ในขณะที่ชาวเน็ตกำลังด่าทออยู่นั้น เซียวเป่ยได้นำเตายาของตนเอง ไปถึงพื้นที่สกัดยาแล้วเขาเหลือบมองสมุนไพรที่อยู่ตรงนั้นก่อน จากนั้นจึงเริ่มเลือกสมุนไพร ตามใบสั่งยาที่อยู่ในใจของตนเองทุกขั้นตอน ทุกการเคลื่อนไหว ดูไปแล้ว สบายๆมากในที่สุด เซียวเป่ยก็เลือกสมุนไพรที่ตนเองต้องการเสร็จ จากนั้นก็เริ่มสกัดยาในเวลานี้ ซ่งเหวินซงที่อดทนไม่ไหวแล้ว ก็กดปุ่มปิดไฟเลื่อนขั้น!ทั่วทั้งสถานที่จัดงานแข่งขัน ต่างก็ฮือฮา!ไฟดับไปอีกหนึ่งดวงแล้วหากไฟดับไปอีกหนึ่งดวง เซียวเป่ยก็จะหมดสิทธิ์ในการเลื่อนขึ้นในเวลานี้ ฉินเฟิงที่นั่งอยู่ในโซนวีไอพี ยิ้มอย่างเบิกบานใจ แล้วกล่าวว่า: “หว่านเอ๋อร์ คุณดูสิ ไฟดับไปอีกดวงแล้ว”“การแข่งขันแบบนี้ นึกไม่ถึงว่าเขาจะทำเล่นเหมือนเด็กขายของ ถ้าให้คนพรรค์นี้อยู่ข้างกาย ไม่รู้เลยว่าเขาจะทำเรื่องน่าอับอายอะไรออกมาอีกบ้าง”หยางเหม่ยหลันกล่าวเสริมว่า: “ใช่แล้ว เสี่ยวฉินพูดถูก หว่านเอ๋อร์ อย่าหาว่าแม่ว่าลูกเลยนะ จากนี้ไป ลูกอย่าไปมาหาสู่กับคนน่าอายอย่างไอ้เซียวเป่ยคนนี้อีกเด็ดขาด! น่าอับอาย น่าอับอายจริงๆ!”“พอเถอะค่ะแม่ หยุดพูดได้แล้ว”ซูหว่านกล่าวพร้อมขมวดคิ้ว มองเซ
เซียวเป่ยที่อยู่บนเวที ย่อมได้ยินคำถามของพิธีกรอย่างแน่นอน มือที่กำลังสกัดยาหยุดเคลื่อนไหวเล็กน้อย แต่ก็ดำเนินการต่อไปอย่างรวดเร็วหลังจากที่ซูหว่านลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆนัยน์ตาเต็มไปด้วยความเย็นชา แล้วพูดว่า: “ในฐานะอดีตภรรยา ฉันหวังว่าเขาจะสามารถเลื่อนขั้นได้ แต่ในฐานะท่านผู้ชม ฉันไม่คิดว่าเขาจะทำได้”ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกไป ทั่วทั้งสถานที่จัดงานก็เกิดความฮือฮาท่านผู้ชมที่อยู่ในห้องไลฟ์สด ก็เริ่มถกเถียงพูดคุยกันอย่างดุเดือด“ฉันก็คิดว่าเขาทำไม่ได้เช่นกัน!”“แม้แต่อดีตภรรยาก็ไม่คิดว่าจะทำได้ ทำไมเซียวเป่ยคนนี้ถึงได้กล้าที่จะขึ้นไปแข่งขันบนเวทีล่ะ?”“ฉันกล้าพนันได้เลยว่า เซียวเป่ยจะต้องถูกคัดออกอย่างแน่นอน!”ในขณะเดียวกัน ในห้องพักผ่อน เฉียวฮุ่ยมองไปที่เซียวเป่ยที่กำลังสกัดยาอยู่บนเวทีผ่านหน้าจอ คิ้วที่สวยงามของเธอก็ขมวดลงเล็กน้อยวิธีการสกัดยาของเซียวเป่ยนั้นพิเศษมาก เป็นวิธีที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน“เขารู้วิธีการสกัดยาจริงๆเหรอ?” เฉียวฮุ่ยเกิดความสงสัยอยู่ในใจในสถานที่จัดงานแข่งขัน ในโซนที่นั่งพิเศษ หวังจื้อเซียนมองไปที่เซียวเป่ยที่กำลังสกัดยาอยู่บนเวที
เพราะว่า คำพูดของเขาเต็มไปด้วยคำโกหก!ในที่สุด ซูหว่านก็ถอนสายตาออกไปจากเซียวเป่ย แล้วเหลือบมองกู้โย่เสวี่ยที่อยู่อีกฝั่งนึงแน่นอนว่ากู้โย่เสวี่ยก็สังเกตเห็นสายตาของซูหว่านเหมือนกัน เธอจึงยิ้มเบาๆในเวลานี้ กล้องบังเอิญแพนไปที่กู้โย่เสวี่ยทั่วทั้งสถานที่จัดการแข่งขันก็ฮือฮาอีกครั้ง“ว้าว!สาวงามผู้เลอโฉมอีกคนหนึ่ง!”“นี่ดูเหมือนว่าจะเป็นคุณหนูของตระกูลกู้ เธอช่างสวยอย่างไม่บันยะบันยังจริงๆ”“ทำไมฉันถึงรู้สึกว่า สายตาที่คุณหนูตระกูลกู้คนนั้นมองเซียวเป่ยที่อยู่บนเวที ไม่ธรรมดาเลย”ในขณะนี้พิธีกรก็ถามด้วยรอยยิ้มว่า: “คุณหนูกู้ ฉันได้ยินมาว่า เซียวเป่ยที่อยู่บนเวทีคนนี้ คือเพื่อนของคุณ คุณคิดว่า เขายังมีโอกาสที่จะได้เลื่อนขั้นอยู่ไหม?”กู้โย่เสวี่ยยิ้ม มองที่เซียวเป่ยและไฟดวงสุดท้ายที่เหลืออยู่ แล้วพูดว่า “แม้ว่าไฟทั้งหมดจะดับลง ฉันก็เชื่อว่า เขาจะสามารถเลื่อนขั้นได้”พูดจบ กู้โย่เสวี่ยก็เสยคางขึ้น แล้วมองซูหว่านด้วยสายตาที่เย่อหยิ่งซูหว่านขมวดคิ้วชั่วครู่เดียว ผู้หญิงทั้งสองมองหน้ากันผ่านทางอากาศ ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ยอมแพ้ในสถานที่จัดงาน ทันทีที่กู้โย่เสวี่ยพูดจบ ก็เกิดความฮ
ผู้ชมทั้งหมดต่างก็พากันทอดถอนใจไฟทั้งสี่ดวงดับลงหมดแล้ว ยังมีอะไรที่ควรค่าแก่การดูอีก?อาจารย์ที่ปรึกษาทั้งสี่ท่านก็ขมวดคิ้ว และเริ่มถกเถียงคุยกันขึ้นมาในโซนที่นั่งวีไอพี หยางเหม่ยหลันกล่าวเยาะเย้ยอย่างเหยียดหยามว่า: “เด็กคนนี้ยังไม่ยอมแพ้อีกเหรอ? นี่ยังอับอายไม่พอหรือไง!”“คุณป้าหยางคะ ยิ่งน่าอายเท่าไร ก็ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อพวกเรามากขึ้นเท่านั้น?” หลี่เซียวลี่พูดด้วยรอยยิ้มที่ประชดประชันเมื่อหยางเหม่ยหลันได้ยินดังนี้ ก็พยักหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยเย้าแหย่ในเวลานี้ ซูหว่านทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอลุกขึ้น รีบไปด้านข้าง หยิบไมโครโฟนสำรองขึ้นมา แล้วบอกเซียวเป่ยที่อยู่บนเวทีว่า: “เซียวเป่ย! คุณจะก่อความวุ่นวายไปถึงเมื่อไหร่กัน?”“คุณไม่คิดว่าการที่ตนเองทำแบบนี้ มันน่าอายมากเหรอ?”“ทำไมคุณถึงไม่ยอมที่จะเผชิญหน้ากับตนเองล่ะ?”เซียวเป่ยที่อยู่บนเวที ขมวดคิ้ว มองซูหว่านที่อยู่ในที่นั่งวีไอพีด้านล่างเวที แล้วถามกลับไปว่า: “คุณคิดว่าผมกำลังก่อความวุ่นวาย?”“แล้วมันไม่ใช่เหรอ? ไฟทั้งสี่ดวงได้ดับลงไปแล้ว นี่คือสิ่งที่คุณอยากจะพิสูจน์ให้ฉันเห็น?”“คุณมันก็เป็นแค่คนต่ำช้าเต็มประดา แ
พูดจบ ซูหว่านก็นั่งลงด้วยความโกรธบนเวที กู้โย่เสวี่ยยิ้ม ยกคางขึ้น มองดูอาจารย์ที่ปรึกษาทั้งสี่ที่อยู่ด้านล่างเวที แล้วพูดว่า: “ในฐานะสปอนเซอร์การแข่งขันในครั้งนี้ ฉันอยากจะขอให้อาจารย์ที่ปรึกษาทั้งสี่ท่านเคารพผู้เข้าแข่งขันทุกคน”“ในเมื่อเซียวเป่ยได้สกัดยาออกมาแล้ว ก็ขอให้อาจารย์ที่ปรึกษาทั้งสี่ท่านทำการประเมินและให้คะแนน”หลี่ชิงชาน เหวินปินและอาจารย์ที่ปรึกษาอีกสองท่านต่างก็มองหน้ากัน แล้วพยักหน้า“ได้ พวกเราจะเคารพผู้เข้าแข่งขันทุกคน”เฉาเหวินปินกล่าว แต่เปลี่ยนหัวข้อสนทนาว่า “แต่คุณหนูกู้ พวกเราจะให้คะแนนเข้มงวดขึ้นนะ ถ้าคะแนนออกมาน้อย คุณหนูกู้ได้โปรดเข้าใจด้วย”กู้โย่เสวี่ยเหน็บผมที่อยู่ข้างหู ยิ้มพร้อมกล่าวว่า “ฉันเชื่อมั่นในตัวเขา”จากนั้น กู้โย่เวี่ยก็เดินลงจากเวทีอาจารย์ที่ปรึกษาทั้งสี่ก็ขึ้นเวทีอย่างพร้อมเพรียงกัน แล้วเริ่มล้อมรอบยาที่เซียวเป่ยสกัดแล้วทำการประเมินหลี่ชิงชานกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า: “ประธานเฉา คุณมาดูก่อนไหมล่ะ?”เฉาเหวินปินขมวดคิ้ว และพูดอย่างไม่เกรงใจว่า: “ก็ได้ ผมจะดูก่อน”ทันทีที่พูดจบ เฉาเหวินปินก็ก้าวไปข้างหน้ามองไปที่รูปร่างของยาก่อน แล้วจึง
หลังจากที่เงียบงันไปได้ครู่หนึ่ง ท่านผู้ชมที่อยู่ในที่จัดงานต่างก็ปรบมือกันดังสนั่นท่านผู้ชมทั้งหมดที่อยู่ในสถานที่จัดงาน ต่างก็พากันยืนขึ้น แล้วปรบมือร้องเชียร์เซียวเป่ยที่อยู่บนเวที!ซูหว่านและคนอื่นๆที่อยู่ในโซนที่นั่งวีไอพี ก็มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเคร่งขรึมและความสงสัย“เป็นไปไม่ได้!เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?นี่เป็นแค่การแข่งขันในรอบแรกเองนะ ทำไมเซียวเป่ยถึงได้รับปุ่มทองเพื่อเลื่อนขั้น!”ฉินเฟิงรีบตะโกนออกมาทันที สีหน้าท่าทางเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อหยางเหม่ยหลันก็กล่าวพร่ำบ่นว่า: “จะต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่! ฉันว่าจะต้องเป็นคุณหนูตระกูลกู้คนนั้นแน่ที่กดดันอาจารย์ที่ปรึกษาทั้งสี่ท่าน!”“ใช่! ต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน! เศษสวะเซียวเป่ยคนนั้น เดิมถูกคัดตกรอบไปแล้ว แต่พอคุณหนูกู้ขึ้นบนเวที อาจารย์ที่ปรึกษาทั้งสี่ท่านก็มีท่าทีที่เปลี่ยนไป นึกไม่ถึงว่าจะเลือกกดปุ่มสีทอง…”“มันไม่สมเหตุสมผลเลย! ต้องมีอะไรบางอย่างผิดปกติแน่!”หลี่เซียวลี่ก็ตะโกนอย่างร้อนใจเช่นกันเธอถึงขั้นต้อง รีบวิ่งไปหาทีมผู้กำกับ แย่งไมโครโฟนมา แล้วตะโกนว่า: “การแข่งขันในครั้งนี้มีปัญหา!ฉันสงสัยในความเป็นธรรมขอ
“ถ้าผมรับประกันให้ล่ะ!”ทันทีที่พูดจบทุกสายตา ต่างก็โฟกัสไปที่ด้านล่างเวทีมีชายชราผมหงอก สวมชุดไทเก๊กสีขาวคนหนึ่ง ที่รายล้อมไปด้วยพนักงานหลายคน เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ชายชราเข้าไปในสถานที่แข่งขัน หลายคนในสถานที่แห่งนี้ ล้วนแต่รู้จักชายชราท่านนี้ได้เป็นอย่างดี“ว้าว! ท่านอาวุโสซ่ง ซ่งเจิ้งหยาง!”“หัวหอกสำคัญของวงการแพทย์ในเมืองเจียงจง แพทย์หัวถัวแห่งยุค!เขาเป็นคนรักษาพ่อของฉันเอง”“ไม่กี่ปีที่ผ่านมา เกิดโรคระบาดในเมืองเจียงจง มีเพียงแต่ผู้อาวุโสซ่งและทีมงานของเขา เข้าไปช่วยเหลือจนสถานการณ์เป็นปกติ โดยไม่คำนึงว่าจะมีอันตรายถึงชีวิตหรือไม่! ชายผู้นี้ เป็นผู้มีพระคุณของทุกคนในเมืองเจียงจง จะไปใส่ร้ายไม่ได้โดยเด็ดขาด!”“อย่าว่าแต่ใส่ร้ายเลย เพียงแค่ใครคิดดูหมิ่นท่านผู้อาวุโสซ่ง ฉันนี่แหละจะเป็นคนจัดการเขาคนแรก!”ในช่วงเวลาสั้นๆ ก็มีความคิดเห็นต่างๆมากมายในห้องไลฟ์สด ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “วีรบุรุษแห่งชาติผู้ไร้เทียมทาน”!ทางด้านของหลี่เซียวลี่ มองซ่งเจิ้งหยางที่อยู่บนเวที ก็ขมวดคิ้ว เหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายเธอก็กลืนมันลงไปเธอพูดอะไรแย่ๆออกมาไม่ไ
เมื่อซูหว่านได้ยินคำพูดเหล่านี้ สีหน้าก็เคร่งขรึมลง ขมวดคิ้ว มองเซียวเป่ยด้วยสายตาที่เฉียบคมแล้วพูดว่า “ฉันแค่เพิ่งพูดไปประโยคเดียว คุณก็ซัดกลับมาเป็นสิบประโยค!”“เซียวเป่ย คุณเกลียดฉันมากขนาดนี้เลยเหรอ?”“ระหว่างเราสองคน ต้องทะเลาะกันจนแตกหักเหมือนเราเป็นศัตรูกัน ถึงจะมีความสุขใช่ไหม?”สีหน้าท่าทางของเซียวเป่ยเปลี่ยนไป หัวเราะเยาะตนเอง แล้วพูดว่า: “ประธานซู ดูเหมือนคุณจะเข้าใจผิดแล้ว ใช่ว่าผมอยากจะเป็นศัตรูกับคุณ สาเหตุทั้งหมดนี้ เป็นเพราะใครคุณไม่รู้เหรอ?“คุณ!”ใบหน้าของซูหว่านสั่นด้วยความโกรธ กำหมัดไว้แน่น จ้องมองอย่างดุเดือด แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า: “ได้! คุณจะพิสูจน์ตนเองไม่ใช่เหรอ? จากนี้ไปคุณจะพิสูจน์ตนเองในทุกเกมการแข่งขันใช่ไหม?”“ก็ได้ ฉันเองก็อยากดูว่า คุณจะพิสูจน์มันได้อย่างไร!”พูดจบ ซูหว่านก็กระทืบเท้า หันหลังกลับแล้วจากไปแต่ทว่า จู่ๆกู้โย่เสวี่ยก็ตะโกนว่า: “ประธานซู โปรดรอสักครู่”“คุณหนูกู้มีธุระอะไรเหรอ?”ซูหว่านหันกลับมา มองกู้โย่เสวี่ยด้วยสายตาที่เย่อหยิ่งเดิมทีซูหว่านก็ไม่ค่อยแฮปปี้อยู่แล้ว โดยเฉพาะตอนที่นึกถึงภาพเหตุการณ์ที่กู้โย่เสวี่ยอยู่บนเวที แล้วบ
ซูเทียนห้าวตอบว่า: “ฉันรู้แล้ว! พี่สาวของฉันเป็นยังไงบ้าง?”เสียงเย้าแหย่ดังมาจากอีกด้านของโทรศัพท์: “คุณวางใจได้ ไม่ตายหรอก พอคุณควบคุมบริษัทได้สำเร็จ และได้รับเงินสองร้อยห้าสิบล้านบาทมาเมื่อไหร่ พี่สาวของคุณก็จะกลับไปได้แล้ว”“ได้! แต่ฉันขอเตือนพวกแกนะ อย่าแตะต้องพี่สาวของฉัน!”ซูเทียนห้าวกล่าวอย่างเย็นชาชายฉกรรจ์ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกังวล พวกเราทำงาน เชื่อถือได้แน่นอน”พูดจบ อีกฝ่ายก็วางสายโทรศัพท์ทันทีซูเทียนห้าวถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่กลับไม่ได้ผ่อนคลายเลย“พี่ครับ ผมขอโทษ... แต่ผมจำเป็นต้องทำแบบนี้! ผมอยากจะพิสูจน์ตนเองว่า ผมไม่ใช่เศษสวะ! ผมมีความสามารถ!” ซูเทียนห้าวกล่าวเบาๆ ความเย็นชาแวบขึ้นมาในนัยน์ตา............ตัดภาพมาที่เซียวเป่ยฮั่วเจิ้งซานอยู่ในร้าน พอมองดูเวลา ก็พบว่าผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้วเห็นได้ชัดว่าเขากังวลมาก จึงถามว่า: “ปรมาจารย์เซียวเป่ย ไป๋อู๋ฉางนั่นจะกลับมาจริงๆเหรอ?”“ถ้าเธอยังไม่อยากตาย เธอก็จะมา ” เซียวเป่ยพูดอย่างสงบนิ่งทันทีที่พูดจบ ที่ประตูร้านขายของชำ ก็มีร่างลับๆล่อๆร่างหนึ่งปรากฏขึ้น ร่างนั้นเดินโซเซเล็
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ พิษศพที่อยู่บนมือของชายชราในชุดดำ ในเวลานี้ได้ย้อนกลับ กระจายไปตามแขนของชายชรา และบุกเข้าไปจนถึงหน้าอก!เนื่องจากมีพิษศพอยู่บนร่างกายของเขามากเกินไป ในชั่วพริบตาเดียว ชายชราในชุดดำก็ล้มลงกับพื้น คร่ำครวญไม่สายขาด ผิวหนังทั้งตัวเปลี่ยนไปเป็นสีดำ และเริ่มเปื่อยเน่าทางด้านฝั่งนี้ เมื่อหญิงชราในชุดขาวเห็นเหตุการณ์นี้ ก็ตกใจจนมีสีหน้าที่ซีดเผือด ยังไม่ทันได้ครุ่นคิดอะไร ก็หันหลังกลับและวิ่งหนี!เธอรู้ดีว่า คืนนี้ได้พบกับยอดฝีมือแล้ว“คิดจะหนี มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”เมื่อเซียวเป่ยเห็นหญิงชราในชุดขาวคิดจะวิ่งหนี ก็ยกมือขึ้นแล้วยิงเข็มเงินออกไปอีกสองสามเล่มหญิงชราในชุดขาวตอบสนองกลับแบบมีเงื่อนไข เธอเหวี่ยงไม้อาดูรที่อยู่ในมือ จากนั้นก็เกิดเสียงดังตึกตึกตึก และมีประกายไฟขึ้นมาเล็กน้อยทันทีแม้ว่าเข็มเงินส่วนใหญ่จะถูกสกัดกั้น แต่ก็มีเข็มเงินสองสามเล่มที่เจาะเข้าไปที่หน้าของหญิงชราชุดขาว และมีอีกเข็มหนึ่งในนั้นเจาะไปที่ตาของเธอ ทำให้มีเลือดไหลออกมาทันทีแต่หญิงชราชุดขาวกลับไม่คิดที่จะต่อสู้กลับเลยแม้แต่น้อย หันหลังกลับแล้ววิ่งหนีไป พร้อมกับเสียงดังฟรึ่บ
เซียวเป่ยพยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “มาเร็วดีนี่”“แกจะตายเอง หรือว่าให้ฉันลงมือ?” ชายชราในชุดดำ ถามด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความดุร้ายในสายตาของเขา จัดการกับเด็กหนุ่มอย่างเซียวเป่ยนั้น เป็นอะไรที่ง่ายมากเดิมคิดว่าจะเป็นยอดฝีมือที่มีความแข็งแกร่งอะไร คิดไม่ถึงว่า จะเป็นเด็กเหลือขอที่อ่อนหัดคนหนึ่งสิ่งนี้ทำให้เฮยไป๋อู๋ฉางที่อยากจะต่อสู้อย่างจริงจัง รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากเซียวเป่ยยิ้มด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งรอยยิ้มนี้ ทำให้เฮยไป๋อู๋ฉางขมวดคิ้วแน่นเด็กคนนี้ กำลังยิ้มเยาะเย้ยอยู่เหรอ?“ดูเหมือนว่า แกจะเลือกให้พวกเราลงมือ” เฮยอู๋ฉางกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย เผยให้เห็นฟันเหลืองของเขาและในเวลานี้ กู้โย่เสวี่ยที่นั่งคว่ำหน้านอนอยู่บนโต๊ะก็ตื่นขึ้นมา ขยี้ตาอย่างงัวเงีย มองไปที่ร่างของทั้งสองคนที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นในร้าน และถามอย่างงุนงงว่า: “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”ในเวลานี้ เฮยอู๋ฉางก็ลงมือทันที เขาใช้ฝ่ามือ โจมตีเซียวเป่ยผ่านทางอากาศ!ฝ่ามือนี้ ลมที่อยู่ตรงฝ่ามือแฝงไปด้วยหมอกควันสีดำ และมีกลิ่นเหม็นมากระทบมาที่ใบหน้า!กู้โย่เสวี่ยตกใจมากจนร้องเสียงดัง และลืมที่จะหลบหลีกเซียวเป่ย
พอรับสาย เสียงซักถามด้วยความเกรี้ยวโกรธของซูหว่านก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์: “เซียวเป่ย คุณหมายความว่ายังไงกันแน่?”เซียวเป่ยชะงักไป รู้สึกสับสนเล็กน้อย จึงขมวดคิ้วแล้วถามว่า: “ประธานซู ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดถึงอะไรอยู่?”“ยังแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกเหรอ?เป่ยเสวี่ยมาส์ก คุณจะอธิบายยังไง!” ซูหว่านซักถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดว่า “เป่ยเสวี่ยมาส์ก? มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”“เซียวเป่ย! คุณไม่คิดว่าตนเองในตอนนี้ ไร้ยางอายมากเหรอ?” ซูหว่านโกรธมากตอนนี้การที่เซียวเป่ยแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มันเหมือนกับว่าเขาจงใจโอ้อวด“ผมไร้ยางอาย?”เซียวเป่ยขมวดคิ้ว และรู้สึกโกรธขึ้นมามาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเลยซูหว่านกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ยังจำสิ่งที่คุณพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้ไหม?คุณบอกว่าตนเองจะไม่พึ่งพาใคร เพื่อจะพิสูจน์ให้ฉันเห็น! แล้วตอนนี้ล่ะ? สุดท้ายคุณก็พึ่งพาคุณหนูตระกูลกู้คนนั้น แล้วแอบทำอะไรกับมาส์กหน้านั่น!”“ไม่อย่างนั้น อาศัยแค่ตัวคุณเอง จะมีคุณสมบัติไปถึงอันดับที่สี่ของรายการยอดขายระดับประเทศเหรอ?”หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ เซียวเป่ยก็เพิ่งตอบ
“หัวหน้าตระกูลฮั่ว คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า? เศษสวะอย่างไอ้เซียวเป่ยเนี่ยนะ ช่วยชีวิตคุณ?”ฉินเฟิงถามด้วยความประหลาดใจทันใดนั้นสีหน้าของฮั่วเจิ้งซานก็เปลี่ยนไปเป็นแย่มากทันที และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “ประธานฉินใช่ไหม ผมจะเตือนคุณเป็นครั้งสุดท้ายนะ ได้โปรดให้เกียรติปรมาจารย์เซียวด้วย!”พูดจบ ฮั่วเจิ้งซานก็เฉยเมยต่อสีหน้าที่ประหลาดใจของฉินเฟิง และกล่าวกับเซียวเป่ยว่า: “ปรมาจารย์เซียว พวกเราไปกันเถอะ”เซียวเป่ยพยักหน้า เดินตามฮั่วเจิ้งซานไปขึ้นรถแล้วจากไปซูหว่านกับฉินเฟิงยืนอยู่ที่เดิม ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยงุนงงสงสัย“แม่งเอ๊ย! ทำเป็นวางมาด? ไม่รู้ว่าใช้วิธีการสกปรกอะไรในการหลอกลวงหัวหน้าตระกูลฮั่ว!” ฉินเฟิงบ่นอย่างไม่พอใจสายตาของซูหว่าน มองดูรถที่กำลังจากไปอยู่ตลอดเวลา และรู้สึกอึดอัดอยู่ใจเป็นอย่างมากไม่รู้เป็นเพราะอะไร พอเห็นท่าทีที่ฮั่วเจิ้งซานมีต่อเซียวเป่ย ทำให้ซูหว่านรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากตนเองเป็นคนผิดอย่างนั้นเหรอ?ตนรู้สึกเกรงใจและชื่มชมฮั่วเจิ้งซาน แต่เขากลับเคารพนบนอบต่อเซียวเป่ยเป็นอย่างมาก“หว่านเอ๋อร์ เป็นอะไรไปเหรอ?”เมื่อฉินเฟิงเห็นซูหว่านจ้องมองรถที
“พ่อหนุ่มคิดว่า ยาอายุวัฒนะแค่เม็ดเดียว สามารถพูดคำเหล่านี้ต่อหน้าฉันฉินเทียนหู่ได้อย่างนั้นเหรอ?”ในขณะนี้พอหลิวเซียนเหนียงได้ยินคำพูดของเซียวเป่ย ก็ขมวดคิ้วอันสวยงาม และรู้สึกว่าเซียวเป่ยใจกล้าเกินไปแล้วสีหน้าของเซียวเป่ยไร้ซึ่งความหวาดกลัว แล้วกล่าวว่า: “พักนี้ท่านฉินรู้สึกแน่นหน้าอกตลอดเวลาใช่ไหม ตอนกลางคืนก็นอนไม่หลับเป็นเวลานาน?”ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้ว แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ช่างนี้ฉันนอนไม่หลับ มีปัญหาอะไรไหม?”เซียวเป่ยส่ายหัวแล้วกล่าวว่า: “ท่านฉิน นี่ไม่ใช่อาการนอนไม่หลับ แต่เป็นเพราะพลังงานรั่วไหล และสูญเสียพลังชีวิต ถ้าผมดูไม่ผิด ท่านฉินไม่เพียงแต่นอนไม่หลับเท่านั้น แต่ยังรู้สึกชาที่แขนขาด้วย บางครั้งอาจจะเป็นลมหมดสติไปชั่วขณะ”ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกมา สายตาของฉินเทียนหู่ก็เปลี่ยนไปทันทีทำไมเด็กคนนี้ ถึงได้พูดได้แม่นยำขนาดนี้?แต่ว่า แพทย์ที่อยู่ข้างกายตนบอกว่าตนเองไม่เป็นไร แค่ทำงานหนักจนเกินไป พักผ่อนให้เยอะๆก็พอแล้วดังนั้น ฉินเทียนหู่จึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูดอย่างเย็นชาว่า: “เอาล่ะ ฉันมีหมอประจำตัวอยู่ข้างกาย ถ้ามีปัญหา ไม่จำเป็นต้องให้พ่อหนุ่มมาเตือนฉั
หลิวเซียนเหนียงหันกลับมา จ้องมองเซียวเป่ยด้วยสีหน้าท่าทางที่สงสัยและประหลาดใจแล้วถามว่า “นี่คือยาที่คุณทำเหรอ?”“ใช่” เซียวเป่ยตอบอย่างเรียบง่ายบนใบหน้าที่สวยงามของหลิวเซียนเหนียงเต็มไปด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “คุณหลิวเห็นอะไรไหม?มันเป็นของจริงหรือของปลอม?”ผู้มีอิทธิพลคนอื่นๆ ต่างก็พากันเอ่ยปากสอบถามกันเป็นแถว“หลิวเซียนเหนียง คุณพูดมาตามตรงเถอะ”“ตามความคิดของผม ยาอายุวัฒนะบ้าอะไรเนี่ย เป็นของปลอมร้อยเปอร์เซ็นต์!”“ท่านฉิน ท่านสามารถดำเนินการได้เลย”เมื่อได้ยินเสียงเย้าแหย่ของคนที่อยู่รอบข้าง สีหน้าของเซียวเป่ยก็ยังคงเต็มไปด้วยความเฉยเมยสีหน้าของฉินเทียนหู่ก็เคร่งขรึมสุดขีดเช่นกัน เมื่อเห็นว่าหลิวเซียนเหนียงไม่ได้พูดเป็นเวลานาน ตัดสินด้วยตนเองในใจ เขามองไปที่เซียวเป่ยด้วยสีหน้าที่แย่มาก โบกมือแล้วพูดว่า: “ใครก็ได้มานี่ที! จับตัวเด็กคนนี้เอาไว้เดี๋ยวนี้!”ทันทีที่พูดจบ บอดี้การ์ดสองก็กำลังจะลงมือ“เดี๋ยวก่อน”ทันใดนั้น หลิวเซียนเหนียงก็เอ่ยปากพูด“คุณหลิว?” ฉินเทียนหู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยหลิวเซียนเหนียงมองไปที่เซียวเป่ยอีกครั้ง ดูเหมือนจ
“พ่อหนุ่ม พ่อหนุ่มรู้ไหมว่า คนที่หลอกลวงฉันฉินเทียนหู่จะต้องมีจุดจบอย่างไร!”ฉินเทียนหู่โกรธ!เห็นได้อย่างชัดเจนว่า หลายปีที่ผ่านมานี้ ไม่เคยมีใครกล้าเย้าแหย่ตนเอง ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ยาอายุวัฒนะ?ยืดอายุขัยได้อีกห้าปี?ยาล้ำค่าเช่นนี้ จะใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อได้อย่างไร?เซียวเป่ยกลับยิ้มเบาๆแล้วกล่าวว่า “ตอนที่ออกมาผมรีบมาก ผมหากล่องไม่เจอ ก็เลยใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อ”ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเคร่งขรึมสุดขีด ราวกับว่าเป็นเสือร้ายที่กำลังจะบ้าคลั่ง!ใครก็ได้มานี่ที! จับตัวไอ้หนุ่มที่มาก่อความวุ่นวายคนนี้ให้ฉันหน่อย!”ฉินเทียนหู่ตะคอกด้วยความโกรธทันใดนั้น บอดี้การ์ดทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังฉินเทียนหู่ก็แสดงตัวออกมา เอามือจับตรงสะเอว และจ้องมองเซียวเป่ยด้วยสายตาที่เย็นชาเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “ท่านฉิน ดูยาอายุวัฒนะของผมก่อนค่อยว่ากัน?”“ยังต้องดูอีกเหรอ?”ฉินเทียนหู่พูดอย่างย็นชาฮั่วเจิ้งซานรีบเกลี้ยกล่อมว่า: “ท่านฉิน ท่านอย่าเพิ่งใจร้อนไปเลย ปรมาจารย์เซียวไม่มีเจตนาอื่น ถ้าคุณยอมที่จะเชื่อผม โปรดให้โอกาสปรมาจารย์สักครั้ง ดูยาอายุวัฒนะนี้หน่อย
ทันทีที่เซียวเป่ยพูดคำเหล่านี้ออกมา ก็ดึงดูดสายตาของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นทันที“ยาอายุวัฒนะ?”“ยาอายุวัฒนะอะไร? ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”“พ่อหนุ่ม รู้ไหมว่านี่เป็นวาระโอกาสแบบไหน? ถ้ายังกล้าพูดจาเหลวไหลอีก ก็ไสหัวออกไปซะ!”ทุกคนดูไม่เป็นมิตรมาก และพากันตำหนิเซียวเป่ยฮั่วเจิ้งซานก็ตกตะลึง และตื่นตระหนกเล็กน้อย จากนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้วอธิบายว่า: “ทุกท่าน ต้องขออภัยด้วย ยาอายุวัฒนะที่ปรมาจารย์เซียวกล่าวถึง... เป็นยาที่เขาเพิ่งจะกลั่นทำด้วยตนเองเมื่อสักครู่นี้”หลังจากพูดประโยคนี้จบ สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในห้องส่วนตัวก็เปลี่ยนไป ตอนแรกรู้สึกประหลาดใจ จากนั้นก็รู้สึกสงสัย สุดท้ายพวกเขาก็รู้สึกโกรธ!เพียะ!ซุนฝูลู่วางถ้วยชาลงบนโต๊ะน้ำชาที่อยู่ด้านขวามืออย่างแรง และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “ท่านหัวหน้าตระกูลฮั่ว ผมให้คุณพาไอ้หนุ่มคนนี้เข้ามา ก็ถือว่าแหกกฎแล้ว ตอนนี้ไอ้หนุ่มคนนี้ยังกล้ามาพูดจาไร้สาระ และจะใช้ยาอายุวัฒนะที่พวกเราไม่เคยได้ยินมาก่อนอะไรนั่นแลกกับหินจิตวิญญาณ แถมยังเป็นของที่เขาทำขึ้นมาด้วยตนเองอีกด้วย”“ปรมาจารย์ฮั่ว คุณคิดว่าพวกเราทุกคนที่อยู่ที่นี่ โง่เขลาเบาปัญญามากหรือยังไง?