"อ๊ะ?"สวี่ถิงตกตะลึงเธอมองซูป๋ายมั่วอย่างไม่น่าเชื่อและพูดออกมาว่า "คุณซู คุณ... คุณเข้าใจผิดหรือเปล่าคะ""คุณกําลังสงสัยฉันเหรอ?"ในขณะที่ซูป๋ายมั่วพูด ใบหน้าของเธอก็เริ่มเย็นชาขึ้น: "แล้วใครอนุญาตให้คุณมาที่โรงแรมเพื่อพบฉันเป็นการส่วนตัวล่ะ?"หัวใจสวี่ถิงสั่นอย่างรุนแรงที่แท้คุณซูก็โกรธเรื่องนี้!"เอื๊อก"ด้านข้าง จางเหวินก็กลืนน้ำลายลงคออย่างแรง เขามองซูป๋ายมั่วด้วยสายตาที่สั่นไหวหรือว่า คุณซูมาที่หน้าประตูโรงแรม ไม่ได้มาเพื่อพบพวกเขาเขาพูดอย่างตัวสั่นว่า "คุณ... คุณซู เราได้... คุยกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยล่วงหน้าว่าให้แผนกต้อนรับส่งข่าวให้คุณ โดยเขาได้บอกว่าเดี๋ยวคุณจะลงมาพบเรา""คุณคิดว่าคุณซูของเราเป็นใคร พวกคุณคิดอยากเจอก็เจอได้งั้นเหรอ แล้วยังให้พนักงานต้อนรับมาแจ้งอีก?"เซียวเม่ยได้ยินคําพูดนั้น เธอก็ขมวดคิ้วด้วยความโกรธทันที"อ๊ะ พวกเขาไม่ได้แจ้งให้คุณซูทราบหรอกเหรอ"จางเหวินและสวี่ถิงตกตะลึง"คุณคิดว่าพวกเขามีคุณสมบัติที่จะติดต่อกับคุณซูของเราได้เหรอ?"เซียวเม่ยหัวเราะเยาะอย่างหยิ่งผยองช่างเป็นคนที่เพ้อฝันเสียจริงๆ!จางเหวินและสวี่ถิงทั้งคู่พู
“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้”สวี่ถิงมองไปยังเงาของหวังซือซือและหลินเซวียนที่เดินเข้าไปในโรงแรม พร้อมกัดฟันอย่างไม่เต็มใจ“สวี่ถิง สรุปว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่ เห็นได้ชัดว่าคนที่คุณซูชื่นชอบควรเป็นคุณถึงจะถูกต้อง ทำไมถึงเปลี่ยนเป็นหวังซือซือได้ล่ะ?”จางเหวินเอ่ยถาม แต่เขาก็ระงับความโกรธไว้เพื่อไม่ให้ระบายออกมาเดิมที พวกเขาเข้าหาคุณซูด้วยความสนใจอย่างมาก โดยคิดว่าจะได้รับความโปรดปรานมากขึ้นต่อจากคุณซูแต่คาดไม่ถึง เรื่องราวกลับเปลี่ยนแปลงมาเป็นเช่นนี้แล้วไม่เพียงแต่ประจบสอพลอจนคุณซูไม่พูด ซ้ำยังให้พวกมันเหยียดหยามอย่างมากด้วย…“แน่นอนว่าเป็นเรื่องดีของคนขี้ขลาดตาขาวและไร้ความสามารถคนนั้น”สวี่ถิงจิตใจเต็มไปด้วยความโกรธเคือง“ถ้าไม่ใช่เพราะหมอนั่น พวกเราจะยืนกรานโต้เถียงกับเขาที่นี่ได้อย่างไร อีกทั้งยังทำให้คุณซูเห็นฉากนี้ได้อย่างไร ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของคุณซู”ในความคิดของเธอ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะการปรากฏตัวของหลินเซวียน ที่ทำให้เรื่องดีๆของพวกเขาพังลง“เพราะไอ้สารเลวนั่นอีกแล้ว!”จางเหวินกำหมัดแน่นด้วยความโกรธทุกครั้ง เมื่อเขาวางแผนใกล้เสร็จสิ้นสมบูรณ์แบบ ต้องถูกไอ้สารเลวนั่น
ณ โรงแรมซีซาร์ ด้านในห้องเพรสซิเดนท์สูทหมายเลข2106ภายในห้องมีพื้นที่หกสิบตารางเมตร และมีหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานบานใหญ่ทำให้ห้องดูสว่างมากขึ้น“ทั้งสองคนเชิญนั่งตามสบาย”เซียวเม่ยเอ่ยต้อนรับ“โอเคค่ะ เลขาเซียว”หวังซือซือท่าทางเก้ๆกังๆเล็กน้อยถึงอย่างไร ที่ที่เธอมาอยู่ตอนนี้ ก็เป็นห้องของคุณซูเธอเองก็ไม่รู้ว่าคุณซูต้องการพูดคุยอะไรโดยเฉพาะกับเธอหรือเปล่าหลินเซวียนมองไปยังซูป๋ายมั่ว ภายในใจเองก็ไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายเช่นกันเขาไม่รู้ว่า ผู้หญิงคนนี้มาหาหวังซือซือเพื่อต้องการอะไรถ้าหากพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ครั้งก่อนของพวกเขา……ซูป๋ายมั่วสัมผัสได้ถึงสายตาของหลินเซวียน โดยเธอเองก็มองกลับไปเช่นกัน ดวงตาเปล่งประกายด้วยความอ่อนโยนทั้งหมดนี้ คนด้านข้างกลับมองไม่ออกดังนั้นซูป๋ายมั่วก็ดึงสายตากลับมาอย่างรวดเร็ว มองไปทางด้านหวังซือซือและยิ้มพร้อมเอ่ยพูดออกมา“คุณหวัง ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”“สวัสดีค่ะคุณซู”หวังซือซือตื่นเต้นขึ้นมาทันทีทันใด“คุณหวังไม่จำเป็นต้องตื่นเต้นขนาดนั้นเลย วันนี้ที่ฉันมาหาคุณก็ไม่ใช่เรื่องอื่นอะไรเลย เพียงแค่รู้สึกว่าคุณเก่งและยอดเยี่ยมมาก และฉันมีโครงการหนึ่งที่อ
ผู้หญิงคนนี้ คิดที่จะทำอะไรกันแน่!หลินเซวียนวิตกกังวลหวังซือซือเมื่อได้ยินคำพูดแบบนั้นก็มีความรู้สึกวิตกกังวลขึ้นมาอีกระดับ เธอคิดว่าคุณซูถามคำถามนี้ขึ้นมากะทันหัน เพราะได้รับผลกระทบมาจากคำพูดของสวี่ถิงเมื่อสักครู่นี้เธอรีบเอ่ยอธิบาย“คุณซู ความสัมพันธ์ของฉันและหลินเซวียนเป็นเพียงแค่เพื่อนธรรมดาทั่วไปค่ะ ไม่ใช่อย่างที่สวี่ถิงพูดเมื่อสักครู่ ได้โปรดคุณซูอย่าเข้าใจผิดไปเลยนะคะ”“สบายใจเถอะ ฉันไม่เข้าใจพวกเธอผิดหรอก”เห็นหวังซือซือที่วิตกกังวลอยู่ ซูป๋ายมั่วก็ยิ้มอย่างนุ่มนวลพร้อมเอ่ยพูด“ก่อนที่ฉันจะหาพาร์ทเนอร์ ฉันได้ทำการหาข้อมูลเกี่ยวกับพวกเธอไว้ทั้งหมดก่อนแล้ว ที่เลือกร่วมมือกับเธอเพราะฉันเชื่อใจเธอ ฉันก็เพียงแค่มีความสงสัยเล็กน้อยก็เท่านั้น ถ้าหากคุณหวังไม่สะดวกใจที่จะพูด ก็จะไม่บังคับกัน”เฮ้อหวังซือซือโล่งอกขึ้นมาทันทีแท้จริงแล้ว คุณซูก็เพียงแค่สนใจในความสัมพันธ์ของฉันและหลินเซวียนก็เท่านั้นพอได้ยินประโยคนี้จากคุณซูแล้ว หวังซือซือก็สบายใจขึ้นมา พร้อมเอ่ยพูด“คุณซู ขอบคุณที่เชื่อใจฉันนะคะ ฉันและหลินเซวียนในตอนนี้เป็นเพียงแค่เพื่อนธรรมดากันก็เท่านั้นค่ะ”“งั้นก็เป็นเพื่อนธรรมดาที
ความคิดของหลินซือซือรู้สึกสับสนเธอไม่รู้เหตุผลแต่ว่า เธอสามารถสัมผัสได้ว่า หลินเซวียนดูเหมือนค่อนข้างจะรังเกียจคุณซูหรือว่าในอดีตพวกเขาเคยมีเรื่องผิดใจกันงั้นเหรอ?“คุณหวัง เมื่อสักครู่ฉันค่อนข้างที่จะล่วงเกินคุณเกินไป หรือว่าพวกเรากลับมาพูดคุยเรื่องการร่วมมือทำงานเรื่องเดิมกันเถอะค่ะ”ในขณะที่หวังซือซือกำลังคาดเดาสาเหตุอยู่ภายในใจ เสียงอ่อนโยนของซูป๋ายมั่วก็ดึงความคิดของเธอกลับมาสู่สถานการณ์ปัจจุบันเธอมองไปทางด้านซูป๋ายมั่วด้วยแววตาที่สั่นไหวเล็กน้อยพร้อมเอ่ยพูด“โอเคค่ะคุณซู”“คุณหวัง เนื้อหาของโครงการเมื่อสักครู่คุณเองก็เห็นแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นตระกูลซูก็จะจัดเตรียมหาบุคลากรมาช่วยเหลือ ถ้าหากคุณหวังรู้สึกว่าไม่มีปัญหาอะไร ฉันก็จะไปรับสัญญา และพวกเราจะทำสัญญาให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุดค่ะ”ซูป๋ายมั่วเอ่ยพูดอย่างไพเราะหวังซือซือเมื่อได้ยินประโยคนี้ ก็กลับตกอยู่ในความเงียบ“เป็นอะไรไปคะคุณหวัง มีข้อโต้แย้งอะไรเกี่ยวกับเนื้อหาโครงการเหรอคะ?”ดวงตาคู่หนึ่งที่มองไปทางด้านหวังซือซืออย่างเย็นชา ซูป๋ายมั่วเอ่ยถาม“ไม่ใช่ค่ะคุณซู เพียงแค่……”หวังซือซือใช้แรงกัดริมฝีปากอย่างแรงทันที เธอลังเล
ดวงตาของหลินเซวียนหรี่ลงซูป๋ายมั่ว ยังคงเก็บภาพนี้ไว้อยู่งั้นเหรอ?ซูป๋ายมั่วก็สัมผัสได้ถึงสายตาที่จ้องมองของหลินเซวียน แต่เดิมที่ภายในใจนิ่งสงบ ตอนนี้ก็กลับรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาทันทีทันใดเขาเองก็ เห็นแล้วงั้นเหรอ?เธอเริ่มกัดริมรีปากที่แดงก่ำอย่างเบา แต่ซูป๋ายมั่วที่คิดอะไรบางอย่างออกขึ้นมา วินาทีถัดมาก็เปลี่ยนมาเป็นคนเย็นชาเช่นเดิม พร้อมเอ่ยพูด“คุณหวัง รูปภาพที่คุณเห็นเมื่อสักครู่ ฉันหวังว่าคุณจะเก็บเป็นความลับแทนฉันนะคะ รูปภาพใบนี้เป็นรูปเดียวที่รู้สึกว่าถ่ายฉันออกมาได้ค่อนข้างดีในเวลานั้น ดังนั้นจึงเก็บมันไว้ตลอดหลายปีมานี้ค่ะ”“สบายใจได้เลยค่ะคุณซู ฉันจะไม่บอกใครอย่างแน่นอนค่ะ”หวังซือซือเอ่ยรับปาก“ค่ะ”ซูป๋ายมั่วพยักหน้าตอบรับอย่างเบาๆแต่สายตาของหลินเซวียนกลับหัวเราะเยาะกับตนเอง เพียงแค่เพราะว่ารูปนี้ถ่ายเธอออกมาค่อนข้างดี ดังนั้นจึงเก็บไว้งั้นเหรอ?ซูป๋ายมั่วมองไปยังแววตาที่หัวเราะเยาะเล็กน้อยของหลินเซวียน ภายในใจก็สั่นไหวเล็กน้อยเธอรู้ว่าหลินเซวียนเข้าใจเธอผิดแล้วเธอเองก็อยากจะบอกความในใจต่อหลินเซวียน แต่ว่า……“คุณซูรูปภาพอะไรเหรอคะ?”ในเวลานี้ เซียวเม่ยผู้ที่ยืนอยู่ด้า
“หลินเซวียน รูปภาพที่คุณซูทำตกจากกระเป๋าเมื่อสักครู่ คุณเองก็เห็นแล้วใช่ไหม?”เมื่อลงลิฟต์ลงไปชั้นล่าง หวังซือซือก็เอ่ยปากพูด“อื้อ”หลินเซวียนพยักหน้า“ถ้าหากว่าไม่ได้เห็นด้วยตาของตัวเอง ฉันเองก็คาดไม่ถึงว่า คุณซูเองก็เคยมีความรักกับเค้าเหมือนกัน ซ้ำยังดูเหมือนสาวน้อยที่กำลังตกหลุมรักอยู่อย่างเห็นได้ชัด”หลินซือซือเอ่ยพูดอย่างประหลาดใจ และเริ่มพูดซุบซิบ“หลินเซวียน คุณคิดว่าผู้ชายในรูปนั้นเป็นใครเหรอ?”หลินเซวียนเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปาก พร้อมเอ่ยพูด“ผมเองก็ไม่แน่ใจ อาจจะเป็นคุณชายของตระกูลใดตระกูลหนึ่งนั่นแหละ”“แต่ฉันว่าไม่ใช่”หวังซือซือส่ายหัว“ห๊ะ?”คิ้วของหลินเซวียนกระตุกขึ้น“เธอดูออกได้ยังไง?”“ง่ายมาก ดูจากการแต่งตัวของเขา คุณชายของเหยียนจิงพวกนั้นไม่มีทางที่จะใส่เสื้อผ้าธรรมดาแบบนั้นอย่างแน่นอน”หวังซือซือเอ่ยพูด และเป็นเพราะเหตุผลนี้ ยิ่งทำให้เธอยิ่งสงสัยเข้าไปอีกสรุปว่าเป็นผู้ชายแบบไหนกันแน่ ถึงได้รับการโปรดปรานจากซูป๋ายมั่ว?“เห้อ ถ้าแบบนั้นก็ไม่มั่นใจแล้ว”หลินเซวียนส่ายหน้าพร้อมเอ่ยพูด“หลินเซวียน คุณคิดว่าคุณซูจะยังติดต่อเป็นการส่วนตัวกับผู้ชายคนน
“คุณคงไม่หลงกลกับคำพูดของฉันจริงๆใช่ไหม?”หลินซือซือมองไปทางด้านหลินเซวียนที่วิตกกังวล และอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าเมื่อสักครู่เธอก็เพียงแค่คาดเดาสุ่มสี่สุ่มห้า“ฮ่าๆ จะเป็นไปได้ไง!”หลินเซวียนยิ้ม พร้อมเอ่ย“ฉันเองก็คิดเหมือนกัน……”“เหอะ ไม่อนุญาตให้คิด”ในเวลานี้หวังซือซือตะคอกออกมาเบาๆ“ห๊ะ?”หลินเซวียนตกใจหวังซือซือโกรธเล็กน้อย สัมผัสได้ว่าปฏิกิริยาของตนเองค่อนข้างมากเกินไป และรีบเปลี่ยนหัวข้อในการพูดคุยทันที“หลินเซวียน คุณตอบฉันมาอย่างซื่อสัตย์นะ คุณรู้จักคุณซูใช่ไหม?”ติ๊งในเวลานี้ ลิฟต์ลงมาถึงชั้นที่หนึ่ง“พวกเราออกไปกันก่อนเถอะ”หลินเซวียนมองไปยังประตูลิฟต์ที่เปิดออก พร้อมเอ่ยพูด“อื้อ”หวังซือซือพยักหน้าทั้งสองคนเดินออกไปทางประตูของโรงแรม“หลินเซวียน คุณรู้จักคุณซูใช่ไหม?”หลินซือซือถามคำถามเมื่อครู่ต่อ“ทำไมจู่ๆถึงถามแบบนี้ละ?”หลินเซวียนต้องการฟังน้ำเสียงของหวังซือซือ“ถ้าไม่งั้นวันนี้คุณซูก็คงจะไม่มาหาฉันเพื่อพูดคุยเรื่องการร่วมมือโครงการใช่ไหม?”หวังซือซือเอ่ยพูด“ทำไมจะไม่ใช่ละ ก็เห็นอยู่ว่าคุณเก่งทั้งและยอดเยี่ยมถึงถูกคุณซูเลือก”หลินเซวียนเอ่ยอ้าง“หลินเซวียน คุณไม่จ