ซาบริน่าเงยหน้าขึ้นมองเซบาสเตียนทันทีเซบาสเตียนถือผลตรวจการตั้งครรภ์ไว้ในมือ นอกจากนี้ นั้นยังเป็นใบแสดงผลการตรวจการตั้งครรภ์ครั้งแรกของเธออีกด้วย เธอเก็บมันไว้ในกระเป๋าตลอด แต่เมื่อถูกเซลีนลักพาตัวไปในภายหลัง เซลีนก็หยิบแผ่นนั้นออกไปหลังจากนั้น เธอได้รับการช่วยเหลือจากเซบาสเตียน และคิดว่าเธอทำผลตรวจนี้หายไปแล้วเธอไม่เคยคาดคิดว่ามันจะอยู่ในมือของเซบาสเตียน“คุณ… ทำไมคุณถึงมีผลตรวจการตั้งครรภ์ของฉันได้?” แก้มของซาบริน่าร้อนผ่าวทันที เธอรู้สึกอับอายจากการที่คนอื่นล้วงล้ำเรื่องส่วนตัวของเธอวันนี้เธอต้องอับอายต่อหน้าเซบาสเตียนมากพอแล้วอยู่ดี ๆ เขาก็พุ่งตัวเข้ามาจูบเธอกลางวันแสก ๆเขายังถือและโบกผลตรวจการตั้งครรภ์ของเธออยู่ตรงหน้า ซาบริน่ารู้สึกว่าเธอกำลังมองหน้ารอยแตกสักแห่งแล้วแทรกตัวหนีออกจากสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไรก็ตาม ท่าทีของเซบาสเตียนนั้นเย็นชามากจนทำให้หัวใจของซาบริน่าหดตัวเป็นลูกบอลเธอกลัวเขาเล็กน้อยเธอเห็นด้วยตาของเธอเองว่าเขาจัดการกับพวกอันธพาลที่เคยลักพาตัวเธอไปอย่างไร“ได้โปรด… ได้โปรดคืน… ผล… ผลตรวจการตั้งครรภ์ของฉันมาด้วยค่ะ” ซาบริน่ากระพริบขนตาที่โค้งมนเพื
“ฉันไม่สนหรอกนะว่าเธอจะอุ้มท้องลูกของผู้ชายคนไหนอยู่! เธอมีความกล้าที่จะมาที่นี่ ดังนั้น เธอจะต้องรับผลกรรมของการมาที่นี่ ถ้าเธอต้องการเผยแพร่ข่าวว่าเธอกำลังอุ้มท้องลูกของฉันเพื่อให้ทั้งตระกูลฟอร์ดยอมรับเธอ ไม่มีทาง!” ชายคนนั้นหันกลับมาและจากไปหลังจากพูดอย่างนั้น ซาบริน่าตกใจมากจนทรุดลงกับพื้น และน้ำตาของเธอก็หยุดไม่ได้เป็นเวลานาน เธอมีสติขึ้นมา ก็ตอนที่มีคนโทรมาหาเธอ โทรศัพท์ของเธอเป็นรุ่นเก่าเมื่อสองปีก่อน ก่อนที่เธอจะถูกคุมขัง หน้าจอแตกและร้าวมาเป็นเวลานาน ดังนั้นจึงไม่สามารถถ่ายภาพได้เลย นั่นคือเหตุผลที่เธอตั้งใจเช่ากล้องมา อย่างไรก็ตาม ไม่เจอกล้องเลย แต่เซบาสเตียนพบว่าเธอกำลังท้องเสียด้วย ซาบริน่ารับสายด้วยความรู้สึกกระวนกระวายใจ “สวัสดีค่ะ?” “ซาบริน่า เธออยู่ที่ไหน? ฉันบอกเธอแล้วว่าอย่าขี้เกียจ ทุกคนต่างมาเป็นพนักงานบริการ ทำไมเธอถึงซ่อนตัวอยู่ล่ะ? ออกมาเดี๋ยวนี้ แขกทุกคนอยู่ที่นี่หมดแล้ว ดังนั้นเธอต้องมาเสิร์ฟไวน์และถาดผลไม้” หัวหน้าพนักงานบริการโทรหาเธอ “ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ” ซาบริน่ารีบเช็ดน้ำตาของเธอ และกลับไปที่งานเลี้ยง ตระกูลฟอร์ดได้เชิญครอบครัวจากสังคมชนชั้
เซบาสเตียนจ้องมองด้วยสายตาเย็นชาจากราวบันไดชั้นสาม แต่ไม่ได้เคลื่อนไหวใด ๆเขาถือแก้วไวน์หันหลังเดินจากไปอย่างไรก็ตาม ก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะเหยียบมือของซาบริน่า เธอถูกชายอีกคนหนึ่งในชุดสูทมาขวางไว้ชายคนนั้นตำหนิผู้หญิงเล็กน้อยว่า “มินดี้ ไม่ระวังเลยนะครับ! คุณจะเหยียบไปบนมือของพนักงานบริการในงานเลี้ยงของครอบครัวฟอร์ดได้อย่างไงกัน?”“นี่นาย! พนักงานบริการหน้าโง่นี่ทำให้การมาที่นี่ของฉันเปล่าประโยชน์ เธอเอาอกเอาใจนายน้อยเซบาสเตียน และเขาก็จูบเธอต่อหน้าทุกคน ถ้าฉันไปคุยกับเซบาสเตียนหลังจากเหตุการณ์นั้น ฉันจะไม่เสียหน้าเลยรึไง? ทั้งหมดเป็นเพราะนังผู้หญิงคนนี้คนเดียว!” มินดี้กระทืบเท้าด้วยความโกรธชายคนนั้นหัวเราะอย่างไม่พอใจ “เธอเข้าใจผิดไปเองน่ะสิ! ท่านเซบาสเตียนจูบเธอ แสดงว่าเธอสะดุดตาเขา โกรธเธอไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ถูกไหม?”มินดี้พูดว่า “…นายนี่มัน!”“ถ้าเป็นฉัน ฉันคิดว่าเธอไม่ควรมาวันนี้ มีผู้หญิงมากมายที่ต่อสู้ดิ้นรนเพื่อเป็นนายหญิงของตระกูลฟอร์ด เธอมั่นใจแค่ไหนกันในการชนะครั้งนี้?” ชายคนนั้นถามกลับเป็นการตอบมินดี้กระทืบเท้า และหันหลังเดินจากไปด้วยความโกรธแค้นชายคนนั้นเอ
มาร์คัสตกตะลึงกับการที่เธอเปิดใจขอยืมเงินผ่านไปครู่หนึ่ง เขาพูดเพียงว่า “ผมไม่มีเงินติดตัวเลย คุณทิ้งหมายเลขโทรศัพท์ไว้กับผมได้ไหม? หลังจากงานเลี้ยงจบลง ผมจะเอาเงินไปให้คุณ”ซาบริน่าพยักหน้า “อืม ขอบคุณนะคะ”จากนั้นเธอก็ให้เบอร์กับคนแปลกหน้าที่เธอเพิ่งพบเจอ และได้แลกเปลี่ยนกันเพียงสั้น ๆ“มาร์คัส!” ชายที่อยู่ใกล้ ๆ เรียกมาร์คัสมาร์คัสหันศีรษะและเห็นไนเจลมาร์คัสถือแก้วไวน์และเดินไปหาไนเจล “ท่านไนเจล ช่วงนี้คุณเป็นอย่างไรบ้าง?”ไนเจลชกใส่มาร์คัสอย่างเป็นมิตร “ท่านชอว์ นี่เป็นงานเลี้ยงที่ปู่ของผมจัดขึ้นเพื่อเลือกคู่หมั้นให้กับเซบาสเตียน ลูกพี่ลูกน้องของผม เด็กผู้หญิงทุกคนที่เข้าร่วมงานเลี้ยงในวันนี้ เป็นคนในสังคมชั้นสูงจากเซ้าท์ ซิตี้ และ คีดอน ซีตี้ ทำไมคุณไม่ใช้โอกาสนี้เลือกหนึ่งในนั้นเป็นคู่ครองซะล่ะ?” มาร์คัสส่ายศรีษะด้วยรอยยิ้มไนเจลยิ้มอีกครั้ง “ลูกพี่ลูกน้องของคุณ มินดี้สนใจเซบาสเตียนด้วยเหรอ?”มาร์คัสถอนหายใจและยิ้ม “ตั้งแต่เซบาสเตียนประสบความสำเร็จในการเข้าครอบครองกลุ่มฟอร์ดทั้งหมด ผู้หญิงในเซ้าท์ ซิตี้ มีสักกี่คนที่ไม่อยากแต่งงานกับเขาบ้างล่ะ?”ไนเจลหัวเราะ “นั่นก
ซาบริน่าไม่พูดอะไรตั้งแต่วินาทีแรกที่ไนเจลเข้าหาเธอ เธอสามารถบอกได้ว่าไนเจลเป็นเศรษฐีที่กำลังมองหาความสนุกสนาน เขากำลังมองหาเกมที่จะเบี่ยงเบนความสนใจจากความเบื่อหน่ายและความเหงาซาบริน่าไม่สามารถเล่นด้วยได้ แต่เธอก็ไม่สามารถทำร้ายไนเจลได้เช่นกันเธอฝืนยิ้มให้ไนเจล แล้วเดินต่อไป“ขึ้นมาสิ!” ไนเจลวางแขนบนกระจกรถอย่างสบาย ๆ แล้วหัวเราะและพูดขึ้น “คุณไม่ต้องกลัว ผมจะไม่ทำอะไรคุณหรอก ถ้ามีความเลว ๆ แบบนั้นจริง ผมก็คงไม่กล้าพอหรอก ไม่อย่างนั้นลูกพี่ลูกน้องของผมคงจะสับผมเป็นเนื้อบดแน่”ซาบริน่าเหลือบมองไนเจลไนเจลจอดรถ ออกจากรถแล้วเปิดประตูให้ “ถ้ายังฟื้นเดินไปตามทางที่มืดและเปลี่ยวแบบนี้ แล้วเกิดเจอผู้ชายที่ดูสภาพเลวร้ายกว่าผมขึ้นมา คุณจะทำยังไง?”ซาบริน่าลังเลอยู่ครู่หนึ่งเธอเข้าไปในรถไนเจลปิดประตู สตาร์ทรถอย่างกะทันหัน และเลี้ยวหักศอก ซาบริน่าเสียการทรงตัวและล้มลงบนตัวไนเจลไนเจลเอามือโอบรอบตัวเธอ“ท่านไนเจล ได้โปรด ให้ฉันลงจากรถเถอะ!” ซาบริน่าแยกตัวออกไปทันทีอย่างไรก็ตาม ไนเจลโอบแขนของเธอไว้เพียงครู่หนึ่งแล้วปล่อยหลังจากประคองตัวเธอให้นิ่ง แขนของเขาแข็งแรงซึ่งทำให้ซาบริน่า
ไนเจลไม่ยอมที่จะปล่อยนกน้อยตัวนี้ออกจากกับดักไม่ง่าย ๆ “ผมจะจ่ายให้คุณก่อน ตอนที่ได้รับเงินแล้ว คุณสามารถจ่ายคืนผมได้สองเท่าก็ได้” ซาบริน่าหิวมากจริง ๆไนเจลพาเธอไปที่ร้านอาหารเล็ก ๆ และสั่งอาหารราคาไม่แพงเพียงสองสามอย่าง รวมทั้งก๋วยเตี๋ยวไก่สองชามไม่นานนัก ก๋วยเตี๋ยวก็มาเสิร์ฟ ซาบริน่าแทบรอไม่ไหว และก้มศรีษะลง เธอไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามอง จนกระทั้งบะหมี่หายไปครึ่งหนึ่งแล้ว เมื่อรับประทานใกล้หมดแล้ว เธอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่าไนเจลไม่ได้แตะต้องอาหารตรงหน้าเลยด้วยซ้ำ “ทำไม… คุณไม่ทานล่ะ?” ซาบริน่าถาม ไนเจลพูดอย่างไม่ตั้งใจและสบถออกมา “บ้าเอ้ย! พรุ่งนี้เลยผมจะรื้อถอนร้านอาหารเล็ก ๆ นี้ทิ้งซะ!“ผมถามพวกเขาว่าอาหารนั้นเป็นอาหารท้องถิ่นที่ผมชอบมากที่สุด ที่มีรสหวานหรือเปล่า พวกเขาตอบว่าใช่ แต่เมื่อมาเสิร์ฟ และผมก็ชิมไป มันไม่หวานเลย!”“มันทั้งมันและเค็ม”“ผมรับไม่ได้กับเรื่องนี้!”“คุณชอบจานนี้หรือเปล่า? ถ้าคุณชอบ คุณก็ควรทานอีก ผมจะได้ไม่ต้องรื้อถอนร้านอาหารของพวกเขา” ซาบริน่าเข้าใจจากคำพูดของเขาว่าเขารับประทานเข้าไปแล้วจริง ๆ เขาแค่อยากให้เธอกินมากกว่านี้เธอรู้สึกอบอุ่น
“ซาบริน่า! ซาบริน่า! ตื่นสิ!” เซบาสเตียนยกมือขึ้นวางบนหน้าผากของซาบริน่า เขาสัมผัสได้ถึงหน้าผากอันร้อนผ่าวของหญิงสาวชายหนุ่มคนนั้นอุ้มซาบริน่าเดินไปที่รถอย่างรวดเร็ว เขาเปิดประตูและนำซาบริน่าเข้าไปในรถ จากนั้นชายหนุ่มคนนั้นก็เข้ามาติดเครื่องยนต์ หลังจากกลุ่มควันดำออกมาจากท้ายรถ รถก็ถูกขับออกไปอย่างรวดเร็วเซลีนร้องตะโกนตามหลังเขาไปอย่างสิ้นหวัง “เซบาสเตียนที่รัก…”อย่างไรก็ตาม รถของเซบาสเตียนได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้วเซลีนโกรธมาก เธอจึงทุบกระถางต้นไม้ด้านนอกบ้านของเซบาสเตียนอย่างสุดกำลัง ดังนั้น ผิวหนังด้านหลังมือของเธอจึงมีรอยฟกช้ำ ทำให้เธอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดขณะที่เธอฟุบอยู่กับพื้นหลังจากที่เหนื่อยล้าจากการร้องไห้ เธอขับรถกลับบ้านด้วยความขุ่นเคืองลินคอล์นและเจดกำลังรอเซลีนชะเง้อคอรออยู่ในห้องนั่งเล่นด้วยความหวังอันเต็มเปี่ยม พวกเขาคาดหวังสิ่งดี ๆ ให้เกิดขึ้นภายในใจ แต่ทั้งคู่ไม่ได้สังเกตว่าเซลีนมีบางอย่างผิดปกติไป“เป็นอย่างไรบ้าง ลูกสาวที่แสนดีของแม่? ท่านเซบาสเตียนกับลูกได้…” เจดอยากจะถามเซลีนถึงเรื่องน่าอายที่ยากจะเอ่ยออกไป แต่เมื่อนึกถึงสามีที่อยู่ข้างกาย เธอจึงหุ
สมาชิกทั้งสามคนของตระกูลลินน์ซึ่งซ่อนตัวอยู่ไกล ๆ หมอบลงลงด้วยความกลัวเซบาสเตียนตามหมอไปที่ห้องฉุกเฉิน ซาบริน่าที่เกือบจะไม่ได้สติหลับตาลงแน่น และคิ้วของเธอก็หดลง ขนตาหนาและโค้งของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา ขนตาของเธอในตอนแรกนั้นสวยงาม แต่ในวันนี้ขนตาของเธอร่วงลงมาอย่างไร้ชีวิตชีวาใบหน้าที่เล็กกว่าฝ่ามือเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดนกเหมือนกับแสงที่ค้างอยู่บนท้องฟ้า เพราะอาการไข้เซบาสเตียนเข้ามาใกล้ซาบริน่าซึ่งยังคงพึมพำไปเรื่อยอยู่ “ลูก อย่าทิ้งแม่… อย่าทิ้งแม่ แม่ไม่มีครอบครัว แม่… อยู่คนเดียว แม่… ต้องการเพื่อนเพื่ออยู่ต่อไป…”น้ำเสียงของเธอสิ้นหวังและน่าสงสาร หมอผู้ให้การรักษากับเธออดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาออกมาเซบาสเตียนกำลังเฝ้าดูสิ่งเหล่านี้ด้วยสีหน้าเย็นชา จากนั้นจึงถามด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “นอกจากยาลดไข้ในปริมาณที่มากแล้ว เหลือเพียงการระบายความร้อนทางร่างกายออกไปอย่างรวดเร็วเท่านั้นใช่ไหม?”“ใช่ครับ” หมอพยักหน้า“ก็รีบทำสิ!” เซบาสเตียนออกคำสั่ง และเดินเข้าไปร่วมวงหมอการระบายความร้อนทางร่างกายในช่วงนี้ดีกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับสมัยก่อน มีเพียงหมอที่ติดตาม เซบาสเตียนมาด้วยเท่านั้นท