แม็กซ์เวลล์นั่งคุยงานกับลูกน้องคนสนิทในห้องทำงาน ระหว่างที่วินซ์กำลังพูดอยู่ ชายหนุ่มเอาแต่นั่งใจลอยไปไหนต่อไหน ไม่ได้ฟังในสิ่งที่คนสนิทกำลังพูดแต่อย่างใด นี่เริ่มก้าวเข้าสู่หนึ่งเดือนในการตามหาณิชาแต่ก็ยังไร้วี่แวว ความหวังในการหาตัวอีกฝ่ายเจอไกลริบหรี่เพราะไม่มีใครบอกว่าณิชาอยู่ที่ไหน"สินค้าล็อตใหม่ที่เราจะเริ่มผลิตเดือนหน้า ลูกค้ารายใหญ่ของเราดูเหมือนจะให้ความสนใจกันมาก ถึงขั้นขอจองไว้ก่อน นี่เป็นรายชื่อของคนที่ขอจองสินค้าครับ""...." วินซ์วางไอแพดลงให้เจ้านายหนุ่มดูรายละเอียดของงาน แต่แม็กซ์เวลล์กลับเอาแต่นั่งใจลอยเหมือนคนสมาธิหลุดลอย วินซ์หันไปมองคินน์พลางถอนหายใจออกมาแผ่วเบา "นาย...""พวกมึงออกไปได้แล้ว""ครับ" ทั้งสองคนลุกขึ้นแล้วโค้งศีรษะให้เจ้านาย ก่อนจะหมุนตัวเดินออกมา เวลานี้เจ้านายพวกเขาแทบไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรนอกจากรอคอยนายหญิงกลับมา"เดือนนึงแล้ว นายยังไม่ล้มเลิกความคิดที่จะตามหานายหญิงเลย" คินน์พูดขึ้นหลังจากก้าวพ้นห้องทำงานแม็กซ์เวลล์"กูไม่เคยเห็นนายเป็นแบบนี้มาก่อนเลย ไม่คิดว่าคนเย็นชาและสนใจแต่ตัวเองอย่างนาย จะมีมุมนี้เหมือนกัน""ป่านนี้นายหญิงจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่ร
(ยัยณิ ฉันไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับเขาดีแล้ว วันนี้เขามาหาฉัน คุกเข่าขอร้องให้ฉันยอมบอกว่าแกอยู่ที่ไหน เขามาหาหนึ่งเดือนเต็มแล้วนะ แกไม่คิดจะกลับมาหาเขาจริงเหรอ)"เดี๋ยวเขาก็ยอมแพ้ไปเอง ทำแบบนี้ได้ไม่นานหรอก"(ฉันว่าถ้าเขาจะไม่รักแก เขาไม่ลงทุนทำถึงขนาดนี้หรอก)"คนอย่างเขาทำได้ทุกอย่างแหละ ขอแค่ให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ" (แกพูดเหมือนรู้จักเขาดีเลยนะ)"ฉันตัดสินใจมาเริ่มต้นใหม่แล้ว สำหรับฉัน เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับเขาตอนนี้...มันได้กลายเป็นเพียงอดีตไปแล้ว"(ยัยณิ...)"ฉันเลือกแล้ว และฉันก็จะไม่กลับไปหาเขา"เธอรู้ดีว่าการเดินไปข้างหน้าคนเดียวมันยาก แต่ทว่าตอนนี้...เธอไม่ได้ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว เธอก้มมองสิ่งที่มือตัวเองกำลังลูบไล้อยู่ การจากลาระหว่างแม็กซ์เวลล์และเธอ ถึงแม้จะจากลากันโดยไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ทว่า...เขากลับได้มอบอีกหนึ่งชีวิตไว้เป็นเพื่อนยามเหงาให้เธอ(แกคิดดีแล้วใช่ไหม ว่าจะตัดขาดจากคุณแม็กซ์เวลล์อย่างถาวร)"อืม รู้ไหมว่าตอนนี้...แกกำลังจะกลายเป็นน้าดรีมแล้วนะ"(อะไรนะ? กะ...แกหมายความว่ายังไง) ดรีมเริ่มนั่งไม่ติด เอ่ยถามเพื่อนสาวคนสนิทด้วยความตื่นเต้น"ฉันท้อง"(กรี๊ด!!
โลกทั้งใบของมาเฟียหนุ่มราวกับหยุดหมุนชั่วขณะ น้ำเสียงคุ้นเคยที่ดังแทรกเข้าโสตประสาทพานทำหัวใจนิ่งสงบสั่นกระตุก แม้จะผ่านมาแล้วสามปี ทว่าเขายังจดจำเสียงนั้นได้อย่างแม่นยำ ไม่ทันได้หันกลับไปมองว่าเจ้าของเสียงนั้นใช่คนที่ตนกำลังคาดหวังไว้หรือเปล่า เด็กน้อยคนนั้นก็วิ่งเข้ามาหาเขาเพื่อใช้เป็นเกราะป้องกันจากคนที่เรียกว่า 'หม่ามี๊'"หม่ามี๊อย่าตีคิน" มาร์คินวิ่งเข้ามาหาแม็กซ์เวลล์ อุ้งมือน้อยจับชายสูทสีดำไว้แน่น พลางชะโงกใบหน้าออกมาดูคนเป็นแม่"มาร์คิน ออกมาหาหม่ามี๊เดี๋ยวนี้นะ""ไม่เอา หม่ามี๊จะตีคิน""มาร์คินดื้อไง ออกมาหาหม่ามี๊เลยนะ คุณตารออยู่""ไม่เอา คินจะอยู่กับคุณลุงคนหล่อ" มาร์คินเงยหน้ายิ้มให้มาเฟียหนุ่ม ก่อนจะทำตาโตเมื่อคนเป็นแม่ตวัดเท้าเดินมาหา "มาร์คินอย่าดื้อกับหม่ามี๊ได้ไหม ทุกคนเขาระ..." เจ้าของน้ำเสียงนั้นชะงักคำพูดลง เพราะมัวแต่สนใจลูกชายตัวน้อยจึงไม่ได้สังเกตว่าคนที่ลูกชายวิ่งเข้ามาหาเป็นใคร พอเงยหน้าขึ้นมองถึงรู้ว่าเป็นแม็กซ์เวลล์....หัวใจที่เคยนิ่งสงบพลันเต้นรัว ทุกสิ่งทุกอย่างเคลื่อนไหวรอบกายราวกับหยุดทำงานไปเสียดื้อๆ ไม่คิดว่าโลกจะกลมเหวี่ยงให้เธอและเขาหวนกลับมาเจ
"ปล่อยฉันนะแม็กซ์เวลล์!"ณิชาเริ่มกลับมาพยศอีกครั้งหลังจากรถหรูแล่นมาถึงคฤหาสน์หลังงามที่เคยมีความทรงจำต่อกัน แม็กซ์เวลล์อุ้มคนตัวเล็กท่าเจ้าสาว ตวัดรองเท้าหนังเงาขลับเดินเข้าไปข้างในโดยไม่สนใจว่าเธอจะต่อต้านเขาอย่างไร คิดเพียงว่าเหนื่อยเดี๋ยวก็หยุดเองประตูห้องนอนถูกเปิดออก ณิชาเริ่มใจเต้นไม่เป็นส่ำ ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ในวันวานถูกขุดออกจากความทรงจำ เธอพยายามไม่คิดถึงช่วงเวลาเหล่านั้น ทันทีที่เท้าสัมผัสพื้นเธอรีบถือโอกาส หมายตรงไปยังประตู แต่ทว่า...หมับ"อ๊ะ!" แม็กซ์เวลล์ไวกว่า เขาคว้าเอวบางเอาไว้ได้ทันแล้วรั้งคนตัวเล็กเข้ามาหา นัยน์ตาสีน้ำตาลละมุนปะทะเข้าแผงอกกำยำ ก่อนที่เธอจะดึงขึ้นมองเขา "ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะแม็กซ์เวลล์""ปล่อยให้เธอหนีฉันไปอีกน่ะเหรอ แค่สามปียังไม่พออีกใช่ไหม?""....""รู้ไหมว่าตลอดสามปีกว่าที่ผ่านมา ฉันไม่เคยหยุดตามหาเธอเลยนะณิชา""นายจะมาตามหาฉันทำไม ในเมื่อเรื่องระหว่างเรามันก็แค่การจัดฉากขึ้นมา""ถ้ามันเป็นแค่การจัดฉากอย่างที่เธอว่า ฉันคงไม่ตามหาเธอหรอก เธอเก่งมากนะที่หนีฉันได้นานขนาดนี้""ปล่อยฉัน" เธอยกมือดันอกกำยำออกเมื่อเขาโน้มใบหน้าหล่อเหลาลงมาหา ยิ่งปฏิเส
ครืด ครืด~ณิชาซึ่งกำลังเดินลงบันไดของบ้านแม็กซ์เวลล์เพื่อกลับคอนโดตัวเองชะงักเท้าทั้งสองลง หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า เบอร์บนหน้าจอทำให้รู้ว่าสายเรียกเข้านี้เป็นของแม่เธอ"ณิกำลังกลับไปรับมาร์คินนะคะ พอดีณิออกมาทำธุระข้างนอก"(แม่แค่โทรมาบอก ว่าวันนี้มาร์คินเขาอยากนอนกับแม่)"อ้าวเหรอคะ"(ใช่จ้ะ ตอนนี้ที่โรงพยาบาลฝนตกหนักมากเลย ณิกลับคอนโดเลยก็ได้ เดี๋ยวแม่ดูแลมาร์คินให้เอง)"ขอบคุณนะคะ" (จ้า ดูแลตัวเองด้วยนะ) นิดาพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่วายจะหันไปแปะมือกับมาร์คินเชิงบอกว่า แผนการนี้สำเร็จแล้วเธอเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า ตวัดเท้าทั้งสองเดินต่อ แต่ก็ต้องหยุดชะงักอีกครั้งเมื่อฝนที่ตั้งเคล้ามาก่อนหน้านี้ได้เทสาดลงมาจากฟากฟ้าอย่างรุนแรง ซ่า ซ่า ซ่า~"มาตกอะไรตอนนี้เนี่ย" พูดพึมพำคนเดียว หากออกไปตอนนี้มีหวังเปียกเป็นลูกหมาตกน้ำแน่ แต่ถ้าหากอยู่ที่นี่รอให้ในซาลง เธอกลัวว่าแม็กซ์เวลล์จะตามมารั้งเธอไว้ไม่ให้ไปเธอตัดสินใจก้าวเท้าเดินต่อ ถึงจะเปียกแต่อย่างน้อยๆ ก็ขอให้พ้นเขตของแม็กซ์เวลล์ไปก่อน เธอใช้กระเป๋าสะพายบังสายฝนก่อนจะตวัดเท้าเดินต่อ แต่ทว่าดันมีแรงของบางคนยื้อเธอเอาไว้หมับ"แม็กซ์เวลล์.
แกร๊กณิชาเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนอีกครั้งพร้อมถาดอาหาร คิ้วได้รูปทรงเลิกขึ้นเมื่อไม่เห็นแม็กซ์เวลล์อยู่บนเตียง ความสงสัยได้หายไปทันทีที่สายตาปะทะเข้าแผ่นหลังกว้างยืนทำบางอย่างอยู่ระเบียงห้อง ควันสีเทาที่ลอยคลุ้งทำให้รู้ได้เลยว่าเขากำลังสูบบุหรี่ "ไม่โดนดุไม่ดีขึ้นเลยใช่เนี่ย" เธอพึมพำอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ วางถาดอาหารลงโต๊ะกลางโซฟาสีดำสุดหรู สองเท้าเริ่มเดินตวัดไปหาแม็กซ์เวลล์เพียะ"มาตีทำไม" มือที่กำลังยกบุหรี่ขึ้นถูกณิชาตีเข้าอย่างแรง ทำให้แม็กซ์เวลล์ชะงักแล้วพลันสายตามามองคนตัวเล็กซึ่งยืนจ้องตาเขม็ง"ฉันยกอาหารขึ้นมาแล้ว เดี๋ยววัดไข้ให้นายเสร็จฉันจะกลับคอนโด" เธอเดินกลับเข้ามาในห้องนอน หยิบปรอทวัดไข้มาเพื่อเตรียมวัดให้แม็กซ์เวลล์ ร่างสูงเดินตามณิชาเข้ามา ก่อนจะหย่อนร่างกายนั่งลงข้างกายเธอ สายตาจับจ้องใบหน้าหวานไม่ยอมละไปไหนจนอีกฝ่ายเริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง"อ้าปาก จะวัดไข้ให้"เขาทำตามคำสั่งของณิชา เธอเอาปรอทวัดไข้มาให้เขาคาบไว้พักหนึ่ง ก่อนที่เธอจะหยิบออกมาดูผลที่ได้"สามสิบเจ็ดจุดเก้า" เธอวางปรอทวัดไข้ลงโต๊ะ แล้วเลื่อนถาดอาหารมาให้แม็กซ์เวลล์ "กินข้าวเสร็จแล้วอย่าลืมกินยา ฉันกล
"แด๊ดดี๊ตักอันนี้ให้หม่ามี๊สิครับ หม่ามี๊ชอบทานมาก"มาร์คินชี้นิ้วไปยังอาหารตรงหน้าแล้วบอกแม็กซ์เวลล์ คนเป็นพ่อทำตามที่ลูกชายตัวน้อยเสนอ ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะเข้ากันได้ดีไม่น้อยแม้เพิ่งเจอกันก็ตาม แต่ก็อย่างว่า พวกเขามีสายใยเชื่อมโยงกัน ไม่แปลกที่มาร์คินและแม็กซ์เวลล์จะมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน"มาร์คิน" ณิชาปรามลูกชายเสียงเข้ม ทว่ามาร์คินกลับอมยิ้มเล็กๆ ตักข้าวเข้าปากเคี้ยวทานแก้มตุ้ย พลางลอบมองพ่อและแม่เป็นระยะ"หม่ามี๊ตักให้แด๊ดดี๊บ้างสิครับ""ต่างคนต่างกินดีกว่าเนอะมาร์คิน" ณิชาตอบลูกชายด้วยรอยยิ้มมาร์คินน้อยกอดอกแล้วทำหน้าตาเชิงงอนใส่คนเป็นแม่เมื่อเริ่มถูกขัดใจ ณิชาเหลือบมองแม็กซ์เวลล์ที่นั่งอมยิ้ม เธออดไม่ได้ที่จะยกเท้าไปเตะขาเขาหนึ่งครั้ง "สะกิดแด๊ดดี๊แรงจังเลยนะหม่ามี๊" "จะทำอะไร" เธอเริ่มระแวงแม็กซ์เวลล์เมื่อเขาวางมือลงข้างศีรษะ เลื่อนใบหน้าหล่อเหลาเข้ามาหาจนหัวใจเธอเริ่มสั่นไหวอีกครั้ง"ลูกมองอยู่นะ""ละ...แล้วยังไง""อยากให้ลูกคิดว่าพ่อแม่ไม่รักกันเหรอ?""ก็..." พูดไม่ทันเป็นประโยค แม็กซ์เวลล์ก็หอมแก้มณิชาฟอดใหญ่ต่อหน้าลูกชายตัวน้อย ภาพนั้นทำใบหน้าเง้างอของมาร์คินกลับมาประ
"คุณพ่อเป็นยังไงบ้างคะ" "พ่อแข็งแรงดี ยังปึ๋งปั๋งอยู่เหมือนตอนหนุ่มๆ" ณดลตอบลูกสาวพร้อมรอยยิ้ม เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายพลอยเครียดตามไปด้วย "แล้วมาร์คินล่ะ ไม่มาด้วยเหรอ""แม็กซ์เวลล์พาไปซื้อของขนมค่ะ เดี๋ยวตามขึ้นมา""แล้วเรื่องของณิกับเขา สรุปมันยังไงกัน ทำไมยังครุมเครืออยู่แบบนี้""ณิเคยบอกแล้วไงคะ ว่าณิกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน""แล้วณิล่ะ รู้สึกอะไรกับคุณแม็กซ์เวลล์เขารึเปล่า"วนิดาที่เพิ่งปอกผลไม้ให้สามีเสร็จเดินออกมาพลางเอ่ยวาจาถามลูกสาวด้วยรอยยิ้ม แม้ณิชาคอยบ่ายเบี่ยงจะตอบความรู้สึกตัวเองที่มีต่อแม็กซ์เวลล์ ถึงอย่างนั้นเธอก็ดูลูกสาวออกว่ารู้สึกอะไรยังไง"ทำไมทุกคนชอบถามคำถามนี้กับณิจังคะ""ทุกครั้งที่ถาม ณิตอบไหมล่ะ หืม?""คุณพ่อคะ มากินผลไม้กันดีกว่า" ณิชาเปลี่ยนบทสนทนาทันควัน "หนีอะไรก็หนีได้นะณิ แต่หนีความรู้สึกตัวเอง ไม่มีใครทำได้หรอก""....""ถ้าณิอยากให้คุณแม็กซ์เวลล์ชัดเจนด้วย ณิก็ต้องชัดเจนกับความรู้สึกตัวเองก่อน"ณิชานิ่งเงียบ คำพูดในหัวขาวโพลนราวเหลือเพียงแค่ความว่างเปล่า บางทีแม่เธออาจจะพูดถูก เธอไม่เคยแสดงออกว่ารู้สึกยังไงกับแม็กซ์เวลล์เลยไม่รู้ว่าจริงๆ แล้ว เขาคิดอะไ
หลายวันต่อมา"อื้อ...ทำอะไรของพี่เนี่ย" ชายหนุ่มที่กำลังนอนหลับอยู่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย เมื่อโดนคนตัวเล็กเข้ามาปลุกโดยวิธีการจุ๊บแก้มซ้ำหลายๆ รอบ เธอมักเข้ามาปลุกเขาแบบนี้ทุกเช้า"ตื่นเร็วเช้าแล้ว" "ขอนอนต่ออีกห้านาทีนะ ผมเพลียมากเลย" คนฟังทำหน้านิ่ว ทุกครั้งที่เข้ามาปลุก เจเลอร์มักพูดแบบนี้เสมอและห้านาทีสำหรับเขาก็ไม่เคยมีอยู่จริง "ถ้านายไม่ตื่นฉันจะแอบหนีกลับไปกินข้าวที่คอนโดฉันนะ" ในเมื่อปลุกดีๆ ไม่ยอมตื่น ก็ต้องงัดไม้นี้ออกมาใช้ เจเลอร์เริ่มปรือตาขึ้นมาอย่างยากลำบากเมื่อคนรักขู่ตัวเองด้วยวิธีแบบนี้เหมือนทุกครั้ง "ทำไมชอบเอาเรื่องนี้มาขู่อยู่เรื่อยเลย""จะสิบโมงแล้ว ขืนให้นายนอนต่อไม่รู้ว่าเที่ยงจะตื่นไหม""ก็คนมันง่วงนิ""เมื่อคืนนายบอกว่าจะทำแค่รอบเดียวแต่นี่ปาไปตีสอง กว่าจะได้นอนจริงๆ ก็เกือบตีสาม ไม่แปลกหรอกที่นายจะง่วง"เธอเริ่มบ่นให้เจเลอร์ เมื่อคืนบทรักของเขาลากยาวมาถึงตีสอง กว่าจะทำความสะอาดร่างกายแล้วนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยระหว่างหลับก็ปาไปเกือบตีสามแล้วพอเช้ามาทำเป็นบ่นว่าง่วงนอน"ไปอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันแล้วมากินข้าว อาหารที่ฉันสั่งไปมาส่งแล้ว""รับทราบครับคุณเม
สามวันต่อมา"รู้สึกยังไงบ้างที่มีผู้ชายโพสต์รูปลงไอจี" ณิชาที่กำลังเดินคล้องแขนดรีมเลือกซื้อของบนห้างสรรพสินค้าเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม "เดี๋ยวเขาก็ลบออกไปเองแหละ""การที่ผู้ชายทำแบบนี้ฉันว่ามันชัดเจนแล้วนะว่าเจเลอร์อะ เขาคิดเหมือนกันกับแก""แต่ว่าเขาไม่เคยพูดว่ารู้สึกยังไงกับฉัน" เธอพูดตัดพ้อออกมา"เมื่อก่อนเฮียแม็กซ์ก็เป็นเหมือนเจเลอร์ เขาไม่เคยพูดว่ารู้สึกยังไงกับฉัน คนรอบข้างฉันบอกว่า เฮียแม็กซ์เป็นประเภทที่การกระทำชัดเจนกว่าคำพูด นานเหมือนกันกว่าเขาจะยอมสารภาพว่าคิดยังไงกับฉัน""ฉันไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองว่าเจเลอร์จะคิดเหมือนกันกับฉัน" แม้การกระทำเขาจะชัดเจน แต่เธอก็ยังอยากได้ยินคำๆ นั้นจากปากของเขาเพื่อยืนยันว่าเขาคิดแบบเดียวกันกับเธอจริงๆแค่การกระทำมันวัดไม่ได้หรอกว่าเขาจะรักเธอ"ตอนแรกฉันก็คิดเหมือนกับเธอ ไม่อยากเข้าข้างตัวเองเหมือนกัน แต่เชื่อเถอะว่าสักวันเธอจะใจอ่อนให้เจเลอร์โดยไม่รู้ตัว" ณิชาพูดแล้วอมยิ้มกริ่ม ตอนแรกที่ดรีมเล่าเรื่องเจเลอร์มาหลอกเธอโกรธมาก แต่พอได้ฟังดรีมเล่าจนจบเธอก็อดคิดไม่ได้ว่าเจเลอร์อาจจะมีใจให้ดรีมจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่ลงทุนโพสต์รูปเพื่อนสนิทเธอลงอินสต
เช้าวันต่อมาแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้องนอนสี่เหลี่ยมหรูกระทบเข้ากับเจ้าของใบหน้าสวยหวานที่กำลังนอนหลับปุ๋ยบนเตียง เปลือกตาสีขาวค่อยๆ ปรือขึ้นมาอย่างยากลำบากเพราะมีแสงแดดกำลังแยงตา เธอดึงตัวเองขึ้นจากหมอนใบใหญ่พลางมองไปรอบห้องนอน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านี่คือคอนโดของเจเลอร์ แล้วเธอก็นอนที่นี่ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเช้าเธอเลิกคิ้วขึ้นสูงเมื่อสายตาสะดุดเข้ากับแขนเสื้อเชิ้ต พอก้มมองสำรวจตัวเองถึงรู้ว่าเธอไม่ได้สวมชุดราตรีที่ใส่ไปร่วมงานการกุศลเมื่อคืน แกร๊ก"ตื่นแล้วเหรอ""อืม" เธอตอบสั้นๆ ในลำคอ"พี่ไปล้างหน้าแปรงฟันแล้วกินข้าวสิ ผมทำข้าวต้มไว้ให้""นายทำกับข้าวเป็นด้วยเหรอ""ทำเป็นบางอย่าง ถ้าวันไหนไม่มีของในตู้เย็นหรือขี้เกียจทำก็ลงไปซื้อข้างล่างมากิน""เมื่อคืนนายเป็นคนเปลี่ยนชุดให้ฉันเหรอ""ใช่ ผมกลัวว่าพี่จะนอนไม่สบายตัวเลยเปลี่ยนให้"พอรู้ว่าเขาเป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ ใบหน้าก็เริ่มร้อนเห่อขึ้นมา เธอไม่พูดอะไรต่อจากนั้น เหวี่ยงเท้าทั้งสองลงสัมผัสพื้นเย็นเฉียบก่อนจะเดินไปยังห้องน้ำ หญิงสาวใช้เวลาล้างหน้าและแปรงฟันไม่ถึงสิบนาทีก็เสร็จ ร่างบางเดินออกมาจากห้องนอน สายตาจ้องมองเจเ
เธอปลีกตัวจากเจเลอร์มาเข้าห้องน้ำเพราะไม่ว่าจะเดินไปทางไหนเขาก็เอาแต่เดินตามราวกับกลัวว่าเธอจะหายไปไหน หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จเธอก้าวออกมาล้างมือ ก่อนจะหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดมือแล้วทิ้งลงถังขยะจังหวะกำลังเดินออกไปเป็นต้องชะงัก เมื่อพิตต้า อดีตแฟนเก่าของเจเลอร์ได้เดินเข้ามาในห้องน้ำพอดี เธอและพิตต้ามองหน้ากัน แววตาอีกฝ่ายแสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบเธอ"เดี๋ยวสิ" เสียงของพิตต้าทำให้ดรีมที่กำลังก้าวออกไปชะงักเท้าทั้งสองข้าง "...." เธอหมุนตัวกลับมาหาพิตต้าโดยไม่พูดอะไรกลับอีกฝ่าย"เธอเป็นอะไรกับเจเลอร์" "ไม่ได้เป็นอะไรกัน""ใส่สร้อยประจำตระกูลเขาบนคอขนาดนั้น แน่ใจเหรอว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน" พิตต้าพูดแล้วปรายสายตามองสร้อยประจำตระกูลที่คล้องบนคอของดรีม ขนาดเธอเป็นแฟนคนแรกของเจเลอร์ยังไม่เคยได้แตะต้อง ผิดกับดรีม"เขาให้ฉันใส่เอง""ถอดมันออกซะ" "ทำไมฉันต้องทำตามที่เธอบอกด้วย หรือกำลังใช้สิทธิ์ของอดีตแฟนเก่าสั่งฉัน""แค่เขายอมให้เธอใส่สร้อยนั่น อย่าคิดว่าเขาจะรักเธอ""ต่อให้เขาไม่รักฉัน อีกไม่นานฉันกับเขาก็ต้องแต่งงานกันอยู่ดี ให้ส่งบัตรเชิญไปให้ไหม?""หมายความว่ายังไง" พิตต้าถอดสีหน้าเมื่อได้ยิ
เธอกลับมาคอนโดด้วยสภาพไม่ค่อยสู้ดีเท่าไร ร่างบางทรุดฮวบนั่งลงเตียงนอนราวคนหมดแรง ภาพเหตุการณ์ที่ผ่านมาก่อนหน้านั้นลอยวนในหัวถึงตอนนี้จนพลอยทำให้รู้สึกเจ็บแปลบที่ก้อนเนื้อข้างซ้าย'ตลอดเวลาที่ผ่านมา...นายเคยรักฉันบ้างไหม''ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมคิดอะไรกับพี่'เป็นเธอสินะที่คิดเองมาโดยตลอดว่าเจเลอร์จะมีใจให้ เธอคิดเข้าข้างตัวเองทั้งนั้น ไม่น่าคาดหวังอะไรจากเขาเลย ยิ่งคาดหวังมาก...ยิ่งผิดหวังมากเธอเลื่อนมือขึ้นมาปาดน้ำตาที่ไหลกลิ้งลงมาบนแก้มออก เรื่องที่ทำให้เธอเสียใจมากที่สุดไม่ใช่เรื่องโดนปฏิเสธ แต่เป็นเรื่องที่เขาเข้าหาเธอเพื่อหวังล่าแต้มเก็บคะแนน แล้วเขาก็ทำสำเร็จ ไม่โทษเขาหรอก เพราะเธอมันโง่เองที่ดูเจเลอร์ไม่ออกครืด ครืด~เสียงโทรศัพท์ช่วยฉุดรั้งเธอออกจากภวังค์ความคิด พอเห็นว่าเป็นมีนาโทรมาจึงรีบจัดการกับความรู้สึกแล้วปัดหน้าจอเพื่อรับสาย"ว่าไงมีนา"(แกอยู่ไหน กลับแล้วเหรอ?)"อืม ใช่ ฉันรู้สึกปวดหัวนิดหน่อยเลยกลับมาพัก"(พวกฉันก็นึกว่าแกหายไปไหน)"ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกก่อน"(ไม่เป็นไร กินยาแล้วพักผ่อนเถอะ ฉันขอไปสนุกต่อก่อน)เธอวางสายลงจากมีนาแล้วพาตัวเองเดินเข้าไปอาบน้ำเพื่อเตรี
ภายในรถหรูของเจเลอร์ถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ ดรีมลอบมองคนข้างกายเป็นระยะด้วยความเป็นห่วง เธอเข้าใจเขาดีว่าการเผชิญหน้ากับอดีตที่แสนเจ็บปวดนั้นมันรู้สึกยังไง เธอเลือกที่จะไม่พูดอะไรจนกว่าอารมณ์ของเจเลอร์จะกลับมาคงที่เหมือนเดิมเธอดึงสายตาจากวิวนอกกระจกมามองเจเลอร์ ซึ่งเลื่อนมือมาจับมือเธอไปกุมไว้บนตักเขา เธอมองต่ำมายังมือที่ประสานกันเป็นหนึ่งพร้อมหัวใจที่ไหววูบ"ขอจับมือได้ไหม""อืม นายโอเคขึ้นแล้วใช่ไหม""ทำไมผมต้องไม่โอเคด้วย" เขาถามกลับพร้อมเบือนใบหน้าไปมองดรีม ก่อนจะดึงสายตากลับไปมองถนนแล้วเอ่ยอีกประโยค "พี่เป็นห่วงผมเหรอ""ใครบอกว่าฉันเป็นห่วงนาย""แววตาพี่มันฟ้องผมแบบนั้น""ก็แค่แววตาที่ใช้มอง จะอะไรนักหนา" "หึ เป็นห่วงก็แค่ยอมรับมาตรงๆ ไม่เห็นต้องโกหกเลย" เธอไม่ตอบอะไรเจเลอร์กลับ เอื้อมมือที่เหลืออีกข้างไปเปิดเพลงฟัง อย่างน้อยอาจทำให้คนข้างๆ ผ่อนคลายลงจากเรื่องก่อนหน้านี้"พี่รู้รึยังว่างานแต่งงานของเราถูกเลื่อนเข้ามาแล้วนะ""อะไรนะ?" "ตอนพี่กำลังซื้อของ พ่อผมโทรมาบอกว่าจะเลื่อนงานแต่งเข้ามา""เมื่อไหร่""อีกสองเดือน""ไหนตอนแรกว่าบอกปีหน้าไง""ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน พวกท่านคงคิ
วันต่อมาดรีมปรือดวงตาขึ้นมาอย่างยากลำบากหลังจากนอนหลับมาหลายชั่วโมง เธอมองข้างกายที่ว่างเปล่า ก่อนจะค่อยๆ ดึงตัวเองขึ้นแล้วมองหาเจเลอร์ เวลาบนผนังห้องบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาสิบโมงเช้าแล้ว"หรือจะตื่นแล้ว" เธอพึมพำออกมาคนเดียว จากนั้นเหวี่ยงขาทั้งสองลงสัมผัสพื้นเย็นแล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัวดวงตากลมโตมองสะท้อนตัวเองผ่านกระจกตรงหน้า เธออยู่ในชุดของเจเลอร์และรอยต่างๆ บนคอก็เป็นฝีมือเขาทั้งนั้น หลังจากทำอะไรเสร็จเรียบร้อยเตรียมเดินออกมา ประตูห้องน้ำก็ได้ถูกเปิดโดยเจเลอร์แกร๊ก"อยู่นี่เองนึกว่าหายไปไหน""มีอะไรเหรอ?"เจเลอร์ยิ้มแล้วเดินเข้ามาหาดรีมที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า เขาใช้สองมือยันขอบเคาน์เตอร์เพื่อขังหญิงสาวไว้ในอ้อมแขน"ผมนึกว่าพี่แอบหนีกลับไปแล้ว""ฉันเพิ่งอาบน้ำเสร็จ" "ถึงว่าทำไมตัวพี่หอมจัง" "ฉันว่านายเริ่มเหมือนโรคจิตเข้าไปทุกวันแล้วนะ""หึ" เจเลอร์ระบายยิ้ม ก่อนจะเลื่อนมือมาเชยคางมนขึ้นให้สบตา จากนั้นค่อยๆ โน้มใบหน้าลงไปหาแล้วใช้ริมฝีปากสัมผัสลงหน้าผากบาง เคลื่อนมาหอมแก้มทั้งสองข้าง และจบลงที่ริมฝีปากสีระเรื่อ "ทำไมพี่น่ารักขนาดนี้""อารมณ์ไหนมาชมก
เจเลอร์เอาแต่นั่งมองหญิงสาวตรงหน้าทานอาหารเงียบๆ โดยไม่พูดจาอะไร ความเงียบของเขาพลอยทำให้ดรีมรู้สึกอึดอัดและเสียความเป็นตัวเองในเวลาเดียวกัน เธอเงยหน้าขึ้นมองเจเลอร์ แล้วเอ่ยถาม"นายมีอะไรรึเปล่า ทำไมถึงเอาแต่มองหน้าฉัน""แค่คิดไม่ถึงว่าคนที่ผมต้องแต่งงานด้วย จะเป็นพี่""ฉันเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน""ผมอิ่มแล้ว เรากลับกันเถอะ""แต่ว่านายยังไม่ได้กินสักคำเลย" "เพราะผมรอกินพี่อยู่ไง" คำตอบของเจเลอร์ทำให้ดรีมชะงัก หัวใจดวงเล็กพันกระตุก เธอสบตากับเขา นัยน์ตาสีดำของเขาไม่ต่างจากเสือร้ายที่กำลังเฝ้ามองเหยื่อเพื่อรอตะครุบชายหนุ่มรุ่นน้องดึงตัวเองขึ้นจากเก้าอี้ เข้ามาดึงตัวหญิงสาวขึ้นแล้วเดินออกจากห้องอาหาร ดรีมพยายามแกะมือเจเลอร์ที่พันธนาการข้อมือตัวเองออก ทว่ากลับไม่เป็นผล"เจเลอร์ ปล่อยฉันนะ""กลับกับผม""ไม่เป็นไร ฉันมีคนขับรถอยู่""บอกเขาว่าผมจะเป็นส่ง" "แต่...""คืนนี้พี่ต้องโดนลงโทษ" เขาพูดโดยไม่สบตากับดรีม สองเท้าตวัดเดินมายังลานจอดรถของโรงแรมแล้วพบเข้ากับคนขับรถของดรีม "เดี๋ยวฉันไปส่งเธอเอง""ได้ครับ" คนขับรถของดรีมตอบรับเจเลอร์ไปอย่างง่ายดาย เจเลอร์พาดรีมมายังรถหรูราคาแพงของตน ท
หลายชั่วโมงต่อมาแก่นกายขนาดใหญ่กระตุกหงึกหงักภายในร่องรักคับแคบ น้ำเชื้อจากชายหนุ่มพุ่งกระจายใส่เครื่องป้องกันทุกหยาดหยดพร้อมเสียงครางหนักแน่น เจเลอร์เลื่อนมือมาถอนแก่นกายออก เนื้อตัวเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อจากการร่วมรักกับหญิงสาวดรีมนอนหายใจหอบเหนื่อย บทรักที่บรรเลงมาหลายชั่วโมงทำให้เธอหมดแรง ผิดกับเจเลอร์ เขายังดูปกติ ราวกับร่างกายทำจากเหล็ก "อ๊ะ! นะ...นายจะพาฉันไปไหน" เอ่ยถามด้วยความตกใจ อยู่ดีๆ เจเลอร์ก็ช้อนร่างเธอในท่าเจ้าสาว"พาไปล้างตัว""ไม่ต้อง เดี๋ยวฉัน...""อย่าดื้อ" เสียงเข้มปรามกลับมา ทำให้ดรีมนิ่งลง ดวงตากลมโตช้อนมองเสี้ยวหน้าหล่อเหลา ไม่อยากเชื่อเลยว่าหลายชั่วโมงที่ผ่านมาเธอจะยอมให้เจเลอร์เป็นผู้ชายคนแรกของเธอ พอยาปลุกเซ็กซ์หมดฤทธิ์ กลับรู้สึกเขินอายและวางตัวกับเขาไม่ถูกเสียอย่างนั้นเจเลอร์วางเธอลงในอ่างอาบน้ำหรู โดยเขาเองก็เข้ามานั่งซ้อนข้างหลัง หัวใจเธอเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อก้นตัวเองสัมผัสกับสิ่งนั้นของเขา "อันที่จริงฉันทำเองก็ได้นะ""ผมเห็นพี่เหนื่อย เลยอยากอาบน้ำให้""....""ผมทำแรงไปไหม" คำถามของเจเลอร์ ทำให้ดรีมไปต่อไม่ถูก ใบหน้าขาวเนียนค่อยๆ แดงระเรื่อขึ้นมาด้วย