ยุพินไม่ได้เล่าให้คุณท่านฟังถึงเรื่องที่ถูกคุณไพฑูรย์คุกคาม แม้จะตกใจแต่หญิงสาวก็ยังคิดในแง่ดีว่าคุณไพฑูรย์คงไม่มีเจตนา ส่วนกับคุณอนงค์นั้น ยุพินเลือกหลบหน้าให้มากเท่าที่จะทำได้ เวลาดำเนินต่อไปจากสองเดือนเป็นสี่เดือน ยุพินใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในบ้านหลังใหญ่ กลางวันเธอทำหน้าที่ดูแลคุณท่านในวันที่คุณท่านไม่ได้เข้าบริษัท ส่วนกลางคืนเธอก็ทำหน้าที่ปรนเปรอให้ความสำราญแก่คุณท่านบนเตียง ยุพินมีความสุขดี มีความสุขจนลืมเลือนคำพูดของคุณอนงค์และการกระทำของคุณไพฑูรย์ไปสนิทใจ จนกระทั่งเช้าวันหนึ่งที่เธอตื่นมาพร้อมอาการวิงเวียนและหน้ามืด "ยุพิน!" ไพศาลออกมาจากห้องน้ำพอดีก็รีบปรี่เข้ามาประคองร่างนวล ใบหน้าของยุพินซีดเผือดไร้สีเลือด ท่าทางโรยแรงทั้ง ๆ ที่เมื่อคืนยังปกติดี "เป็นอะไรไป" "ยุพินเวียนหัวค่ะ" "ไปหาหมอดีกว่า" "ไม่เป็นไรค่ะคุณท่าน ยุพินพักนิดหน่อยน่าจะดีขึ้น ขอโทษด้วยค่ะที่วันนี้ยุพินตื่นสาย" "ไม่เป็นไร เธอป่วยนี่นะ" ไพศาลอยากแย้งแต่ก็ไม่อยากบังคับฝืนใจคนที่ขี้เกรงใจอย่างยุพิน เขาได้แต่กำชับเสียงเข้มว่า "แต่ถ้าไม่ดีขึ้นต้องไปหาหมอนะยุพิน ฉันไม่อยากเห็นเธอป่วยหนักมากไปกว่านี้" "ขอบคุณคุณ
"หมายความว่าอย่างไรคะคุณพ่อ" ไพศาลไม่ตอบคำถามลูกสะใภ้ เขาเดินผ่านหน้าสองคนนั้นเหมือนไร้ตัวตนไปที่ยุพิน คุณท่านถอดสูทคลุมให้หญิงสาวที่ถูกตราหน้าว่าเป็นนางบำเรอแล้วโอบประคองอย่างทะนุถนอม "เจ็บมากไหมยุพิน" คุณท่านไล้ปลายนิ้วไปตามร่องรอยแดงและเลือดที่ไหลซิบด้วยความสะเทือนใจ เพิ่งมั่นใจในวันนี้ว่าความรู้สึกที่มีให้ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่แค่ผิวเผิน ในตอนที่เห็นยุพินถูกทำร้ายหัวใจของไพศาลเหมือนจะขาดรอน ๆ เขารักยุพิน รักแบบที่อยากปกป้องตลอดไป "คุณท่าน ฮึก" พอได้เจอหน้าชายที่รักและเคารพยุพินก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ หญิงสาวร้องไห้สะอื้น ซบใบหน้ากับอกกว้างอย่างต้องการที่พึ่งพิง "นังยุพิน! แกออเซาะคุณพ่อแบบนี้สินะคุณพ่อถึงได้หลงแก" "เงียบซะอนงค์" "คุณพ่อคะ!" "เงียบ!!" เสียงโกรธจัดปิดปากอนงค์ได้ทันที แม้แต่ไพฑูรย์เองก็ไม่กล้าเอ่ยปากออกมาแม้แต่คำเดียว "ออกไป" "คุณพ่อ" "ไม่ไปใช่ไหม ได้ งั้นพวกแกไม่ต้องไป ฉันกับยุพินจะไปเอง ไปยุพิน เก็บของซะ เราจะไม่อยู่ที่นี่แล้ว" "คุณพ่อ นี่มันอะไรกันครับ" "ฉันต้องถามแกมากกว่า" ไพศาลจ้องหน้าลูกชาย "แกมีสิทธิ์อะไรมาแตะต้องเมียฉัน" "ยุพินมันเป็นนางบำเรอ" "ยุ
"อุ้ย! ซี๊ดดด" เสียงครางแปลก ๆ ของหญิงสาวปริศนาดังออกมาจากโรงเก็บฟาง เสียงนั้นไม่ได้ดังมาก แต่เพราะเวลานี้เป็นเวลากลางคืนและทอปัดก็ดันมายืนอยู่หน้าประตูพอดีเพราะต้องเอาฟางไปเติมให้สีนิล ม้าตัวเมียที่กำลังตั้งท้องและหิวโหย "เสียงอะไรน่ะ" เด็กสาววัยยี่สิบเอ็ดปีได้แต่กระซิบถามกับตัวเอง ลังเลว่าจะเปิดเข้าไปดีไหม อีกใจก็กลัวว่าจะเป็นสิ่งลี้ลับที่ไม่อยากเห็น แต่อีกใจก็เป็นห่วง ดึกขนาดนี้ถ้ามีคนมาเจ็บป่วยในที่ลับตาคนคงลำบาก กว่าจะมีคนมาเจออาจจะอาการหนักเกินแก้ "โอ้ย!" เสียงคนข้างในร้องออกมาอีกครั้ง ทอปัดยืนไม่เป็นสุข หรือเธอควรไปเรียกคนมาดูดี อย่างน้อย ๆ ถ้าเป็นผีก็จะไม่โดนหลอกแค่คนเดียว "ซี๊ดดด ฉีกหมดแล้ว" คราวนี้คนข้างในส่งเสียงดังและร้องบอกอาการของตัวเองด้วย ดูเหมือนว่าอาการที่เธอเป็นกำลังทรุด อาจจะมีแผลใหญ่ที่ฉีกขาดจากอุบัติเหตุ ถ้าหากเสียเลือดมากอาจจะช็อกและเสียชีวิตได้ นาทีนั้นทอปัดทิ้งทุกความกลัวไว้ข้างหลังแล้วเปิดประตูเข้าไปเต็มแรง ผลั่ก! "เป็นอะไร...คะ" ทว่าภาพที่เห็นตรงหน้าทำเอาทอปัดอยากย้อนเวลากลับไปยืนหน้าโรงเก็บฟางอีกครั้ง แล้วเธอสัญญากับตัวเองว่าจะไม่มีทางเปิดประตูเข้
ราเมศ หนุ่มโสดอายุสามสิบหกปี ใบหน้าคมเข้ม เรือนกายกำยำ สีผิวแทนแดดเพราะทำงานในไร่ในสวน เขาเป็นผู้ชายที่มีสเน่ห์สูงแม้ไม่ได้หล่อพิมพ์นิยมตามยุคสมัย แต่สาวน้อยสาวใหญ่ก็ส่งสายตาให้แทบไม่เว้นวัน แค่เข้าเมืองไปซื้อของก็ได้เบอร์สาวสวยกลับมาทุกครั้ง ราเมศรับน้ำใจสาว ๆ ไว้บ้าง แต่บางครั้งถ้างานยุ่งมากก็หลงลืมไป นอกจากรูปร่างหน้าตาดีแล้วราเมศยังเป็นเจ้าของไร่ราเมศพื้นที่กว่าร้อยไร่ที่บุกเบิกสร้างขึ้นมาด้วยสองมือตัวเอง ใคร ๆ ก็รู้ว่าราเมศขยันแค่ไหน จากคนธรรมดาที่มีที่ดินแค่ไร่เดียว ปลูกต้นกล้วยที่ทำประโยชน์ได้ทั้งต้นเพื่อเบิกทาง เพียงแค่ห้าปีหนึ่งไร่ก็ขยายเป็นสิบไร่ จากที่มีแค่กล้วยก็ขยับขยายเป็นผลไม้หลายชนิด บางชนิดปลูกในดินนี้ไม่ได้ราเมศก็ศึกษาปรับแต่งมันจนปลูกได้ อีกห้าปีต่อมาราเมศก็ขยายไร่เป็นร้อยไร่และส่งออกผลไม้สดไปต่างประเทศเพิ่มช่องทางการตลาด สร้างโรงงานทำผลไม้แปรรูปส่งขายทั้งต่างประเทศและในประเทศ ระยะเวลาแค่สิบปีนับว่าเร็วมากกับความสำเร็จมหาศาลนี้ สาวน้อยสาวใหญ่จ้องจะเข้ามาเป็นคุณนายไร่ราเมศทั้งนั้น แต่ชายหนุ่มเจ้าของไร่กลับไม่คิดสละโสด อย่างมากก็รับน้ำใจสาว ๆ ด้วยการแลกเปลี่ยนรสสวาท
ราเมศนอนไม่หลับก็เลยเดินเล่นไปเรื่อย ๆ อากาศตอนกลางคืนหนาวจัดแต่ราเมศไม่สะดุ้งสะเทือน เขาสวมเพียงกางเกงยีนส์ตัวโปรดออกจากบ้านพักไปที่คอกม้า หยุดดูสีนิลที่ใกล้คลอดเต็มทนก่อนจะเดินต่อไปที่โรงเก็บฟาง โรงเก็บฟางของไร่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ราเมศมีม้าทั้งหมดห้าตัว แต่สร้างโรงฟางใหญ่เพราะเลี้ยงสัตว์กินฟางและหญ้าแห้งหลายชนิด มีโรงฟางปิดมิดชิดช่วงหน้าฝนแบบตอนนี้จะได้มีฟางมีหญ้าแห้งให้พวกม้าพวกวัวหรือกระต่ายกินไม่ขาด เขาเดินเข้าไปในโรงฟาง ปิดประตูสนิทเพราะไม่ต้องการให้ใครเข้ามารบกวน แต่พอหลอดไฟสีเหลืองนวลเปิดสว่างราเมศก็พบว่าเขาไม่ได้อยู่ในนี้คนเดียว "อุ้ย!" โรงฟางแห่งนี้ถูกคนอื่นจับจองไปก่อนแล้ว คนมาก่อนเมื่อเห็นราเมศก็สะดุ้งตกใจแล้วรีบลุกขึ้นยืน ดวงตาหลุบต่ำไม่กล้าสบสายตาดุ ๆ นั้น "มาทำอะไรที่นี่" "ฉันแวะมาหาสีนิล กำลังจะกลับค่ะ" พูดจบทอปัดก็เดินไปที่ทางออก แต่เพราะราเมศยืนขวางประตูอยู่จึงไม่สามารถเลี่ยงได้ เธอกลั้นลมหายใจแล้วรีบเดินผ่านร่างกำยำเปลือยท่อนบน แต่ทว่าแขนเรียวกลับถูกคว้าหมับไว้แน่น "เธอ" "มะ มีอะไรหรือเปล่าคะ" "ฉัน..." ราเมศอึกอัก เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นบ้า เพราะแค่เห็
เจ้าของไร่ราเมศสมกับเป็นนักล่าผู้หญิง เพราะทันทีที่เหยื่อโปรยทางมาให้เขาก็รีบพุ่งเข้าตะครุบทันที มือใหญ่และหยาบกร้านเพราะทำงานในไร่มาครึ่งชีวิตกระชากเสื้อสีขาวออกจากร่างกายนวลเนียน "อ๊ะ! อย่าทำเสื้อผ้าฉันขาดนะคะ" "ไม่ทันแล้ว" เสียงทุ้มกระซิบบอก เพราะกระดุมที่น่าสงสารถูกดึงกระเด็นปลิวหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้สองเม็ด... "แล้วฉันจะใส่ชุดอะไรกลับที่พักล่ะคะ" "ช่างชุดมันก่อนเถอะ ตอนนี้มาให้ฉันรดน้ำเธอให้ชุ่มก่อนดีกว่า" ทอปัดประเมินความหื่นกระหายของราเมศต่ำเกินไป เจ้าของไร่ร่างกำยำใช้เวลาเพียงพริบตาเดียวในการกำจัดเสื้อผ้าที่รกตาทั้งของตัวเองและของทอปัดออกไป หญิงสาวรีบยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดส่วนสำคัญของร่างกาย เอียงใบหน้าแดง ๆ หนีสายตาหื่นกระหายของนักล่าที่ชื่อว่าราเมศ "ปิดไม่มิดเลยนะ" ราเมศเสียงกระเส่า เขาเจอของดีเข้าแล้ว "เธอซ่อนรูปมาก นมก็ใหญ่ โหนกก็ใหญ่ มือปิดไม่มิดเลย" "คุณ!" "โคตรน่าเอาเลย" ราเมศถูท่อนเอ็นเข้ากับต้นขาขาวนวล สัมผัสร้อนผ่าวเสียดสีกับต้นขาเป็นจังหวะทำให้ทอปัดอับอายจนตัวแดงระเรื่อ "ซี๊ดดด แค่นี้ก็เสียวแล้ว" ราเมศกลัดมันเต็มที่ เขาไม่เคยปล่อยอารมณ์ของตัวเองกับคู่นอน
"ทอปัดลาป่วยอีกวันเหรอ" ราเมศชะงักมือที่เซ็นต์เอกสาร เงี่ยหูฟังพนักงานคุยกันเรื่องเด็กใหม่ที่ลาป่วยตั้งแต่ยังไม่ผ่านทดลองงาน "ใช่ เมื่อเช้าพี่เข้าไปดูเห็นไข้ขึ้นสูงเลยให้ลาอีกวัน เห็นว่าวันก่อนตากฝน" "กระหม่อมบางแล้วไปตากฝนทำไม คนกรุงก็แบบนี้ อ่อนแอไปซะทุกเรื่อง นี่ยังไม่ผ่านทดลองงานเลยแต่ลาติด ๆ กันแล้ว" "เด็กมันป่วยจะทำยังไงได้ล่ะ" ราเมศเซ็นต์เอกสารแผ่นสุดท้ายเสร็จลุกขึ้นยืนเต็มความสูงไม่ให้ซุ่มให้เสียง สองคนที่ยืนคุยกันสะดุ้งเฮือก "โอ้ย ตกใจหมดเลยพี่เมศ" "ขวัญอ่อนอะไรกัน บอกแล้วใช่ไหมอย่าเอาแต่นินทาคนอื่น" ราเมศดุไม่จริงจังนัก เพราะรู้ดีว่าทุกคนในที่นี้ไม่ได้มีนิสัยแย่อะไร มีบ่นบ้างตามประสาคนทำงาน แต่สุดท้ายก็เห็นเป็นห่วงพากันเอาของไปเยี่ยมทอปัดตั้งแต่เมื่อวาน ทอปัดทำงานดีมาตลอด ถึงจะไม่ค่อยสนิทกับคนอื่นแต่เรื่องงานก็ไม่เป็นรองใคร ไม่เคยป่วยไม่เคยลา แต่ที่ครั้งนี้ต้องลาก็เพราะเรื่องคืนก่อน ตากฝนก็ส่วนหนึ่ง แต่เหตุผลที่สำคัญที่สุดคงเป็นเพราะราเมศเอง ครั้งแรกของทอปัดถูกราเมศจับกินเกือบเช้า เธอถึงจุดสุดยอดนับครั้งไม่ถ้วนและหลับคาอกไป ส่วนราเมศนั้นถุงยางที่พกมาหมดเกลี้ยงทั้ง
จริงอย่างที่ราเมศว่า ป่วยก็ต้องฉีดยา และพอโดนฉีดยาทอปัดก็หายเป็นปลิดทิ้ง วันต่อมาเธอสามารถมาทำงานได้เป็นปกติและรู้สึกสดชื่นว่าทุกวันด้วยซ้ำ "เป็นไงบ้างทอปัด ดีขึ้นไหม" พี่ ๆ ในออฟฟิศเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วงทันทีที่เจอหน้า ทอปัดอึกอักเล็กน้อยเพราะไม่เคยถูกรุมล้อมมาก่อน เธอจืดจางมาแต่ไหนแต่ไร ผู้คนส่วนมากเห็นเธอเป็นแค่อากาศธาตุไร้ตัวตน น้อยครั้งจริง ๆ ที่จะมีคนเข้ามาพูดด้วย "หายแล้วค่ะ" ทอปัดดันกรอบแว่นด้วยความประหม่า ไม่กล้าสบตาใคร ได้แต่ก้มหัวให้น้อย ๆ แล้วรีบเดินกลับไปยังที่ ๆ ของตัวเอง แต่ยังไม่ทันได้หย่อนก้นนั่งประตูออฟฟิศก็เปิดออกโดยเจ้าของไร่ราเมศตัวใหญ่ "เอกสารอันนี้ แค่ก! ฮะ...ฮัดชิ้ว!" พร้อมกับเสียงแหบพร่าและตบท้ายด้วยเสียงไอและจาม "พี่เมศ ป่วยเหรอพี่ ร้อยวันพันปีไม่เคยป่วย ไปทำอีท่าไหนมา" ทอปัดสะดุ้งเพราะมีชนักติดหลัง ราเมศติดไข้จากเธอแน่นอนไม่ต้องเดาเลย เธอค่อย ๆ ทิ้งตัวนั่งด้วยเสียงที่เงียบกริบ ทำตัวเป็นอากาศธาตุตามเคย "ก็หลายท่าอยู่นะ จำไม่ได้แล้วล่ะ" "แค่ก!" ทอปัดสำลักน้ำดื่มออกมาทันทีที่ราเมศตอบคนอื่นไปแบบนั้น เธอลุกขึ้นยืน เสื้อสีขาวเปียกเป็นวงกว้าง เธอรีบขอ
ชึ่บ... ซิบกางเกงถูกรูดลงด้วยฟันขาวจนสุด ผ้าทั้งสองด้านดีดผึงออกจากกัน เผยให้เห็นชั้นในสีเข้มที่อัดแน่นไปด้วยความต้องการของคนวัยหนุ่ม "ใหญ่จัง" พลอยไพลินส่งเสียงอ้อแอ้ ดวงตาหยาดเยิ้มจ้องมองเป้าตุงแน่น ก่อนจะค่อย ๆ อ้าปากออก "พี่พลอย อืม" ฟันขาวงับขอบกางเกงใน เธอช้อนตาขึ้นมองแฟนเด็ก ระหว่างที่ค่อย ๆ ดึงชั้นในที่ห่อหุ่มความเป็นชายออกช้า ๆ "พี่ อึก!" "อ๊ะ!" ท่อนลำขนาดใหญ่ตีเข้าที่ใบหน้าคุณแม่ลูกหนึ่งเบา ๆ เพียงแค่นั้นความชุ่มฉ่ำบริเวณหัวหยักก็เปียกเยิ้มติดกลีบปากและปลายจมูกรั้น บางส่วนเลอะแก้มเนียนเป็นคราบเหนียว "พี่พลอย ผมไม่ไหว" "เดี๋ยวสิ" พลอยไพลินไม่ยอมให้กฤตลุกขึ้นมา เธอนั่งคล่อมขาแฟนเด็ก ใช้หัวเข่าของกฤตเป็นจุดเร้าอารมณ์ให้ตัวเองไม่ต่างจากผู้หญิงร่านรัก "อ๊าาา ดีจัง" หัวเข่าเสียดสีกับเนื้อนุ่มเป็นจังหวะ ไม่นานกฤตก็รู้สึกได้ถึงความเปียกที่ไหลซึมกางเกงลงมา จากนั้นพลอยไพลินก็เร่งจังหวะขึ้นถี่ ๆ ไม่ถึงนาทีร่างกายก็กระตุกเฮือกพร้อมกับส่งเสียงครางหวานออกมา "อ๊างงง" พลอยไพลินเสร็จสมคาหัวเข่าของกฤต เธอหอบหายใจให้อารมณ์กลับมาคงที่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วส่งยิ้มหวานให้แฟนเด็ก "
(พี่พลอยกินข้าวหรือยังครับ) "กินแล้ว กฤตล่ะ" (กินแล้วเหมือนกัน พี่พลอย... ผมต้องไปทำงานอีกแล้วอะ) "เหรอ" พลอยไพลินบังคับไม่ให้น้ำเสียงดูเหงาหงอยเกินไป "งั้นกฤตไปทำงานเถอะ ตั้งใจทำงานนะ" (ครับ รักพี่นะ) "อืม" คำบอกรักทำให้พลอยไพลินใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง เธอวางสายจากแฟนหนุ่มแล้วหันกลับมาจัดการงานของตัวเองต่อ แต่สมาธิทั้งหมดกลับแตกกระเจิงเพราะเอาแต่คิดถึงกฤตซ้ำ ๆ สองเดือนกว่าแล้วที่กฤตไปฝึกงานที่ระยอง และมันก็เป็นเวลาสองเดือนกว่าที่เราทั้งคู่ไม่ได้เจอหน้ากันเลย "เฮ้อ..." กฤตนั้นงานยุ่งมาก เพชรเองก็ไม่ต่างกัน ยุ่งถึงขั้นที่ระยองใกล้กับกรุงเทพแค่นี้ยังกลับมาหากันไม่ได้ ยุ่งจนแทบไม่ได้คุยกัน บางวันไม่มีแม้แต่สายเดียวจากกฤตและเพชรเลยด้วยซ้ำ กฤตเป็นลูกชายคนสุดท้องของบริษัทก่อสร้างยักษ์ใหญ่ เขาเลือกไปฝึกงานกับบริษัทอื่นเพื่อลดคำครหาว่าใช้เส้นสาย แต่ขนาดหนีจากบริษัทตัวเองไปแล้วกฤตก็ยังถูกนินทาว่าใช้เส้นพ่อ แม่ และพี่ ๆ ถึงได้สอบสัมภาษณ์ผ่าน ลามมาถึงเพชรว่ากฤตฝากเพชรเข้าไปด้วย ทั้งคู่ก็เลยต้องการลบคำสบประมาทด้วยการสร้างผลงานให้เห็น ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่เด็กฝึกงานทั้งสองคนจะยุ่งเกินเด็กฝ
"มึง!" นิ้วสั่นระริกชี้หน้าเพื่อนสนิท เพชรพยายามห้ามตัวเองอย่างหนักไม่ให้พุ่งเข้าไปต่อยหน้าหล่อ ๆ ของเพื่อน กล้าดียังไงถึงได้หลอกเขาว่าป่วย แถมใช้แฟนสาวของเขาเป็นเครื่องมือแบบนี้อีก "อะไร ไม่ชอบเหรอ" "มึงมัน...แม่ง!" เพชรจำใจลดมือลง จะว่าไปที่กฤตทำก็ไม่ได้แย่เสียทีเดียว เพชรไม่ค่อยได้ใช้เวลากับแฟนเพราะแฟนเรียนหนักและเรียนคนละมหาวิทยาลัย เมื่อวานพอเธอโทรหา ออดอ้อนไม่กี่คำเขาก็พุ่งไปคอนโดเธอทันที หลังจากนั้นก็จับแฟนกินจนลืมเวลา พอกลับบ้านมาตอนสาย ๆ แทนที่คนเปิดประตูบ้านจะเป็นแม่ แต่กลับเป็นเพื่อนสนิทที่ส่งยิ้มกวนประสาทมาให้ พลาดแล้ว เพชรพลาดไปแล้ว "มึงไม่รักษาคำพูด กูบอกว่าสองอาทิตย์" "กูสั่งให้มึงห่างกับแฟนมึงสองอาทิตย์บ้างไหมล่ะ" "ไอ้กฤต" "ทะเลาะอะไรกันเด็ก ๆ" พลอยไพลินเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมคุกกี้หวานน้อยของโปรดของเพชร ในตอนที่เธอจะนั่งลงบนโซฟาเอวก็ถูกแขนแกร่งรวบไปนั่งบนตักหน้าตาเฉย "กฤต!" "ไอ้กฤต! ลามปามนะมึง" "ทำไม นี่เมียกู" ฟอด! "แก้มนี้ก็ของกู" "กฤต!!" "ไอ้!!" เพชรชี้หน้าเพื่อน ทั้งโกรธทั้งหมั่นไส้ อยากลุกไปต่อยหน้ามันซักทีให้หายกวนประสาท ติดที่แม่ของเขาถูกจั
กฤตยันตัวขึ้น จับขาเรียวขึ้นพาดบ่าหนึ่งข้าง มันเป็นท่าโปรดของกฤต ส่วนพลอยไพลินนั้นตาโต ตื่นเต้นกับสิ่งที่กฤตทำทุกอย่าง เธอเป็นแม่ลูกหนึ่งที่อ่อนประสบการณ์ ครั้งแรกของเธอไม่มีอะไรน่าจดจำ แต่ครั้งนี้มันต่าง เธออยากเฝ้ามองทุกขั้นตอนที่กฤตทำ อยากจดจำทุกท่วงท่าและลีลาของเด็กคนนี้ "พี่พลอย" "หืม" "ถ้ารอบนี้ผมแตกเร็วห้ามแซวกันนะครับ พี่โคตรแน่นเลย ผมเหมือนจะตาย" พลอยไพลินพยักหน้ารับ กฤตเมื่อได้ท่าก็ค่อย ๆ ดึงท่อนเอ็นออกจากรูสวาทคับแคบ เสียงซี๊ดปากเบา ๆ ดังขึ้นจากเด็กหนุ่มเพราะเนื้อนุ่มดูดตอดเหมือนไม่ต้องการให้เขาออกไปไหน กฤตก้มลงมอง ดวงตาวาววับจ้องมองปากทางที่อ้าขยายอมท่อนเอ็นอวบใหญ่ไว้แทบปริขาด "พี่พลอย" "กฤต อื้อ" แม่ลูกหนึ่งรู้สึกเหมือนถูกดึงวิญญาณออกจากร่าง ทั้งอึดอัด ทั้งเจ็บ แล้วก็เสียวในเวลาเดียวกัน เธออยากให้กฤตขยับทำอะไรให้ความอึดอัดนี้หายไป แต่พอกฤตขยับตัวร่างกายเธอกลับดูดรั้งกฤตเอาไว้อย่างตะกละตะกราม "ผ่อนคลายหน่อยครับ ผมอยากกระแทกพี่จะแย่" "พี่ อ๊ะ พยายามอยู่" กฤตดึงท่อนเอ็นออกไปเกือบสุด มีเพียงแค่หัวหยักบานใหญ่ที่แช่คาในรูฉ่ำน้ำ เขามองภาพสวยงามนั้นอึดใจ ก่อนสะโพกสอบจะ
"พี่พลอย" "หืม?" กฤตกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ ดวงตาไล่มองเรือนร่างเล็กตามสไตล์หญิงเอเชียแต่ไม่ได้ผอมแห้ง พลอยไพลินมีเนื้อให้บีบจับ แต่ก็มีกล้ามเนื้อน้อย ๆ บ่งบอกว่าเป็นคนรักสุขภาพ หุ่นโค้งเว้าไม่ต่างจากนาฬิกาทราย อกอวบ สะโพกผายและเอวคอด ร่องสิบเอ็ดตรงหน้าท้องเสริมให้เธอดูเซ็กซี่เย้ายวน "พี่พลอยไม่เหมือนคนอายุสามสิบห้า" "ทำไม" "พี่โคตรสวย" กฤตวางมือลงบนหน้าท้องที่มีกล้ามน้อย ๆ "เซ็กซี่โคตร ๆ เลย" "กฤตเอาเปรียบนะ เห็นพี่ทั้งตัวแล้วแต่กฤตยังเสื้อผ้าครบอยู่เลย" "อ่า..." กฤตได้ยินแบบนั้นก็รีบลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าออกอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ได้เห็นเรือนกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของเด็กหนุ่มพลอยไพลินก็หน้าร้อนผ่าว แต่นั่นไม่เท่ากับตอนที่กางเกงในสีเข้มถูกรูดออก ส่วนกลางลำตัวอวบใหญ่เหยียดตรงและชี้มาที่หน้าเธอ กฤตผิวขาว ตรงนั้นก็เลยขาวสะอาด ส่วนหัวสีแดงระเรื่อ พลอยไพลินเอนหน้าหนี เธอไม่ใช่หญิงบริสุทธิ์แต่ก็ไม่ต่าง เซ็กส์ครั้งเดียวแถมตอนนั้นไม่ได้ทำอะไรนอกจากนอนให้ผู้ชายคนนั้นกระทำย่ำยี มันต่างกับตอนนี้ที่ได้เห็นร่างกายของกฤตทุกสัดส่วน "พี่พลอยครับ" กฤตคร่อมทับลงมาอีกครั้ง ริมฝีปากนุ่มพรมจูบข้า
คุณแม่ลูกหนึ่งเดินเข้าห้องน้ำพร้อมผ้าเช็ดตัวเพื่อชำระคราบเหงื่อไคล บ้านของพลอยไพลินเป็นทาวน์โฮมสองชั้นขนาดเล็กกระทัดรัด สองห้องนอน สองห้องน้ำ ชั้นล่างมีห้องรับแขกที่เป็นห้องนั่งเล่นไปในตัว ห้องครัวและโต๊ะกินข้าว ห้องน้ำหนึ่งห้องสำหรับแขก ส่วนชั้นบนเป็นห้องนอนสองห้อง และห้องน้ำหนึ่งห้อง ดังนั้นพลอยไพลินจึงไม่มีห้องน้ำส่วนตัว แต่เธอก็ไม่เคยเดือดร้อนเพราะอยู่กับลูกชายแค่สองคน ไม่เคยมีปัญหาประเภทแย่งห้องน้ำกันให้ปวดหัว หญิงสาวฮัมเพลงในลำคอเบา ๆ ระหว่างลูบไล้ใยบวบไปทั่วร่างกายอวบอิ่ม พลอยไพลินเป็นแม่ลูกหนึ่งที่มีหุ่นเว้าโค้งน่าอิจฉา ผิวขาวผ่อง หน้าอกหน้าใจอวบใหญ่เกินตัว เอวคอดบาง สะโพกผาย หน้าท้องมีกล้ามเนื้อนิด ๆ เพราะเธอชอบออกกำลังกาย พลอยไพลินตั้งท้องเพชรตั้งแต่อายุสิบสี่ พ่อของเพชรชื่ออะไรเธอไม่อยากจำ จำได้แค่ว่าเขาเป็นรุ่นพี่มอหกที่โรงเรียนเดียวกัน เป็นนักกีฬา ประธานนักเรียน หล่อ และรวย ส่วนพลอยไพลินนั้นเป็นเด็กสาวหน้าตาน่ารัก เรียบร้อย เรียนเก่ง ฐานะกลาง ๆ และไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง เด็กสาวที่อายุยังน้อยและไม่มีประสบการณ์มากมายถูกรุ่นพี่คนดังจีบ ตอนนั้นพลอยไพลินเหมือนอยู่ในทุ่งดอกไ
"แม่ครับ วันนี้ไอ้กฤตจะมานอนบ้านนะ" เสียงตะโกนดังแว่วมาจากหน้าบ้าน พลอยไพลินล้างมือเช็ดกับผ้าสะอาดจนแห้งแล้วเดินออกไปหาลูกชายที่กำลังก้าวออกจากบ้านพอดี "เพชร มาให้แม่หอมหน่อย" "ไม่เอาครับ เพชรโตแล้ว อีกแค่ปีเดียวก็เรียนจบแล้วแต่แม่ยังไม่เลิกหอมเพชรอีก" "ก็แม่รักเพชรนี่" "เพชรก็รักแม่ แต่เพชรอายคนอื่น เพื่อนล้อว่าเพชรเป็นลูกแหง่" พลอยไพลินหน้างอ ลูกชายเห็นแบบนั้นก็เดินมากอดเอวคอดบางที่แทบไม่อยากจะเชื่อว่าผู้ชายตัวโตขนาดนี้เคยนอนอยู่ในนั้นตั้งเก้าเดือน "แค่กอดเพชรไม่ว่า แต่หอมแก้มเพชรไม่อยากให้ทำแล้ว" คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวพยักหน้าเข้าใจ เพชรอายุยี่สิบเอ็ดปีแล้ว สูงกว่าเธอตั้งยี่สิบเซน เจ้าตัวคงอายที่ถูกแม่หอมแก้มเป็นเด็ก ๆ "เพชรกลัวว่าคนจะเข้าใจผิดว่าแม่เป็นแฟนเพชร" "ใครคิดแบบนั้น" "เยอะแยะ เวลาไปไหนมาไหนไม่มีใครคิดว่าเราเป็นแม่ลูกหรอก ก็แม่เพชรหน้าเด็กขนาดนี้ ลำพังตัวเพชรไม่เท่าไหร่ แต่เพชรกลัวคนเอาแม่ไปนินทา" พลอยไพลินลูบหัวทุย พอได้ฟังเหตุผลของลูกก็พอจะเข้าใจได้ว่าทำไมลูกชายถึงไม่ยอมให้หอมเหมือนเมื่อก่อน "ลูกแม่โตเป็นหนุ่มแล้วสินะ" . . พลอยไพลินปีนี้มีอายุสามสิบห้าปีเต็ม
"ขอโทษด้วยนะคะที่เมื่อตอนกลางวันปล่อยให้คุณรอเก้อ" ทอปัดหน้าเสีย ยิ่งเห็นว่าแพททริคส่งยิ้มไม่ถือสามาให้เธอยิ่งรู้สึกผิด เมื่อกลางวันเธอกลับมาไม่ทัน เหตุผลก็ไม่ใช่เพราะใครเลย "ไม่เป็นไรครับ คุณขอโทษผมหลายครั้งแล้วนะ แถมยังชดเชยด้วยดินเนอร์บรรยากาศดี ๆ แบบนี้อีก" "แต่ฉันก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี" "เขาบอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรสิ" เสียงของบุคคลที่สามเอ่ยขัดขึ้นโดยไม่สนมารยาท "มิสเตอร์แพททริค แม่ครัวของเราฝีมือดีมาก ผมอยากให้คุณลองทานปลาเนื้ออ่อนผัดฉ่าดู ไม่เผ็ด คุณทานได้" ราเมศพูดเองเออเองพลางตักเนื้อปลาขาว ๆ ราดด้วยน้ำสีส้มสดใสไปใส่ในจานของว่าที่คู่ค้า ฉีกยิ้มให้แล้วพยักเพยิดให้แพททริคกินมันเข้าไป ทอปัดมองทั้งสองคนด้วยท่าทางหนักใจ ตัวแพททริคไม่เท่าไหร่ แต่ราเมศนี่สิ ไม่รู้วันนี้ผีอะไรเข้าสิงถึงได้ทำตัวแปลก ๆ ตั้งแต่ตั้งใจมีอะไรกับเธอจนเลยเวลาอาหารเที่ยง ไม่ว่าทอปัดจะร้อง(คราง)ห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง จับเธอเปลี่ยนท่าไปหลายท่าจนน้ำตกที่เคยใสขุ่นมัวถึงยอมพาเธอกลับบ้าน แต่นั่นก็เลยเวลาอาหารเที่ยงมาชั่วโมงกว่าแล้ว ทอปัดรีบติดต่อหาแพททริค นักธุรกิจตาน้ำข้าวไม่ได้ต่อว่าอะไร เขาบอกว่าเข้าใจและ
ไร่ราเมศเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิต ช่วงนี้เจ้าของไร่จึงยุ่งเป็นพิเศษ เขาต้องตื่นไปไร่แต่เช้ามืด และกลับบ้านหลังจากตะวันตกดินไปแล้ว ส่วนทอปัดเองก็งานหนัก หลังจากผ่านฝึกงานมาได้เธอก็ได้ทำงานในส่วนของการส่งออกสินค้า หลายครั้งเธอต้องเข้าเมืองไปติดต่องาน หรือไม่ก็ต้องต้อนรับลูกค้าที่เข้ามาชมไร่ก่อนตัดสินใจลงทุน ทอปัดนั้นจบภาษามา เธอพูดได้ทั้งอังกฤษและจีน ลูกค้าส่วนใหญ่ที่เจอก็เป็นชาวต่างชาติ พวกเขาค่อนข้างเฟรนลี่ไม่ถือตัว พูดคุยหยอกล้อกับทอปัดเป็นประจำ "วันนี้คุณสวย" แพททริค หนุ่มตาน้ำข้าวชาวอังกฤษวัยสามสิบกลาง ๆ คือลูกค้าที่ทอปัดต้องดูแลตลอดทั้งอาทิตย์นี้ เขามาพักที่ไร่ในบ้านสำหรับแขก ชมไร่ ขี่ม้า และทำกิจกรรมทุกอย่างในไร่อย่างสนุกสนาน ผ่านมาสามวันเขาเริ่มสนิทกับทอปัด พูดคุยหยอกล้อตามนิสัยหนุ่มเจ้าชู้ ทอปัดไม่ถือสาเพราะผลเรื่องการลงทุนกำลังไปในทางที่ดี ถ้ามีแพททริคมาช่วยลงทุนไร่ราเมศคงขยายไปได้ไกลกว่านี้ รวมถึงจะได้กลุ่มลูกค้าจากอังกฤษด้วย "ขอบคุณค่ะ คุณเองก็หล่อนะคะ" ทอปัดยกนิ้วโป้งให้ แพททริคหัวเราะจนตาปิด รู้สึกรักประเทศไทยมากกว่าเดิม ประเทศไทยมีทั้งที่เที่ยวสวย อาหารอร่อย และคน