Share

บทที่ 129 แผนลวง

last update Last Updated: 2025-04-27 21:41:44

ในรถยนต์ที่กำลังแล่นฝ่าค่ำคืน นารานั่งเงียบอยู่เบาะหลัง มือยังกำโทรศัพท์ไว้แน่น ใจของเธอวิ่งวนไปด้วยความกังวล ภาพใบหน้าของธีภพลอยขึ้นมาในห้วงความคิด

เสียงลมหายใจของเธอหนักขึ้น หยดน้ำเริ่มคลอเบ้าตา เธอพึมพำเบา ๆ

“ธีภพอย่าเป็นอะไรนะ…คุณต้องไม่เป็นอะไร…”

................

เสียงพนักงานรายงานความคืบหน้าดังผ่านโสต แต่สำหรับธีภพแล้ว มันเป็นเพียงเสียงแผ่วเบาในหมอกมัวของความสับสน เขารู้สึกถึงบางอย่าง...ไม่ปกติ

เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดตามสัญชาตญาณ

หน้าจอยังคงว่างเปล่า ไม่มีสัญญาณ ไม่มีการตอบสนอง

หัวใจเขาเต้นแรงขึ้นเป็นจังหวะที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิม นี่มันเกินกว่าความบังเอิญ

เขาหันขวับไปยังผู้ช่วยใกล้ตัว เสียงของเขาทุ้มต่ำ แต่กดดันจนอีกฝ่ายเย็นวาบ

“ขอโทษ ขอยืมโทรศัพท์หน่อย”

เมื่อได้เครื่องมา เขารีบกดหมายเลขของนารา ปลายนิ้วสั่นเล็กน้อยแต่มั่นคง จังหวะรอสายช่างยาวนานกว่าปกติราวกับเวลาทั้งหมดถูกยืดออก

แล้วเสียงเธอก็มา...

เขาหลับตาเพียงเสี้ยววินาที เมื่อได้ยินเสียงเธอ ความอบอุ่นแผ่วเบาแทรกผ่านความวุ่นวายรอบตัว

“นารา...ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน”

“คุณ...ธีภพ ฉัน…ออกมาจากบริษัทแล้วค่ะ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 130 ปกป้องเธอเสมอในแบบที่ไม่มีใครรู้

    ธีภพเบรกกะทันหัน รถหยุดอยู่ริมทางฝั่งที่มีเงาไม้ทอดผ่านกระจกหน้า เขาผลักประตูรถออกทันที เดินพุ่งไปยังจุดที่ถูกปักหมุดไว้ ตรงนั้น...รถตู้คันหนึ่งจอดเงียบงันใต้แสงไฟสลัวจากเสาไฟฟ้าเก่า ๆ บรรยากาศรอบข้างว่างเปล่า ราวกับไม่มีใครเคยอยู่ตรงนั้นมาก่อน เขาเอื้อมมือเปิดประตูด้านข้าง... ภายในเงียบงัน ไม่มีร่องรอยของการต่อสู้ ไม่มีเสียง ไม่มีคำทิ้งท้ายจากเธอ มีเพียงเบาะเปล่าที่เธอเคยนั่ง และ... กลิ่นหอมบางเบา ที่เขารู้ดีว่าเป็นของใคร ทุกอย่างหยุดนิ่ง... เขายืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ราวกับเวลาไม่ขยับ หัวใจหล่นวูบลงในหลุมลึกที่ไม่มีที่สิ้นสุด โลกทั้งใบเงียบสนิท มีเพียงเสียงหัวใจของเขา ที่เต้นผิดจังหวะ เสียงเรียกเข้าดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เป็นสายจาก ภานุวัฒน์ “ธีภพ...นายอย่าเพิ่งไปไหน อยู่ตรงนั้นก่อน นายต้องตั้งสติให้ดี พวกเรากำลังไปหา” เสียงคีรณัฐแทรกขึ้นมาอีกคน “เราจะช่วยกันตามหาเธอ เราจะไม่ยอมให้พวกมันได้ตัวเธอไปง่าย ๆ แต่ตอนนี้ นายต้องอยู่ตรงนั้น อย่าออกนอกเส้นทางเด็ดขาด” ธีภพกำโทรศัพท์แน่นในมือ ดวงตาแดงก่ำด้วยอารมณ์ที่เอ่อล้น เขามองรถตู้เบื้องหน้าอีกครั้ง ความจริงกระแทกใ

    Last Updated : 2025-04-27
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 131 โลกของเขามีเพียงเธอ

    เขาไม่ลังเล ร่างของชายหนุ่มวิ่งพุ่งไปยังตู้คอนเทนเนอร์นั้นทันที เสียงฝ่าเท้าเขากระทบพื้นก้องกังวานไปในหัวใจของตัวเอง แม้รอบตัวจะเต็มไปด้วยความเงียบ แต่ภายในอกของเขามีเสียงชัดเจนอยู่คำเดียว... ธีภพไม่รอให้ใครมาช่วยเปิด เขาใช้ปืนยิงแม่กุญแจ มือกระชากโซ่ออกด้วยแรงทั้งหมด เสียงเหล็กเสียดแหลมดังลั่น ก่อนประตูจะเปิดออกช้า ๆ ความมืดพุ่งเข้าหาเขาทันที กลิ่นอับเก่า ฝุ่นเกาะหนา ...แล้วเขาก็เห็น ร่างที่นอนนิ่งอยู่ภายในตู้เหล็ก “...นารา!” ธีภพพุ่งเข้าไปทันที หัวใจเหมือนหยุดเต้นในจังหวะที่ดวงตาเขามองเห็นเธอ เขาช้อนตัวเธอขึ้นมาในอ้อมอก พร้อมกับเรียกเธอด้วยน้ำเสียงที่สั่นจากความกลัว หญิงสาวค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เธอเริ่มฟื้นคืนสติเมื่อได้ยินเสียงของเขา ผมเธอหลุดลุ่ย ใบหน้าซีดเผือด เปลือกตายังคงสั่นไหว ทันทีที่เธอเห็นดวงตาคู่นั้น...ดวงตาของคนที่เธอรัก เพียงแค่สบตากัน เธอก็ร้องไห้ออกมา ไม่ใช่เพราะความเจ็บ แต่เพราะเธอเห็นเขา เขากอดเธอไว้แน่น ราวกับจะโอบเธอทั้งตัวเข้าไว้ในใจ กอดเหมือนจะลบทุกวินาทีที่เธอเคยต้องกลัว เคยหนาว เคยเจ็บ “ผมอยู่นี่แล้ว...คุณปลอดภัยแล้ว” เสียงของเ

    Last Updated : 2025-04-28
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 132 กลับมาอยู่ในที่ปลอดภัยอีกครั้ง

    อ้อมแขนของเขากระชับแน่นขึ้นอีกนิด รถแล่นต่อไปท่ามกลางความเงียบสงบของยามค่ำคืน แต่ในอกของทั้งสองคน คือเสียงของหัวใจที่กลับมาเต้นเป็นจังหวะเดียวกันอีกครั้ง รถคันสีดำแล่นเข้าจอดสนิทหน้าบ้านวรเมธินทร์ ท่ามกลางความเงียบของยามค่ำ ไฟหน้ารถส่องไล้ไปบนแนวต้นไม้ในสวน ก่อนจะดับลงพร้อมเสียงเครื่องยนต์ที่หยุดลงเงียบสนิท ประตูบ้านเปิดออกในทันที ร่างของคุณสุวิมลปรากฏขึ้นตรงบานประตู ดวงตาทอประกายสงสัย ก่อนสีหน้าจะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นลูกชายกำลังอุ้มหญิงสาวเข้ามาในสภาพอ่อนแรง “นารา...” เสียงเรียกสั้น ๆ แต่แฝงด้วยแรงสะเทือนทางอารมณ์อย่างรุนแรง คุณสุวิมลก้าวเร็วออกมาหยุดตรงหน้าประตู ใบหน้าเธอซีดลงทันทีเมื่อเห็นสภาพของนาราเต็มตา เสื้อผ้าเปื้อนฝุ่น เส้นผมหลุดลุ่ย ใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือด ธีภพไม่พูดอะไร เขาเพียงก้มศีรษะเล็กน้อย แล้วอุ้มนาราเข้าไปวางอย่างเบาที่สุดบนโซฟาในห้องรับแขก คุณสุวิมลเดินตามเข้ามา หัวใจของเธอเต้นถี่จนเหมือนจะหลุดจากอก ดวงตาสั่นไหวขณะนั่งลงข้างโซฟา มองหญิงสาวที่เธอรักดั่งลูกอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “เกิดอะไรขึ้นลูก...ใครทำแบบนี้กับหนู” ธีภพนั่งลงอีกฝั่งห

    Last Updated : 2025-04-28
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 133 ฉันจะไม่ปล่อยเธอไว้แน่

    มือเขาจัดหมอนและดึงผ้าห่มขึ้นคลุมให้อย่างระวัง ไม่ปล่อยให้ลมเย็นยามค่ำคืนแตะต้องผิวเธอได้ เขานั่งลงข้างเตียง...เงียบ ๆ เฝ้าดูเธอหลับ แม้เธอจะปิดตาไปแล้ว แต่เขายังไม่ขยับ มีเพียงปลายนิ้วที่แตะข้างมือเธอเบา ๆ ราวกับจะบอกว่า ยังอยู่ตรงนี้ จนเมื่อจังหวะหายใจของเธอเริ่มสม่ำเสมอ ธีภพจึงค่อย ๆ ผละตัวออกอย่างระมัดระวัง ไม่ให้เกิดเสียงใดแม้แต่ฝีเท้า เขาหันมองเธออีกครั้งที่หน้าประตู แววตาอ่อนลง เหมือนกำลังบันทึกภาพเธอไว้ในใจอีกครั้งหนึ่ง จากนั้น เขาจึงกดโทรศัพท์โทรออกหมายเลขหนึ่ง หมายเลขที่เขารอความคืบหน้าอยู่ตลอดทั้งคืน เสียงรับสายดังขึ้นแทบจะทันที “ตรวจสอบไปถึงไหนแล้ว” ธีภพพูดเสียงต่ำ สั้น กระชับ เสียงของ คีรณัฐ ดังตามมาติด ๆ “ยังไม่มีใครสารภาพตรง ๆ แต่ทีมสอบสวนเจอเอกสารบางอย่างแล้ว เส้นทางเงินที่ชี้ไปยังผู้ช่วยของคุณวิลัยลักษณ์โดยตรง” ธีภพเงียบไปครู่หนึ่ง เขาหลับตาลงช้า ๆ เหมือนกลั้นบางอย่างไว้ในอก ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ แต่หนักแน่น “สืบให้แน่ชัด จับให้แน่น ไม่ต้องไว้หน้าใครทั้งนั้น” เขาเว้นจังหวะ แล้วพูดต่ออย่างชัดเจน “ถ้าเธอเป็นคนสั่ง…ฉันจะไม่ปล่อยเธอไว้แน่” เ

    Last Updated : 2025-04-28
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 134 ผมพร้อมเสมอถ้าคุณเปลี่ยนใจ

    นาราหลบตาอย่างชัดเจน มือกำผ้าขนหนูแน่นแทนคำตอบ ธีภพยื่นมือไปปลดกระดุมเสื้อเธอเบา ๆ พร้อมกับหยิบฝักบัวอาบน้ำที่ปรับอุณหภูมิให้พอเหมาะส่งให้เธอ “ผมแค่ไม่อยากให้คุณลื่นล้มตอนยังมึน ๆ อยู่...” เธอกะพริบตาปริบ ๆ อย่างทำอะไรไม่ถูก ธีภพหัวเราะในลำคอเบา ๆ อีกครั้ง ก่อนพูดอย่างอ่อนโยนกว่าเดิม “ค่อย ๆ อาบนะครับ...” เขาขยับเข้าไปใกล้กระซิบ “แต่ถ้าคุณเปลี่ยนใจเมื่อไหร่ ผมพร้อมเสมอ” พูดจบ เขาก็ผละออกจากห้องน้ำ ปิดประตูให้อย่างสุภาพ เหลือไว้แค่เสียงหัวเราะแผ่ว ๆ กับหัวใจของนาราที่เต้นแรงกว่าเมื่อตอนตื่นนอน หลังจากทั้งคู่อาบน้ำเสร็จ นารานึกขึ้นมาได้ถึงเรื่องราวของเมื่อวาน เธอถามเขาอย่างสงสัย "คุณ...ตามฉันเจอได้ยังไงคะ" "เหมือนว่าคนพวกนั้นพาฉันเปลี่ยนเส้นทาง ตอนแรกฉันคิดว่าคุณคงหาฉันไม่เจอ" "นาทีนั้น ฉันคิดว่า ฉันคง...ไม่มีโอกาสได้เห็นคุณอีก..." น้ำเสียงเธอสั่นเล็กน้อย เธอยังคงหวาดกลัวเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น ธีภพเดินเข้ามาโอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขน ราวกับกำลังปลอบโยนเธอจากความหวาดกลัวนั้น เขาเอื้อมมือจับที่สร้อยคอที่เธอสวมใส่ นิ้วมือไล้ไปตามจี้รูปหัวใจเบา ๆ "ตราบใดท

    Last Updated : 2025-04-28
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 135 มีคนจงใจวางแผนตั้งแต่ต้น

    เมื่อทั้งหมดเดินออกมาถึงหน้าบ้าน ก็พบชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อยืดคอกลมสีดำเรียบกับกางเกงผ้าแบบคล่องตัว เขายืนพิงรถเบา ๆ อย่างไม่เป็นทางการ แต่แววตาคมของเขากวาดมองรอบบริเวณด้วยความเฉียบคม มือข้างหนึ่งถือวิทยุสื่อสารเล็ก ๆ ที่เหน็บไว้ข้างเอว อีกข้างแตะหน้าจอมือถือเหมือนตรวจสอบเส้นทาง ไม่มีท่าทีรีบร้อน ไม่มีคำพูดฟุ่มเฟือย แต่น้ำเสียงและจังหวะการเคลื่อนไหวบอกชัดว่าเขาคือคนที่รู้ดีว่าตัวเองต้องทำอะไร เมื่อเห็นธีภพเดินออกมาพร้อมนาราและคุณสุวิมล วินก็พยักหน้าให้เล็กน้อย ก่อนเปิดประตูรถอย่างเงียบ ๆ แล้วก้าวถอยออกมาหนึ่งก้าว เพื่อให้ทุกคนขึ้นรถได้สะดวก เขาไม่พูดแม้แต่คำเดียว แต่ท่าทีทั้งหมดกลับบอกชัดว่า ไม่มีอะไรจะผ่านสายตาเขาไปได้ง่าย ๆ ธีภพพยักหน้าเบา ๆ ให้วินเป็นสัญญาณ แล้วพูดกับแม่และนาราด้วยน้ำเสียงมั่นคง “ไปโรงพยาบาลกันครับ” ... ภายในห้องพักฟื้น ลุงอำนวยหันมาทันทีที่ประตูเปิด พอเห็นหน้านารา เขาก็รีบขยับจะลุกขึ้นจากเตียง แม้จะยังไม่ถนัดนัก “คุณนารา... คุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ?” น้ำเสียงเขาเต็มไปด้วยความห่วง นารารีบก้าวเข้าไป “ลุงไม่ต้องลุกค่ะ ฉันสบายดีแล้ว”

    Last Updated : 2025-04-28
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 136 จะไม่รอให้เธอลงมืออีก

    ห้องทำงานส่วนตัวบนชั้นสูงของตึกซาเลียน อินโนเวชั่นปิดสนิท แสงไฟเหนือศีรษะถูกลดระดับให้สว่างเท่าที่จำเป็น หน้าจอมอนิเตอร์แสดงข้อมูลเรียงราย ข้อมูลล่าสุดยังคงหมุนวนอยู่บนหน้าจอ ธีภพนั่งนิ่งอยู่ที่หัวโต๊ะ ดวงตาคมจดจ้องที่ภาพถ่ายและรายงานต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ภานุวัฒน์นั่งเท้าคางอยู่มุมหนึ่ง ส่วนคีรณัฐกำลังพลิกแฟ้มเอกสารในมือเงียบ ๆ “เราได้ข้อมูลจากกล้องวงจรปิด และบันทึกการเคลื่อนไหวของคนที่ลักพาตัวนาราแล้ว” คีรณัฐเอ่ยขึ้น “เชื่อมโยงไปถึงคนของคุณวิไลลักษณ์หลายคน แถมยังเป็นชุดเดียวกับที่เคยใช้ในงานของเดชาสกุลวงศ์ด้วย” “นั่นแปลว่าเธอไม่ได้แค่รู้เห็น...” ภานุวัฒน์พูดช้า ๆ “แต่ เป็นคนสั่งการเอง” ธีภพไม่พูด เขาเพียงแค่ขยับสายตาลงต่ำเล็กน้อย สีหน้ายังคงเรียบ แต่แววตากลับแข็งกว่าทุกครั้ง “ฉันจะไม่รอให้เธอลงมืออีก...” เสียงเขานิ่ง ชัดเจน “ในเมื่อเธอแตะต้องคนที่ฉันรัก ฉันก็จะทำให้เธอรู้ว่าการสูญเสียมันเจ็บแค่ไหน” ภานุวัฒน์เหลือบตามอง “หมายถึง…” ธีภพพยักหน้า “ฉันให้คนส่งข้อมูลไปยังรัฐมนตรีวิศรุตแล้ว” คีรณัฐเงยหน้าขึ้นทันที “ข้อมูลอะไร?” ธีภพลุกขึ้น เดินไปกดหน้าจ

    Last Updated : 2025-04-28
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 137 กลายเป็นผู้พิการอย่างถาวร

    คุณวิลัยลักษณ์ เดชาสกุลวงศ์ ก้าวลงจากรถแทบจะทันทีที่ประตูเปิด ไม่สนรองเท้าส้นสูง ไม่สนว่าใครอยู่ตรงไหน เธอพุ่งเข้าไปในโกดัง ร่างของหญิงวัยกลางคนวิ่งฝ่าความมืดจนเห็นร่างที่นอนนิ่งอยู่กลางพื้น “ปกรณ์!!” เสียงเธอแทบขาดใจ น้ำเสียงที่เคยสง่างามกลายเป็นเสียงร้องของคนเป็นแม่ ร่างของลูกชายเธอ ถูกทำลายไม่มีชิ้นดี อวัยวะที่เป็นความภาคภูมิใจ ของสายเลือดชายในตระกูล...ไม่มีอีกแล้ว เธอทรุดตัวลงข้างร่างนั้น สองมือสั่นระริกเมื่อแตะร่างที่ยังอุ่น แต่ไม่ตอบสนอง ริมฝีปากเธอสั่นระรัว...ดวงตาเบิกกว้าง คุณวิลัยลักษณ์ทรุดตัวลงข้างร่างของปกรณ์ สองมือเธอสั่นระริกขณะพยายามแตะไหล่ลูกชายที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นซีเมนต์แข็ง เลือดไหลซึมเปื้อนพื้นอยู่รอบกายเขา และไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลย...นอกจากเธอกับเขา เธอกวาดตามองไปรอบโกดังด้วยดวงตาที่สั่นด้วยทั้งความหวาดกลัวและความสับสน ไม่มีเงาของคนที่ลงมือ ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของรถ มีเพียง ความเงียบ ที่ราวกับตะโกนกรอกหูเธอว่า สายเกินไปแล้ว “ปกรณ์…ปกรณ์ลูกแม่...” เสียงเธอพร่าแตกขณะพยายามเรียก แต่ไม่มีคำตอบจากร่างที่นอนนิ่ง เธอหันไปสั่งลูกน้องด้วย

    Last Updated : 2025-04-28

Latest chapter

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 145 ค่ำคืนแห่งชั่วนิรันดร์

    “เหนื่อยไหมครับ?” เขาถามเมื่อพาเธอเข้ามานั่งบนโซฟา “ไม่ค่ะ…แค่ใจเต้นแรงอยู่เรื่อยเลย” เธอยิ้มบาง ๆ พูดออกมาอย่างเขิน ๆ ธีภพหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะโน้มตัวลงกระซิบใกล้ใบหูเธอ “ใจคุณเต้นแรง…แต่ใจผมแทบจะระเบิด” นาราหัวเราะคิก แล้วตีไหล่เขาเบา ๆ แต่มือของเขากลับยื่นมาจับมือนั้นไว้ และแนบมันไว้กับอกเขา ภายในห้องนอน แสงไฟสีอำพันคลี่คลุมห้องทั้งห้องไว้ด้วยความอบอุ่น กลิ่นหอมจาง ๆ จากดอกไม้ข้างเตียงแตะจมูกเบา ๆ เสียงหัวใจสองดวงที่กำลังใกล้กันทีละนิด…ดังกว่าเสียงใด ๆ ธีภพยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ดวงตาเขามองเธอราวกับเธอเป็นของขวัญที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิต ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือไปปลดเครื่องประดับผมของเธอออกช้า ๆ เส้นผมดำขลับสยายลงบนบ่าขาว เธอหลับตาลงช้า ๆ รับสัมผัสจากปลายนิ้วของเขา “คุณรู้ไหม” เขากระซิบ “ผมฝันถึงค่ำคืนนี้มานานมาก ฝัน…ถึงวันที่คุณจะอยู่ในอ้อมแขนผม ไม่ใช่แค่ชั่วคืน แต่ตลอดชีวิต” เธอไม่ตอบ เพียงยิ้ม และยื่นมือไปแตะแก้มเขาเบา ๆ “และฉันก็เลือกจะอยู่ตรงนี้…กับคุณ ทั้งในคืนนี้ และคืนไหน ๆ ที่ยังมีลมหายใจอยู่” ธีภพก้มลงจูบหน้าผากเธออย่างแผ่วเบา จากนั้นป

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 144 นึกว่าเธอหานงยสาบสูญไปแล้ว

    วันแต่งงานที่รอคอยมาถึง เช้าวันนั้น แสงแดดยามสายทอดอุ่นลงบนสนามหญ้าเขียวขจี สายลมพัดผ่านแผ่วเบา กลีบดอกไม้ที่ประดับอยู่ตามซุ้มขาวเคลื่อนไหวราวกับเต้นรำรับจังหวะหัวใจของใครบางคน บริเวณงานถูกจัดเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยรายละเอียดที่เต็มไปด้วยความใส่ใจ ผ้าคลุมบางเบา โทนสีขาวครีมผสมกลิ่นกุหลาบอ่อน ๆ ลอยในอากาศ ดนตรีจากเปียโนคลอเบา ๆ ท่ามกลางเสียงพูดคุยของแขกที่มาด้วยรอยยิ้ม ที่นี่...คือสถานที่ซึ่งหัวใจสองดวงจะเริ่มต้นบทใหม่ ไม่ใช่แค่พิธีการ แต่เป็น "คำสัญญา" ที่กลั่นมาจากทุกบททดสอบของชีวิตที่ผ่านมา ... ภายในห้องแต่งตัว เสียงหัวเราะนุ่ม ๆ ดังขึ้นเมื่อหญิงสาวในชุดเดรสลูกไม้สีพีชก้าวเข้ามา พราวฟ้า ดาราสาวเพื่อนสนิทของนารา วางกระเป๋าเบา ๆ แล้วโผเข้ากอดเพื่อนด้วยความคิดถึง “หายไปครึ่งปี! ฉันนึกว่าเธอหายสาบสูญไปแล้วนะ” นาราหัวเราะอย่างแผ่วเบา “เกือบแล้วจริง ๆ” พราวฟ้าหัวเราะตาม “กองถ่ายเรื่องล่าสุดให้เก็บตัวขึ้นเขา ไม่มีเน็ต ไม่มีสัญญาณเลยสักเส้น ฉันนับวันรอจะได้ลงมางานนี้เลยนะรู้ไหม” สองเพื่อนสาวสบตากันอย่างเข้าใจ แม้ไม่มีคำพูดมาก แต่แววตาก็สื่อได้ว่า…เธอไม่พลาดวัน

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 143 กำหนดวันหมั้นและวันแต่งงาน

    คำพูดนั้นเรียบ แต่หนักแน่นพอจะทำให้ห้องทั้งห้องเงียบงันชั่วครู่ คุณบงกชหันไปมองนารา ลูกสาวของเธอในวันนี้…ไม่ใช่ผู้หญิงที่ยังตกอยู่ใต้เงาอดีตอีกต่อไป แต่คือผู้หญิงที่ยืนอย่างมั่นคง ข้างคนที่เลือกจะปกป้องเธอจนสุดทาง การพูดคุยหลังจากนั้นดำเนินไปอย่างอบอุ่น กำหนดวันหมั้นและวันแต่งงานถูกพูดถึงทีละลำดับ เสียงหัวเราะดังขึ้นบ้างในจังหวะที่คุณบงกชและคุณสุวิมลคุยกัน พลางหันมาถามว่า “ตกลงต้องเตรียมห้องไว้สำหรับเวลาหลาน ๆ มาเที่ยวเล่นเลยไหมลูก?” ธีภพกับนาราสบตากันแล้วยิ้ม แบบที่ไม่ต้องมีคำตอบ เพราะคำตอบอยู่ในดวงตาคู่นั้น…ที่มองกันราวกับโลกทั้งใบมีแค่คนสองคน หลังจากบทสนทนาเรื่องวันสำคัญสิ้นสุดลง ในขณะที่ทุกคนยังนั่งพูดคุยกันด้วยรอยยิ้มอบอุ่น นาราค่อย ๆ ลุกขึ้น เธอไม่ได้เอ่ยคำใด เพียงสบตาธีภพอย่างแผ่วเบา ก่อนจะหมุนกาย ก้าวขึ้นสู่ชั้นบนของบ้านที่เต็มไปด้วยความทรงจำ บ้านสไตล์เรียบหรูที่แวดล้อมด้วยสีอุ่นและแสงเงานุ่มนวล เงียบพอให้ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองทุกครั้งที่ก้าวเท้า เธอหยุดหน้าห้องห้องหนึ่ง ประตูไม้สีอ่อนเรียบสะอาดบานนั้นไม่ได้ถูกเปิดมานานหลายปี เพราะมันคือห้

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 142 เรือนหอ

    ไม่กี่วันถัดมา แสงแดดอุ่นยามสายสาดลงบนระเบียงหน้าบ้านสองชั้นสไตล์เรียบหรู เส้นสายของรั้วขาวตัดกับสวนสีเขียวขนาดย่อมอย่างลงตัว เงาของต้นปีบที่ปลูกใหม่เพิ่งเริ่มผลิใบสะท้อนบนกระจกหน้าต่างชั้นสอง ธีภพ ก้าวลงจากรถก่อนจะเดินอ้อมมาเปิดประตูให้เธอ มือเขายื่นออกมาโดยไม่ต้องเอ่ยคำ เธอก็วางมือลงในมือเขาอย่างคุ้นเคย “บ้านหลังนี้…จะเป็นเรือนหอของเรานะ” เขาบอกเสียงนุ่ม นารามองตรงไปยังตัวบ้าน บ้านเดี่ยวหลังไม่ใหญ่แต่ถูกออกแบบอย่างประณีต สีนวลอ่อนของผนังตัดกับโครงไม้สีอบอุ่น ประตูไม้จริงมีลวดลายเรียบง่ายแต่แฝงความมั่นคง “สวยมากเลยค่ะ” เสียงเธอเบา ดวงตาเปล่งประกาย “เหมือนบ้านที่อยู่ในฝันตอนเด็กของฉันเลย” เขายิ้ม มองเธอด้วยแววตาที่มีแสงสะท้อนบางอย่าง “ผมอยากให้มันเป็นมากกว่าฝัน…อยากให้คุณรู้ว่า ที่นี่...คุณจะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว” ภายในบ้านอบอวลด้วยกลิ่นใหม่และแสงธรรมชาติจากช่องแสงบนเพดานสูง พวกเขาเดินไปด้วยกัน ดูทีละห้อง ห้องรับแขกโปร่งโล่งเชื่อมต่อกับครัวเปิด ห้องนั่งเล่นเล็ก ๆ ที่มีหน้าต่างบานใหญ่รับวิวสวนหลังบ้าน พอขึ้นมาชั้นสอง เธอก็หยุดอยู่หน้าห้องหนึ่ง “ห้องน

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 141 ให้วันนั้นเป็นจุดจบของเธอ

    เสียงของเขาไม่ได้ดังก้อง แต่น้ำหนักของถ้อยคำแต่ละพยางค์ กลับกรีดอากาศให้บางยิ่งกว่าใบมีด “อย่าให้เธอได้อยู่อย่างเป็นสุขแม้แต่วันเดียว…” “ฉันไม่สนวิธีไหน กด เฆี่ยน ล่อหลอก ดึงจิตใจเธอให้สั่นไหว ทำทุกอย่างที่จำเป็น” เจ้าหน้าที่ชะงักวูบ แววตาเขาสะท้อนความลังเลเพียงเสี้ยววินาที แต่ก็หายไปทันทีเมื่อสบตารัฐมนตรี “เค้นออกมาให้ได้ ไม่ว่าจะต้องใช้ความเจ็บปวดแค่ไหน” เสียงของเขาต่ำลง “หาที่ซ่อนตัวของลาริสาให้เจอ” จากนั้น เขาเงียบไปครู่ ก่อนพูดประโยคสุดท้ายช้า ชัด และราวกับตอกตรึงไว้ในอากาศ “และในวันที่เธอปริปากบอกเรา…ให้วันนั้นเป็นจุดจบของเธอ” เจ้าหน้าที่ข้างกายพยักหน้ารับเบา ๆ เสียงรองเท้าหนัก ๆ เริ่มเคลื่อนออกจากคฤหาสน์ ร่างของวิลัยลักษณ์ถูกพาไปยังรถคุมขังที่รออยู่ด้านนอก ใบหน้าเธอยังมีรอยยิ้มเยาะอยู่จาง ๆ แต่ในแววตา…มีบางสิ่งเริ่มเปลี่ยนไป เหมือนเธอกำลังรู้ตัวว่า “เกม” ที่คิดว่าควบคุมได้…อาจกลายเป็น “นรก” ที่เธอสร้างขึ้นไว้ให้ตัวเอง บันไดหินอ่อนภายในคฤหาสน์เดชาสกุลวงศ์ เงาของโคมไฟแก้วระย้าไหวระริกตามแรงลมที่ลอดเข้ามาเพียงแผ่วเบา ภายนอก...รถควบคุมตัวเคลื่อ

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 140 มันจะไม่หยุดแค่เรื่องข่าวหรือธุรกิจ

    คฤหาสน์ตระกูลเดชาสกุลวงศ์ ห้องโถงใหญ่เงียบงัน จอทีวีฉายข่าวแบบเรียลไทม์ น้ำเสียงผู้ประกาศนิ่ง เรียบ แต่อัดแน่นด้วยพลังของ “ความจริง” คุณวิลัยลักษณ์ ยืนมองอยู่กลางห้อง ไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไร แม้แต่คนสนิทที่สุดของเธอ มือของเธอกำหมัดแน่น เล็บจิกเข้ากับเนื้อจนเลือดซึม แต่เธอไม่รู้สึกถึงความเจ็บอีกแล้ว ทุกอย่างที่เธอวางไว้… กลับย้อนใส่ตัวเอง เสียงโทรศัพท์เริ่มดังขึ้นไม่หยุด ทั้งจากนักข่าว หน่วยงานรัฐ และทนายของเธอ แต่เธอไม่รับแม้แต่สายเดียว เธอเพียงหลุบตามองโต๊ะ… ที่วางภาพของ ปกรณ์ ในวันที่ยังยิ้มได้ ภาพที่ไม่เหลือความจริงอยู่ในวันนี้แม้แต่น้อย ... อีกฟากหนึ่ง ที่ซาเลียน อินโนเวชั่น ข่าวเปิดโปงถูกรายงานซ้ำในทุกช่องทาง ทีมงานหลายคนถอนหายใจออกมาเงียบ ๆ อย่างโล่งอก ภานุวัฒน์เดินเข้ามาพร้อมรายงานล่าสุด “ตอนนี้ฝ่ายข่าวหลักเจ็ดสำนักตรวจสอบแล้ว ทุกอย่างตรงกับที่เราส่ง ไม่มีข้อโต้แย้ง” เขายิ้มบาง “ถ้าข่าวนี้ออกไปเร็วกว่านี้อีกนิด เธอคงไม่ได้ทันปล่อยข่าวปลอมมาปั่นด้วยซ้ำ” ธีภพไม่พูดอะไร เขาหันไปมองนาราที่นั่งเงียบอยู่ที่มุมห้อง เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขา “ยังไม่หมด

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 139 พ่อที่ไร้ความสามารถ

    ท่านวิศรุตหรี่ตา ใบหน้าแข็งราวหิน “คุณกำลังจะบอกว่าในประเทศนี้…ไม่มีใครตามรถตู้คันหนึ่งได้เลย?” ไม่มีเสียงตอบ หัวหน้าหน่วยวางซองรายงานสรุปลงเบื้องหน้า “มีข้อมูลชัดเพียงจุดเดียวครับ…” เขาเปิดหน้าแผนที่ขนาดเล็ก “รถคันสุดท้ายถูกพบครั้งสุดท้ายพร้อมศพของชายสองคน ใกล้เขตชายแดนด้านตะวันตก แล้วหลังจากนั้น…ไม่มีร่องรอยอีกเลยครับ” ท่านวิศรุตนิ่งไปครู่ใหญ่ เหมือนโลกทั้งใบหยุดหายใจ “หมายความว่า…มันหลุดออกนอกประเทศไปแล้ว?” หัวหน้าหน่วยพยักหน้า “ครับ และเรายังไม่รู้ว่า…หลุดไป ในนามใคร” ... ค่ำวันนั้น กระทรวงฯ เริ่มขยับทั้งระบบ เครือข่ายข่าวกรองพิเศษถูกสั่งระดมทันที หน่วยลับชายแดนถูกขยายกำลัง รายชื่อขบวนการลักพาตัวที่เชื่อมโยงกับการค้าคน ถูกสั่งรื้อทุกแฟ้ม แต่ไม่ว่าจะเร่งแค่ไหน…ก็ยังไม่มีคำว่า “เจอ” ... ยามค่ำในห้องทำงานส่วนตัว ไฟเพดานสลัวลง เหลือเพียงแสงจากจอคอมพิวเตอร์ที่สว่างจ้า รัฐมนตรีวิศรุตนั่งนิ่ง สองมือทับกันบนโต๊ะ แววตาเขา...เปลี่ยนไป จากนักการเมืองผู้เด็ดขาด กลายเป็นพ่อที่ไร้ความสามารถจะปกป้องสิ่งเดียวที่สำคัญที่สุดในชีวิต เขาก้มหน้าลงช้า

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 138 เกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมาย

    หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ลาริสา ยิ้มบางเบา ขณะพูดขอบคุณเจ้าของร้านขนม เธอเพิ่งแวะซื้อขนมกล่องเล็ก ๆ กลับไปฝากคุณแม่ ก่อนจะก้าวไปยังรถที่รออยู่ริมถนน เธอกำลังเก็บกระเป๋าเงิน ก็นึกขึ้นมาได้ว่าเผลอวางโทรศัพท์ลืมไว้ที่ร้าน เธอหันมาบอกคนขับรถ "ฉันลืมของไว้ เดี๋ยวขอวิ่งกลับไปหยิบก่อนนะคะ” ไม่มีอะไรน่าสงสัย ร้านเงียบ รถราบนถนนมีไม่มาก เสียงบีบแตรเบา ๆ ดังมาจากระยะไกล ขณะที่เธอก้าวหันกลับเพียงไม่กี่ก้าว... ประตูรถตู้สีดำ ก็เปิดออกโดยไร้เสียงเตือน ชายสองคนในชุดเข้ม พุ่งเข้าใส่เธอด้วยความแม่นยำ มือหนึ่งปิดปาก อีกมือรั้งแขนไว้แน่น แรงพอให้เธอทรุดโดยไม่ทันร้อง ลาริสาหายไปในความเงียบ ภายในรถตู้ เธอถูกกดร่างให้นอนราบ แขนขาถูกพันด้วยเทปพันสายไฟอย่างแน่นหนา ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจสุดขีด น้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว เสียงในลำคอเป็นเพียงอากาศแห้งที่ไม่ออกมาเป็นคำ เธอไม่รู้ว่าใครทำ ไม่รู้ว่ากำลังจะถูกพาไปไหน แต่สิ่งที่แน่นอนคือ... ไม่มีใครได้ยินเสียงเธอเลย ................ ในอีกมุมของเมือง แสงหน้าจอคอมพิวเตอร์ กะพริบเบา ๆ ท่ามกลางความมืดของห้องทำงานใต้ดิน ข่าวปลอมชุดแรก ถ

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 137 กลายเป็นผู้พิการอย่างถาวร

    คุณวิลัยลักษณ์ เดชาสกุลวงศ์ ก้าวลงจากรถแทบจะทันทีที่ประตูเปิด ไม่สนรองเท้าส้นสูง ไม่สนว่าใครอยู่ตรงไหน เธอพุ่งเข้าไปในโกดัง ร่างของหญิงวัยกลางคนวิ่งฝ่าความมืดจนเห็นร่างที่นอนนิ่งอยู่กลางพื้น “ปกรณ์!!” เสียงเธอแทบขาดใจ น้ำเสียงที่เคยสง่างามกลายเป็นเสียงร้องของคนเป็นแม่ ร่างของลูกชายเธอ ถูกทำลายไม่มีชิ้นดี อวัยวะที่เป็นความภาคภูมิใจ ของสายเลือดชายในตระกูล...ไม่มีอีกแล้ว เธอทรุดตัวลงข้างร่างนั้น สองมือสั่นระริกเมื่อแตะร่างที่ยังอุ่น แต่ไม่ตอบสนอง ริมฝีปากเธอสั่นระรัว...ดวงตาเบิกกว้าง คุณวิลัยลักษณ์ทรุดตัวลงข้างร่างของปกรณ์ สองมือเธอสั่นระริกขณะพยายามแตะไหล่ลูกชายที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นซีเมนต์แข็ง เลือดไหลซึมเปื้อนพื้นอยู่รอบกายเขา และไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลย...นอกจากเธอกับเขา เธอกวาดตามองไปรอบโกดังด้วยดวงตาที่สั่นด้วยทั้งความหวาดกลัวและความสับสน ไม่มีเงาของคนที่ลงมือ ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของรถ มีเพียง ความเงียบ ที่ราวกับตะโกนกรอกหูเธอว่า สายเกินไปแล้ว “ปกรณ์…ปกรณ์ลูกแม่...” เสียงเธอพร่าแตกขณะพยายามเรียก แต่ไม่มีคำตอบจากร่างที่นอนนิ่ง เธอหันไปสั่งลูกน้องด้วย

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status