ทิฟฟานี่ทึ่งเล็กน้อยเมื่อพวกเขามาถึงที่บ้านของครอบครัวเวสต์ ในเมืองหลวงบ้านแบบนี้ต้องมีราคาไม่น้อยแน่นอน ทุกรายละเอียดของมันแสดงถึงร่องรอยของประวัติศาสตร์ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่มีค่ามากจนไม่สามารถระบุมูลค่าได้ เธออดไม่ได้ที่จะหยุดและชื่นชมต้นไม้อายุกว่าร้อยปีในสวน เพียงต้นไม้นี้ต้นเดียวก็ราคาสูงแล้ว“คุณสามารถมาได้บ่อย ๆ เท่าที่คุณต้องการเลยนะ” แจ็คสันแซวอย่างติดตลก“อ่ะจ้า” ทิฟฟานี่กลอกตาใส่เขาและย่ำเข้าบ้านด้วยรองเท้าส้นสูงของเธอราวกับว่าเธอไม่มีมารยาทเลย นี้เป็นแผนของเธอ -- ยิ่งคุณหญิงเวสต์ไม่ชอบเธอมากเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้นซัมเมอร์ เวสต์ นั่งดื่มชาอยู่ในห้องนั่งเล่นตอนที่พวกเขาเดินเข้ามา เธออุ้มพุดเดิ้ลสีเทาอ่อนไว้ในอ้อมแขน เมื่อเธอเห็นทิฟฟานี่เธอพูดด้วยสีหน้าที่กึ่งยิ้ม “เธอคนนี้แรงไม่เบาเลยนะ แต่ก็ดีแล้ว ดีกว่าแสร้งทำเป็นดอกไม้ที่บอบบาง”ในหัวของทิฟฟานี่สับสนไปหมด ด้วยไอคิวของเธอ เธอไม่สามารถบอกได้ว่าคุณหญิงเวสต์กำลังประชดประชันหรือพูดด้วยความจริงใจ เธอเดินไปที่โซฟาตรงข้ามคุณหญิงเวสต์และนั่งลง “น้องหมาสวยงามจังเลยนะคะคุณเวสต์ คุณคงใช้ความพยายามอย่างมากในการบำรุงรักษามัน”
ที่โต๊ะกินข้าว ทิฟฟานี่ยกขาข้างนึงและวางมันไว้บนเก้าอี้ของตนเองด้วยความตั้งใจ เธอเคี้ยวอย่างเสียงดังและทำเสียงแจ๊บ ๆ ด้วยปากของเธอระหว่างที่รับประทานอาหาร และทุกครั้งที่เธอจะตักอาหารมาไว้บนจานตัวเองเธอจะเขยิบเข้าใกล้คุณหญิงเวส์ตให้มากที่สุดเพื่อรบกวนเขาหรือเธอแม้กระทั่งลุกขึ้นยืนเพื่อเอื้อมให้ถึงภาชนะที่ใส่อาหารไว้ เธอทำผิดต่อมารยาทบนโต๊ะอาหารทุกข้อที่ครอบครัวชนชั้นสูงเกลียด ทุกครั้งที่เธอเห็นว่าคุณหญิงเวสต์มองเธอ เธอจะฉีกยิ้มโง่ ๆ ด้วยความเสแสร้งสิบนาทีผ่านไป สีหน้าของคุณหญิงเวสต์หมองลง เธอกระแทกช้อนส้อมของเธอลงบนโต๊ะอาหาร ทิฟฟานี่ตกใจจนไม่กล้าที่จะทำอะไรต่อ เธอเอาขาตนเองลงจากเก้าอี้ด้วยความเกรงกลัว“แจ็คสัน เวสต์ ลูกยังมีชีวิตอยู่ ยังมีลมหายใจอยู่ ทำไมไม่ช่วยหนูทิฟฟ์ตักอาหารใส่จานของเธอ? ความสูงของลูกไร้ประโยชน์ไปแล้วหรอ? ไม่เห็นหรอว่าเธอสูงไม่พอที่จะเอื้อมถึงอาหาร?”ทิฟฟานี่ตะลึง“ครับ ผมจะจำเอาไว้” แจ็คสันตอบ “แม่ทานอาหารไปเถอะ ผมจะดูแลเธอเอง พอใจไหม?”คุณหญิงเวสต์พอใจจึงหยิบช้อนส้อมตัวเองขึ้นมาและรับประทานอาหารต่อ เมื่อเธอสังเกตเห็นว่าทิฟฟานี่ได้นำขาตนเองลงจากเก้าอี้คุณหญิงเ
แอเรียนตอบด้วยฮึดฮัดตอบก่อนจะหันกลับและกลับไปที่ห้องของเธอ อย่างไรก็ตาม เธอลงเอยด้วยการพลิกตัวไปมาและไม่สามารถนอนหลับได้สามชั่วโมงผ่านไป รถของไบรอันกลับมาที่คฤหาสน์ เทรมอนต์ แอเรียนเช็คดูปฏิทิน -- วันนี้เป็นวันศุกร์ พรุ่งนี้ทิฟฟานี่ไม่ต้องไปทำงาน แอเรียนจึงส่งข้อความไปหาเธอ : ฉันได้ข่าวจากไบรอันและลุงเฮนรี่ว่าเขาฟื้นแล้ว เธอสะดวกที่จะขับรถไปส่งฉันที่นั่นไหม? ขอโทษที่ต้องรบกวนยามดึกแบบนี้ทิฟฟานี่ตอบกลับมาเร็วมาก : ทำไมเธอถึงถ่อมตัวกับฉันจัง? ฉันจะไปเดี๋ยวนี้เลย รอฉันที่นนั่นแหละแอเรียนตอบกลับด้วยอีโมจิรูปยิ้มก่อนที่จะลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอไม่อยากให้ไบรอันหรือลุงเฮนรี่ไปส่งเพราะตอนที่เธอรู้ว่ามาร์คฟื้นแล้วเธอได้แสดงท่าทางราวกับว่าเธอไม่ได้สนใจ และการที่จะรบกวนลุงเฮนรี่หรือไบรอันให้ไปส่งเธอยามดึกดื่นป่านนี้ก็ดูจะไม่เหมาะสม จิตใต้สำนึกของเธอปฏิเสธที่จะยอมรับว่าเธออยากไปโรงพยาบาลมากแค่ไหนในขณะนี้เธอดูเหมือนเป็นคนที่มีความต้องการตรงกันข้ามกับจิตใต้สำนึกของเธอ ที่สำคัญที่สุดคือเธออยากเจอมาร์ค แต่ไม่อยากเลือกช่วงเวลาที่เขาน่าจะตื่นอยู่เพราะเธอรู้สึกว่าบรรยากาศมันน่าจะอึดอัดระหว่า
แอเรียนตื่นตระหนกทันทีและปฏิเสธด้วยพลังทั้งหมดที่เธอมี “ฉันไม่ได้ร้อง! ฉันแค่… กลัว ตอนนั้นคุณอยู่ในห้อง ICU และดูเหมือนคุณตายไปแล้ว… ฉันไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน ตอนนั้นฉันรู้สึกกลัวมาก…”เขายิ้มเย้ย “อ๋อ… เข้าใจแล้ว”เธออยากผ่อนคลายเธอจึงนึกหาหัวข้อในการสนทนาและถามว่า “คุณประสบอุบัติเหตุได้อย่างไร?”เขาตั้งใจที่จะไม่ลงรายละเอียดกับเธอเพราะว่าการที่จะบอกเธอไม่ได้มีประโยชน์อะไรอยู่ดี มันจะทำให้เธอเป็นกังวลมากเปล่า ๆ เขาไม่เคยชอบทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่อยู่แล้ว“อย่าถาม รู้ไปก็เท่านั้น” แล้วเขาก็พูดต่อ “ข้อมูลจากเฮเลนนั้นเป็นประโยชน์มาก เขาคงอยากจะช่วยฉันจริง ๆ ไม่ใช่อย่างที่เธอคิด อุบัติเหตุฉันไม่เกี่ยวอะไรกับเขา บางทีทุกสิ่งที่เขาทำในอดีตอาจเกิดจากความทุ่มเทอย่างสุดหัวใจของเขาที่มีต่อพวกคินซีย์ อย่างไรก็ตาม เขาทำทั้งหมดก็เพื่อเธอ อีกอย่าง การที่ทำร้ายฉันจะไม่ส่งผลประโยชน์อะไรต่อเขาแน่ ๆ”เมื่อพูดถึงเรื่องเฮเลน แอเรียนจึงไม่อยากพูดอะไรมากนัก “อืม”“ระหว่างฉันกับแอรี่ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น” อยู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนเรื่องคุยแอเรียนถึงกับผงะ การที่ต้องพูดถึงเรื่องพวกนี้ยังคงทำใ
รถคันนึงวิ่งผ่านหน้าต่างไปด้วยความเร็วสูง เสียงของยางบนถนนดังแสบหู เสียงของมันดังขึ้นอย่างกะทันหันซึ่งขัดแย้งกันกับความเงียบในรถของพวกเขาอย่างสิ้นเชิงแอเรียนไม่ได้ตอบอะไร แต่การไม่ตอบของเธอก็เป็นคำตอบในตัวของมันเอง“บัดซบ!” ทิฟฟานี่อุทาน “ฉันน่าจะรู้! ทีนี้ฉันก็เข้าใจละว่าทำไมเธอถึงไม่อาจตกหลุมรักผู้ชายที่หล่อเหล่าและรวยแบบมาร์คได้ เธอนะเหมือนลูกแกะตัวน้อยที่ไร้พิษภัยและเดียงสา แต่เขาเหมือนหมาป่าที่จะกัดแทะกินเธอได้ทุกเมื่อที่เขาไม่พอใจ แต่อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังกตัญญูต่อเขาเพราะเขาเลี้ยงเธอมา!”แอเรียนดูค่อนข้างสงบเมื่อเทียบกับความขุ่นเคืองโดยชอบธรรมของทิฟฟานี่ “มันไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่เธอคิด ฉันไม่ได้รักเขา ; สิ่งเดียวที่ฉันไม่ชอบในความสัมพันธ์ของเขาและแอรี่ก็คือตัวตนของเธอ เรื่องกิจการนอกสมรสของเขาฉันไม่ได้สนใจหรอก ฉันยอมรับว่าฉันก็เจ็บนะพอรู้ว่าเขาช่วยแอรี่ปกปิดความจริง แต่ฉัน… เกลียดเขาไม่ลง”“เธอรู้ไหม หลังจากที่ฉันโดนจับได้ว่านอนอยู่บนเตียงกับวิล เขาบอกฉันว่าเขาเคยรักฉัน… ฉันทรยศผู้ชายคนนึงที่ผู้หญิงคนอื่นไม่กล้าทำให้ผิดหวัง เพราะฉะนั้นถ้าจะปล่อยให้เขาทำให้ฉันเจ็บบางก็คงจะไม่
ทิฟฟานี่มาถึงโดยรถแท็กซี่ แอเรียนตั้งใจว่าจะให้ทิฟฟานี่เอารถในโรงจอดรถมาขับสักคัน แต่ลุงเฮนรี่หายไปไหนก็ไม่รู้ เธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องสุ่มเลือกกุญแจมาจากลิ้นชักในห้องของเฮนรี่ เธอถือซุปไก่ท่ามกลางแดดร้อนระหว่างที่รอให้ทิฟฟานี่ขับรถออกมาจากโรงจอดรถ ทันใดนั้น เธอก็เห็นรถสปอร์ตสีเงินขับออกมาอย่างระยิบระยับท่ามแสงแดด โดยรวมแล้วมันดูน่าทึ่งมากเธอตะลึง มันคือรถสปอร์ตแบบสองที่นั่ง ความประทับใจแรกของเธอคือความเท่ห์ของมัน การได้ขับรถคันนี้ออกไปจะต้องยอดเยี่ยมที่สุด!ทิฟฟานี่เหงื่อตกด้วยความตื่นเต้น “แอริ เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันขับคันนี้ไปส่งซุปไก่กับเธอ? ถ้ามาร์ครู้เข้าเขาจะฆ่าเธอไหม?”แอเรียนเองไม่ได้เรื่องมากเรื่องรถอยู่แล้ว ขอให้มันขับได้ก็พอ เธอจึงขึ้นรถโดยไม่ลังเล “ไม่เป็นไรหรอก ขับ ๆ ไปเถอะ เขาอาจจะบีบคอฉัน แต่ไม่ใช่คอเธอ อีกอย่าง เราเอาซุปนี้ไปให้เขา เราไม่ได้ไปไกลสะหน่อย รถคันนี้… แพงเหรอ?”ทิฟฟานี่พยักหน้าเหมือนไก่ที่กำลังจิกเม็ดข้าว ดวงตาสีอัลมอนด์ของเธอเปล่งประกายแวววาวเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความสุข “ถูกต้อง ราคาไม่เบา ไม่เบาเลยแหละ มันเป็นรถที่ไม่สามารถหาเจอที่ไหนได
แอเรียนอยู่ในห้างสรรพสินค้าและกำลังเลือกเสื้อผ้าของทารกแรกเกิดที่แผนกแม่และเด็ก ชุดเล็ก ๆ ทุกตัวดูน่ารักมาก เธอแทบจะมุ่งความสนใจไปที่เสื้อผ้าเด็กสีชมพูตัวเล็ก ๆ โดยสัญชาตญาณเพราะสิ่งที่แมรี่พูดก่อนหน้านี้เกี่ยวกับการที่เธอมีแนวโน้มที่จะท้องเด็กผู้หญิง ยิ่งมองเธอก็ยิ่งปฏิเสธพวกมันไม่ลง เธอถูกล่อลวงมากจนเกือบจะซื้อสินค้าทั้งร้านทิฟฟานี่เอื้อมมือมาลูบท้องของแอเรียน “จึ ๆ ลูกเธอยังไม่เกิดด้วยซ้ำแต่เธอกลับดูเหมือนคุณแม่คนนึงไปแล้ว ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าอีกไม่นานเธอก็ได้เป็นแม่คน เวลาผ่านไปไวเสียจริง ถ้าเป็นฉันนะ เธอจะไม่ต้องออกมาเดินเหนื่อยซื้อของแบบนี้หรอก ทำไมไม่รอให้มาร์คออกจากโรงพยาบาลก่อน? เขาจะได้มากับเธอ การมีส่วนร่วมของเขาไม่อาจทำได้จากห้องส่วนตัวเขานะ นั่นจะเป็นการปล่อยอิสระให้เขาง่ายเกินไป”คำพูดของเธอทำให้แอเรียนตะลึงจนแอเรียนเขินหน้าแดง แอเรียนรีบเอามือปิดปากทิฟฟานี่ “หยุดเลย อย่าพูดตามใจปากตัวเองแบบนี้ตลอดสิ เธอคิดหรอว่าคนอย่างเขาจะมาที่แบบนี้เพราะต้องซื้อเสื้อผ้าเด็ก? ฉันยังไม่กล้าแม้แต่จะฝันถึงวันนั้นเลย”ทิฟฟานี่นึกภาพมาร์คที่มีสีหน้าของคนเป็นพ่อที่รักลูกตนเองยืนเลือกเส
ผู้หญิงในชุดแดงตะลึง เธอยืนอยู่ข้างหลังอีธานด้วยความกลัวเกินที่จะพูดอะไร เธอเป็นเพียงแค่เลขาและสร้อยเส้นนั้นควรจะเป็นของลูกค้าผู้หญิงคนนึงทิฟฟานี่ไม่ได้คาดหวังให้เอธานมาซื้อของแบบนี้ให้เธอ เธอหัวเราะเยาะ “ฉันกินไข่ม้วนที่คุณซื้อให้คราวที่แล้วแล้ว ลืมสร้อยเส้นนี้ไปซะ ฉันไม่มีปัญญาซื้อมันหรอก และแน่นอนว่าฉันจะไม่ยอมให้คุณซื้อให้หรอก”แอเรียนดึงบัตรเครดิตแบล็กการ์ดออกมาจากกระเป๋าของเธอ “รูดบัตรฉันเลย ฉันซื้อเอง”อีธานยืนยัดที่จะใช้บัตรตนเอง โดยไม่ได้รับผลกระทบอย่างสิ้นเชิงกับคำปฏิเสธและคำพูดที่เย็นชาของทิฟฟานี่เขาชี้ไปที่สร้อยคออีกเส้นในขณะที่เขารูดการ์ด “ห่อเส้นโน้นให้ผมด้วย”ทิฟฟานี่ดูเหมือนจะอารมณ์เสียไปหมด เธอโยนสร้อยคอที่ห่อไว้ลงพื้น “อีธาน นี่คุณพยายามจะแสดงความเหนือกว่าของคุณให้ฉันเห็นหรือเปล่า? คุณคิดว่าเรื่องนี้สนุกมากหรอ? มันเป็นเพราะฉันเคยใช้เงินเพื่อซื้อของให้คุณใช่ไหม? คุณคิดว่านั้นเป็นการดูถูกคุณใช่ไหม? ตอนนี้คุณเลยต้องการจะเอาคืนถูกไหม?”อีธานเม้มริมฝีปากและจ้องไปที่เธอ “ฉันเปล่า เธอคิดมากไป เธอชอบมัน ฉันจึงมอบให้เธอ เรื่องมันก็มีแค่นี้”ความรู้สึกอัปยศอดสูนั้นยังค
แน่นอนว่าแอเรียนจะไม่กล้าอุ้มเพลโตอีกเนื่องจากเธอกลัวว่าลูกชายของเธอจะอิจฉาเมื่อแอเรียนบอกให้ทิฟฟานี่ตั้งชื่อเล่นให้เพลโต ทิฟฟานี่ก็ส่ายหัว “ผู้ชายจำเป็นต้องมีชื่อเล่นด้วยเหรอ? ถ้าสมอร์โตไปเป็นหนุ่มหล่อ มันจะไม่ตลกเหรอถ้าเราจะเรียกเขาว่าสมอร์? พวกสาว ๆ ที่ชอบเขาจะต้องหัวเราะจนน้ำตาไหลแน่นอน ชื่อเล่นจะน่ารักแค่ตอนที่ยังเด็กเท่านั้นแหละ”แอเรียนเบะปาก “เธอแค่ขี้เกียจที่จะคิดชื่อ ถูกไหม? เธอเลยอ้างเหตุผลทั้งหมดนี้ ชื่อเล่นเขาก็มีไว้เรียกเฉพาะตอนที่ยังเด็กเท่านั้นแหละ ใครเขาจะเรียกชื่อเล่นกันตอนโตล่ะ?”เมื่อพวกเธอกำลังคุยกันอยู่ อยู่ ๆ แจ็คสันก็โทรมา “คุณขับรถไปหาแอเรียนกับเพลโตคนเดียวเลยเหรอ? คุณไม่รู้จักฝีมือการขับรถตัวเองเลยเหรอ? ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะทำยังไง? คุณน่าจะขอให้คนขับรถของแม่ไปส่งคุณแทน”ทิฟฟานี่หงุดหงิดมาก “นี่คุณคงอยากให้อะไรเกิดขึ้นกับฉันมากสินะ? ฉันมาถึงแล้ว แค่นั้นยังไม่ดีพออีกเหรอ? ฉันแค่ถอยรถไม่เก่งแค่นั้นเอง ถ้าฉันขับเดินหน้าอย่างเดียวจะมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นได้บ้าง? คุณทำงานของคุณต่อไปเถอะค่ะ”ทิฟฟานี่อาจจะหงุดหงิด แต่จริง ๆ แล้วเธอก็แอบดีใจ อารมณ์ของเธอชัดเจนมากแม้ก
เมื่อเมลานีทานอาหารเสร็จและพวกเขาออกจากบ้าน อเลฮานโดรก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันทีที่พวกเขาขึ้นรถเมลานีเห็นดังนั้นจึงถามเขาว่า “โล่งอกใช่ไหมล่ะ? ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้องมา แต่คุณไม่ฟังฉันเอง ฉันเองยังเบื่อพ่อแม่ตัวเองเลย”อเลฮานโดรเงียบโดยไม่ตอบอะไร เขาตื่นเช้ามากและยังคงง่วงนอนอยู่ เขาจึงหลับตาลงและพักสายตาเมลานีเริ่มไม่สบายใจ อเลฮานโดรรู้เรื่องที่เธอแอบติดต่อกับทิฟฟานี่หรือเปล่า? เขาน่าจะ… ไม่รู้เรื่องหรอก ถูกไหม? ไม่อย่างนั้นเขาน่าจะโวยวายไปแล้วแทนที่จะนิ่งสงบแบบนี้ เธอเลยคิดว่าเธอน่าจะบอกเขาก่อนที่เขาจะรู้ด้วยตนเองหลังจากที่ลังเลอยู่ชั่วครู่เธอก็พูดว่า “ฉันติดต่อกับทิฟฟานี่อยู่”ร่างกายของอเลฮานโดรแข็งทื่อโดยไม่รู้ตัว “แล้ว?”เธอคิดถูกแล้วจริง ๆ อเลฮานโดรจะมีปฏิกิริยาก็ต่อเมื่อมันเป็นเรื่องของทิฟฟานี่ แต่นอกจากนั้นเขาจะเมินทุกคำพูดของเธอ เมลานีแอบไม่พอใจ แต่ไม่แสดงให้เขาเห็น “คุณไม่โกรธเหรอ?”อเลฮานโดรลืมตาและมองหน้าเธอ “ทำไมผมจะต้องโกรธด้วย? ยังไงคุณก็ไม่ทำอะไรเธออยู่แล้ว”เมลานีพูดไม่ออก เขามั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอว่าเธอจะไม่ทำอะไรทิฟฟานี่? เธอคิดมาเสมอว่าเธอไม่รู้จักอเลฮานโด
อเลฮานโดรรู้ตัวดีว่ามันเป็นเพียงความคิดตามสัญชาตญาณผู้ชายของเขาและไม่มีสิ่งอื่นใดหลังจากนั้นไม่นานหนังตาของเมลานีก็เริ่มหนัก อาจจะเป็นเพราะความเงียบสนิทที่เปรียบดั่งเพลงกล่อมนอนอย่างดี บวกกับครรภ์ของเธอที่ทำให้เธอง่วงเหนื่อยง่ายขึ้น ตอนแรกเธอคิดว่าเธอจะไม่สามารถนอนหลับได้เพราะอเลฮานโดรด้วยซ้ำ…ขณะที่เธอกำลังหาพลิกตัวหาท่านอนที่สบายด้วยความงัวเงีย อยู่ ๆ อเลฮานโดรก็พูดขึ้นมาว่า “หยุดขยับไปขยับมาสักที”เมลานีที่กำลังจะผล็อยหลับตื่นทันทีที่ได้ยินเสียงของเขาที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน เธอเริ่มรู้สึกรำคาญและเหวี่ยงใส่เขา “นี่มันบ้านของฉันและเตียงของฉัน ทำไมฉันจะขยับตัวไม่ได้? นี่คุณอย่าหาเรื่องโดยไม่มีเหตุผลได้ไหม?”เธอไม่ทันรู้ตัวว่าเธอเผลอไปโดนขาของเขาขณะที่เธอพลิกตัวไปมา ทันใดนั้นอเลฮานโดรก็ขึ้นคร่อมเธอโดยที่แขนแต่ละข้างของเขาอยู่ข้างตัวเธอเมลานีตกใจและหันหน้าหนีทันที “คุณจะทำอะไร? ลงไปเลยนะ!”กำปั้นของเธอเล็กมาก มันไม่เพียงแต่ไม่สามารถทำให้อเลฮานโดรเจ็บได้ แต่การกระทำของเธอยังทำให้เขามีอารมณ์มากขึ้นอีกด้วย “ผมบอกให้คุณเลิกขยับไง คุณจะไม่ฟังผมใช่ไหม?”เมลานีไม่กล้าที่จะขยับตัวอีกและ
ในความเป็นจริงแล้วอเลฮานโดรกลับรู้สึกสบายใจโดยไม่รู้เหตุผลเมื่อเข้ามาในห้องของเธอ “คุณสบายดีไหม?”เมลานีตะลึงเล็กน้อย “ฉันบอกคุณแล้วว่าคุณไม่ต้องแสดงหรอก ที่นี่ไม่มีใครสักหน่อย แล้วคุณจะแกล้งทำทำไม? ฉันไม่ฟ้องคุณปู่หรอก เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้คุณกลับไปเลยก็ได้ ฉันอยู่ที่นี่แล้วสบายดี”อเลฮานโดรไม่สนใจสิ่งที่เมลานนีพูดและเรียกหาเจตต์ผู้ซึ่งนำทุกอย่างที่อเลฮานโดรได้ซื้อให้เธอเข้ามาให้ โต๊ะเครื่องแป้งของเธอเต็มไปด้วยข้าวของมากมายในไม่ช้าหัวใจของเมลานีเริ่มละลายแต่เธอบังคับให้ตัวเองสงบนิ่งต่อไปเมื่อเธอพูดว่า “ขอบคุณสำหรับน้ำใจของคุณนะคะ แต่ฉันขอไม่รับของพวกนี้ดีกว่า เพราะฉันรู้ว่าคุณไม่ได้ให้มันด้วยความเต็มใจ”เจตต์ไม่ต้องการรู้เห็นเกี่ยวกับการทะเลาะของพวกเขา เขาจึงออกไปจากห้องเมื่อวางของเสร็จแล้วอเลฮานโดรพูดนิ่ง ๆ ว่า “ถ้าคุณไม่อยากได้นก็ทิ้งไปสิ เครื่องสำอางพวกนี้ไม่ได้แพงขนาดนั้น พวกเครื่องประดับก็ราคาแค่สองสามแสนดอลลาร์ เพราะฉะนั้นคุณจะทำอะไรกับพวกมันก็แล้วแต่คุณเลย ในเมื่อคุณไม่อยากเห็นหน้าผม ผมกลับวันพรุ่งนี้ก็ได้ นอนเถอะ ผมจะไปอาบน้ำก่อน”เมื่อเมลานีเห็นเขาเดินเข้าไปในห้องน้ำเธอ
ทิฟฟานี่ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติก่อนที่เธอจะพูดจบ เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าสีหน้าของแจ็คสันเยือกเย็น แววตาของเขาเปล่งประกายด้วยความตื่นตระหนก เธอไม่เข้าใจว่าเขาเป็นอะไรไป “เป็นอะไรเหรอ? ทำไมมองฉันแบบนั้นล่ะ?”มันเหมือนกับว่าเขาเปลี่ยนเป็นคนละคนไปเลย แม้แต่น้ำเสียงของเขาก็เยือกเย็น “เขาแต่งงานเพื่อความสะดวกแบบนั้น คุณยังจะเชื่อจริง ๆ เหรอว่าเขาจะมีความรู้สึกให้เมลานี ลาร์คจริง ๆ ? คุณคิดไปเองทั้งหมด ผมบอกคุณแล้วว่าห้ามไปเจอเขา ไม่ว่ามันจะเป็นเพียงเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจยิ่งห้ามแล้วใหญ่ คราวหน้าก็หลีกเลี่ยงเขาซะนะ!”ท่าทีที่เปลี่ยนไปกะทันหันของเขาทำให้ทิฟฟานี่ตกใจกลัว เธอกลืนน้ำลายและไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรแจ็คสันรีบอาบน้ำให้เสร็จและออกไปโดยปล่อยเธอไว้คนเดียวในห้องน้ำ เธอรู้สึกว่างเปล่าทันที ทุกอย่างกำลังไปได้ดีจนกระทั่งเธอพูดถึงอเลฮานโดรและทุกอย่างกลายมาเป็นแบบนี้… แจ็คสันหนีไปที่ห้องทำงานของเขาหลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำเพื่อแอบดูดบุหรี่อย่างต่อเนื่องโดยที่ทิฟฟานี่ไม่รู้ นิ้วที่เขาถือบุหรี่สั่นไม่หยุด เขากลัวเกินกว่าที่จะคิดถึงปฏิกิริยาของทิฟฟานี่เมื่อเธอต้องรู้ว่าจริง ๆ แล้วอเลฮ
ขณะที่เขากำลังหาสวิตช์เปิดไฟบนกำแพงเพื่อที่จะเปิดไฟทิฟฟานี่ก็หยุดเขาเอาไว้ “ไม่! ฉันชอบแบบปิดไฟมากกว่า ฉันอายนิดหน่อยน่ะ”เขารู้ดีว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เธอกลัวว่ารอยแตกของเธอจะทำให้เขาหมดอารมณ์ เขายิ้มและจุ๊บหน้าผากเธอ “ไม่เอาน่า ปกติคุณไม่ขี้อายนี่ ผมไม่ยักรู้ว่าคุณจะอายเป็นด้วยซ้ำ ผมไม่มีวันที่จะหมดอารมณ์กับคุณหรอก คุณได้รอยแตกเหล่านั้นมาเพราะคุณอุ้มท้องลูกของผม พวกมันเป็นรางวัลแห่งเกียรติยศของคุณนะ”ทิฟฟานี่เชื่อคำพูดของเขา เขามีลิ้นที่กะล่อนที่ช่วยให้เขาสามารถถ่ายทอดคำพูดเหล่านั้นอย่างราบรื่นได้จริง ๆแจ็คสันเปิดไฟเมื่อเธอกำลังเหม่อลอยในห้วงความคิดทิฟฟานี่รีบหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวเองทันทีที่ไฟสว่างขึ้น “โธ่ อะไรเนี่ย! ฉันไม่อยากเปิดไฟ ขอเวลาฉันปรับตัวหน่อยสิคะ!”เขายิ้มอย่างมีเลศนัยขณะที่เมินคำบ่นของเธอและคว้าแขนเธอเพื่อหยุดเธอจากการดิ้นหนี…เธอลืมหายใจเมื่อเขาจับคางของเธอ สายตาเธอเริ่มพร่ามัวหมอนใบหนึ่งนอนอยู่บนพื้นหน้าเตียงราวกับว่ามันรับความป่าเถื่อนของพวกเขาไม่ได้...หลังจากที่เสร็จภารกิจแล้ว ทิฟฟานี่ก็ขดตัวในอ้อมแขนของแจ็คสันและวาดวงกลมบนแขนของเขาแจ็คสันจับมือของเธ
”หยุดทำไมล่ะคะ?” แอเรียนถาม “เล่นต่อสิ”“เธอก็มาผลักสิ ไม่อย่างนั้นก็มานั่งกับสมอร์” มาร์คชักชวนแอเรียนเคยตกชิงช้าเมื่อตอนที่เธอยังเด็ก เธอจึงหวาดกลัว “ไม่ ๆ ไม่ คุณเล่นกับเขาเลย เดี๋ยวฉันผลักให้ ขาคุณก็ออกจะยาว คุณน่าจะแกว่งตัวเองได้สบาย ไม่เห็นจะต้องพึ่งฉันเลย แล้วคุณจะขอให้ฉันผลักทำไม?”เขาเลิกคิ้วหนึ่งข้างและตอบว่า “เพื่อที่เธอจะได้มีส่วมร่วมด้วยแทนที่จะยืนเหม่อลอยอยู่ยังไงล่ะ…”มีบางอย่างผิดปกติในคำพูดของเขา…แอเรียนยอมแพ้และเดินไปข้างหลังพวกเขา เธอวางมือบนหลังเขาและออกแรงผลักแอริสโตเติลจะส่งเสียงร้องด้วยความดีใจเป็นครั้งคราว ดูเหมือนว่าแอริสโตเติลไม่ได้มีความสุขได้เฉพาะเวลาที่เล่นกับเจนิซ เพียงแต่ว่าเวลาที่แอเรียนเล่นกับเขาเธอมักจะเล่นแบบนิ่ม ๆ และเงียบ ๆ เพราะเขาคือลูกคนแรกของเธอและมันเป็นครั้งแรกที่เธอต้องเล่นกับเด็กทารก เพราะฉะนั้นยังมีอีกหลายอย่างที่เธอยังต้องเรียนรู้อีก...ในขณะเดียวกันที่ไวท์ วอเตอร์ เบย์ วิลล่าหลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จแจ็คสันก็กำลังล้างจานในห้องครัวตามปกติ ทิฟฟานี่สามารถจ้องเขาในชุดผ้ากันเปื้อนได้ทั้งวัน เธอไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากยืนพิงกำแพงในห้
หลังจากนั้นไม่นาน อเลฮานโดรและเจตต์ก็เดินออกมาจากห้างสรรพสินค้าและขึ้นรถไปอเลฮานโดรจ้องกองสินค้าสำหรับผู้หญิงข้าง ๆ เขา ระหว่างคิ้วของเขาแอบมีร่องรอยของความไม่พอใจเจตต์มองเขาผ่านกระจกมองหลัง “ท่านครับ อย่าปล่อยให้เรื่องอื่นเบี่ยงเบนความตั้งใจของท่านเลยครับ ท่านตัดสินใจที่จะไปเยี่ยมนายหญิงที่อายาเช่แล้ว” เขาเตือนเบา ๆ “ดอน สมิธจะไม่มีวันมอบสมบัติของตระกูลสมิธให้ท่านถ้าท่านลงมือในตอนนี้”อเลฮานโดรมองออกไปนอกหน้าต่างและตอบอย่างใจเย็นว่า “รู้แล้ว”เขาคงจะไม่ได้ออกมาซื้อของในวันนี้หากดอน สมิธไม่ได้กดดันเขา เขายังต้องเหนื่อยซื้อของมากมายให้เมลานีอีกด้วย เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอแอเรียนและทิฟฟานี่ที่นี่เหมือนกัน ดูจากสีหน้าของแอเรียนแล้ว มาร์คคงจะบอกเธอทุกอย่างแล้วเขาได้ต้นไม้นั้นมาจากคนอื่นอีกที มันเป็นสายพันธุ์ที่หายากจากนาฟาเอธ เขาต้องลำบากอย่างมากเพื่อที่จะนำมันกลับเข้ามาในประเทศ และไม่มีใครรู้เลยว่ามันจะออกดอกเมื่อไหร่ ถ้ามันได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถัน มันคงจะออกดอกในไม่ช้า ตอนแรกเขาตั้งใจว่าเขาจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขากับทิฟฟานี่เมื่อต้นไม้นั้นออกดอก แต่น่าเสียดายที่การเปลี่ย
หลังจากที่คุยกันนานพอสมควร ในที่สุดทิฟฟานี่ก็จำได้ว่าเธอมาที่นี่เพื่อซื้อเครื่องสำอางกับแอเรียน เธอหันไปหาแอเรียนและพบกับสีหน้าที่แปลกไปบนใบหน้าของแอเรียน “แอริ เป็นอะไรเหรอ?” เธอถามด้วยความสงสัย “ทำไมดึงหน้าแบบนั้นล่ะ? เธอโอเครึเปล่า?”แอเรียนหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะตอบว่า “ไม่ ฉันรู้สึกเหนื่อย ๆ นิดหน่อย ฉันไม่อยากช้อปปิ้งแล้ว ไปกันเถอะ”ทิฟฟานี่เอื้อมมือไปจับหน้าผากของแอเรียน “เพราะโรคเลือดจางของเธอรึเปล่า? เธอดูซูบ ๆ นะ ไว้ฉันจะบอกให้มาร์คขุนเธอให้อ้วน แต่ไหน ๆ เราก็มาถึงที่นี่แล้ว ทำไมไม่ซื้อของของเธอเลยล่ะ? เหลือแค่ต้องจ่ายเงินเอง ไม่นานขนาดนั้นหรอก ไปนั่งก่อนไหม? เดี๋ยวฉันจ่ายให้”อเลฮานโดรหันมามองแอเรียน แววตาของเขาแฝงไปด้วยการยั่ยยุ ทั้งคู่ต่างตระหนักถึงสถานการณ์ในตอนนี้ดีแอเรียนกลบเกลื่อนความโกรธของเธอและหาม้านั่ง เธอหวังเพียงว่าทิฟฟานี่จะเร่งรีบซื้อเครื่องสำอางเพื่อที่พวกเธอจะได้รีบออกไปจากที่นี่ ทุก ๆ วินาทีที่อยู่กับอเลฮานโดรถือเป็นความเสี่ยง“ทิฟฟานี่ ต้นไม้ที่ผมให้คุณออกดอกหรือยังครับ?” อเลฮานโดรจงใจถามถึงต้นไม้ในกระถาง ทิฟฟานี่ยื่นบัตรเครดิตของเธอให้พนักงานคิดเง