ภายในห้อง หลังจบกิจกรรมบนเตียงไทเกอร์ก็ยังไม่รีบลุกขึ้นกลับห้องของตัวเอง เขายังนอนเปลือยไม่ยอมใส่เสื้อผ้าริมฝีปากหนากดจูบลงมาบนลาดไหลแล้วฝังเขี้ยวฟันงับเบา ๆ ก่อนจะกำชับกอดที่ทำให้ฉันรู้สึกดี“ข้างในตัวเธอโคตรแน่น”“อื้อ อย่าไซ้คอมันจั๊กจี้” พยายามเบี่ยงหนีสัมผัสแต่อีกคนก็เอาแต่ขยับมาใกล้ “กลับไปได้แล้ว”“เสร็จแล้วก็ไล่เลยนะ”“พูดจาน่าเกลียด”“เชื่อใจฉันไหม” จู่ ๆ เขาก็ถามคำที่มันจริงจังออกมา ก่อนจะพลิกตัวขึ้นคร่อมด้านบน “เชื่อใจฉันอีกครั้งได้ไหมจ๋าย”“ทำไมถึงแคร์ฉันขนาดนั้น”“เพราะฉันชอบที่เราเป็นแบบนี้”ฉันยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าคมคาย ก่อนที่ไทเกอร์จะกดจูบลงมาบนฝ่ามือแผ่วเบา ในขณะที่เขาชอบให้เราเป็นแบบนี้แต่ฉันกำลังคิดจะหยุดมัน“ไม่คิดว่าการกระทำของนายมันจะทำให้ฉันหวั่นไหวหรือไง”“ฉันรู้ว่าเธอจะไม่หวั่นไหว… ใช่ไหมจ๋าย”“…” ครั้งนี้ตั้งใจไม่ตอบเผื่อว่าเขาจะพอเดาออกบ้าง แต่ดูเหมือนไม่เลยสักนิด เพราะคนด้านบนสนใจร่างกายของฉันกว่าคิดถึงเรื่องอื่นไทเกอร์ก้มลงซุกใบหน้าตรงซอกคอของฉัน เขาพรมจูบเบา ๆ เหมือนกำลังจะมีอารมณ์ขึ้นมาอีกครั้ง“อื้อ~ พอแล้ว”“อีกแค่ครั้งเดียว”“ตั้งแต่สี่ทุ่มตอนนี้ตี
วันต่อมา จะเรียกว่าไม่ได้นอนทั้งคืนก็ได้เพราะหลับไปแค่สองชั่วโมง ตื่นมามองตัวเองหน้ากระจกตาที่บวมเปล่งดูแทบไม่ได้จนต้องรีบเข้ามาล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ“ไทเกอร์ตื่นหรือยังคะพี่เสือ” เดินออกมาจากห้องเห็นพี่เสือพอดีก็เลยเรียกถาม เพราะมีเรื่องที่ค้างคาต้องเคลียร์“ไทเกอร์กลับไปตั้งแต่ช่วงเช้าแล้วนะ จ๋ายไม่รู้เหรอ”“…” ชาไปทั้งตัวหลังพี่เสือบอกว่าไทเกอร์กลับไปแล้ว เขาไปโดยที่ไม่บอกกันสักคำ ตั้งใจทิ้งให้ฉันจมอยู่กับความรู้สึกสับสนอย่างนี้เหรอ“ถามก็ไม่ยอมตอบว่าทำไมรีบกลับ”ฉันพยักหน้าแล้วเดินผ่านพี่เสือมาเหมือนคนไร้วิญญาณ ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเขาคิดอะไรกับสิ่งที่ฉันพูดออกไป ทำไมถึงตัดสินใจกลับไปโดยไม่บอกกันสักคำอย่างนี้ฉันเหม่อนั่งมองโทรศัพท์ทั้งวันในหัวกำลังคิดว่าควรโทรหาไทเกอร์ดีไหมหรือปล่อยผ่านไปก่อนถ้าพร้อมแล้วคงยอมคุยกันยังยืนยันถึงแม้ว่าความสัมพันธ์จบลงฉันก็ยังอยากมีเขาในชีวิต สถานะเพื่อนไทเกอร์ทำได้ดีและเป็นความสบายใจเวลาอยู่ด้วย… แต่มันจะเหมือนเดิมอยู่ไหม“ทำไมไทเกอร์ถึงกลับไปล่ะจ๋าย” ใจ๋เดินมาถามทำให้ฉันค่อย ๆ คลายมือที่กำโทรศัพท์แน่นออก“พูดไปแล้ว… จ๋ายบอกความรู้สึกกับไทเกอร์แล
ฉันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พยายามข่มอารมณ์ที่กลั้นเอาไว้ และจดจำคำเตือนนั้นให้ขึ้นใจว่าต้องจัดการกับความรู้สึกของตัวเองให้ได้“ระหว่างนี้เราคงต้องห่างกันก่อนใช่ไหม”“อืม แบบนั้นก็ดีถ้ายิ่งใกล้เธอคงเผลอคิดไปไกลอีก”ไร้เยื่อใยฉันขอถอนคำพูดที่บอกว่าความสัมพันธ์ของเราไม่ใช่เรื่องผิดพลาด ตอนนี้รู้แล้วว่าการอยู่ในสถานะนั้นกับเพื่อนสนิทคือความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต“อย่าทำอีกเลยนะทุกอย่างที่เหมือนว่าฉันสำคัญกับนายมาก อย่าทำเหมือนว่านายขาดฉันไม่ได้ อย่าทำเหมือนฉันพิเศษกว่าใคร การกระทำพวกนั้นไม่ต้องทำอีก”น้ำเสียงที่เอ่ยขอออกไปมีขาดหายไปบางช่วงเพราะพยายามกลั้นไม่ให้เผลอร้องไห้ออกมาต่อหน้าเขา“ถ้าไม่ต้องการฉันจะไม่ทำ”“ขอบคุณ”“อยากมีเธอ… อยู่ในสถานะเพื่อนตลอดไปเหมือนกันจ๋าย ฉันต้องการแค่นั้น” เขาย้ำคำที่ฉันเคยพูดไปในวันนั้น แน่นอนว่าจะจำคำนี้ให้ขึ้นใจ ตอกย้ำว่าเป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้น“ต่อจากนี้ถ้ามีใครเข้ามานายอย่าห้ามหรือทำเหมือนหวงเลยนะ… ฉันอยากลองเปิดใจสักที”“อืม ก็อยากลองเหมือนกัน”อยากลองที่ว่าหมายถึงมีใครสักคนใช่ไหม น่าตลกดีที่สุดท้ายฉันก็ถูกยัดเยียดให้เป็นแค่เพื่อน“ถ้าฉันเอาใครเข
Talk - จ๋ายจากที่เคยไปมหาวิทยาลัยพร้อมไทเกอร์ตอนนี้กลายเป็นให้คนขับรถที่บ้านไปส่งแทน อย่างที่บอกว่าเขานอนคอนโด เราไม่ได้ไปกลับพร้อมกันอีกแล้ว “แม่คะจ๋ายขอไปอยู่คอนโดได้ไหม” ตัดสินใจมาพักหนึ่งแล้วว่าอยากจะอยู่คอนโด เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับไทเกอร์ แค่เหนื่อยนั่งรถเลยอยากไปอยู่ใกล้ ๆ มหาวิทยาลัยหน่อย อีกอย่างคอนโดที่ดูไว้มันก็คนละที่กับไทเกอร์ด้วย“จริง ๆ แม่ไม่อยากให้ไปอยู่คนเดียวแต่เข้าใจว่าบ้านเราอยู่ไกล” แม่พูดด้วยสีหน้ากังวล แล้วเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้จึงรีบบอก “เอาแบบนี้ไหม หนูไปอยู่คอนโดเดียวกันกับไทเกอร์สิ แม่จะได้สบายใจ”หัวใจดวงน้อยวูบไหวฉันรีบส่ายหน้าปฏิเสธแล้วหาเรื่องมาเป็นข้ออ้างยกตัวอย่างให้แม่เข้าใจ ถ้าต้องไปอยู่คอนโดเดียวกับไทเกอร์มันคงไม่ดีเท่าไร“ที่นั่นยังต้องนั่งรถไปมหาวิทยาลัยอยู่ดีค่ะ จ๋ายดูไว้แล้วคอนโดอยู่ใกล้ ๆ มหาวิทยาลัยเดินไปได้ไม่ไกลเท่าไร”“แบบนั้นอันตรายไหมลูกแม่เป็นห่วงจัง” แม่ถอนหายใจเบา ๆ ฉันจึงพยายามพูดเร้ายกตัวอย่างระบบความปลอดภัยมาให้ฟัง “ไม่ต้องห่วงเลยค่ะคอนโดนี้ระบบรักษาความปลอดภัยดีมาก ประตูสแกนลายนิ้วมือด้วย”“เอาอย่างนั้นก็ได้ลูก เดี๋ยวแม่คุ
เวลาผ่านไปแทนที่จะหยุดความรู้สึกได้แต่กลับไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย ฉันก็ยังรู้สึกมาก ๆ จนเริ่มหงุดหงิดกับตัวเอง“จ๋ายอยากไปสนามนอกเขตไหม ริวจะไปดูเฮียซ้อม” ริวจิถามขณะที่เรากำลังเดินกลับคอนโดด้วยกัน จะว่าช่วงนี้สนิทมากขึ้นก็ไม่ผิด เราสองคนคุยกันบ่อยกว่าเมื่อก่อน“พี่ชายริวที่ชื่อซิโร่น่ะเหรอ”“ใช่ ๆ อยากไปไหม”“สนามพี่ล่าใช่ไหม”“ใช่ครับ”“อื้อ ไปก็ได้” เพราะวันนี้ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีก็เลยตอบตกลงยอมไปกับริว อีกอย่างสนามพี่ล่าฉันก็เคยไปบ่อย ๆมาถึงห้องฉันก็รีบอาบน้ำเตรียมตัว จริง ๆ โทรชวนยี่หวาให้ไปด้วยกันแต่รายนั้นมีนัดกินมื้อค่ำกับครอบครัวทำให้ไปไม่ได้ผ่านมาเกือบเดือนหลังจากจบความสัมพันธ์ที่ช่องแชตของไทเกอร์ว่างเปล่า นอกจากที่มหาวิทยาลัยเราก็ไม่ได้คุยกันเลย และเหมือนว่าช่วงนี้เราคุยกันน้อยลงมากกว่าแรก ๆ ซะอีกไม่รู้ว่าไปสนามครั้งนี้จะเจอไทเกอร์ไหม แต่เหมือนว่าโซนห้องพักนักแข่งจะแยกฝั่งเป็นสัดส่วน ต่อให้เขาอยู่สนามก็คงไม่เจอกันและถึงแม้จะเจอก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก ตอนนี้มันต่างจากเมื่อก่อนสนามนอกเขตมาถึงก็เจอกับคลื่นพอดีเราแวะคุยกันตามประสาคนรู้จักโดยมีริวจิยืนรออยู่ไม่ไกล“มากับใครเหรอค
วันต่อมา ไม่มีเรียนฉันก็เลยกวาดถูห้องแก้เบื่อ ช่วงเย็นต้องกลับไปกินข้าวที่บ้านด้วย ตอนที่กำลังดูดฝุ่นอยู่ใกล้กับผนังห้องก็หันไปเจอจิ้งจกที่อยู่ห่างจากใบหน้าแค่คืบ ทำให้ตกใจเผลอกรี๊ดเสียงดังลั่น รีบถอยออกห่างยกมือทาบอกหัวใจดวงน้อยเต้นถี่รัวเพราะกลัวระหว่างที่กำลังตกใจได้ยินเสียงออดหน้าห้องดังขึ้นจึงวางอุปกรณ์ในมือลงเดินไปเปิดประตู เป็นริวจิที่กำลังทำหน้าตกใจไม่แพ้กัน“ริวมีอะไรหรือเปล่า”“ได้ยินเสียงก็เลยรีบมาดู จ๋ายเป็นอะไร”“คือ… ตกใจจิ้งจกน่ะไหน ๆ ก็มาแล้วถ้าริวไม่กลัวช่วยเอามันออกไปให้หน่อยได้ไหม”“อือได้ อยู่ตรงไหน”“นั่น เกาะตรงนั้นไม่ขยับเลย” ฉันชี้ไปทางผนังห้องที่มีจิ้งจกเกาะอยู่ จากนั้นริวจิก็เดินไปจับมันออกให้แบบไม่กลัวเลยสักนิด“เดี๋ยวดูให้ว่ามีอีกไหม”“ฮืออออ~ ขอบคุณนะริว” ฉันส่งสายตาขอบคุณอย่างสุดซึ้งให้เพื่อนตัวสูงที่มักจะใจดีเสมอระหว่างที่ริวจิเดินดูรอบ ๆ ผนังห้องฉันก็ดูดฝุ่นต่อ แต่ทำไปได้ไม่นานก็ต้องหยุดเพราะมีสายโทรเข้า พอเห็นว่าเป็นเบอร์ของไทเกอร์ก็เกิดอาการหนักอึ้งกลางอกอย่างทุกที“ว่าไง” ฉันรับสายแล้วถาม(เอาเสื้อผ้ามาให้ อยู่ห้องไหน)“ทำไมไม่บอกก่อน” ลืมไปเลยว่า
ช่วงเย็นกลับมาที่บ้าน เพิ่งรู้ว่าทางบ้านฉันกับบ้านไทเกอร์นัดกินข้าวเย็นด้วยกันก็ตอนที่มาถึง เพราะว่าก่อนหน้านี้มีบางอย่างเกิดขึ้นยิ่งทำให้ฉันกับเขาแทบไม่มองหน้ากันเลย“เดี๋ยวพรุ่งนี้จ๋ายไปลองชุดกับไทเกอร์นะลูก” ชุดที่แม่ว่าคือชุดที่จะใส่ในงานแต่งใจ๋ ฉันได้เป็นเพื่อนเจ้าสาวส่วนไทเกอร์เป็นเพื่อนเจ้าบ่าว ทำให้เราต้องไปลองชุดด้วยกัน“จ๋ายไปเองก็ได้ค่ะ” รีบขัดขึ้นมาทำให้ทุกคนมองอย่างแปลกใจเพราะปกติฉันไม่เคยค้านเวลาไปไหนมาไหนกับไทเกอร์ พอถูกมองทำให้กดดันจึงเปลี่ยนคำพูด “เอ่อ… ไปกับไทเกอร์ก็ได้ค่ะ”“ให้ใจ๋ไปเป็นเพื่อนไหม” เพราะเห็นอาการของฉันไม่ค่อยดีใจ๋จึงรีบถาม แต่ถูกแม่ขัด “ใกล้ถึงวันแต่งแล้วห้ามออกจากบ้านนะลูก”“ห่วงอะไรนักหนา” คำนี้ไทเกอร์เป็นคนพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าและท่าทางที่ดูหงุดหงิด ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นอะไรถึงได้แสดงออกอย่างนั้นทั้งที่ตรงนี้มีผู้ใหญ่อยู่ด้วย“เด็ก ๆ ทะเลาะกันหรือเปล่าลูก แม่สังเกตเห็นจ๋ายกับไทเกอร์ไม่ค่อยไปไหนมาไหนด้วยกันเหมือนเมื่อก่อนเลย”ได้ยินคำถามนั้นฉันก็หลบหน้าหลบสายตาทุกคู่ที่กำลังรอฟังคำตอบ พยายามคิดหาข้ออ้างแต่ไม่รู้จะพูดยังไงคิดอะไรไม่ออก จนกระทั่งไทเกอร
ไทเกอร์ผละตัวออกห่างไม่มีแม้แต่คำพูดออกมาจากปาก เราสองคนต่างก็หันหลังให้กันลองชุดของใครของมัน แต่ตอนนี้สมองของฉันกลับเอาแต่คิดสับสนกับการกระทำของคนที่บอกว่าอยากเป็นแค่เพื่อน บางครั้งก็เฉยชาใส่ บางครั้งก็หงุดหงิดไร้เหตุผล บางครั้งก็เข้ามาใกล้จนเกินไปเขากำลังทำให้ความรู้สึกของฉันดิ่งลงเหวเรื่อย ๆทุกครั้งที่ห่างออกไปเราเหมือนแม่เหล็กที่ถูกดูดกลับเข้ามาให้ใกล้กันอย่างเดิม แต่ความใกล้ชิดนั้นควรจะอยู่ในขอบเขตของคำว่าเพื่อนอย่างที่ควรจะเป็น กลับมาคอนโด เป็นเวลาเกือบชั่วโมงที่ฉันเอนหลังไปกับโซฟาเงยหน้ามองเพดานห้อง ไม่รู้ตัวเลยว่าน้ำตามันไหลอาบแก้มตั้งแต่เมื่อไร รู้ตัวอีกทีก็ตอนได้ยินเสียงออดถึงได้รู้ว่าตัวเองร้องไห้รีบเช็ดน้ำตาจากแก้มก่อนจะลุกขึ้นไปเปิดประตู เป็นริวจิที่กำลังยืนยิ้มอยู่หน้าประตู“ว่าไงริว”“จะมาชวนไปคลับคืนนี้ จ๋ายอยากไปไหมริวไม่บังคับนะ”“ริวไปกับใครเหรอ”“แก๊งริวเอง เพื่อนกันทั้งนั้น”เพื่อนของริวก็เรียนคลาสเดียวกันแต่ฉันไม่ได้สนิทกับใครเพราะแทบไม่เคยพูดคุยกันเลยด้วยซ้ำ แต่จำหน้าได้ทุกคน“อื้อไปสิ”ฉันพยักหน้าตอบตกลงทำให้ริวยิ่งยิ้มกว้าง ที่ไปด้วยก็เพราะในหัวมีแต่เรื่อง
หลายเดือนต่อมาฉันย้ายมาพักห้องพิเศษวีไอพีที่โรงพยาบาลเพราะใกล้จะถึงกำหนดคลอดแล้ว จริงๆ ไม่ได้มีวันตายตัว แต่หมอบอกว่าไม่น่าเกินสองวันนี้ เราจึงตกลงกันไว้มาอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อรอคลอดเลยน่าจะสะดวกกว่า เพราะวันก่อนฉันปวดท้องมาก ทีแรกคิดว่าจะคลอดแล้วแต่พอมาถึงโรงพยาบาลอยู่ๆ ก็หายปวดซะงั้น ยัยลูกสาวตัวแสบของฉันขี้แกล้งใช่ไหมล่ะ“จ๋ายตอนนี้เป็นไงบ้าง” ม่านกั้นรอบเตียงถูกเปิดออกพร้อมกับไทเกอร์ที่โผล่หน้าเข้ามาถาม“ยังไม่มีอาการอะไรเลยไทเกอร์” ที่ฉันต้องขอให้พยาบาลปิดม่านไว้ก็เพราะกันไม่ให้ไทเกอร์ตื่นตูมมากเกินไป ตั้งแต่เมื่อวานที่มาถึงจนตอนนี้เขาถามฉันทุกๆ ห้านาทีเลยว่าเป็นยังไงบ้าง ก้นนั่งไม่ติดโซฟาด้วยซ้ำ พอจะเข้าใจว่าตื่นเต้นเพราะเขากำลังจะเป็นพ่อคน แต่มันก็ออกจะเกินไปหน่อย“จ๋าย ฉันว่าเราจ้างหมอให้มายืนรอเตรียมคลอดไว้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยดีกว่า เพราะถ้าจะคลอดขึ้นมาจะได้ลงมือทันทีเลย แบบนี้ดีไหม” น้ำเสียงของไทเกอร์ติดๆ ขัดๆ ฟังดูลนลานพูดผิดพูดถูก“ไทเกอร์ใจเย็นๆ ไม่ต้องถึงขั้นนั้นหรอก ถ้าจะคลอดจริงๆ ก็แค่กดปุ่มตามหมอมา” “แต่ว่า..” “ถ้านายดื้อฉันจะกลับบ้านนะ” “อย่านะ ไม่ได้สิ เอาแ
หลังหมั้นได้สามวันฉันกับไทเกอร์นั่งเครื่องไปยังเกาะส่วนตัว ที่ต้องรีบไปเพราะอีกไม่นานมหาวิทยาลัยก็จะเปิดเทอมแล้วคงไม่มีเวลา แถมท้องเริ่มโตขึ้นเรื่อย ๆใช้เวลาเดินทางไม่นานเราสองคนก็มาถึงเกาะส่วนตัว ที่ที่เป็นความทรงจำไม่ดีสักเท่าไรสำหรับฉัน แต่เชื่อว่าครั้งนี้ไทเกอร์สามารถลบเรื่องราวเหล่านั้นออกไปได้อย่างที่เคยให้คำสัญญาเอาไว้เพราะความทรงจำเกิดขึ้นที่นี่มากมาย มองไปทางไหนก็เจอแต่เรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเราสองคน“เข้าบ้านกันครับ” ไทเกอร์เดินมาหยุดข้าง ๆ สองมือหิ้วกระเป๋าใบใหญ่ ครั้งนี้เขาอนุญาตให้ฉันใส่บิกินีหรือชุดโชว์หุ่นได้ตามสบาย ไม่ต้องแปลกใจที่ใจดีขนาดนี้เพราะเกาะแห่งนี้ไม่มีใครอยู่เลยนอกจากเราสองคน“เล่นน้ำกันนะ” “หืม?”“ก็นายอนุญาตให้ใส่บิกินีได้ทั้งที” ฉันทำปากมุ่ยมุบมิบเพราะไทเกอร์เอาแต่ขมวดคิ้ว พอตอบไปแล้วเขากลับยิ้มแบบนี้มันแกล้งกันชัด ๆ“แกล้งทำไม”“รู้ไหมเวลาทำปากแบบนี้แล้วน่าจูบขนาดไหน”“ขนาดไหนเหรอคะ” ฉันเขย่งเท้าขึ้นเอาหน้ายื่นไปใกล้ ถึงอย่างนั้นก็ยังสูงไม่เท่าไทเกอร์จนเขาต้องโน้มลงมา แต่พอเขาทำท่าจะจูบก็รีบขยับตัวหนีพร้อมส่งยิ้มหวานให้“เอาคืนแบบนี้?”“ขัดใจเห
ไทเกอร์กับฉันตื่นเช้าด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้น เพราะเราสองคนนับวันจนผ่านมาถึงวันที่เฝ้ารอนั่นคือการไปอัลตราซาวนด์ ครั้งแรกที่เราจะได้เห็นเบบี๋น้อย แต่คนที่ตื่นเต้นมาก ๆ ก็ไม่พ้นคนที่บ้านต่างโทรมาถามกันยกใหญ่ ไทเกอร์รับสายจนแทบไม่ได้พักแล้วพูดคำเดิมซ้ำ ๆ ว่าไม่รู้เพศกำลังจะเข้าห้องไปอัลตราซาวนด์“ตื่นเต้นไหม” ลุงหมอถาม“ตื่นเต้นครับ แต่คนที่บ้านตื่นเต้นกว่า” พอไทเกอร์บอกอย่างนั้นลุงหมอก็หัวเราะเบา ๆ“ธรรมดาหลานคนแรกของตระกูล”ลุงหมอบีบเจลสีใสเนื้อสัมผัสหนืดลงมาบนท้องของฉัน จากนั้นก็เอาเครื่องบางอย่างมาถูวน ๆ ก่อนจะปรากฏภาพในจอตรงหน้าพร้อมเสียงคลื่นหัวใจครั้งแรกที่ได้เห็นทารกตัวน้อยผ่านจอหัวใจของฉันมันก็เต้นรัว รีบเงยหน้ามองไทเกอร์ เขายิ้มให้ฉันพร้อมมือที่บีบแน่น คงตื่นเต้นมากแน่เลยเพราะมือแอบสั่นด้วย“จมูกพุ่งมาเลย” ลุงหมอค่อย ๆ เลื่อนดูไปทีละจุดช้า ๆ พร้อมพูดบอกว่าตรงนั้นคือส่วนไหนของร่างกาย“ปกติแข็งแรงตามอายุครรภ์”“ถึงเวลาดูเพศแล้ว หนูน้อยไหนหันมาให้ลุงดูหน่อยเร็ว”ทั้งฉันและไทเกอร์ต่างเงียบสายตาโฟกัสไปบนจอด้วยความตื่นเต้น ลุงหมอใช้เวลาดูอยู่ไม่นานก็หันมายิ้ม“ผู้หญิงนะ ใช่อย่างที
… ผ่านไปเกือบเดือน ตอนนี้ฉันกำลังนั่งดูแบบชุดที่จะใส่วันหมั้น เราได้ฤกษ์มาแล้วเป็นเดือนหน้า ดูรวบรัดหน่อยต้นเหตุก็เพราะไทเกอร์ขอเลือกวันที่เร็วที่สุดถึงได้หัวหมุนกันอย่างดี โชคดีที่เชิญแค่คนสนิทไม่ใช่งานใหญ่อะไรอย่างที่เคยคุยกันไว้ช่วงนี้ฉันกับไทเกอร์อยู่ที่คอนโดซะมากกว่าที่บ้าน เหตุผลก็เพราะเขาอยากให้เรามีเวลาอยู่ด้วยกันเพิ่มขึ้น ถึงบ้านจะหลังติดกันแต่เข้า ๆ ออก ๆ นอนห้องเดียวกันรู้สึกว่ามันดูไม่ค่อยดี ถึงที่บ้านจะไม่ว่าอะไรก็ตาม เราคุยกันแล้วพ่อกับแม่ก็อนุญาตแต่ช่วงท้องเดือนที่เจ็ดต้องกลับไปอยู่บ้านจะได้มีคนช่วยดู ช่วงนั้นไทเกอร์ก็ต้องเรียนด้วยไม่มีเวลามาคลุกอยู่กับฉันทั้งวันอย่างตอนนี้ “ชุดนี้สวยไหม” ฉันถามคนที่นอนบนตัก ทางร้านส่งแบบมาให้ที่คอนโด หลังจากเลือกแล้วก็จะสั่งคนมาวัดตัว เป็นร้านของเพื่อนสนิทแม่ก็เลยไม่ต้องได้ไปด้วยตัวเอง“ครับ จ๋ายใส่ชุดไหนก็สวย”“หยุดคลั่งรักฉันแล้วลุกขึ้นมาเลือกชุดก่อนดีไหม” ฉันมองค้อนไทเกอร์ เขาไม่เห็นจะเลือกเลยเอาแต่นอนหนุนตักทำปากมุบมิบคุยกับลูกอยู่ได้“หยุดไม่ได้ มีแต่จะคลั่งรักเมียมากขึ้นทุกวัน”แปะ!! พอได้ยินอย่างนั้นก็รีบฟาดมือที่ไหล่เขาทันที
“ทะ... ไทเกอร์พอแล้ว อ๊ะ~” ฉันพยายามใช้มือดันตัวเองออกห่างจากลิ้นสากที่ละเลงเลียเม็ดเสียวอย่างไม่ยอมฟังคำห้าม“อ๊าง~ พอแล้ว อ๊า~”เขามันบ้าเอาแต่ใจตัวเองที่สุด!!!ไม่ว่าจะเอ่ยห้ามสักเท่าไรไทเกอร์ก็ไม่มีท่าทีว่าจะยอมหยุด เขาเร่งจังหวะสัมผัสร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนร่างของฉันสั่นสะท้าน ความร้อนรุ่มร้อนแล่นพล่านไปทั่วร่างกาย สองมือจิกลงบนผ้าปูที่นอน พยายามข่มกลั้นแต่ยิ่งพยายามระงับกลับยิ่งรู้สึกราวกับถูกไฟแผดเผา“หวาน” ใบหน้าหล่อผละออกมาจากกลางลำตัวแล้วพูดพร้อมใช้ลิ้นเลียขอบปาก ฉันที่มองอยู่รู้สึกอายจนไม่รู้จะอายยังไงแล้ว “โรคจิต!!” พอไทเกอร์ลุกขึ้นออกจากเรียวขาก็รีบดึงผ้าห่มมาคลุมท่อนล่างที่เปลือยเปล่าเอาไว้ทันที เขาเห็นอย่างนั้นก็หัวเราะออกมา“มาว่าโรคจิตได้ยังไงจ๋าย เมื่อกี้เธอเพิ่งปลดปล่อยใส่ปากฉันแท้ ๆ”“หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลยนะ”“รู้ไหมรสชาติของเธอมันหวานมากเลย”“ทำไมชอบแกล้งกันอยู่เรื่อย”ฉันมุ่ยปากใส่ก่อนจะเบือนหน้าหนีร่างหนาที่กำลังล้มตัวลงนอนข้าง ๆ เขาทำตีมึนตาใสเอาแขนมาวางตรงท้องแล้วลูบไปมาอย่างทุกครั้ง“งอนบ่อย ๆ เดี๋ยวลูกจะขี้งอนตามแม่นะ”“ทฤษฎีไหนของนายอีก” หันกลับมามองคนที่กำลั
เช้าวันใหม่ตื่นขึ้นมาก็ได้กลิ่นหอมโชยเข้ามาในห้อง ฉันพยุงตัวเองลุกขึ้นก่อนจะยกแขนบิดขี้เกียจไปมา จากนั้นก็เดินเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันหลังทำธุระเสร็จฉันเดินมาหาไทเกอร์ที่ครัว เขาอยู่ในชุดกันเปื้อนกำลังยืนทำอาหารอย่างตั้งใจ โดยทำตามวิธีที่เปิดดูจากยูทูบ“วันนี้ทำอะไรให้ฉันกิน”ฉันเดินมาถามใกล้ ๆ ก่อนคนตัวสูงในชุดกันเปื้อนจะหันมาแล้วก้มลงจูบบนหน้าผาก ก่อนจะตอบ“ผัดผักใส่หมูสับ”“เอาใจเก่งจังเลยนะ”“ไม่ได้ทำเพราะเอาใจ ทำเพราะอยากทำ” ไทเกอร์หันกลับไปสนใจกระทะที่กำลังเปิดไฟร้อนผัดหมู ส่วนฉันก็ขยับออกห่างเล็กน้อยเพราะกลัวไปเกะกะเขา“นายได้ทำอะไรพี่ฝนกับเพลงหรือเปล่า” เพราะรู้สึกว่าสองคนนี้เงียบหายไปเลยไม่มาวุ่นวายกับเราสองคนแล้ว ก็เลยถามดู เขาอาจจะทำอย่างที่เคยทำกับแป้งตอนนั้นที่จู่ ๆ ก็หายไปไม่กล้ายุ่งกับไทเกอร์อีก“ทำไมถามแบบนั้น”“ฉันรู้สึกว่าสองคนนั้นเงียบหายไปเลย นายทำอะไรหรือเปล่า”“เธอห้าม แล้วฉันจะกล้าขัดคำสั่งได้ยังไง” เขาตอบโดยไม่หันมามอง เอาแต่ก้มหน้าก้มตาสนใจของที่อยู่ในกระทะ“ถ้าทำฉันก็ไม่ว่าอะไร แค่ไม่อยากให้โกหก”จู่ ๆ ไทเกอร์ก็วางตะหลิวในมือก่อนจะปิดแก๊สแล้วหมุนตัวหันมาป
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปคอนโด วันนี้ไทเกอร์เป็นคนขอพ่อกับแม่ว่าจะพาฉันนอนที่คอนโด พอเขาพูดแม่ก็ไม่เคยห้ามอะไรเลยคิดดูสิว่ารักลูกเขยคนนี้มากขนาดไหน ตั้งแต่เด็กจนโตแม่ชมไทเกอร์นับครั้งไม่ถ้วน“ดูสิท้องเริ่มออกแล้ว” ฉันเลิกเสื้อขึ้นโชว์ให้ไทเกอร์ที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาดู เมื่อกี้ส่องกระจกในห้องน้ำแล้วเห็นว่ามันนูนขึ้นมากกว่าเดิมก็เลยรีบบอกเขาด้วยความตื่นเต้น“รู้แล้ว” “ได้ยังไง นายรู้ก่อนฉันได้ยัง”“ฉันลูบท้องเธอทุกวัน”นั่นสิไม่น่าถามเลย ไทเกอร์น่ะลูบท้องฉันบ่อยมาก ๆ เวลานั่งใกล้กันมือของเขาจะวางตรงท้องอัตโนมัติทันที แต่ฉันนี่สิไม่สังเกตดูตัวเองเลย“มานั่งตักพี่เร็วคนสวย” ไม่พูดเปล่าเขาตบมือลงบนท่อนขาของตัวเองเพื่อเรียกให้ฉันไปนั่ง“ไม่เอา นายชอบลวนลาม”“โธ่จ๋าย แค่จับนิดบีบหน่อยเท่านั้นเอง” คนตัวสูงทำหน้าอ้อนและก็เป็นฉันที่แพ้อีกเช่นเคย มองสายตาที่หวานเยิ้มคู่นั้นก่อนจะเดินมานั่งลงบนตัก“คิดถึงตอนนั้นที่เราชอบดูหนังด้วยกัน แต่แทบไม่รู้เลยว่าเนื้อหาหนังที่ดูเป็นยังไง รู้ตัวไหมว่าขี้อ่อยขนาดไหน” เขาถามแล้วยกมือขึ้นมาบีบแก้มของฉันเบา ๆ ก่อนจะโน้มใบหน้ามาเอาปลายจมูกโด่งลากไล้พร้อมหอมฟอดใหญ่“คิ
ลืมตาตื่นขึ้นในตอนเช้าก่อนจะคิดถึงเรื่องราวเมื่อคืนจนทำให้ใบหน้าร้อนผ่าว ตอนนี้ฉันกำลังนอนอยู่ในอ้อมกอดของไทเกอร์ ภาพที่เขาจูบลงบนท้องซ้ำ ๆ ยังวนเวียนอยู่ในหัวทำให้ใจเต้นแรงเวลานึกถึงค่อย ๆ ขยับตัวหันมานอนตะแคงมองใบหน้าหล่อของคนที่กำลังหลับอยู่ ดีใจที่เขากลับมาเป็นรอยยิ้มให้อีกครั้งอย่างที่เคยพูดเอาไว้ ไม่ใช่แค่ไทเกอร์ที่อยากขอบคุณ ฉันเองก็อยากขอบคุณเขาเหมือนกันผ่านไปครู่ใหญ่ไทเกอร์ก็ลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เขาทำคือยิ้มแล้วขยับริมฝีปากมาจูบลงบนหน้าผากของฉันแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนมาหอมแก้มสองข้างและปิดท้ายด้วยการกดจูบลงบนริมฝีปาก“ตื่นนานหรือยัง”“ไม่นาน ก่อนที่นายจะตื่นแป๊บเดียวเอง”“ดีใจ ฉันดีใจมากจริง ๆ” พูดจบเขาก็ดึงให้ฉันเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดแน่น แล้วกดจูบลงบนหน้าผากซ้ำ ๆ หลายรอบ“รู้แล้วว่าดีใจแต่อย่ากอดแน่นมากหายใจไม่ออกแล้ว” พอบอกอย่างนั้นแขนแกร่งก็ค่อย ๆ ผ่อนแรงแต่ไม่ได้ปล่อยกอด“ขอบคุณครับ ขอบคุณที่ให้อภัยกัน” ฉันไม่ได้ตอบอะไรหวนคิดถึงเมื่อคืนที่ไทเกอร์ร้องไห้ออกมาหลังพูดคำว่าให้อภัย เขาทำให้รู้สึกได้ว่ารักฉันมากและรอคอยคำนี้มาตลอด พอได้ยินก็เหมือนถูกปลดล็อกทุกอย่าง“ขอบคุณนายเหมือน
เมื่อรู้ว่าใกล้จะหยุดตัวเองไม่ได้ ไทเกอร์เป็นฝ่ายผละออก เขาเอาหน้าผากของตัวเองแตะลงมาบนหน้าผากของฉันแล้วค้างไว้อย่างนั้นเป็นเวลานานถึงเวลาสักที ตอนนี้ฉันเองก็พร้อมจะเริ่มต้นใหม่แล้วเหมือนกัน เสียงจากความรู้สึกมันร้องบอกอย่างนั้น ฉันค่อย ๆ ยกมือขึ้นประคองใบหน้าคมคาย ก่อนจะขยับริมฝีปากมาจูบแผ่วเบาบนปากหยัก เป็นจูบที่ไม่รุกล้ำไปกว่าการเอาปากแตะกันแค่นั้น ทบทวนกับตัวเองอีกครั้งถึงการเริ่มต้นใหม่เพื่อย้ำเตือนว่าครั้งนี้ระหว่างเราสองคนจะไม่มีอะไรผิดพลาดอีก“ให้อภัย… ฉันให้อภัยนาย” หลังที่ต่างเงียบไปนาน ฉันเป็นฝ่ายพูดก่อน ราวกับอีกคนหูดับไปชั่วขณะ ไทเกอร์นิ่งไม่ขยับจนฉันต้องค่อย ๆ ผละใบหน้าออกห่างเพื่อมองว่าตอนนี้เขากำลังทำสีหน้าแบบไหน“… ขอบคุณครับ… ขอบคุณที่ให้อภัย” เสียงทุ้มปนสั่นเครือตอบแผ่วเบา หลังเอ่ยคำนั้นน้ำสีใสก็ไหลอาบแก้มเขาใช่แล้วเขาร้องไห้ร่างหนาสั่นโยนจากแรงสะอื้นทำให้ฉันเริ่มทำตัวไม่ถูก เพราะไม่คิดว่าประโยคสั้น ๆ นั้น จะทำให้ไทเกอร์ร้องไห้หนักขนาดนี้“ฉันรอ ฮึก~ รอคำนั้นมาตลอดเลยจ๋าย”“ฮึก~ ขอบคุณ”“ขอบคุณที่กลับมาเริ่มต้นใหม่กับคนเอาแต่ใจ ฮึก~ อย่างฉัน”“หยุดร้องไห้ก่อนไทเ