แอเรียนยิ้มเจื่อน “โทษที… เมื่อคืนฉันน่าจะดื่มเยอะไปหน่อย”มาร์คนึกถึงเรื่องเมื่อคืนและสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “เธอไม่ได้ดื่มเยอะเกินไป แต่มีคนใส่บางอย่างในเครื่องดื่มของเธอต่างหาก ในเมื่อตอนนี้เธอสร่างเมาแล้ว ลองคิดให้ดีสิว่าใครเป็นคนทำ? ฉันไม่สามารถปล่อยให้เธอไปทำงานโดยไม่กังวลได้แน่นอนถ้ามีพวกไม่หวังดีใกล้เธอ”แอเรียนถูกเตือนถึงรายละเอียดเพิ่มเติมจากเมื่อคืนนี้ด้วยการเตือนของเขา ถูกต้อง เธอคงไม่รู้สึกร้อนผ่าวขนาดนั้นเพียงเพราะแอลกอฮอล์ และเธอยังถูกครอบงำด้วยความรู้สึกแปลก ๆ ด้วย ความรู้สึกนั้นผลักดันให้เธอไปหามาร์คถึงห้องทำงานของเขาและขอมีเซ็กส์กับเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า...เธอนึกถึงแชมเปญจากซิลแวงเมื่อคืนนี้ เขาจงใจเน้นย้ำว่าแชมเปญขวดนั้นสำหรับเธอคนเดียว และห้ามไม่ให้เธอแบ่งปันมันกับคนอื่น คนอื่น ๆ ต่างก็ดื่มสุราอื่น ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่สิ่งนี้จะเกิดขึ้นกับคนอื่น ๆ ถ้าเป็นเพราะแชมเปญจริง ๆ นั่นหมายความว่าซิลแวงอยู่เบื้องหลังทั้งหมดนี้เปล่า?เธอไม่กล้าตั้งสมมติฐานทันที ถ้ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิดล่ะ? ระหว่างเธอกับซิลแวงไม่มีความขุ่นเคืองใจกันสักหน่อย และพวกเขาก็เพิ่งจะรู
เธอเขย่งเท้าและโอบแขนรอบคอเขาก่อนที่จะจุ้บแก้มเขาและรีบเดินหนี “เลิกงานแล้วอย่าลืมมารับฉันล่ะ! ถ้าคุณต้องทำงานล่วงเวลาฉันจะไปอยู่เป็นเพื่อน!”มาร์คยกมือขึ้นแตะแก้มของเขาอย่างโหยหาขณะที่เขามองเธอจากไป มุมปากของเขาโค้งขึ้นช้า ๆ วันนี้พระอาทิตย์ขึ้นจากทางทิศตะวันตกแน่นอน...เขากลับเข้าไปในรถและจำได้ว่าเธอถูกวางยาเมื่อคืนนี้ เขาหยุดกังวลไม่ได้ เขาจึงส่งข้อความไปหาเธอ: ‘ระวังตัวด้วยนะ ถ้าต้องการอะไรก็โทรหาฉันได้ตลอด อย่าโอ้อวดหรือพยายามแก้ปัญหาทุกอย่างด้วยตัวเอง ฉันจะต้องตามแก้ที่หลังถ้าเธอทำพลาด นั่นจะยิ่งทำให้ฉันลำบากมากขึ้นไปอีก’แอเรียนตอบกลับข้อความของเขาด้วยสติกเกอร์หน้ายิ้ม เธอรู้ดีว่าเธอจะต้องทำอย่างไรโรบินมักจะมาถึงที่ทำงานเร็วกว่าที่เธอ ทว่าวันนี้เป็นครั้งแรกที่โรบินยังมาไม่ถึงแม้ว่านี่จะใกล้เวลาเข้างานแล้วก็ตาม แน่นอนว่าซิลแวงจะไม่มาเร็ว ๆ นั้น ในหัวของเธอเต็มไปด้วยความกังวลและเป็นผลให้เธอไม่สามารถทำงานได้ เธอจึงนั่งจ้องมองไปในอากาศที่โต๊ะทำงานของเธอในที่สุดซิลแวงและโรบินก็มาถึงที่ออฟฟิศทีละคนเมื่อประมาณเที่ยงวัน แอเรียนดึงโรบินไปคุยด้วยส่วนตัว “เมื่อคืนนี้มีอะไรเกิดขึ้นกั
ตอนนี้ใกล้ถึงเวลาพักเที่ยงแล้ว แต่ในออฟฟิศก็ยังมีคนพลุกพล่าน แอเรียนจึงไม่ได้คุยกับซิลแวงในออฟฟิศแต่กลับชวนเขาออกไปทานข้าวแทน ซิลแวงตกลงทันทีและแนะนำให้ไปที่ร้านอาหารฝรั่งเศสแห่งหนึ่งเมื่อพวกเขาได้ที่นั่งแอเรียนก็ตรงเข้าประเด็นทันที “เมื่อคืนมีคนวางยาฉันและโรบิน ฉันสงสัยว่ายาจะต้องอยู่ในแชมเปญที่เราดื่ม คุณคิดว่าไง?”ซิลแวงจ้องเธอกึ่งยิ้ม “แล้วคุณคิดว่าผมเป็นคนทำเหรอ? ผมจะมีจุดประสงค์อะไร? จริงอยู่ว่าผมเป็นคนให้แชมเปญขวดนั้นกับคุณ และคุณกับโรบินก็ดื่มมันอยู่สองคนจนเมา ทั้งหมดมันก็จริงอยู่ แต่ผมไม่ได้แตะต้องขวดนั้นเลย ผมอาจจะดูน่าสงสัยแต่คุณก็ไม่มีหลักฐานที่จะเอาผิดผม ถูกไหม?”แอเรียนพูดไม่ออก เธอไม่อาจอ่านซิลแวงออกได้เลย เขาดูไม่ตกใจหรือตื่นตระหนกใด ๆหลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่งเธอก็ถามว่า “แล้วคุณจะเอายังไงต่อกับโรบิน? ครอบครัวของเธอล้วนเป็นนักวิชาการทั้งหมด เพราะฉะนั้นเธอจึงเรียบร้อยมาก เธอไม่เคยมีแฟนมาก่อนด้วยซ้ำ แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอไม่ได้กลับบ้านมาหนึ่งคืน คุณจะต้องรับผิดชอบไม่มากก็น้อย” ซิลแวงดูเหมือนจะขบขัน “มีอะไรให้ผมต้องรับผิดชอบด้วยเหรอ? พวกเราก็โต ๆ กันแล้วทั้งน
โรบินเห็นด้วยกับเธอ “หนูรู้ หนูไม่คู่ควรกับเขาหรอก เขามีผู้หญิงล้อมรอบตลอด และหนูก็ไม่ได้น่าดึงดูดขนาดนั้น หนูไม่ได้หวังอะไรอยู่แล้ว”แอเรียนพูดไม่ออก “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ไม่ว่าเธอจะมีเสน่ห์หรือไม่เธอก็ยังเป็นเธอที่ไม่มีใครเหมือน ทุกคนต่างก็พิเศษในแบบของตัวเอง มันมีเหตุผลที่พวกเรามีตัวตนอยู่ ทำไมเธอถึงคิดว่าเธอไม่คู่ควรกับเขา? ให้พูดตรง ๆ นะ เธอมีพื้นฐานครอบครัวที่ดีและเธอก็จิตใจบริสุทธิ์มาก เธอมีตัวเลือกที่ดีกว่านี้เยอะ ซิลแวงอาจจะมีครบทุกอย่างแต่ชีวิตส่วนตัวเขาไม่น่าอิจฉาแน่นอน เขาสำส่อนเกินไป ถ้าจะมีใครที่ไม่คู่ควรกับใครก็เป็นเขาที่ไม่คู่ควรกับเธอ ฉันจะทำงานต่อแล้ว เดี๋ยวเขาก็คงจะไปคุยกับเธอเอง” ดวงตาของโรบินเปล่งประกายยิ่งขึ้นเมื่อเธอมองไปที่แอเรียนในตอนนี้ การได้รับการยอมรับเป็นความรู้สึกที่ดี เธอได้รับการเลี้ยงดูภายใต้กฎเกณฑ์ของพ่อแม่ตั้งแต่ยังเด็ก เธอทำตามความปรารถนาของพ่อแม่ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงการสมัครเข้ามหาวิทยาลัย ไม่มีใครสนใจเกี่ยวกับความคิดเห็นของเธอ หลังจากนั้นเธอก็สำเร็จการศึกษา แม้ว่าพ่อแม่ของเธอจะเลิกเข้มงวดกับเธอและปล่อยให้เธอทำทุกอย่างที่เธอต้องการ แต่
แอเรียนเล่นกับแอริสโตเติลอยู่พักหนึ่งแต่เธอไม่สามารถหยุดเป็นห่วงโรบินได้ ดังนั้นเธอจึงส่งข้อความไปหาโรบิน โรบินตอบอย่างรวดเร็ว: 'เขาชี้แจงทุกอย่างชัดเจนมาก มันเป็นเพียงอุบัติเหตุ และเขาขอให้ฉันอย่ายึดติดกับมันและแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่อจากนี้ไปเราจะคุยกันตามปกติ เขาขอโทษฉันและเลี้ยงข้าวฉัน เขาบอกว่าต่อจากนี้ไปเขาจะเป็นที่ปรึกษาให้ฉันพร้อมกับพี่ ฉันคิดว่านี่เป็นความคิดที่ดีเพื่อที่เราจะไม่รู้สึกกดดันเกินไป เราเพิ่งจะรู้จักกัน ดังนั้นการคบกันเลยจึงจะดูไม่เหมาะสม ฉันเพิ่งทะเลาะกับพ่อแม่ที่บ้านเพราะเมื่อคืนฉันไม่กลับบ้าน ฉันโดนด่าหนักมาก ฉันรู้ว่าฉันพูดว่ามันเป็นการทะเลาะ แต่ที่จริงแล้วฉันเป็นคนเดียวที่โดนตะคอกใส่ ไม่ต้องกังวลนะพี่แอเรียน ฉันไม่เป็นไร'แอเรียนถอนหายใจ ผลลัพธ์นี้ไม่ดีเท่าไหร่แต่มันเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เมื่อมาร์คกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลา 23.00 น. แอเรียนกำลังจะผล็อยหลับเมื่อเสียงเขาในห้องอาบน้ำปลุกให้เธอตื่น เธอรอให้เขาอาบน้ำเสร็จ จากนั้นทั้งคู่ก็กอดกันและคุยกันบนเตียง พวกเขามีเวลาอยู่ด้วยกันน้อยมากในตอนกลางวัน นี่เป็นวิธีเดียวที่พวกเขาจะได้ใช้
หลังจากที่รวบรวมเอกสารที่บริษัทเสร็จและเรียกแท็กซี่ได้ โรบินก็รีบไปที่บ้านของซิลแวง เธอเคยไปที่นี่นมาแล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะไม่คุ้นเคย แต่ใช่ว่าเธอจะไม่คุ้นเคยเลย เมื่อเธอไปถึงหน้าประตูบ้านของซิลแวง หัวใจของเธอก็เต้นรัว เธอสูดลมหายใจเข้าสองสามเฮือกก่อนที่จะรวบรวมความกล้าและกดออดเท่าที่เธอรู้ ซิลแวงอาศัยอยู่คนเดียวโดยไม่มีพ่อบ้านหรือแม่บ้าน โรบินกดออกอยู่สักพักแต่ไม่ประสบความสำเร็จ เธอคิดได้ว่าซิลแวงอาจจะยังนอนอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะตอนนั้นเพิ่งจะประมาณ 10 โมงเช้า และเป็นที่รู้จักกันดีว่า ซิลแวงเป็นคนที่ชอบใช้ชีวิตกลางคืน โรบินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องโทรหาซิลแวง ซึ่งโชคดีที่เขารับสาย เมื่อเขารู้ว่าโรบินอยู่หน้าประตูบ้าน เขาก็ให้รหัสประตูกับเธอด้วยเสียงที่งัวเงียก่อนที่จะวางสายโรบินรู้สึกว่ามันแปลก ๆ เธอกับซิลแวงสนิทกันมากพอที่เขาจะให้รหัสประตูกับเธอง่าย ๆ แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? เขาให้รหัสกับเธอโดยไม่แม้แต่จะลังเลด้วยซ้ำ…หลังจากที่เข้าประตูหลักไป เธอก็มาถึงอีกประตูหนึ่ง เธอกดรหัสเดิมด้วยความลังเล รหัสนั้นถูกต้อง เพราะประตูนั้นก็เปิดออกเช่นกันเธอถอดรองเท้าและเข้าไปอย่างระม
โรบินรู้สึกสับสนและโกรธมากจนร่างกายของเธอสั่น เธอกัดริมฝีปากโดยไม่พูดอะไรสักคำ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะพูดอะไร เธอคิดอะไรไม่ออกเลยขณะที่ลมหายใจของซิลแวงกระทบตัวเธอ อย่างไรก็ตาม มีสิ่งหนึ่งที่ชัดเจนสำหรับเธอ เธอจะต่อต้านการยั่วยวนของซิลแวงได้อย่างไรในเมื่อเธอไม่มีประสบการณ์ด้านความรักและความสัมพันธ์เลย?เธอก็ไม่ต่างจากผู้หญิงคนอื่น ๆ เธอเองก็ชื่นชอบซิลแวง ถึงขั้นรักเขาได้เลย อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความคิดในหัวของเธอ เธอไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนความรู้สึกเหล่านั้นเป็นการกระทำ แต่ตอนนี้เธออยู่ในสถานการณ์นี้...เมื่อเห็นว่าโรบินไม่ดิ้นต่อและเงียบไป ซิลแวงก็เดินหน้าอย่างไม่ละอายใจจนกระทั่งร่างของซิลแวงเคลื่อนลงไปด้านล่างที่ในที่สุดโรบินก็เริ่มรู้สึกตัว “เฮงซวย…!” การเคลื่อนไหวที่เร่าร้อนของซิลแวงหยุดการพูดจาโผงผางของโรบินเมื่อเธอจดจ่อกับช่วงเวลานั้น ซิลแวงถูกมองว่าเป็นเพลย์บอยมากประสบการณ์ ด้วยเหตุนี้เขาจึงสามารถปลุกอารมณ์ผู้หญิงทุกคนได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายมากเมื่อจบลง โรบินก็รีบสวมเสื้อผ้าของเธออย่างรวดเร็วและวิ่งออกไป เสียงหยอกล้อของซิลแวงดังก้องมาจากข้างหลังเธอ “นี่เราเดตกันอ
โรบินนึกว่าแอเรียนจะว่าเธอโง่เขลา “พี่แอเรียนไม่คิดว่าฉันโง่เขลาและไม่มีเหตุผลเหรอ? พี่บอกเองไม่ใช่เหรอว่าพวกเราไม่เหมาะสมกัน แต่ฉันก็ยัง…”แอเรียนถอนหายใจและกล่าวว่า “ฉันจะอธิบายยังไงดี? เราเป็นทั้งเพื่อนร่วมงานและเพื่อนกัน เพราะฉะนั้นฉันอาจจะให้คำปรึกษาเธอในเรื่องส่วนตัวได้ แต่ยังไงสุดท้ายเธอก็จะต้องตัดสินด้วยตัวเธอเองคนเดียวอยู่ดี ในเมื่อเธอตัดสินใจแล้วว่าเธอต้องการที่จะคบใคร เธอก็จะไม่ฟังคำปรึกษาใด ๆ ไม่ว่าจะจากใครก็ตาม อีกอย่าง ฉันบังคับอะไรเธอไม่ได้อยู่แล้วในเมื่อเธอมีสิทธิ์ของตัวเองและคิดเองได้ แต่อย่างที่ฉันบอก ภายนอกเธออาจจะดูไม่เหมาะสมกัน แต่พวกเธออาจจะมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่เหมือนกันมากกว่าที่เธอคิด ถูกไหม? ฉันเองก็ไม่ได้รู้จักซิลแวงดีขนาดนั้น เพราะฉะนั้น หากมันเป็นสิ่งที่เธอต้องการ ก็เอาเลย ไม่ต้องถือสาคำแนะนำฉันหรอก อย่างที่บอก เธอควรจะตัดสินใจเองและรับผิดชอบเอง ตราบใดที่เธอคิดมาดีแล้ว ก็ไม่เป็นไรหรอก” โรบินพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ฉันเข้าใจ ฉันจะรับผิดชอบการตัดสินใจของฉันเอง ถึงแม้ว่ามันจะจบลงไม่ดี ฉันจะยอมรับมันเอง!”แอเรียนไม่ได้ออกความคิดเห็นเพิ่มเติม ทั้งคู่กลับไปท
แน่นอนว่าแอเรียนจะไม่กล้าอุ้มเพลโตอีกเนื่องจากเธอกลัวว่าลูกชายของเธอจะอิจฉาเมื่อแอเรียนบอกให้ทิฟฟานี่ตั้งชื่อเล่นให้เพลโต ทิฟฟานี่ก็ส่ายหัว “ผู้ชายจำเป็นต้องมีชื่อเล่นด้วยเหรอ? ถ้าสมอร์โตไปเป็นหนุ่มหล่อ มันจะไม่ตลกเหรอถ้าเราจะเรียกเขาว่าสมอร์? พวกสาว ๆ ที่ชอบเขาจะต้องหัวเราะจนน้ำตาไหลแน่นอน ชื่อเล่นจะน่ารักแค่ตอนที่ยังเด็กเท่านั้นแหละ”แอเรียนเบะปาก “เธอแค่ขี้เกียจที่จะคิดชื่อ ถูกไหม? เธอเลยอ้างเหตุผลทั้งหมดนี้ ชื่อเล่นเขาก็มีไว้เรียกเฉพาะตอนที่ยังเด็กเท่านั้นแหละ ใครเขาจะเรียกชื่อเล่นกันตอนโตล่ะ?”เมื่อพวกเธอกำลังคุยกันอยู่ อยู่ ๆ แจ็คสันก็โทรมา “คุณขับรถไปหาแอเรียนกับเพลโตคนเดียวเลยเหรอ? คุณไม่รู้จักฝีมือการขับรถตัวเองเลยเหรอ? ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะทำยังไง? คุณน่าจะขอให้คนขับรถของแม่ไปส่งคุณแทน”ทิฟฟานี่หงุดหงิดมาก “นี่คุณคงอยากให้อะไรเกิดขึ้นกับฉันมากสินะ? ฉันมาถึงแล้ว แค่นั้นยังไม่ดีพออีกเหรอ? ฉันแค่ถอยรถไม่เก่งแค่นั้นเอง ถ้าฉันขับเดินหน้าอย่างเดียวจะมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นได้บ้าง? คุณทำงานของคุณต่อไปเถอะค่ะ”ทิฟฟานี่อาจจะหงุดหงิด แต่จริง ๆ แล้วเธอก็แอบดีใจ อารมณ์ของเธอชัดเจนมากแม้ก
เมื่อเมลานีทานอาหารเสร็จและพวกเขาออกจากบ้าน อเลฮานโดรก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันทีที่พวกเขาขึ้นรถเมลานีเห็นดังนั้นจึงถามเขาว่า “โล่งอกใช่ไหมล่ะ? ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้องมา แต่คุณไม่ฟังฉันเอง ฉันเองยังเบื่อพ่อแม่ตัวเองเลย”อเลฮานโดรเงียบโดยไม่ตอบอะไร เขาตื่นเช้ามากและยังคงง่วงนอนอยู่ เขาจึงหลับตาลงและพักสายตาเมลานีเริ่มไม่สบายใจ อเลฮานโดรรู้เรื่องที่เธอแอบติดต่อกับทิฟฟานี่หรือเปล่า? เขาน่าจะ… ไม่รู้เรื่องหรอก ถูกไหม? ไม่อย่างนั้นเขาน่าจะโวยวายไปแล้วแทนที่จะนิ่งสงบแบบนี้ เธอเลยคิดว่าเธอน่าจะบอกเขาก่อนที่เขาจะรู้ด้วยตนเองหลังจากที่ลังเลอยู่ชั่วครู่เธอก็พูดว่า “ฉันติดต่อกับทิฟฟานี่อยู่”ร่างกายของอเลฮานโดรแข็งทื่อโดยไม่รู้ตัว “แล้ว?”เธอคิดถูกแล้วจริง ๆ อเลฮานโดรจะมีปฏิกิริยาก็ต่อเมื่อมันเป็นเรื่องของทิฟฟานี่ แต่นอกจากนั้นเขาจะเมินทุกคำพูดของเธอ เมลานีแอบไม่พอใจ แต่ไม่แสดงให้เขาเห็น “คุณไม่โกรธเหรอ?”อเลฮานโดรลืมตาและมองหน้าเธอ “ทำไมผมจะต้องโกรธด้วย? ยังไงคุณก็ไม่ทำอะไรเธออยู่แล้ว”เมลานีพูดไม่ออก เขามั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอว่าเธอจะไม่ทำอะไรทิฟฟานี่? เธอคิดมาเสมอว่าเธอไม่รู้จักอเลฮานโด
อเลฮานโดรรู้ตัวดีว่ามันเป็นเพียงความคิดตามสัญชาตญาณผู้ชายของเขาและไม่มีสิ่งอื่นใดหลังจากนั้นไม่นานหนังตาของเมลานีก็เริ่มหนัก อาจจะเป็นเพราะความเงียบสนิทที่เปรียบดั่งเพลงกล่อมนอนอย่างดี บวกกับครรภ์ของเธอที่ทำให้เธอง่วงเหนื่อยง่ายขึ้น ตอนแรกเธอคิดว่าเธอจะไม่สามารถนอนหลับได้เพราะอเลฮานโดรด้วยซ้ำ…ขณะที่เธอกำลังหาพลิกตัวหาท่านอนที่สบายด้วยความงัวเงีย อยู่ ๆ อเลฮานโดรก็พูดขึ้นมาว่า “หยุดขยับไปขยับมาสักที”เมลานีที่กำลังจะผล็อยหลับตื่นทันทีที่ได้ยินเสียงของเขาที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน เธอเริ่มรู้สึกรำคาญและเหวี่ยงใส่เขา “นี่มันบ้านของฉันและเตียงของฉัน ทำไมฉันจะขยับตัวไม่ได้? นี่คุณอย่าหาเรื่องโดยไม่มีเหตุผลได้ไหม?”เธอไม่ทันรู้ตัวว่าเธอเผลอไปโดนขาของเขาขณะที่เธอพลิกตัวไปมา ทันใดนั้นอเลฮานโดรก็ขึ้นคร่อมเธอโดยที่แขนแต่ละข้างของเขาอยู่ข้างตัวเธอเมลานีตกใจและหันหน้าหนีทันที “คุณจะทำอะไร? ลงไปเลยนะ!”กำปั้นของเธอเล็กมาก มันไม่เพียงแต่ไม่สามารถทำให้อเลฮานโดรเจ็บได้ แต่การกระทำของเธอยังทำให้เขามีอารมณ์มากขึ้นอีกด้วย “ผมบอกให้คุณเลิกขยับไง คุณจะไม่ฟังผมใช่ไหม?”เมลานีไม่กล้าที่จะขยับตัวอีกและ
ในความเป็นจริงแล้วอเลฮานโดรกลับรู้สึกสบายใจโดยไม่รู้เหตุผลเมื่อเข้ามาในห้องของเธอ “คุณสบายดีไหม?”เมลานีตะลึงเล็กน้อย “ฉันบอกคุณแล้วว่าคุณไม่ต้องแสดงหรอก ที่นี่ไม่มีใครสักหน่อย แล้วคุณจะแกล้งทำทำไม? ฉันไม่ฟ้องคุณปู่หรอก เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้คุณกลับไปเลยก็ได้ ฉันอยู่ที่นี่แล้วสบายดี”อเลฮานโดรไม่สนใจสิ่งที่เมลานนีพูดและเรียกหาเจตต์ผู้ซึ่งนำทุกอย่างที่อเลฮานโดรได้ซื้อให้เธอเข้ามาให้ โต๊ะเครื่องแป้งของเธอเต็มไปด้วยข้าวของมากมายในไม่ช้าหัวใจของเมลานีเริ่มละลายแต่เธอบังคับให้ตัวเองสงบนิ่งต่อไปเมื่อเธอพูดว่า “ขอบคุณสำหรับน้ำใจของคุณนะคะ แต่ฉันขอไม่รับของพวกนี้ดีกว่า เพราะฉันรู้ว่าคุณไม่ได้ให้มันด้วยความเต็มใจ”เจตต์ไม่ต้องการรู้เห็นเกี่ยวกับการทะเลาะของพวกเขา เขาจึงออกไปจากห้องเมื่อวางของเสร็จแล้วอเลฮานโดรพูดนิ่ง ๆ ว่า “ถ้าคุณไม่อยากได้นก็ทิ้งไปสิ เครื่องสำอางพวกนี้ไม่ได้แพงขนาดนั้น พวกเครื่องประดับก็ราคาแค่สองสามแสนดอลลาร์ เพราะฉะนั้นคุณจะทำอะไรกับพวกมันก็แล้วแต่คุณเลย ในเมื่อคุณไม่อยากเห็นหน้าผม ผมกลับวันพรุ่งนี้ก็ได้ นอนเถอะ ผมจะไปอาบน้ำก่อน”เมื่อเมลานีเห็นเขาเดินเข้าไปในห้องน้ำเธอ
ทิฟฟานี่ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติก่อนที่เธอจะพูดจบ เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าสีหน้าของแจ็คสันเยือกเย็น แววตาของเขาเปล่งประกายด้วยความตื่นตระหนก เธอไม่เข้าใจว่าเขาเป็นอะไรไป “เป็นอะไรเหรอ? ทำไมมองฉันแบบนั้นล่ะ?”มันเหมือนกับว่าเขาเปลี่ยนเป็นคนละคนไปเลย แม้แต่น้ำเสียงของเขาก็เยือกเย็น “เขาแต่งงานเพื่อความสะดวกแบบนั้น คุณยังจะเชื่อจริง ๆ เหรอว่าเขาจะมีความรู้สึกให้เมลานี ลาร์คจริง ๆ ? คุณคิดไปเองทั้งหมด ผมบอกคุณแล้วว่าห้ามไปเจอเขา ไม่ว่ามันจะเป็นเพียงเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจยิ่งห้ามแล้วใหญ่ คราวหน้าก็หลีกเลี่ยงเขาซะนะ!”ท่าทีที่เปลี่ยนไปกะทันหันของเขาทำให้ทิฟฟานี่ตกใจกลัว เธอกลืนน้ำลายและไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรแจ็คสันรีบอาบน้ำให้เสร็จและออกไปโดยปล่อยเธอไว้คนเดียวในห้องน้ำ เธอรู้สึกว่างเปล่าทันที ทุกอย่างกำลังไปได้ดีจนกระทั่งเธอพูดถึงอเลฮานโดรและทุกอย่างกลายมาเป็นแบบนี้… แจ็คสันหนีไปที่ห้องทำงานของเขาหลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำเพื่อแอบดูดบุหรี่อย่างต่อเนื่องโดยที่ทิฟฟานี่ไม่รู้ นิ้วที่เขาถือบุหรี่สั่นไม่หยุด เขากลัวเกินกว่าที่จะคิดถึงปฏิกิริยาของทิฟฟานี่เมื่อเธอต้องรู้ว่าจริง ๆ แล้วอเลฮ
ขณะที่เขากำลังหาสวิตช์เปิดไฟบนกำแพงเพื่อที่จะเปิดไฟทิฟฟานี่ก็หยุดเขาเอาไว้ “ไม่! ฉันชอบแบบปิดไฟมากกว่า ฉันอายนิดหน่อยน่ะ”เขารู้ดีว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เธอกลัวว่ารอยแตกของเธอจะทำให้เขาหมดอารมณ์ เขายิ้มและจุ๊บหน้าผากเธอ “ไม่เอาน่า ปกติคุณไม่ขี้อายนี่ ผมไม่ยักรู้ว่าคุณจะอายเป็นด้วยซ้ำ ผมไม่มีวันที่จะหมดอารมณ์กับคุณหรอก คุณได้รอยแตกเหล่านั้นมาเพราะคุณอุ้มท้องลูกของผม พวกมันเป็นรางวัลแห่งเกียรติยศของคุณนะ”ทิฟฟานี่เชื่อคำพูดของเขา เขามีลิ้นที่กะล่อนที่ช่วยให้เขาสามารถถ่ายทอดคำพูดเหล่านั้นอย่างราบรื่นได้จริง ๆแจ็คสันเปิดไฟเมื่อเธอกำลังเหม่อลอยในห้วงความคิดทิฟฟานี่รีบหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวเองทันทีที่ไฟสว่างขึ้น “โธ่ อะไรเนี่ย! ฉันไม่อยากเปิดไฟ ขอเวลาฉันปรับตัวหน่อยสิคะ!”เขายิ้มอย่างมีเลศนัยขณะที่เมินคำบ่นของเธอและคว้าแขนเธอเพื่อหยุดเธอจากการดิ้นหนี…เธอลืมหายใจเมื่อเขาจับคางของเธอ สายตาเธอเริ่มพร่ามัวหมอนใบหนึ่งนอนอยู่บนพื้นหน้าเตียงราวกับว่ามันรับความป่าเถื่อนของพวกเขาไม่ได้...หลังจากที่เสร็จภารกิจแล้ว ทิฟฟานี่ก็ขดตัวในอ้อมแขนของแจ็คสันและวาดวงกลมบนแขนของเขาแจ็คสันจับมือของเธ
”หยุดทำไมล่ะคะ?” แอเรียนถาม “เล่นต่อสิ”“เธอก็มาผลักสิ ไม่อย่างนั้นก็มานั่งกับสมอร์” มาร์คชักชวนแอเรียนเคยตกชิงช้าเมื่อตอนที่เธอยังเด็ก เธอจึงหวาดกลัว “ไม่ ๆ ไม่ คุณเล่นกับเขาเลย เดี๋ยวฉันผลักให้ ขาคุณก็ออกจะยาว คุณน่าจะแกว่งตัวเองได้สบาย ไม่เห็นจะต้องพึ่งฉันเลย แล้วคุณจะขอให้ฉันผลักทำไม?”เขาเลิกคิ้วหนึ่งข้างและตอบว่า “เพื่อที่เธอจะได้มีส่วมร่วมด้วยแทนที่จะยืนเหม่อลอยอยู่ยังไงล่ะ…”มีบางอย่างผิดปกติในคำพูดของเขา…แอเรียนยอมแพ้และเดินไปข้างหลังพวกเขา เธอวางมือบนหลังเขาและออกแรงผลักแอริสโตเติลจะส่งเสียงร้องด้วยความดีใจเป็นครั้งคราว ดูเหมือนว่าแอริสโตเติลไม่ได้มีความสุขได้เฉพาะเวลาที่เล่นกับเจนิซ เพียงแต่ว่าเวลาที่แอเรียนเล่นกับเขาเธอมักจะเล่นแบบนิ่ม ๆ และเงียบ ๆ เพราะเขาคือลูกคนแรกของเธอและมันเป็นครั้งแรกที่เธอต้องเล่นกับเด็กทารก เพราะฉะนั้นยังมีอีกหลายอย่างที่เธอยังต้องเรียนรู้อีก...ในขณะเดียวกันที่ไวท์ วอเตอร์ เบย์ วิลล่าหลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จแจ็คสันก็กำลังล้างจานในห้องครัวตามปกติ ทิฟฟานี่สามารถจ้องเขาในชุดผ้ากันเปื้อนได้ทั้งวัน เธอไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากยืนพิงกำแพงในห้
หลังจากนั้นไม่นาน อเลฮานโดรและเจตต์ก็เดินออกมาจากห้างสรรพสินค้าและขึ้นรถไปอเลฮานโดรจ้องกองสินค้าสำหรับผู้หญิงข้าง ๆ เขา ระหว่างคิ้วของเขาแอบมีร่องรอยของความไม่พอใจเจตต์มองเขาผ่านกระจกมองหลัง “ท่านครับ อย่าปล่อยให้เรื่องอื่นเบี่ยงเบนความตั้งใจของท่านเลยครับ ท่านตัดสินใจที่จะไปเยี่ยมนายหญิงที่อายาเช่แล้ว” เขาเตือนเบา ๆ “ดอน สมิธจะไม่มีวันมอบสมบัติของตระกูลสมิธให้ท่านถ้าท่านลงมือในตอนนี้”อเลฮานโดรมองออกไปนอกหน้าต่างและตอบอย่างใจเย็นว่า “รู้แล้ว”เขาคงจะไม่ได้ออกมาซื้อของในวันนี้หากดอน สมิธไม่ได้กดดันเขา เขายังต้องเหนื่อยซื้อของมากมายให้เมลานีอีกด้วย เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอแอเรียนและทิฟฟานี่ที่นี่เหมือนกัน ดูจากสีหน้าของแอเรียนแล้ว มาร์คคงจะบอกเธอทุกอย่างแล้วเขาได้ต้นไม้นั้นมาจากคนอื่นอีกที มันเป็นสายพันธุ์ที่หายากจากนาฟาเอธ เขาต้องลำบากอย่างมากเพื่อที่จะนำมันกลับเข้ามาในประเทศ และไม่มีใครรู้เลยว่ามันจะออกดอกเมื่อไหร่ ถ้ามันได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถัน มันคงจะออกดอกในไม่ช้า ตอนแรกเขาตั้งใจว่าเขาจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขากับทิฟฟานี่เมื่อต้นไม้นั้นออกดอก แต่น่าเสียดายที่การเปลี่ย
หลังจากที่คุยกันนานพอสมควร ในที่สุดทิฟฟานี่ก็จำได้ว่าเธอมาที่นี่เพื่อซื้อเครื่องสำอางกับแอเรียน เธอหันไปหาแอเรียนและพบกับสีหน้าที่แปลกไปบนใบหน้าของแอเรียน “แอริ เป็นอะไรเหรอ?” เธอถามด้วยความสงสัย “ทำไมดึงหน้าแบบนั้นล่ะ? เธอโอเครึเปล่า?”แอเรียนหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะตอบว่า “ไม่ ฉันรู้สึกเหนื่อย ๆ นิดหน่อย ฉันไม่อยากช้อปปิ้งแล้ว ไปกันเถอะ”ทิฟฟานี่เอื้อมมือไปจับหน้าผากของแอเรียน “เพราะโรคเลือดจางของเธอรึเปล่า? เธอดูซูบ ๆ นะ ไว้ฉันจะบอกให้มาร์คขุนเธอให้อ้วน แต่ไหน ๆ เราก็มาถึงที่นี่แล้ว ทำไมไม่ซื้อของของเธอเลยล่ะ? เหลือแค่ต้องจ่ายเงินเอง ไม่นานขนาดนั้นหรอก ไปนั่งก่อนไหม? เดี๋ยวฉันจ่ายให้”อเลฮานโดรหันมามองแอเรียน แววตาของเขาแฝงไปด้วยการยั่ยยุ ทั้งคู่ต่างตระหนักถึงสถานการณ์ในตอนนี้ดีแอเรียนกลบเกลื่อนความโกรธของเธอและหาม้านั่ง เธอหวังเพียงว่าทิฟฟานี่จะเร่งรีบซื้อเครื่องสำอางเพื่อที่พวกเธอจะได้รีบออกไปจากที่นี่ ทุก ๆ วินาทีที่อยู่กับอเลฮานโดรถือเป็นความเสี่ยง“ทิฟฟานี่ ต้นไม้ที่ผมให้คุณออกดอกหรือยังครับ?” อเลฮานโดรจงใจถามถึงต้นไม้ในกระถาง ทิฟฟานี่ยื่นบัตรเครดิตของเธอให้พนักงานคิดเง