ร่างบางขยับตัวคลานนำหน้า ย่นจมูกกลั่นหายใจเป็นระยะ ๆ เพราะฝุ่นละอองมากมายกำลังฟุ้งกระจายรอบด้าน มองไปทางไหนก็มืดมนไม่สามารถเห็นอะไรสักอย่าง“ให้ฉันคลานไปไหนเนี่ย มืดแปดด้านซะขนาดนี้” จนรวงข้าวทนไม่ไหวเหลียวหน้ากลับไปหาร่างสูงที่คลานตามไม่ยอมเอ่ยอะไรออกมา“คลาน ๆ ไปเหอะน่า อย่าบ่น” ในสมองกำลังคิดเรื่องอื่นไม่ได้สนใจว่าตอนนี้เขาและรวงข้าวอยู่จุดไหนของเพดาน“ก็ฉันมองไม่เห็นนี่...” รวงข้าวหยุดคลานแผดเสียงใส่ ไม่เข้าใจว่าคริสเตียนจะให้คลานแบบนี้อีกนานไหม ในนี้นอกจากจะแคบยังมีกลิ่นอับแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว ขืนอยู่นานมีหวังตายแน่ ๆ“...คุณมีโทรศัพท์ไม่ใช่เหรอ” ทำให้เธอถามสิ่งที่สมองเพิ่งจะคิดได้“อือ” คริสเตียนตอบไปแต่ยังไม่เลิกคิดหาสาเหตุของเหตุการณ์เมื่อกี้“เปิดไฟส่องทางสิ จะได้เดาว่าตอนนี้เราอยู่มุมไหน”“เลิกสั่งฉัน!!"“คุณไม่ยอมทำอะไรสักอย่าง ฉันอยากลงไปจะแย่อยู่แล้ว” น้ำเสียงจริงจังบอกให้คริสเตียนรับรู้ว่าเริ่มจะทนหายใจที่แคบไม่ไหว“คนอย่างเธอมีเรื่องทนไม่ได้ด้วยเหรอ” ทำให้คริสเตียนถามกลับไปพึ่บ!“พักก่อน ฉันไม่อยากเถียงกับคุณตอนนี้” รวงข้าวเอื้อมมือปิดปากร่างสูงไม่ให้เอ่ยสิ่งใดอีก“เอ
พรึ่บ!“เธอเป็นอะไรไหม!?” ร่างสูงถามทั้ง ๆ ที่สายตามองออกไปด้านนอกเพื่อดูว่ามีใครตามมาเก็บเขาและรวงข้าวต่อรึเปล่า“...” ทว่าไร้ซึ่งเสียงตอบกลับ ทำให้เขาต้องละสายตาจากด้านนอกก้มมองดูคนที่อยู่ในอ้อมแขนแทน จนกระทั่งเห็นว่าดวงตาหวานค่อย ๆ หลับตาลงช้า ๆ“รวงข้าว!!” คริสเตียนตกใจรีบประคองหน้าหวานเขย่าร่างบางเรียกสติให้ฟื้นสติคืนมา แต่สิ่งที่ได้คือไม่มีการตอบกลับจากรวงข้าว ใบหน้าหวานตอนนี้ได้สลบไม่รับรู้เรื่องอะไรอีก“ไอ้แก่แอนสัน!!” ฟันคมขบเข้าหากันแน่น เดือดดาลกับสิ่งที่เผชิญ เห็นทีต้องตายกันไปข้างหนึ่ง มือหนาเลื่อนร่างบางให้อยู่ในมุมที่ปลอดภัยก่อนจะวางรวงข้าวหลบหลังเสาแล้วชักปืนจากกางเกง หมุนตัวไปฝั่งมาเฟียเถ้าด้วยอารมณ์ไม่คงที่ตึกตึก...ร่างสูงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงสาวเท้าเข้าใกล้แอนสันที่ยืนหน้าเหวอเพราะคิดว่าคริสเตียนต้องโดนระเบิดเต็ม ๆ แต่ไม่คิดว่าคริสเตียนจะมาปรากฏตัวต่อหน้าอีกครั้งในสภาพปกติแถมบนลำตัวมีแค่รอยถลอกจากการถลาตัวรับรวงข้าวเพียงแค่นั้น“มึง...ไอ้คริส! มึงไม่ตายดีแน่” แอนสันยังคงอวดดีเนื่องจากตอนนี้เขามีลูกน้องและอาวุธครบมือ“...” ร่างสูงสาวเท้าไปเรื่อย ๆ“ใครฆ่ามันได้ กูจะ
“ไอ้เคน มึงเลิกก่อเรื่องไม่หยุดไม่หย่อนสักที” ทันทีที่เคนตะรับสายคริสเตียนตะคอกต่อว่า สั่งสอนน้องชายตัวดีที่ชอบก่อเรื่องเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ไม่คิดจะเลิกนิสัยมักง่าย(พี่หมายถึงอะไร ผมไม่เข้าใจ) ทว่าเคนตะไม่รู้เรื่องที่แอนสันลอบฆ่าจึงเอ่ยถามกลับมา“ยังมีหน้ามาถามอีกเหรอวะ”(ผมไม่รู้จริงๆ) เคนตะเถียงต่อเพราะไม่รู้สิ่งที่คริสเตียนกล่าวหา“แอนสัน! ทีนี้รู้ยัง ว่าเรื่องอะไร!?”(...) เคนตะเงียบใช้ความคิดถึงบุคคลที่พี่ชายบอกชื่อ ก็แค่คู่ค้าคนหนึ่ง ทำไมเขาต้องรับรู้อะไรด้วย“ว่าไง” คริสเตียนถามย้ำ(ไม่รู้)(ไม่รู้จริงๆ)“นี่มึงฟันลูกสาวคู่ค้าไปกี่คน ถึงไม่รู้ว่าไปทำเวรกับใครไว้บ้าง” คริสเตียนทนไม่ไหวต่อว่าเสียงเข้ม(ผมไม่ได้หลอกฝัน ยัยนั่นเต็มใจเองต่างหาก) คราวนี้เคนตะเข้าใจสิ่งที่ต้องการจะบอกทันที“เลิกสักทีได้ไหมวะ นิสัยกินไปทั่ว ช่วยเลือกหน่อยว่าอันไหนสมควรไม่สมควร”(ทีพี่คริสยังกินนักโทษตัวเองได้เลย)ตึก!ตึก!รวงข้าวสาวเท้าไปที่เตียงหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย เธอนิ่งเงียบไม่รู้จะเอ่ยอะไรออกมา ยิ่งเห็นว่าเจ้าของห้องกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ที่โซฟาของห้องจึงไม่กล้าส่งเสียงรบกวน(ถึงกับเงียบเลย
“คราวนี้ถึงคิวเธอบ้าง...รวงข้าว!!” คริสเตียนกระซิบบอกทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ขยับปากห่าง เอ่ยสัมผัสแตะเบา ๆ พอให้ชวนขนลุก ทว่าแทนที่จะเสียวซ่านอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้น รวงข้าวกลับตาโตตกใจสิ่งที่ชายหนุ่มบนร่างกำลังบอก“...” รวงข้าวดันเขาให้ออกจากตัว ควานหากางเกงเพื่อสวมใส่เหมือนเดิม แต่พอลุกขึ้นจึงรู้ว่าคริสเตียนโยนทิ้งไปไหนแล้วไม่รู้“...” ร่างสูงไม่เอ่ยสิ่งใดเช่นกัน ขยับตัวถอดเสื้อผ้าให้เปลือยเปล่าพร้อมทั้งมองตาหวานไม่ละสายตา สื่อความหมายสิ่งที่ต้องการ จนกระทั่งงูยักษ์ตื่นตัวชี้โด่ต่อหน้าต่อตาหญิงสาว แววตารวงข้าวที่มองมามีทั้งตกใจและตื่นเต้น ทำเอาคริสเตียนต้องใช้มือเพื่อขยายสิ่งที่จะสู้รบศึกครั้งนี้ให้พร้อมใช้งาน“ถอดเสื้อออก” เขาบอกทันที“ไม่...ฉันง่วงแล้ว” แต่ปากบางปฏิเสธออกไป“อืม ไม่ถอดก็ไม่ถอด...”“...อ้าปากแทนละกัน” คริสเตียนขยับตัวมาอยู่ตรงหน้าให้บางอย่างพอดีกับปากบางสีชมพู“...” รวงข้าวกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เธอไม่มีทางหนีศึกครั้งนี้จริง ๆ ใช่ไหม“อ้าปาก!!” คราวนี้ไม่เพียงแต่สั่ง มือหนาเอื้อมไปบีบคางให้เผยอปากออก แล้วยัดตัวตนเข้าไปเต็มโพรงปาก“อื้อ” หน้าหวานส่ายหน้าไปมาดันหน้าท้องห
วันต่อมา ร่างบางรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในตอนเช้า สภาพของเธอตอนนี้มีเพียงผ้าห่มผืนเดียวที่ปกคลุมอยู่พร้อมกับร่างใหญ่ข้าง ๆ ที่กำลังกอดเอวเธอเอาไว้แน่นไม่คิดจะขยับออกสักทีและไม่มีท่าทีจะตื่น“เมื่อไหร่จะตื่นนะ” รวงข้าวพึมพำในลำคอ เหลียวหน้าไปมองใบหน้าคมที่มีผมปรกลงมาปิดหน้าผาก ก่อนที่เธอจะพลิกตัวกลับไปทั้งตัว ไล่สายตาไปยังหน้าคมที่มีเคราขึ้นจาง ๆ จมูกโด่งได้สันรับกับริมฝีปากได้รูปชวนให้มือบางเลื่อนไปแตะเบา ๆ เผยรอยยิ้มด้วยความรู้สึกบางอย่างตั้งแต่รวงข้าวเกิดมาไม่เคยสักครั้งที่จะมีคนนอนกอดแบบนี้แม้แต่แม่แท้ ๆ ก็ไม่เคยจะได้รับ มันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นจากอ้อมกอดคริสเตียน ไออุ่นจากแผงอกแผ่ออกมาจนรวงข้าวอยากจะผวาเข้ากอด ทว่าเธอก็ทำได้เพียงแค่มอง ไม่มีสิทธิ์แสดงความรู้สึกแบบนั้นออกไปเพราะกลัวความรู้สึกจะถลำลึกเกินกว่าจะหักห้ามได้“จะเลิกมองได้ยัง!?” คริสเตียนเอ่ยทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ลืมตา เขารู้สึกตัวตั้งแต่รวงข้าวขยับตัวครั้งแรกแล้ว แต่เเกล้งหลับต่ออยากรู้ว่าคนข้าง ๆ จะทำอะไรบ้าง“เอ่อ...คุณคริส” รวงข้าวขยับหน้าหนีพร้อมทั้งดึงนิ้วลงมาจากปากคริสเตียน“ว่าไง” เขาถามซ้ำแล้วลืมตาจ้องมองรวงข้าวใกล้ ๆ
“นั่งเงียบ เป็นไร” สายตาคมเหลือบมองร่างบางที่นั่งกอดอกเอาแต่นิ่งเงียบและก้มดูทะเลสาบด้านล่างผ่านกระจกเครื่องบิน“...” รวงข้าวทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินสิ่งที่คนข้าง ๆ ถาม“ตกลงว่าไง” คริสเตียนไม่ละความพยายามถามกลับไปใหม่“เมื่อไหร่จะปล่อยฉันหรือฆ่าฉันสักที” สุดท้ายน้ำเสียงเย็นชาจึงเอ่ยถามสิ่งที่คาใจ ต่อให้เธอทำดีชดเชยกับสิ่งที่เธอหลอกลวง มันก็ไม่สามารถชดเชยได้ เพราะเธอเป็นแค่ของหลอกล่อเพื่อสืบหาต้นตอก็เท่านั้น“อ้อ ที่เงียบเพราะคิดว่ากลับไทยแล้วจะรอดจากน้ำมือฉันงั้นเหรอ ฝันไปเหอะ!!” เขาแสยะยิ้มราวกับรู้ทันไปหมดซะทุกอย่าง“ให้ฉันฝันก็ดีกว่าอยู่กับคุณ!!” ทำเอารวงข้าวต้องประชดประชันกลับไป“แค่อยู่กับฉัน ก็ทรมานแล้วเหรอ” ชายหนุ่มเบะปาก รู้สึกสะใจกับสิ่งที่ได้ทรมานรวงข้าว แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเสียเซลฟ์ ผู้ชายที่เพียบพร้อมไปทุกอย่าง ไม่เคยใช้ผู้หญิงคนเดิมซ้ำ ๆ ทว่าทำไมเธอถึงได้อยากออกไปจากวงจรชีวิตของเขานักแม้กระทั่งความตายรวงข้าวก็ยังสรรหาเพื่อให้ออกจากเขา“อือ” เธอพยักหน้าอย่างแน่วแน่“ดี ฉันจะได้จับเธออยู่ใกล้ ๆ ทั้งวันทั้งคืน”“...” คราวนี้รวงข้าวไม่อยากโต้ตอบ เบี่ยงหน้ากลับไปมองท้องทะเล
“พี่คริส!!” ภายในลิฟต์หญิงสาวยืนกอดอก เหลียวมองกับหางตาพร้อมทั้งเขม็งด้วยความไม่พอใจ สัมผัสได้ว่าร่างสูงข้าง ๆ กำลังปกปิดอะไรอยู่ ถึงได้รีบลากเธอออกมาแบบนี้“หืม...เค้กอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม!?” คริสเตียนเปลี่ยนเรื่องเฉไฉไปเรื่องอื่นแทน“พี่คริสกำลังปิดบังอะไรอยู่”“ไม่มี๊! พี่จะปิดบังอะไรเค้กได้” หน้าคมมองตรงออกไป ถึงแม้น้ำเสียงจะไม่นิ่งตามท่าทาง“โอ้ว เสียงสูงเกิ๊นนน...”“...บอกเค้กมาเดี๋ยวนี้นะ ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร!!” มือบางเอื้อมไปเขย่าแขนหนาหมายจะให้คริสเตียนบอกตรง ๆติ่ง!“ลิฟต์เปิดแล้ว เรารีบไปกันเถอะ พี่หิว” ร่างสูงปลดมือบางออกจากแขน ก้าวขายาว ๆ เดินออกไปไม่รอให้โดนเซ้าซี้ต่อ“ไม่เอาพี่คริส ตอบมาก่อน” คัพเค้กวิ่งตามตะโกนถามไม่หยุดหย่อน ทว่าคริสเตียนไม่คิดจะตอบคำถามนั้น@คอนโดคริสเตียน“ฉันว่าเธอควรจะรีบบอกความจริง ถ้าปล่อยให้นายรู้เอง มีหวังเธอไม่รอดแน่” อะเดลโน้มน้าวหวังลึก ๆ ว่ารวงข้าวจะยอมบอกความจริง“...” ร่างบางยืนนิ่งไม่คิดจะเอ่ยสิ่งใด“มึงจะไปเค้นหาความจริงทำไม ดูก็รู้ว่าไม่มีทางบอก” อดัมเสริมทันที ผู้หญิงแข็งกระด้างไม่มีความกลัวสิ่งใด โดนฝึกมาหนักขนาดนี้ชีวิตคงพร้อม
“จะไปไหน” ชายวัยกลางคนเอ่ยถามลูกน้องฝีมือดีที่กำลังสาวเท้าออกจากบ้าน“ผมจะไปช่วยรวงข้าว” ทันทีที่รู้ข่าวความเคลื่อนไหวของคริสเตียน ไดรฟ์ไม่ต้องการจะรออะไรอีกต่อไปอยากจะรีบบุกเข้าไปช่วยผู้หญิงที่รักให้เร็วที่สุด“นี่มึงยังไม่หายโง่อีกเหรอวะ” คำตอบของไดรฟ์ทำเอาพ่อเลี้ยงธนินหัวเสีย“แต่ข้าวเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ผมรัก ยังไงผมก็จะช่วย” ไดรฟ์ยืนยันคำเดิม“ต่อให้ไปตายนะเหรอ”“ใช่ ผมยอม” แววตาคมตอบอย่างมุ่งมั่น“ไอ้โง่!!...” ทำเอาพ่อเลี้ยงธนินตะคอกด่าเสียงดังลั่น“...มึงคิดว่าผู้หญิงหน้าตาสวย ๆ อย่างยัยรวงข้าว มันจะเก็บไว้ดูเล่นเหรอวะ”“ผมไม่เข้าใจ” ฝีเท้าใหญ่หยุดชะงักเหลียวกลับไปมองชายวัยกลางคนว่าต้องการบอกอะไรกันแน่“ต้องให้กูบรรยายไหมว่า...ว่าผู้ชายเวลาเจอของสวย ๆ มันทำอะไรกัน มึงก็เป็นผู้ชายคงเข้าใจไม่ยาก!!" พ่อเลี้ยงธนินจนปัญญาอยากให้ไดรฟ์เลิกชอบรวงข้าวสักที จึงเอ่ยประโยคแทงใจดำเพราะหวังว่าวันหนึ่งลูกน้องฝีมือดีคนนี้จะหันมาสนใจลูกสาวคนเดียวของเขาบ้าง“ต่อให้ข้าวตกเป็นของมันแล้ว ผมก็ไม่ถือเพราะนั่นคือสิ่งที่พ่อเลี้ยงทำให้เกิดขึ้น!!” ทว่าคำตอบของไดรฟ์ส่งผลให้พ่อเลี้ยงอึ้งไปไม่ต่างอะไรกับหญิ
อาฟเตอร์ปาร์ตี้ หลังจากรวงข้าวตอบรับการแต่งงาน คริสเตียนก็เร่งงานภายในหนึ่งอาทิตย์เพื่อให้รวงข้าวสวมใส่ชุดเจ้าสาวได้สวยที่สุด ก่อนที่เจ้าตัวน้อยในท้องจะแสดงฤทธิ์เดชเผยให้ทุกคนได้เห็น“ไม่รู้จะมีอาฟเตอร์ปาร์ตี้ทำไม” คริสเตียนบ่นออกมาเพราะเขาอยากเข้าหอเต็มทีแล้ว“คุณเคนตะรีเฟสมาครับ ผมไม่กล้าขัดเลยจัดตารางงานตามนี้” อดัมรายงานทันที“แล้วไหนคนที่อยากอยู่งานปาร์ตี้ที่สุด หายหัวไปไหนแล้ว” สายตาคมกวาดสายตามองหาน้องชายสุดแสบ ที่ปล่อยให้แขกในงานสนุกกันเอง ทั้ง ๆ ที่เป็นแขกของเคนตะทั้งนั้น“ผมเห็นขึ้นลิฟต์ไปสักพักใหญ่แล้วครับ” อะเดลเอ่ยตามที่เห็น“คัพเค้กไปตามพี่เคน บอกให้ลงมาในงานได้แล้ว” คางูยะนั่งฟังบทสนทนาของหลายชายคนโตก่อนจะบอกหลานสาวเพียงคนเดียวที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย“ทำไมต้องเป็นเค้กด้วยล่ะคะ” ทำเอาคัพเค้กถึงกับหน้าบึ้งตึง ย่นจมูกส่ายหน้าไม่ยอมลุกจากเก้าอี้ง่าย ๆ“ไปเถอะเค้ก ในงานก็มีแต่เพื่อนไอ้เคน บอกให้มันมารับแขกหน่อย” เจ้าบ่าวป้ายแดงรีบเอ่ยอีกเสียง เหลือบมองเจ้าสาวเป็นระยะ ยิ่งชุดที่รวงข้าวสวมใส่เผยให้เห็นร่องอกขาวเนียน จนเขาแทบจะอดใจไม่ไหวอยู่แล้ว“ลูกน้องพี่คริสก็มี ทำไมไม่ใช้บ
รวงข้าวทอดสายตามองตามนิ่ง ๆ เมื่อคริสเตียนเดินออกไปจากจุดนั้น“ตามผัวไปสิวะ ยืนเซ่ออยู่ทำไม” วิมลดันแผนหลังลูกสาวเพื่อกระตุ้นเตือน“...” ทว่ารวงข้างยังคงยืนเฉยเมย ลังเลว่าทุกอย่างคือความจริงใช่ไหม ไม่มีฉากบังหน้าอะไรตบตาเธออีก“อ้าวอีนี่ เอาใจผัวอะเป็นไหม คงไม่อยากให้ลูกในท้องไม่มีพ่อหรอกนะ” หญิงวัยกลางคนถึงกับเกาศีรษะ เบื่อหน่ายนิสัยเย็นชาเต็มที“...”“ไปสิวะ!!” ก่อนที่วิมลจะดันให้รวงข้าวยอมก้าวเท้าตามออกไปตึก!ตึก!“ปู่” คริสเตียนเอ่ยเรียกคางูยะไว้ ก่อนที่มาเฟียเฒ่าจะขึ้นเครื่องบินเจ็ทกลับไปซะก่อน “จะตามฉันออกมาทำไม ไม่ไปดูแลลูกเมียแกล่ะ” คางูยะไม่คิดจะหันกลับไปมอง ไม่ได้โกรธเคืองอะไรทั้งสิ้น แค่ไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งที่ตัวเองสะสางไม่เสร็จ“ผมเข้าใจทุกอย่างที่ปู่ทำแล้ว ต่อไปผมจะเป็นคนสืบเรื่องนี้ จะไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่าอีก”กึก!“ต่อไปแกอย่าลืมนะ ว่าจุดอ่อนของแกคือลูกและเมีย” คางูยะหันมาบอกด้วยสีหน้าสลด“ครับ ผมจะรีบจัดการให้เร็วที่สุด ก่อนรวงข้าวจะคลอด” เขาให้สัญญาและทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามที่พูด“...” มาเฟียเฒ่าพยักหน้า แล้วหมุนตัวกลับไปขึ้นเครื่องบินตามเดิมคริสเตียนยื
แม่!!” รวงข้าวมองหญิงวัยกลางคนที่เดินเข้ามาหยุดตรงหน้า พร้อมทั้งชายชราที่ยืนถือไม้เท้าแววตาดุดันพึ่บ! คริสเตียนปล่อยโอบกอดจากร่างบางแล้วหมุนตัวหันไปมองแขกใหม่ทันที“ปู่!!” ก่อนที่เขาจะเอ่ยอย่างตกใจ ไม่คิดว่าคางูยะจะตามมาได้เร็วขนาดนี้ และที่สำคัญกลับพาแม่รวงข้าวมาด้วย งานนี้คงไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้“กลับบ้านกับฉัน...คริสเตียน!!” คางูยะกระแทกไม้เท้ากับพื้น น้ำเสียงเอ่ยสั่งเรียบ ๆ แต่ถึงเเม้จะนิ่งเรียบแต่แฝงด้วยอำนาจบางอย่าง“ไม่ครับ ผมจะกลับก็ต่อเมื่อปู่อนุญาตให้เราสองคนได้สร้างครอบครัวด้วยกัน” ร่างสูงไม่เพียงแต่เอ่ยแต่ยื่นมือลงไปจับมือบางไว้แน่น เขาพร้อมที่จะเผชิญทุกอย่างจริง ๆ และไม่คิดจะยอมเเพ้ง่าย ๆ“หึ ดีนี่ทำให้หลานที่เชื่อฟังฉันมาตลอดสามารถออกนอกลู่นอกทางได้ สมใจเธอแล้วสินะ” มาเฟียเฒ่าแสยะยิ้มมองใบหน้าหญิงสาวข้างๆหลานชาย“...” ทุกคนต่างเงียบเกรงกลัวอำนาจในกำมือคางูยะที่สามารถสั่งทำลายล้างทุกสิ่งที่ขวางหน้า“เธอเคยรับปากกับฉันว่ายังไงฮะ!!” ก่อนที่คางูยะจะยื่นไม้เท้าเชยคางรวงข้าวให้เชิดขึ้นต่อหน้าต่อตาทุกคน“หยุดขู่เมียผมสักที เมื่อไหร่ปู่จะปล่อยให้พวกผมมีชีวิตที่เลือกเองบ้าง” คริ
แววตาคมเหลือบมองเด็กชายตัวเล็กผิวขาวที่กำลังนั่งเล่นรอเวลาทานอาหารเช้า คริสเตียนสาวเท้าเข้าไปหย่อนตัวนั่งข้าง ๆ จนทำให้ดวงตาใสบริสุทธิ์จับจ้องคริสเตียนตาแป๋ว“เมื่อไหร่คุณลุงจะกลับ” คิมหันต์วางของเล่นในมือ ขยับตัวออกเล็กน้อย เพราะรวงข้าวเตือนไม่ให้ยุ่งเกี่ยว“เลิกเรียกลุงได้แล้ว” คริสเตียนไม่พอใจนัก แต่ก็เก็บกลั้นเอาไว้“ก็คุณลุงแก่แล้วนี่ครับ”“เฮ้ย! เคยโดนหนังยางดีดปากไหมวะ” แต่แล้วคำพูดที่เอ่ยออกมา ทำเอาคริสเตียนตะคอกกลับไปเสียงเข้ม“น่ากลัว..ว่าแล้วทำไมแม่ข้าวถึงไม่รัก” คิมหันต์ฉีกยิ้มเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังหน้าบึ้ง“รู้ได้ไงว่าแม่นายไม่รักฉัน อ้อ อีกอย่างต่อไปฉันต้องเป็นพ่อนาย ควรเปลี่ยนคำเรียกซะใหม่” เพราะหลังจากง้อรวงข้าวสำเร็จคงต้องรับคิมหันต์ไปเป็นลูกอย่างถูกกฎหมาย“ผมไม่อยากมีพ่อ แค่แม่ข้าวคนเดียวก็พอแล้ว” คิมหันต์ส่ายไปส่ายมาพร้อมทั้งกอดอกตัวเอง“ไม่ได้!! ถ้างั้นฉันจะไม่ให้นายเป็นลูกเมียฉันอีก” ถึงแม้จะมีน้องชายที่กวนประสาทถึงสองคน แต่ความอดทนเขาเริ่มจะหมดเต็มทีเมื่อต้องมานั่งต่อล้อต่อเถียงกับคิมหันต์“ขู่ผมเหรอ ผมไม่กลัวหรอก” คิมหันต์ยักคิ้วไม่ได้หวาดกลัวสักนิด“...” ทำเอาร่
“อะไรของคุณเนี่ย” รวงข้าวเงยหน้าถามด้วยความสงสัย จู่ ๆ คริสเตียนก็ลากเธอมาหลังต้นไม้“ไล่มันกลับไปเดี๋ยวนี้” ก่อนที่ร่างสูงจะเอ่ยเสียงเข้ม แววตาบ่งบอกชัดเจนว่าหมายถึงใคร“คุณก็เห็นว่าพี่ไดรฟ์ไม่กลับ”“งั้นพี่จัดการเอง” ว่าแล้วก็ปล่อยมือรวงข้าวเพื่อเดินกลับไปที่น้ำตกที่มีอดัมอะเดลค่อยเป็นเกราะคุ้มกันไม่ให้ไดรฟ์เข้าใกล้รวงข้าวได้“หยุดเลย คุณเองก็ควรจะกลับนะ ก่อนที่ปู่คุณจะตามมา” รวงข้าวรีบหยิบยกเรื่องนี้มาขู่ เพราะเชื่อว่าไม่นานคางูยะต้องทำอะไรสักอย่างแน่“รวงข้าว พี่ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะ อายุก็เลขสามแล้วสร้างครอบครัวได้สบาย ๆ” ทำให้ร่างสูงหันมาเผชิญหน้ากับรวงข้าวอีกครั้ง แล้วเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง“แต่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่เหมาะกับคุณ” เธอก้มหน้าไม่สบตา ยังจำคำพูดคริสเตียนได้ทุกคำ“เอาอะไรมาวัดว่าไม่เหมาะ อย่าคิดแทนพี่”“อย่ามาพูดดีหน่อยเลย ฉันไม่มีวันหลงกลคุณอีกหรอก” ก่อนที่รวงข้าวจะเบี่ยงหน้าไม่อยากคุยกับคนเจ้าเล่ห์ต่อ“ข้าว...ฟังพี่อธิบายก่อน” คริสเตียนจึงตั้งใจจะอธิบายทุกอย่าง ถึงแม้สถานที่จะไม่อำนวยก็ตาม แต่ดีว่าเข้าใจผิดอยู่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ“ข้าวไปกับพี่” ไดรฟ์เข้ามาเอื้อมมือดึงรวงข้าวอ
เช้าวันต่อมาตึกตึก...รวงข้าวเดินวนไปวนมารอบเตียงตั้งแต่หัวรุ่ง ครุ่นคิดหาทางเอาตัวรอดจากร่างสูงนอกห้อง“เราจะให้เขารู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด” เธอลูบหน้าท้องตัวเองที่มีอีกหนึ่งชีวิต“แต่เราจะหนีเขายังไง แล้วไหนจะเรื่องแม่อีกล่ะ” ถ้าหากคางูยะรู้เรื่องที่คริสเตียนมาตามเธอที่นี่ แม่ของเธอจะเป็นอันตรายไหมคิดได้อย่างนั้นรวงข้าวจึงชะโงกหน้าผ่านทางหน้าต่างเพื่อหาทางแก้ปัญหา ก่อนจะเห็นบอดีการ์ดยืนอยู่รอบบ้าน“ขนมาเยอะขนาดนี้ ไม่รอดอีกแน่” เธอส่ายหน้าเหนื่อยล้ากับสิ่งที่เผชิญ ทำไมความสุขที่เกิดขึ้นในชีวิตเธอมันสั้นนิดเดียว เมื่อไหร่เธอจะมีความสุขกับเขาบ้าง“แม่ข้าว...ทำอะไร” คิมหันต์ลุกขึ้น ใช้นิ้วมือขยี้ดวงตามองรวงข้าวที่กำลังยืนดูบางอย่างนอกหน้าต่าง“เอ่อ..ตื่นแล้วเหรอคิม” ทำให้รวงข้าวหันกลับมาตามเสียง“ครับ”“...” เธอยิ้มจาง ๆ เมื่อใกล้เวลาต้องออกไปเจอร่างสูงในเวลาที่ไม่อยากเห็นหน้าแบบนี้“ว่าไงครับ แม่ข้าวไปทำอะไรที่หน้าต่าง” แต่แล้วคิมหันต์กลับถามสิ่งที่ยังไม่ได้คำตอบต่อ“เปล่า นอนต่ออีกไหม” รวงข้าวจึงเดินไปใกล้ ๆ พร้อมเอื้อมมือลูบศีรษะเด็กชายที่กำลังจ้องเธอตาแป๋ว“ไม่ล่ะครับ คิมออกไปด้า
ร่างสูงใหญ่ลงจากเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว ใบหน้าซูบโทรมเริ่มจะมีความหวังขึ้นมาบ้าง เมื่อมองรอบ ๆ ที่เป็นดอยห่างไกลจากในตัวเมืองค่อนข้างมาก ความจริงที่นี่เขาเคยให้ลูกน้องมาตามหาแล้วครั้งหนึ่งแต่กลับไม่มีเบาะแสอะไรสักอย่าง ทว่าครั้งนี้เขารู้สึกถึงความหวังสุดท้าย รู้สึกถึงการรอคอยตลอดสามเดือนกำลังจะสมหวัง“มืดค่ำแบบนี้ แน่ใจนะครับว่าจะเข้าไปในบ้านหลังนั้นจริง ๆ ” อดัมถามออกมา กวาดสายตามองรอบ ๆ ที่ตอนนี้ ดึกเกินกว่าจะรบกวนคนในบ้าน“กูไม่รออะไรทั้งนั้น” คริสเตียนตอบพร้อมก้าวเท้าต่อไปตามที่ลูกน้องรายงานพิกัดคริสเตียนมองบ้านที่มีขนาดเล็ก ข้าง ๆ ล้อมรอบด้วยต้นไม้ หากรวงข้าวอยู่ที่นี่จริง ปู่ของเขาก็เล่นได้แสบมาก ที่ปล่อยให้เมียเขาอยู่ตามลำพังท้ายหมู่บ้าน เห็นทีต้องเคลียร์บางอย่างกับปู่บ้างแล้วก๊อก ๆก๊อก ๆ“ใครครับแม่ข้าว” คิมหันต์ลุกขึ้นนั่งตามรวงข้าว เงยหน้าอย่างงัวเงีย“คิมนอนต่อเถอะ เดี๋ยวแม่ข้าวไปเปิดเอง”“ไม่เป็นไรครับ คิมไปเปิดเอง” ทว่าคิมหันต์ไม่ยอม กระโดดลงจากเตียงเพื่อไปทำหน้าที่แทนแม่บุญธรรม เพราะเข้าใจว่าเป็นยายตัวเองแอ๊ดดด~ดวงตาคมกวาดสายตาเข้าไปในตัวบ้านเมื่อมีคนเปิดประตูให้ ทว่า
สามเดือนผ่านไปอุ๊บ!แหวะ!“แม่ข้าว แม่ข้าวเป็นอะไร” คิมหันต์วิ่งเข้าไปยืนข้าง ๆ มองดูแม่บุญธรรมที่กำลังอาเจียนอย่างหนักตลอดเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา“เข้าบ้านไปก่อนคิม เดี๋ยวแม่ข้าวดีขึ้น จะตามเข้าไป” มือบางของรวงข้าวดันให้เด็กน้อยเข้าไปในบ้าน“ไม่เอา คิมอยากดูแม่ข้าว”“คิมหันต์!!” ทำให้รวงข้าวกดเสียงเรียกชื่อเพื่อไม่ให้แสดงความดื้อรั้นออกมา“ก็ได้ครับ” คิมหันต์หน้าจ๋อย เดินคอตกเข้าบ้านทันทีหญิงสาวมองดูเด็กชายผิวขาวจนลับสายตา มือบางยกขึ้นมาลูบหน้าอกตัวเอง ครุ่นคิดถึงอาการที่กำลังเป็นอยู่“ไม่จริงใช่ไหม” ก่อนที่รวงข้าวจะเลื่อนมือลงมาลูบหน้าท้องแบนเรียบอย่างสงสัย ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นเพราะความเครียดเลยทำให้ประจำเดือนเคลื่อน ทว่าอาการที่เป็นอยู่มันฟ้องชัดว่าสิ่งที่กลัวมาตลอดกำลังจะเกิดขึ้น“เราจะทำยังไงดี” รวงข้าวแทบหมดแรง ไม่มีเรี่ยวแรงจะยืนต่อ ค่อย ๆ หย่อนตัวนั่งเก้าอี้ไม้หลังบ้าน ตั้งสติเพื่อแก้ปัญหาทุกอย่างตึก!ตึก!“รวงข้าว ไหวไหมบอกป้าได้นะ” แย้มยายของคิมหันต์เดินเข้ามานั่งข้าง ๆ หลังจากที่คิมหันต์วิ่งไปตามที่กระท่อม“...” รวงข้าวส่ายหน้า จนปัญญากับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอไม่รู้จะรับ
เอี๊ยดดด!!“โธ่เว้ย ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยวะ” คริสเตียนหักหลบพวงมาลัยเข้าข้างทางด้วยความโมโหที่วันนี้...วันทั้งวันไม่ได้เบาะแสอะไรสักอย่างก๊อกๆ...อดัมอะเดลขับรถตามหลังมาติด ๆ จึงจอดรถเพื่อลงไปหาเจ้านาย“นายครับกลับไปพักก่อนเถอะครับ หักโหมแบบนี้เดี๋ยวจะวูบเอาได้” เมื่อคริสเตียนลดกระจกรถลง อดัมเอ่ยด้วยความเป็นห่วง“พวกมึงตามกูมาทำไมวะ” แต่คริสเตียนกลับตะคอกใส่ มองลูกน้องสองคนอย่างไม่สบอารมณ์นัก แทนที่จะไปทำหน้าที่ตัวเองแต่กลับมาตามเขา โดยที่ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรสักนิด“ผมกลัวว่านายจะใจร้อนจนเป็นอันตราย” อะเดลเอ่ยขึ้นมาบ้าง ยิ่งตอนนี้เจ้านายหนุ่มไม่มีสติพอที่จะทำอะไรได้ ในใจยังคงวนเวียนแค่เรื่องเดียว ยิ่งหาไม่เจอยิ่งทำให้ความร้อนรุ่มปะทุออกมายากที่จะควบคุมปึง!!“มึงแช่งกูเหรอฮะ!!” คริสเตียนเปิดประตูลงจากรถเข้าไปกระชากคอเสื้ออะเดลทันที“ไม่ใช่อย่างนั้นครับนาย...ไอ้อดัม” มือหนาของอะเดลจับมือคริสเตียนไว้ ก่อนจะเอ่ยเรียกชื่อคนข้าง ๆ เพื่อให้ทำไรสักอย่าง“ใจเย็น ๆ ก่อนครับนาย...”“...กูว่ามึงเข้าไปขับแทนนายเถอะ” ก่อนที่อดัมจะกระแทกไหล่ให้อะเดลหลบเข้าไปในรถ“มึงคิดว่านายจะยอมเหรอวะ”ทว่าอะเ