เสียงฮือฮา!ทุกคนบนดาดฟ้าเรือต่างก็มีนัยย์ตาที่สั่นเทาเมื่อเรือสำราญเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดทุกคนก็เห็นสถานการณ์ได้อย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นบนท่าเรือมีผู้คนมากมาย พวกเขาทั้งหมดมีท่าทางที่ดุร้ายราวกับผีห่าซาตาน!“มันคือขบวนคาราวานรถของท่านหู่จริงๆ...”“ เฮ้ คืนนี้น่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น หลายปีมานี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นท่านหู่ออกหน้าด้วยตนเอง”“คนเหล่านั้น โครตโชคร้ายเลย ไม่แน่ว่า อาจจะถูกโยนลงไปในทะเลสาบจนต้องจมน้ำตาย”ทุกคนต่างก็ถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นแถวบนท่าเรือ ท่านหู่ก้าวลงมาจากรถมายบัคที่อยู่ด้านหน้าสุด สูบซิการ์ บนคอสวมสร้อยคอทองคำเส้นใหญ่อยู่ ใบหน้าดุร้ายมาก“ท่านหู่ เรือสำราญจอดเทียบท่าแล้ว”ลูกน้องคนหนึ่งเข้ามาบอกกล่าวด้วยความเคารพท่านพยัคฆ์พยักหน้า มองดูเรือสำราญที่อยู่บนทะเลสาบจินจีที่เข้ามาใกล้อย่างช้าๆเรือสำราญจอดเทียบท่าแล้วเตาะแตะๆอันธพาลในชุดดำหลายสิบคน รีบรุดขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือทันที และล้อมพวกเขาเอาไว้บนดาดฟ้าเรือ ซ่งเวยเหลียนหันกลับมา และรีบมาต้อนรับทักทายท่านหู่ที่กำลังขึ้นเรือสำราญทีละก้าวๆพอบุค
เซียวเป่ยเหลือบมองหวังหู่ ยิ้มแล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ดูเหมือนว่า หลายวันมานี้ท่านหู่จะฟื้นตัวได้ดี อ้วนขึ้นไม่น้อย ดูมีชีวิตชีวา จนสามารถออกหน้าแทนคนอื่นได้แล้ว”“ขอบคุณแพทย์เซียนเซียวมาก ชีวิตของกระผมนี้มอบให้แพทย์เซียนเซียว” หวังหู่กล่าวแล้วยิ้มอย่างประจบประแจง และรู้สึกเคอะเขินเล็กน้อย ขณะนี้ ทุกคนบนดาดฟ้าเรือ ต่างก็ตกตะลึง!เกิดอะไรขึ้น?ท่านหู่เวลาอยู่ต่อหน้าเด็กคนนั้น ทำไมถึงได้ทำเหมือนเป็นน้องชายคนหนึ่ง เคารพนบนอบมากเลยล่ะ?นอกจากนี้ ยังพูดว่าแพทย์เซียนเซียวไม่ขาดปาก...ซ่งเวยเหลียนเองก็ตกตะลึงเช่นกันเขาเคยเห็นท่านหู่ปฏิบัติกับใครอย่างสุภาพเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันแย่แล้ว เจอตอเข้าแล้ว!เป็นไปตามคาด ในขณะนี้หวังหู่ได้หันกลับมา จ้องไปที่ซ่งเวยเหลียนอย่างโหดเหี้ยม และตะโกนว่า: “ เชี่ยแม่งเอ้ย! แกทำให้แพทย์เซียนเซียวขุ่นเคืองใจ?”“ไม่ ไม่ใช่...ผมไม่ได้ทำ ท่านหู่ ล้วนเป็นการเข้าใจผิด เข้าใจผิด....”ในขณะที่ซ่งเวยเหลียนหวาดกลัวอยู่นั้น ก็เห็นหวังหู่เดินเข้ามาหาตนเอง ตกใจมากจนต้องถอยหลังไปหลายก้าว!“เข้าใจผิด? !”บูม!หวังหู่ยกเท้าขึ้
“ใช่แล้ว! ยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนเป็นท่อนไม้เลย ถ้าไม่ใช่เพราะประธานฉิน คืนนี้ชีวิตน้อยๆของคุณนี้คงจะไม่เหลือแล้ว!” หลี่เซียวลี่กล่าวเสริม และรู้สึกไม่พอใจกับท่าทีของเซียวเป่ยเป็นอย่างมากแม้แต่ขอบคุณสักประโยคก็ไม่พูดช่างงี่เง่าจริงๆ!ฉินเฟิงหัวเราะเหอะๆเบาๆ และพูดว่า “ช่างมันช่างมัน บางคนไม่รู้จักสำนึกบุญคุณก็แล้วไป”เดิมเซียวเป่ยไม่ได้คิดที่จะพูดอะไรแต่ในตอนนี้ เมื่อเห็นฉินเฟิงแม้แต่ความดีความชอบก็กล้าแย่ง สีหน้าของเขาจึงดูแย่ลง“ขอบคุณเขา? ขอบคุณเขาเรื่องอะไร? หน้าด้านไร้ยางอาย?”เซียวเป่ยเยาะเย้ย มองไปที่ฉินเฟิงด้วยสายตาที่เฉียบคม พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: “ที่ท่านหู่จากไปเป็นเพราะใครนั้น ประธานฉินรู้ดีกว่าใครๆ คุณมีคุณสมบัติที่อะไรทำให้ผมต้องขอบคุณเหรอ?”“เซียวเป่ย! คุณจะทำอะไร?”ซูหว่านพูดด้วยความโกรธว่า: “ฉันรู้ว่าคุณไม่ชอบฉินเฟิง แต่คืนนี้ถ้าไม่ใช่เพราะฉินเฟิง คุณจะยังจะยืนอยู่ตรงนี้ได้เหรอ? ขอบคุณหน่อยจะเป็นอะไรไป? ทำไมคุณถึงได้มีท่าทีที่ยโสโอหังมองไม่เห็นหัวผู้อื่นอยู่เสมอ!”ซูหว่านโกรธมากเธอคิดไม่เลยว่า เซียวเป่ยจะเป็นคนแบบนี้เซียวเป่ยขมวดคิ้ว
ในขณะนี้ ที่ทางเข้าหอหูซินซูหว่าน ฉินเฟิงและหลี่เซียวลี่กำลังยืนอยู่ที่ประตู“ซู่หว่าน คนที่มาที่นี่เพื่อทานอาหารเย็นในค่ำคืนนี้ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาหลายคนของการแข่งขันศาสตร์แพทย์แผนจีนรอบคัดเลือกระดับเขตเมืองของเจียงจงในสัปดาห์หน้า และยังมีผู้นำที่เกี่ยวข้องอีก”ฉินเฟิงพูดกับซูหว่านที่อยู่ข้างๆข่าวสารนี้ มันไม่ง่ายเลยที่เขาจะรู้ข่าวสารนี้มาจากเพื่อนได้ความลับสุดยอด!“จริงเหรอ?” ซูหว่านพูดด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยฉินเฟิงพยักหน้า แล้วกล่าวว่า: “จริงๆนะ เพื่อนของผมคือคนที่รับผิดชอบการแข่งขันรอบคัดเลือกระดับเขตเมืองของการแข่งขันศาสตร์แพทย์แผนจีนในสัปดาห์หน้า เขาเปิดเผยให้ผมฟัง”“ยิ่งกว่านั้น การแข่งขันรอบคัดเลือกระดับเขตเมืองในสัปดาห์หน้า จัดทำโดยทีมดั้งเดิมของทีมรายการนักร้องเสียงดีแห่งหัวเซี่ยและจะมีการถ่ายทอดสดการแข่งขันด้วยนะ”“พอถึงตอนนั้น มันจะต้องสร้างความฮือฮาในเจียงจงอย่างแน่นอน!”“ได้ยินพวกเขาว่า ถ้าถ่ายทอดสดการแข่งขันมีผลตอบรับที่ดี การแข่งขันครั้งต่อๆไป ก็จะถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ ความหมายของพวกเขาก็คือ อยากจะเอาการการแข่งขันศาสตร์แพทย์แผนจีนในค
พูดจบ สีหน้าของซูหว่านก็ดูแย่มาก กู้โย่เสวี่ยจูงมือเซียวเป่ยเอาไว้ สนับสนุนคนที่ตนชื่นชอบราวกับหมู่ดาราสรรเสริญดวงเดือน และเดินเข้าไปในหอหูซินเซียวเป่ยเดินผ่านซูหว่านและคนอื่นๆไป ขมวดคิ้วเล็กน้อย สุดท้ายก็เลือกที่จะนิ่งเงียบซูหว่านกับฉินเฟิง รวมทั้งหลี่เซียวลี่ ต่างก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง จ้องมองไปที่ด้านหลังของทุกคนที่เดินเข้าไปในใจ เต็มไปด้วยความหวาดหวั่น!“ให้ตายเถอะ! เกิดอะไรขึ้น? ไอ้สารเลวเซียวเป่ยนั่นเข้าไปแบบนี้เลยเหรอ?” หลี่เซียวลี่เป็นคนแรกที่เปล่งเสียงออกมา และไม่อาจเข้าใจได้พูดอีกอย่างคือ อิจฉามาก!มีสิทธิ์อะไร?ไอ้เศษสวะที่ไม่มีอะไรสักอย่างคนหนึ่งมีสิทธิ์อะไร ถึงสามารถเดินเข้าไปในหอหูซินได้!มีสิทธิ์อะไรที่ทำให้อาจารย์ที่ปรึกษาและผู้นำหลายคน ออกมาต้อนรับพวกเขาทั้งสองด้วยตนเอง?ฉินเฟิงขมวดคิ้ว ด่าทอว่า: “ เวรเอ้ย! จองหองอะไร! เซียวเป่ยไอ้คนโง่เขลาคนนั้น ไม่ใช่เพราะมีสาวน้อยคนรวยคอยถือหางให้หรอกเหรอ จะเสแสร้งอะไร!”ฉินเฟิงโกรธมากหลี่เซียวลี่ก็เหมือนกัน อิจฉาริษยามาก!นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ยไอ้เวรเซียวเป่ยนั่น สามารถเข้าไปได้
กู้โย่เสวี่ยส่ายหัวแล้วพูดว่า: “น่าจะไม่เข้าใจนะ ส่วนใหญ่จะมาเพราะสร้างผลตอบรับที่ดีให้รายการ อาจจะมาประจำการอยู่แค่สองสามการแข่งขันคุณก็รู้ ตอนนี้ถ้าอยากจะพัฒนาการแพทย์แผนจีน เป็นเรื่องที่ยากมาก นี่เป็นอีกหนึ่งแผนที่พวกเราคิดออก โดยการใช้กระแสอิทธิพลของดาราที่มีอยู่แล้ว มาช่วยโปรโมตส่งเสริมการแพทย์แผนจีน”“คุณดูรายการร้องเพลงวาไรตี้ในปัจจุบันเหล่านั้นสิ ต่างก็เชิญคนดังที่ไม่ใช่มืออาชีพมาเป็นคณะกรรมการตัดสินไม่ใช่เหรอ ใช้คอมเมนต์ที่เฉียบคม ดึงดูดความสนใจ และสร้างประเด็นขึ้นมา”เซียวเป่ยพยักหน้า ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรดารามาประจำสถานที่จัดงาน ก็มาดูแบบสนุกสนานก็เท่านั้นเซียวเป่ยไม่คาดหวังให้พวกเขาคอมเมนต์ข้อมูลเชิงลึกที่เป็นเอกลักษณ์ และเป็นมืออาชีพอะไร ขอแค่ไม่แสดงความคิดเห็นแบบมั่วๆก็พอแล้ว“ใช่แล้ว คุณไม่อยากรู้เกี่ยวกับดาราเหล่านั้นบ้างเหรอ?” กู้โย่เสวี่ยกล่าวถามพร้อมหัวเราะฮิฮิเซียวเป่ยส่ายหัวแล้วพูดว่า “ผมไม่สนใจวงการบันเทิง”“น่าเบื่อ”กู้โย่เสวี่ยเลยเล่าให้ฟังว่า“ฉันจะบอกคุณว่า ครั้งนี้มีดารามาทั้งหมดสี่คน คนหนึ่งเป็นนักแสดงแถวหน้าในวงการภ
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกไป ทั้งห้องส่วนตัวก็ตกอยู่ในความเงียบบรรยากาศ ดูน่าเคอะเขินมาก!สีหน้าของฟางจั๋ว เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที โกรธจัดมาก ตบไปที่โต๊ะ แล้วตะโกนว่า “พูดจาเหลวไหล! พูดจาลอยๆไม่มีหลักฐาน! ฉันมีภาวะไตบกพร่อง?”ตอนนี้ฟางจั๋วเป็นเหมือนแมวที่ขนชุชันตอนอารมณ์แปรปรวณ ขู่คำรามอย่างบ้าคลั่งคุณสามารถบอกว่าผู้ชายไม่มีเงิน บอกเขาว่าไม่มีอำนาจ บอกว่าเขาไม่มีความสามารถ แต่ห้ามพูดต่อหน้าผู้ชายคนหนึ่งว่าเขามีภาวะไตบกพร่องเด็ดขาด!และยิ่งไม่ควรบอกว่าเขามีภาวะไตบกพร่องต่อหน้าใครหลายคน!โดยเฉพาะมาบอกว่าเขาเป็นภาวะไตบกพร่องต่อหน้าคนที่มีตำแหน่งและมีสถานะเพราะว่า นี่คือขีดจำกัดของผู้ชายคนหนึ่ง คือศักดิ์ศรีขั้นพื้นฐานที่สุดของเขาบนโลกใบนี้การบอกว่าผู้ชายมีภาวะไตบกพร่องก็เหมือนกับการบอกว่าผู้หญิงหน้าอกเล็ก หรือว่าเธอขี้เหร่ หลักการเดียวกันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้ยิ่งไปกว่านั้น คุณหนูกู้ก็ยังอยู่ตรงนั้นด้วย ทำให้ฟางจั๋วรู้สึกขายหน้ามากอย่างไรก็ตาม เซียวเป่ยยิ้มเบาๆ แล้วพูดขึ้นว่า: “ผู้อำนวยฟาง แม้ว่าภาวะไตบกพร่องจะเป็นโรค แต่ก็ไม่ได้น
ห้องยาสกุลหลี่เป็นห้องยาทางการแพทย์แผนจีนที่มีชื่อเสียงในเจียงจง มีแพทย์แผนจีนจำนวนมาก แม้ว่าจะไม่ได้รับค่าตอบแทน แต่ก็ยังคิดหาหนทางที่จะเข้าไปในทำงานที่ห้องยาสกุลหลี่คิดไม่ถึงว่า เซียวเป่ยชายหนุ่มที่มีรูปลักษณ์ธรรมดาคนนี้ กลับได้รับความโปรดปรานจากหลี่ชิงซานความสำเร็จในอนาคต ไร้ซึ่งขีดจำกัดแต่ว่า ลำดับต่อไป คือสิ่งที่ทำให้คนที่อยู่ตรงนั้นคิดไม่ถึงก็คือเซียวเป่ยปฏิเสธโดยไม่ลังเลว่า: “ขออภัยด้วยครับ คุณหลี่ ตอนนี้ผมยังไม่มีคิดที่จะเข้าร่วมกับห้องยาที่ไหนเลย”หลี่ชิงซานคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า: “ เพิ่มอีกสองล้านห้าแสนบาท เงินเดือนประจำปีเป็นเจ็ดล้านห้าแสนบาท ว่ายังไง?”เจ็ดล้านห้าแสนบาท?อาจารย์ที่ปรึกษาคนหลายคน และผู้นำอีกหลายท่านที่อยู่ตรงนั้น ต่างก็พากันตกตะลึง!เงินเดือนประจำปีแบบนี้ในเจียงจง ถือว่าเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จแล้วคิดไม่ถึงว่า หลี่ชิงซานจะให้ความสำคัญต่อเซียวเป่ยมากขนาดนี้ใบหน้าที่สวยงามของกู้โย่เสวี่ยเต็มไปด้วยความประหลาดใจ และตื่นเต้น กระซิบเบาๆว่า: “คุณเซียว คุณหลี่เชิญคุณแบบนี้ ทำไมคุณยังไม่รีบตอบรับอีกล่ะ”“คุณรู้มั
ซูเทียนห้าวตอบว่า: “ฉันรู้แล้ว! พี่สาวของฉันเป็นยังไงบ้าง?”เสียงเย้าแหย่ดังมาจากอีกด้านของโทรศัพท์: “คุณวางใจได้ ไม่ตายหรอก พอคุณควบคุมบริษัทได้สำเร็จ และได้รับเงินสองร้อยห้าสิบล้านบาทมาเมื่อไหร่ พี่สาวของคุณก็จะกลับไปได้แล้ว”“ได้! แต่ฉันขอเตือนพวกแกนะ อย่าแตะต้องพี่สาวของฉัน!”ซูเทียนห้าวกล่าวอย่างเย็นชาชายฉกรรจ์ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกังวล พวกเราทำงาน เชื่อถือได้แน่นอน”พูดจบ อีกฝ่ายก็วางสายโทรศัพท์ทันทีซูเทียนห้าวถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่กลับไม่ได้ผ่อนคลายเลย“พี่ครับ ผมขอโทษ... แต่ผมจำเป็นต้องทำแบบนี้! ผมอยากจะพิสูจน์ตนเองว่า ผมไม่ใช่เศษสวะ! ผมมีความสามารถ!” ซูเทียนห้าวกล่าวเบาๆ ความเย็นชาแวบขึ้นมาในนัยน์ตา............ตัดภาพมาที่เซียวเป่ยฮั่วเจิ้งซานอยู่ในร้าน พอมองดูเวลา ก็พบว่าผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้วเห็นได้ชัดว่าเขากังวลมาก จึงถามว่า: “ปรมาจารย์เซียวเป่ย ไป๋อู๋ฉางนั่นจะกลับมาจริงๆเหรอ?”“ถ้าเธอยังไม่อยากตาย เธอก็จะมา ” เซียวเป่ยพูดอย่างสงบนิ่งทันทีที่พูดจบ ที่ประตูร้านขายของชำ ก็มีร่างลับๆล่อๆร่างหนึ่งปรากฏขึ้น ร่างนั้นเดินโซเซเล็
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ พิษศพที่อยู่บนมือของชายชราในชุดดำ ในเวลานี้ได้ย้อนกลับ กระจายไปตามแขนของชายชรา และบุกเข้าไปจนถึงหน้าอก!เนื่องจากมีพิษศพอยู่บนร่างกายของเขามากเกินไป ในชั่วพริบตาเดียว ชายชราในชุดดำก็ล้มลงกับพื้น คร่ำครวญไม่สายขาด ผิวหนังทั้งตัวเปลี่ยนไปเป็นสีดำ และเริ่มเปื่อยเน่าทางด้านฝั่งนี้ เมื่อหญิงชราในชุดขาวเห็นเหตุการณ์นี้ ก็ตกใจจนมีสีหน้าที่ซีดเผือด ยังไม่ทันได้ครุ่นคิดอะไร ก็หันหลังกลับและวิ่งหนี!เธอรู้ดีว่า คืนนี้ได้พบกับยอดฝีมือแล้ว“คิดจะหนี มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”เมื่อเซียวเป่ยเห็นหญิงชราในชุดขาวคิดจะวิ่งหนี ก็ยกมือขึ้นแล้วยิงเข็มเงินออกไปอีกสองสามเล่มหญิงชราในชุดขาวตอบสนองกลับแบบมีเงื่อนไข เธอเหวี่ยงไม้อาดูรที่อยู่ในมือ จากนั้นก็เกิดเสียงดังตึกตึกตึก และมีประกายไฟขึ้นมาเล็กน้อยทันทีแม้ว่าเข็มเงินส่วนใหญ่จะถูกสกัดกั้น แต่ก็มีเข็มเงินสองสามเล่มที่เจาะเข้าไปที่หน้าของหญิงชราชุดขาว และมีอีกเข็มหนึ่งในนั้นเจาะไปที่ตาของเธอ ทำให้มีเลือดไหลออกมาทันทีแต่หญิงชราชุดขาวกลับไม่คิดที่จะต่อสู้กลับเลยแม้แต่น้อย หันหลังกลับแล้ววิ่งหนีไป พร้อมกับเสียงดังฟรึ่บ
เซียวเป่ยพยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “มาเร็วดีนี่”“แกจะตายเอง หรือว่าให้ฉันลงมือ?” ชายชราในชุดดำ ถามด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความดุร้ายในสายตาของเขา จัดการกับเด็กหนุ่มอย่างเซียวเป่ยนั้น เป็นอะไรที่ง่ายมากเดิมคิดว่าจะเป็นยอดฝีมือที่มีความแข็งแกร่งอะไร คิดไม่ถึงว่า จะเป็นเด็กเหลือขอที่อ่อนหัดคนหนึ่งสิ่งนี้ทำให้เฮยไป๋อู๋ฉางที่อยากจะต่อสู้อย่างจริงจัง รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากเซียวเป่ยยิ้มด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งรอยยิ้มนี้ ทำให้เฮยไป๋อู๋ฉางขมวดคิ้วแน่นเด็กคนนี้ กำลังยิ้มเยาะเย้ยอยู่เหรอ?“ดูเหมือนว่า แกจะเลือกให้พวกเราลงมือ” เฮยอู๋ฉางกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย เผยให้เห็นฟันเหลืองของเขาและในเวลานี้ กู้โย่เสวี่ยที่นั่งคว่ำหน้านอนอยู่บนโต๊ะก็ตื่นขึ้นมา ขยี้ตาอย่างงัวเงีย มองไปที่ร่างของทั้งสองคนที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นในร้าน และถามอย่างงุนงงว่า: “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”ในเวลานี้ เฮยอู๋ฉางก็ลงมือทันที เขาใช้ฝ่ามือ โจมตีเซียวเป่ยผ่านทางอากาศ!ฝ่ามือนี้ ลมที่อยู่ตรงฝ่ามือแฝงไปด้วยหมอกควันสีดำ และมีกลิ่นเหม็นมากระทบมาที่ใบหน้า!กู้โย่เสวี่ยตกใจมากจนร้องเสียงดัง และลืมที่จะหลบหลีกเซียวเป่ย
พอรับสาย เสียงซักถามด้วยความเกรี้ยวโกรธของซูหว่านก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์: “เซียวเป่ย คุณหมายความว่ายังไงกันแน่?”เซียวเป่ยชะงักไป รู้สึกสับสนเล็กน้อย จึงขมวดคิ้วแล้วถามว่า: “ประธานซู ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดถึงอะไรอยู่?”“ยังแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกเหรอ?เป่ยเสวี่ยมาส์ก คุณจะอธิบายยังไง!” ซูหว่านซักถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดว่า “เป่ยเสวี่ยมาส์ก? มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”“เซียวเป่ย! คุณไม่คิดว่าตนเองในตอนนี้ ไร้ยางอายมากเหรอ?” ซูหว่านโกรธมากตอนนี้การที่เซียวเป่ยแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มันเหมือนกับว่าเขาจงใจโอ้อวด“ผมไร้ยางอาย?”เซียวเป่ยขมวดคิ้ว และรู้สึกโกรธขึ้นมามาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเลยซูหว่านกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ยังจำสิ่งที่คุณพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้ไหม?คุณบอกว่าตนเองจะไม่พึ่งพาใคร เพื่อจะพิสูจน์ให้ฉันเห็น! แล้วตอนนี้ล่ะ? สุดท้ายคุณก็พึ่งพาคุณหนูตระกูลกู้คนนั้น แล้วแอบทำอะไรกับมาส์กหน้านั่น!”“ไม่อย่างนั้น อาศัยแค่ตัวคุณเอง จะมีคุณสมบัติไปถึงอันดับที่สี่ของรายการยอดขายระดับประเทศเหรอ?”หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ เซียวเป่ยก็เพิ่งตอบ
“หัวหน้าตระกูลฮั่ว คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า? เศษสวะอย่างไอ้เซียวเป่ยเนี่ยนะ ช่วยชีวิตคุณ?”ฉินเฟิงถามด้วยความประหลาดใจทันใดนั้นสีหน้าของฮั่วเจิ้งซานก็เปลี่ยนไปเป็นแย่มากทันที และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “ประธานฉินใช่ไหม ผมจะเตือนคุณเป็นครั้งสุดท้ายนะ ได้โปรดให้เกียรติปรมาจารย์เซียวด้วย!”พูดจบ ฮั่วเจิ้งซานก็เฉยเมยต่อสีหน้าที่ประหลาดใจของฉินเฟิง และกล่าวกับเซียวเป่ยว่า: “ปรมาจารย์เซียว พวกเราไปกันเถอะ”เซียวเป่ยพยักหน้า เดินตามฮั่วเจิ้งซานไปขึ้นรถแล้วจากไปซูหว่านกับฉินเฟิงยืนอยู่ที่เดิม ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยงุนงงสงสัย“แม่งเอ๊ย! ทำเป็นวางมาด? ไม่รู้ว่าใช้วิธีการสกปรกอะไรในการหลอกลวงหัวหน้าตระกูลฮั่ว!” ฉินเฟิงบ่นอย่างไม่พอใจสายตาของซูหว่าน มองดูรถที่กำลังจากไปอยู่ตลอดเวลา และรู้สึกอึดอัดอยู่ใจเป็นอย่างมากไม่รู้เป็นเพราะอะไร พอเห็นท่าทีที่ฮั่วเจิ้งซานมีต่อเซียวเป่ย ทำให้ซูหว่านรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากตนเองเป็นคนผิดอย่างนั้นเหรอ?ตนรู้สึกเกรงใจและชื่มชมฮั่วเจิ้งซาน แต่เขากลับเคารพนบนอบต่อเซียวเป่ยเป็นอย่างมาก“หว่านเอ๋อร์ เป็นอะไรไปเหรอ?”เมื่อฉินเฟิงเห็นซูหว่านจ้องมองรถที
“พ่อหนุ่มคิดว่า ยาอายุวัฒนะแค่เม็ดเดียว สามารถพูดคำเหล่านี้ต่อหน้าฉันฉินเทียนหู่ได้อย่างนั้นเหรอ?”ในขณะนี้พอหลิวเซียนเหนียงได้ยินคำพูดของเซียวเป่ย ก็ขมวดคิ้วอันสวยงาม และรู้สึกว่าเซียวเป่ยใจกล้าเกินไปแล้วสีหน้าของเซียวเป่ยไร้ซึ่งความหวาดกลัว แล้วกล่าวว่า: “พักนี้ท่านฉินรู้สึกแน่นหน้าอกตลอดเวลาใช่ไหม ตอนกลางคืนก็นอนไม่หลับเป็นเวลานาน?”ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้ว แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ช่างนี้ฉันนอนไม่หลับ มีปัญหาอะไรไหม?”เซียวเป่ยส่ายหัวแล้วกล่าวว่า: “ท่านฉิน นี่ไม่ใช่อาการนอนไม่หลับ แต่เป็นเพราะพลังงานรั่วไหล และสูญเสียพลังชีวิต ถ้าผมดูไม่ผิด ท่านฉินไม่เพียงแต่นอนไม่หลับเท่านั้น แต่ยังรู้สึกชาที่แขนขาด้วย บางครั้งอาจจะเป็นลมหมดสติไปชั่วขณะ”ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกมา สายตาของฉินเทียนหู่ก็เปลี่ยนไปทันทีทำไมเด็กคนนี้ ถึงได้พูดได้แม่นยำขนาดนี้?แต่ว่า แพทย์ที่อยู่ข้างกายตนบอกว่าตนเองไม่เป็นไร แค่ทำงานหนักจนเกินไป พักผ่อนให้เยอะๆก็พอแล้วดังนั้น ฉินเทียนหู่จึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูดอย่างเย็นชาว่า: “เอาล่ะ ฉันมีหมอประจำตัวอยู่ข้างกาย ถ้ามีปัญหา ไม่จำเป็นต้องให้พ่อหนุ่มมาเตือนฉั
หลิวเซียนเหนียงหันกลับมา จ้องมองเซียวเป่ยด้วยสีหน้าท่าทางที่สงสัยและประหลาดใจแล้วถามว่า “นี่คือยาที่คุณทำเหรอ?”“ใช่” เซียวเป่ยตอบอย่างเรียบง่ายบนใบหน้าที่สวยงามของหลิวเซียนเหนียงเต็มไปด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “คุณหลิวเห็นอะไรไหม?มันเป็นของจริงหรือของปลอม?”ผู้มีอิทธิพลคนอื่นๆ ต่างก็พากันเอ่ยปากสอบถามกันเป็นแถว“หลิวเซียนเหนียง คุณพูดมาตามตรงเถอะ”“ตามความคิดของผม ยาอายุวัฒนะบ้าอะไรเนี่ย เป็นของปลอมร้อยเปอร์เซ็นต์!”“ท่านฉิน ท่านสามารถดำเนินการได้เลย”เมื่อได้ยินเสียงเย้าแหย่ของคนที่อยู่รอบข้าง สีหน้าของเซียวเป่ยก็ยังคงเต็มไปด้วยความเฉยเมยสีหน้าของฉินเทียนหู่ก็เคร่งขรึมสุดขีดเช่นกัน เมื่อเห็นว่าหลิวเซียนเหนียงไม่ได้พูดเป็นเวลานาน ตัดสินด้วยตนเองในใจ เขามองไปที่เซียวเป่ยด้วยสีหน้าที่แย่มาก โบกมือแล้วพูดว่า: “ใครก็ได้มานี่ที! จับตัวเด็กคนนี้เอาไว้เดี๋ยวนี้!”ทันทีที่พูดจบ บอดี้การ์ดสองก็กำลังจะลงมือ“เดี๋ยวก่อน”ทันใดนั้น หลิวเซียนเหนียงก็เอ่ยปากพูด“คุณหลิว?” ฉินเทียนหู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยหลิวเซียนเหนียงมองไปที่เซียวเป่ยอีกครั้ง ดูเหมือนจ
“พ่อหนุ่ม พ่อหนุ่มรู้ไหมว่า คนที่หลอกลวงฉันฉินเทียนหู่จะต้องมีจุดจบอย่างไร!”ฉินเทียนหู่โกรธ!เห็นได้อย่างชัดเจนว่า หลายปีที่ผ่านมานี้ ไม่เคยมีใครกล้าเย้าแหย่ตนเอง ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ยาอายุวัฒนะ?ยืดอายุขัยได้อีกห้าปี?ยาล้ำค่าเช่นนี้ จะใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อได้อย่างไร?เซียวเป่ยกลับยิ้มเบาๆแล้วกล่าวว่า “ตอนที่ออกมาผมรีบมาก ผมหากล่องไม่เจอ ก็เลยใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อ”ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเคร่งขรึมสุดขีด ราวกับว่าเป็นเสือร้ายที่กำลังจะบ้าคลั่ง!ใครก็ได้มานี่ที! จับตัวไอ้หนุ่มที่มาก่อความวุ่นวายคนนี้ให้ฉันหน่อย!”ฉินเทียนหู่ตะคอกด้วยความโกรธทันใดนั้น บอดี้การ์ดทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังฉินเทียนหู่ก็แสดงตัวออกมา เอามือจับตรงสะเอว และจ้องมองเซียวเป่ยด้วยสายตาที่เย็นชาเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “ท่านฉิน ดูยาอายุวัฒนะของผมก่อนค่อยว่ากัน?”“ยังต้องดูอีกเหรอ?”ฉินเทียนหู่พูดอย่างย็นชาฮั่วเจิ้งซานรีบเกลี้ยกล่อมว่า: “ท่านฉิน ท่านอย่าเพิ่งใจร้อนไปเลย ปรมาจารย์เซียวไม่มีเจตนาอื่น ถ้าคุณยอมที่จะเชื่อผม โปรดให้โอกาสปรมาจารย์สักครั้ง ดูยาอายุวัฒนะนี้หน่อย
ทันทีที่เซียวเป่ยพูดคำเหล่านี้ออกมา ก็ดึงดูดสายตาของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นทันที“ยาอายุวัฒนะ?”“ยาอายุวัฒนะอะไร? ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”“พ่อหนุ่ม รู้ไหมว่านี่เป็นวาระโอกาสแบบไหน? ถ้ายังกล้าพูดจาเหลวไหลอีก ก็ไสหัวออกไปซะ!”ทุกคนดูไม่เป็นมิตรมาก และพากันตำหนิเซียวเป่ยฮั่วเจิ้งซานก็ตกตะลึง และตื่นตระหนกเล็กน้อย จากนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้วอธิบายว่า: “ทุกท่าน ต้องขออภัยด้วย ยาอายุวัฒนะที่ปรมาจารย์เซียวกล่าวถึง... เป็นยาที่เขาเพิ่งจะกลั่นทำด้วยตนเองเมื่อสักครู่นี้”หลังจากพูดประโยคนี้จบ สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในห้องส่วนตัวก็เปลี่ยนไป ตอนแรกรู้สึกประหลาดใจ จากนั้นก็รู้สึกสงสัย สุดท้ายพวกเขาก็รู้สึกโกรธ!เพียะ!ซุนฝูลู่วางถ้วยชาลงบนโต๊ะน้ำชาที่อยู่ด้านขวามืออย่างแรง และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “ท่านหัวหน้าตระกูลฮั่ว ผมให้คุณพาไอ้หนุ่มคนนี้เข้ามา ก็ถือว่าแหกกฎแล้ว ตอนนี้ไอ้หนุ่มคนนี้ยังกล้ามาพูดจาไร้สาระ และจะใช้ยาอายุวัฒนะที่พวกเราไม่เคยได้ยินมาก่อนอะไรนั่นแลกกับหินจิตวิญญาณ แถมยังเป็นของที่เขาทำขึ้นมาด้วยตนเองอีกด้วย”“ปรมาจารย์ฮั่ว คุณคิดว่าพวกเราทุกคนที่อยู่ที่นี่ โง่เขลาเบาปัญญามากหรือยังไง?