จากนั้น ท่ามกลางสายตาของทุกคน หมัดของเจิ้งเทียนเป้า ประดุจฟ้าร้อง รอบหมัดมีกระแสไฟฟ้าบางๆเจ็ดถึงแปดเส้นปรากฏขึ้น พันหมัดของเขาเอาไว้ หมายจะทุบไปที่เซียวเป่ย!ผู้มีอิทธิพลของเจียงจงที่อยู่บริเวณรอบๆ มีหลายคนที่ฝึกวิทยายุทธ์ขณะนี้พอได้เห็นกระบวนท่าของเจิ้งเทียนเป้า ทุกคนต่างก็มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจ!“ให้ตายเถอะ! นี่ก็คือทักษะของปรมาจารย์เหรอ?”“หมัดฟ้าคำราม!”“น่ากลัวเกินไปแล้ว… นี่จะอยู่ยังไงไหวเนี่ย? ไอ้หนุ่มคนนั้นจะต้องตายแน่ๆ!”หลังจากที่หวังหู่เห็นกระบวนท่าที่ไม่ธรรมดาของเจิ้งเทียนเป้าแล้ว ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความวิตกกังวลความแข็งแกร่งของเจิ้งเทียนเป้า มันเกินกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้มากปรมาจารย์เซียวสามารถเอาชนะได้จริงหรือ?ในเวลานี้ เซียวเป่ยยืนเอามือไพล่หลัง มองดูเจิ้งเทียนเป้าด้วยสีหน้าที่ไร้ซึ่งความเกรงกลัว หัวเราะเบาๆแล้วพูดว่า “หลังจากที่ได้ปล่อยพละกำลังออกมา ดูไปแล้วก็พอมีความแข็งแกร่งอยู่บ้างจริงๆ”“เพียงแต่ว่า มันยังน้อยไปสักหน่อย”“พอดีเลย ไม่ได้ต่อสู้มาเป็นเวลานานแล้ว คืนนี้ฉันจะให้แกดูว่า วิทยายุทธ์ที่แท้จริงเป็นยังไง!”พูดจบ คลื่นพลัง
แม้แต่แท่นสังเวียนก็ยังถูกทุบจนกลายเป็นหลุมที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ที่น่าสะพรึงกลัว!ผู้มีอิทธิพลของเจียงจงทั้งหลายที่อยู่ด้านล่างสังเวียน ต้องหล่นลงมาจากเก้าอี้ไทชิเพราะแรงสั่นสะเทือนของพื้น และจ้องมองไปที่แท่นสังเวียนด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง!แท่นสังเวียนครึ่งหนึ่ง ที่อยู่ตรงหน้าเซียวเป่ย พังทลายลงอย่างไม่มีชิ้นดีเจิ้งเทียนเป้าก็ถูกฝังลึกลงไปบนพื้นของแท่นเวที“นี่มันอะไรกันเนี่ย?”ทุกคนต่างก็พากันตกใจกลัว ลุกขึ้นยืนกันเป็นแถว ตกตะลึงจนตาค้าง!“เชี่ยแม่งนี่ยังเป็นวิทยายุทธ์อยู่หรอ?” โจวเย่ากวงตกใจจนหน้าถอดสี กล่าวพร้อมลุกขึ้นยืนเจิ้งเทียนเป้าเป็นถึงปรมาจารย์ด้านวิทยายุทธ์เลยนะ!กฎเหล็กที่ว่าไม่ให้ดูหมิ่นปรมาจารย์ ก็เพราะว่าไม่มีใครบรรลุมาหลายทศวรรษแล้วปรมาจารย์อ่อนแอปวกเปียกขนาดนี้ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย...แค่หมัดเดียว ก็สามารถทุบบุคคลระดับปรมาจารย์ ให้เป็นอย่างนี้ได้แล้ว?ชายหนุ่มที่อยู่บนแท่นสังเวียนคนนั้น เป็นมนุษย์หรือเป็นเทพกันแน่?หมัดเบาๆอันนั้น เปรียบเสมือนการเอายอดภูเขาไท่ซานมากดทบ หรือดาวหางพุ่งชนโลก มันเกินกำลังที่นักวิทยายุทธ์จะต้านทานไหวขณะนี
บริเวณรอบๆ โจวเย่ากวงและคนอื่นๆ ต่างก็มองหน้ากัน รีบลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า: “ปรมาจารย์เซียว! กระผมโจวเย่ากวง ยินดีที่จะติดตามปรมาจารย์เซียว!”“ปรมาจารย์เซียว!กระผมอู๋เสวี่ยหลงก็ยินดีที่จะติดตามท่านเช่นกัน!”“ปรมาจารย์เซียว! กระผมก็เช่นกัน!”ทันใดนั้น ผู้มีอิทธิพลใต้ดินในเจียงจงเหล่านี้ ต่างก็พากันเฮ และคุกเข่าลงบนพื้น ยอมจำนนต่อเซียวเป่ยผู้ชมบนอัฒจันทร์ที่อยู่ใกล้ๆ มองไปที่ผู้มีอิทธิพลที่แค่กระทืบเท้าก็สามารถทำให้เจียงจงสั่นไหวได้ แล้วมองไปที่แผ่นหลังของเซียวเป่ยอีกครั้ง ทันใดนั้นก็รู้สึกว่า โลกของเจียงจง ได้เปลี่ยนไปแล้ว!“ไอดอลฉันเลย!”ทุกคนอุทานตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจียงจงจะมีแค่ปรมาจารย์เซียวเพียงคนเดียวเซียวเป่ยเลิกคิ้วเล็กน้อย ถอนหายใจอย่างจนใจ เหลือบมองไปที่ ผู้มีอิทธิพลของวงการใต้ดินในเจียงจงที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ที่กำลังสั่นสะท้านไปทั้งตัวพอสายตาของเซียวเป่ยโฟกัสไปที่หลีไห่ผู้ที่ตกใจกลัวจนหน้าซีดเผือด หลีไห่รีบคุกเข่าลงแล้ววิงวอนด้วยรอยยิ้มอันข่มขื่นว่า: “ปรมาจารย์ ปรมาจารย์เซียว สมาคมเก้าขุนเขาของผมยอมสวามิภักดิ์ต่อปรมาจารย์เซียว ปรมาจารย์เซียวได้โปรดไว้ชีวิตกร
ซูหว่านขมวดคิ้วอันสวยงาม แล้วพูดว่า “ไม่ว่ายังไงก็ตาม เขาก็เป็นสามีเก่าของฉัน ฉันกับเขาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาสามปีแล้ว”“ความเป็นความตายของเขา ฉันจะไม่สนไม่ได้”“เลขาหลี่ ครั้งนี้ให้ฉันทำตามใจตนเองหน่อยเถอะ!”“ขอแค่เขาไม่เป็นไร ต่อไป เรื่องของเขา ฉันจะไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว!”เมื่อหลี่เซียวลี่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ของซูหว่าน เธอก็ส่ายหัวถอนหายใจอย่างจนใจ แล้วถามว่า: “ประธานซู ในใจของคุณยังมีเซียวเป่ยนั่นอยู่ใช่ไหม?”คำถามนี้ ทำให้ซูหว่านชะงักไป แววตาที่ซับซ้อนก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอในใจ ยังมีเซียวเป่ยอยู่ไหม?ซูหว่านไม่รู้แต่พอตอนที่ได้ยินว่าเซียวเป่ยทำให้คนขุ่นเคืองใจ และจะเกิดเรื่องขึ้นกับเขา เธอวิตกกังวลเป็นอย่างมาก“ฉัน...” ซูหว่านรู้สึกสับสนเล็กน้อยหลี่เซียวลี่กล่าวแนะนำว่า: “ประธานซู อย่าหาว่าฉันพยายามโน้มน้าวคุณเลยนะ เซียวเป่ยไม่คู่ควรที่คุณจะทำอย่างนี้! ไม่ว่าคุณจะช่วยเขาอย่างลับๆอย่างไร เขาก็ไม่ซาบซึ้งกับคุณหรอก”“ฉันไม่อยากให้เขาซาบซึ้งใจ ฉันก็ไม่สนใจ ฉันแค่อยากจะชดเชยมันก็แค่นั้น…” ซูหว่านรีบพูดทันทีพอหลี่เซียวลี่ได้ยินดังนี้ ก็ร้อนใจ: “ชดเชย? ประธานซู คุณกำลังคิด
ทันใดนั้น ก็มีเสียงเจี๊ยวจ๊าวดังขึ้นในสนามมวยเริ่มเคลียร์สนามกันแล้วชายในชุดสูทสีดำกลุ่มใหญ่ หลั่งไหลเข้ามาในสถานที่จัดงานอย่างรวดเร็ว แล้วเคลียร์ผู้ชมที่อยู่บริเวณรอบๆออกไปทั้งหมดในขณะเดียวกัน ก็กล่าวเตือนทีละคนว่า เรื่องในคืนนี้ ห้ามบอกใครเด็ดขาดมิฉะนั้น ด้วยความสามารถของผู้มีอิทธิพลวงการใต้ดินเหล่านี้ในเจียงจง ถ้าอยากจะสร้างปัญหาให้พวกเขา เป็นเรื่องที่ง่ายมากทันใดนั้น ซูหว่านกับหลี่เซียวลี่ก็เบียดตัวอยู่ในฝูงชน และถูกเบียดจนออกจากสนามมวยใต้ดินไปพอกลับมาที่ห้องโถงชั้นหนึ่ง ฝูงชนที่เดินกันขวักไขว่ไปมา ต่างก็พากันแสดงความคิดเห็นต่างๆนานา และถกเถียงเรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้นที่สนามมวยใต้ดินเมื่อสักครู่นี้ แต่ว่า เนื่องจากคำเตือนก่อนหน้านี้ พวกเขาจึงไม่กล้าพูดชื่อของปรมาจารย์คนนั้นออกมาฝูงชนเดินออกหอหมื่นเซียน อย่างไม่ขาดสายซูหว่านและหลี่เซียวลี่ยืนอยู่ตรงมุมของฝูงชน กวาดสายมองไปทั่วทุกสารทิศ เพื่อพยายามหาตัวเซียวเป่ย“เลขาหลี่ คุณหาเจอแล้วหรือยัง?” ซูหว่านถามอย่างกังวลใจหลี่เซียวลี่ส่ายหัว เอามือกอดอก เพราะเธอไม่ได้อยากจะเห็นตัวเซียวเป่ยเท่าไหร่นักยิ่งไปกว่านั้น เธอ
เซียวเป่ยยกชามบะหมี่เหลืองใส่มะเขือเทศเดินออกมา แล้วพูดอย่างสงบนิ่งว่า: “ผมกับเธอได้หย่ากันแล้ว จะเกลียดก็เกลียดไปเถอะ”พูดจบ เซียวเป่ยก็หยิบตะเกียบขึ้นมา และกินอย่างเอร็ดอร่อยกลิ่นหอมของบะหมี่ อบอวลไปทั่วทั้งร้านเล็กๆกู้โย่เสวี่ยจ้องเซียวเป่ยอย่างน้ำลายสอ และถามว่า “อร่อยไหม?”“คุณอยากกินไหม?” เซียวเป่ยถาม“ขอบคุณ” กู้โย่เสวี่ยยิ้มร่าแล้วยกชามที่อยู่ข้างหน้าเซียวเป่ยมา โดยที่ไม่ได้รังเกียจ หยิบตะเกียบที่อยู่ในมือเซียวเป่ยขึ้นมา และเริ่มกินด้วยตนเอง“อร่อยจัง……”ใบหน้าของกู้โย่เสวี่ยเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่มีความสุขคิดไม่ถึงว่า เซียวเป่ยไม่เพียงแต่เก่งในด้านการแพทย์ และด้านวิทยายุทธ์เท่านั้น แต่เขายังเก่งในด้านการทำอาหารอีกด้วยเมื่อเห็นดังนี้ เซียวเป่ยก็ไม่มีทางเลือก ลุกไปที่ห้องครัวอีกครั้งเพื่อทำบะหมี่มาอีกชามทั้งสองคนล้อมโต๊ะน้ำชาเอาไว้ แล้วกินอาหารอย่างเมามันหลังจากที่อิ่มหมีพีมันแล้ว กู้โย่เสวี่ยก็เรอออกมาโดยที่ไม่คำนึงถึงภาพลักษณ์ กล่าวด้วยรอยยิ้มด้วยใบหน้าที่พึงพอใจว่า: “ฉันไม่เคยกินบะหมี่เหลืองมะเขือเทศที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย คุณเซียว ฉันจะเชิญคุณมาเป็นพ่อครัวส่ว
หลงเสี่ยวหานหันกลับมาด้วยความโกรธและร้อนใจ และวิ่งไปที่ประตูสีหน้าเซียวเป่ยเคร่งขรึม และตะโกน: “เดี๋ยวก่อน!”“อะไรอีกล่ะ?” หลงเสี่ยวหานหันกลับมา ตะโกนด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างมากเซียวเป่ยขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ผมจะไปกับคุณด้วย”“คุณ?” สีหน้าของหลงเสี่ยวหานเคร่งขรึมลงทันทีพอกู้โย่เสวี่ยได้ยินดังนี้ ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยเซียวเป่ยหันไปมองกู้โย่เสวี่ยแล้วพูดว่า“คุณหนูกู้ ต้องขอโทษด้วย คือว่า...”“ไม่เป็นไร คุณไปเถอะ อย่างไรเสียคุณซูก็เป็นภรรยาเก่าของคุณ สมควรแล้วที่จะไปดูหน่อย” กู้โย่เสวี่ยยิ้มอย่างใจกว้าง และปัดผมที่อยู่ข้างหู“ขอบคุณ” เซียวเป่ยกล่าวเบาๆจากนั้น เซียวเป่ยก็ลุกขึ้น และเข้าไปนั่งในรถของหลงเสี่ยวหานแม้ว่าหลงเสี่ยวหานนจะอึดอัดใจมาก แต่เวลามีจำกัด เธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะขับรถพาเซียวเป่ยไปที่โรงพยาบาลราษฎรหมายเลขหนึ่งพอมาถึงโรงพยาบาลแล้วหลงเสี่ยวหานรีบวิ่งลงจากรถ แล้วรีบไปที่ห้องคนไข้เซียวเป่ยก็เดินตามมาอยู่ด้านหลัง“เลขาหลี่ เสียวหว่านเป็นยังไงบ้าง?” หลงเสี่ยวหานรีบวิ่งเข้าไปในห้องคนไข้ และถามอย่างวิตกกังวลหลี่เซียวลี่ทำท่ามือชู่ว์ แล้วเหลือบมองซูหว่าน
“ผมต้องฝังเข็มให้เธอ เพื่อบรรเทาความเย็นในร่างกาย”เมื่อได้ยินดังนี้ หยางเหม่ยหลันก็รีบดุด้วยความไม่พอใจทันทีว่า: “แกกำลังพูดเหลวไหลอะไรอยู่? ความเย็นอะไรกัน? แกกำลังสาปแช่งลูกสาวของฉันเหรอ?”“ไม่ใช่ครับ จริงๆแล้วซูหว่าน…” เซียวเป่ยอยากจะอธิบายแต่ว่า หยางเหม่ยหลันตัดบทเขา และพูดอย่างเย็นชาว่า: “เซียวเป่ย แกไม่ต้องพูดอะไรอีกต่อไปแล้ว! ลูกสาวฉันจะเป็นยังไง ก็มีแพทย์ของโรงพยาบาลคอยตรวจวินิจฉัย เศษสวะที่ไร้ความสามารถคนหนึ่งอย่างแก มีสิทธิ์อะไรมาพูดจาเรื่อยเปื่อยอยู่ที่นี่!?”“อีกอย่าง ฉันได้ยินจากเลขาหลี่มาว่า จู่ๆหว่านเอ๋อร์เป็นแบบนี้ ก็เป็นเพราะว่าแก ใช่ไหม?”เซียวเป่ยขมวดคิ้วหลี่เซียวลี่รีบพูดว่า:“คุณป้าหยางคะ นั่นเป็นเพราะว่าคนคนนี้ห่วยแตก ประธานซูถึงได้เปียกฝน ทำให้จู่ๆก็มีไข้สูง!”“เซียวเป่ย ตอนนี้แกจะอธิบายยังไง?” หยางเหม่ยหลันซักถามเซียวเป่ยเลิกคิ้ว พูดอย่างเย็นชาว่า: “ผมไม่มีอะไรที่จะอธิบาย แต่ผมอยากจะบอกพวกคุณว่า ซูหว่านไม่ได้มีไข้สูงธรรมดา! สถานการณ์ของเธอ ซับซ้อนกว่าที่พวกคุณคิดเอาไว้มาก!”“หากผมไม่เข้ามาแทรกแซง แล้วปล่อยให้สถานการณ์แย่ลงต่อไป ซูหว่านคงจะมีชีวิตอยู่
ซูเทียนห้าวตอบว่า: “ฉันรู้แล้ว! พี่สาวของฉันเป็นยังไงบ้าง?”เสียงเย้าแหย่ดังมาจากอีกด้านของโทรศัพท์: “คุณวางใจได้ ไม่ตายหรอก พอคุณควบคุมบริษัทได้สำเร็จ และได้รับเงินสองร้อยห้าสิบล้านบาทมาเมื่อไหร่ พี่สาวของคุณก็จะกลับไปได้แล้ว”“ได้! แต่ฉันขอเตือนพวกแกนะ อย่าแตะต้องพี่สาวของฉัน!”ซูเทียนห้าวกล่าวอย่างเย็นชาชายฉกรรจ์ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกังวล พวกเราทำงาน เชื่อถือได้แน่นอน”พูดจบ อีกฝ่ายก็วางสายโทรศัพท์ทันทีซูเทียนห้าวถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่กลับไม่ได้ผ่อนคลายเลย“พี่ครับ ผมขอโทษ... แต่ผมจำเป็นต้องทำแบบนี้! ผมอยากจะพิสูจน์ตนเองว่า ผมไม่ใช่เศษสวะ! ผมมีความสามารถ!” ซูเทียนห้าวกล่าวเบาๆ ความเย็นชาแวบขึ้นมาในนัยน์ตา............ตัดภาพมาที่เซียวเป่ยฮั่วเจิ้งซานอยู่ในร้าน พอมองดูเวลา ก็พบว่าผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้วเห็นได้ชัดว่าเขากังวลมาก จึงถามว่า: “ปรมาจารย์เซียวเป่ย ไป๋อู๋ฉางนั่นจะกลับมาจริงๆเหรอ?”“ถ้าเธอยังไม่อยากตาย เธอก็จะมา ” เซียวเป่ยพูดอย่างสงบนิ่งทันทีที่พูดจบ ที่ประตูร้านขายของชำ ก็มีร่างลับๆล่อๆร่างหนึ่งปรากฏขึ้น ร่างนั้นเดินโซเซเล็
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ พิษศพที่อยู่บนมือของชายชราในชุดดำ ในเวลานี้ได้ย้อนกลับ กระจายไปตามแขนของชายชรา และบุกเข้าไปจนถึงหน้าอก!เนื่องจากมีพิษศพอยู่บนร่างกายของเขามากเกินไป ในชั่วพริบตาเดียว ชายชราในชุดดำก็ล้มลงกับพื้น คร่ำครวญไม่สายขาด ผิวหนังทั้งตัวเปลี่ยนไปเป็นสีดำ และเริ่มเปื่อยเน่าทางด้านฝั่งนี้ เมื่อหญิงชราในชุดขาวเห็นเหตุการณ์นี้ ก็ตกใจจนมีสีหน้าที่ซีดเผือด ยังไม่ทันได้ครุ่นคิดอะไร ก็หันหลังกลับและวิ่งหนี!เธอรู้ดีว่า คืนนี้ได้พบกับยอดฝีมือแล้ว“คิดจะหนี มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”เมื่อเซียวเป่ยเห็นหญิงชราในชุดขาวคิดจะวิ่งหนี ก็ยกมือขึ้นแล้วยิงเข็มเงินออกไปอีกสองสามเล่มหญิงชราในชุดขาวตอบสนองกลับแบบมีเงื่อนไข เธอเหวี่ยงไม้อาดูรที่อยู่ในมือ จากนั้นก็เกิดเสียงดังตึกตึกตึก และมีประกายไฟขึ้นมาเล็กน้อยทันทีแม้ว่าเข็มเงินส่วนใหญ่จะถูกสกัดกั้น แต่ก็มีเข็มเงินสองสามเล่มที่เจาะเข้าไปที่หน้าของหญิงชราชุดขาว และมีอีกเข็มหนึ่งในนั้นเจาะไปที่ตาของเธอ ทำให้มีเลือดไหลออกมาทันทีแต่หญิงชราชุดขาวกลับไม่คิดที่จะต่อสู้กลับเลยแม้แต่น้อย หันหลังกลับแล้ววิ่งหนีไป พร้อมกับเสียงดังฟรึ่บ
เซียวเป่ยพยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “มาเร็วดีนี่”“แกจะตายเอง หรือว่าให้ฉันลงมือ?” ชายชราในชุดดำ ถามด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความดุร้ายในสายตาของเขา จัดการกับเด็กหนุ่มอย่างเซียวเป่ยนั้น เป็นอะไรที่ง่ายมากเดิมคิดว่าจะเป็นยอดฝีมือที่มีความแข็งแกร่งอะไร คิดไม่ถึงว่า จะเป็นเด็กเหลือขอที่อ่อนหัดคนหนึ่งสิ่งนี้ทำให้เฮยไป๋อู๋ฉางที่อยากจะต่อสู้อย่างจริงจัง รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากเซียวเป่ยยิ้มด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งรอยยิ้มนี้ ทำให้เฮยไป๋อู๋ฉางขมวดคิ้วแน่นเด็กคนนี้ กำลังยิ้มเยาะเย้ยอยู่เหรอ?“ดูเหมือนว่า แกจะเลือกให้พวกเราลงมือ” เฮยอู๋ฉางกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย เผยให้เห็นฟันเหลืองของเขาและในเวลานี้ กู้โย่เสวี่ยที่นั่งคว่ำหน้านอนอยู่บนโต๊ะก็ตื่นขึ้นมา ขยี้ตาอย่างงัวเงีย มองไปที่ร่างของทั้งสองคนที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นในร้าน และถามอย่างงุนงงว่า: “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”ในเวลานี้ เฮยอู๋ฉางก็ลงมือทันที เขาใช้ฝ่ามือ โจมตีเซียวเป่ยผ่านทางอากาศ!ฝ่ามือนี้ ลมที่อยู่ตรงฝ่ามือแฝงไปด้วยหมอกควันสีดำ และมีกลิ่นเหม็นมากระทบมาที่ใบหน้า!กู้โย่เสวี่ยตกใจมากจนร้องเสียงดัง และลืมที่จะหลบหลีกเซียวเป่ย
พอรับสาย เสียงซักถามด้วยความเกรี้ยวโกรธของซูหว่านก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์: “เซียวเป่ย คุณหมายความว่ายังไงกันแน่?”เซียวเป่ยชะงักไป รู้สึกสับสนเล็กน้อย จึงขมวดคิ้วแล้วถามว่า: “ประธานซู ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดถึงอะไรอยู่?”“ยังแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกเหรอ?เป่ยเสวี่ยมาส์ก คุณจะอธิบายยังไง!” ซูหว่านซักถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดว่า “เป่ยเสวี่ยมาส์ก? มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”“เซียวเป่ย! คุณไม่คิดว่าตนเองในตอนนี้ ไร้ยางอายมากเหรอ?” ซูหว่านโกรธมากตอนนี้การที่เซียวเป่ยแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มันเหมือนกับว่าเขาจงใจโอ้อวด“ผมไร้ยางอาย?”เซียวเป่ยขมวดคิ้ว และรู้สึกโกรธขึ้นมามาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเลยซูหว่านกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ยังจำสิ่งที่คุณพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้ไหม?คุณบอกว่าตนเองจะไม่พึ่งพาใคร เพื่อจะพิสูจน์ให้ฉันเห็น! แล้วตอนนี้ล่ะ? สุดท้ายคุณก็พึ่งพาคุณหนูตระกูลกู้คนนั้น แล้วแอบทำอะไรกับมาส์กหน้านั่น!”“ไม่อย่างนั้น อาศัยแค่ตัวคุณเอง จะมีคุณสมบัติไปถึงอันดับที่สี่ของรายการยอดขายระดับประเทศเหรอ?”หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ เซียวเป่ยก็เพิ่งตอบ
“หัวหน้าตระกูลฮั่ว คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า? เศษสวะอย่างไอ้เซียวเป่ยเนี่ยนะ ช่วยชีวิตคุณ?”ฉินเฟิงถามด้วยความประหลาดใจทันใดนั้นสีหน้าของฮั่วเจิ้งซานก็เปลี่ยนไปเป็นแย่มากทันที และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “ประธานฉินใช่ไหม ผมจะเตือนคุณเป็นครั้งสุดท้ายนะ ได้โปรดให้เกียรติปรมาจารย์เซียวด้วย!”พูดจบ ฮั่วเจิ้งซานก็เฉยเมยต่อสีหน้าที่ประหลาดใจของฉินเฟิง และกล่าวกับเซียวเป่ยว่า: “ปรมาจารย์เซียว พวกเราไปกันเถอะ”เซียวเป่ยพยักหน้า เดินตามฮั่วเจิ้งซานไปขึ้นรถแล้วจากไปซูหว่านกับฉินเฟิงยืนอยู่ที่เดิม ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยงุนงงสงสัย“แม่งเอ๊ย! ทำเป็นวางมาด? ไม่รู้ว่าใช้วิธีการสกปรกอะไรในการหลอกลวงหัวหน้าตระกูลฮั่ว!” ฉินเฟิงบ่นอย่างไม่พอใจสายตาของซูหว่าน มองดูรถที่กำลังจากไปอยู่ตลอดเวลา และรู้สึกอึดอัดอยู่ใจเป็นอย่างมากไม่รู้เป็นเพราะอะไร พอเห็นท่าทีที่ฮั่วเจิ้งซานมีต่อเซียวเป่ย ทำให้ซูหว่านรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากตนเองเป็นคนผิดอย่างนั้นเหรอ?ตนรู้สึกเกรงใจและชื่มชมฮั่วเจิ้งซาน แต่เขากลับเคารพนบนอบต่อเซียวเป่ยเป็นอย่างมาก“หว่านเอ๋อร์ เป็นอะไรไปเหรอ?”เมื่อฉินเฟิงเห็นซูหว่านจ้องมองรถที
“พ่อหนุ่มคิดว่า ยาอายุวัฒนะแค่เม็ดเดียว สามารถพูดคำเหล่านี้ต่อหน้าฉันฉินเทียนหู่ได้อย่างนั้นเหรอ?”ในขณะนี้พอหลิวเซียนเหนียงได้ยินคำพูดของเซียวเป่ย ก็ขมวดคิ้วอันสวยงาม และรู้สึกว่าเซียวเป่ยใจกล้าเกินไปแล้วสีหน้าของเซียวเป่ยไร้ซึ่งความหวาดกลัว แล้วกล่าวว่า: “พักนี้ท่านฉินรู้สึกแน่นหน้าอกตลอดเวลาใช่ไหม ตอนกลางคืนก็นอนไม่หลับเป็นเวลานาน?”ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้ว แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ช่างนี้ฉันนอนไม่หลับ มีปัญหาอะไรไหม?”เซียวเป่ยส่ายหัวแล้วกล่าวว่า: “ท่านฉิน นี่ไม่ใช่อาการนอนไม่หลับ แต่เป็นเพราะพลังงานรั่วไหล และสูญเสียพลังชีวิต ถ้าผมดูไม่ผิด ท่านฉินไม่เพียงแต่นอนไม่หลับเท่านั้น แต่ยังรู้สึกชาที่แขนขาด้วย บางครั้งอาจจะเป็นลมหมดสติไปชั่วขณะ”ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกมา สายตาของฉินเทียนหู่ก็เปลี่ยนไปทันทีทำไมเด็กคนนี้ ถึงได้พูดได้แม่นยำขนาดนี้?แต่ว่า แพทย์ที่อยู่ข้างกายตนบอกว่าตนเองไม่เป็นไร แค่ทำงานหนักจนเกินไป พักผ่อนให้เยอะๆก็พอแล้วดังนั้น ฉินเทียนหู่จึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูดอย่างเย็นชาว่า: “เอาล่ะ ฉันมีหมอประจำตัวอยู่ข้างกาย ถ้ามีปัญหา ไม่จำเป็นต้องให้พ่อหนุ่มมาเตือนฉั
หลิวเซียนเหนียงหันกลับมา จ้องมองเซียวเป่ยด้วยสีหน้าท่าทางที่สงสัยและประหลาดใจแล้วถามว่า “นี่คือยาที่คุณทำเหรอ?”“ใช่” เซียวเป่ยตอบอย่างเรียบง่ายบนใบหน้าที่สวยงามของหลิวเซียนเหนียงเต็มไปด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “คุณหลิวเห็นอะไรไหม?มันเป็นของจริงหรือของปลอม?”ผู้มีอิทธิพลคนอื่นๆ ต่างก็พากันเอ่ยปากสอบถามกันเป็นแถว“หลิวเซียนเหนียง คุณพูดมาตามตรงเถอะ”“ตามความคิดของผม ยาอายุวัฒนะบ้าอะไรเนี่ย เป็นของปลอมร้อยเปอร์เซ็นต์!”“ท่านฉิน ท่านสามารถดำเนินการได้เลย”เมื่อได้ยินเสียงเย้าแหย่ของคนที่อยู่รอบข้าง สีหน้าของเซียวเป่ยก็ยังคงเต็มไปด้วยความเฉยเมยสีหน้าของฉินเทียนหู่ก็เคร่งขรึมสุดขีดเช่นกัน เมื่อเห็นว่าหลิวเซียนเหนียงไม่ได้พูดเป็นเวลานาน ตัดสินด้วยตนเองในใจ เขามองไปที่เซียวเป่ยด้วยสีหน้าที่แย่มาก โบกมือแล้วพูดว่า: “ใครก็ได้มานี่ที! จับตัวเด็กคนนี้เอาไว้เดี๋ยวนี้!”ทันทีที่พูดจบ บอดี้การ์ดสองก็กำลังจะลงมือ“เดี๋ยวก่อน”ทันใดนั้น หลิวเซียนเหนียงก็เอ่ยปากพูด“คุณหลิว?” ฉินเทียนหู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยหลิวเซียนเหนียงมองไปที่เซียวเป่ยอีกครั้ง ดูเหมือนจ
“พ่อหนุ่ม พ่อหนุ่มรู้ไหมว่า คนที่หลอกลวงฉันฉินเทียนหู่จะต้องมีจุดจบอย่างไร!”ฉินเทียนหู่โกรธ!เห็นได้อย่างชัดเจนว่า หลายปีที่ผ่านมานี้ ไม่เคยมีใครกล้าเย้าแหย่ตนเอง ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ยาอายุวัฒนะ?ยืดอายุขัยได้อีกห้าปี?ยาล้ำค่าเช่นนี้ จะใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อได้อย่างไร?เซียวเป่ยกลับยิ้มเบาๆแล้วกล่าวว่า “ตอนที่ออกมาผมรีบมาก ผมหากล่องไม่เจอ ก็เลยใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อ”ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเคร่งขรึมสุดขีด ราวกับว่าเป็นเสือร้ายที่กำลังจะบ้าคลั่ง!ใครก็ได้มานี่ที! จับตัวไอ้หนุ่มที่มาก่อความวุ่นวายคนนี้ให้ฉันหน่อย!”ฉินเทียนหู่ตะคอกด้วยความโกรธทันใดนั้น บอดี้การ์ดทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังฉินเทียนหู่ก็แสดงตัวออกมา เอามือจับตรงสะเอว และจ้องมองเซียวเป่ยด้วยสายตาที่เย็นชาเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “ท่านฉิน ดูยาอายุวัฒนะของผมก่อนค่อยว่ากัน?”“ยังต้องดูอีกเหรอ?”ฉินเทียนหู่พูดอย่างย็นชาฮั่วเจิ้งซานรีบเกลี้ยกล่อมว่า: “ท่านฉิน ท่านอย่าเพิ่งใจร้อนไปเลย ปรมาจารย์เซียวไม่มีเจตนาอื่น ถ้าคุณยอมที่จะเชื่อผม โปรดให้โอกาสปรมาจารย์สักครั้ง ดูยาอายุวัฒนะนี้หน่อย
ทันทีที่เซียวเป่ยพูดคำเหล่านี้ออกมา ก็ดึงดูดสายตาของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นทันที“ยาอายุวัฒนะ?”“ยาอายุวัฒนะอะไร? ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”“พ่อหนุ่ม รู้ไหมว่านี่เป็นวาระโอกาสแบบไหน? ถ้ายังกล้าพูดจาเหลวไหลอีก ก็ไสหัวออกไปซะ!”ทุกคนดูไม่เป็นมิตรมาก และพากันตำหนิเซียวเป่ยฮั่วเจิ้งซานก็ตกตะลึง และตื่นตระหนกเล็กน้อย จากนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้วอธิบายว่า: “ทุกท่าน ต้องขออภัยด้วย ยาอายุวัฒนะที่ปรมาจารย์เซียวกล่าวถึง... เป็นยาที่เขาเพิ่งจะกลั่นทำด้วยตนเองเมื่อสักครู่นี้”หลังจากพูดประโยคนี้จบ สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในห้องส่วนตัวก็เปลี่ยนไป ตอนแรกรู้สึกประหลาดใจ จากนั้นก็รู้สึกสงสัย สุดท้ายพวกเขาก็รู้สึกโกรธ!เพียะ!ซุนฝูลู่วางถ้วยชาลงบนโต๊ะน้ำชาที่อยู่ด้านขวามืออย่างแรง และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “ท่านหัวหน้าตระกูลฮั่ว ผมให้คุณพาไอ้หนุ่มคนนี้เข้ามา ก็ถือว่าแหกกฎแล้ว ตอนนี้ไอ้หนุ่มคนนี้ยังกล้ามาพูดจาไร้สาระ และจะใช้ยาอายุวัฒนะที่พวกเราไม่เคยได้ยินมาก่อนอะไรนั่นแลกกับหินจิตวิญญาณ แถมยังเป็นของที่เขาทำขึ้นมาด้วยตนเองอีกด้วย”“ปรมาจารย์ฮั่ว คุณคิดว่าพวกเราทุกคนที่อยู่ที่นี่ โง่เขลาเบาปัญญามากหรือยังไง?