ในวันครบรอบแต่งงานสามปีฟู่ฉีชวนซื้อสร้อยคอที่ฉันอยากได้มานานในราคาสูงลิ่วใครๆ ก็บอกว่าเขารักฉันจะเป็นจะตายฉันเตรียมดินเนอร์ใต้แสงเทียนด้วยความสุขอันเปี่ยมล้น ทว่ากลับมีคลิปนึงถูกส่งมาในคลิปนั้น เขาสวมสร้อยคอให้ผู้หญิงอีกคนด้วยมือของเขาเอง "ยินดีกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่"ที่แท้ วันนี้ไม่ใช่แค่วันครบรอบแต่งงานของพวกเราแต่เป็นวันที่ผู้หญิงในดวงใจของเขาหย่าด้วยเช่นกัน.......ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเองแม้ว่าการแต่งงานกับฟู่ฉีชวน จะไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจากความรักแต่เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น เขามักจะเป็นผู้ชายที่คลั่งรักภรรยามาโดยตลอดฉันนั่งอยู่ด้านหน้าโต๊ะอาหาร มองดูสเต็กที่เวลานี้เย็นสนิท และข้อความที่ขึ้นติดเทรนด์ฮอตอยู่ในขณะนี้ "ฟู่ฉีชวนทุ่มเงินหลายสิบล้านเพื่อเอาใจเมีย"ทั้งหมดนี้ ล้วนกลายเป็นคำเยาะเย้ยที่ไร้ซึ่งเสียงเวลาตีสอง ในที่สุดรถมายบัคสีดำก็เคลื่อนเข้าสู่สนามหญ้าหน้าต่างสูงจรดพื้น สามารถมองเห็นชายหนุ่มที่ลงจากรถ เขาสวมชุดสูทสีเข้มที่สั่งตัดเย็บด้วยมือ รูปร่างสูงโปร่ง สง่างามและสูงศักดิ์"ทำไมยังไม่นอนอีก?"ฟู่ฉีชวนเปิดไฟ เมื่อเห
เครื่องเพชร?ฉันขมวดคิ้วเบาๆ ตะเบ็งเสียงพูดกับฟู่ฉีชวนที่เพิ่งเดินเข้าห้องน้ำ "ฉีชวน พี่จินอันมาค่ะ ฉันลงไปดูก่อนนะ"เรียกได้ว่าเกือบจะวินาทีต่อมา ฟู่ฉีชวนก็กระโจมออกมา สีหน้าของเขาเย็นชาอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน"ผมไปเองก็ได้ คุณไม่ต้องสนใจหรอก ไปอาบน้ำเถอะ"ชายหนุ่มที่อารมณ์มั่นคงและสุขุมมาโดยตลอดเวลาที่อยู่ต่อหน้าฉัน แต่น้ำเสียงของเขาแฝงไว้ด้วยอารมณ์บางอย่างที่ยากจะอธิบาย ราวกับทั้งหงุดหงิดทั้งตึงเครียดความรู้สึกแปลกๆ ผุดขึ้นในใจของฉัน "ฉันอาบเสร็จแล้ว ยาสีฟันของคุณ ฉันก็เป็นคนเตรียมเอาไว้ให้เอง ลืมไปแล้วหรอ?""ก็ได้ครับ งั้นก็ลงไปด้วยกันนี่แหละ อย่าให้แขกต้องรอนานจะดีกว่า"ฉันจับมือของเขาเดินลงไปชั้นล่างบันไดเป็นดีไซน์แบบบันไดวน ส่วนที่เป็นลักษณะโค้งในครึ่งล่าง ทำให้สามารถมองเห็นฟู่จินอันที่สวมชุดกระโปรงสีขาวบริสุทธิ์ หล่อนนั่งอยู่บนโซฟาอย่างสง่าผ่าเผยเพราะได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวหล่อนก็เงยหน้าขึ้น เผยรอยยิ้มเงียบเชียบ เมื่อสายตาปะทะเข้ากับมือทั้งสองข้างของฉันกับฟู่ฉีชวนที่จับกันอยู่ แก้วน้ำในมือก็สั่นทันที จนน้ำชาในแก้วกระฉอกออกมาเล็กน้อย"อ๊ะ..."น่าจะเพราะค่อนข้างร้อน หล่อน
ฉันอึ้งไปอย่างแรงอ่านอีเมลนั้นซ้ำไปซ้ำมาอย่างละเอียด ราวกับกำลังเช็คให้แน่ใจก็ไม่ปานใช่แล้ว ไม่ผิดแน่ฟู่จินอัน ไม่รู้ว่าโผล่มาจากนั้น จู่ๆ ก็กลายเป็นผอ.แผนกดีไซน์เนอร์ เป็นหัวหน้าของฉัน"หรวนหร่วน เธอรู้จักหล่อนใช่ไหม?"เจียงไหลเห็นว่าฉันแปลกไป ก็ยื่นมือมาโบกตรงหน้าฉัน แล้วเอ่ยการคาดเดาของเธอฉันวางโทรศัพท์ลง "อืม หล่อนเป็นพี่สาวต่างพ่อต่างแม่ของฟู่ฉีชวน ที่ก่อนหน้านี้ฉันเคยเล่าให้เธอฟัง"หลังจากที่เรียบจบ ทุกคนก็แยกย้ายกันไป แต่ฉันกับเจียงไหลสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย สัญญากันเอาไว้ว่าจะอยู่ที่เมืองเจียงเฉิงต่อด้วยกัน จะไม่ไปไหนทั้งนั้นเจียงไหลกระดกลิ้น "เช้ด เด็กเส้นหรอกหรอ!""..."ฉันไม่ได้พูดอะไรในใจก็พลางคิดว่า ไม่ใช่แค่เด็กเส้นธรรมดาด้วยสิ"สมองของฟู่ฉีชวนได้รับการกระทบกระเทือนหรือไง?"เจียงไหลแซะไม่หยุด ต่อสู้กับความอยุติธรรมแทนฉัน "มีสิทธิ์อะไร? ฉันไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำว่าวงการดีไซน์เนอร์มีเบอร์ต้นที่ชื่อนี้อยู่ แล้วดูฟู่ฉีชวนสิ ยกตำแหน่งผอ.ให้นางหน้าตาเฉย? แล้วเธอล่ะ เขาเอาเธอไปไว้ตรงไหน...""ช่างเถอะหน่า"ฉันขัดบทสนทนาของเธอ แล้วพูดเสียงเบา "ของพวกนี้มันไม่สำคัญหรอ
เขาแทบจะตอบรับในทันทีไม่ลังเลหรือครุ่นคิดสักนิดฉันโอบรอบคอของเขา ริมฝีปากทั้งสองด้านยกยิ้ม จับจ้องไปที่เขาไม่วางสายตา "สิบเปอร์เซ็น คุณไม่เสียดายหรอ?"แววตาของเขาบริสุทธิ์ "ก็ให้คุณ ไม่ได้ให้คนอื่นสักหน่อย"วินาทีนี้ฉันต้องยอมรับเลยว่า เงินเป็นสิ่งที่จะใช้แสดงออกถึงความซื่อสัตย์ได้ดีมากอารมณ์ที่ฝืนกดมันเอาไว้ตลอดช่วงบ่าย ในที่สุดก็ได้รับการปลอดล็อคฉันถามยิ้มๆ ราวกับอยากจะพิสูจน์อะไรบางอย่าง "แล้วถ้าเป็นพี่จินอัน คุณจะให้เธอหรือเปล่า?"เขาเงียบไปชั่วอึดใจ แล้วให้คำตอบที่แน่ชัด "ไม่ให้""จริงหรอ?""อืม ที่ผมจะให้เธอได้ ก็มีแค่ตำแหน่งนั้น"ฟู่ฉีชวนดึงฉันเข้าสู่อ้อมกอด น้ำเสียงอันอบอุ่นและมุ่งมั่นดังอยู่เหนือศีรษะของฉัน "หนังสือสัญญาโอนหุ้น ตอนบ่ายผมจะให้ฉินเจ๋อส่งมา นับจากวันนี้ไป คุณก็คือหนึ่งในเจ้าของของแซ่ฟู่กรุ๊ป ส่วนคนอื่นๆ ก็เป็นแค่ลูกน้องที่ทำงานให้คุณ""แล้วคุณล่ะ?"ฉันอารมณ์ดีขึ้นเยอะ ก็ถามเขายิ้มๆเขาเลิกคิ้ว "อะไร?""คุณก็ทำงานให้ฉันด้วยหรือเปล่า?""แน่นอน"เขาหุบยิ้ม ลูบศีรษะของฉัน โน้มตัวลงมากระซิบข้างใบหู พูดจาสองแง่สองง่าม "ผมให้บริการคุณได้ทั้งบนเตียงและหลังลงจากเตียง
ทั้งที่รู้ว่าฟู่ฉีชวนกำลังรอฉันหล่อนที่ขออาศัยติดรถ กลับนั่งตำแหน่งข้างคนขับฉันอยากจะสะบัดหน้าแล้วเดินหนี แต่สติสัมปชัญญะสั่งให้ฉันหยุดความคิดนั้น แล้วยื่นมือไปหาฟู่ฉีชวน "กุญแจรถ"ฟู่ฉีชวนไม่ได้พูดอะไร แค่วางกุญแจรถลงบนมือฉันเดินอ้อมกระโปรงรถ เข้าไปนั่งบนตำแหน่งคนขับ ขณะที่ฟู่จินอันกำลังอึ้งและหน้าแข็งไป ฉันก็ยิ้มน้อยๆ "เครื่องแค่นี้เอง? พี่เองก็นับว่าเป็นพี่สาวของฉีชวน แค่ขอติดรถด้วยปกติจะตาย"จากนั้น ก็ยื่นหน้าออกไปมองฟู่ฉีชวนที่อยู่นอกรถ "รีบขึ้นรถสิคะ คุณปู่กำลังรอพวกเราอยู่แหงๆ"ตลอดทางเต็มไปด้วยความเงียบสงัดเงียบราวกับอยู่ในป่าช้าเดิมทีฟู่จินอันอยากจะคุยกับฟู่ฉีชวน แต่คงเป็นเพราะต้องหันหลังไปคุย ซึ่งอาจจะดูไม่ค่อยธรรมชาติอาจจะเป็นเพราะสังเกตได้ว่าฉันรู้สึกไม่ดี จู่ๆ ฟู่ฉีชวนก็เปิดกระป๋องเครื่องดื่มแล้วส่งให้ "น้ำมะม่วงที่คุณชอบ"ฉันดื่มไปคำนึง ก็ขมวดคิ้วแล้วส่งคืนกลับไป "หวานเกินไป คุณดื่มเถอะ"ช่วงนี้ฉันชอบกินของเปรี้ยวๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเวลาเจออะไรที่ไม่ค่อยถูกปาก ฉันพอจะฝืนกินมันลงไปเพื่อไม่ให้สิ้นเปลืองแต่ตอนนี้ แค่คำเดียวก็ไม่สามารถฝืนได้"โอเค"ฟู่ฉีชวนไม่ได้พูดอะไร
ฉันรู้สึกเหมือนตกลงไปในเหวที่เย็นเฉียบเลือดในร่างกายแทบจะหยุดแข็งมีวินาทีหนึ่งที่ฉันสงสัยว่า ตัวเองฟังผิดไปหรือเปล่าฉันเคยสงสัยว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล แต่ทุกครั้งก็ถูกปฏิเสธกลับอย่างชัดเจนแม้ว่าจะไม่มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด แต่ถ้าพูดออกไป คนหนึ่งคือคุณชายตระกูลฟู่ อีกคนคือคุณหนูตระกูลฟู่ ยังไงก็ถือว่าเป็นพี่น้องกันอยู่ดียิ่งไปกว่านั้น พวกเขาทั้งสองคนต่างก็แต่งงานแล้วฟู่ฉีชวนเป็นคนที่เพียบพร้อมขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะทำเรื่องที่เหลวไหลแบบนี้แต่ทว่า ไม่ไกลจากตรงนั้น ฟู่ฉีชวนที่มีดวงตาแดงก่ำกดฟู่จินอันไว้กับผนัง พูดเสียงเย้ยหยันและเย็นชาออกมาให้ได้ยินอย่างชัดเจน"จะหย่าเพราะฉันอย่างนั้นเหรอ? ตอนแรกคนที่เลือกจะแต่งงานกับคนอื่นก็คือตัวเธอเอง ตอนนี้เธอมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน?!""ฉัน..."คำถามที่มารัวๆ ทำให้ฟู่จินอันพูดไม่ออก น้ำตาไหลราวกับหยาดน้ำค้างที่หล่นลงมาไม่หยุด มือทั้งสองข้างจับชายเสื้อของฟู่ฉีชวนไว้อย่างไร้หนทาง"ฉันผิดไปแล้ว อาชวน ยกโทษให้ฉันสักครั้งได้ไหม? แค่ครั้งเดียว และตอนนั้นฉันก็ไม่มีทางเลือกจริงๆ...""ฉันแต่งงานแล้ว""แต่งงานแล้วมันหย่าไ
ฟู่ฉีชวนดูประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรฉันเม้มริมฝีปากเบาๆ แล้วพูดเสียงแผ่วว่า "แล้วคืนแต่งงานล่ะ เพราะอะไร?"ยังคงจำได้ลางๆ ว่าคืนนั้นฉันนั่งรออยู่ที่ระเบียงทั้งคืนคืนแต่งงาน เขาทิ้งภรรยาที่เพิ่งแต่งงานแล้วออกไปโดยไม่สนใจใยดีฉันคิดว่าคงเป็นเรื่องใหญ่โต เป็นห่วงความปลอดภัยของเขา อีกทั้งยังคิดฟุ้งซ่านว่าตัวเองทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรือเปล่า แต่ก็ยังคาดหวังว่าเขาจะกลับบ้านเร็วๆตอนนั้นฉันเพิ่งอายุยี่สิบสามปี บังเอิญได้แต่งงานกับคนที่แอบชอบมานานหลายปีจะไม่คาดหวังอะไรกับการแต่งงานและเขาได้อย่างไรแต่จนถึงวันนี้ ฉันถึงได้รู้ว่า ตอนที่ฉันนั่งรอเขากลับบ้านด้วยความหวังเต็มหัวใจ เขากลับไปอยู่กับผู้หญิงอีกคนทั้งหมดนี้ ช่างเหมือนกับเรื่องตลกเรื่องหนึ่งจริงๆตอนนี้ฟู่ฉีชวนไม่ได้ปิดบังฉันอีกแล้ว น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบ "คืนนั้นเธอไปแข่งรถกับคนอื่นแล้วเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย ตำรวจจึงแจ้งให้ฉันไปรับ"ช่างบังเอิญจริงๆในวันแต่งงานของฉันกับฟู่ฉีชวน เธอกลับเกิดอุบัติเหตุขึ้นในช่วงดึกแต่ฉันจำได้ว่าในงานเลี้ยงที่บ้านหลังงานแต่งเพียงไม่กี่วัน เธอก็อยู่ในงาน ทั้งยังไม่มีร่องรอยบาดเจ็บเลยสักนิดฉันล
ฉันไม่อยากเข้าใจในทันที แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเข้าใจเจียงไหลหัวเราะเบาๆ แล้วพูดวิจารณ์ว่า "ก็แค่ทั่วไปนั่นแหละ""..."ฉันมองเธอด้วยความประหลาดใจ ส่งสายตาเป็นคำถาม ???"เคยนอนด้วยครั้งหนึ่ง ประสบการณ์แย่มาก"เจียงไหลรีวิวอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่สนใจว่าเฮ่อถิงจะอยู่ด้วยเฮ่อถิงโวยวาย "นั่นมันครั้งแรกของฉัน เธอจะไปรู้อะไร!""หยุด หยุด หยุด ฉันไม่ขอรับผิดชอบเรื่องนี้ นายเป็นคนเจ้าชู้ อย่ามาพูดถึงเรื่องครั้งแรกกับฉันเลย อย่างน้อยๆ ครั้งแรกของนายก็น่าจะเป็นกับมันหรือมันต่างหาก" เจียงไหลพูดขัดแล้วชี้ไปที่มือซ้ายและขวาของเขาฉันมองเฮ่อถิงที่ปกติมักจะทำตัวไม่จริงจัง แต่เมื่อเจียงไหลพูดแบบนี้ เขาก็หน้าแดงขึ้นมา และในที่สุดฉันก็เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขามันคือความสัมพันธ์แบบคืนเดียวเฮ่อถิงน่าจะกำลังตามจีบเจียงไหลเจียงไหลไม่สนใจเฮ่อถิงอีกต่อไป จูงมือฉันเดินไปที่ห้องวีไอพี "มีรุ่นพี่คนหนึ่งกลับมาจากต่างประเทศ เฮ่อถิงกับพวกเขาจัดงานเลี้ยงให้ แล้วชวนฉันมาร่วมสนุก""รุ่นพี่คนไหนเหรอ?" ฉันถามเบาๆ"เธอน่าจะรู้จักนะ ก็คือ..."เจียงไหลพูดขณะเปิดประตูห้องวีไอพีในห้องวีไอพีมีผู้ชายหลายคนนั่งอยู่
สัญญาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่มีความเย่อหยิ่งเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้วโจวฟางหัวเราะเบาๆ และพูดว่า "ฉันไม่สนใจตระกูลเสิ่นและตระกูลหลิว ถ้าในอนาคตแกยังแตะต้องเธออีก ฉันไม่รังเกียจที่จะให้แกลงนรกไปเจอพวกพ้องของแก"จินซื่อเจี๋ยคุกเข่าลงพร้อมกับเสียง "ตุบ" และพูดว่า "ฉันผิดไปแล้ว พี่สี่ อย่ากังวลไป ฉันจะจำไปตลอดชีวิตว่าฉันมาไกลขนาดนี้ได้เพราะคุณ จากนี้ไป ฉันจะเรียกคุณว่า 'พ่อ' และคุณหร่วนว่า 'แม่' !"ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมจินซื่อเจี๋ยถึงกล้าต่อรองกับฟู่ฉีชวน แต่กลับกลัวโจวฟางมาก ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วบริษัทแซ่ฟู่กรุ๊ปดำเนินธุรกิจของตนอย่างโปร่งใส โดยไม่มียุ่งเกี่ยวในธุรกิจสีเทาแต่ตระกูลโจวประสบความสำเร็จอย่างชัดเจนทั้งในแวดวงที่ถูกต้องตามกฎหมายและในโลกใต้ดิน"ฉันไม่มีลูกชายตัวใหญ่อย่างแก"โจวฟางสาปแช่งและพูดว่า "ออกไปจากที่นี่กับพวกของแกเดี๋ยวนี้""ครับ...ครับ!"จินซื่อเจี๋ยรีบวิ่งออกไปโดยโค้งคำนับฉันพร้อมกับประสานมือไว้เป็นการวิงวอนขณะที่เขาเดินผ่านไป "คุณหร่วน ฉันอยากให้คุณช่วยฉันหน่อย ช่วยพูดอะไรดีๆ ต่อหน้าพี่สี่ที....""ดูเอาสิ"ฉันยกมือขึ้นและแสดงให้เขาเห็นรอยแผลเปื้อนเลือดที่ด้านบน "จ
แสดงว่าฟู่ฉีชวนก็มีความคิดแบบเดียวกับตระกูลเสิ่นฉันเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่คอยฉุดรั้งเขาเอาไว้เขาคงรู้สึกไม่พอใจฉันมานานแล้วไม่อย่างนั้นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเช่นนี้คงไม่หลุดออกมาได้ง่ายๆรอยยิ้มขมขื่นผุดขึ้นที่ริมฝีปากของฉันฉันไม่ควรหวังว่าเขาจะช่วยฉันได้จินซื่อเจี๋ยปรบมือและพูดว่า "ประธานฟู่ก็คือประธานฟู่จริงๆ คุณเด็ดขาดและมีความสามารถ!""พี่ฉีชวน..."เสิ่นซิงหยูสั่นเทิ้มอยู่ในอ้อมแขนของฟู่ฉีชวนและพูด "ขาของฉันเจ็บมาก เหมือนกับว่าฉันสะดุุดก่อนหน้านี้""โอเค"ฟู่ฉีชวนตอบและก้าวออกไปโดยไม่ลังเลจินซื่อเจี๋ยหยุดเขาและพูดว่า "ประธานฟู่ คุณหร่วนคนนี้...""จะทำอะไรก็ตามใจ!"ฝีเท้าของฟู่ฉีชวนไม่หยุด และเขาก็พูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจดูเหมือนว่าสิ่งที่ฉันจะทำจะไม่เกี่ยวข้องกับเขาเลยเขาสนใจแต่อาการบาดเจ็บของเสิ่นซิงหยูเท่านั้นร่างสูงใหญ่ของเขาหายไปจากสายตาในไม่ช้าด้านนอก เสียงยางรถดังเอี๊ยดบนพื้นดังก้องชั่วขณะก่อนจะเงียบลงฉันหรี่ตามองหลอดไฟที่แกว่งไปมาด้านบนและทันใดนั้นก็หัวเราะ "คุณไม่ได้วางแผนที่จะฆ่าฉันเหรอ? เอาเลยสิ"กระสุนนัดนั้นของฟู่ฉีชวนก่อนหน้านี้ฆ่าฉันไปแล้วครั้ง
“3……”ความดันในร่างกายของฟู่ฉีชวนลดลงอย่างกะทันหัน และเขาก็ค่อยๆ ยกปืนขึ้นเล็งไปที่เสิ่นซิงหยูเสิ่นซิงหยู่ส่ายหัวอย่างสิ้นหวังและพูดว่า “อย่า... พี่ฉีชวน อย่า... ”ฟู่ฉีชวนไม่สะทกสะท้านเลย แต่ในช่วงเวลาหนึ่งที่ฉันสบตากับเขา ฉันเห็นความรู้สึกยับยั้งชั่งใจอย่างลึกซึ้งในดวงตาของเขาจินซื่อเจี๋ยยังคงนับถอยหลัง “2……”ขากรรไกรของฟู่ฉีชวนเกร็งขึ้นขณะที่เขาสะบัดข้อมือเล็กน้อยและง้างปืนด้วยมือข้างหนึ่ง“1……”"ปัง..."ในขณะที่เสียงปืนดังขึ้น ฟู่ฉีชวนก็หันปืนทันทีและยิงมาที่ฉันอย่างแม่นยำ!ฉันแข็งค้างไปเลย เลือดเย็นไปทั้งตัว!คนที่เขาเลือกทิ้งก็กลายเป็นฉันอีกครั้งถึงแม้จะหมายความว่าฉันต้องตายก็ตามความสิ้นหวังแทรกซึมเข้าไปในร่างกายและกระดูกของฉันในทันที และฉันจ้องมองอย่างว่างเปล่าในทิศทางที่ฟู่ฉีชวนอยู่ แต่สายตาของฉันก็พร่ามัวแม้ว่าความเจ็บปวดที่คาดไว้จะไม่เกิดขึ้น แต่ความเจ็บปวดที่กัดกินกระดูกก็แผ่ออกมาจากที่ไหนสักแห่งภายในร่างกาย"ฉันเต็มใจที่จะทุ่มเท...""ฉันมุ่งมั่นที่จะตามง้อภรรยาของฉัน....""ฉันจะก้าวต่อไปอีก 99 ก้าว แค่รอฉันที่นี่อย่างเชื่อฟังและอย่าเพิ่งถอนตัวไปในก้าวสุ
เมื่อขาดออกซิเจน สติของฉันก็เริ่มเลือนลางฉันรู้สึกอึดอัดมาก.....อึดอัดจนอยากตายฉันตั้งใจไว้นานแล้วว่าจะตัดความสัมพันธ์กับฟู่ฉีชวน แต่ในตอนนี้ เขาเป็นคนเดียวที่ฉันนึกถึงฟู่ฉีชวน...คุณจะมาเร็วๆ นี้ใช่ไหม...ช่วยฉันด้วย...ขณะที่ฉันกำลังจะหมดสติ จู่ๆ ถังน้ำเย็นก็ถูกเทราดหัวของฉันลมหนาวพัดแรงในห้องใต้ดิน และช่วงเวลานี้ไม่เพียงทำให้ฉันตื่นขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น แต่ยังทำให้ฉันสั่นไปทั้งตัวด้วยความเย็นน้ำเย็นจัดไหลลงมาตามใบหน้า คอ และคอเสื้อ ทำให้ฉันหนาวสั่นไปถึงกระดูกอากาศหนาวเหน็บฉันเงยหน้าขึ้นไปเห็นเสิ่นซิงหยู่ถูกมัดไว้กับเสาที่อยู่ใกล้ๆเธอมีรอยฝ่ามือสองรอยบนใบหน้าด้วย เสื้อผ้าของเธอสกปรก และเธอดูยุ่งเหยิงมากแต่เท้าของเธอวางอยู่บนเก้าอี้ และท่าทางของเธอดูสงบและนิ่งฉันยิ้มเยาะ เสียงของฉันค่อนข้างอ่อนแรง "ดูเหมือนว่าเธอก็เป็นนักแสดงที่มีทักษะเหมือนกัน""ทักษะสำคัญหรือไม่ฉันไม่รู้หรอก?"เสิ่นซิงหยูพูดอย่างมั่นใจ "สิ่งที่เธอต้องรู้ ก็คือเขาจะเลือกใคร!"ในเวลาเดียวกัน เสียงเครื่องยนต์รถก็ดังมาจากข้างนอกเสิ่นซิงหยูเตะเก้าอี้ของเธอออกไปและมองมาที่ฉันอย่างดูถูก “หร่วนห
"ฉันต้องพูดกี่ครั้งว่าแกไม่มีคู่ควรกับเขา""ทำไมแกถึงไม่เชื่อ?"เธอปิดปากและหัวเราะเยาะเย้ย จากนั้นก็คว้าแก้มฉันอย่างแรง โน้มตัวเข้ามาในขณะที่เธอถ่มน้ำลายผ่านฟันที่กัดแน่น“แกผลักดันฉันมาถึงจุดนี้จริงๆ เหรอ? แกคิดว่าฉันเป็นเหมือนนังหมูฟู่จินอันที่อยากเข้าตระกูลฟู่มากแต่ไม่สามารถจำกัดอุปสรรคอย่างแกได้เลยเหรอ?”“หร่วนหนานจือ ตั้งแต่ฉันยังเป็นเด็ก ฉันไม่เคยพลาดในการได้สิ่งที่ต้องการเลย”“ถ้าฉันไม่ได้มัน แม่ของฉันจะไม่นั่งเฉยๆ และปล่อยให้ฉันไม่มีความสุขแน่ๆ แกอ่อนแอและไม่มีพลัง แกกล้าต่อสู้กับฉันได้ยังไง?”เธอกล่าวพลางมองไปที่อันธพาลที่มีรอยสักข้างๆ เธอ "โทรหาฟู่ฉีชวน""ครับ"ชายที่มีรอยสักตอบกลับและเดินไปโทรศัพท์ทันทีฉันขมวดคิ้วและมองไปที่เสิ่นซิงหยู่ "คุณร่วมมือกับจินซื่อเจี๋ย เธอต้องการทำอะไรกันแน่?!""ทำอะไรเหรอ?"เธอยกริมฝีปากขึ้นและยิ้ม ตบมือของเธอและยืนขึ้น มองลงมาจากด้านบน "แกยังกังวลว่าฉันอาจทำร้ายพี่ฉีชวนอยู่งั้นเหรอ? อย่ากังวลไป เขาเป็นสามีที่ฉันเลือกจากตัวเลือกนับพัน ถ้าแกมีเวลาว่างขนาดนี้ ทำไมแกไม่กังวลเรื่องตัวเองล่ะฉันเงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า "เธอต้องการอะไร?""เธอ
ฉันกำพวงมาลัยแน่นด้วยมือทั้งสองข้าง ปลายนิ้วเริ่มซีดลง ภายใต้การคุกคามของคนร้าย ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยกเท้าขึ้นและเหยียบคันเร่งขณะที่ฉันขับออกจากลานจอดรถใต้ดิน มีดสั้นก็กดอยู่ที่คอของฉันในมุมที่มองไม่เห็นฉันไม่กล้าขยับ และความกลัวในใจของฉันก็เพิ่มขึ้นทีละนิดฉันพยายามอย่างที่สุดที่จะสงบสติอารมณ์ "ใครส่งให้คุณมา?'คนร้ายพ่นลมหายใจอย่างเย็นชาและพูดว่า "อย่าพูดเรื่องไร้สาระกับฉันมากนัก ตั้งใจขับรถของเธอไปซะ"ระมัดระวังตัวมากฉันเข้าใจทันทีว่า คำพูดของฟู่ฉีชวนเมื่อเช้านี้หมายความว่ายังไงแต่ไม่เพียงแต่ฉันไม่ได้คาดคิด แต่บางทีเขาอาจไม่ได้คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะลงมืออย่างรวดเร็วด้วยในช่วงสุดสัปดาห์ การจราจรเริ่มติดขัดหลังจากขับรถไปประมาณหนึ่งชั่วโมง รถก็ขับออกจากย่านใจกลางเมืองไปตามถนนเทียนหลงอย่างช้าๆเมื่อฉันมองไปยังทิศทางที่ห่างไกลมากขึ้นเรื่อยๆ ฉันก็เริ่มกังวลมากขึ้นเรื่อยๆคนร้ายสั่งเพียงให้เลี้ยวซ้ายที่ทางแยกที่ต้องเลี้ยว "เลี้ยวซ้ายที่สัญญาณไฟจราจร"ทันทีที่เขาพูดจบ เครื่องเสียงในรถก็เริ่มดังขึ้นในที่สุด และมีสายเข้า!เป็นเบอร์ของโจวฟางฉันกดปุ่มรับสายทันที ก่อนที่อี
"ฉันไม่ดีเอง"เขาพูดด้วยความรู้สึกผิดและโน้มตัวลงมาโอบกอดฉัน น้ำเสียงของเขาทั้งตำหนิตัวเองและอ่อนโยน "ฉันไม่รู้จักคุณดีพอก่อนหน้านี้ ฉันคิดว่าคุณเป็นอิสระและเข้มแข็ง แต่ฉันไม่เคยคิดที่จะรู้จักคุณดีพอและรักคุณจากมุมมองของสามีของฉัน""แต่ฉันจะพยายามในมากขึ้นในอนาคต"หลังจากพูดจบ ฉันก็ดูเหมือนจะไม่มีความกล้าที่จะรอให้ฉันปฏิเสธ จากนั้นฉันก็พูดว่า "ฉันจะไปที่บริษัทก่อน กินอาหารเช้าให้อร่อยนะ ถ้าคุณมีอะไรอยากกินก็ส่งมาให้ฉัน ฉันจะเอามาให้คุณพรุ่งนี้""ฟู่....."ก่อนที่ฉันจะพูด เขาก็ออกไปทันทีฉันเหลือบมองอาหารเช้าร้อนๆ บนโต๊ะแล้วนั่งลงอีกครั้งและเริ่มกินอาหารเช้ายังไงก็ตาม อาหารไม่ควรทิ้งขว้างฟู่ฉี่ชวนปรากฏตัวที่หน้าประตูบ้านของฉันตรงเวลาทุกเช้า เหมือนนาฬิกาที่เดินอยู่หน้าประตูบ้านเป็นเวลาหลายวันติดต่อกันฉันไม่ได้เปิดประตู และเขาไม่ได้สนใจอะไรมาก แค่แขวนไว้ที่ประตูและอาหารเช้าทุกวันก็ไม่เหมือนเดิม มีกระดาษโน้ตติดอยู่ด้วย[วันนี้ลุงเฉิงไม่ได้บอกฉัน ฉันจำอาหารเช้าที่คุณกินที่บ้านหลังเก่าเมื่อก่อนได้ และคุณก็ชอบมันมาก][พยากรณ์อากาศบอกว่าวันอาทิตย์นี้จะมีหิมะตก ฉัเรามาปั้นตุ๊กตา
"คุณรู้ได้ยังไง?"หลังจากถามออกไป ฉันรู้สึกว่าตัวเองซื่อบื้อด้วยความสัมพันธ์ของเขากับเสิ่นซิงหยู เขาคงรู้แน่นอนเมื่อเห็นว่าเขาไม่มีเจตนาจะเอาชุดนั้นคืนไป ฉันจึงยื่นมันให้ใหม่อีกครั้ง แต่ได้ยินเขาหัวเราะเบาๆ พร้อมหยอกล้อเล็กน้อย: "คุณนายฟู่ คุณคิดกับฉันมากเกินไป แค่ชุดเดียว ฉันจะให้คุณทำไมฉันถึงต้องรับมันกลับด้วย""ให้เหรอ?"ฉันเองก็รู้สึกเกินคาดชุดนี้ไม่ได้ถูกเลย มันน่าจะมีราคาสูงถึงเจ็ดหลักเลยทีเดียวโจวฟางเอามือกอดอกตัวเอง หลีกเลี่ยงการกระทำที่ฉันต้องการคืนให้เขาอย่างสิ้นเชิง แล้วพูดอย่างกล้าหาญว่า “แน่นอน หรือคุณคิดว่าฉันจะให้คุณไปเป็นคู่เดทกับฉันฟรีๆ งั้นเหรอ?”"ก็ได้"ฉันรู้ว่าฉันยังคืนมันกลับไปไม่ได้ ดังนั้นฉันจึงยินดีรับไว้สำหรับครอบครัวอย่างพวกเขา เงินจำนวนนี้ไม่คุ้มที่จะพูดถึงเลย และการปฏิเสธต่อไปก็จะดูโอ้อวดเกินไปฉันยิ้มจางๆ แล้วพูดว่า "ขอบคุณนะ""ถ้าคุณอยากจะขอบคุณฉันจริงๆ ก็ช่วยอะไรฉันหน่อยสิ""ฉันจะไม่เป็นคู่เดทของคุณอีกแล้วนะ"ฉันปฏิเสธทันทีโจวฟางยิ้มอย่างมีความสุขแล้วพูดว่า "คุณคิดอะไรอยู่ ฉันจะให้ไปม.เจียงวันอาทิตย์นี้เพื่อช่วยไปรับคนจากโรงเรียน วัน
ชายคนนั้นสุภาพมาก เมื่อเห็นพวกเราสามคนนั่งลงแล้ว เขาก็เอียงหัวเล็กน้อย "ขอโทษที ฉันไม่ได้กลับมานานและประเมินการจราจรในตอนเย็นของเมืองเจียงเฉิงต่ำเกินไป""ไม่เป็นไรเลย แค่คุณมาก็ดีมากแล้ว!"พี่ลี่ลุกขึ้นและแนะนำเจียงไหลกับฉัน "นี่คือรองประธานของRF กรุ๊ปเฉินเย่ คุณเฉิน"ตอนแรกฉันคิดว่าอีกฝ่ายที่อยู่ในตำแหน่งสูงจะแสดงท่าทีเฉยเมย แต่ฉันไม่รู้เลยว่าพวกเขาเข้าถึงได้ง่ายมากเขเาป็นฝ่ายรินไวน์ให้เราด้วยซ้ำเมื่อเห็นว่าทั้งเจียงไหลและฉันสับสนเล็กน้อย ฉันเห็นเขาวางแก้วลงและกลับมาเข้าประเด็นในทันที "การลงทุนไม่ใช่ปัญหา แต่เราไม่สามารถที่จะสูญเสียหุ้น RF ได้อย่างแน่นอน คุณทั้งสองเตรียมใจไว้แล้วหรือยัง?""ค่ะ"ฉันพยักหน้าเบาๆฉันได้ค้นคว้ากรณีการลงทุนบางส่วนแล้ว และท้ายที่สุดแล้วผู้ก่อตั้งก็แทบจะไม่ได้ถือหุ้นไว้มากนักอย่างไรก็ตาม เนื่องจากฉันไม่มีเงินทุนเอง ฉันจึงทำได้เพียงเท่านั้นเจียงไหลเก่งในการเจรจาและพูดด้วยรอยยิ้มว่า "คุณเฉิน พวกเราทุกคนมาจากเมืองเจียงเฉิง ไม่ว่าคุณพูดอะไร คุณควรเหลือส่วนแบ่งไว้ให้พวกเราบ้าง"“คุณเจียง คุณนี่ตลกดีจริงๆ”เฉินเย่เป็นคนช่างพูด และเมื่อเป็นเรื่องงาน