แล้วมันก็น่าเจ็บใจตรงที่ฉันต้องยอมเขาทุกครั้งไป รถคันหรูเคลื่อนตัวออกมาจากคฤหาสน์ตรงไปยังสนามบิน ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ตลอดทางคัลเลนจับมือฉันไม่ยอมปล่อยหรือเพราะรู้ว่าทำแบบนี้แล้วฉันจะหวั่นไหวก็เลยอยากจะแกล้ง ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่ได้ท้วงอะไร เพราะกลัวโดนเขาจี้ถามอีก รายนี้ยิ่งชอบมาเล่นกับความรู้สึกอยู่บ่อยๆ ไม่เสี่ยงดีกว่า สนามบินตั๋วเครื่องบินที่คัลเลนจองให้เป็นระดับเฟิร์สคลาส ทำให้พอมาถึงก็มีคนมารอต้อนรับอยู่แล้ว แถมยังช่วยจัดการสัมภาระ ก่อนจะมีคนพาไปนั่งรอที่เลานจ์“หิวไหม ?” คนตัวสูงหันมาถาม ทำเอารู้สึกแปลกใจ เพราะปกติเขาไม่ค่อยใส่ใจอะไรฉันด้วยซ้ำ“นิดนึงค่ะ แล้วคุณล่ะ” “ถ้าหิวก็กิน แต่ฉันไม่” “กินด้วยกันสิคะ บินหลายชั่วโมงอยู่นะ” “บนเครื่องก็คงมีให้กิน” “งั้นเกลกินบนเครื่องพร้อมคุณก็ได้ค่ะ กินคนเดียวมันแปลกๆ” “แล้วจะไม่หิว ?” “ไม่…”โครก~เอ่อ..ให้ตายสิ ท้องฉันมันจะมาร้องอะไรเอาตอนนี้ น่าอายจริงๆ แล้วพอได้ยินเสียงท้องฉันร้อง คัลเลนก็ยักคิ้วขึ้นเป็นเชิงกวนๆ “ไม่ได้หิวขนาดนั้นค่ะ กินบนเครื่องได้ๆ” คัลเลนไม่พูดอะไร แต่จูงมือพาฉันเข้าไปที่โซนอาหาร แล้วหยิบจานมาสองใบ ใบนึงยื่นใ
น้ำเสียงตวาดที่ดังลั่นนั้นทำเอาฉันตกใจสะดุ้ง ทั้งที่เมื่อกี้โกรธเขาเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ทำไมพอถูกเขาโกรธฉันกลับรู้สึกกลัว “ถามก็ตอบสิไม่ใช่มัวมายืนเงียบ ปากเธออมอะไรไว้ห๊ะ!!” “เลิกขึ้นเสียงสักทีได้ไหม!” ถึงจะรู้สึกกลัว แต่ฉันเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิด คนแค่เมาหลับ ใครจะไปคิดล่ะว่าเขาจะกลับมานอนห้อง ก็เห็นนัวกับยัยนั่นซะขนาดนั้น “งั้นก็ตอบมา เป็นอะไรไม่ยอมเปิดประตูให้ฉัน ?” ฉันนิ่งเงียบไปพักนึงเพราะรู้สึกแปลกใจที่คัลเลนยอมเย็นลงอย่างง่ายๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันเถียงกลับแบบนั้นเขาคงลากฉันเขาไปทำโทษรุนแรงแล้ว “เดี๋ยวนะ..” คัลเลนทำจมูกฟึดฟัด ก่อนจะขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ๆ ตัวฉันเหมือนกำลังดมอะไร “เมื่อคืนเธอดื่ม ?” “เอ่อ..” จะบอกยังไงดี ว่าดื่มเพราะพอใจที่เห็นเขาไปนัวเนียกับผู้หญิบคนอื่น “อธิบายมาในตอนที่ฉันยังยอมใจเย็น” “ค่ะ เกลดื่ม” เขาได้กลิ่นมันชัดขนาดนี้โกหกไปก็คงไร้ประโยชน์ คัลเลนฉลาดจะตายไปแถมรู้ทันฉันทุกอย่าง “ดื่มเพื่อ ?” “จะดื่มต้องมีเหตุผลด้วยหรอคะ ทีคุณยังดื่มได้” “ไม่ใช่ว่าเห็นฉันอยู่กับผู้หญิงคนอื่นแล้วไม่พอใจหรอ” “….” หมายความว่าคัลเลนรู้อยู่แล้วหรอว่าฉันเห็นเหตุการณ์เมื่อคืนทั้
ฉันยกมือขึ้นมาปิดปากเพื่อไม่ให้ส่งเสียงเล็ดลอดออกไปและไม่ได้ตอบโต้อะไร เมื่อเงียบไปครู่หนึ่งพ่อของคัลเลนก็พูดต่อ “เขี่ยผู้หญิงคนนั้นทิ้งซะ อย่าโง่เก็บน้องสาวของศัตรูเอาไว้ข้างตัว” ฉันกำมือแน่นเมื่อได้ยินประโยคนั้น หากเป็นเมื่อก่อนคงจะดีใจที่จะหลุดพ้น แต่ตอนนี้หากคัลเลนปล่อยฉันจริงๆ จะเสียใจแค่ไหน จะอยู่ได้ไหมนะจะร้องไห้ไหม คำตอบของฉันคือ…..คงอยู่ไม่ได้แล้วก็ร้องไห้ทุกวัน ฉันควรทำยังไงดี “รีบเคลียร์ตัวเองซะ อย่าให้ฉันเห็นยัยเด็กนั่นอยู่ที่บ้านของแกอีก”สิ้นสุดประโยคนั้นสายก็ถูกตัดไปทันที เป็นจังหวะเดียวกันกับคัลเลนที่เดินกลับมาพอดี นั่นจึงทำให้ฉันรีบวางโทรศัพท์ของเขาลง จานข้าวผัดถูกวางไว้ตรงหน้าก่อนที่ร่างสูงจะนั่งลงแล้วขมวดคิ้วมองอย่างสงสัย “เป็นอะไร” “กะ เกลเปล่า ไม่ได้เป็นอะไรเลยค่ะ”“แต่เธอมองฉันแปลกๆ” “หะ หิวข้าวมั้งคะ”“มาสิฉันป้อน” คัลเลนยกจานข้าวขึ้นแล้วตักป้อน ฉันชอบความใจดีของเขา ชอบที่ถูกเขาเอาใจใส่ ชอบทุกๆ อย่างที่เป็นในตอนนี้ แต่เหมือนความสุขกำลังจะถูกพรากไป ขณะกินข้าวฉันมองคนที่กำลังป้อนอยู่ตลอดเวลา ได้แต่คิดว่าหากเขารู้เรื่องที่พ่อโทรมาแล้วจะเป็นยังไง ความค
คัลเลนวางสายจากพี่ชาย เขาพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ อย่างหัวเสีย สายตาของเขายังคงมองที่ฉันจนต้องก้มหน้าหลบ “เมื่อกี้พ่อฉันโทรมา เธอรับสายใช่ไหม” “………” เฮือก!! คำถามนั้นทำให้ฉันหายใจไม่ทั่วท้อง รู้สึกเกร็งไปทั้งตัว “เกลลิน”“อะ อื้อ ตะ แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ” ฉันเงยหน้าขึ้นแสดงสีหน้าให้ดูน่าสงสารที่สุดเพราะกลัวว่าเขาจะโกรธ “พ่อฉันพูดอะไรบ้าง” “………” ฉันกำมือแน่นก่อนจะคิดว่าควรพูดเรื่องที่พ่อของเขาสั่งดีหรือเปล่า “เล่ามาให้หมด” “อื้อ” คัลเลนนั่งลง จากนั้นฉันก็เริ่มเล่าเรื่องที่พ่อของคัลเลนพูดผ่านโทรศัพท์“พ่อของคุณสั่งให้กลับไปดูตัวคู่หมั้น” “แล้วมีอะไรอีก?”“ละ แล้วก็สั่งให้เลิกยุ่งกับเกล” คัลเลนยังคงเงียบและแสดงสีหน้าที่ยากจะคาดเดา ฉันไม่สามารถรู้ได้เลยว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร จะทำตามคำสั่งพ่อหรือเปล่า “จะดีใจไหมถ้าฉันปล่อยเธอไป?” “………” ฉันไม่ตอบแต่มองหน้าเขาด้วยสายตาที่สื่อถึงความรู้สึกข้างในใจ แต่คัลเลนอาจจะไม่รับรู้ “ไปเก็บของ ฉันจะกลับตอนนี้” พอสั่งแล้วเขาก็ลุกขึ้นเดินออกไปสูบบุหรี่ด้านนอก ส่วนฉันก็นั่งนิ่งครู่หนึ่งก่อนจะตั้งสติแช้วลุกขึ้นไปเก็บเสื้อผ้าตามคำสั่ง ฉันอยากจะรู้ว่
มันทรมานกับการที่เราเฝ้ารอคำตอบจากคนตรงหน้าแต่เขากลับไม่ยอมพูดคำใดออกมาแม้แต่คำปฏิเสธ ทำให้ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรกันแน่ “ถ้าคำถามของเกลมันล้ำเส้นคุณมากไป….อื้อ~” ริมฝีปากหนากดจูบลงมาบนริมฝีปากของฉันก่อนที่จะได้พูดประโยคถัดไป จูบที่นุ่มนวลนั้นทำให้ฉันค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ สมองขาวโพลนไร้ความคิดมีเพียงความรู้สึกที่มันชัดเจนขึ้น เพียงไม่นานคัลเลนก็ถอนจูบออก สายตาคมจ้องมองใบหน้าของฉันแล้วค่อยๆ ยกมือขึ้นมาสัมผัสพวงแก้ม “…ฉันต้องการแค่เธอเกลลิน” มันไม่ใช่คำตอบที่ต้องการแต่ทำเอาคนฟังอย่างฉันรู้สึกดี มันไม่ใช่ประโยคบอกรักแต่มันทำให้ฉันคิดไปไกล ไกลจนไม่สามารถดึงความคิดกลับมาได้แล้ว ฉันคลี่ยิ้มจางๆ ส่งให้ผู้ชายตรงหน้าพร้อมคำตอบ “เกลก็ต้องการแค่คุณค่ะ” “ต่อให้เธออยากไป…ตอนนี้ฉันก็ปล่อยเธอไปไม่ได้แล้ว”“เกลไม่อยากไปไหนแล้วค่ะ เกลจะอยู่กับคุณ” ฉันพูดสิ่งที่รู้สึกออกมาตรงๆ ให้เขาได้รับรู้ ก่อนจะถูกจูบอีกครั้ง มือหนาค่อยๆ เลื่อนลงผ่านพวงแก้มมาที่ลำคอและต่ำลงเรื่อยๆ จนถึงสะโพก ทำให้ฉันรีบผลักใบหน้าออก“คืนนี้เราแค่นอนกอดกันได้ไหมคะ” “อืม” เขาตอบเพียงสั้นๆ แต่กลับทำให้ฉันคิดว่าตัวเองสำคัญพอที่เขาจ
คัลเลนไม่ตอบแต่เขาเดินมาหยุดตรงหน้าฉันก่อนจะจับให้เงยขึ้นมาสบตา จากนั้นก็ก้มลงมาจูบบนหน้าผาก สัมผัสที่อ่อนโยนนั้นทำให้หัวใจดวงน้อยๆ ของฉันเต้นรัว เป็นความจริงคนที่เคยใจร้ายอย่างคัลเลยอ่อนโยนกับฉัน ร่างหนาเดินออกไปจากห้องโดยไม่พูดไม่ตอบคำถามของฉัน แต่การกระทำของเขามันทำให้ฉันมั่นใจว่าจะไม่มีงานหมั้นจัดขึ้นมาแน่นอน “คนบ้า” ฉันอมยิ้มแล้วพูดเบาๆ หลังจากที่คัลเลนเดินออกไปแล้ว เขาชอบทำให้หวั่นไหวตลอดเวลาเลยจริงๆ พอเก็บเสื้อผ้าเสร็จก็มีแม่บ้านมาคอยยกของขึ้นไปบนชั้นสามให้ เมื่อขึ้นมาชั้นบนมันก็ไม่ได้มีอะไรเลยนอกจากห้องนอนที่แยกฝั่งกันชัดเจน อย่างที่คัลเลนบอกว่ามีแค่สองห้องและห้องกว้างมากๆ เขาสร้างเต็มพื้นที่บนชั้นสามนี้เลย ภายในห้องของคัลเลนจะตกแต่งด้วยสีดำและขาวคลุมโทน ทุกอย่างถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ พอมาเห็นห้องนอนกว้างๆ ก็คิดแปลกใจว่าทำไมเขาถึงนอนกับฉัน คัลเลนแทบไม่ขึ้นมานอนชั้นบนเลยด้วยซ้ำ ทั้งที่ห้องนอนของเขามันน่าจะนอนสบายกว่าหลายเท่า เพราะตอนนั้นติดเซ็กส์อย่างนั้นหรอ….แต่ตอนที่เราไม่ได้มีอะไรกันเขาก็นอนกับฉัน อ่า….เริ่มคิดไปไกลอีกแล้วสิ “หะ ให้เกลนอนบนเตียงของคุณหรอคะ” ฉัน
ถึงวันที่คัลเลนต้องบินไปฮ่องก่ง บอกตามตรงว่าฉันแอบกลัวแต่ก็มั่นใจว่าเขาต้องปฏิเสธแน่ๆ อย่างที่เคยบอกว่าไม่มีใครบังคับคนอย่างคัลเลนได้ เมื่อสองวันก่อนพี่ชายของคัลเลนมาที่บ้าน พอรู้ว่าฉันย้ายขึ้นไปอยู่ที่ชั้นบนก็ทำหน้าตกใจ แถมยังพูดแต่คำเดิมซ้ำๆ ว่า ‘กูเตือนมึงแล้ว’ ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร เขาไม่ได้คุยอะไรกันมากนัก หลังจากคัลเลนออกไปจากบ้านฉันก็โทรชวนทิชาให้มาหาเพราะไม่สามารถอยู่คนเดียวได้แน่ๆ แค่เขาออกไปยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงภายในใจมันก็ว้าวุ่นคิดอะไรฟุ้งซ่านไปหมด กลัวำปต่างๆ นาๆ ถึงแม้จะพูดว่าเชื่อใจก็ตาม การที่เราสองคนใกล้ชิดกันมากขึ้นมันทำให้ฉันรู้สึกพิเศษจนเผลอคิดไปว่าตัวเองต้องสำคัญสำหรับเขาแน่ๆ คัลเลนทำดีกับฉันมากขึ้น ช่วงนี้เขาไม่ใจร้ายเลย ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่ดุ แค่พูดว่าหิวอะไรเขาก็จะสั่งพ่อครัวทำให้เดี๋ยวนั้นทันที ไม่รู้อะไรที่ทำให้คนใจร้ายอย่างคัลเลนเปลี่ยนเป็นแสนดีขึ้น และฉันก็ชอบเขามากขึ้นกว่าเดิมอีกแล้วด้วยสิ ผ่านไปเกือบชั่วโมงทิชาก็มาถึงที่บ้าน เธอเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋ามาด้วยเพราะจะมานอนเป็นเพื่อนฉันจนกว่าคัลเลนจะกลับมา “เอากระเป๋ามาขนาดนี้กะจะมาอยู่เป็นปีเลยหรือไ
คำตอบของผมทำให้คาแลนเบิกตากว้างตกใจเพราะนี่คือครั้งแรกที่ผมไม่ปฏิเสธ “มึงพูดมาว่าไม่ใช่อย่างที่กูคิด”“พอกูยอมกับมึงก็จะให้ปฏิเสธ พอกูปฏิเสธมึงก็จะให้ยอมรับ สรุปต้องการคำตอบไหน?” “คัลเลน มึงไม่เคยหวั่นไหวกับผู้หญิงคนไหน แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น”“มึงบอกกูเองไม่ใช่รึไงว่าเกลไม่เหมือนคนอื่น ก็จริงอย่างที่มึงว่าเธอดึงดูดให้กูหลงไหลมากขึ้นเรื่อยๆ”“แค่อารมณ์ชั่ววูบหรือจริงจัง?”“กู…ไม่แน่ใจ” ผมไม่รู้ว่าไอ้ความรู้วึกที่มันเกิดขึ้นเรียกว่าอะไร ถึงจะไม่ปฏิเสธว่ารู้สึกแต่ให้คำตอบไม่ได้ว่ามันเป็นแค่ความรู้สึกชั่ววูบหรือเปล่า “ถ้าไอ้เรย์อยากได้ตัวเกลกลับไป”“ถ้าเธอไม่อยากกลับไปกูก็จะไม่ยอมให้มันเอาเธอไปได้” “แล้วถ้าเกลเป็นคนขอไปด้วยตัวเอง” “…กูยังอยากให้เธออยู่ด้วย” “มึงคลั่งรักขนาดนั้น?” “กูดูเป็นแบบนั้น?”“คำตอบมึงมันบอกทุกอย่าง”“ไร้สาระ กูปกติ” “ถ้าอย่างนั้นกูขอถาม คำถามสุดท้าย” “ตอนนี้มึงมีความคิดจะปล่อยเธอไปหรือเปล่า” “ไม่มี” “คัลเลน มึงพลาดชิบหายเลยไอ้น้องชาย”“………” “สักวันหนึ่งเกลจะต้องไปจากมึง ทุกอย่างมันจะเป็นไปตามที่ครอบครัวนั้นต้องการ ถ้ามึงอยากได้เธอกลับคืนมาไม่ว่าอะไรก็จ
วันเวลาผ่านไปเนิ่นนานจนฉันคลอดลูกคนที่สองให้กับคาแลน รอบนี้ได้ลูกสาวเขาดีใจมากเลยนะ เพราะเจ้าตัวได้คนโตเป็นลูกชายสมใจแล้วเจ้าหญิงตัวน้อยวัยหกเดือนของเรามีชื่อว่าเมลร่า ฉันกับคาแลนชอบชื่อลูกมาก ๆ เพราะมันเหมาะกับหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มอย่างลูกสาวฉันที่สุดเผลอแป๊บเดียวมาคัสในก็ได้เป็นพี่ชายคน แถมยังเห่อน้องมากอีกด้วย ถ้ามีโอกาสหรือมีจังหวะมาคัสก็จะคอยช่วยฉันเลี้ยงน้องตลอด“มามี๊น้องตื่นหรือยังครับ” หมอบอกว่ามาคัสฉลาดรอบรู้ และมีพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ที่ดีเยี่ยมฉันปลื้มใจมากที่เห็นลูกเติบโตมาอย่างดี“ยังเลยลูก ไว้รอน้องตื่นแล้วค่อยไปเล่นกับน้องนะ”“ครับ วันนี้มาคัสมีนิทานจะมาเล่าให้น้องฟังด้วย” ได้ยินแบบนั้นคนเป็นแม่อย่างฉันก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้“จริงเหรอครับ มาคัสของมามี๊เก่งที่สุดเลย ขอบคุณนะลูก” ฉันก้มลงกอดลูกชายหัวแก้วหัวแหวนพร้อมกับหอมหัวเบา ๆ หนึ่งที ฉันกับคาแลนมักจะพูดขอบคุณลูกบ่อย ๆ ในเวลาที่เขาทำสิ่งดี ๆ“มาคัสรักน้อง อยากดูแลน้องครับ”“ลงมาได้ยินประโยคนี้ทำเอาปาปี๊ชื่นใจที่สุดเลยลูก” ระหว่างนั้นคาแลนก็เดินลงมาจากชั้นสองพอดี เขากำลังเตรียมตัวไปทำงาน“ปาปี๊~” พอเห็นพ่อเดินลงมามาคั
สามเดือนผ่านไป ฉันกับคาแลนเพิ่งกลับจากโรงพยาบาล วันนี้คุณหมอนัดไปตรวจและอัลตราซาวนด์ดูเพศลูกสภาวะแท้งคุกคามตอนนี้ดีขึ้นแล้ว ด้วยอายุครรภ์ที่มากขึ้นด้วยไม่ต้องเฝ้าระวังอย่างตอนแรก“ทำหน้าขมวดคิ้วตั้งแต่ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วนะคะ เป็นอะไรบอกมิลาหน่อย” ฉันถามสามีที่กำลังทำหน้าเครียดตั้งแต่รู้เพศลูก “เฮียไม่อยากให้ลูกเราเป็นผู้หญิงเหรอคะ”ฉันเม้มปากเบา ๆ ไม่ได้อยากคิดแต่ท่าทางของคาแลนทำให้ต้องถามไปอย่างนั้น เขาแปลกไปเมื่อรู้เพศทั้งที่ก่อนหน้าเราตั้งชื่อลูกไว้แล้วทั้งชายและหญิง“ลูกเฮียนะหนู ถามแบบนั้นได้ยังไง”“ก็เฮียทำหน้าเครียด”“เฮียแค่คิดว่าตัวเองต้องหวงลูกมากแน่ ๆ”ระบายยิ้มออกมาบนใบหน้าพร้อมโล่งใจทันทีที่ได้ยินคำตอบนั้น นึกว่าไม่ชอบใจซะอีกที่แท้ก็หวงลูกสาวนี่เอง“คงต้องให้การ์ดเฝ้าตั้งแต่เด็ก ให้เข้าโรงเรียนหญิงล้วนนะหนู”“แบบนี้ถ้ายัยหนูจะมีแฟน…” ยังพูดไม่จบประโยคคนตัวสูงก็รีบขัด “อย่าเพิ่งคิดไปถึงขั้นนั้นสิหนู เฮียใจหาย”“กับมาคัสเฮียไม่เห็นห่วงเลย”“มาคัสเป็นผู้ชาย”“คุณพ่อขี้หวงคิดมากตั้งแต่ลูกยังไม่คลอดออกมาเลยนะคะ” ฉันแซวพร้อมยกนิ้วขึ้นเกลี่ยแก้มอย่างหยอกล้อ คาแลนเอามือมาจับมื
อาทิตย์ผ่านไป ฉันกับคาแลนจดทะเบียนสมรสเรียบร้อยแล้ว ในตอนนี้เราคือสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายตอนนี้คาแลนกำลังนอนหนุนอยู่บนตักของฉันแล้วใช้มือลูบท้องไปมาอย่างนั้นนานหลายนาทีแล้ว“อยากรู้แล้วว่าลูกจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย” ใบหน้าคมคายเงยขึ้นมองฉันแล้วพูดต่อ “ถ้าได้ผู้หญิงเฮียคงหวงมากแน่”ฉันยิ้มกว้างให้กับคำพูดนั้นของคนที่หนุนตักอยู่ ก่อนจะเอามือลูบผมเขาเบา ๆ“หวงได้แต่อย่าไปกำหนดชีวิตของลูกมากเกินไปนะคะ”“เฮียไม่ทำอย่างนั้นแน่นอนหนูสบายใจได้”คาแลนจับมือของฉันไปจูบเบา ๆ ช่วงนี้ชีวิตคู่ของเรามันลงตัวมาก ๆ ไร้อุปสรรคเหมือนอย่างก่อนหน้า ตัดสินใจไม่ผิดจริง ๆ ที่เลือกรักผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรก“อาทิตย์หน้าเฮียว่าง ไปเที่ยวกันนะครับ”“เที่ยวที่ไหนเหรอคะ” ฉันมองคนบนตักที่กำลังยิ้มหวาน“หนูมีที่ไหนที่อยากไปไหม”“ทุกที่ที่มีเฮีย มิลามีความสุข”“เฮ้อ เฮียรักหนูจะตายแล้วมิลา”ร่างหนาหยัดตัวขึ้นนั่ง แล้วยกมือมาประคองใบหน้าของฉันพร้อมจ้องด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ก่อนจะโน้มลงมาเรื่อย ๆ ระยะห่างระหว่างใบหน้าค่อย ๆ แคบลงจนกระทั่งริมฝีปากกดซับลงมา“อื้อ~”รสจูบที่อบอวลไปด้วยความอ่อนโยนและนุ่มนวล
วันต่อมา ตื่นมาไม่เห็นคาแลนอยู่ในห้องแล้ว มาคัสก็หายไปจากห้องของเขาเหมือนกัน ฉันค่อย ๆ เดินลงจากบันไดอย่างเชื่องช้าลงมาที่ชั้นล่าง ก่อนจะนั่งบนรถเข็นเพราะถ้าคนตัวสูงเห็นฉันเดินคงถูกดุแน่ ๆรถเข็นจะเป็นแบบขับเคลื่อนอัตโนมัติโดยใช้มือบังคับปุ่มบนที่พักแขน ได้ยินเสียงแว่วมาจากทางครัวจึงไปดูภาพที่เห็นคือคาแลนกับลูกชายอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อน ทั้งคู่กำลังช่วยกันทำอาหาร มาคัสดูท่าจะชอบช่วยพ่อเขาทำใหญ่เลย ฉันกำลังทอดสายตามองสองพ่อลูกด้วยรอยยิ้ม“มามี๊” อุตส่าห์แอบตรงมุมแล้วแท้ ๆ แต่ลูกชายตัวน้อยหันมาเจอจนได้ คาแลนหันมองตามเสียงเรียกของลูก ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ “หนูลงมายังไงคะ?”น้ำเสียงที่เอ่ยถามอย่างนุ่มนวลนั้นต่างจากแววตาที่กำลังจ้องแบบดุ ทำเอาฉันไม่กล้าตอบร่างหนาที่ใส่ชุดกันเปื้อนเดินมาหยุดตรงหน้าแล้วนั่งลงเอามือมาลูบวนบนท้องของฉันพร้อมกับฟ้องลูก“ดูมี๊สิ ดื้อเดินลงมาเองแบบนี้ปาปี๊ขอดุได้ไหม”“ลูกบอกว่าไม่ได้ค่ะ”“ลูกหรือแม่ครับ?”“เฮียอย่าดุมิลาสิ” ฉันเบ้ปากส่งสายตาออดอ้อนทำให้ คาแลนส่ายหน้าไปมาช้า ๆ ด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม เห็นแบบนั้นก็รู้ว่ารอดแล้ว“คราวหลังไม่เอาแบบนี้นะมิลา เฮียเป็นห
1 เดือนผ่านไปฉันได้ออกจากโรงพยาบาลมาพักรักษาตัวที่บ้าน เราย้ายมาอยู่บ้านหลังที่ซื้อไว้ในตอนนั้นแล้ว เพิ่งตกแต่งเสร็จเมื่ออาทิตย์ก่อนส่วนใหญ่ฉันจะนอนอยู่บนเตียงเวลาจะไปเข้าห้องน้ำหรือเดินไปไหนคาแลนจะช่วยประคอง ถ้าออกไปข้างนอกต้องนั่งรถเข็น เพราะคุณหมอสั่งห้ามเรื่องไม่ควรขยับร่างกายเยอะมาคัสได้แยกไปนอนอีกห้องสมใจคุณพ่อของเขาแล้ว เพราะคาแลนกลัวว่าลูกจะนอนดิ้นมาโดนท้อง แต่ตัวลูกชายไม่งอแงแล้วก็อยากแยกห้องเหมือนกัน แหงสิพ่อเขาจัดห้องเตรียมไว้ถูกใจขนาดนั้น“พรุ่งนี้มีประชุม เฮียคงกลับมาตอนบ่ายนะมิลา”“ไหวเหรอคะ ช่วงนี้เฮียอาการไม่ค่อยดีเลย” มองคนตัวสูงอย่างเป็นห่วง เขาแพ้ท้องแทนฉันหนักมาก เรียกได้ว่าเหม็นอาหารทุกอย่าง กินอะไรเข้าไปก็อ้วกออกหมด กินได้แค่ของเปรี้ยวเห็นแล้วนึกเห็นใจมาก ๆ เพราะเคยผ่านมาก่อนรู้ว่าทรมานขนาดไหน ใบหน้าหล่อตอนนี้ซูบผอมลงไปค่อนข้างเยอะ“ประชุมผู้ถือหุ้นประจำเดือนยังไงก็ต้องไปครับ” คาแลนก้มลงมาจูบหน้าผากของฉันแผ่วเบา ตอนนี้กำลังนั่งดูทีวีอยู่ชั้นล่างของบ้าน“คันเลนจะมาส่งมาคัสกี่โมงคะ”“คงสองทุ่ม กินมื้อเย็นที่บ้านใหญ่ก่อน” วันนี้ลูกชายงอแงอยากไปเล่นกับน้องคีย์และ
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาข่าวของคาแลนกับคุณหนูลี่กำลังเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง เพราะทั้งคู่ต่างมีหน้าตาทางสังคม คาแลนให้พี่ชายช่วยเรื่องปิดข่าวทั้งหมดให้เร็วที่สุดส่วนฉันก็พยายามไม่ดูข่าวห่างจากมือถือเพราะมันทำให้เครียดไม่เป็นผลดีเท่าไร ยิ่งตอนนี้มีอาการแท้งคุกคาม“ตอนเย็นคัลเลนจะพามาคัสมาที่โรงพยาบาลนะหนู” คนที่กำลังนั่งปลอกผลไม้เอ่ยบอก เราไม่ได้พูดคุยเรื่องนั้นเพราะต่างรู้ดีว่ามันไม่มีอะไร และฉันก็ไม่ได้ถามว่าเขาจะจัดการกับผู้หญิงอย่างลี่เว่ยหลินยังไง“ลูกงอแงไหมคะ” ฉันเป็นห่วงลูกชายตัวน้อยกลัวจะงอแงแต่ถ้าจะให้มาอยู่ที่โรงพยาบาลคงไม่ได้“ที่บ้านใหญ่มีเพื่อนเล่นลูกไม่งอแงเลย”“มาคัสรู้ไหมคะว่ากำลังจะมีน้อง”“ยังครับ ถ้ารู้คงดีใจที่จะมีเพื่อนเล่น”“เฮียไม่เข้าบริษัทเลย ไม่ต้องเฝ้ามิลาตลอดก็ได้” สามวันแล้วที่ฉันนอนติดเตียงที่โรงพยาบาลส่วนคาแลนไม่ได้เข้าบริษัทเลย“เฮียเอางานที่บริษัทมาทำที่นี่ดีกว่าทิ้งให้หนูอยู่คนเดียว” เขาปลอกผลไม้เสร็จพอดีจากนั้นก็ยกจานมานั่งเก้าอี้ข้าง ๆ เตียงแล้วป้อนฉัน“พรุ่งนี้เฮียจะออกไปจัดการปัญหากับเว่ยหลิน”“ค่ะ”“ทางนั้นเรียกร้องให้รับผิดชอบที่ทำลูกสาวเขาเสียห
Talk - คาแลนตอนนี้ผมนั่งอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน สองมือกำแน่นก้มหน้าก้มตา ภาพเลือดที่ไหลออกมาจากตรงนั้นยังติดตา เกือบสติหลุดที่เห็นมิลาหมดสติไป“มิลาเป็นอะไร” คัลเลนเพิ่งมาถึงโรงพยาบาลมันรีบเดินมาถาม ผมได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้มตอนนี้ผมกำลังกลัว กลัวทุกอย่าง“จู่ ๆ ทำไมถึงเกิดเรื่องขึ้น”“ลี่เอาเหล้ามาให้กู ใครจะไปคิดว่าเธอใส่ยาลงไปในแก้วนั้น” ผมบอกพร้อมมือที่กำแน่นกว่าเดิมหลังจากโดนยาลี่พยายามยัดเยียดตัวเองให้กับผม โชคดีที่ตอนนั้นยังพอมีสติเอาตัวเองออกมาจากห้องน้ำได้ แต่ตอนทำกับมิลาในรถผมไม่รู้ตัวเลยว่ารุนแรงไปขนาดไหนเลือดถึงได้ไหลออกมาเยอะขนาดนั้น“ผู้หญิงคนนี้แม่งน่ากลัวฉิบหาย!!”“จัดการถอนหุ้นและยุติงานในเครือเว่ยหลินให้หมด ครั้งนี้ต่อให้คุณเฉียงมาอ้อนวอนกูจะไม่ให้อภัย”“อืม เดี๋ยวกูจัดการให้มึงไม่ต้องห่วง ตระกูลนี้ถูกจดลงบัญชีดำแน่ ๆ”“อาการมิลาเป็นยังไงบ้างคะ” เกลลินเอ่ยถามผมด้วยท่าทางเป็นห่วง“เลือด… มีเลือดไหลออกมา” ผมตอบเสียงสั่นสองมือกำแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นขณะที่นั่งรอผ่านไปครู่ใหญ่ประตูห้องฉุกเฉินก็ถูกผลักพร้อมหมอที่แทรกตัวออกมายืนด้านหน้า ผมรีบลุก
ริมฝีปากบางถูกบดขยี้อีกครั้ง มิลาพยายามดันตัวเองออกเพราะเจ็บกับสัมผัสดูดดึงของคนตัวสูงที่ขาดสติ เมื่อถูกขัดใจเธอก็ถูกคนตัวโตใช้สายตาคมจ้องเขม็งยาปลุกเซ็กส์ทำให้คาแลนไม่ใช่ผู้ชายอ่อนโยนอีกต่อไป อารมณ์ของเขาเต็มไปด้วยความรุนแรงอยากจะฉีกเสื้อผ้าของว่าที่ภรรยาคนสวยออกเป็นชิ้น ๆมือหนาเปิดประตูรถยนต์ก่อนจะจับร่างบางยัดเข้าไปข้างในตรงเบาะหลัง“เฮียมีสติหน่อยได้ไหมคะ”เสียงหวานพยายามเตือนสติแต่ไม่ได้ผล เมื่อประตูรถปิดลงร่างหนาก็นั่งลงข้าง ๆ เร่งปลดหัวเข็มขัดและตะขอกางเกง เห็นแบบนั้นทำให้มิลากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่คว้ามือกำเส้นผมนุ่นแล้วกดลงมาตรงเป้ากางเกง ใช้แท่งเนื้อร้อนถูเบา ๆ บนกลีบปากกระจับ“ช่วยทำให้มันสงบลงหน่อย” เสียงทุ้มกระเส่ามองใบหน้าสวยที่กำลังหวาดกลัวจากกระกระทำที่รุนแรงมิลาค่อย ๆ ลดตัวนั่งลงด้านล่างแทรกตรงกลางท่อนขาแกร่ง และใช้ปากของตัวเองตามคำสั่งของคนที่โดนยา เธอรู้ว่าเขากำลังทรมานและเต็มใจช่วย“หนู ซี๊ด~”ริมฝีปากบางดูดดุนแท่งเนื้อขนาดใหญ่คับปากจนเปื้อนน้ำลายสีใส ยิ่งเอาเข้าไปลึกจนสุดลำคอก็ยิ่งถูกใจอีกคน“เธอทำอะไรเฮียบ้าง” ใบหน้าหวานเงยขึ้นมาถามพร้อมใช้มือชักรูดแก่นกายใหญ่ไ
งานเลี้ยงตระกูลเว่ยหลิน ฉันอยู่ในชุดราตรีลายลูกไม้สีครีมเดินเข้ามาในงานคู่กับคาแลนที่อยู่ในชุดสูทสีขาวน้ำเงินงานจัดขึ้นยิ่งใหญ่สมเกียรติมีแขกมากหน้าหลายตาเดินหลั่งไหลเข้ามาภายในงานรวมทั้งนักข่าวที่รัวแสงแฟลชถ่ายภาพราวกับคนที่มาร่วมงานนี้เป็นดาราชื่อดังยิ่งตอนคาแลนเดินคู่กับฉันมีเสียงฮือฮาของคนที่ได้พบเห็นดังขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากเหตุการณ์ที่เขาหายไปเหมือนคนที่ตายแล้ว ไม่มีใครคิดว่าจะกลับมา คนที่ได้เจอตัวเป็น ๆ ถึงกับยกมือขึ้นป้องปากทำตาโตอย่างเหลือเชื่อ“เป็นเกียรติมากเลยค่ะที่พี่คาแลนกับว่าที่ภรรยามาร่วมงานในวันนี้” คุณหนูลี่เดินมาต้อนรับเราสองคน ก่อนจะพาเดินมายังโต๊ะที่จัดเตรียมเอาไว้ให้เป็นโต๊ะที่อยู่ติดหน้าเวที คุณคัลแลนและภรรยาก็มางานนี้เหมือนกัน รวมถึงคุณพ่อของเขาด้วยแต่ท่านนั่งแยกอีกโต๊ะร่วมกับตระกูลเว่ยหลินที่อยู่ใกล้ ๆ กันนั่งรอที่โต๊ะไม่นานคัลเลนและภรรยาก็มาถึง เราไม่ได้พาลูกมาด้วยเพราะเป็นงานใหญ่ไม่เหมาะที่จะพาเด็ก ๆ มา“คุณเกลลินสวยมากเลยค่ะ” ฉันเอ่ยชมคุณเกลที่อยู่ในชุดราตรีสีขาว เธอสวยมาก ๆ ตอนเดินตีคู่มากับคัลเลนยิ่งเห็นว่าทั้งสองเหมาะสมกันมากจริง ๆ“คุณมิลาก็สวยมาก ๆ เ