"ฉันเห็นด้วยนะคะ บอกตามตรงว่าฉันเองก็กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับยายจันทร์เหมือนกัน คุณบรรพตน่ะเขาไม่ใช่คนดีอะไร ลองว่าเขากล้าทำได้ขนาดนี้ อีกหน่อยเขาก็คงทำเรื่องที่แย่ยิ่งกว่านี้แน่นอน" พรรณียิ้มบาง ๆ ส่วนจันทร์เจ้านั้นได้แต่อ้าปากจะทักท้วงแต่ก็ไม่ทันชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้าม
"ผมก็คิดเหมือนคุณน้าครับ ไม่รู้ว่าวันดีคืนดีจะให้คนมาดักฉุดคุณจันทร์รึเปล่า เท่าที่รู้มาประวัติเสียของผู้ชายคนนั้นยาวเป็นหางว่าว ทางที่ดีทางเราก็ควรจะต้องหาทางป้องกันตัวเองไว้บ้าง"
"แต่บ้านของท่านประธานอยู่ไกลจากที่นี่พอสมควร ฉันว่าคงไม่จำเป็นหรอกมั้งคะ"
จันทร์เจ้ารีบท้วงออกไปทันทีก่อนจะไม่มีโอกาสได้พูด ใช่ว่าเธอหยิ่งที่ไม่รับความช่วยเหลือจากเขา แต่เธอกลัวใจตัวเองว่าหากให้เขามารับมาส่งทุกวันแล้วเธอจะเกิดความเคยชินที่เขามาเอาอกเอาใจและทำดีด้วย แล้ววันไหนที่เขาเบื่อหรือไม่เต็มใจทำขึ้นมา คนที่จะเสียความรู้สึกและเจ็บปวดอีกครั้งก็คือเธอ
"ไม่ไกลหรอก ขึ้นทางด่วนมาลงตรงนี้แป๊บเดียวก็ถึง"
ชินดนัยยิ้ม เขาเกือบหลุดปากไปแล้วว่าเมื่อครู่ที่ขับมาจากบ้านเขาจนมาถึงที่นี่ก็ใช
นภวรรณบุ้ยหน้าไปทางบุตรชายที่เดินหน้าตึงเข้ามาในบ้าน รัมภากับระรินดาหันขวับไปมองชินดนัยทันที รัมภานั้นมีสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยเพราะมาคอยอีกฝ่ายอยู่ร่วมชั่วโมง อีกทั้งก่อนหน้านี้ตนเห็นกับตาว่าชายหนุ่มขับรถเข้ามาในบ้านแล้ว และจู่ ๆ ก็ขับออกไปอีกทั้งที่ยังไม่ก้าวขาลงจากรถเลยด้วยซ้ำแต่ระรินดานั้นยิ้มหวานให้เขาอย่างเปิดเผย ท่าทีเชิดหน้าจนคอตั้งบ่าอย่างคนหยิ่งจองหองเวลาไปปรากฏตัวที่ออฟฟิศของชินดนัยนั้นไม่มีให้เห็น ตอนนี้เหลือแค่เพียงหญิงสาวผู้เรียบร้อยอ่อนหวาน"สวัสดีครับคุณน้า" ชายหนุ่มยกมือไหว้ผู้มาเยือนตามมารยาท อีกฝ่ายจึงพยักหน้าให้พร้อมกับยิ้มบาง ๆ"สวัสดีค่ะพี่ชิน" ระรินดาทักทายเขาด้วยเสียงหวานหยด ชายหนุ่มจึงตอบรับสั้น ๆ แล้วเดินผ่านห้องรับแขกไปเพื่อจะขึ้นไปห้องของตัวเองที่อยู่ด้านบน"ผมขอตัวไปหายายนุชก่อนนะครับ" เป็นเพราะบิดาของเขาไปตีกอล์ฟกับก๊วนเพื่อนสนิท ในบ้านมีเพียงมารดากับน้องสาวเขาเท่านั้น สองแม่ลูกนั่นถึงได้กล้านั่งแช่อยู่ในบ้านเขานาน ๆ อย่างนี้ชญานุชไม่ค่อยชอบระรินดานัก เรื่องนี้เขารู้ดี เพราะทุกครั้งที่อีกฝ่ายมาที่บ้าน น้องสาวของเขาจะหน
"คุณแม่ครับ ผมจะพาน้องออกไปข้างนอกนะ จะพาไปกินไอติมน่ะ"นภวรรณมองหน้าบุตรชายแล้วถามสิ่งที่คาใจตั้งแต่เมื่อตอนบ่าย"ก็ไหนว่าคืนนี้มีนัดดินเนอร์กับสาวไม่ใช่หรือเรา ตกลงจริงรึเปล่าที่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนกับเขาแล้วน่ะตาชิน""กำลังจะมีครับ" เขายิ้มกว้างก่อนพูดต่อ"ก็ที่จะพายายนุชไปกินไอติมด้วยกันนี่ก็เพราะนัดเขาไว้ด้วยนั่นแหละครับ ความจริงวันนี้ผมกะจะพามาเปิดตัวสักหน่อย แต่เข้าบ้านมาแล้วเห็นรถของคุณน้ารัมภา ผมก็เลยรีบขับออกไปก่อนที่จะมีปัญหา""เป็นใครที่ไหนหรือลูก แล้วทำงานทำการอะไร""เลขาฯ ส่วนตัวของผมเองครับคุณแม่ ถ้าคุณแม่ได้เจอเธอรับรองว่าคุณแม่ต้องชอบ" เขาเดินตามมารดามาที่ห้องนั่งเล่น เห็นชญานุชเดินลงมาจากชั้นบนพอดีจึงเอ่ยปากถาม"พร้อมจะไปกันรึยัง เจ้าหญิงน้อย"ชญานุชยิ้มบาง ๆ "พร้อมค่ะ""งั้นก็ไปกันเลย ผมกับน้องไปก่อนนะครับคุณแม่"จากนั้นสองพี่น้องก็ออกจากบ้านเพื่อมุ่งหน้าสู่บ้านของจันทร์เจ้า ใช้เวลาไม่ถึงสี่สิบนาที ชินดนัยก็มาจอดรถไว้ข้างกำแพงที่เดิม ล็อกรถเรียบร้อยเขาก็เดินไปกดกริ่งหน้าประตูคนที่เดินมาเปิ
ในโถงรับรองของคอนโดมิเนียมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยามีชายหนุ่มสองคนกำลังนั่งคุยกันเบา ๆ ด้วยท่าทางเคร่งเครียดระหว่างที่รอเจ้าของห้องลงมารับ"เรื่องแบบนี้ทุกอย่างมันต้องชัวร์ว่ะ ไอ้หมอนั่นกับเพื่อนมันก็ไม่ใช่พวกกระจอกที่เราจะเล่นงานได้ง่าย ๆ นะเว้ย"ภาวินอดกังวลไม่ได้ เพราะกิตติศัพท์ความร้ายกาจของบรรพตกับเพื่อนเป็นที่รู้กันในกลุ่มนักท่องราตรีตัวยง หากใครอยากมีชีวิตสงบสุขก็อย่าได้เอาตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคนกลุ่มนี้อย่างเด็ดขาด"พวกเราถึงต้องมาช่วยกันวางแผนไง" ชินดนัยพูดพลางมองไปทางหน้าลิฟต์ เขาเห็นปกเกล้ากำลังใช้คีย์การ์ดรูดที่แป้นแล้วเปิดประตูกระจกกวักมือเรียกตนกับภาวิน จึงลุกขึ้นแล้วเดินไปหา"ทำอะไรอยู่วะ พวกกูมานั่งรอตั้งนาน" ภาวินอดถามไม่ได้ เพราะนัดไว้สามทุ่มแต่ตอนนี้สามทุ่มเกือบครึ่งแล้วแต่ปกเกล้าเพิ่งจะลงมารับ"โทษทีว่ะ ติดสายคุยกับแม่อยู่"ปกเกล้าพูดด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ อย่างเบื่อหน่าย ทำให้เพื่อนทั้งสองคนรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายคงถูกมารดาบังคับให้ไปดูตัวอีกแล้ว"ฮ่า ๆ คราวนี้ใครอีกวะ กูว่ามึงก็รีบหาเมียแต่งงานแต่งการสักทีส
"ตอนที่คุณมาหาดาด้าช่วงนั้นน่ะ อาการที่คุณเป็นอยู่ก็คล้ายแพนิกนะ เพียงแต่ยังไม่ถึงขั้นที่ว่าวิตกจนเก็บไปคิดเองเออเอง ตอนนั้นคุณวิตกกังวลกับการรอคอย แค่คุณไอ ไข้ขึ้น หรือเจ็บคอนิดหน่อย คุณก็เริ่มคิดว่าเชื้อเอชไอวีอาจจะกำลังแพร่กระจายอยู่ในตัวคุณทั้งที่ความจริงแล้วคุณแค่เครียดจัดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ร่างกายคุณก็เลยอ่อนแอลง แต่พอรู้ผลออกมาว่าคุณไม่ติดเชื้อ ความวิตกกังวลพวกนั้นก็หายไปทันที ดาด้าถึงบอกว่าคุณยังไม่ได้เป็นโรคแพนิก""อย่างนี้ก็หมายความว่าสองคนนั้นน่าจะทำเรื่องบางอย่างกับน้องสาวผม จนแกกลัวและจำฝังใจใช่ไหม" ชินดนัยนึกถึงอาการของน้องสาวเมื่อวาน จึงหยุดเดินแล้วยืนกอดอกเอาสะโพกพิงกับโต๊ะทำงาน"อาจเป็นไปได้ ตอนที่คุณพาน้องนุชออกไปดูหนังด้วยกันคราวที่แล้วเธอมีอาการยังไงบ้างล่ะ พอจะจำได้ไหม"ชายหนุ่มนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมาช้า ๆ"ตอนไปถึงห้างแรก ๆ สายตาแกดูหลุกหลิก มองซ้ายมองขวาตลอดเหมือนกับว่ากลัวเจอใครสักคน บางครั้งยายนุชก็บีบมือผมแน่นแล้วตัวเกร็งนิด ๆ แต่สักพักก็ค่อย ๆ หายไป สีหน้าของแกตอนนั้นเหมือนโล่งอกน่ะ แต่ผมก็ทำเป็นไม่เห็นความผิดปกติข
เสียงเคาะประตูดังขึ้นสามครั้ง ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นจันทร์เจ้า เลขาฯ สุดที่รักของเขาแน่นอน เขาขานรับออกไปประตูก็เปิดออกตามมาด้วยร่างโปร่งระหงของหญิงสาวคนที่เขากำลังนึกถึงเดินถือเอกสารชุดหนึ่งเข้ามาด้วย"มีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ จริงสิ มีผลการสอบสวนที่มีลูกค้าไปตั้งกระทู้เรื่องส่งซ่อมนาฬิกาที่ศูนย์แล้วนะคะ" เธอพูดพลางเดินไปนั่งบนโซฟารับแขก เขาจึงเดินตามไปนั่งบ้าง หญิงสาวจึงยื่นเอกสารชุดนั้นมาให้เขาชายหนุ่มรับไปอ่านอย่างตั้งใจ จันทร์เจ้าเห็นเขาอ่านอยู่นาน อีกทั้งหัวคิ้วยังขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เขาเอื้อมไปหยิบปฏิทินตั้งโต๊ะมาพลิกเปิดไปเดือนที่มีปัญหา จากนั้นก็ทำสีหน้าครุ่นคิด"สรุปแล้วเป็นทางเราที่ผิด อะไหล่ส่งมาช้าเพราะติดปัญหาเรื่องวันหยุดยาวของที่โน่น แต่เรากลับไม่แจ้งให้ลูกค้าทราบตรงจุดนี้ ฝ่ายที่ทำหน้าที่เบิกอะไหล่ก็ไม่แจ้งให้ฝ่ายบริการลูกค้าทราบ มันคือการสื่อสารผิดพลาดของบริษัทเราแต่ผลกระทบไปตกอยู่ที่ลูกค้า" ประธานหนุ่มถอนหายใจแผ่วก่อนจะตัดสินใจพูดกับเลขาฯ ส่วนตัว"แจ้งฝ่ายบริการลูกค้าไป บอกว่าพี่อนุมัติให้สั่งเรือนใหม่ให้ลูกค้า"จันทร์เจ้าเลิกคิ้
ชินดนัยนั่งหน้ายู่ทำปากยื่น มือข้างหนึ่งลูบแขนตัวเองไปมาพลางมองหญิงสาวที่นั่งกอดอกอยู่เบื้องหน้าด้วยสายตาตัดพ้อ"หยิกมาได้ เจ็บนะเนี่ย""จะเข้าเรื่องได้รึยังคะ" จันทร์เจ้าถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แค่เธอเผลอไผลไปกับเขาเพียงชั่วครู่ คนนิสัยเสียก็ฉวยโอกาสหาเรื่องกอบโกยเอาจากเธอจนได้"เข้าก็ได้" เขาทำเสียงกระเง้ากระงอดจนหญิงสาวฟังแล้วอยากจะแอบอัดเสียงไปเปิดให้บรรดาเลขาฯ รุ่นพี่ที่อยู่ด้านนอกได้ยินกันเหลือเกิน จะได้รู้กันสักทีว่าท่านประธานผู้แสนอ่อนโยนและใจดีนั้น แท้จริงแล้วนิสัยไม่ต่างจากเด็กห้าขวบเลย"เมื่อกี้พี่คุยกับดาด้าเรื่องยายนุช เขาบอกว่ายายนุชน่าจะเป็นโรคแพนิก มันเป็นโรคที่เกี่ยวกับการวิตกกังวลหรือหวาดกลัวเวลาเจอสิ่งกระตุ้นน่ะ อาการก็แบบที่พวกเราเห็นกันเมื่อวาน แต่ตรงนี้ก็ยังไม่คอนเฟิร์มว่าจะเป็นโรคนี้จริงไหม ต้องรอให้ดาด้าไปเจอกับยายนุชแล้วได้คุยกันก่อนถึงจะวินิจฉัยได้อีกที""เคยได้ยินมาเหมือนกันค่ะ ตอนที่พี่ตะวันเป็นโรคซึมเศร้า หมอก็พูดถึงโรคแพนิกให้ฟังด้วย เมื่อวานน้องนุชเจอสองคนนั้นแล้วกลัวจนวิ่งมาหลบอยู่หลังคุณ หรือว่าพวกเ
"หนูจันทร์เอ๊ยหนูจันทร์ ด่าคำอื่นเป็นบ้างไหมเนี่ย"ตั้งแต่รู้จักกับจันทร์เจ้ามา เขาไม่เคยได้ยินคำหยาบหลุดออกมาจากปากของหญิงสาวเลยสักครั้ง และคำสามคำที่เขาได้ยินบ่อยที่สุดก็หนีไม่พ้นคำว่า นิสัยเสีย นิสัยไม่ดี และน่าเกลียด ซึ่งสามคำนี้ล้วนเป็นคำที่เธอใช้ต่อว่าเขาบ่อยที่สุดไม่ว่าจะเป็นตอนเรียนมหาวิทยาลัย หรือจนกระทั่งบัดนี้บ่ายวันเดียวกัน นักสืบที่ปกเกล้าติดต่อให้ก็มาพบชินดนัยตามนัด จันทร์เจ้าจึงต้องเข้าไปนั่งคุยด้วยเพราะต้องให้รายละเอียดของบรรพตเท่าที่ตนรู้ให้อีกฝ่ายทราบ แต่เรื่องของอติวิชญ์นั้นเธอไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้เลย ส่วนชินดนัยก็รู้แค่ว่าอติวิชญ์เป็นบุตรชายของเจ้าของนิลนารถอินทีเรียเท่านั้น แต่สำหรับนักสืบนั้นข้อมูลเท่านี้ก็เพียงพอต่อการตามสืบแล้วหลังจากนักสืบคนนั้นได้ข้อมูลแล้วก็กลับไป ซึ่งสิ่งที่ชินดนัยต้องการนอกเหนือไปจากความเคลื่อนไหวของบรรพตกับเพื่อนก็คือเขาอยากรู้ว่าระหว่างนี้มีหญิงสาวตกเป็นเหยื่อยานรกอีกหรือไม่ เพราะเขาอยากได้คลิปนั้นเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี และถ้ามีคนตกเป็นเหยื่อจริง นักสืบจะลงมือช่
"แหม ไม่มีคนให้เอาก็บอกแล้วว่าให้มาเอากับพี่ รับรองว่าจะจัดให้อย่างถึงใจจนลืมไอ้เจ้านายหน้าอ่อนของเธอไปเลยละ ว่าแต่คืนนั้นเป็นยังไงบ้างล่ะ เดินขาถ่างกลับบ้านเลยรึเปล่าจ๊ะน้องจันทร์""หุบปากไปเดี๋ยวนี้เลยนะ อย่าคิดว่าคนอื่นเขาจะเลวเหมือนคุณ"มือข้างหนึ่งของหญิงสาวกำเข้าหากันแน่นเพราะโกรธจัด และอาการของเธอนั้นก็ไม่รอดพ้นสายตาของชินดนัยไปได้ แม้ว่าเสียงที่เธอพูดคุยกับคนปลายสายจะเบาแสนเบาจนเขาคาดเดาไม่ถูกว่าคุยกันเรื่องอะไร แต่คนที่โทรศัพท์เข้ามานั้นเขาคิดว่าน่าจะเป็นตัวปัญหาที่เขากับเพื่อนกำลังหาทางโยนมันเข้าคุกอยู่ในตอนนี้"โถ...น้องจันทร์จ๋า พูดจี้ใจดำแค่นี้ทำเป็นโกรธ จะบอกพี่ว่าคืนนั้นไม่ได้ถูกเจ้านายขย่มทั้งคืนอย่างนั้นหรือ ฮ่า ๆ ใครเชื่อก็บ้าแล้ว หรือถ้าเป็นเรื่องจริงก็หมายความว่าไอ้หนุ่มนั่นคงไก่อ่อนน่าดู มีผู้หญิงมานอนแบให้ขนาดนั้นยังไม่เอา แต่ช่างเถอะ ที่พี่โทร. มานี่ก็เพื่อจะบอกให้น้องจันทร์ไปถอนแจ้งความซะ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าพี่ไม่เตือน เพราะถ้าอยากให้แม่กับหลานอยู่บ้านอย่างสงบสุขก็ทำตามที่พี่บอก ถอนเสร็จแล้วก็มาขอโทษพี่ด้วยนะ แต่พี่จะยกโทษให้รึเปล่านั้น
"อ้าว แล้วพี่ออกมาก่อนแบบนี้พวกพี่ ๆ เขาไม่ว่ากันหรือคะ""ไม่ว่าหรอกน่า พวกพี่จะนัดกันเมื่อไรก็ได้ ต่อให้ไม่มีพี่ มันสองคนก็นัดชนแก้วกันเป็นประจำอยู่แล้ว อีกอย่างนะ พวกมันก็เข้าใจดีว่าเคสของหนูจันทร์เป็นเคสที่พี่ต้องจัดให้เป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง"ชินดนัยยิ้มพลางหยิบขวดไวน์มารินใส่แก้วให้หญิงสาวอีกครั้ง จันทร์เจ้าเบิกตากว้างเพราะตนเพิ่งดื่มเข้าไปแค่ไม่กี่จิบเท่านั้น ไวน์ยังเหลือในแก้วตั้งเยอะแต่เขากลับรินให้จนเลยครึ่งแก้วขึ้นมา"พอแล้วค่ะ จะมอมกันหรือไง พี่ก็รู้ว่าจันทร์ดื่มไม่เก่ง"ชินดนัยมองเธอด้วยสายตาร้อนแรงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงต่ำพร่าว่า"พี่รู้ว่าจันทร์ดื่มไวน์ไม่เก่ง แต่เวลาที่จันทร์เมาจันทร์จะดูดน้ำอย่างอื่นได้เก่งมากเลย เพราะฉะนั้นพี่ก็ต้องมอมสักหน่อย"จันทร์เจ้าหน้าแดงขึ้นมาทันทีเพราะรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร หญิงสาวจึงปิดปากเงียบไม่พูดอะไรที่จะเป็นการเข้าเนื้อตัวเองอีกชายหนุ่มมองสีหน้าขัดเขินของเธอแล้วก็นึกอยากพรมจูบไปให้ทั่วใบหน้า แต่เพราะเกรงว่าตนอาจจะไม่จบลงแค่จูบจึงได้แต่สะกดกลั้นความต้องการของตัวเองไว้ พลางหาเรื่องอื่นมา
มือของเขาเลื่อนขึ้นมาจนสัมผัสได้กับเส้นเล็ก ๆ บาง ๆ ของกางเกงชั้นใน จากนั้นเขาก็จับเอวของเธอไว้แล้วผละออกห่างเล็กน้อยเพื่อมองภาพความสวยงามที่หาได้ยากแบบนี้ให้เต็มตา"เซ็กซี่มากที่รัก พี่ชอบมากเลย"สายตาร้อนแรงของเขาราวกับจะแผดเผาเธอได้ ยอมรับว่าอายแสนอายจนรู้สึกได้ถึงความร้อนที่พุ่งขึ้นมากระจุกอยู่บนใบหน้า แต่เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นเป้ากางเกงของเขาก็ฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง เพราะยังไม่ถึงหนึ่งนาทีเลยด้วยซ้ำ แต่ความพรักพร้อมของเขานั้นปูดโปนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดจันทร์เจ้าเอาแขนออกจากคอของชินดนัยแล้วดึงกระโปรงลง จากนั้นก็ใช้นิ้วเกี่ยวหูกางเกงของเขาพลางดึงเบา ๆ แล้วพูดว่า"ไปที่โต๊ะกันดีกว่าค่ะ จันทร์เพิ่งอุ่นเสร็จเมื่อกี้เอง ไวน์ก็เพิ่งเอามาแช่ใหม่ ถ้าไม่ดื่มตอนนี้เดี๋ยวน้ำแข็งจะละลายเสียก่อน"เธอดึงหูกางเกงของเขาเพื่อให้ชายหนุ่มเดินตามมาที่โต๊ะอาหาร ชินดนัยเดินตามอย่างว่าง่ายจนกระทั่งมาถึงโต๊ะจึงกดบ่าของเขาให้นั่งลงบนเก้าอี้"เดี๋ยวจันทร์รินไวน์ให้นะคะ"หญิงสาวยิ้มหวานให้ก่อนหันหลังให้เขาแล้วเอื้อมหยิบขวดไวน์ที่อยู่อีกฝั่งของโต๊ะ แต่เพราะชุ
เมื่อเดินเข้าไปด้านใน แค่แจ้งชื่อของปกเกล้าก็จะมีพนักงานสาวสวยพาเขาไปยังโต๊ะที่จองเอาไว้ทันที"อ้าว ไอ้ปกยังไม่มาหรือ" ชินดนัยเห็นภาวินนั่งอยู่เพียงลำพังจึงถามถึงเพื่อนอีกคน"คงกำลังมาแหละมั้ง เห็นว่ามีเรื่องด่วนนิดหน่อย...ของพี่คนนี้โซดาอย่างเดียวนะจ๊ะ" ภาวินตอบพลางหันไปบอกกับบันนี่สาวที่มีหน้าที่ผสมเหล้าอยู่ข้างโต๊ะ"เฮ้ย...เรื่องด่วนที่ว่าหมายถึงเรื่องนี้เองหรือวะ" ชินดนัยยิ้มเจ้าเล่ห์พลางบุ้ยหน้าไปทางชั้นล่าง ภาวินจึงมองลงไปบ้างก็เห็นปกเกล้ากำลังจูงมือหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาในคลับด้วยจะว่าไปแล้วน่าจะเรียกว่าฉุดลากกันมากกว่า เพราะดูจากท่าทางไม่เต็มใจของผู้หญิงที่ปกเกล้าพามาด้วยกันนั้นก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายถูกบังคับให้มาที่นี่"น่ารักดีว่ะ อย่างกับเด็กมหาลัย ไอ้ปกไปหามาจากไหนวะเนี่ย"ภาวินอดสงสัยไม่ได้เพราะปกติแล้วเวลานัดสังสรรค์กันในหมู่เพื่อนสนิท จะไม่มีใครพาผู้หญิงมาด้วยเด็ดขาดเพราะกลัวงานกร่อย และกฎนี้ปกเกล้าก็เป็นคนตั้งขึ้นเองด้วยซ้ำแต่เจ้าตัวกลับทำผิดกฎเสียเอง"กูว่าคนนี้คงไม่ธรรมดาเว้ย มึงดูสิไอ้ปกเคยเป็นแบบนี้ที่ไหน ทำอย่างกับจับ
สุดท้ายแล้วจันทร์เจ้าก็ไม่ได้ซื้อของขวัญวันเกิดให้ชินดนัย ดังนั้นหลังจากที่รับประทานมื้อเที่ยงกับภัทรพลเสร็จแล้วเธอจึงกลับขึ้นไปบนออฟฟิศตามเดิม ทว่านั่งทำงานไปได้ไม่เท่าไร หญิงสาวก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงเดินเข้าไปหาผู้เป็นทั้งเจ้านายและคนรักในห้องทำงานของเขา"จันทร์ขอลางานครึ่งวันนะคะพี่ชิน คุณแม่ติดธุระก็เลยไปรับหนูพราวที่โรงเรียนไม่ได้ค่ะ จันทร์เลยต้องไปรับแทน""งั้นหรือ...อืม งั้นก็ไปเถอะ ถึงบ้านแล้วโทร. หาพี่ละกัน พี่จะได้ไม่เป็นห่วง" เขายิ้มพลางกางแขนออกกว้าง หญิงสาวจึงอดค้อนให้เขาไม่ได้ แต่กระนั้นก็ยังเดินเข้าไปก้มตัวลงเล็กน้อยแล้วโผไปซุกในอ้อมอกของเขาชินดนัยหอมขมับของเธออย่างแสนรัก หากแต่มือเจ้ากรรมก็ยังไม่วายซุกซน บีบบั้นท้ายของหญิงสาวเล่นอย่างเคยตัว ผลลัพธ์ที่ตามมาคือถูกเจ้าของบั้นท้ายหยิกเข้าที่เอวเต็มแรง"นิสัยไม่ดีตลอดเลยพี่ชินเนี่ย เผลอเป็นไม่ได้"จันทร์เจ้าบ่นให้เขาพลางผละออกห่างแล้วยืนเต็มความสูงตามเดิม จากนั้นก็เดินไปที่ประตูห้องทำงาน"จันทร์ไปก่อนนะคะ ถึงบ้านแล้วจะโทร. หาค่ะ" พูดจบก็เปิดประตูเดินออกไปจึงไม่ทันเห็นว่าใบ
ชายหนุ่มไม่แสดงท่าทีเอาอกเอาใจมากจนเกินไปอย่างที่ผู้ชายคนหนึ่งปฏิบัติต่อหญิงสาวที่ตนมีใจให้เพราะไม่ต้องการให้เธอรู้สึกอึดอัด ซึ่งนับว่าเป็นผลดีกับเขามากเพราะจันทร์เจ้าพูดกับเขาอย่างที่คุยกับคนรู้จักทั่วไป ไม่มีท่าทีปิดกั้นหรือระแวงจนเขาไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้เธอทั้งคู่สั่งกับข้าวมาสามอย่าง หลังจากสั่งอาหารเรียบร้อยแล้วโทรศัพท์ของภัทรพลก็มีสายเรียกเข้า ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นสายจากเลขานุการของตนเขาจึงต้องกดรับเพราะหากไม่ใช่เรื่องสำคัญ เลขาฯ ของเขาจะไม่โทร. มาในเวลาพักเที่ยงอย่างนี้เป็นแน่"ผมขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์สักครู่นะครับ" เขาพูดกับจันทร์เจ้าแล้วรีบลุกขึ้นก้าวเร็ว ๆ ออกจากร้านอาหารทันที จากนั้นก็เดินห่างออกไปจากหน้าร้านโดยเดินไปทางห้องน้ำเพราะตั้งใจจะเข้าไปทำธุระส่วนตัวด้วยชินดนัยเห็นผู้ชายที่อยู่กับแฟนสาวของตนกำลังเดินคุยโทรศัพท์ไปทางห้องน้ำ เขาจึงเดินอ้อมจากอีกด้านตามไปทันทีชายหนุ่มคนนั้นคุยโทรศัพท์เสร็จก็จัดการทำธุระส่วนตัว ส่วนชินดนัยก็ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์อ่างล้างมือเพื่อรออีกฝ่ายอย่างใจเย็น จนกระทั่งผู้ชายคนนั้นเดินมาล้างมือในอ่างท
จันทร์เจ้ากลอกตามองเพดาน ได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ อย่างหยอกเย้าจากเลขาฯ รุ่นพี่ที่นั่งอยู่ใกล้กัน เธอก็ได้แต่ยิ้มอย่างจนใจ"ไม่รีบเข้าไป เดี๋ยวท่านประธานก็ออกมาตามด้วยตัวเองอีกหรอก"นันทิดาพูดจบก็หัวเราะคิกคัก เพราะท่านประธานหนุ่มไม่เคยปิดบังความรู้สึกที่ตนมีต่อเลขาฯ ส่วนตัวคนนี้สักนิด ช่วงแรกที่จันทร์เจ้าคบหากับท่านประธานก็มีเพียงคนกันเองอย่างพวกตนที่เป็นเลขานุการด้วยกันเท่านั้นที่รู้แต่หลังจากที่มีโปรแกรมเมอร์หนุ่มคนใหม่เข้ามาทำงานที่บริษัทแล้วแสดงออกว่าสนใจเลขาฯ ของท่านประธานจนถึงขนาดเอ่ยปากชวนไปเลี้ยงข้าวกลางวัน ซึ่งพอเรื่องนี้เข้าหูผู้เป็นเจ้านายอย่างชินดนัย ท่านประธานหนุ่มก็แสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของอย่างออกนอกหน้าทันทีโดยไม่สนใจว่าพนักงานคนอื่นจะมองอย่างไรทั้งเดินจูงมือจันทร์เจ้า บางคราวก็โอบไหล่โอบเอว แม้ว่าหญิงสาวจะพยายามเอ่ยปากเตือนหลายครั้งแต่ท่านประธานก็ยังคงทำตามใจตัวเองเรื่องนี้ผ่านมาหลายเดือนแล้ว และพนักงานทุกคนก็รับรู้กันถ้วนหน้าว่าท่านประธานกับเลขาฯ ส่วนตัวนั้นกำลังคบหาดูใจกันอยู่ นานวันเข้าจากที่ทุกคนเคยตื่นเต้นกับเรื่องนี้ก็เร
ในเช้าวันทำงานอันแสนวุ่นวาย จันทร์เจ้าค่อย ๆ เคลื่อนรถไปบนท้องถนนอย่างเชื่องช้าเพราะการจราจรติดขัดอย่างผิดปกติ หญิงสาวถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายพลางคิดในใจว่าข้างหน้าคงเกิดอุบัติเหตุเป็นแน่ เธอมองเวลาบนแผงคอนโซลหน้ารถ อีกแค่สิบห้านาทีก็จะถึงเวลาเข้างานแล้ว แต่ตอนนี้เธอยังไม่ครึ่งทางเลยด้วยซ้ำจึงตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะโทร. ไปบอกชายหนุ่มผู้ซึ่งพ่วงทั้งตำแหน่งเจ้านายและชายคนรักว่าตนคงเข้าทำงานสาย"อุ๊ย! แย่จริง" จันทร์เจ้าพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิดเมื่อโทรศัพท์เกิดหลุดมือหล่นไปอยู่ใกล้เท้า เธอมองทางข้างหน้า เห็นว่ารถยังคงเคลื่อนตัวไปได้อย่างเชื่องช้าจึงเหยียบเบรกค้างไว้ครึ่งเดียวเพื่อชะลอความเร็วรถก่อนจะก้มลงเก็บโทรศัพท์มือถือกึก!"อุ๊ยตายแล้ว!" หญิงสาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าชั่วเสี้ยววินาทีที่ตนละสายตาจากท้องถนนเพื่อก้มเก็บโทรศัพท์นั้นจะส่งผลให้รถของเธอชนเข้ากับรถคันหน้าเข้าจนได้ แม้จะไม่รุนแรงเพราะรถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วไม่ต่างจากคลาน แต่อย่างไรเสียก็ถือว่าเธอเป็นฝ่ายผิดที่ไปชนเขาก่อนรถคันหน้าจอดนิ่งพร้อมกับเปิดไฟกะพริบ จากนั้นประตูฝั
จันทร์เจ้าเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย "ทำไมหรือคะ พี่ชินเจออะไรมาหรือ"ชินดนัยถอนหายใจแผ่วก่อนจะตัดสินใจเล่าให้หญิงสาวฟัง หลังจากเล่าจบเขาก็พูดขึ้นว่า"ตอนแรกพี่ว่าจะไม่บอกจันทร์ เพราะเดี๋ยวจันทร์จะหาว่าพี่ขี้ฟ้อง คิดเล็กคิดน้อยกับเพื่อนของจันทร์ แต่มาคิดดูอีกที เพื่อนแบบนี้ไม่มีเสียยังจะดีกว่า""ช่างเขาเถอะค่ะ จันทร์เลิกใส่ใจเรื่องของวีวี่มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ปล่อยให้เขาแข่งไปคนเดียวเถอะ"ชายหนุ่มยิ้มละไมเพราะคิดไว้อยู่แล้วว่าเธอต้องพูดแบบนี้"พรุ่งนี้เจอกันที่จุดนัดพบตรงปั๊มน้ำมันนะ อย่าตื่นสายล่ะ"ชายหนุ่มแกล้งเย้าเพราะรู้อยู่แล้วว่าจันทร์เจ้าไม่ใช่คนตื่นสาย เธอยู่หน้าใส่ชายหนุ่มแล้วใช้นิ้วจิ้มแก้มเขาไม่แรงนักก่อนพูดว่า"บอกตัวเองเถอะค่ะ จันทร์ว่ารถจันทร์ไปถึงก่อนทุกคนแน่นอน"สุดสัปดาห์นี้เป็นวันหยุดยาว ทั้งสามบ้านจึงนัดกันไปเที่ยวทะเลปราณบุรี ต่างคนต่างขับรถไปบ้านใครบ้านมันโดยยึดเอาปั๊มน้ำมันใหญ่ตรงถนนวิภาวดีเป็นจุดนัดพบ"จะรอดูคนขี้คุย โอเคครับพรุ่งนี้เจอกัน"ชายหนุ่มยื่นหน้าเข้าไปจูบหญิงสาวเป็นการลาเมื่อถึงห
"ฉันยังไม่แจกตอนนี้ รอนังวีวี่มาก่อน นี่ฉันอุตส่าห์บอกมันว่านัดกันตอนหกโมงครึ่งนะเนี่ย แต่นี่ปาไปทุ่มครึ่งแล้วนางยังไม่เสด็จมา ใครก็ได้จุดธูปเรียกมันหน่อยซิ"ทันทีที่ไปรมาพูดจบ ประตูห้องวีไอพีที่จัดเลี้ยงก็ถูกเปิดออก ตามมาด้วยร่างระหงในชุดเดรสรัดรูปสีดำ เจ้าตัวเยื้องย่างเข้ามาในห้องราวกับนางพญาโดยไม่ยอมสบตาใคร เมื่อถึงเก้าอี้ว่างก็วางกระเป๋าสะพายแบรนด์ดังที่หลายคนรู้ดีว่าราคาไม่ต่ำกว่าสามแสนลงบนโต๊ะ จากนั้นจึงค่อยกวาดตามองทุกคนทั้งรอยยิ้มเรียวปากสีสดของวรัชยาค่อย ๆ หุบลงเมื่อเห็นชายหนุ่มเพียงหนึ่งเดียวที่นั่งอยู่ ก่อนจะพึมพำอย่างแผ่วเบา"พี่ชิน" สายตาของวรัชยาเบนไปที่หญิงสาวข้างกายเขา "ยายจันทร์""โอ๊ยหล่อน เปิดตัวมาแบบรัชดาลัยเธียเตอร์มาก เขานัดกันหกโมงครึ่งแต่หล่อนเพิ่งมาเอาป่านนี้ โหงพรายที่หล่อนเลี้ยงไว้เพิ่งกระซิบบอกรึไงยะ" เพื่อนที่เป็นสาวประเภทสองคนหนึ่งอดแขวะวรัชยาไม่ได้"ฉันก็ต้องมีติดธุระกันบ้างสิ ฉันไม่ได้ทำงานเป็นพนักงานประจำเหมือนพวกเธอนะ ฉันมีธุรกิจส่วนตัวก็รู้ ๆ กันอยู่"วรัชยาพยายามวางตัวให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะชายห