“อาฟง!!!”
ชายหนุ่มอุทานตาเบิกโพลงด้วยความตกใจที่สูญเสียลูกน้องคนสนิทไปต่อหน้าต่อตา แต่ในขณะที่พวกนักเลงพวกนี้จะเข้าไปสังหารหลินซ่ง เหล่ามือปราบก็ออกมาจัดการคนพวกนี้และควบคุมตัวใต้เท้าจงกับลูกน้องคนสนิทได้ทันท่วงที ทำให้หลินซ่งปลอดภัยแต่ก็หนีการจับกุมไม่พ้น“คุมตัวทุกคนกลับไปยังศาลต้าจงเพื่อรอการตัดสิน!!!” สิ้นเสียงของหัวหน้ามือปราบ มือปราบทุกคนก็ควบคุมตัวผู้กระทำผิดกลับไปยังคุกต้าจงเพื่อรอการไต่สวนและการตัดสินทันทีสายตาคมกวาดมองไปยังหีบสินค้ามากมายที่อยู่บนเรือ เขาเดินขึ้นไปบนเรือก่อนที่จะเปิดฝาหีบออกดู ด้านในเป็นผ้าไหม เครื่องเรือน และอาวุธจำนวนมาก สิ่งที่เขาได้ยินมาไม่ผิด… ผู้ที่อยู่เบื้องหลังในการยักยอกเสบียงของทางการก็คือใต้เท้าจงนั่นเอง“เพราะความโลภแท้ๆ ข้าน้อยก็นึกว่าใต้เท้าจงร่ำรวยมาจากสิ่งใด ที่ไหนได้ยักยอกเสบียงที่จะส่งให้เมืองหลวงแล้วลักลอบขายออกไปต่างเมืองนี่เอง” ลูกน้องคนสนิทของหัวหน้าหน่วยมือปราบกล่าวออกมา“ให้คนมาจัดการขนของกลางพวกนี้ไปไว้ที่ศาลต้าจง และพวกเรายังมีที่ที่ยังต้องไปจัดการอีกที่หนึก่อนหน้าวันตัดสินความใต้เท้าเซียงเดินทางไปยังจวนสกุลโจวพร้อมกับบุตรีเพื่อขออภัยต่อเรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณหนูใหญ่สกุลโจว แม้นางจะไม่ได้รับอันตรายทางด้านร่างกาย แต่ทว่าทางด้านจิตใจแล้วคงจะใจเสียอยู่ไม่น้อยที่ได้พบกับเหตุการณ์น่ากลัวเช่นนั้น เซียงซุนรู้สึกผิดที่ตนเป็นสาเหตุที่ทำให้ท่านแม่ต้องถูกกักบริเวณ“ข้าน้อยอยากจะขออภัยต่อสกุลโจวและคุณหนูใหญ่ยิ่งนัก ที่ฮูหยินของข้าน้อยนางรักลูกไม่ถูกทาง นางทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ซุนเอ๋อร์มีความสุขจนลืมนึกไปว่าสิ่งที่นางกระทำจะไปสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น ขอพวกท่านได้โปรดช่วยอภัยให้แก่ฮูหยินผู้โง่เขลาของข้าน้อยสักคราเถิดขอรับ” ใต้เท้าเซียงกล่าวออกมาอย่างนอบน้อม เซียงซุนน้ำตาคลอก่อนที่นางจะทรุดเข่าลงไปกับพื้น“ได้โปรดให้อภัยแก่ความผิดของท่านแม่ด้วยเถิดเจ้าค่ะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่นางกระทำเป็นเพราะความเอาแต่ใจของข้าเอง ข้าขอยอมรับผิดและสัญญาว่าจากนี้ต่อไปข้าจะเป็นสตรีที่ดี และไม่เอาแต่ใจตนเองจนต้องทำให้ท่านแม่ต้องกระทำผิดเพื่อข้าอีก” โจวเจินเจินเดินเข้าไปหาคุณหนูสกุลเซียงก่อนที่จะพยุงนางให้ลุกขึ้นยืน เซียงซุนม
“เขาคือผู้ตรวจการลับผู้นั้นเองหรือขอรับ”โจวเจินหลงเอ่ยถามพี่สาวออกมาอย่างสนใจ เขานับถือผู้ตรวจการลับที่ชาวเมืองเล่าลือกันมานาน เพราะผู้ตรวจการลับสามารถเก็บความลับเอาไว้ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งเป็นหน้าที่ที่ได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้ และสุดท้ายผู้ตรวจการลับก็ได้คลี่คลายสิ่งที่ฮ่องเต้กังวล“พี่ก็เพิ่งจะรู้พร้อมกับเจ้านี่แหละหลงเอ๋อร์”โจวเจินเจินตอบพลางมองไปยังคนรักหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งซ้ายมือของนาง เขามองมายังนางอยู่ก่อนแล้วเช่นกันพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก หญิงสาวรู้สึกร้อนผ่าวบนใบหน้าจนต้องหลบสายตาของเขา และพอถึงยามที่ต้องพิจารณาคดีทุกคนในศาลต้าจงก็พากันเงียบเพื่อฟังการตัดสินของคดีฉ้อโกง ลักลอบส่งออกสินค้าผิดกฏของเมือง และสั่งการให้สังหารคน โดยมีใต้เท้าจงเป็นผู้กระทำผิด หลินซ่งทำหน้าที่เป็นพยานในครานี้หลินซ่งรับสารภาพเรื่องที่เขาและลูกน้องทำงานให้แก่ใต้เท้าจง ทุกคราหลังจากการเก็บเสบียงเพื่อส่งไปยังวังหลวง ใต้เท้าจงมักจะยักยอกและส่งออกเสบียงเหล่านั้นไปขายยังต่างเมือง เขาร่ำรวยมาจากการฉ้อโกงและขูดรีดชาวเมือง ใต้เท้าจงจึงถูกตัดสินลงโทษด้วยการ
หลังจากเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นในเมืองฮวาหลานผ่านพ้นไป ก็เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิซึ่งเป็นฤดูกาลของการสอบขุนนางในระดับเมืองหลวงที่เรียกกันว่าฮุ้ยชื่อก็เวียนมาถึง โจวเจินหลงตั้งใจกับการสอบในครานี้ยิ่งนัก เพราะเขาอยากเป็นบุรุษที่ยอดเยี่ยมเช่นเดียวกับคนรักของพี่หญิงใหญ่ และเขาก็ทำได้อย่างที่ตั้งใจ แม้จะยังไม่ใช่การสอบต่อหน้าพระพักตร์ก็ตาม แต่การก้าวมาได้ถึงขั้นนี้ก็ทำให้ตระกูลโจวเป็นที่กล่าวถึงอยู่ไม่น้อย เพราะเขาเองเพิ่งจะอายุสิบหกใต้เท้าโจวและโจวฮูหยินได้จัดงานเลี้ยงเพื่อเฉลิมฉลองให้แก่บุตรชาย ที่สามารถสอบผ่านในระดับเมืองหลวง โดยอีกสามปีข้างหน้าโจวเจินหลงจะได้เข้าสอบเตี้ยนชื่อ ซึ่งเป็นการสอบในระดับวังหลวง เพื่อคัดเลือกให้เป็นขุนนางของแคว้นโจวหนาน ใต้เท้าเจียง เจียงฮููหยินและทายาททั้งสองของสกุลเจียงก็ได้เดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับบัณฑิตหนุ่มในวันนี้ด้วย“เจ้าทำได้เยี่ยมมากหลงเอ๋อร์”เจียงมู่จื้อกล่าวออกมา ยามนี้เขารับหน้าที่เป็นผู้ตรวจการประจำเมืองฮวาหลานอย่างเปิดเผยแล้ว เพราะงานที่ได้รับมอบหมายมาก่อนหน้าสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี“เป็นเพราะข้ามีท่านเป
หลังจากงานเลี้ยงฉลองผ่านไปไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ กำหนดการการเดินทางของเจียงมู่จื้อก็ใกล้มาถึง นั่นก็คืออีกสามวันข้างหน้านักปราชญ์หนุ่มต้องเข้าเมืองหลวงเพื่อไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ และรายงานตัวเพื่อเป็นอาจารย์ขององค์รัชทายาท ในช่วงสามวันที่เหลืออยู่เจียงมู่จื้อจึงแวะเวียนไปหาโจวเจินเจินทุกวัน บางวันก็พานางไปเดินตลาดเมืองฮวาหลานจนผู้คนเล่าลือว่าคุณชายใหญ่สกุลเจียงและคุณหนูใหญ่สกุลโจวกำลังจะแต่งงานกัน“น้องหญิง ปิ่นที่พี่ซื้อให้เจ้ายังอยู่ดีหรือไม่”ร่างสูงโปร่งเดินมายืนอยู่เคียงข้างของหญิงสาวที่กำลังยืนเลือกเครื่องประดับอยู่ในร้านขายเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงของเมืองฮวาหลาน“น้องเก็บเอาไว้เป็นอย่างดีเจ้าค่ะท่านพี่” โจวเจินเจินบอกเขาก่อนที่จะหยิบกำไลหยกขาวขึ้นมาดู“เจ้าอยากได้หรือ” ใบหน้างามส่ายไปมาเป็นการปฏิเสธ“น้องใส่กำไลไม่ทนเจ้าค่ะ เสียดายของงามๆ เช่นนี้ หากมาอยู่กับน้องก็มิพ้นเก็บเอาไว้ในหีบที่เรือน” เพราะนางไม่ชอบสวมใส่เครื่องประดับ นอกจากว่ามีเทียบเชิญให้ไปร่วมงานต่างๆ นางถึงจะได้สวมใส่“แล้วเจ้าอยากสวมแ
หลังจากเจียงมู่จื้อเดินทางเข้าวังหลวง ชีวิตของโจวเจินเจินก็กลับไปเป็นเช่นแต่ก่อน แต่ต่างกันตรงที่นางมีเป้าหมายในอนาคตภายภาคหน้าที่เปลี่ยนแปลงไป เพราะจากเดิมที่ไม่เคยคาดหวังในการออกเรือน ทว่ายามนี้นางกลับมีใจที่อยากจะออกเรือนยิ่งนัก ความห่างไกลจากคนรักนั้นช่างทำให้นางรู้สึกหนาวเหน็บหัวใจเหลือเกิน“คุณหนูใหญ่เจ้าคะ เหตุใดถึงกินอาหารเพียงนิดเช่นนี้ล่ะเจ้าคะ หากท่านนักปราชญ์กลับมาแล้วมาเห็นว่าท่านซูบผอม เขาคงจะนึกตำหนิตนเองเอาได้หนาเจ้าคะ”อี้ถงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล นางเข้าใจคุณหนูใหญ่ที่ต้องห่างไกลกับคนรักเป็นอย่างดี ว่าช่วงแรกๆ จะต้องมีความอาลัยอาวรณ์หากันอยู่ไม่น้อย นี่ก็เพิ่งจะผ่านไปแค่เพียงหนึ่งสัปดาห์ ข่าวคราวที่นักปราชญ์หนุ่มส่งกลับมาแม้จะทำให้คุณหนูของนางยิ้มได้บ้าง แต่ก็ไม่เท่ากับการที่นางได้พบหน้าเขา“ข้าไม่ค่อยหิวน่ะอี้ถง” มือบางวางตะเกียบลงก่อนที่จะหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม“ถ้าเช่นนั้นกินผลไม้สักนิดเถิดนะเจ้าค่ะ”โจวเจินเจินรับรู้ได้ถึงความห่วงใยของสาวรับใช้นางจึงไม่ปฏิเสธ ผลไม้สี่ชิ้นบนจานจึงถูกนางจัดการจนหม
“ท่านใต้เท้า… มีเรื่องอันใดน่าประทับใจจนทำให้ท่านยิ้มออกมาได้เช่นนี้หรือเจ้าคะ” จูเอ๋อร์ นางรำในหอนางโลมที่เขาแวะเวียนมาเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ“ญาติผู้น้องของข้าน่ะสิ เขาได้ขอหมั้นหมายสตรีที่ข้าเคยหมายตาไว้ให้เขา อีกไม่นานคงจะมีงานมงคลให้ข้าต้องกลับไปเยือนเมืองฮวาหลานแล้วล่ะ”“อ้อ!! เรื่องที่ชาวเมืองกล่าวถึงในยามนี้ใช่หรือไม่เจ้าคะ" มือปราบหนุ่มพยักหน้าเป็นคำตอบ"ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งนักเจ้าค่ะ แล้วท่านใต้เท้าล่ะเจ้าคะ… ยามใดถึงจะแต่งฮูหยินเข้าตระกูลฟานเสียที”“หากวันนั้นมาถึงข้าคงมิได้มาเชยชมเจ้าเช่นนี้แล้วล่ะจูเอ๋อร์…”พูดจบมือหนาก็ยกจอกเหล้าขึ้นกระดกแล้วผลักร่างบางของนางโลมสาวที่มีรูปโฉมงดงามจนเขาติดใจ จึงแวะเวียนมาปลดปล่อยความต้องการกับนางอยู่เป็นประจำจูเอ๋อร์ยินดีที่จะรับใช้เขา แม้ว่าภายในใจของนางจะรู้สึกเจ็บปวดก็ตาม เพราะนางได้หลงรักบุรุษที่เป็นลูกค้าประจำของนางเข้าเสียแล้ว อาภรณ์งดงามหลุดล่วงออกจากเรือนร่างขาวเนียน ริมฝีปากอุ่นร้อนบรรจงพรมจูบลงบนลำคอระหงของนาง มาจนถึง
โจวเจินเจินรู้สึกตื่นเต้นกับการที่จะได้พบหน้าหนุ่มคนรักที่เพิ่งจะขยับสถานะมาเป็นคู่หมั้นได้เพียงไม่นานอีกครา หลังจากที่เขาเดินทางไปอยู่ในวังหลวงในฐานะท่านอาจารย์ขององค์รัชทายาทครบกำหนดสามเดือนแล้ว อีกเจ็ดวันข้างหน้าก็จะเป็นวันที่เขาจะได้กลับมายังเมืองฮวาหลานตามที่เขาบอกนางผ่านสารที่ส่งมาให้ สามเดือนที่ผ่านมาโจวเจินเจินได้พยายามศึกษาสิ่งที่นางสนใจเพื่อไม่อยากให้มียามว่างที่จะนึกถึงเขา แต่ทว่าภายในใจกลับเอาแต่เฝ้ารอคอยคนรักหนุ่มให้กลับมาอยู่ใกล้กันทุกคราที่นางต้องอยู่เพียงลำพัง“ท่านพี่หญิงใหญ่ขอรับ มีสารมาส่งขอรับ”เสียงของน้องชายทำให้นางละมือจากการเย็บปักลวดลายลงบนผ้าเช็ดหน้า มือบางยื่นไปรับม้วนกระดาษจากน้องชายมาเปิดออกเพื่ออ่านเนื้อหาข้างในดวงหน้างามแสดงออกมาถึงความผิดหวังอย่างชัดเจนจนผู้เป็นน้องชายนั้นนึกสงสาร ทั้งที่ยังไม่รู้เนื้อหาในสารฉบับนี้เลยด้วยซ้ำ แต่คงจะเป็นของผู้ใดไปไม่ได้นอกจากของท่านพี่เจียงมู่จื้อ ผู้ที่เป็นว่าที่พี่เขยของเขา เพราะตลอดช่วงสามเดือนที่ผ่านมา เขามักจะมีสารส่งมาให้พี่หญิงใหญ่จากเมืองหลวงอยู่เป็นประจำ“อีกเจ็ดวันข้างห
เสียงพูดคุยกันดังอยู่ภายในเรือนใหญ่นานนับครึ่งชั่วยาม โจวเจินเจินก็ได้ขอตัวไปพักผ่อนก่อนที่มื้อเย็นจะมาถึงอีกไม่กี่ชั่วยามข้างหน้า ผู้ใหญ่ทั้งสองไม่ได้รั้งหลานสาวเอาไว้เพราะอยากให้หลานสาวไปสำรวจเรือนนอนก่อนแล้วค่อยมาร่วมโต๊ะกันในมื้อเย็นร่างระหงเยื้องย่างไปยังเรือนนอนที่เคยเป็นของฉินเซี่ยหรงผู้เป็นมารดาของนาง ซึ่งอยู่ติดกับเรือนนอนของฉินเซี่ยหรู หรือเรือนนอนของนางในอดีตชาติ โจวเจินเจินนึกสงสัยไม่ได้จึงเดินไปดูเรือนนอนที่เคยเป็นของนางมาก่อน ทุกสิ่งที่อยู่ภายในห้องยังเป็นเช่นเดิมจนนางรู้สึกปวดใจ ที่เคยคิดว่าท่านพ่อท่านแม่ของนางในอดีตชาติจะตัดใจไปจากฉินเซี่ยหรูได้แล้ว แต่ทว่าความจริงมิได้เป็นเช่นนั้น พวกท่านยังคงระลึกถึงนางอยู่เสมอมา“คุณหนูใหญ่เจ้าคะ พวกบ่าวเตรียมน้ำให้อาบเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”อี้ถงเดินตามมาบอกคุณหนูใหญ่อย่างรู้สึกเห็นใจ เพราะนางเองก็ทราบดีว่าเรือนนอนหลังนี้เป็นของผู้ใด คุณหนูใหญ่ของนางคงจะระลึกถึงคุณหนูใหญ่ฉินเซี่ยหรู ท่านป้าผู้ล่วงลับของนางโจวเจินเจินได้ยินเช่นนั้นจึงละสายตาจากเรือนที่เคยพักอาศัยในชีวิตก่อนแล้วกลับไปยังเรือนนอนที่เค
“ท่านป้า… ท่านป้าเจ้าคะ”เสียงหวานเล็กที่ล่องลอยมาตามหมอกควันนั้นช่างแผ่วเบาจนโจวเจินเจินแทบจะไม่ได้ยิน นางค่อยๆ เยื้องย่างฝ่ากลุ่มหมอกควันที่ขาวโพลนมองแทบจะไม่เห็นสิ่งใด แต่แล้วภาพที่นางได้มองเห็นเบื้องหน้ากลับทำให้นางต้องตาเบิกโพลงด้วยความตระหนกตกใจ“จะ…เจินเอ๋อร์….”เสียงหวานขานนามของเด็กหญิงตรงหน้าออกมา รอยยิ้มจากใบหน้าเล็กนั้นทำให้นางร่ำไห้ด้วยความคะนึงหาผู้เป็นหลานสาว เจ้าของร่างที่แท้จริงที่นางได้มามีชีวิตใหม่“หลานยินดียิ่งนักที่ท่านป้าได้พบกับความรักที่แท้จริงแล้ว” เสียงเล็กดังแผ่วมาจากเด็กหญิงตรงหน้า“ใช่แล้วหลานรัก ป้าได้พบกับความรักที่ป้าไม่เคยได้รับมาในชีวิตก่อน มันช่างเป็นสิ่งที่งดงามยิ่งนัก”“ที่ท่านได้กลับมา… ก็เพื่อการนี้แหละเจ้าค่ะ ท่านป้า… ท่านเหมาะสมคู่ควรที่จะได้รับความรักจากทุกคน หลานขอให้ท่านป้าใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ของร่างนี้ให้มีความสุขนะเจ้าคะ”ฉินเซี่ยหรูที่เป็นโจวเจินเจินในร่างผู้ใหญ่พยักหน้าทั้งน้ำตา ที่แท้สวรรค์ให้โอกาสนางได้กล
หนึ่งปีต่อมาเสียงหัวเราะของเด็กน้อยวัยกำลังหัดเดินดังมาจากสวนดอกไม้ที่อยู่ภายในจวนสกุลเจียง นัยน์ตากลมจ้องมองไปยังบุตรชายตัวน้อยด้วยความห่วงใย ร่างเล็กกำลังเดินเตาะแตะตามซิ่วจิ่นไปรอบๆ สวนดอกไม้ที่กำลังผลิดอกบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วทั้งบริเวณ แสงแดดอ่อนๆ ที่สาดส่องลงมานั้นไม่ได้ทำให้อากาศร้อนมากนัก แต่ทว่ากลับเย็นสบายไปด้วยลมหนาวที่พัดผ่านมา“ดื่มน้ำชาก่อนเถิดเจ้าค่ะนายหญิง” อี้ถงรินน้ำชาใส่ถ้วยชาให้แก่โจวเจินเจิน ควันของชาลอยกรุ่นปะทะกับอากาศ เหมันตฤดูปีนี้ไม่หนาวเท่าใดนัก“ข้าไม่เคยนึกถึงภาพเช่นนี้มาก่อนเลยอี้ถง” จู่ๆ โจวเจินเจินก็กล่าวออกมา อี้ถงยิ้มเพียงเล็กน้อย“แล้วคุณหนูใหญ่ของบ่าวมีความสุขใช่หรือไม่เจ้าคะ” โจวเจินเจินหันไปมองหน้าสาวรับใช้คนสนิทพลางพยักหน้า“เพียงแค่นี้ก็ไม่มีอันใดให้นึกเสียดายแล้วล่ะเจ้าค่ะ”คนฟังยิ้มออกมาในขณะที่สายตาก็ยังคงจับจ้องมองไปที่ร่างเล็กที่ส่งเสียงหัวเราะเอิ้กอ้าก จากเดินเพียงช้าๆ ตามหลังของพี่เลี้ยง คุณชายน้องเจียงจางหย่งกลับเร่งความไวขึ้นแซงหน้าซิ่วจิ่นไป โจวเ
“น้องยินดีด้วยนะเจ้าคะท่านพี่ใหญ่ ในที่สุดพี่สะใภ้ก็ไม่เหม็นหน้าท่านแล้วคิกๆๆๆ”เจียงมู่หลานที่ได้ออกเรือนไปบุตรชายท่านเจ้าเมืองฮวาหลานเมื่อสามเดือนก่อนกล่าวหยอกล้อพี่ชายพลางหัวเราะออกมาวันนี้นางได้มีโอกาสกลับมาเยี่ยมเยือนท่านพ่อท่านแม่ พี่ชายใหญ่และพี่สะใภ้ รวมไปถึงหลานในท้องของพี่สะใภ้ หลังจากที่ไม่ได้แวะเวียนมานานนับเดือนเพียงเพราะไปท่องเที่ยวเมืองหลวงกับสามีของนาง นางนั้นทราบเรื่องที่พี่สะใภ้แพ้ท้องเหม็นพี่ชายตั้งแต่ก่อนออกเรือน ครั้นได้รู้ว่าพี่สะใภ้ไม่มีอาการแพ้ท้องแล้วจึงนึกสนุกแซวพี่ชายของตนออกมา เจียงมู่จื้อจึงยกกำปั้นขึ้นมาโขกศีรษะของนางอย่างแรง‘โป๊ก’“โอ๊ย!!! พี่ใหญ่ ท่านรังแกน้อง”“อืม… หมั่นไส้ ระวังเอาไว้ให้ดีเถิด ระวังถึงคราที่ตัวเจ้ามีครรภ์และมีอาการเช่นนี้ใส่น้องเขยบ้าง" เจียงมู่หลานหันหลังใส่พี่ชายแล้วไปฟ้องพี่สะใภ้ทันที“พี่สะใภ้ ดูสามีของท่านเถิด ช่างพูดจาได้ไม่น่าฟังยิ่งนัก”นางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเง้างอนจนโจวเจินเจินนึกขัน ทั้งที่สองพี่น้องวัยก็ห่างกันหลายป
หลังจากที่กลับมาจากจวนสกุลโจว โจวเจินเจินก็ได้บอกเรื่องที่นางกำลังมีครรภ์ให้แก่ท่านพ่อและท่านแม่ของสามีได้ทราบ ใต้เท้าเจียงและเจียงฮูหยินนั้นต่างรู้สึกยินดีกับเรื่องที่ได้ยินยิ่งนัก เพราะการได้มีหลานคนแรกถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีของตระกูลเจียง เจียงฮูหยินที่กำลังจะกลายเป็นฮูหยินผู้เฒ่าถึงกับน้ำตาไหลลงมาอาบใบหน้าด้วยความปีติยินดี“นี่เรากำลังจะได้เป็นปู่เป็นย่ากับเขาแล้วหรือนี่ น้องมิได้ฝันไปใช่หรือไม่เจ้าคะท่านพี่” เจียงฮูหยินเอ่ยถามใต้เท้าเจียงออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“เจ้ามิได้ฝันไปหรอกหนาน้องหญิง ก็เจินเอ๋อร์บอกว่านางได้ให้ท่านหมอตรวจมาจากจวนสกุลโจวแล้ว ก็ย่อมเป็นเรื่องจริงอยู่แล้ว ใช่หรือไม่เจินเอ๋อร์” ท่านใต้เท้าเจียงตอบภรรยาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนก่อนที่จะถามลูกสะใภ้ด้วยน้ำเสียงเช่นเดียวกัน“เจ้าค่ะท่านพ่อ ลูกกำลังมีครรภ์จริงเจ้าค่ะ ท่านหมอตู้ตรวจดูแล้วไม่ผิดแน่”ท่านหมอตู้นั้นเป็นหมอที่มีชื่อเสียงในเมืองฮวาหลาน มีหรือที่เขาจะตรวจผิดพลาด อีกทั้งอาการของนางก็บ่งบอกชัดเจนว่ากำลังมีครรภ์แน่นอน“ฮือ…. ขอบน้ำใจเ
สามเดือนต่อมาหลังจากออกเรือนไปโจวเจินเจินก็ไม่ลืมที่จะแวะเวียนกลับมาเยี่ยมเยือนบิดามารดาที่จวนสกุลโจว ใต้เท้าเจียงและเจียงฮูหยินเอ็นดูลูกสะใภ้ยิ่งนัก ทั้งสองไม่เคยห้ามให้นางได้ทำในสิ่งที่นางต้องการเลย ยิ่งสามียิ่งมอบความรักและคอยดูแลทะนุถนอมนางเป็นอย่างดี ทำให้โจวเจินเจินไม่นึกเสียใจเลยที่ได้ออกเรือนไปกับเขา“กลับมาเยี่ยมย่าทุกเดือนเช่นนี้ พ่อแม่สามีของเจ้ามิตำหนิหรือเจินเอ๋อร์….” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยถามหลานสาวออกมาด้วยความสงสัย“ไม่เลยเจ้าค่ะท่านย่า ท่านพ่อท่านแม่เมตตาหลานยิ่งนัก หลานอยากจะไปที่ใด หรืออยากจะทำสิ่งใด ท่านทั้งสองมิเคยเข้ามายุ่งหรือนึกสงสัยในสิ่งที่ข้าทำเลยสักนิดเจ้าค่ะ”“ดี… ดียิ่งนัก เป็นโชคดีของหลานแล้วล่ะเจินเอ๋อร์… มีสามีที่รักและทะนุถนอมเจ้า ยังไม่ดีเท่ามีพ่อแม่สามีที่รักและเอ็นดูเจ้า” ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวออกมาทั้งใบหน้าที่ยิ้มแย้มนางรู้สึกยินดีกับหลานสาวยิ่งนักที่ได้พบกับตระกูลที่ดี ตั้งแต่ออกเรือนไปนางยังไม่เคยเห็นหลานสาวมีปัญหาอันใดมาบอกเล่าให้ฟังเลย ครั้นหลอกถามอี้ถงสาวรับใช้คนสนิ
โจวเจินเจินหัวใจเต้นแรงยามที่ได้ยินเสียงเปิดประตูดังขึ้น อี้ถงออกไปข้างนอกนานเกือบหนึ่งเค่อแล้ว นางในยามนี้ยังคงนั่งอยู่บนเตียงที่มีผ้าแพรสีแดงประดับตกแต่ง ผ้าคลุมหน้านั้นบางจนเห็นภาพของผู้ที่กำลังเยื้องย่างเข้ามา กลิ่นของสุราลอยมาแตะจมูก นางขยับกายด้วยความประหม่าก่อนที่ผ้าคลุมหน้าจะถูกสามีใช้คันชั่งเปิดออก ดวงหน้างามเผยออกมาปะทะกับแสงจากตะเกียงไฟสีเหลืองนวล ริมฝีปากหนาของเจียงมู่จื้อผุดรอยยิ้มออกมา“รอพี่นานหรือไม่…น้องหญิง”เขานั่งเคียงข้างนางพลางเอ่ยถามออกมา ดวงหน้างามฉายแววของความเขินอาย ครั้นยังเป็นฉินเซี่ยหรูนางไม่เคยมานั่งจ้องหน้ากับหวงจิงอวี่เช่นนี้ด้วยซ้ำ ทำให้นางไร้ประสบการณ์ในด้านนี้อย่างแท้จริง“มะ…ไม่นานเลยเจ้าค่ะ” เสียงหวานตอบเขาออกไป“ถ้าเช่นนั้น… เรามาดื่มเหล้ามงคลกันก่อนเถิด”โจวเจินเจินพยักหน้า ชายหนุ่มจึงลุกจากที่นอนแล้วเดินไปยังโต๊ะที่อยู่กลางห้อง จอกสุรามงคลและจอกเพื่อใส่สุราถูกเจียงมู่จื้อถือกลับมายังเตียงนอน เขารินสุราใส่จอกก่อนที่จะส่งให้แก่สตรีที่กำลังจะเป็นภรรยาของเขาอย่างสมบู
ขบวนเจ้าบ่าวเดินทางมาถึงจวนสกุลโจวในยามเฉินเข้าสู่ยามเว่ย ญาติพี่น้องของเจ้าบ่าวอย่างฟานอี้ชงก็ได้เดินทางมาร่วมงานในวันนี้ด้วย กว่าที่เจ้าบ่าวจะเข้าไปในจวนสกุลโจวได้ก็ต้องผ่านด่านพี่น้องสกุลโจวทั้งสามอย่างโจวเจินหลง โจวเชิน และโจวหลินหลินที่มาช่วยกันทดสอบว่าที่พี่เขยใหญ่ อั่งเปาถูกแจกจ่ายให้ผู้มาร่วมงาน หรือแม้แต่ชาวบ้านที่มายืนชมขบวนก็ได้รับแจกอั่งเปาด้วยในยามเว่ย เจ้าบ่าวและเจ้าสาวเยื้องย่างเข้าไปในเรือนรับรองที่มีใต้เท้าโจว โจวฮูหยิน ฮูหยินผู้เฒ่า ญาติพี่น้องสกุลโจว และสหายสนิทของโจวเจินเจินรออยู่ด้านใน เจียงมู่จื้อครั้นที่ได้เห็นเจ้าสาวก็ถึงกับตะลึงเพราะวันนี้นางช่างงดงามยิ่งนัก แม้ดวงหน้างามจะซุกซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุม แต่เขารู้ดีว่าใบหน้านางนั้นงดงามถึงเพียงใด ทั้งสองเยื้องย่างไปหยุดอยู่เบื้องหน้าของใต้เท้าโจวและโจวฮูหยิน สาวรับใช้รินน้ำชาส่งให้ท่านเขยใหญ่“ท่านพ่อตา กรุณารับถ้วยชาจากลูกเขยผู้นี้ด้วยเถิดขอรับ” เจียงมู่จื้อส่งถ้วยน้ำชาให้แก่พ่อตาของตนพลางกล่าวออกมา มือหนาสั่นเครือยื่นไปรับถ้วยชามาแล้วยกขึ้นดื่มจากนั้นใต้เท้าโจวจึงได้กล่าวคำอวยพร“ขอ
วันต่อมาในยามเฉิน เจียงฮูหยินได้เดินทางมาเยือนจวนสกุลโจวพร้อมกับแม่สื่อ เพื่อเจรจาสู่ขอบุตรีคนโตของสกุลโจวให้แก่บุตรชายของนาง หลังจากที่เขาเพิ่งจะเดินทางกลับมาถึงเมืองฮวาหลานเมื่อวานนี้ เจียงฮูหยินนั้นได้หาฤกษ์หายามเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้เอาไว้ครั้งที่บุตรชายให้นางมาขอหมั้นหมายคุณหนูใหญ่โจวเจินเจินแล้ว ครั้นบุตรชายเดินทางกลับมา นางจึงสามารถเดินทางมาสู่ขอว่าที่ลูกสะใภ้ได้เลย“ในเมื่อเด็กทั้งสองมีใจรักใคร่ชอบพอกันพวกเราก็มิขัดข้องอันใด กลับรู้สึกยินดียิ่งนักที่ลูกสาวจะได้ออกเรือนไปกับบุรุษที่ดีเช่นบุตรชายของท่าน”ฉินเซี่ยหรงกล่าวออกมายิ้มๆ ในเมื่อบุตรสาวของนางเลือกเปิดใจยอมรับคุณชายสกุลเจียงแล้ว นางก็ยินดีที่เด็กทั้งสองจะแต่งงานสร้างครอบครัวด้วยกันเสียที“ข้าสัญญาว่าจะให้ความรัก และความเอ็นดูต่อบุตรสาวของพวกท่าน ไม่ต่างกับนางเป็นลูกสาวแท้ๆ ของข้าเอง” เจียงฮูหยินกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงดีใจ ใต้เท้าโจวและภรรยาพยักหน้าให้กัน“ถ้าเช่นนั้นพวกเราสองคนก็มิมีอันใดต้องขัดข้องหรอกเจ้าค่ะ ว่าแต่… ท่านพี่หญิงได้ฤกษ์แต่งงานมาหรือยังเจ
เสียงพูดคุยกันดังอยู่ภายในเรือนใหญ่นานนับครึ่งชั่วยาม โจวเจินเจินก็ได้ขอตัวไปพักผ่อนก่อนที่มื้อเย็นจะมาถึงอีกไม่กี่ชั่วยามข้างหน้า ผู้ใหญ่ทั้งสองไม่ได้รั้งหลานสาวเอาไว้เพราะอยากให้หลานสาวไปสำรวจเรือนนอนก่อนแล้วค่อยมาร่วมโต๊ะกันในมื้อเย็นร่างระหงเยื้องย่างไปยังเรือนนอนที่เคยเป็นของฉินเซี่ยหรงผู้เป็นมารดาของนาง ซึ่งอยู่ติดกับเรือนนอนของฉินเซี่ยหรู หรือเรือนนอนของนางในอดีตชาติ โจวเจินเจินนึกสงสัยไม่ได้จึงเดินไปดูเรือนนอนที่เคยเป็นของนางมาก่อน ทุกสิ่งที่อยู่ภายในห้องยังเป็นเช่นเดิมจนนางรู้สึกปวดใจ ที่เคยคิดว่าท่านพ่อท่านแม่ของนางในอดีตชาติจะตัดใจไปจากฉินเซี่ยหรูได้แล้ว แต่ทว่าความจริงมิได้เป็นเช่นนั้น พวกท่านยังคงระลึกถึงนางอยู่เสมอมา“คุณหนูใหญ่เจ้าคะ พวกบ่าวเตรียมน้ำให้อาบเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”อี้ถงเดินตามมาบอกคุณหนูใหญ่อย่างรู้สึกเห็นใจ เพราะนางเองก็ทราบดีว่าเรือนนอนหลังนี้เป็นของผู้ใด คุณหนูใหญ่ของนางคงจะระลึกถึงคุณหนูใหญ่ฉินเซี่ยหรู ท่านป้าผู้ล่วงลับของนางโจวเจินเจินได้ยินเช่นนั้นจึงละสายตาจากเรือนที่เคยพักอาศัยในชีวิตก่อนแล้วกลับไปยังเรือนนอนที่เค