“เราออกมาแบบนี้ให้แม่พี่อยู่คนเดียวมันจะดีเหรอ”ตอนนี้เรากำลังนั่งรถออกไปทานข้าวแล้วพี่เปอร์บอกจะพาไปดูสถานที่จัดงาน“ไปแป๊บเดียว หม่าม้ามีคนดูแลไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่เป็นอะไรเห็นซึมตั้งแต่เช้าแล้ว” พี่เปอร์มองหน้าฉันอย่างเหนื่อยใจ“ดาวแค่มึน ๆ หัว คงจะนอนน้อยไม่มีอะไรหรอกค่ะ” เฮ้อ ก็ได้แต่ส่งยิ้มให้ ถ้าพี่เปอร์รู้ว่าทุกคำที่เขาคุยกับแม่ฉันได้ยินทุกคำเขาจะยิ่งหนักใจกว่าเดิม เลยเลือกที่จะเงียบยิ้มให้กำลังใจเขาแบบนี้ดีกว่า“แล้วได้โทรหาพ่อบ้างไหม ขอโทษที่ทุกอย่างมันกะทันหัน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิด ที่จริงฉันบอกพ่อไปแล้ว พ่อไม่ได้ว่าอะไรขอแค่พี่เปอร์รักและดูแลฉันก็พอ ส่วนเรื่องจัดงานแต่งมันไม่สำคัญอะไรมากมายขนาดนั้น“บอกแล้วค่ะ พ่อบอกพ่อเข้าใจ พี่ไม่ต้องเครียด” ฉันจับมือให้กำลัง พร้อมยืดตัวหอมแก้มเขาไปหนึ่งที“เดี๋ยวเถอะ” เขาพูดเสียงดุ“ชิ พี่ชอบดุดาว” ฉันย่นจมูกใส่ชวนเขาคุยนั่นถามนี่ อยากเห็นพี่เปอร์อารมณ์ดี เพราะตั้งแต่กลับมาพี่เปอร์เครียดตลอดไหนจะทำงานหนัก แต่กลับไม่เคยละเลยไม่ว่าจะไปไหนเขาจะพาฉันไปด้วยทุกที่แต่ฉันคงกลับไปรับใบปริญญากับเพื่อน ๆ ไม่ทัน ได้ยินพี่เปอร์บอกหลังจากงา
โรงพยาบาล“หม่าม้าเป็นไงบ้าง” ทันทีที่มาถึงพี่เปอร์ก็รีบวิ่งตรงไปยังห้องฉุกเฉิน โดยที่ฉันเองก็วิ่งตามเขาไปติด ๆ“หม่าม้าอยู่ในนั้นค่ะ” ยูนาพูดเสียงสั่นน้ำตาคลอเบ้า“รออยู่ตรงนี้เดี๋ยวฉันมา” พี่เปอร์หันมาสั่งแล้วรีบเข้าห้องไปทันที“…...” ฉันได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างเข้าไปด้วยความเป็นห่วง“หึ!” แต่ต้องขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อ ยูนา อยู่ ๆ ก็ยิ้มเยาะ หน้าที่เศร้าเปลี่ยนเป็นอีกหน้าทันที แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจเพราะในใจมันนึกเป็นห่วงแม่พี่เปอร์มากกว่า กลัวท่านจะเป็นอะไรมากระหว่างที่รอพี่เปอร์ ยูนาเธอก็เอาแต่ยิ้มเยาะ พูดหัวเราะทางโทรศัพท์อย่างอารมณ์ดี ดูท่าทางเธอไม่ได้เป็นห่วงแม่พี่เปอร์เลยสักนิด“ปะ”“หม่าม้าเป็นไงบ้างคะ”ฉันที่กำลังจะเอ่ยปากถามพี่เปอร์ที่เดินออกมาแต่ยูนา กลับลุกพรวดเดินเข้าไปหาพร้อมสองมือที่จับแขนพี่เปอร์แน่น“คืนนี้เราคงต้องเฝ้าหม่าม้าอยู่ที่นี่ เธอโอเคไหม” พี่เปอร์มองยูนาด้วยสายตาดุดัน ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาฉัน“ดาวไม่มีปัญหาอยู่แล้วค่ะ ว่าแต่แม่พี่เป็นยังไงบ้างคะ” ดูจากสีหน้าพี่เปอร์ท่านคงจะอาการไม่ดีเท่าไร“เส้นเลือดในสมองแตก ต้องผ่าตัดด่วน” ร่างหนาทรุดตัวนั่งลงที่เก้าอี้อย่า
“พะ...พี่หิวไหมดาวออกไปซื้ออะไรให้” น้ำเสียงตะกุกตะกักสั่นเครือมันพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา“งั้นเดี๋ยวดาวมานะ” ฉันเลือกที่จะเดินออกมาเพราะพี่เปอร์เขาเอาแต่เงียบหมับ!“พะ...พี่เปอร์จะไปไหน เดี๋ยวดาวไปซื้อของกินให้” แต่ไม่ทันจะได้ก้าวขาเดิน ร่างบางก็ถูกกระชากไปที่ลานจอดรถ“ดาวเจ็บนะ” ฉันสะบัดมือพี่เปอร์ออก มันพยายามแล้วนะที่จะไม่ร้องไห้ออกมาแต่มันก็ห้ามน้ำตาไว้ไม่ได้จริง ๆ“ไม่กินอะไรตั้งแต่เมื่อวานไม่หิวหรือไง” พี่เปอร์ถอนหายใจแรงจ้องหน้าอย่างคาดโทษ“อึก ดาว” ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี ตอนนี้มันสับสนไปหมด ฉันควรอยู่ตรงนี้ต่อไปหรือถอยห่างออกมา แต่ฉันก็ไม่อยากทิ้งเขาไปไหนในเวลาแบบนี้“มันไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ เรื่องนี้เธอไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย” พี่เปอร์เอ่ยขึ้นพร้อมเอื้อมมือมาจับมือบางแน่น“ฉันรู้ว่าเธออึดอัด และหลายวันมานี้ฉันก็เปลี่ยนไป แต่มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอเลยนะนับดาว”พรึบ!ร่างบางถูกดึงเข้าไปกอดอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว อ้อมกอดอุ่น ๆ ที่เฝ้าคิดถึงมาหลายวัน เพียงได้รับความอบอุ่นนั้นความคิดฟุ้งซ่านทุกอย่างมันก็หายไป“ไปกินข้าวอย่าดื้อ อย่าให้ต้องเป็นห่วงทั้งหม่าม้าและเธอ ตอนนี้อาการห
“ไม่รู้ว่ายูนา ทำแบบนี้เอายากล่อมประสาทให้หม่าม้ากินตั้งแต่เมื่อไหร่ ก่อนที่ฉันจะไปไทยหม่าม้าดีขึ้น แต่เวลาที่โทรหาหม่าม้าก็ไม่ได้มีอาการผิดปกติ จะมีเรื่องที่พูดด้วยแล้วหม่าม้าจะไม่พอใจและโวยวายคือเรื่อง…” พี่เปอร์หยุดพูดและเงียบไป“เรื่องดาว เพราะพี่เดือนเข้ามาอยู่ในบ้านทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้แม่พี่ไม่ชอบดาวเหมือนที่ไม่ชอบพี่เดือน ดาวเข้าใจค่ะว่าท่านรู้สึกยังไง”“ขอเวลาหน่อยนะ ตอนนี้อาการทุกอย่าง หม่าม้าแย่ไปหมด” พี่เปอร์พูดอย่างเหนื่อยใจ“ดาวเข้าใจเรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลา พี่อย่าคิดมากนะ รู้ไหมดาวเป็นห่วงพี่มากแค่ไหน”เรามองหน้าสบตากันก่อนจะมอบความรักผ่านทางร่างกายให้กันอีกครั้ง ก่อนจะลุกไปอาบน้ำแต่งตัวไปที่โรงพยาบาล แต่ฉันก็ทำได้แค่อยู่หน้าห้องเพราะไม่อยากทำให้แม่พี่เปอร์อาการหนักขึ้นถ้าหากจะเข้าไป1 เดือนผ่านไปทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมแต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือแม่พี่เปอร์ท่านต่อต้านฉันมากขึ้น หลังจากที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลนานกว่า 2 อาทิตย์ พี่เปอร์ก็พากลับมาดูแลต่อที่บ้านแน่นอนท่านไม่ยอมให้ฉันเข้าใกล้เลย พอเห็นหน้าก็จะร้องโวยวายร้องไห้ตัวเกร็งมันเป็นแบบนี้ทุกครั้ง ฉันแทบจะอยู่แค่บ
“พี่เปอร์เอาโทรศัพท์ดาวคืนมา ดาวจะคุยกับเพื่อน” ฉันเดินเข้าไปเอาโทรศัพท์คืนแต่พี่เปอร์ไม่ยอมคืน พร้อมชักสีหน้าไม่พอใจที่ฉันทักหาเตโช“เงินแค่นี้ฉันให้เธอได้นับดาว” เขาขบกรามแน่นจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง เสียงข้อความเข้าแสดงว่าเตโอนเงินให้แล้ว“สำหรับพี่มันอาจจะเป็นเรื่องเล็ก แต่สำหรับดาวมันคือเรื่องใหญ่ ดาวรักพี่เพราะดาวรักในตัวพี่ไม่ได้รักพี่เพราะเงินที่พี่มีเหมือนที่แม่พี่พูด ดาวรู้ รู้ทุกอย่างทุกเรื่องที่พี่คุยกับแม่ แต่ดาวก็เลือกที่จะเงียบเพราะดาวรักพี่ไม่อยากให้พี่คิดมาก ไม่อยากให้พี่ต้องกดดันเพราะนั่นก็แม่และดาวก็คือคนรัก”“พี่เป็นคนกลางมันลำบากใจแค่ไหนดาวรู้ เวลาเกือบสองเดือนที่อยู่ที่นี่ดาวอึดอัด อึดอัดทุกอย่าง แต่ดาวก็อดทนไม่พูดอะไร เวลาน้อยใจดาวก็แอบไปร้องไห้คนเดียว”“เพราะดาวไม่อยากให้พี่เห็นว่าดาวอ่อนแอ พี่เคยไหมเวลาถูกใครสักคนเมินทั้ง ๆ ที่เราพยายามทำให้เขาเห็นว่าเราไม่ใช่คนแบบนั้น แต่สุดท้ายก็ได้เพียงสายตาที่ดูถูกเหยียดหยาม สายตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชามันเจ็บมากแค่ไหน”“แต่ดาวก็อดทน อดทนมาตลอดเพราะดาวรักพี่เพราะดาวไม่อยากให้พี่คิดมาก” ฉันระบายความรู้สึกที่เก็บไว้ทุกอย่างออก
“กูไม่รู้จะด่ามึงคำไหนก่อนดี”“คือนับดาวเธอจะคิดแบบนั้นมันก็ไม่ผิด เพราะน้องเกรงใจมึงไอ้เปอร์ แล้วที่น้องพูดมันก็ถูกหม่าม้าไม่ชอบน้อง ถ้าน้องพาพ่อพาน้องไปอเมริกากับมึง ก็เป็นมึงเองที่จะลำบากใจ น้องรักมึงมากขนาดนี้แล้วมึง ไอ้เหี้ย! กูไม่รู้จะด่ายังไงดีวะ”“แล้วไอ้เรื่องความขี้หึงมึง ลด ๆ ลงมาบ้างเชื่อใจน่ะเชื่อใจมึงเชื่อใจน้องเขาไหม”“ขอพูดอีกเรื่องเถอะกูไม่ไหวว่ะ ความคิดมึงที่จะให้น้องพาครอบครัวน้องไปอยู่ที่นั่นด้วยมึงก็ไม่ผิด”“ที่น้องไม่ไปกับมึงน้องก็ไม่ผิด กูอยากให้มึงคิดถึงใจเขาใจเรา มึงอาจจะคิดแค่ว่าอะไรที่เป็นของมึงก็เท่ากับเป็นของนับดาว แต่นับดาวมึงก็น่าจะรู้จักดี ผู้หญิงมันไม่ได้เห็นแก่เงินกันทุกคน ไหนจะพ่อเขาอีก การที่ทำแบบนั้นมึงคิดไหมว่ามันจะทำให้พ่อเขาคิดมาก ไหนจะการอยู่การกิน คนบ้านนอกชนบทจะไปอยู่ที่แบบนั้นมันยากนะเปอร์”“กูเข้าใจมึงทั้งสองคนจากที่ฟัง ๆ น้องถูกกดดันทุกทาง ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ทุกกระทำมาตลอดทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำผิดอะไร น้องเองก็คงเสียใจไม่น้อยที่ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ ห่างกันไม่ได้แปลว่าเลิก ถ้ามึงรักนับดาวจริงระยะทางมันไม่สำคัญเท่าตรงนี้ แค่มีใจแค่นั้น”“นับดา
…ทำไมถึงเหมือนได้ขนาดนี้…“แม่จ๋า แม่จ๋าอยู่ไหน” เสียงเล็กสะอื้นดังขึ้นอีกครั้งทำให้เขาตื่นจากภวังค์ หันกลับมามองหน้าเด็กน้อยขี้แง“ไหนแม่จ๋าอยู่ไหนเดี๋ยวพาไป”พรึบ!!เขาอุ้มร่างอ้วนกลมขึ้นพร้อมคว้าจับมือเล็กเดินไปตามทางที่เด็กน้อยชี้บอก เมื่อดวงตาคู่หวานแหวว ที่พร่ามัวไปด้วยน้ำตามองเห็นแม่ที่เดินวิ่งวุ่นหัวหมุน“แม่จ๋า นั่นไงแม่จ๋าของภูพิงค์” เด็กน้อยพูดพลางสะอื้นนิ้วเล็กป้อมชี้ไปยังผู้หญิงตัวเล็ก ใส่เสื้อยืดสีชมพูรวบผมหางม้ากับกางเกงยีนเก่า ๆ“…….” เขามองเธอด้วยความตกใจเพียงเห็นแค่เงาเธอเขาก็จำได้ แต่ทำไมถึงได้ดูผอมขนาดนี้ แล้วไหนจะต้องทำงานหนักเป็นแค่เด็กกองทั้ง ๆ ที่เธอออกจะมีความสามารถสองเท้าใหญ่คู่นั้นพร้อมเท้าเล็กเดินตรงเข้าไปหาหญิงสาวที่เดินไปเดินมาหันหลังให้พวกเขา ถึงจะเห็นจากด้านหลังแต่เขาก็มั่นใจว่ายังไงก็คือเธอคนนั้น คนที่เป็นเจ้าของหัวใจเขาเพียงคนเดียว“วันหลังถ้าจะทำงานช้าแบบนี้ โน่นมาตั้งแต่ตีสี่!” เสียงผู้กำกับด่าเธอลั่นเมื่อเธอทำงานไม่ได้ดั่งใจเขา“ขอโทษจริง ๆ ค่ะ” แต่เธอก็ได้แต่ก้มหน้าเอ่ยคำขอโทษ ถอนหายใจอย่างเหนื่อยเมื่อยล้า นี่ก็ใกล้จะเที่ยงแล้วงานก็ยังไม่เสร็จ ลู
“อึก แม่จ๋า หนูอยากกินหม่ำแม่ อึก อึก” เด็กหญิงตัวน้อยมองหน้าแม่ตาละห้อย ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยงอแงแบบนี้นอกจากเวลาที่ไม่สบายจะนอนดูดนมจากเต้า“ไม่ได้ค่ะ ไว้กลับบ้านก่อนนะแม่จ๋าจะให้หนูหม่ำ” เสียงหวานพูดกระซิบกระซาบเพราะมีสายตาคู่หนึ่งคอยจ้องมองเธออยู่“หนูอยากหม่ำ อึก” แต่เด็กน้อยกลับไม่ฟัง งอแงมือเท้าเล็กที่อุ่นเริ่มเย็นเฉียบเพราะพิษไข้“ลูกเป็นอะไร” สไนเปอร์เดินเข้าไปใกล้ มือหนาแตะลงที่หน้าผากเล็ก“ตัวรุม ๆ มียาไหมหรือไปหาหมอ” เขาเอ่ยขึ้นด้วยความห่วงใย มองใบหน้าหวานที่เอาแต่นั่งนิ่งกอดปลอบลูกที่เอาแต่งอแง“ไม่เป็นไรค่ะ กินยาก็หาย”“รอแม่จ๋าอยู่กับพี่ภูผาก่อนนะคะ แม่จ๋าจะไปเอายามาให้”“ไม่เอาหนูจะกินหม่ำแม่จ๋า” ไม่พูดเปล่ามือเล็กยังถกเสื้อยืดแม่ขึ้นพยายามที่จะดูดนมจากเต้าอย่างเอาแต่ใจ“ลูกยังกิน…” สายตาคมกริบจ้องไปที่เนินอกขาวที่เจ้าของร่างกายนั้นพยายามที่จะดึงเสื้อลงแต่ลูกสาวก็ช่างงอแงเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้มันเหมือนใครนะ“ปะ...เปล่าเวลาภูพิงค์ไม่สบายจะชอบทำแบบนี้” นับดาวตอบตะกุกตะกัก ใบหน้าหวานที่เริ่มเปลี่ยนสี“แม่ครับภูผาง่วง” ไม่ทันที่สไนเปอร์จะได้พูดอะไร ภูผาเดินทำหน้างัวเงียเข้าไปหาแม
ตอนเช้า“ตื่นสายนะเรา”“เพราะใครล่ะ ดาวถึงตื่นสายแบบนี้ แล้วลูกล่ะคะไปไหนแล้ว”“ตื่นมาก็ถามหาแต่ลูกสนใจผัวบ้างไหม?” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันมองคนตัวเล็กที่ยังคงนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม“ก็ผัวอยู่ตรงนี้ ดาวไม่เห็นลูกก็ต้องถามหาลูกสิ พี่จะมางอแงทำไมกัน” นับดาวได้แต่ถอนหายใจพร้อมดันตัวลุกขึ้นนั่ง“หึ ต่อปากต่อคำเก่งนักนะ แบบนี้มันน่าเอา” สายตาเจ้าเล่ห์มองต่ำไปที่เป้ากางเกงตัวเอง“ลามก พี่หยุดลามกแล้วตอบดาวมาก่อนลูกไปไหน” นับดาวพูดจริงจัง“อยู่กับหม่าม้า เธอตื่นสายฉันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เลยพาลงไปเล่นข้างล่าง” มือหนาลูบที่หัวเมียแล้วเอาแต่ยิ้มกริ่ม“ยิ้มอะไรคะ พี่ดูแปลก ๆ นะดาวว่า” นับดาวพยายามจับผิดคนตรงหน้าที่เอาแต่ยิ้ม“ไปอาบน้ำพ่อกับตะวันรอนานแล้วนะ” เมื่อได้ยินพ่อของลูกพูดแบบนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าเขาจะพาไปที่ไหนสักแห่ง“พี่จะพาดาวไปไหนเหรอ”“ไปอาบน้ำไปถึงเดี๋ยวก็รู้เอง ให้เวลา 20 นาทีเดี๋ยวไปเล่นกับลูกรอ” เขายักคิ้วกวน ๆ พร้อมจุ๊บปากบาง แล้วเดินออกจากห้องทันที นับดาวได้แต่ทำหน้าสงสัยก่อนจะหอบผ้าห่มเดินเข้าห้องน้ำ30 นาทีผ่านไป“ช้า” ทันทีที่เห็นเมียเดินมาคุณพ่อคนหล่อก็บ่นเสียงดุ“…….” แต่เม
“แดดดี้อยากจะขอบคุณเบบี๋ที่ทำให้ผู้ชายเลว ๆ คนนี้กลับตัวกลับใจ เป็นคนดี ขอบคุณที่เบบี๋ยอมไว้ใจฝากชีวิตไว้กับแด๊ด ขอบคุณที่มอบสิ่งมีค่าที่สุดให้แด๊ด” กันต์มองไปที่ลูกสาวทั้งสองคน พร้อมส่งยิ้มให้เมียรักที่มองหน้าเขาน้ำตาคลอด้วยความซึ้งใจ“แดดดี้ขอมอบเพลงนี้แทนความรู้สึกที่แด๊ดมีต่อเบบี๋” กันต์เดินเข้าไปนั่งลงคุกเข่าร้องเพลงต่อหน้าเมียสุดที่รัก พร้อมลูกสาวจอมแสบ อย่างญี่ปุ่นที่วิ่งเข้าไปกอดหอมพ่อเพื่อให้กำลังใจ‘ที่ผ่านมานานเท่าไรกาลเวลาไม่อาจลืมหัวใจเปลี่ยนไปจากเธอคงเป็นไปไม่ได้เมื่อใจผูกพันมีแต่เธอแม้จะนอนและฝัน ฉันมีแต่เธอเท่านั้นไม่อาจแบ่งใจเผื่อไว้ให้ใครใจเมื่อเจอเธอแล้ว เหมือนคนที่เจอจุดหมายเมื่อมีเธอไม่ต้องการใครเมื่อวานก็รัก วันนี้รักเธอพรุ่งนี้ก็รักเธอ เพราะใจที่มีเธอไม่มีอีกแล้ว ใครจะมาเข้าใจฉันได้ดีอย่างเธอตอบแทนเธอรักเดียวใจเดียว’“เบบี๋รักแดดดี้ ขอบคุณนะคะที่แดดดี้ทำทุกอย่างเพื่อเบบี๋กับลูก ๆ” เบบี๋พูดเสียงสะอื้น มันตื้นตันใจจนห้ามน้ำตาไม่ได้ ก่อนสี่คนพ่อแม่ลูกจะกอดหอม แสดงความรักอย่างไม่อายสายตาทุกสายตาที่มองแล้วได้แต่ยิ้มตาม“……” มีแต่สไนเปอร์นั่งทำหน้าขรึมไม่
1 ชั่วโมงผ่านไป“แม่จ๋า พี่ตะวัน คุณตาขา” ร่างอ้วนกลมวิ่งเข้าไปกอดแม่ที่ประคองคุณตาเดินเข้าบ้าน“ไปดูลูกก่อน บ่นถึงเธอทั้งวัน” สไนเปอร์เดินเข้าไปประคองพ่อตาทันที“คิดถึงจังเลย วันนี้ภูพิงค์ของแม่จ๋าดื้อไหม” นับดาวยิ้มรับพร้อมเดินเข้าไปอุ้มลูกสาวตัวน้อยในชุดเจ้าหญิงสีชมพูน่ารัก“ไม่ค่ะ หนูเป็นเด็กดี ไม่ดื้อไม่ซนเยย” แล้วทำไมต้องอ้อนขนาดนี้ด้วย แค่นี้แม่ก็หลงลูกไม่ไหวแล้ว“พี่ตะวันกอดหนูหน่อย” พร้อมอ้าแขนป้อม ๆ ยื่นไปหาพี่ชายอีกคน“คุณตาด้วยกอดหนูหน่อยคิดถึงคุณตาที่สุดในโลกเลย” พี่ชายกับคุณตาได้แต่มองหลานสาวตัวน้อยแล้วยิ้ม ก่อนจะกอดหอมกันพักใหญ่แล้วขึ้นไปพักบนห้องที่กันต์เตรียมไว้ให้“ยิ้มอะไรคะ แล้วภูผาล่ะ ตั้งแต่มาดาวยังไม่เห็นลูกเลย” นับดาวชะเง้อคอมองหาลูกชาย“อยู่กับพี่กันต์ โดนญี่ปุ่นลวนลามทั้งวัน” สไนเปอร์พูดอย่างเหนื่อยใจ พร้อมทำหน้าบูดบึ้งเพราะหวงลูกชาย“แม่จ๋าหนูหิวหม่ำแม่” ระหว่างที่พ่อกับแม่พูดถึงพี่ชายเด็กน้อยตัวอ้วนกลับงอแงเอาเสียดื้อ ๆ“อะไรกันคะ” นับดาวจับมือเล็กที่ล้วงเข้าไปในเสื้อพร้อมจ้องใบหน้าจิ้มลิ้มที่งัวเงีย“พี่เปอร์ลูกนอนกลางวันไหม”“……” สไนเปอร์ได้แต่ส่ายหัว เพร
หลายวันผ่านไป“พี่กันต์พี่บอกลูกสาวพี่ให้หยุดวอแวลูกชายผมสักทีได้ไหมวะ” สไนเปอร์ที่เอาลูกขี่หลัง หลังเตรียมจัดงานปาร์ตี้เล็ก ๆ เซอร์ไพรส์เมียที่ออกไปรับพ่อกับน้องชาย บ่นพี่ชายที่ไล่วิ่งตามจับลูกสาวตัวแสบที่เอาแต่แกล้งคนนั้นกวนคนนี้ โดยเฉพาะภูผาลูกชายสุดที่รักพ่อเปอร์ ที่ตอนนี้กอดคอพ่อแน่นส่วนลูกสาวตัวอ้วน ๆ เล่นอยู่กับป้า ๆ หัวเราะคิกคักตามประสาผู้หญิง“เออ กูรู้แล้วไอ้เปอร์ กูก็ตามอยู่เนี่ย!”“ญี่ปุ่นแด๊ดไหว้ละ ลูกไปอยู่กับหม่ามี้ แด๊ดไม่ไหวแล้วนะ” กันต์มือเท้าเอวจ้องหน้าลูกสาว ที่ทำหน้านิ่งไม่ได้สนใจฟังที่พ่อพูดเลย“ภูผา เราไปวิ่งเล่นกันดีกว่าญี่ปุ่นไม่มีเพื่อนเลย พี่พาร์ทก็ไม่เล่นด้วยเอาแต่รักฟองเบียร์ น้องตอร์ชก็ไม่เล่นด้วยหยิกญี่ปุ่นตลอดเลย” เด็กน้อยทำหน้าน่าสงสาร“พอร์ช ลูกพอร์ช ไม่ใช่ตอร์ช คำอื่นแด๊ดก็เห็นหนูพูดชัดแล้วทำไมเรียกพอร์ชแบบนั้น” กันต์พูดอย่างเหนื่อยใจ“ตอร์ช ตอร์ช ญี่ปุ่นจะเรียกตอร์ช!!!!!”“เฮ้อ กูจะบ้าตายใครก็ได้เอาปืนมายิงกูที!!!” แต่ก็ทำได้แค่บ่น ท่องไว้กันต์ท่องไว้ ลูกกู ลูกกู ก็คือลูกกู แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัวจะตายให้ได้ จะทำยังไงลูกสาวตัวน้อยจะเหมือนลูกคนอื่น
“กูยอมลูกมึงไอ้เปอร์ กูว่าญี่ปุ่นอ้อนแล้วลูกมึงสุดจริง” กันต์ได้แต่ยิ้มอย่างดีใจที่เห็นน้องชายมีวันนี้ มีความสุขเหมือนคนอื่นได้สักที“เข้าไปกราบหม่าม้าสิ ไม่ต้องกลัว” มือหนาลูบลงที่หัวแม่ของลูกอย่างห่วงใย พร้อมเดินจูงมือเมียเข้าไปกราบแม่“หม่าม้าขอโทษ อย่าไปไหนอีกนะ คงจะลำบากมากสินะผู้หญิงตัวคนเดียวเลี้ยงลูกเพียงลำพัง” เสียงพูดที่อ่อนโยนเต็มไปด้วยความรักความห่วงใย หลังจากที่คิดอะไรได้หลายอย่างและไม่ควรมองคนแค่ภายนอก มือบางลูบลงที่หัวนับดาวที่ได้แต่นั่งยิ้มด้วยความดีใจ ที่ในที่สุดเธอจะได้อยู่กับคนที่รัก“เปอร์ขอบคุณหม่าม้าที่ยอมรับในตัวนับดาว” สไนเปอร์โผเข้ากอดแม่ โดยมีพี่ทั้งสองคนนั่งมองแล้วยิ้ม“พอ ๆ ๆ ๆ จะดึงเศร้าทำไม” กันต์พูดแทรกขึ้น“ภูพิงค์มาหาลุงสิคะ ไหนดูสิไม่เจอกันนานมาให้ลุงกอดหน่อย มาค่ะคนสวยภูผาด้วย คืนนี้นอนบ้านลุงนะรู้ไหม” พร้อมผายมือเรียกหลานรักให้เข้าไปหา“ดีเลยค่ะ ญี่ปุ่นจะได้มีเพื่อน พี่พาร์ทด้วยนอนกับญี่ปุ่นนะคะ ญี่ปุ่นอยากมีเพื่อนเล่น” ไม่พูดเปล่าญี่ปุ่นเดินเข้าไปหาภูผาที่เอาแต่นั่งกอดอก มองหน้าญี่ปุ่นอย่างเบื่อหน่าย“ทำไมทำหน้าแบบนั้นลูก” สไนเปอร์จ้องหน้าลูกอย่างส
ตอนเช้า“แม่จ๋า” เด็กหญิงตัวน้อยงัวเงียตื่น คลานเข้าไปกอดแม่ที่ยังนอนหลับอยู่ในอ้อมกอดคนตัวโต“ว่าไงคะ” ใบหน้าหวานคลี่ยิ้มให้ลูกน้อยตะแคงข้างกอดตัวอ้วนกลมแนบอก“พ่อจ๋าหนูล่ะ พ่อจ๋าไปไหน” เด็กน้อยงอแงเรียกหาพ่อทั้ง ๆ ที่ยังไม่ลืมตา“พ่อจ๋าอยู่นี่ครับมาหาพ่อมา ภูผาด้วยมาให้พ่อนอนกอดหน่อย” สไนเปอร์ยิ้มรับพร้อมอ้าแขนรับลูก“หนูจะนอนตรงนี้” เด็กหญิงตัวอ้วน ลุกขึ้นไปนอนบนตัวพ่อ“ภูพิงค์น้องตัวหนักเดี๋ยวพ่อก็หายใจไม่ออกเหมือนพี่หรอก”“พ่อจ๋า พี่ภูผาว่าหนูอ้วน” เมื่อได้ยินพี่ชายพูดแบบนั้นใบหน้าจิ้มลิ้มก็บูดบึ้งทันที“พี่ไม่ได้ว่าสักหน่อย” เมื่อเห็นน้องงอนพี่ชายก็ได้แต่ถอนหายใจ เห็นแบบนี้คนเป็นพ่อกับแม่ก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้“ชิ หนูงอนแย้ว พี่ภูผาต้องง้อหนูเยย”“พ่อจ๋า วันนี้พ่อจ๋าพาไปหาคุณตาหน่อยนะคะ” แต่ไม่ทันไรกลับเปลี่ยนเรื่องพูดเสียงเจื้อยแจ้วเรื่องอื่นลืมว่าตัวเองกำลังงอนพี่ชายเอาเสียดื้อ ๆ“ครับพ่อจ๋าพาไปแน่นอน แต่ขอพ่อจ๋านอนกอดภูพิงค์กับภูผาให้หายคิดถึงก่อน” ท่อนแขนแกร่งโอบกอดร่างเล็กของลูกทั้งสองคนไว้แนบอก ทำเอานับดาวได้แต่นั่งมองมันตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูกบ้านกันต์หลังจากที่พาลูกและ
“คิดถึงร่างกายดาว งั้นก็แสดงว่าพี่ไม่เคยคิดถึงดาว?” นับดาวเอ่ยถามออกไปอย่างน้อยใจ“หึ นึกว่าจะไม่ท้วง งอนแบบนี้ต้องง้อไหม” แต่สไนเปอร์กลับยิ้มอย่างพอใจที่เห็นเมียงอน“ก่อนจะคิดถึงร่างกายร่างนี้” นิ้วเรียวเชยปลายคางให้คนใต้ร่างเชิดหน้าขึ้นมองหน้าสบตาเขา“มันก็ต้องคิดถึงเจ้าของร่างกายคนขี้งอน แม่ของลูกฉันก่อน จริงไหม” ไม่พูดเปล่าเขายื่นหน้าหล่อคมเข้าไปใกล้ใบหน้าหวานจิ้มลิ้ม ปลายจมูกโด่งคลอเคลียพวงแก้มอย่างหลงใหล“ไม่ต้องมาปากหวานกับดาวหรอก เอาไว้ใช้กับสาว ๆ ของพี่เถอะ”“สาว ๆ ที่ไหนอย่ามาหาเรื่องตั้งแต่ฉันกลับไปฉันก็ไม่เคยมีใคร ฉันรักเธอคนเดียวนะนับดาว” จากที่ว่าจะงอนพอได้ยินเขาพูดแบบนั้นหัวใจดวงน้อยมันก็พองโตเต้นแรงแทบไม่เป็นจังหวะ“แล้วพี่ทำแบบนี้ พี่จะไม่ถามดาวเหรอว่าดาวมีคนอื่นไหม” ที่ถามก็แค่อยากจะรู้ว่าเขาจะเชื่อใจเธอมากแค่ไหน“ไม่จำเป็นเพราะฉันรู้จักเธอดี ว่าเธอรักฉันมากแค่ไหน” แต่พอได้ยินจากที่กำลังซึ้งใจกลับรู้สึกหมั่นไส้คนตัวโตขึ้นมาทันที“หลงตัวเองดาว มะ...อืม” เขาไม่รอให้เธอได้เอ่ยคำใดออกมาประทับจูบดูดเม้มกลีบปากบางอย่างหนักหน่วง สัมผัสมันเต็มไปด้วยรักและคิดถึง“ฉันรักเธอรัก
“…” เด็กน้อยพยักหน้า สวมกอดพ่ออีกครั้งทุกครั้งเวลาที่แม่พาไปเที่ยว ก็ได้แต่แอบน้อยใจเวลาเห็นเพื่อนคนอื่นมีพ่อไปด้วย ถึงจะเป็นเด็กแต่ก็มีความรู้สึกและสัมผัสได้ เวลาแม่ดูรูปแล้วร้องไห้กอดลูกน้อยทั้งสอง พออยู่ ๆ วันนี้ได้มาเจอตัวจริงเด็กน้อยก็ทำตัวไม่ถูกไม่กล้าที่จะแสดงความรักอย่างที่น้องสาวทำ ด้วยนิสัยที่เคร่งขรึม เอาแต่ใจถอดแบบจากพ่อมาทุกอย่าง“ไม่ต้องอายพ่อเข้าใจ ไอ้เสือเราเป็นผู้ชายแมน ๆ ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น” เมื่อปรับความเข้าใจกันได้สองพ่อลูกก็เล่นหัวเราะลั่นห้องทำเอานับดาวที่เดินออกจากห้องน้ำกับลูกสาวตัวอ้วนเห็นพ่อลูกนอนคุยเล่นกันก็ยิ้มไม่หุบ“ไปอาบน้ำกันได้แล้วค่ะ”“ว่าแต่พี่จะนอนที่นี่จริงเหรอ ดาวว่า” นับดาวมองไปรอบ ๆ ห้องที่เล็กยังกับรูหนู“ไอ้เสือเราไปอาบน้ำกัน”“ครับ” แล้วสองพ่อลูกก็เดินเข้าไปอาบน้ำอย่างสบายใจ“คนบ้า เอาแต่ใจตัวเองไม่เลิก” ถึงปากจะบ่นแต่กลับมีรอยยิ้มบนใบหน้า“แม่จ๋าหนูอยากใส่ชุดหมีนอน แล้วอยากกินหม่ำแม่ด้วย นะคะภูพิงค์หิวหม่ำอยากจับนุ่มนิ่มจะได้ไม่ฝันร้าย” เด็กน้อยพูดอย่างออดอ้อน ทำตาใสแป๋วอย่างน่าสงสาร“หยิกก้นเลยดีไหมไปใส่เสื้อผ้า พรุ่งนี้แม่จ๋าพาไปหาคุ
20.00 น.“ขอบคุณนะคะสำหรับวันนี้และขอบคุณที่มาส่ง” นับดาวยิ้มให้สไนเปอร์ที่ยืนทำหน้านิ่งเมื่อได้ยินเธอเอ่ยอย่างนั้น“มาส่ง” เขายื่นใบหน้าหล่อ ๆ เข้าไปใกล้เธอ“ก็พี่กำลังจะกลับแล้วนิ”หลังจากที่ทานข้าวเสร็จก็พาลูกไปเดินเที่ยวซื้อของและมาส่งลูกเมียที่ห้องพัก เพราะอยากจะเห็นกับตาว่าเธอลำบากมากแค่ไหนและต้องพูดไม่ออกเมื่อห้องที่เธอกับลูกอยู่มันเล็กกว่าห้องเก็บของบ้านเขาเสียอีก แต่เขากลับภูมิใจและรักเธอมากขึ้นถึงจะลำบากขนาดไหนแต่เธอกลับเลี้ยงลูกให้สบายไม่ได้อดอยากของเล่นน้อยใหญ่เต็มห้อง“อ๊าก!! พี่ภูผา น้องเดินได้ด้วย” สองสายตาที่จดจ้องมองตากันต้องหันขวับไปทางต้นเสียงเล็กที่กรีดร้องออกมาอย่างตื่นเต้นดีใจเมื่อเด็กน้อยภูพิงค์ได้ตุ๊กตาซานริโอ My Melody ตัวสีชมพูน่ารักที่อ้อนพ่อจนต้องซื้อให้ ไหนจะของเล่นชิ้นอื่นที่เขาไม่เอาลงจากรถ ส่วนคนพี่กลับไม่เอาอะไรสักอย่างเอาแต่เดินจูงมือแม่“ภูพิงค์เบา ๆ มันดึกแล้วนะ” ภูผาเอามือเล็ก ๆ ปิดปากน้องสาว ทันทีที่พี่ชายทำแบบนั้นภูพิงค์ก็เงียบแล้วนั่งเล่นหัวเราะคิกคักกับพี่สองคน โดยมีสายตาสองคู่ที่มองลูกน้อยทั้งสองแล้วอดที่จะยิ้มตามไม่ได้“พี่เปอร์ จะทำอะไร”“