บทที่ 70 แผนชั่ว
ในขณะที่ผู้คนภายในหมู่บ้าน กำลังดำเนินชีวิตประจำวันไปอย่างราบรื่น หลายๆสิ่งหลายๆอย่างค่อยๆเข้ารูปเข้ารอย แต่มันกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง กับสถานที่อีกสถานที่หนึ่งซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลเท่าไหร่นัก ด้วยระยะทางที่ไกลออกจากหมู่บ้านไปเพียงแค่ 100 ลี้...
“นายท่านตอนนี้เราเสียคนของเราไปเกือบหมดแล้วขอรับ นายท่านรีบพาคุณหนูหนีไปโดยเร็วเถิด ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นพวก เราก็ต้องรีบค้นหาท่านผู้นั้นให้เจอโดยเร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นการสละชีวิตของพวกเราทุกคน รวมถึงท่านแม่เฒ่าก็จะสูญเปล่านะขอรับ”
“...”
ชายวัยกลางคนที่อายุเพิ่งจะผ่านพ้นช่วง 100 ปีมาหมาดหมาด ไม่ได้กล่าวตอบอะไรกลับไป เพียงแค่มองลูกรักเพียงคนเดียวของเขาที่หมดสติอยู่ในอ้อมกอด
“นายท่านต้องรีบตัดสินใจแล้วขอรับ หากช้าไปกว่านี้คงจะไม่มีใครรอดชีวิตไปแม้แต่คนเดียว”
บทที่ 71 ความฝัน(1)“ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วขอรับคุณหนู หากคุณหนูพร้อมพรุ่งนี้เราสามารถเปิดทำการโรงเตี๊ยมจันทราอัสดง ได้อย่างเป็นทางการเลยขอรับ”“ขอบคุณท่านหัวหน้าและทุกๆคนมากเลยนะเจ้าคะ ถ้าหากไม่มีทุกคนข้าก็ไม่รู้ว่า ความฝันเล็กๆน้อยๆ ของข้าจะสำเร็จเมื่อไร”“ไม่เป็นไรเลยขอรับ อันที่จริงเป็นพวกเราต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณหนูมาก ถ้าหากว่าคุณหนูไม่ได้มาที่นี่แล้วละก็ พวกเราก็ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ชีวิตจะเป็นอย่างไรบ้าง”“ใช่แล้วล่ะขอรับ ลำพังสิ่งที่คุณหนูมอบให้กับพวกเราแล้ว ต่อให้พวกเราใช้ทั้งชีวิตนี้มอบให้กับคุณหนูก็คงจะไม่เพียงพอด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่การทำอะไรเล็กๆน้อยๆ พวกนี้เลย”“ใช่ใช่ อีกอย่างคุณหนูก็ยังได้มอบทั้งอาหารทั้งเครื่องดื่ม ที่สุดแสนวิเศษให้กับพวกเราไม่เว้นแต่ละวัน ด้วยความสามารถ เล็กๆน้อยๆของพวก
หลังจากผ่านมาได้พักใหญ่ ลองกลับไปไล่ดูคอมเม้นของหลายๆ ท่านนะครับ เรื่องนิสัยของเยว่หัวที่มันขัดใจหลายๆ คนเสียจริงๆ ประมานว่า…อายุเดิมก็ปาไปหลายสิบปีแล้วไม่น่าจะคิดแบบนั้นอายุครึ่งร้อยแต่ความคิดเด็กน้อยโลกสวยเกินไปฯลฯสรุปรวมคร่าวๆ หลายๆ คนหมั่นใส่หรือไม่ชอบในความคิดความอ่านของนางเอกพอสมควรเลย หรืออาจจะเป็นส่วนใหญ่ด้วยซ้ำที่คิดแบบนั้น แต่จริงๆ แล้วผมตั้งใจให้เห็นแบบนั้นจริงๆ นั่นแหละครับ ซึ่งจริงๆ อยากจะค่อยๆ อธิบายในเนื้อหาไปเรื่อยๆ แต่หากว่ามันช่วยแก้ความเข้าใจผิดให้กับนักอ่านได้คงจะดีครับ เพราะจริงๆ อยากให้ทุกคนติดตามกันไปเรื่อยๆ เพราะผมตั้งใจวางทุกๆ คนในเรื่องให้เป็นคนจริงๆ ทุกๆ คนที่เติบโตในแบบของตัวเอง และทุกๆ ชีวิตในโลกใบนี้เป็นชีวิตจริงๆ ที่มีความคิดและโชคชะตาในแบบของตนอย่างแรก…และถ้าหากนักอ่านได้ตามอ่านถึงตอนปัจจุบัน คงจะพอเข้าใจแล้วถึงว่าทำไมไรท์ต้องใจดำฆ่าต้าพังที่ดูเหมือนจะมีบทสำคัญมาก ซึ่งความตั้งใจจริงๆ ของไรท์ต้าพังก็เป็นคนที่มีบทบาทสำคัญที่สุดคนหนึ่งในโลกนี้ เพราะเขาเป็นคนที่สร้างบาดแผลให้เยว่หัวได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดอย่างที่สอง เรื่องนิสัยของเยว่หัว อย่างแรกที
บทที่ 72 ความฝัน(2)“ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยขนาดนี้นานเท่าไหร่แล้วนะ...” เยว่หัวบ่นกับตัวเอง เบาๆ มันไม่ได้เป็นความเหนื่อยที่ร่างกาย เนื่องจากตลอดวันทั้งวัน นางแทบไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะว่าคนในหมู่บ้านถ้าหากว่าหายใจแทนนางได้ก็คงจะทำไปแล้วสิ่งที่นางทำมากที่สุดในแต่ละวัน สำหรับช่วงเวลาหลายวันที่ผ่านมา ก็เพียงแค่การเปิดตู้เย็นแล้วเอาสิ่งของออกมาเท่านั้น ส่วนอย่างอื่นก็ ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แม้แต่อย่างเดียวส่วนช่วงเวลากลางคืน หลังจากที่นางสามารถฝึกฝนพลัง จนสามารถเปิดจุดลมปราณตามเคล็ดวิชา ขั้นแรกได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว นางก็แทบไม่รู้สึกง่วงเหงาหาวนอนในยามค่ำคืนอีกเลย นางจึงพยายามใช้ทุกวินาทีที่ผ่านพ้น ไปในตอนที่ว่างเว้นจากการอยู่กับคนอื่น เพื่อฝึกฝนทำความเข้าใจเคล็ดวิชาที่เขียนเอาไว้ในความทรงจำของนางแต่ที่น่าแปลก...ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้นางเหมือนจะจำได้ว่า ในหนังสือที่นางอ่านไปในตอนนั้นมันเขียนบอกเอาไว้ถึงการฝึกฝนขั้นต่อไปด้วย แต่ในตอนนี้นางจำไม่ได้เสียแล้วว่า จะต้องฝึกอย่างไรต่อ จึงทำได้เพียงแค่เพิ่มการสังเกต การรับรู้ และรวบรวมพลังไปยังจุดที่ชีพจรที่กลางหน้าผาก ให้มากที่สุด เข้มข้นที่สุด แ
บทที่ 73 ความฝัน(3)“...กูถามมึงจริงๆเถอะ การที่มึงมาร้องไห้ร่ำไรรำพัน กับการจากไปของเขา มึงคิดว่าถ้าต้าพังยังมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่ง หรือยังสามารถรับรู้สิ่งที่มึงทำมึงเป็นอยู่ได้ มึงคิดว่าเด็กคนนั้นจะรู้สึกยังไงกูไม่ได้บอกว่าให้มึงลืมทุกสิ่งทุกอย่าง กูไม่ได้บอกว่าที่มึงไม่สบายใจที่มึงเสียใจมันผิด แต่มึงแก่แล้วนะถึงเทียบอายุกับโลกนี้ มึงอาจจะยังแค่เด็กน้อยก็เถอะแต่มึงกับกูเคยอยู่ในโลกที่ทุกสิ่งทุกอย่างมันเร็ว ทุกสิ่งทุกอย่าง มันเชื่อมถึงกันหมดทั้งโลก มึงได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่าง ยิ่งมึงเป็นครีเอเตอร์ดัง มึงก็ต้องพบกับแฟนคลับมากหน้าหลายตา มึงอยู่กับสังคมมามากกว่ากูเยอะอย่างน้อยที่สุดกูอยากให้มึงใช้เหตุการณ์ในครั้งนี้ เป็นเรื่องสำคัญที่มึงต้องเรียนรู้ต่อไปในวันข้างหน้า มึงจะต้องจำให้ได้ว่า ความประมาทของมึง ความคิดน้อยของมึง มันอาจจะนำพาความเสียใจมาให้มึงอีกครั้งก็ได้
บทที่ 74 ซวนซานจุน“เป็นอย่างไรบ้าง การที่ได้เจอนางอีกครั้งแบบนี้เจ้ารู้สึกเป็นอย่างไร”“ก็ยังรู้สึกยินดีแบบเดิมขอรับ เพียงแต่ว่าข้าไม่เข้าใจว่าในตอนนี้ข้าเป็นอะไรไปแล้ว ทำไมข้าถึงยังอยู่ที่นี่ทั้งๆที่ข้าได้ตายไปแล้วหรือขอรับ”“เพราะว่าในช่วงสุดท้ายของชีวิต เจ้าได้ทำการให้ในสิ่งที่ยากที่สุด ก็คือการให้อภัยต่อบิดาผู้เอาชีวิตของเจ้า ทั้งยังตัวเจ้าในตอนนั้นได้ระลึกถึงบุญคุณของนางที่มีต่อเจ้า ต่อผู้คนที่อยู่รอบกายของเจ้า ทำให้เจ้าสามารถพ้นสภาวะจิตความเป็นมนุษย์ แล้วเสวยรูปของการเป็นเทพได้ในตอนนี้”“เทพอย่างนั้นหรือ...”“เพียงแต่ว่าเจ้ายังสั่งสมบุญบารมีมาไม่มากพอ มิได้บรรลุธรรม หรือมิได้สร้างกรรมอันยิ่งใหญ่ จนสามารถรังสรรค์ปราสาทและบริวารของเจ้าได้ เมื่อรวมกับดวงจิตสุดท้ายของเจ้าที่ผูกติดกับสถานที่แห่งนี้ เจ้าก็เลยยังเป็นเทพเบื้องต่ำที่ยังมิได้ไปไหนถึงฟังดูอาจจะไม่ค่อยน่าฟังสักเท่าไหร่ แต่สุดท้ายแล้วเจ้าก็ยังสูง กว่าภพมนุษย์ที่เจ้าจากมามาก”“แล้วหลังจากนี้ข้าควรจะทำอย่างไรต่อไป”“ตราบเท่าที่เจ้ายังไม่ก้าวพ้นห้วงสังสารวัฎ กล่าวคือยังเกิดในภพของมนุษย์ เทพ เดรัจฉาน เปรต และสัตว์นรก เจ้าก็จะย
บทที่ 75 ผู้มาใหม่“ต้าพัง...ต้าพัง!”เยว่หัวร้องตะโกนออกมาเสียงดังลั่น เด้งตัวลุกขึ้นมานั่งมองภาพรอบๆด้วยสายตาที่ตื่นตระหนก แต่หลังจากที่นางกะพริบตาถี่ๆ หลายครั้ง ก็สามารถรับรู้ได้ว่าตอนนี้ตนเองตื่นขึ้นมาจากความฝันแล้ว“ข้าฝันไปอย่างนั้นสินะ แต่ว่ามันคงจะไม่ใช่ความฝันธรรมดาธรรมดาแน่ เพราะไม่มีทางที่เจ้านั่นจะทำอะไรแบบนี้โดยเปล่าประโยชน์อย่างแน่นอน แต่ที่ข้าไม่เข้าใจก็คือทำไมต้าพังถึงไปอยู่ในความฝันนั้นได้ ตกลงว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่...”เด็กหญิงพยายามใช้ความคิดของตัวเองหมุนวนอย่างเร็วจี๋ เพื่อที่จะทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในห้วงแห่งความฝัน แต่ไม่ว่านางจะพยายามอย่างไร ก็เหมือนจะไม่เข้าใจอยู่ดี สิ่งที่มันยังจำได้แม่นก็มีเพียงแค่เรื่องของการฝึกฝนเคล็ดวิชาขั้นถัดไปเท่านั้นอีกอย่างหนึ่งไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไรกันแน่ ยิ่งนางใช้ชีวิตในโลกนี้ผ่านไปนานเท่าไหร่ ความทรงจำของนางในโลกใบเดิมก็ยิ่งหายไปเรื่อยๆ ทั้งๆที่นางเคยคิดว่านางสามารถจดจำ เรื่องราวเกี่ยวกับเพื่อนเก่าหรือตัวนางเองได้มากแค่ไหน แต่มันก็ราวกับว่านางแทบจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปจนเหมือนกับจำไม่ได้เลยแม้แต่อย่างเดียวแล
บทที่ 76 หลอมรวม“ไม่ต้องระวังตัวขนาดนั้นก็ได้เจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำอันตรายพวกท่าน” ในทันทีที่เด็กสาวเข้ามาถึงห้องที่มีผู้ป่วย 2 คนนอนอยู่ หนึ่งในนั้นที่เป็นชายหนุ่มก็ได้ดึงตัวลุกขึ้นเตรียมต่อสู้ในทันที เยว่หัวเลยกล่าวออกไปแบบนั้น พลางหันไปหาจางหลงที่มาด้วยกัน “ไหนท่านบอกว่าพวกเขาหมดสติไปอย่างไรเล่าเจ้าคะ แล้วไม่ใช่ว่าเข้ามาตามหาข้าหรอกหรือ”“ขออภัยด้วยขอรับ อาจจะเป็นเพราะว่าฤทธิ์ยาที่ทำให้เขามึนงงอยู่บ้าง” จางหลงถอนหายใจเบาๆ แล้วมองไปทางอีกฝ่ายด้วยท่าทีไม่เป็นมิตรเท่าไรนัก “เป็นท่านเองมิใช่หรือที่มาขอความช่วยเหลือจากพวกเรา แล้วทำไมถึงได้แสดงท่าทีเป็นอริศัตรูกันแบบนี้เล่า”“ข้าขออภัยด้วย อาจเป็นเพราะว่าตัวข้ายังรู้สึกเหมือนกับเพิ่งจะถูกตามล่ามา ทำให้แสดงท่าทีเสียมารยาทไปแบบนั้น ข้าขออภัยจริงๆ” แม้อย่าพูดออกมาแบบนั้น แม้จะละท่าทีความหวาดระแวงลง แต่ก็ยังสามารถมองเห็นความไม่เป็นมิตรในสายตาของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน“เลิกตั้งป้อมเป็นศัตรูกันเถอะเจ้าค่ะ ถ้ามีอะไรสงสัยก็แค่พูดมา เพราะถ้าหากว่าพวกข้าต้องการจะทำอะไรพวกท่านจริง ก็คงจะไม่ปล่อยเอาไว้จนถึงตอนนี้หรอกเจ้าค่ะ” เยว่หัวที่คร้านจ
บทที่ 77 เลี้ยงส่ง(1)“วันนี้คุณหนูเป็นอะไรหรือเปล่าขอรับ” จางหลงที่รับรู้ได้ถึงความรู้สึกขุ่นมัวในใจของนางเซียนน้อย ก็ได้เอ่ยถามขึ้นหลังจากที่ออกมาจากเรือน ซึ่งเป็นที่พักของผู้มาใหม่ทั้ง 2 คน “ทำไมวันนี้คุณหนูถึงได้ดูอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยขอรับ”“ไม่ได้มีอะไรมากหรอกเจ้าค่ะ เพราะว่าวันนี้ข้าตั้งใจจะทำตามความต้องการของตัวเองตั้งแต่แรก คือก็คือการปรุงอาหารให้ทุกคนได้ลองกินดู ไหนๆก็จะเปิดโรงเตี๊ยมอยู่แล้ว แต่ข้ายังไม่เคยได้ทำอาหารจริงๆจังๆเลยสักครั้ง การที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ตั้งแต่เช้า มันก็คงจะทำให้ข้าหงุดหงิดไปบ้าง อย่างไรต้องขออภัยด้วยนะเจ้าคะ” เยว่หัวพยายามเปลี่ยนเรื่อง เพราะว่าไม่ได้อยากจะให้ใครรู้เรื่องราวของความฝันมากนัก เพราะว่าการที่มีใครรับรู้มันไปมากกว่านี้ จะเกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นอีกไหม และอีกอย่างหนึ่ง สิ่งที่นางพูดไปก็ไม่ใช่เรื่องโกหกไปเสียทั้งหมด เพราะว่ากันแล้ววันนี้นางต้องการที่จะลงมือควบคุมการปรุงอาหาร ในการเลี้ยงผู้คนทั้งหมู่บ้านทั้งหมดจริงๆ ไหนๆก็ไหนๆแล้วนางอยากจะลองทำอย่างจริงจังดูสักครั้ง“จริงหรือขอรับ ทุกคนคงดีใจมากแน่ๆ”“ขนาดนั้นเลยหรือเจ้าคะ?”“คุณหน
บทที่ 78 เลี้ยงส่ง(2)“ก็ตามที่ได้บอกไปก็แล้วกัน เดี๋ยวทุกคนก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง ข้าจะเป็นคนนำฝ่ายผู้ชายไปจัดเตรียมสถานที่ตามที่คุณหนูได้สั่งเอาไว้ ส่วนพวกผู้หญิงก็เดินทางไปหาคุณหนูได้เลย เห็นนางบอกว่า วันนี้นางจะจัดเตรียมวัตถุดิบทั้งหมดด้วยตัวเอง พวกเจ้าไม่ต้องนำสิ่งใดไปด้วย ถ้าจะเอาไปก็คงจะเป็นพวกอุปกรณ์ จานชาม และสิ่งที่จำเป็นต่อการประกอบอาหารก็แล้วกัน พวกเจ้ามีอะไรก็เอาไปเท่าที่มี เพราะว่าการที่จะจัดเลี้ยงผู้คนทั้งหมู่บ้านก็คงจะต้องเตรียม หลายอย่างเลยทีเดียว”“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพวกข้าขอแบ่งออกไปตัดไม้แล้วกันนะหัวหน้า จะพาคนไปด้วยร้อยคนจะได้ช่วยกันหาไม้มาให้ได้มากที่สุด”“ส่วนพวกข้าก็จะไปเตรียมลานกว้างเลยแล้วกันนะ ขอรับ ถ้าจะขยายพื้นที่เพื่อวางโต๊ะ ตามรูปแบบที่นางเซียนน้อยได้กล่าว คงจะต้องเตรียมพื้นที่ให้มากขึ้นอีกหน่อย จะได้เดินเหินสะดวกในงานเลี้ยงขอรับ”“ถ้าอย่างนั้นข้ากับพวกผู้หญิงคนอื่นๆ ก็ขอแยกย้ายกลับบ้านก่อนแล้วกันนะเจ้าคะ จะได้ไปบอกเด็กๆให้ไปเล่นที่บ้านของนางเซียนน้อยด้วย หลายวันมานี้ทุกคนตั้งใจเรียนมากเลย ผ่อนคลายสักวันก็คงจะไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”“ก็ดีนะเจ้าคะ เดี๋ยว
บทที่ 77 เลี้ยงส่ง(1)“วันนี้คุณหนูเป็นอะไรหรือเปล่าขอรับ” จางหลงที่รับรู้ได้ถึงความรู้สึกขุ่นมัวในใจของนางเซียนน้อย ก็ได้เอ่ยถามขึ้นหลังจากที่ออกมาจากเรือน ซึ่งเป็นที่พักของผู้มาใหม่ทั้ง 2 คน “ทำไมวันนี้คุณหนูถึงได้ดูอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยขอรับ”“ไม่ได้มีอะไรมากหรอกเจ้าค่ะ เพราะว่าวันนี้ข้าตั้งใจจะทำตามความต้องการของตัวเองตั้งแต่แรก คือก็คือการปรุงอาหารให้ทุกคนได้ลองกินดู ไหนๆก็จะเปิดโรงเตี๊ยมอยู่แล้ว แต่ข้ายังไม่เคยได้ทำอาหารจริงๆจังๆเลยสักครั้ง การที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ตั้งแต่เช้า มันก็คงจะทำให้ข้าหงุดหงิดไปบ้าง อย่างไรต้องขออภัยด้วยนะเจ้าคะ” เยว่หัวพยายามเปลี่ยนเรื่อง เพราะว่าไม่ได้อยากจะให้ใครรู้เรื่องราวของความฝันมากนัก เพราะว่าการที่มีใครรับรู้มันไปมากกว่านี้ จะเกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นอีกไหม และอีกอย่างหนึ่ง สิ่งที่นางพูดไปก็ไม่ใช่เรื่องโกหกไปเสียทั้งหมด เพราะว่ากันแล้ววันนี้นางต้องการที่จะลงมือควบคุมการปรุงอาหาร ในการเลี้ยงผู้คนทั้งหมู่บ้านทั้งหมดจริงๆ ไหนๆก็ไหนๆแล้วนางอยากจะลองทำอย่างจริงจังดูสักครั้ง“จริงหรือขอรับ ทุกคนคงดีใจมากแน่ๆ”“ขนาดนั้นเลยหรือเจ้าคะ?”“คุณหน
บทที่ 76 หลอมรวม“ไม่ต้องระวังตัวขนาดนั้นก็ได้เจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำอันตรายพวกท่าน” ในทันทีที่เด็กสาวเข้ามาถึงห้องที่มีผู้ป่วย 2 คนนอนอยู่ หนึ่งในนั้นที่เป็นชายหนุ่มก็ได้ดึงตัวลุกขึ้นเตรียมต่อสู้ในทันที เยว่หัวเลยกล่าวออกไปแบบนั้น พลางหันไปหาจางหลงที่มาด้วยกัน “ไหนท่านบอกว่าพวกเขาหมดสติไปอย่างไรเล่าเจ้าคะ แล้วไม่ใช่ว่าเข้ามาตามหาข้าหรอกหรือ”“ขออภัยด้วยขอรับ อาจจะเป็นเพราะว่าฤทธิ์ยาที่ทำให้เขามึนงงอยู่บ้าง” จางหลงถอนหายใจเบาๆ แล้วมองไปทางอีกฝ่ายด้วยท่าทีไม่เป็นมิตรเท่าไรนัก “เป็นท่านเองมิใช่หรือที่มาขอความช่วยเหลือจากพวกเรา แล้วทำไมถึงได้แสดงท่าทีเป็นอริศัตรูกันแบบนี้เล่า”“ข้าขออภัยด้วย อาจเป็นเพราะว่าตัวข้ายังรู้สึกเหมือนกับเพิ่งจะถูกตามล่ามา ทำให้แสดงท่าทีเสียมารยาทไปแบบนั้น ข้าขออภัยจริงๆ” แม้อย่าพูดออกมาแบบนั้น แม้จะละท่าทีความหวาดระแวงลง แต่ก็ยังสามารถมองเห็นความไม่เป็นมิตรในสายตาของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน“เลิกตั้งป้อมเป็นศัตรูกันเถอะเจ้าค่ะ ถ้ามีอะไรสงสัยก็แค่พูดมา เพราะถ้าหากว่าพวกข้าต้องการจะทำอะไรพวกท่านจริง ก็คงจะไม่ปล่อยเอาไว้จนถึงตอนนี้หรอกเจ้าค่ะ” เยว่หัวที่คร้านจ
บทที่ 75 ผู้มาใหม่“ต้าพัง...ต้าพัง!”เยว่หัวร้องตะโกนออกมาเสียงดังลั่น เด้งตัวลุกขึ้นมานั่งมองภาพรอบๆด้วยสายตาที่ตื่นตระหนก แต่หลังจากที่นางกะพริบตาถี่ๆ หลายครั้ง ก็สามารถรับรู้ได้ว่าตอนนี้ตนเองตื่นขึ้นมาจากความฝันแล้ว“ข้าฝันไปอย่างนั้นสินะ แต่ว่ามันคงจะไม่ใช่ความฝันธรรมดาธรรมดาแน่ เพราะไม่มีทางที่เจ้านั่นจะทำอะไรแบบนี้โดยเปล่าประโยชน์อย่างแน่นอน แต่ที่ข้าไม่เข้าใจก็คือทำไมต้าพังถึงไปอยู่ในความฝันนั้นได้ ตกลงว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่...”เด็กหญิงพยายามใช้ความคิดของตัวเองหมุนวนอย่างเร็วจี๋ เพื่อที่จะทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในห้วงแห่งความฝัน แต่ไม่ว่านางจะพยายามอย่างไร ก็เหมือนจะไม่เข้าใจอยู่ดี สิ่งที่มันยังจำได้แม่นก็มีเพียงแค่เรื่องของการฝึกฝนเคล็ดวิชาขั้นถัดไปเท่านั้นอีกอย่างหนึ่งไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไรกันแน่ ยิ่งนางใช้ชีวิตในโลกนี้ผ่านไปนานเท่าไหร่ ความทรงจำของนางในโลกใบเดิมก็ยิ่งหายไปเรื่อยๆ ทั้งๆที่นางเคยคิดว่านางสามารถจดจำ เรื่องราวเกี่ยวกับเพื่อนเก่าหรือตัวนางเองได้มากแค่ไหน แต่มันก็ราวกับว่านางแทบจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปจนเหมือนกับจำไม่ได้เลยแม้แต่อย่างเดียวแล
บทที่ 74 ซวนซานจุน“เป็นอย่างไรบ้าง การที่ได้เจอนางอีกครั้งแบบนี้เจ้ารู้สึกเป็นอย่างไร”“ก็ยังรู้สึกยินดีแบบเดิมขอรับ เพียงแต่ว่าข้าไม่เข้าใจว่าในตอนนี้ข้าเป็นอะไรไปแล้ว ทำไมข้าถึงยังอยู่ที่นี่ทั้งๆที่ข้าได้ตายไปแล้วหรือขอรับ”“เพราะว่าในช่วงสุดท้ายของชีวิต เจ้าได้ทำการให้ในสิ่งที่ยากที่สุด ก็คือการให้อภัยต่อบิดาผู้เอาชีวิตของเจ้า ทั้งยังตัวเจ้าในตอนนั้นได้ระลึกถึงบุญคุณของนางที่มีต่อเจ้า ต่อผู้คนที่อยู่รอบกายของเจ้า ทำให้เจ้าสามารถพ้นสภาวะจิตความเป็นมนุษย์ แล้วเสวยรูปของการเป็นเทพได้ในตอนนี้”“เทพอย่างนั้นหรือ...”“เพียงแต่ว่าเจ้ายังสั่งสมบุญบารมีมาไม่มากพอ มิได้บรรลุธรรม หรือมิได้สร้างกรรมอันยิ่งใหญ่ จนสามารถรังสรรค์ปราสาทและบริวารของเจ้าได้ เมื่อรวมกับดวงจิตสุดท้ายของเจ้าที่ผูกติดกับสถานที่แห่งนี้ เจ้าก็เลยยังเป็นเทพเบื้องต่ำที่ยังมิได้ไปไหนถึงฟังดูอาจจะไม่ค่อยน่าฟังสักเท่าไหร่ แต่สุดท้ายแล้วเจ้าก็ยังสูง กว่าภพมนุษย์ที่เจ้าจากมามาก”“แล้วหลังจากนี้ข้าควรจะทำอย่างไรต่อไป”“ตราบเท่าที่เจ้ายังไม่ก้าวพ้นห้วงสังสารวัฎ กล่าวคือยังเกิดในภพของมนุษย์ เทพ เดรัจฉาน เปรต และสัตว์นรก เจ้าก็จะย
บทที่ 73 ความฝัน(3)“...กูถามมึงจริงๆเถอะ การที่มึงมาร้องไห้ร่ำไรรำพัน กับการจากไปของเขา มึงคิดว่าถ้าต้าพังยังมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่ง หรือยังสามารถรับรู้สิ่งที่มึงทำมึงเป็นอยู่ได้ มึงคิดว่าเด็กคนนั้นจะรู้สึกยังไงกูไม่ได้บอกว่าให้มึงลืมทุกสิ่งทุกอย่าง กูไม่ได้บอกว่าที่มึงไม่สบายใจที่มึงเสียใจมันผิด แต่มึงแก่แล้วนะถึงเทียบอายุกับโลกนี้ มึงอาจจะยังแค่เด็กน้อยก็เถอะแต่มึงกับกูเคยอยู่ในโลกที่ทุกสิ่งทุกอย่างมันเร็ว ทุกสิ่งทุกอย่าง มันเชื่อมถึงกันหมดทั้งโลก มึงได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่าง ยิ่งมึงเป็นครีเอเตอร์ดัง มึงก็ต้องพบกับแฟนคลับมากหน้าหลายตา มึงอยู่กับสังคมมามากกว่ากูเยอะอย่างน้อยที่สุดกูอยากให้มึงใช้เหตุการณ์ในครั้งนี้ เป็นเรื่องสำคัญที่มึงต้องเรียนรู้ต่อไปในวันข้างหน้า มึงจะต้องจำให้ได้ว่า ความประมาทของมึง ความคิดน้อยของมึง มันอาจจะนำพาความเสียใจมาให้มึงอีกครั้งก็ได้
บทที่ 72 ความฝัน(2)“ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยขนาดนี้นานเท่าไหร่แล้วนะ...” เยว่หัวบ่นกับตัวเอง เบาๆ มันไม่ได้เป็นความเหนื่อยที่ร่างกาย เนื่องจากตลอดวันทั้งวัน นางแทบไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะว่าคนในหมู่บ้านถ้าหากว่าหายใจแทนนางได้ก็คงจะทำไปแล้วสิ่งที่นางทำมากที่สุดในแต่ละวัน สำหรับช่วงเวลาหลายวันที่ผ่านมา ก็เพียงแค่การเปิดตู้เย็นแล้วเอาสิ่งของออกมาเท่านั้น ส่วนอย่างอื่นก็ ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แม้แต่อย่างเดียวส่วนช่วงเวลากลางคืน หลังจากที่นางสามารถฝึกฝนพลัง จนสามารถเปิดจุดลมปราณตามเคล็ดวิชา ขั้นแรกได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว นางก็แทบไม่รู้สึกง่วงเหงาหาวนอนในยามค่ำคืนอีกเลย นางจึงพยายามใช้ทุกวินาทีที่ผ่านพ้น ไปในตอนที่ว่างเว้นจากการอยู่กับคนอื่น เพื่อฝึกฝนทำความเข้าใจเคล็ดวิชาที่เขียนเอาไว้ในความทรงจำของนางแต่ที่น่าแปลก...ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้นางเหมือนจะจำได้ว่า ในหนังสือที่นางอ่านไปในตอนนั้นมันเขียนบอกเอาไว้ถึงการฝึกฝนขั้นต่อไปด้วย แต่ในตอนนี้นางจำไม่ได้เสียแล้วว่า จะต้องฝึกอย่างไรต่อ จึงทำได้เพียงแค่เพิ่มการสังเกต การรับรู้ และรวบรวมพลังไปยังจุดที่ชีพจรที่กลางหน้าผาก ให้มากที่สุด เข้มข้นที่สุด แ
หลังจากผ่านมาได้พักใหญ่ ลองกลับไปไล่ดูคอมเม้นของหลายๆ ท่านนะครับ เรื่องนิสัยของเยว่หัวที่มันขัดใจหลายๆ คนเสียจริงๆ ประมานว่า…อายุเดิมก็ปาไปหลายสิบปีแล้วไม่น่าจะคิดแบบนั้นอายุครึ่งร้อยแต่ความคิดเด็กน้อยโลกสวยเกินไปฯลฯสรุปรวมคร่าวๆ หลายๆ คนหมั่นใส่หรือไม่ชอบในความคิดความอ่านของนางเอกพอสมควรเลย หรืออาจจะเป็นส่วนใหญ่ด้วยซ้ำที่คิดแบบนั้น แต่จริงๆ แล้วผมตั้งใจให้เห็นแบบนั้นจริงๆ นั่นแหละครับ ซึ่งจริงๆ อยากจะค่อยๆ อธิบายในเนื้อหาไปเรื่อยๆ แต่หากว่ามันช่วยแก้ความเข้าใจผิดให้กับนักอ่านได้คงจะดีครับ เพราะจริงๆ อยากให้ทุกคนติดตามกันไปเรื่อยๆ เพราะผมตั้งใจวางทุกๆ คนในเรื่องให้เป็นคนจริงๆ ทุกๆ คนที่เติบโตในแบบของตัวเอง และทุกๆ ชีวิตในโลกใบนี้เป็นชีวิตจริงๆ ที่มีความคิดและโชคชะตาในแบบของตนอย่างแรก…และถ้าหากนักอ่านได้ตามอ่านถึงตอนปัจจุบัน คงจะพอเข้าใจแล้วถึงว่าทำไมไรท์ต้องใจดำฆ่าต้าพังที่ดูเหมือนจะมีบทสำคัญมาก ซึ่งความตั้งใจจริงๆ ของไรท์ต้าพังก็เป็นคนที่มีบทบาทสำคัญที่สุดคนหนึ่งในโลกนี้ เพราะเขาเป็นคนที่สร้างบาดแผลให้เยว่หัวได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดอย่างที่สอง เรื่องนิสัยของเยว่หัว อย่างแรกที
บทที่ 71 ความฝัน(1)“ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วขอรับคุณหนู หากคุณหนูพร้อมพรุ่งนี้เราสามารถเปิดทำการโรงเตี๊ยมจันทราอัสดง ได้อย่างเป็นทางการเลยขอรับ”“ขอบคุณท่านหัวหน้าและทุกๆคนมากเลยนะเจ้าคะ ถ้าหากไม่มีทุกคนข้าก็ไม่รู้ว่า ความฝันเล็กๆน้อยๆ ของข้าจะสำเร็จเมื่อไร”“ไม่เป็นไรเลยขอรับ อันที่จริงเป็นพวกเราต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณหนูมาก ถ้าหากว่าคุณหนูไม่ได้มาที่นี่แล้วละก็ พวกเราก็ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ชีวิตจะเป็นอย่างไรบ้าง”“ใช่แล้วล่ะขอรับ ลำพังสิ่งที่คุณหนูมอบให้กับพวกเราแล้ว ต่อให้พวกเราใช้ทั้งชีวิตนี้มอบให้กับคุณหนูก็คงจะไม่เพียงพอด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่การทำอะไรเล็กๆน้อยๆ พวกนี้เลย”“ใช่ใช่ อีกอย่างคุณหนูก็ยังได้มอบทั้งอาหารทั้งเครื่องดื่ม ที่สุดแสนวิเศษให้กับพวกเราไม่เว้นแต่ละวัน ด้วยความสามารถ เล็กๆน้อยๆของพวก