กู้โย่เสวี่ยร้อนใจราวกับมดที่อยู่บนกระทะร้อน เดินไปเดินมาอยู่ในบ้านพักอย่างต่อเนื่องตระกูลหลี่ในเมืองหลวง ไม่ใช่ตระกูลที่จะทำให้ขุ่นเคืองใจได้!หลี่เต๋อหลงท่านผู้เฒ่าแห่งตระกูลหลี่ เป็นบุคคลที่ทรงอำนาจแห่งยุคเชียวนะ!ตระกูลหลี่ในเมืองหลวง เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ ที่ควบคุมเศรษฐกิจหนึ่งในสี่ของเมืองหลวงแห่งมณฑลสิ่งที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นคือ ท่านผู้เฒ่าตระกูลหลี่มีลูกชายสองคนและมีลูกสาวเพียงคนเดียวลูกชายคนโตเป็นถึงนายพลของเขตทหารหลงกั๋ว มีสถานะสูงส่ง และมีกองกำลังทหารนับห้าหมื่นนาย!ลูกชายคนรอง เป็นเลขาธิการของแวดวงทางการเมืองในเมืองหลวง และมีอิทธิพลในเมืองหลวงเป็นอย่างมากส่วนลูกสาวคนที่สาม ซึ่งเป็นลูกสาวคนเล็ก เธอเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนที่ท่านผู้เฒ่าตระกูลหลี่รักที่สุดคิดไม่ถึงว่าเซียวเป่ยจะทุบตีหลี่เซียงเหลียนจนปางตายจริงๆ...เพราะอะไร?กู้โย่เสวี่ยถามอย่างเร่งรีบ: “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”สาวใช้คนนั้นก็รีบตอบว่า: “คุณหนู ฉันเพิ่งได้ยินมาว่า คุณหนูหลี่คนนี้ให้คนมาจับตัวซูหว่าน อดีตภรรยาของเซียวเป่ยคนนั้น ออกไปจากบริษัท”“ต่อมา ฉันได้ยินมาว่า ซูหว่านถูกคนทุบตีปางตายที่โ
ลูกน้องสองคน ก็รีบขวางประตู เพื่อขวางทางกู้โย่เสวี่ยเอาไว้“แม่คะ! แม่ทำอะไรเนี่ย?” กู้โย่เสวี่ยร้อนใจ แล้วหันหน้าไปจ้องซุนอี๋ซุนอี๋เอามือกอดอก แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า: “วันนี้ ไม่ว่าจะยังไง ลูกก็จะไม่สามารถออกจากบ้านพักหลังนี้ได้”เมื่อกู้โย่เสวี่ยได้ยินดังนี้ สีหน้าก็เคร่งขรึมลง บุคลิกก็เย็นชาขึ้นมาทันที แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า: “แม่คะ ไม่ว่าแม่จะพูดอะไร หนูจะต้องออกไปช่วยเซียวเป่ย!”“หนูทนดูเขาตกอยู่ในอันตรายโดยที่ไม่ทำอะไรเลยไม่ได้!”พูดจบ กู้โย่เสวี่ยก็เดินไปที่ประตูอีกครั้งแต่ว่า ลูกน้องทั้งสองคนก็ยื่นมือออกมา แล้วขวางทางของกู้โย่เสวี่ยเอาไว้“ไสหัวไปซะ!”กู้โย่เสวี่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา เผยรัศมีออร่าของซีอีโอหญิงออกมาลูกน้องทั้งสองคนก็ไม่ขยับ“เพียะเพียะ!”กู้โย่เสวี่ยยกมือขึ้น ตบไปสองครั้ง แล้วพูดด้วยความโกรธว่า: “ไสหัวไป!”ลูกน้องทั้งสองชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบหลีกทางให้ด้วยความหวาดกลัวหลังจากนั้น กู้โย่เสวี่ยก็เดินออกไปจากบ้านพักแต่ทว่า ซุนอี๋ที่อยู่ข้างหลังก็มีสีหน้าที่เคร่งขรึมลง และพูดอย่างเย็นชาว่า: “อาต้าอาเอ้อ! ถ้าเธอเดินออกจากบ้านพักไป พวกนายสอง
ในขณะนี้ ปรมาจารย์เฉียวที่ติดตามหลี่เต๋อหลงมา ขมวดคิ้วเล็กน้อย พอเห็นหลี่เซียงเหลียนที่นอนอยู่บนเตียง จึงเอ่ยปากถามว่า “ผู้อาวุโสหลี่ ต้องการให้สำนักไป่เสวียนของผมลงมือเลยไหม?”“ไม่ต้อง! ถ้ากล้าแตะต้องลูกสาวของฉัน ฉันมีวิธีจัดการกับเด็กคนนั้น!”หลี่เต๋อหลงกล่าวอย่างเย็นชาปรมาจารย์เฉียวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้า แล้วกล่าวว่า: “ถ้าท่านอาวุโสหลี่ประสบกับปัญหา สามารถมาหาผมได้ตลอดเวลาเลย ผมจะอยู่ที่นี่ไปชั่วคราวก่อน”“ขอบคุณปรมาจารย์เฉียวมาก” หลี่เต๋อหลงหันกลับมา แล้วกล่าวอย่างสุภาพจากนั้น หลี่เต๋อหลงก็นึกอะไรออก แล้วถามอย่างร้อนใจว่า: “ปรมาจารย์เฉียว สำนักของคุณมียาอายุวัฒนะที่สามารถรักษาบาดแผลและลบรอยแผลเป็นได้หรือเปล่า?”“มี ถ้าท่านผู้อาวุโสหลี่ต้องการ ผมจะให้ลูกศิษย์ส่งมาให้ในภายหลัง”ปรมาจารย์เฉียวพยักหน้าหลี่เต๋อหลงรีบยกมือแสดงความเคารพแล้วกล่าวขอบคุณทันทีว่า: “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรบกวนปรมาจารย์เฉียวแล้วล่ะ”ปรมาจารย์เฉียวตอบรับ และไม่พูดอะไรอีกจากนั้น ลูกน้องคนหนึ่งก็เดินเข้ามา แล้วกระซิบสองสามประโยคกับหลี่เต๋อหลงสีหน้าของหลี่เต๋อหลงเปลี่ยนไปอย่างมาก แล้วกล่
“ไม่ต้อง คุณออกไปเถอะ ฉันทาเองได้... ฉันไม่อยากให้คุณเห็นฉันในรูปลักษณ์ที่ครึ่งผีครึ่งคนแบบนี้...”ซูหว่านตะโกนพร้อมกับเสียงสะอื้นไห้เซียวเป่ยพ่นลมหายใจออกมาทางปาก แล้วกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า : “ไม่ว่าคุณจะหน้าตาเป็นยังไง ผมก็ไม่มีวันที่จะรังเกียจคุณ”เมื่อได้ยินดังนี้ หัวใจของซูหว่านก็หวั่นไหว เธอจึงค่อย ๆ คลายผ้าห่มที่คลุมใบหน้าของตนเองออก เผยให้เห็นแต่ดวงตาที่สวยงามมีเสน่ห์คู่หนึ่งออกมา แล้วถามเบา ๆ ว่า: “คุณพูดจริงเหรอ?”“จริงสิ”เซียวเป่ยพยักหน้าทันใดนั้นซูหว่านก็น้ำตาไหลริน โผเข้ากอดเซียวเป่ย แล้วร้องไห้โฮออกมาเซียวเป่ยก็ปล่อยให้เธอโอบกอดเขาได้ตามใจชอบ“สารเลว ไอ้คนสารเลว…” ซูหว่านร้องไห้คร่ำครวญไม่หยุดความคับข้องใจที่ต้องทนทุกข์ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมากับทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องทนทุกข์ในวันนี้ ทำให้แนวป้องกันในใจของเธอพังทลายไปในทันทีหลังจากร้องไห้ไปครึ่งชั่วโมง ซูหว่านก็หยุดร้องไห้จากนั้น ซูหว่านก็ตระหนักได้ว่าตนเองหย่ากับเซียวเป่ยแล้ว จึงรีบปล่อยเขาทันที ปาดน้ำตาของตนเอง แล้วพูดด้วยเสียงสะอื้นไห้ว่า: “ขอบคุณ”เซียวเป่ยไม่ได้พูดอะไรต่อมา เขาเริ่มทายาให้ซูหว่านทุก
“แม่? เทียนห้าว? ทุกคนมาที่นี่ได้ยังไงคะ?”ซูหว่านถามด้วยใบหน้าที่สงสัยจากนั้น เธอก็ตระหนักถึงบางอย่าง แล้วหยิบผ้าห่มขึ้นมาอย่างวิตกกังวล แล้วบังหน้าของตนเองเอาไว้เมื่อหยางเหม่ยหลันเห็น ใจของเธอก็เต้นรัว รีบก้าวไปข้างหน้า คว้าผ้าห่มที่ซูหว่านกำลังจะเอามาบังออก แล้วถามอย่างร้อนใจว่า: “ลูกแม่ เกิดอะไรขึ้นกับหน้าของลูก? ให้แม่ดูหน่อย!”“แม่ หนูไม่ได้เป็นอะไร”ซูหว่านยังคิดที่จะปิดบังแต่ถึงยังไง ก็ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้เมื่อเห็นแผลบนใบหน้า และบนแผ่นหลังของซูหว่าน หยางเหม่ยหลันก็กรีดร้องด้วยความทุกข์ “ไอ้สัตว์เดรัจฉานตัวไหน ถึงได้ทำร้ายลูกจนมีสภาพอย่างนี้”“บอกแม่มา แม่จะให้คนไปจับตัวมา แม่จะสับมันทั้งเป็น!”เมื่อเห็นซูหว่านที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยบาดแผล มีแม่ที่ไหนบ้าง ไม่เจ็บปวดใจ?ซูหว่านเงียบ และไม่พูดอะไรหยางเหม่ยหลันหันหน้าไป จ้องมองเซียวเป่ยด้วยความโกรธสุดขีด แล้วถามว่า:“ไอ้คนแซ่เซียว เกิดอะไรขึ้นกันแน่? แกเป็นคนทำใช่ไหม?แกกล้าตีลูกสาวฉัน ฉันจะถลกหนังแกทั้งเป็น!”ขณะที่ด่า หยางเหม่ยหลันก็ลงไม้ลงมือเซียวเป่ยขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งขรึมซูหว่านรีบตะโกนว่า: “แม่คะ ไม่ใช่เซีย
หากเป็นความผิดของซูหว่าน หยางเหม่ยหลันก็จะพาซูหว่านไปขอโทษถึงบ้าน“มันจะเป็นเพราะอะไรอีกล่ะ? ทั้งหมดเป็นเพราะไอ้สารเลวเซียวเป่ยคนนี้!”ทันใดนั้น ร่างสองร่างก็วิ่งเข้ามาจากประตูอีกครั้งนั่นก็คือหลี่เซียวลี่และหลงเสี่ยวหาน“เสี่ยวหว่าน!”หลงสี่ยวหานวิ่งเข้าไปอย่างวิตกกังวล แล้วนั่งลงข้างซูหว่าน เมื่อเห็นรูปลักษณ์ของเธอ ก็รู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างมากหลี่เซียวลี่จ้องมองไปที่เซียวเป่ย แล้วตำหนิว่า: “เซียวเป่ย!ที่ประธานซูต้องมีสภาพเป็นแบบนี้ ก็เป็นเพราะว่าคุณ!ฉันไห้คนไปตรวจสอบอย่างชัดเจนแล้ว เหตุผลที่หลี่เซียงเหลียนตระกูลหลี่คนนั้นทำแบบนี้ ก็เพราะว่านายทำร้ายหานตงถิงเมื่อครั้งที่แล้ว!”“หานตงถิงคนนั้น คือลูกชายของหลี่เซียงเหลียน!”“หลี่เซียงเหลียนบินกลับจากต่างประเทศ ก็เพื่อเขาโดยเฉพาะ!”ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกมา ทุกคนในห้องโถงด้านหลัง ต่างก็พากันตกตะลึง“ฉันว่าแล้ว หว่านเอ๋อร์ของพวกเราอยู่ดี ๆ จะไปทำให้ตระกูลหลี่ขุ่นเคืองได้ยังไงกัน ที่แท้ต้นตอก็มาจากแกนี่เอง!”หยางเหม่ยหลันชี้ไปที่เซียวเป่ยแล้วด่าทอทันที: “ไอ้สารเลว! แกนี่ช่างเป็นตัวซวยจริง ๆ!ฉันบอกแล้วว่า ให้แกอยู่ห่างจากหว่านเ
เซียวเป่ยขมวดคิ้ว มองดูซูหว่าน แล้วถามว่า “คุณเป็นห่วงผมเหรอ?”“ฉัน……”ซูหว่านตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง พร้อมกับชำเลืองมอง แล้วกล่าวด้วยสายตาที่ไม่อยู่กับร่องกับรอยว่า: “ฉันแค่ไม่อยากให้คุณเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของฉัน! เรื่องนี้ เกิดขึ้นเพราะฉัน ฉันไม่อยากให้ใครต้องมาบาดเจ็บโดยที่ไม่มีความผิดเพราะฉัน”“หว่านเอ๋อร์ ลูกบ้าไปแล้วเหรอ!”หยางเหม่ยหลันทนไม่ไหว จึงตะโกนขึ้นมาทันที: “เซียวเป่ยเป็นคนทำร้ายหานตงถิงจนได้รับบาดเจ็บ มันก็สมควรแล้วที่เขาจะต้องรับผิดชอบ ลูกอย่าเลอะเลือน และเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้อีกเลย ”“ตอนนี้ ตระกูลหลี่ในเมืองหลวงของมณฑลกำลังขุ่นเคืองใจ หากตระกูลหลี่เอาผิดขึ้นมา ไม่เพียงแต่ลูกเท่านั้น แม้แต่ตระกูลซูก็จะติดร่างแหไปด้วย!”“ใช่แล้วพี่ พี่อย่าได้เลอะเลือนอีกเลย!”ซูเทียนห้าวก็กล่าวขึ้นมาอย่างกังวลใจเช่นกันท่ามกลางผู้คนที่คุยจ้อกแจ้กจอแจไม่หยุด ทำให้ซูหว่านรู้สึกเหนื่อยล้าทั้งกายใจ จึงกล่าวว่า: “พอเถอะ!หยุดเถียงได้แล้ว หนูตัดสินใจแล้ว ทุกคนไม่ต้องพูดอีกต่อไปแล้ว!”“เรื่องนี้ ฉันจะไม่ปล่อยให้เซียวเป่ยแบกเรื่องนี้เอาไว้คนเดียว”เมื่อได้ยินดังนี้ หยางเหม่ยหลันก็โกรธ
เมื่อเห็นว่าซูหว่านไม่ฟังคำแนะนำ สีหน้าของเซียวเป่ยก็เคร่งขรึมลง แล้วตะโกนว่า: “พอได้แล้ว! คุณต้องให้ผมอธิบายให้ชัดเจนใช่ไหม?”“ซูหว่าน! ผมบอกแล้วไงว่า คุณไม่ต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้!”“การมีคุณอยู่ มีแต่จะทำให้ผมเดือดร้อนมากขึ้น!”ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกมา ซูหว่านก็ตกตะลึง นัยน์ตาของเธอก็แดงก่ำ และเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาทันทีเธอคิดไม่ถึงว่า เซียวเป่ยที่พูดจาอ่อนโยน และอ่อนหวานเมื่อสักครู่นี้ จะเปลี่ยนสีหน้า และพูดคำแบบนั้นออกมาได้!“คุณ คุณพูดจริง ๆ เหรอ?” ซูหว่านถามด้วยนัยน์ตาสีแดงเมื่อมองดูใบหน้าที่เฉยเมยของเซียวเป่ยแล้ว เธอก็รู้สึกไม่คุ้นเคยเป็นอย่างมากลึก ๆ ในใจ ก็รู้สึกเศร้ามากยิ่งขึ้นที่ตนเองทำอย่างนี้ ก็เพราะว่าเขาไม่ใช่เหรอ?แต่ว่า เขากลับรังเกียจที่ตนนำปัญหามาให้เขา...“จริง!” เซียวเป่ยกล่าวอย่างเคร่งขรึม“ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่เชื่อ สิ่งที่คุณพูดไม่เป็นความจริง...” ซูหว่านกล่าวพร้อมส่ายหัวและร้องไห้สีหน้าของเซียวเป่ยเคร่งขรึมลง แล้วพูดอย่างเด็ดขาดอีกครั้งว่า: “ไม่ว่าคุณจะเชื่อ หรือไม่เชื่อก็ตาม ผมไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณเลย และไม่ต้องการให้คุณทำอะไรเพื
ซูเทียนห้าวตอบว่า: “ฉันรู้แล้ว! พี่สาวของฉันเป็นยังไงบ้าง?”เสียงเย้าแหย่ดังมาจากอีกด้านของโทรศัพท์: “คุณวางใจได้ ไม่ตายหรอก พอคุณควบคุมบริษัทได้สำเร็จ และได้รับเงินสองร้อยห้าสิบล้านบาทมาเมื่อไหร่ พี่สาวของคุณก็จะกลับไปได้แล้ว”“ได้! แต่ฉันขอเตือนพวกแกนะ อย่าแตะต้องพี่สาวของฉัน!”ซูเทียนห้าวกล่าวอย่างเย็นชาชายฉกรรจ์ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกังวล พวกเราทำงาน เชื่อถือได้แน่นอน”พูดจบ อีกฝ่ายก็วางสายโทรศัพท์ทันทีซูเทียนห้าวถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่กลับไม่ได้ผ่อนคลายเลย“พี่ครับ ผมขอโทษ... แต่ผมจำเป็นต้องทำแบบนี้! ผมอยากจะพิสูจน์ตนเองว่า ผมไม่ใช่เศษสวะ! ผมมีความสามารถ!” ซูเทียนห้าวกล่าวเบาๆ ความเย็นชาแวบขึ้นมาในนัยน์ตา............ตัดภาพมาที่เซียวเป่ยฮั่วเจิ้งซานอยู่ในร้าน พอมองดูเวลา ก็พบว่าผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้วเห็นได้ชัดว่าเขากังวลมาก จึงถามว่า: “ปรมาจารย์เซียวเป่ย ไป๋อู๋ฉางนั่นจะกลับมาจริงๆเหรอ?”“ถ้าเธอยังไม่อยากตาย เธอก็จะมา ” เซียวเป่ยพูดอย่างสงบนิ่งทันทีที่พูดจบ ที่ประตูร้านขายของชำ ก็มีร่างลับๆล่อๆร่างหนึ่งปรากฏขึ้น ร่างนั้นเดินโซเซเล็
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ พิษศพที่อยู่บนมือของชายชราในชุดดำ ในเวลานี้ได้ย้อนกลับ กระจายไปตามแขนของชายชรา และบุกเข้าไปจนถึงหน้าอก!เนื่องจากมีพิษศพอยู่บนร่างกายของเขามากเกินไป ในชั่วพริบตาเดียว ชายชราในชุดดำก็ล้มลงกับพื้น คร่ำครวญไม่สายขาด ผิวหนังทั้งตัวเปลี่ยนไปเป็นสีดำ และเริ่มเปื่อยเน่าทางด้านฝั่งนี้ เมื่อหญิงชราในชุดขาวเห็นเหตุการณ์นี้ ก็ตกใจจนมีสีหน้าที่ซีดเผือด ยังไม่ทันได้ครุ่นคิดอะไร ก็หันหลังกลับและวิ่งหนี!เธอรู้ดีว่า คืนนี้ได้พบกับยอดฝีมือแล้ว“คิดจะหนี มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”เมื่อเซียวเป่ยเห็นหญิงชราในชุดขาวคิดจะวิ่งหนี ก็ยกมือขึ้นแล้วยิงเข็มเงินออกไปอีกสองสามเล่มหญิงชราในชุดขาวตอบสนองกลับแบบมีเงื่อนไข เธอเหวี่ยงไม้อาดูรที่อยู่ในมือ จากนั้นก็เกิดเสียงดังตึกตึกตึก และมีประกายไฟขึ้นมาเล็กน้อยทันทีแม้ว่าเข็มเงินส่วนใหญ่จะถูกสกัดกั้น แต่ก็มีเข็มเงินสองสามเล่มที่เจาะเข้าไปที่หน้าของหญิงชราชุดขาว และมีอีกเข็มหนึ่งในนั้นเจาะไปที่ตาของเธอ ทำให้มีเลือดไหลออกมาทันทีแต่หญิงชราชุดขาวกลับไม่คิดที่จะต่อสู้กลับเลยแม้แต่น้อย หันหลังกลับแล้ววิ่งหนีไป พร้อมกับเสียงดังฟรึ่บ
เซียวเป่ยพยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “มาเร็วดีนี่”“แกจะตายเอง หรือว่าให้ฉันลงมือ?” ชายชราในชุดดำ ถามด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความดุร้ายในสายตาของเขา จัดการกับเด็กหนุ่มอย่างเซียวเป่ยนั้น เป็นอะไรที่ง่ายมากเดิมคิดว่าจะเป็นยอดฝีมือที่มีความแข็งแกร่งอะไร คิดไม่ถึงว่า จะเป็นเด็กเหลือขอที่อ่อนหัดคนหนึ่งสิ่งนี้ทำให้เฮยไป๋อู๋ฉางที่อยากจะต่อสู้อย่างจริงจัง รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากเซียวเป่ยยิ้มด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งรอยยิ้มนี้ ทำให้เฮยไป๋อู๋ฉางขมวดคิ้วแน่นเด็กคนนี้ กำลังยิ้มเยาะเย้ยอยู่เหรอ?“ดูเหมือนว่า แกจะเลือกให้พวกเราลงมือ” เฮยอู๋ฉางกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย เผยให้เห็นฟันเหลืองของเขาและในเวลานี้ กู้โย่เสวี่ยที่นั่งคว่ำหน้านอนอยู่บนโต๊ะก็ตื่นขึ้นมา ขยี้ตาอย่างงัวเงีย มองไปที่ร่างของทั้งสองคนที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นในร้าน และถามอย่างงุนงงว่า: “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”ในเวลานี้ เฮยอู๋ฉางก็ลงมือทันที เขาใช้ฝ่ามือ โจมตีเซียวเป่ยผ่านทางอากาศ!ฝ่ามือนี้ ลมที่อยู่ตรงฝ่ามือแฝงไปด้วยหมอกควันสีดำ และมีกลิ่นเหม็นมากระทบมาที่ใบหน้า!กู้โย่เสวี่ยตกใจมากจนร้องเสียงดัง และลืมที่จะหลบหลีกเซียวเป่ย
พอรับสาย เสียงซักถามด้วยความเกรี้ยวโกรธของซูหว่านก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์: “เซียวเป่ย คุณหมายความว่ายังไงกันแน่?”เซียวเป่ยชะงักไป รู้สึกสับสนเล็กน้อย จึงขมวดคิ้วแล้วถามว่า: “ประธานซู ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดถึงอะไรอยู่?”“ยังแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกเหรอ?เป่ยเสวี่ยมาส์ก คุณจะอธิบายยังไง!” ซูหว่านซักถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดว่า “เป่ยเสวี่ยมาส์ก? มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”“เซียวเป่ย! คุณไม่คิดว่าตนเองในตอนนี้ ไร้ยางอายมากเหรอ?” ซูหว่านโกรธมากตอนนี้การที่เซียวเป่ยแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มันเหมือนกับว่าเขาจงใจโอ้อวด“ผมไร้ยางอาย?”เซียวเป่ยขมวดคิ้ว และรู้สึกโกรธขึ้นมามาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเลยซูหว่านกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ยังจำสิ่งที่คุณพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้ไหม?คุณบอกว่าตนเองจะไม่พึ่งพาใคร เพื่อจะพิสูจน์ให้ฉันเห็น! แล้วตอนนี้ล่ะ? สุดท้ายคุณก็พึ่งพาคุณหนูตระกูลกู้คนนั้น แล้วแอบทำอะไรกับมาส์กหน้านั่น!”“ไม่อย่างนั้น อาศัยแค่ตัวคุณเอง จะมีคุณสมบัติไปถึงอันดับที่สี่ของรายการยอดขายระดับประเทศเหรอ?”หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ เซียวเป่ยก็เพิ่งตอบ
“หัวหน้าตระกูลฮั่ว คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า? เศษสวะอย่างไอ้เซียวเป่ยเนี่ยนะ ช่วยชีวิตคุณ?”ฉินเฟิงถามด้วยความประหลาดใจทันใดนั้นสีหน้าของฮั่วเจิ้งซานก็เปลี่ยนไปเป็นแย่มากทันที และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “ประธานฉินใช่ไหม ผมจะเตือนคุณเป็นครั้งสุดท้ายนะ ได้โปรดให้เกียรติปรมาจารย์เซียวด้วย!”พูดจบ ฮั่วเจิ้งซานก็เฉยเมยต่อสีหน้าที่ประหลาดใจของฉินเฟิง และกล่าวกับเซียวเป่ยว่า: “ปรมาจารย์เซียว พวกเราไปกันเถอะ”เซียวเป่ยพยักหน้า เดินตามฮั่วเจิ้งซานไปขึ้นรถแล้วจากไปซูหว่านกับฉินเฟิงยืนอยู่ที่เดิม ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยงุนงงสงสัย“แม่งเอ๊ย! ทำเป็นวางมาด? ไม่รู้ว่าใช้วิธีการสกปรกอะไรในการหลอกลวงหัวหน้าตระกูลฮั่ว!” ฉินเฟิงบ่นอย่างไม่พอใจสายตาของซูหว่าน มองดูรถที่กำลังจากไปอยู่ตลอดเวลา และรู้สึกอึดอัดอยู่ใจเป็นอย่างมากไม่รู้เป็นเพราะอะไร พอเห็นท่าทีที่ฮั่วเจิ้งซานมีต่อเซียวเป่ย ทำให้ซูหว่านรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากตนเองเป็นคนผิดอย่างนั้นเหรอ?ตนรู้สึกเกรงใจและชื่มชมฮั่วเจิ้งซาน แต่เขากลับเคารพนบนอบต่อเซียวเป่ยเป็นอย่างมาก“หว่านเอ๋อร์ เป็นอะไรไปเหรอ?”เมื่อฉินเฟิงเห็นซูหว่านจ้องมองรถที
“พ่อหนุ่มคิดว่า ยาอายุวัฒนะแค่เม็ดเดียว สามารถพูดคำเหล่านี้ต่อหน้าฉันฉินเทียนหู่ได้อย่างนั้นเหรอ?”ในขณะนี้พอหลิวเซียนเหนียงได้ยินคำพูดของเซียวเป่ย ก็ขมวดคิ้วอันสวยงาม และรู้สึกว่าเซียวเป่ยใจกล้าเกินไปแล้วสีหน้าของเซียวเป่ยไร้ซึ่งความหวาดกลัว แล้วกล่าวว่า: “พักนี้ท่านฉินรู้สึกแน่นหน้าอกตลอดเวลาใช่ไหม ตอนกลางคืนก็นอนไม่หลับเป็นเวลานาน?”ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้ว แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ช่างนี้ฉันนอนไม่หลับ มีปัญหาอะไรไหม?”เซียวเป่ยส่ายหัวแล้วกล่าวว่า: “ท่านฉิน นี่ไม่ใช่อาการนอนไม่หลับ แต่เป็นเพราะพลังงานรั่วไหล และสูญเสียพลังชีวิต ถ้าผมดูไม่ผิด ท่านฉินไม่เพียงแต่นอนไม่หลับเท่านั้น แต่ยังรู้สึกชาที่แขนขาด้วย บางครั้งอาจจะเป็นลมหมดสติไปชั่วขณะ”ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกมา สายตาของฉินเทียนหู่ก็เปลี่ยนไปทันทีทำไมเด็กคนนี้ ถึงได้พูดได้แม่นยำขนาดนี้?แต่ว่า แพทย์ที่อยู่ข้างกายตนบอกว่าตนเองไม่เป็นไร แค่ทำงานหนักจนเกินไป พักผ่อนให้เยอะๆก็พอแล้วดังนั้น ฉินเทียนหู่จึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูดอย่างเย็นชาว่า: “เอาล่ะ ฉันมีหมอประจำตัวอยู่ข้างกาย ถ้ามีปัญหา ไม่จำเป็นต้องให้พ่อหนุ่มมาเตือนฉั
หลิวเซียนเหนียงหันกลับมา จ้องมองเซียวเป่ยด้วยสีหน้าท่าทางที่สงสัยและประหลาดใจแล้วถามว่า “นี่คือยาที่คุณทำเหรอ?”“ใช่” เซียวเป่ยตอบอย่างเรียบง่ายบนใบหน้าที่สวยงามของหลิวเซียนเหนียงเต็มไปด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “คุณหลิวเห็นอะไรไหม?มันเป็นของจริงหรือของปลอม?”ผู้มีอิทธิพลคนอื่นๆ ต่างก็พากันเอ่ยปากสอบถามกันเป็นแถว“หลิวเซียนเหนียง คุณพูดมาตามตรงเถอะ”“ตามความคิดของผม ยาอายุวัฒนะบ้าอะไรเนี่ย เป็นของปลอมร้อยเปอร์เซ็นต์!”“ท่านฉิน ท่านสามารถดำเนินการได้เลย”เมื่อได้ยินเสียงเย้าแหย่ของคนที่อยู่รอบข้าง สีหน้าของเซียวเป่ยก็ยังคงเต็มไปด้วยความเฉยเมยสีหน้าของฉินเทียนหู่ก็เคร่งขรึมสุดขีดเช่นกัน เมื่อเห็นว่าหลิวเซียนเหนียงไม่ได้พูดเป็นเวลานาน ตัดสินด้วยตนเองในใจ เขามองไปที่เซียวเป่ยด้วยสีหน้าที่แย่มาก โบกมือแล้วพูดว่า: “ใครก็ได้มานี่ที! จับตัวเด็กคนนี้เอาไว้เดี๋ยวนี้!”ทันทีที่พูดจบ บอดี้การ์ดสองก็กำลังจะลงมือ“เดี๋ยวก่อน”ทันใดนั้น หลิวเซียนเหนียงก็เอ่ยปากพูด“คุณหลิว?” ฉินเทียนหู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยหลิวเซียนเหนียงมองไปที่เซียวเป่ยอีกครั้ง ดูเหมือนจ
“พ่อหนุ่ม พ่อหนุ่มรู้ไหมว่า คนที่หลอกลวงฉันฉินเทียนหู่จะต้องมีจุดจบอย่างไร!”ฉินเทียนหู่โกรธ!เห็นได้อย่างชัดเจนว่า หลายปีที่ผ่านมานี้ ไม่เคยมีใครกล้าเย้าแหย่ตนเอง ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ยาอายุวัฒนะ?ยืดอายุขัยได้อีกห้าปี?ยาล้ำค่าเช่นนี้ จะใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อได้อย่างไร?เซียวเป่ยกลับยิ้มเบาๆแล้วกล่าวว่า “ตอนที่ออกมาผมรีบมาก ผมหากล่องไม่เจอ ก็เลยใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อ”ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเคร่งขรึมสุดขีด ราวกับว่าเป็นเสือร้ายที่กำลังจะบ้าคลั่ง!ใครก็ได้มานี่ที! จับตัวไอ้หนุ่มที่มาก่อความวุ่นวายคนนี้ให้ฉันหน่อย!”ฉินเทียนหู่ตะคอกด้วยความโกรธทันใดนั้น บอดี้การ์ดทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังฉินเทียนหู่ก็แสดงตัวออกมา เอามือจับตรงสะเอว และจ้องมองเซียวเป่ยด้วยสายตาที่เย็นชาเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “ท่านฉิน ดูยาอายุวัฒนะของผมก่อนค่อยว่ากัน?”“ยังต้องดูอีกเหรอ?”ฉินเทียนหู่พูดอย่างย็นชาฮั่วเจิ้งซานรีบเกลี้ยกล่อมว่า: “ท่านฉิน ท่านอย่าเพิ่งใจร้อนไปเลย ปรมาจารย์เซียวไม่มีเจตนาอื่น ถ้าคุณยอมที่จะเชื่อผม โปรดให้โอกาสปรมาจารย์สักครั้ง ดูยาอายุวัฒนะนี้หน่อย
ทันทีที่เซียวเป่ยพูดคำเหล่านี้ออกมา ก็ดึงดูดสายตาของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นทันที“ยาอายุวัฒนะ?”“ยาอายุวัฒนะอะไร? ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”“พ่อหนุ่ม รู้ไหมว่านี่เป็นวาระโอกาสแบบไหน? ถ้ายังกล้าพูดจาเหลวไหลอีก ก็ไสหัวออกไปซะ!”ทุกคนดูไม่เป็นมิตรมาก และพากันตำหนิเซียวเป่ยฮั่วเจิ้งซานก็ตกตะลึง และตื่นตระหนกเล็กน้อย จากนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้วอธิบายว่า: “ทุกท่าน ต้องขออภัยด้วย ยาอายุวัฒนะที่ปรมาจารย์เซียวกล่าวถึง... เป็นยาที่เขาเพิ่งจะกลั่นทำด้วยตนเองเมื่อสักครู่นี้”หลังจากพูดประโยคนี้จบ สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในห้องส่วนตัวก็เปลี่ยนไป ตอนแรกรู้สึกประหลาดใจ จากนั้นก็รู้สึกสงสัย สุดท้ายพวกเขาก็รู้สึกโกรธ!เพียะ!ซุนฝูลู่วางถ้วยชาลงบนโต๊ะน้ำชาที่อยู่ด้านขวามืออย่างแรง และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “ท่านหัวหน้าตระกูลฮั่ว ผมให้คุณพาไอ้หนุ่มคนนี้เข้ามา ก็ถือว่าแหกกฎแล้ว ตอนนี้ไอ้หนุ่มคนนี้ยังกล้ามาพูดจาไร้สาระ และจะใช้ยาอายุวัฒนะที่พวกเราไม่เคยได้ยินมาก่อนอะไรนั่นแลกกับหินจิตวิญญาณ แถมยังเป็นของที่เขาทำขึ้นมาด้วยตนเองอีกด้วย”“ปรมาจารย์ฮั่ว คุณคิดว่าพวกเราทุกคนที่อยู่ที่นี่ โง่เขลาเบาปัญญามากหรือยังไง?