนโดนกรวยแหลมคมแทงทะลุเข้าไปในใจก็ยังฝังลึกอยู่ในก้นบึ้งหัวใจของเธอฉันยักไหล่ ถึงอย่างไรฉันก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ฉันไม่สามารถขอให้ทุกคนมาชอบตัวเองได้หรอกร่างบางกลับมาถึงห้องก็นอนหลับอย่างสบายใจ จนเช้าวันรุ่งขึ้นก็โดนปลุกให้ตื่นโดยเสียงเคาะประตูอย่างแรงฉันหาวหวอดพลางเดินไปเปิดประตูห้อง แล้วก็เห็นถังหมิงหลียืนอยู่นอกประตู เขาถือกระเป๋าสัมภาระธรรมดาใบหนึ่ง เขาหน้าซีดเผือดมาก ราวกับว่าไม่ได้นอนมาตลอดทั้งคืนเพราะรีบกลับมาเมื่อเขาเห็นฉันก็รีบโผเข้ามากอดไว้แน่น ทำให้ใบหน้าของฉันฝังอยู่ที่คอของเขาอย่างแรงและเขาก็พูดขึ้นทันที “ก่อนหน้านี้ฉันอยู่บนเกาะหิมะตลอด ฉันไม่รู้เลยว่าเธอว่าได้เจอกับอันตรายแบบนั้น ไม่อย่างนั้นฉันต้องรีบกลับมาช่วยเธอโดยเร็วที่สุดแน่นอน”ฉันยิ้มออกมา “เป็นเพราะอย่างนี้เองเหรอ วางใจเถอะ ฉันไม่เป็นอะไร”เขาจับหน้าของฉันไว้แล้วก้มหน้าลงจูบอย่างเร็วฉันตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วรีบผลักเขาออก พลันพูดอย่างร้อนใจ “นายเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?”“ใช่ ฉันบ้าไปแ
พลังที่เก้าเอ่ยแทรก “หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ที่จริงผีตัวนี้มีชีวิตและมีเนื้อหนัง แค่เนื้อหนังของมันก็คือทั้งหมดของโรงเรียนแห่งนี้เท่านั้นเอง”ราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางยังกล่าวอีกว่า “ฉันไม่ได้เจอผีที่มีเลือดเนื้อในร่างกายมนุษย์แบบนี้มาหลายปีแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะยังมีอยู่ในโลกมนุษย์”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ถึงแม้ว่าในตอนนี้ในโลกมนุษย์จะขาดแคลนพลังปราณ แต่อารมณ์เจ็ดอายตนะหกของผู้คนก็ยังแข็งแกร่งมากขึ้น” พลังที่เก้าพูดขึ้น “ผีก็มากขึ้นเรื่อย ๆ”หัวใจที่ยังคงเต้นอยู่ก้อนนั้นเริ่มเผาไหม้และควันหนาค่อย ๆ ลอยออกมา ผีใบหน้าสีดำตัวนั้นเผยหน้าตาที่แสนเจ็บปวดออกมา พลันกำแพงรอบ ๆ ก็เริ่มลุกไหม้ขึ้นมา เปลวไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็วและพวกเราก็ได้วิ่งออกมาจากโรงเรียนแห่งนั้น อาคารร้างทั้งหลังล้วนจมลงไปในเปลวไฟ ริ้วลิ้นแห่งเปลวไฟยังกระโจมอยู่อย่างไม่หยุดยั้ง ดูเหมือนว่าฉันจะเห็นวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นไปในอากาศด้วยแสงไฟ“อ๊าก!” ในที่สุดผีใบหน้าสีดำก็ปรากฏขึ้นมาในเปลวไฟ มันโดนไฟเผาจนเล็กลงเรื่อย ๆ และมองไม่เห็นอีกต่อไปฉันถอนหายใจอย่างโล่งอกยาว ๆ ในที่สุดก็จบลงแล้ว จะไม่มีเกมส์แห่งความตายอีกต่อไปแล้ว และก
เมื่อมองดูใบหน้าที่หล่อเหลาแต่เปื้อนเลือดของคุณชายเสวีย ในใจของฉันก็รู้สึกเหน็บหนาวขึ้นมาเป็นพัก ๆ[เป็นไปไม่ได้มั้ง คุณเสวียตายแล้ว?][จะเป็นไปได้ยังไง ถึงแม้ว่าคุณเสวียจะมาเข้าร่วมไลฟ์สดแค่ชั่วคราว แต่จะตายง่าย ๆ แบบนี้ได้อย่างไร? เขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้เชียวนะ][ใครบอกว่าจะไม่มีคนตาย? ทุกครั้งที่แอดมินไลฟ์สดล้วนอันตรายมาก แต่ก็ยังเอาชีวิตรอดจากภัยอันตรายมาได้หลายครั้ง เมื่อก่อนที่จอมเผด็จการไม่ตายก็แค่โชคดีมากเท่านั้นเอง พวกคุณคิดว่าพวกเขาจะมีรัศมีของตัวเอกจริง ๆ เหรอ?][แอดมิน ฉันคือคนใช้ของครอบครัวคุณเสวีย เมื่อสักครู่แม่ของเขาก็ดูไลฟ์สดอยู่ แต่ตอนนี้ได้เป็นลมหมดสติไปแล้ว คุณเตรียมใจรอรับความโกรธของตระกูลเสวียได้เลย][คนข้างบนที่อาศัยบารมีคนอื่นมาอวดเบ่งชาวบ้าน ถ้าพวกคุณมีความสามารถก็ไปจัดการกับผีใบหน้าเองสิ จะระบายอารมณ์ใส่แอดมินทำไม?][แอดมิน...จะมีชีวิตกลับมาไหม?]ขณะนี้ในใจของฉันว่างเปล่า ฉันคุกเข่าลงบนพื้นและกอดหัวของเสวียห้าวเทียนไว้ ทั้งยังรู้สึกหนาวเย็นไปทั่วร่างกายฉันและคุณชายเสวียไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น แต่เขากับฉันได้ร่วมเป็นร่วมตายกันมาในเกมส์แห
เพี๊ยะ เพี๊ยะ! ไฟในเมรุเผาศพดังขึ้นและลัดวงจร กระแสไฟฟ้ารวมตัวกันในมือของฉันจนกลายเป็นก้อนใหญ่ [ว้าว ใช้กระแสไฟฟ้าหนึ่งแสนโวลต์ควบแน่นเป็นสายฟ้าก้อนกลม แอดมินเธอเก่งขั้นเทพเลยอ่ะ] [แรงดันไฟฟ้าสูงเท่าหนึ่งแสนโวลต์ที่ไหนกัน!] [ฉันพูดเกินจริงไม่ได้เหรอ? คุณจะยุ่งเกินไปแล้ว?] “คุณเสวีย หลบไปเร็วเข้า!” ฉันตะโกนเสียงดังแล้วโยนกระแสไฟฟ้าในมือออกไป ตูม! เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น กระแสไฟฟ้าพุ่งเข้าใส่ร่างของผีกองกอย ร่างของมันเปล่งแสงสีม่วงออกมาและส่งเสียงร้องเหมือนสัตว์ป่า แต่สุดท้ายร่างกายก็ไหม้กลายเป็นศพไหม้เกรียม “เร็วเข้า เอามันเข้าไปในเตาเผาศพ!” ฉันและเสวียห้าวเทียนอดทนต่อกลิ่นเหม็นเน่าเพื่อยกผีกองกอยขึ้น แล้วรีบเข้าไปในห้อง พร้อมเปิดเตาเผาศพและโยนศพเข้าไป บึ้ม! ในเตาเผามีเปลวไฟลุกโชนออกมา ผีกองกอยดิ้นทุรนทุรายอย่างดุเดือด ฉันตะโกน “ปิดประตู!” ประตูเตาเผาได้ปิดลงเสียงดังปัง เสียงดิ้นรนดังออกมาจากด้านใน ศพถูกเผาเป็นเวลานานมากก่อนที่จะหยุดลง และท้ายที่สุดก็มีเศษกระดูกออกมาจากรูด้านหลัง กระดูกไม่ได้ถูกเผาจนเป็นเถ้าถ่านทั้งหมด แต่เผาแล้วกลายเป็นเศษเล็ก ๆ พวกมัน
[เพื่อเงินเพียงเล็กน้อย แต่เขากลับฆ่าพ่อของตัวเอง ช่างน่าเศร้าจริง ๆ] [มีลูกชายแบบนี้ มิน่าล่ะพ่อของเขาถึงได้โกรธทะยานขึ้นจนศพเปลี่ยนไป] [จะไปโทษใครได้? นอกจากตัวเขาเอง ใครบอกให้เขารักลูกชายมากเกินไปล่ะ? รู้จักแต่เลี้ยงแต่ไม่รู้จักอบรม นั่นเป็นความผิดขอพ่อแม่] ในห้องไลฟ์สดมีการโต้เถียงทุกแบบอย่าง ผีดิบฟางเหวินตัวนั้นกระโดดออกมาจากโลงศพ โลงศพเป็นโลงไม้เนื้อแข็งแบบดั้งเดิม และสูงพอ ๆ กับไหล่ของผู้ใหญ่ แต่มันสามารถมันกระโดดออกมาได้ในพริบตา ในตอนนั้นเอง ร่างกายของฟางเหวินก็เริ่มมีขนงอกออกมาอย่างรวดเร็ว เขามีขนปุกปุยราวกับลิงอุรังอุตังที่เป็นบรรพบุรุษ [ผีกองกอย! นี่มันผีกองกอยจริง ๆ!] [ผีกองกอยเป็นกระดูกเหล็กทองแดงในตํานาน! มันเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว กระโดดขึ้นอาคารบ้านเรือนไปบนต้นไม้ กระโดดโลดเต้นราวกับบิน ไม่กลัวไฟธรรมดา หรือแม้แต่แสงอาทิตย์] [ข้างบนมีความรู้เยอะจัง] [ไร้สาระ เว็บไป๋ตู้ก็เขียนเอาไว้แบบนั้น] ฉันเองก็ประหลาดใจเช่นกัน เขาถูกลูกชายแท้ ๆ ของตัวเองฆ่าตาย ลูกชายก็อกตัญญู และมักจะด่าทอเขา เขามีความคับข้องใจมาเป็นเวลานาน แถมลูกชายก็ไม่ได้จัดงานศพให้ หลังจ
ฉันถามถึงที่อยู่และเรียกแท็กซี่กับเสวียห้าวเทียน จนมาถึงเมืองเล็ก ๆ ที่เรียกว่าฝางเจีย เมืองนี้ค่อนข้างหดหู่กว่าเมืองชิงหยาง มีเพียงคนแก่ใกล้วาระสุดท้ายที่นั่งอาบแดดอยู่หน้าประตู เราสอบถามเกี่ยวกับโรงฌาปนกิจศพในเมืองฝางเจีย วันนี้ไม่มีการจัดงานศพ ภายในนั้นเงียบมาก และมีชายชราคนหนึ่งกําลังกวาดพื้น “ขอถามหน่อยค่ะ คุณคือผู้เฒ่าฟางใช่ไหมคะ?” ฉันก้าวไปข้างหน้าและถามเขาทันที เขามองฉันอย่างระมัดระวังพลางกล่าว “คุณมีธุระอะไร?” “เมื่อสองวันก่อน มีช่างขนศพพาศพหกศพมาค้างคืนที่นี่ใช่ไหมคะ?” ฉันถาม ความระแวดระวังในดวงตาของชายชรายิ่งทวีความรุนแรงขึ้น “ผมจําไม่ได้แล้ว” พูดจบก็เดินเข้าบ้านไป เสวียห้าวเทียนเดินไปข้างหน้าและจับไหล่ของอีกฝ่ายไว้ “ผู้เฒ่าฟาง อย่าเพิ่งรีบไปสิ มาคุยกับพวกเราเถอะครับ” พร้อมกันนั้น เขาก็ยัดธนบัตรสีแดงสองใบใส่มือชายชราไปด้วย เขาลังเลเล็กน้อยและกำธนบัตรสีแดงไว้ ก่อนจะกล่าว “คุณต้องการถามอะไร?” เสวียห้าวเทียนยิ้มบาง “เราแค่อยากรู้ว่าในโลงศพทั้งหกศพนั้นบรรจุอะไรไว้” “แล้วมันจะเป็นอะไรได้อีกล่ะ? แน่นอนว่าต้องเป็นศพอยู่แล้ว” ตาแก่ฟางพูดอย่างไม่สบอารมณ์
ฉันยิ่งงงเข้าไปใหญ่ การที่ภูตผีจากโรงเรียนมัธยมหวนซานนี้ รวบรวมเรื่องลี้ลับที่เกิดขึ้นจริงไว้มากมายเพื่อทดสอบคนอื่น ที่แท้เพราะอะไรกันแน่นะ? เขาวางแผนอะไรอยู่นะ? จริงสิ! ความกลัวไงล่ะ! ความกลัวที่พวกเราประสบในมิติวิญญาณจะกลายเป็นแหล่งพลังงานของมัน ทําให้มันแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมภูตผีถึงชอบทำให้คนกลัว หลังจากที่มนุษย์หวาดกลัวแล้ว พลังหยางจะถูกทําลาย ทำให้ถูกสิงได้ง่ายขึ้น แต่ภูตผีบางชนิดสามารถดูดซับความกลัวได้ เพื่อทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น พอดึกขึ้นเรื่อย ๆ ก็มีเสียงกรนดังมาจากห้องเวร ตอนแรกฉันว่าจะไปผนึกศพพวกนี้ก่อน แต่ตัวอักษรเลือดพูดถึงผีดิบที่ฆ่าศพฟื้นคืนชีพ ถ้าฉันฝืนเปลี่ยนเค้าโครงเรื่อง ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังไงก็ต้องระวังตัวไว้จะดีกว่า พริบตาเดียวก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว และเป็นตอนที่พลังหยินพลุ่งพล่านที่สุด พระจันทร์เสี้ยวสีแดงเลือดดวงนั้นสว่างจนแสบตาเป็นพิเศษ ฉันสอนวิธีเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เสวียห้าวเทียน โดยการปิดปากและจมูก เพื่อให้ผีดิบไม่ได้กลิ่นมนุษย์บนตัวเรา ทันใดนั้นกลิ่นอายวิญญาณก็พวยพุ่งออกมาจากในห้อง ศพทั้งหกพลันลืมตาขึ้นมาพร้อ