เจตต์ต้องยอมรับว่าอเลฮานโดรหัวดีมาก เขาอาจจะยอมแพ้ที่จะบอกทิฟฟานี่ให้เอาเด็กออกด้วยตัวเอง แต่เขารู้ว่าเขาจะต้องพูดอะไรเพื่อหลอกให้แจ็คสันทำงานที่สกปรกแทนเขา บทสนทนาเล็ก ๆ น้อย ๆ เมื่อกี้นี้เพียงพอที่จะปลูกฝังความคิดในหัวของแจ็คสันได้ว่าเด็กคนนั้นอาจจะไม่ใช่ลูกของเขาโดยเล่นกับความไม่มั่นใจและความทุกข์ของชายคนนั้นอย่างไรก็ตาม ฉากก่อนหน้านี้ทำให้เจตต์กังวลมาก เขาเป็นลูกน้องของดอน สมิธเสมอมา ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะรับใช้อเลฮานโดรแล้ว แต่เขาก็ยังถูกคาดหวังให้ต้องทำงานให้ดอนอยู่ดี จะเกิดอะไรขึ้นกับเขาเมื่อความจริงของงานเขาถูกเปิดเผย? ดอนอาจจะต้องการให้เขาตาย หรืออเลฮานโดรอาจทำให้เขาตายก็ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ชะตากรรมเดียวที่รอเขาอยู่ก็คือความตาย นั่นคือฝันร้ายของการทำงานให้กับทั้งสองฝ่ายที่แย่ที่สุดคือ ในระยะหลัง ๆ นี้ดอนได้ติดต่อเขาบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ มันต้องไม่ใช่ลางที่ดีแน่นอนเจตต์ยังคงเข็นอเลฮานโดรเข้าไปในอาคารต่อและสังเกตว่าระดับความวิตกกังวลภายในอาคารดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นถึงระดับสิบเอ็ดอเลฮานโดรเองก็เริ่มสังเกตความเปลี่ยนแปลงในบรรยากาศได้เช่นกัน แต่หลังจากที่พวกเขาผลักประตูเข้าไปใ
“คุณไม่เคยมองผม หลานชายตัวน้อยที่น่าขยะแขยงของคุณเป็นคนที่วันหนึ่งจะอยู่เคียงข้างคุณในขณะที่คุณตายอยู่แล้วหนิ” อเลฮานโดรกล่าวอย่างแข็งกระด้าง “ทำไม? คุณลืมเรื่องบ้า ๆ ที่คุณเคยทำไปแล้วเหรอ? ตอนนี้คุณกลับต้องการที่จะเพลิดเพลินกับชีวิตของคุณปู่ที่ถูกล้อมรอบด้วยหลาน ๆ ของเขางั้นเหรอ? ขอร้องล่ะ ลูกชายของคุณตายไปหมดแล้ว และทายาทคนเดียวที่คุณเหลืออยู่ก็คือหลานชายที่เป็นง่อยและยุ่งเกินกว่าที่จะมีเวลาเล่นบอลกับคุณปู่ของเขา ให้บอดี้การ์ดของคุณเล่นเป็นเพื่อนคุณสิตาเฒ่า ถ้าคุณอบรมผมเสร็จแล้วก็หลีกทางผมหน่อย ผมมีธุระที่ต้องจัดการ”สีหน้าของดอนแดงก่ำด้วยความโกรธ “ไอ้ชาติหม*”เจตต์เข้ามาแทรกและหยุดเขา “นายท่านดอนครับ คุณสมิธสบายดีครับ บริษัทก็ดำเนินการไปได้ด้วยดี เขาประสบความสำเร็จค่อนข้างมากตั้งแต่ที่มาถึงเมืองหลวง คุณหายห่วงได้ครับ”ดอนจ้องไปที่เจตต์สองสามวินาทีก่อนจะตอบว่า “เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นนายก็ช่วยดูแลเขาดี ๆ ด้วยนะ ฉันไปล่ะ”เจตต์ตอบรับเบา ๆ และก้มหน้าลงเพราะกลัวว่าดอนอาจจะเจอเบาะแสบางอย่างบนใบหน้าของเขา “การดูแลอเลฮานโดร” เป็นวลีลับที่บอกให้เขาสอดส่องอเลฮานโดรให้มากขึ้นแน่นอนว่าเจตต
ทิฟฟานี่สับสนไปหมด เธอไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในหัวของแจ็คสันได้ แน่นอนว่าเธอต้องการที่จะประสบความสำเร็จในอาชีพการงานของเธอ แต่เธอไม่เคยคิดที่จะสละลูกตัวเองเพียงเพื่อสิ่งนั้น เมื่อเธอรู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ ความปีติยินดีที่แท้จริงก็ได้ครอบงำเธออย่างน่าประหลาดใจ นับตั้งแต่ที่เธอได้เห็นความน่ารักของสมอร์ เธอก็อยากจะมีลูกเป็นของตัวเองมาโดยตลอดทิฟฟานี่วางแผนไว้ว่าเธอจะขอลาคลอดเมื่อใกล้ถึงวันที่กำนดแล้วกลับมาทำงานต่อหลังจากที่วันลาของเธอหมดลง เธอไม่เคยมีความคิดที่จะเอาเด็กออกเลยสักครั้ง"ไม่ ฉันจะไม่เอาเด็กคนนี้ออก ฉันไม่คิดว่าเขาจะส่งผลกระทบต่องานของฉันแต่อย่างใดด้วย” เธอกล่าวแจ็คสันเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “ฟังผมนะ ไปเอาเด็กออกเถอะ”ตอนนั้นเองที่ทิฟฟานี่ตระหนักว่าแจ็คสันไม่เคยพิจารณาเรื่องนี้จากมุมมองของเธอเลยการตระหนักรู้นั่นทำให้เธอเย็นชา "ทำไม? บอกฉันทีว่าทำไม? อย่างน้อยคุณก็ช่วยบอกเหตุผลฉันหน่อยไม่ได้เหรอ? คุณจะ… คุณไม่สามารถบอกให้ฉันเอาเด็กคนนึงออกโดยที่ไม่มีเหตุผลได้หรอกนะ! ถ้าคุณไม่ต้องการแต่งงานกับฉัน ก็ได้ เราจะไม่แต่งกัน ฉันมีงานทำ และฉันสามารถเลี้ยงลูกไ
“เธอมาทำอะไรที่นี่คนเดียว?” ทิฟฟานี่ถามพลางสะอื้นไห้เป็นช่วง ๆ เมื่อเธอพบกับแอเรียน “สมอร์อยู่ไหน? เธอทิ้งเขาไว้ที่บ้านจริง ๆ เหรอ?”แม้ว่าแอเรียนจะรู้สึกไม่สบายใจ แต่เธอก็ไม่ได้แสดงมันออกมา “ไม่ต้องห่วง พ่อของเขาอยู่กับเขา มีอะไรให้ต้องกังวลอีกเหรอ? ฉันตัดสินใจที่จะมาที่นี่สักสองสามวันเพื่อที่จะได้พักผ่อนและอยู่เป็นเพื่อนเธอไง ระหว่างเธอกับแจ็คสันเป็นยังไงบ้าง?”“เขาคิดว่าอเลฮานโดรเป็นพ่อของเด็กในท้องฉัน” ทิฟฟานี่สะอื้นไห้ “เขาต้องการให้ฉันเอาเด็กออก ฉันวางสายใส่เขาด้วยความโกรธ และตั้งแต่ตอนนั้นมาเขาก็ยังไม่โทรหาฉันอีกเลย เขากำลังจะทำให้ฉันเป็นบ้า…”แอเรียนเช็ดน้ำตาให้ทิฟฟานี่ “เอาล่ะ อย่าร้องไห้สิ สตรีมีครรภ์ไม่ควรร้องไห้นะ ทารกสามารถรับรู้ได้ทุกครั้งที่เธอเศร้า มันไม่ใช่แค่ตำนานนะ มันเป็นเรื่องจริง ความสงสัยเป็นศัตรูตัวฉกาจที่สุด มันสามารถทำลายความไว้วางใจระหว่างคนสองคนได้โดยสิ้นเชิง ตอนนี้เราสามารถแก้ไข้ปัญหานี้ได้ด้วยสองวิธี เธอจะต้องคุยกับแจ็คสันดี ๆ และโน้มน้าวเขาให้ได้ว่าเขาเป็นพ่อของเด็ก หรือเธอจะทำแบบทดสอบความเป็นพ่อและแสดงหลักฐานให้เขาดูก็ได้ ไม่ว่าจะยังไงฉันก็จะไม่แนะน
มาร์คดึงโทรศัพท์ออกมาด้วยความรู้สึกที่อยากจะโทรหาแอเรียนนับครั้งไม่ถ้วน อย่างไรก็ตาม เขากลับกลัวว่าเธอจะปฏิเสธสายของเขาอีกครั้ง นั่นจะทำให้เขาอารมณ์เสียมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นเขาจะต้องทนต่อไป เขาจะต้องหยุดตามใจเธอ และนั่นรวมถึงแอริสโตเติลด้วย พวกเขาทั้งคู่ต่างนิสัยเสียมากเกินไปทันใดนั้นก็มีคนผลักประตูเข้ามาในห้องทำงานเขาเบา ๆ หญิงสาวร่างสูงเพรียวและรูปงามในชุดทำงานที่มัดผมหางม้าแบบหลวม ๆ ก้าวเข้ามาในห้อง "คุณเทรมอนต์” เธอพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ผู้อำนวยการขอให้ฉันนำเอกสารเหล่านี้มาส่งให้คุณค่ะ ฉันไม่ได้เคาะประตูก่อนเพราะกลัวว่าจะรบกวนลูกของคุณ ฉันควรวางเอกสารเหล่านี้ไว้บนโต๊ะของคุณเลยไหมคะ?”มาร์คพยักหน้า “วางไว้ที่โต๊ะเลย” เขาตอบเบา ๆ “ผมจะดูให้เมื่อผมมีเวลา” ขณะที่เขาพูดเขาก็สังเกตเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นได้ถอดรองเท้าส้นสูงของเธอและถือมันไว้ในมือเมื่อตอนที่เข้ามา เธอไม่ได้ใช้รองเท้าแตะแบบที่ใช้แล้วทิ้งที่ถูกจัดเตรียมไว้หน้าห้องเขา “หน้าประตูมีตู้รองเท้าพร้อมกับรองเท้าแตะแบบที่ใช้แล้วทิ้งนะ”หญิงสาวยิ้ม “อ้อ ฉันไม่ทราบค่ะ ฉันเพิ่งเข้ามาทำงานในบริษัทนี้ และฉันยังเป็นแค่เด็กฝึกงาน ฉัน
การประชุมใช้เวลาไม่นานนักเนื่องจากมาร์คไม่สามารถหยุดกังวลถึงแอริสโตเติลได้ การประชุมที่ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองชั่วโมงจึงถูกเร่งให้สั้นลงจนเหลือเพียงหนึ่งชั่วโมงเพราะลูกชายของเขา เขาข้ามผ่านทุกเรื่องที่ไม่ได้สำคัญหรือเร่งด่วนนักเมื่อมาร์คกลับมาที่ห้องทำงานตัวเอง เขาก็พบว่าแอริสโตเติลหยุดร้องไห้ไปแล้ว ต้องขอบคุณความพยายามอย่างมากในการปลอบเขาของเจนิซ หนุ่มน้อยจึงกำลังจ้องมองเธอด้วยความว่างเปล่า เขาดูไม่มีความสุข แต่อย่างน้อยเขาก็หยุดร้อง มาร์คถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนที่จะเดินเข้าไปหาเธอแล้วพูดว่า “คุณเลี้ยงเด็กเก่งจริง ๆ ด้วย ไม่มีใครสามารถปลอบสมอร์ได้เลยยกเว้นแม่ของเขา”เจนิซเริ่มสงวนตัวมากขึ้นเล็กน้อยเมื่อเขากลับมา เธอก้าวออกมายืนข้าง ๆ “สมอร์เหรอคะ? สมอร์น้อย? ช่างเป็นชื่อเล่นที่น่ารักมาก!”มาร์คมองลูกชายตัวเองแล้วยิ้ม “ใช่ แม่ของเขาตั้งชื่อให้เขาน่ะ เราเรียกเขาแบบนั้นจนติดปากไปแล้ว ชื่อจริงของเขาคือแอริสโตเติล เทรมอนต์”เจนิซจ้องมาร์คด้วยความงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง ทุกคนในสำนักงานต่างบอกว่าเขาไม่ได้ยิ้มมาเป็นเวลานานแล้ว เธอไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะดูดีขึ้นไปอีกเมื่อเขายิ้ม มันทำให้เขาดูอ
ธัญญ่าไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติแต่อย่างใด เธอเพียงแต่สงสัยว่าทำไมคุณปู่และหลานชายถึงดูห่างเหินกันนัก “โอเคค่ะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้เลย คุณสองคนคุยกันไปก่อนนะคะ”ดอน สมิธจ้องเจตต์สักครู่ก่อนที่เขาจะหันหลังและเดินกลับเข้าไปในห้องนอน “เข้าไปคุยข้างในเถอะ ฉันค่อนข้างมั่นใจว่านายคงไม่ต้องการให้ภรรยาของนายรับรู้ทุกอย่างหรอก”เจตต์กัดฟันทนและตามเขาเข้าไปข้างในก่อนที่จะปิดประตูด้วยความระมัดระวัง “นายท่านครับ... คุณต้องการอะไรเหรอครับ? การแต่งงานของผมเป็นเรื่องเล็กน้อย ผมไม่ได้ต้องการรบกวนคุณ มันไม่ใช่งานใหญ่อะไรด้วย…”จู่ ๆ ดอน สมิธก็โกรธจัด “ภรรยาของนายบอกฉันทุกอย่างที่เธอรู้แล้ว เธอคิดว่าฉันเป็นปู่ของนายจริง ๆ เธอจึงไม่ได้สงสัยอะไรเลย นายคิดที่จะเก็บเรื่องนี้จากฉันนานแค่ไหน? กล้าดียังไงถึงมาหักหลังฉัน! อย่าลืมนะว่านายคงไม่มาถึงจุดนี้ได้ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน!”เจตต์คุกเข่าลงและก้มศีรษะทันที ความตื่นตระหนกครอบครองเขาขณะที่เขาอ้อนวอน “ธัญญ่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ได้โปรดเมตตาและไว้ชีวิตเธอดัวยครับ เธอไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ!”ดอน สมิธนั่งลงที่ขอบเตียง “ฉันจะให้โอกาสนายครั้งนี้ครั้งเดียว บอกทุ
เจตต์ได้ยินเสียงข้าวของถูกทำลายจากฝั่งของอเลฮานโดร เห็นได้ชัดว่าอเลฮานโดรกำลังเดือดดาล “แค่จำสิ่งที่ฉันบอกนายเอาไว้ ฉันไม่ได้ใจกว้างเท่าไอ้แก่นั่น รู้นะว่าต้องทำยังไง!”หลังจากที่วางสาย เจตต์ก็เดินไปที่ประตูเพื่อเปลี่ยนรองเท้า เขามองธัญญาและพูดว่า “ฉันมีเรื่องงานด่วน ดังนั้นฉันอาจจะไม่ได้กลับมาบ้านสักสองสามวัน ดูแลตัวเองด้วยนะ ส่งข้อความหาฉันถ้าเธอต้องการอะไร ห้ามโทรหาฉันเด็ดขาด"ธัญญ่าดูผิดหวัง “แล้ว… ก๋วยเตี๋ยวล่ะคะ? คุณจะไม่กินมันก่อนเหรอ?”เขาส่ายหัว "ไม่มีเวลาแล้ว เธอกินเลย”...ที่เซาธ์ พาร์กหลังจากที่ทิฟฟานี่เลิกงาน เธอและแอเรียนก็พากันไปที่ร้านอาหารกลางแจ้งในบริเวณใกล้เคียง ผู้หญิงทั้งสองต่างอารมณ์ไม่ดี ทิฟฟานี่รำคาญแจ็คสัน ส่วนแอเรียนก็รำคาญมาร์ค ดังคำกล่าวที่ว่า 'ความทุกข์ย่อมมีเพื่อน'ทันใดนั้นทิฟฟานี่ก็ได้รับข้อความจากอเลฮานโดร “ช่วงสองสามวันนี้ระวังตัวให้มากขึ้นทุกครั้งที่ออกไปข้างนอกด้วยนะ พยายามหลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอกคนเดียวด้วย” ด้วยความรู้สึกวิตก เธอจึงแสดงข้อความนั้นให้แอเรียนดู "มันหมายความว่าอะไร? ทำไมเขาถึงบอกให้ฉันระวังตัวและหลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอกคน
แน่นอนว่าแอเรียนจะไม่กล้าอุ้มเพลโตอีกเนื่องจากเธอกลัวว่าลูกชายของเธอจะอิจฉาเมื่อแอเรียนบอกให้ทิฟฟานี่ตั้งชื่อเล่นให้เพลโต ทิฟฟานี่ก็ส่ายหัว “ผู้ชายจำเป็นต้องมีชื่อเล่นด้วยเหรอ? ถ้าสมอร์โตไปเป็นหนุ่มหล่อ มันจะไม่ตลกเหรอถ้าเราจะเรียกเขาว่าสมอร์? พวกสาว ๆ ที่ชอบเขาจะต้องหัวเราะจนน้ำตาไหลแน่นอน ชื่อเล่นจะน่ารักแค่ตอนที่ยังเด็กเท่านั้นแหละ”แอเรียนเบะปาก “เธอแค่ขี้เกียจที่จะคิดชื่อ ถูกไหม? เธอเลยอ้างเหตุผลทั้งหมดนี้ ชื่อเล่นเขาก็มีไว้เรียกเฉพาะตอนที่ยังเด็กเท่านั้นแหละ ใครเขาจะเรียกชื่อเล่นกันตอนโตล่ะ?”เมื่อพวกเธอกำลังคุยกันอยู่ อยู่ ๆ แจ็คสันก็โทรมา “คุณขับรถไปหาแอเรียนกับเพลโตคนเดียวเลยเหรอ? คุณไม่รู้จักฝีมือการขับรถตัวเองเลยเหรอ? ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะทำยังไง? คุณน่าจะขอให้คนขับรถของแม่ไปส่งคุณแทน”ทิฟฟานี่หงุดหงิดมาก “นี่คุณคงอยากให้อะไรเกิดขึ้นกับฉันมากสินะ? ฉันมาถึงแล้ว แค่นั้นยังไม่ดีพออีกเหรอ? ฉันแค่ถอยรถไม่เก่งแค่นั้นเอง ถ้าฉันขับเดินหน้าอย่างเดียวจะมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นได้บ้าง? คุณทำงานของคุณต่อไปเถอะค่ะ”ทิฟฟานี่อาจจะหงุดหงิด แต่จริง ๆ แล้วเธอก็แอบดีใจ อารมณ์ของเธอชัดเจนมากแม้ก
เมื่อเมลานีทานอาหารเสร็จและพวกเขาออกจากบ้าน อเลฮานโดรก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันทีที่พวกเขาขึ้นรถเมลานีเห็นดังนั้นจึงถามเขาว่า “โล่งอกใช่ไหมล่ะ? ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้องมา แต่คุณไม่ฟังฉันเอง ฉันเองยังเบื่อพ่อแม่ตัวเองเลย”อเลฮานโดรเงียบโดยไม่ตอบอะไร เขาตื่นเช้ามากและยังคงง่วงนอนอยู่ เขาจึงหลับตาลงและพักสายตาเมลานีเริ่มไม่สบายใจ อเลฮานโดรรู้เรื่องที่เธอแอบติดต่อกับทิฟฟานี่หรือเปล่า? เขาน่าจะ… ไม่รู้เรื่องหรอก ถูกไหม? ไม่อย่างนั้นเขาน่าจะโวยวายไปแล้วแทนที่จะนิ่งสงบแบบนี้ เธอเลยคิดว่าเธอน่าจะบอกเขาก่อนที่เขาจะรู้ด้วยตนเองหลังจากที่ลังเลอยู่ชั่วครู่เธอก็พูดว่า “ฉันติดต่อกับทิฟฟานี่อยู่”ร่างกายของอเลฮานโดรแข็งทื่อโดยไม่รู้ตัว “แล้ว?”เธอคิดถูกแล้วจริง ๆ อเลฮานโดรจะมีปฏิกิริยาก็ต่อเมื่อมันเป็นเรื่องของทิฟฟานี่ แต่นอกจากนั้นเขาจะเมินทุกคำพูดของเธอ เมลานีแอบไม่พอใจ แต่ไม่แสดงให้เขาเห็น “คุณไม่โกรธเหรอ?”อเลฮานโดรลืมตาและมองหน้าเธอ “ทำไมผมจะต้องโกรธด้วย? ยังไงคุณก็ไม่ทำอะไรเธออยู่แล้ว”เมลานีพูดไม่ออก เขามั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอว่าเธอจะไม่ทำอะไรทิฟฟานี่? เธอคิดมาเสมอว่าเธอไม่รู้จักอเลฮานโด
อเลฮานโดรรู้ตัวดีว่ามันเป็นเพียงความคิดตามสัญชาตญาณผู้ชายของเขาและไม่มีสิ่งอื่นใดหลังจากนั้นไม่นานหนังตาของเมลานีก็เริ่มหนัก อาจจะเป็นเพราะความเงียบสนิทที่เปรียบดั่งเพลงกล่อมนอนอย่างดี บวกกับครรภ์ของเธอที่ทำให้เธอง่วงเหนื่อยง่ายขึ้น ตอนแรกเธอคิดว่าเธอจะไม่สามารถนอนหลับได้เพราะอเลฮานโดรด้วยซ้ำ…ขณะที่เธอกำลังหาพลิกตัวหาท่านอนที่สบายด้วยความงัวเงีย อยู่ ๆ อเลฮานโดรก็พูดขึ้นมาว่า “หยุดขยับไปขยับมาสักที”เมลานีที่กำลังจะผล็อยหลับตื่นทันทีที่ได้ยินเสียงของเขาที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน เธอเริ่มรู้สึกรำคาญและเหวี่ยงใส่เขา “นี่มันบ้านของฉันและเตียงของฉัน ทำไมฉันจะขยับตัวไม่ได้? นี่คุณอย่าหาเรื่องโดยไม่มีเหตุผลได้ไหม?”เธอไม่ทันรู้ตัวว่าเธอเผลอไปโดนขาของเขาขณะที่เธอพลิกตัวไปมา ทันใดนั้นอเลฮานโดรก็ขึ้นคร่อมเธอโดยที่แขนแต่ละข้างของเขาอยู่ข้างตัวเธอเมลานีตกใจและหันหน้าหนีทันที “คุณจะทำอะไร? ลงไปเลยนะ!”กำปั้นของเธอเล็กมาก มันไม่เพียงแต่ไม่สามารถทำให้อเลฮานโดรเจ็บได้ แต่การกระทำของเธอยังทำให้เขามีอารมณ์มากขึ้นอีกด้วย “ผมบอกให้คุณเลิกขยับไง คุณจะไม่ฟังผมใช่ไหม?”เมลานีไม่กล้าที่จะขยับตัวอีกและ
ในความเป็นจริงแล้วอเลฮานโดรกลับรู้สึกสบายใจโดยไม่รู้เหตุผลเมื่อเข้ามาในห้องของเธอ “คุณสบายดีไหม?”เมลานีตะลึงเล็กน้อย “ฉันบอกคุณแล้วว่าคุณไม่ต้องแสดงหรอก ที่นี่ไม่มีใครสักหน่อย แล้วคุณจะแกล้งทำทำไม? ฉันไม่ฟ้องคุณปู่หรอก เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้คุณกลับไปเลยก็ได้ ฉันอยู่ที่นี่แล้วสบายดี”อเลฮานโดรไม่สนใจสิ่งที่เมลานนีพูดและเรียกหาเจตต์ผู้ซึ่งนำทุกอย่างที่อเลฮานโดรได้ซื้อให้เธอเข้ามาให้ โต๊ะเครื่องแป้งของเธอเต็มไปด้วยข้าวของมากมายในไม่ช้าหัวใจของเมลานีเริ่มละลายแต่เธอบังคับให้ตัวเองสงบนิ่งต่อไปเมื่อเธอพูดว่า “ขอบคุณสำหรับน้ำใจของคุณนะคะ แต่ฉันขอไม่รับของพวกนี้ดีกว่า เพราะฉันรู้ว่าคุณไม่ได้ให้มันด้วยความเต็มใจ”เจตต์ไม่ต้องการรู้เห็นเกี่ยวกับการทะเลาะของพวกเขา เขาจึงออกไปจากห้องเมื่อวางของเสร็จแล้วอเลฮานโดรพูดนิ่ง ๆ ว่า “ถ้าคุณไม่อยากได้นก็ทิ้งไปสิ เครื่องสำอางพวกนี้ไม่ได้แพงขนาดนั้น พวกเครื่องประดับก็ราคาแค่สองสามแสนดอลลาร์ เพราะฉะนั้นคุณจะทำอะไรกับพวกมันก็แล้วแต่คุณเลย ในเมื่อคุณไม่อยากเห็นหน้าผม ผมกลับวันพรุ่งนี้ก็ได้ นอนเถอะ ผมจะไปอาบน้ำก่อน”เมื่อเมลานีเห็นเขาเดินเข้าไปในห้องน้ำเธอ
ทิฟฟานี่ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติก่อนที่เธอจะพูดจบ เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าสีหน้าของแจ็คสันเยือกเย็น แววตาของเขาเปล่งประกายด้วยความตื่นตระหนก เธอไม่เข้าใจว่าเขาเป็นอะไรไป “เป็นอะไรเหรอ? ทำไมมองฉันแบบนั้นล่ะ?”มันเหมือนกับว่าเขาเปลี่ยนเป็นคนละคนไปเลย แม้แต่น้ำเสียงของเขาก็เยือกเย็น “เขาแต่งงานเพื่อความสะดวกแบบนั้น คุณยังจะเชื่อจริง ๆ เหรอว่าเขาจะมีความรู้สึกให้เมลานี ลาร์คจริง ๆ ? คุณคิดไปเองทั้งหมด ผมบอกคุณแล้วว่าห้ามไปเจอเขา ไม่ว่ามันจะเป็นเพียงเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจยิ่งห้ามแล้วใหญ่ คราวหน้าก็หลีกเลี่ยงเขาซะนะ!”ท่าทีที่เปลี่ยนไปกะทันหันของเขาทำให้ทิฟฟานี่ตกใจกลัว เธอกลืนน้ำลายและไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรแจ็คสันรีบอาบน้ำให้เสร็จและออกไปโดยปล่อยเธอไว้คนเดียวในห้องน้ำ เธอรู้สึกว่างเปล่าทันที ทุกอย่างกำลังไปได้ดีจนกระทั่งเธอพูดถึงอเลฮานโดรและทุกอย่างกลายมาเป็นแบบนี้… แจ็คสันหนีไปที่ห้องทำงานของเขาหลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำเพื่อแอบดูดบุหรี่อย่างต่อเนื่องโดยที่ทิฟฟานี่ไม่รู้ นิ้วที่เขาถือบุหรี่สั่นไม่หยุด เขากลัวเกินกว่าที่จะคิดถึงปฏิกิริยาของทิฟฟานี่เมื่อเธอต้องรู้ว่าจริง ๆ แล้วอเลฮ
ขณะที่เขากำลังหาสวิตช์เปิดไฟบนกำแพงเพื่อที่จะเปิดไฟทิฟฟานี่ก็หยุดเขาเอาไว้ “ไม่! ฉันชอบแบบปิดไฟมากกว่า ฉันอายนิดหน่อยน่ะ”เขารู้ดีว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เธอกลัวว่ารอยแตกของเธอจะทำให้เขาหมดอารมณ์ เขายิ้มและจุ๊บหน้าผากเธอ “ไม่เอาน่า ปกติคุณไม่ขี้อายนี่ ผมไม่ยักรู้ว่าคุณจะอายเป็นด้วยซ้ำ ผมไม่มีวันที่จะหมดอารมณ์กับคุณหรอก คุณได้รอยแตกเหล่านั้นมาเพราะคุณอุ้มท้องลูกของผม พวกมันเป็นรางวัลแห่งเกียรติยศของคุณนะ”ทิฟฟานี่เชื่อคำพูดของเขา เขามีลิ้นที่กะล่อนที่ช่วยให้เขาสามารถถ่ายทอดคำพูดเหล่านั้นอย่างราบรื่นได้จริง ๆแจ็คสันเปิดไฟเมื่อเธอกำลังเหม่อลอยในห้วงความคิดทิฟฟานี่รีบหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวเองทันทีที่ไฟสว่างขึ้น “โธ่ อะไรเนี่ย! ฉันไม่อยากเปิดไฟ ขอเวลาฉันปรับตัวหน่อยสิคะ!”เขายิ้มอย่างมีเลศนัยขณะที่เมินคำบ่นของเธอและคว้าแขนเธอเพื่อหยุดเธอจากการดิ้นหนี…เธอลืมหายใจเมื่อเขาจับคางของเธอ สายตาเธอเริ่มพร่ามัวหมอนใบหนึ่งนอนอยู่บนพื้นหน้าเตียงราวกับว่ามันรับความป่าเถื่อนของพวกเขาไม่ได้...หลังจากที่เสร็จภารกิจแล้ว ทิฟฟานี่ก็ขดตัวในอ้อมแขนของแจ็คสันและวาดวงกลมบนแขนของเขาแจ็คสันจับมือของเธ
”หยุดทำไมล่ะคะ?” แอเรียนถาม “เล่นต่อสิ”“เธอก็มาผลักสิ ไม่อย่างนั้นก็มานั่งกับสมอร์” มาร์คชักชวนแอเรียนเคยตกชิงช้าเมื่อตอนที่เธอยังเด็ก เธอจึงหวาดกลัว “ไม่ ๆ ไม่ คุณเล่นกับเขาเลย เดี๋ยวฉันผลักให้ ขาคุณก็ออกจะยาว คุณน่าจะแกว่งตัวเองได้สบาย ไม่เห็นจะต้องพึ่งฉันเลย แล้วคุณจะขอให้ฉันผลักทำไม?”เขาเลิกคิ้วหนึ่งข้างและตอบว่า “เพื่อที่เธอจะได้มีส่วมร่วมด้วยแทนที่จะยืนเหม่อลอยอยู่ยังไงล่ะ…”มีบางอย่างผิดปกติในคำพูดของเขา…แอเรียนยอมแพ้และเดินไปข้างหลังพวกเขา เธอวางมือบนหลังเขาและออกแรงผลักแอริสโตเติลจะส่งเสียงร้องด้วยความดีใจเป็นครั้งคราว ดูเหมือนว่าแอริสโตเติลไม่ได้มีความสุขได้เฉพาะเวลาที่เล่นกับเจนิซ เพียงแต่ว่าเวลาที่แอเรียนเล่นกับเขาเธอมักจะเล่นแบบนิ่ม ๆ และเงียบ ๆ เพราะเขาคือลูกคนแรกของเธอและมันเป็นครั้งแรกที่เธอต้องเล่นกับเด็กทารก เพราะฉะนั้นยังมีอีกหลายอย่างที่เธอยังต้องเรียนรู้อีก...ในขณะเดียวกันที่ไวท์ วอเตอร์ เบย์ วิลล่าหลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จแจ็คสันก็กำลังล้างจานในห้องครัวตามปกติ ทิฟฟานี่สามารถจ้องเขาในชุดผ้ากันเปื้อนได้ทั้งวัน เธอไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากยืนพิงกำแพงในห้
หลังจากนั้นไม่นาน อเลฮานโดรและเจตต์ก็เดินออกมาจากห้างสรรพสินค้าและขึ้นรถไปอเลฮานโดรจ้องกองสินค้าสำหรับผู้หญิงข้าง ๆ เขา ระหว่างคิ้วของเขาแอบมีร่องรอยของความไม่พอใจเจตต์มองเขาผ่านกระจกมองหลัง “ท่านครับ อย่าปล่อยให้เรื่องอื่นเบี่ยงเบนความตั้งใจของท่านเลยครับ ท่านตัดสินใจที่จะไปเยี่ยมนายหญิงที่อายาเช่แล้ว” เขาเตือนเบา ๆ “ดอน สมิธจะไม่มีวันมอบสมบัติของตระกูลสมิธให้ท่านถ้าท่านลงมือในตอนนี้”อเลฮานโดรมองออกไปนอกหน้าต่างและตอบอย่างใจเย็นว่า “รู้แล้ว”เขาคงจะไม่ได้ออกมาซื้อของในวันนี้หากดอน สมิธไม่ได้กดดันเขา เขายังต้องเหนื่อยซื้อของมากมายให้เมลานีอีกด้วย เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอแอเรียนและทิฟฟานี่ที่นี่เหมือนกัน ดูจากสีหน้าของแอเรียนแล้ว มาร์คคงจะบอกเธอทุกอย่างแล้วเขาได้ต้นไม้นั้นมาจากคนอื่นอีกที มันเป็นสายพันธุ์ที่หายากจากนาฟาเอธ เขาต้องลำบากอย่างมากเพื่อที่จะนำมันกลับเข้ามาในประเทศ และไม่มีใครรู้เลยว่ามันจะออกดอกเมื่อไหร่ ถ้ามันได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถัน มันคงจะออกดอกในไม่ช้า ตอนแรกเขาตั้งใจว่าเขาจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขากับทิฟฟานี่เมื่อต้นไม้นั้นออกดอก แต่น่าเสียดายที่การเปลี่ย
หลังจากที่คุยกันนานพอสมควร ในที่สุดทิฟฟานี่ก็จำได้ว่าเธอมาที่นี่เพื่อซื้อเครื่องสำอางกับแอเรียน เธอหันไปหาแอเรียนและพบกับสีหน้าที่แปลกไปบนใบหน้าของแอเรียน “แอริ เป็นอะไรเหรอ?” เธอถามด้วยความสงสัย “ทำไมดึงหน้าแบบนั้นล่ะ? เธอโอเครึเปล่า?”แอเรียนหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะตอบว่า “ไม่ ฉันรู้สึกเหนื่อย ๆ นิดหน่อย ฉันไม่อยากช้อปปิ้งแล้ว ไปกันเถอะ”ทิฟฟานี่เอื้อมมือไปจับหน้าผากของแอเรียน “เพราะโรคเลือดจางของเธอรึเปล่า? เธอดูซูบ ๆ นะ ไว้ฉันจะบอกให้มาร์คขุนเธอให้อ้วน แต่ไหน ๆ เราก็มาถึงที่นี่แล้ว ทำไมไม่ซื้อของของเธอเลยล่ะ? เหลือแค่ต้องจ่ายเงินเอง ไม่นานขนาดนั้นหรอก ไปนั่งก่อนไหม? เดี๋ยวฉันจ่ายให้”อเลฮานโดรหันมามองแอเรียน แววตาของเขาแฝงไปด้วยการยั่ยยุ ทั้งคู่ต่างตระหนักถึงสถานการณ์ในตอนนี้ดีแอเรียนกลบเกลื่อนความโกรธของเธอและหาม้านั่ง เธอหวังเพียงว่าทิฟฟานี่จะเร่งรีบซื้อเครื่องสำอางเพื่อที่พวกเธอจะได้รีบออกไปจากที่นี่ ทุก ๆ วินาทีที่อยู่กับอเลฮานโดรถือเป็นความเสี่ยง“ทิฟฟานี่ ต้นไม้ที่ผมให้คุณออกดอกหรือยังครับ?” อเลฮานโดรจงใจถามถึงต้นไม้ในกระถาง ทิฟฟานี่ยื่นบัตรเครดิตของเธอให้พนักงานคิดเง