เจสสิก้าหน้าแดงเพราะความอับอาย “มาร์ค เทรมอนต์! คุณเป็นผู้ชายคนแรกเลยที่กล้าดูถูกฉันแบบนี้! ทั้งหมดมันก็เป็นความผิดของคุณไม่ใช่เหรอ? ฉันรับคำขอโทษของคุณ สัญญางานระหว่างเราจะดำเนินการต่อ คุณจะยุติมันเพียงเพราะฉันไปเจอภรรยาของคุณมาอย่างนั้นเหรอ?”มาร์คสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะเงียบสักพักแล้วพูดว่า “ใช่ ภรรยาของผมคือขีดจำกัด ใครหน้าไหนก็ห้ามยุ่งกับเธอ ผมทำผิดและผมก็ขอโทษไปแล้ว ทุกอย่างจบไปแล้ว ตกลงไหม? ถึงแม้ว่าผมจะมีประสบการณ์ที่ดีจากการร่วมงานของเรา แต่องค์กรเทรมอนต์จะอยู่ได้โดยไม่มีคุณ ต่อให้คุณจะตามราวีผมมันก็จะไม่มีประโยชน์อะไร” เจสสิก้าหัวเราะด้วยความโกรธ “คุณเป็นผู้ชายที่รับมือได้ยากที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ ฉันไปเจอภรรยาของคุณเพราะฉันเข้าใจผิดและคิดว่าคุณชอบฉัน ถ้าฉันรู้ว่านี่คือการเข้าใจผิดฉันก็คงจะไม่ไปหาเธอหรอก ในหลักความเป็นจริงมันก็คือความผิดของคุณอยู่ดี เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องหาเรื่องมาโทษฉันเลย การยกเลิกสัญญาระหว่างเราจะทำให้เราทั้งคู่สูญเสียมากเกินไป ฉันไม่เห็นว่ามันจะจำเป็นที่จะต้องทำแบบนั้นเลย ผู้ชายควรจะคิดดี ๆ ก่อนที่จะทำอะไร ไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องด่วนสรุปเพรา
ความเหยียดหยามแวบผ่านแววตาของเจสสิก้า เธอไม่มีวันที่จะดื่มชานมจากร้านข้างถนน “มาร์ค เทรมอนต์เทิดทูนคุณมาก ที่ฉันมาหาคุณคราวที่แล้วเป็นเพราะความเข้าใจผิด เขาให้ต่างหูที่เดิมทีควรจะเป็นของคุณกับฉันและทำให้ฉันเข้าใจความรู้สึกของเขาผิดไป ฉันต้องการจะมาขอโทษ ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความเข้าใจผิด และถึงแม้ว่ามันจะได้รับการแก้ไขแล้วเขาก็ยังยุติสัญญาร่วมงานกับฉันเพราะว่าฉันมาหาคุณก่อนหน้านั้น คุณคงจะไม่ทราบถึงผลประโยชน์ที่การร่วมงานของเราส่งผลให้เราทั้งคู่ แต่มันสำคัญมากพอที่ฉันจะเดินทางมาที่นี่ด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นฉันจะเข้าประเด็นเลยนะคะ ฉันหวังให้เราทำงานร่วมกันต่อ และคุณเป็นคนเดียวที่จะสามารถเปลี่ยนใจเขาได้ ฉันพร้อมที่จะทำทุกอย่าง คุณคิดว่ายังไงคะ?” แอเรียนไม่คิดที่จะยุ่งเรื่องนี้แต่อย่างใดเนื่องจากเธอเชื่อในการตัดสินของมาร์คและเพราะว่าเธอไม่ชอบความไม่พอใจที่แฝงในน้ำเสียงของเจสสิก้า “คุณมองฉันเป็นเพียงสาวน้อยผู้ไร้เดียงสาไม่ใช่เหรอคะ? ฉันไม่เข้าใจเรื่องธุรกิจเลย เขาตัดสินใจของเขาเองและฉันก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดอะไร ถ้าเขาเห็นว่า สัญญาระหว่างพวกคุณไม่จำเป็นแล้ว ก็ตามนั้นค่ะ ไม่จำเป็นต้องมาหาฉันเ
ทั้งคู่เดินไปทางโซนผลไม้ แอเรียนตั้งใจจะซื้อผลไม้กลับไปให้แอริสโตเติลที่บ้าน เธอกำลังครุ่นคิดว่าจะซื้อผลไม้อะไรดีเนื่องจากแอริสโตเติลยังไม่ได้ลองผลไม้มากนัก เขาเคยลองแค่ชนิดเดียว เธอไม่กล้าที่จะให้เขาลองชนิดอื่น ๆ เพราะกลัวว่าอาจจะไปกระตุ้นภูมิแพ้ของเขาทันใดนั้น เธอก็สังเกตเห็นร่างที่คุ้นเคยในมุมอับที่ประตูหลังที่กำลังเคลื่อนย้ายกล่องผลไม้ ประตูหลังมักเป็นช่องทางสำหรับสินค้าใหม่ แอเรียนหยุดเดินและสังเกตอย่างใกล้ชิดอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะตระหนักว่าบุคคลที่คุ้นเคยนั้นคือ ฮาร์วีย์ วินน์ ตอนนี้เป็นช่วงหยุดฤดูหนาวและฮาร์วีย์กำลังจะจบการศึกษาในไม่ช้า เขามารับงานพาร์ทไทม์ในช่วงวันหยุดเหรอ?เธอไม่ได้เข้าไปทักฮาร์วีย์ทันทีแต่รอให้เขาทำงานเกือบเสร็จก่อนที่จะเดินไปหา “ฮาร์วีย์ มาทำอะไรที่นี่?”ฮาร์วีย์ตกใจมากเมื่อเห็นเธอ เขาพยายามที่จะหลบสายตาเธอ “พี่… ผมไม่มีอะไรให้ทำมากในช่วงปิดเทอมฤดูหนาว ผมเลยตัดสินใจมาที่นี่และหางานพาร์ทไทม์เพื่อหารายได้เสริมและหาประสบการณ์ในการทำงานหนักด้วย”แอเรียนสำรวจดูฮาร์วีย์ตั้งแต่หัวจรดเท้า ผู้ชายคนนี้ไม่กลัวสิ่งสกปรกหรือความเหนื่อยล้า ชุดทำงานของเขาสกปรกเล็กน้อยแ
แอเรียนให้เงินฮาร์วีย์พอประมาณกับที่เขาจะต้องใช้จนกว่าจะเรียนและฝึกงานจบ เธอไม่ได้ให้เขาเพิ่มมากเพราะกลัวปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ฮาร์วีย์รับมันอย่างรู้สึกผิด “ถ้าผมทำงานแล้วผมจะคืนให้นะครับพี่ ผมสัญญาเลย”แอเรียนไม่ได้ปฏิเสธข้อเสนอเขา “ได้ ฉันจะรอให้นายมีเงินเดือนก่อนแล้วค่อยจ่ายคืน ในนั้นมีเงินกลับบ้านของนายด้วย รีบ ๆ กลับและไปฉลองคริสต์มาสเถอะ”โรบินรอให้ฮาร์วีย์เดินจากไปก่อนที่จะถามว่า “นั่นน้องพี่เหรอ?”แอเรียนพยักหน้า “ลูกของน้าฉันน่ะ ย่าฉันรับเธอมาเลี้ยง เพราะฉะนั้นเราไม่ได้มาจากสายเลือดเดียวกันหรอก แต่ฮาร์วีย์เป็นเด็กดี ต่างกับพ่อแม่เขามาก”หลังจากที่ซื้อผลไม้เสร็จแอเรียนก็เดินเล่นอีกเล็กน้อยก่อนที่จะกลับบ้าน แอริสโตเติลเพิ่งจะดื่มนมเสร็จและมีพลังล้นเปี่ยม เขาคลานไปมาโดยไม่หยุดหย่อนแมรี่ผู้น่าสงสารก็แก่มากแล้วแต่เธอก็ยังต้องตามเขาไปทุกที่เพราะกลัวว่าเขาจะไปชนอะไร หลังจากที่ตามเขาได้ไม่กี่รอบเธอก็รู้สึกเหมือนหลังเธอจะหักเมื่อเห็นดังนั้นแอเรียนก็เดินไปหาเธอและพูดว่า “แมรี่ คุณไปพักดีกว่าค่ะ เดี๋ยวหนูดูเอง ไม่ต้องห่วง ปล่อยเขาคลานไปเถอะ ต่อให้เขาชนอะไรเขาก็ไม่เป็นอะไรหรอก
แอเรียนทนดูไม่ได้อีกต่อไป “ขนาดนั้นเลยเหรอ? ถ้าฉันบอกคุณว่าเขาอึบนเตียงด้วยล่ะ? คุณจะเปลี่ยนทั้งเตียงเลยไหม?”มาร์คตกตะลึง “แมรี่ เปลี่ยนผ้าปูที่นอนด้วย”แอเรียนพูดไม่ออกนั่นพิสูจน์แล้วว่าคนเราไม่ควรท้าทายขีดจำกัดของโรคกลัวเชื้อโรค มาร์คแทบไม่ได้ทานข้าวเย็นเลย อาจเป็นเพราะเขาเอาแต่คิดถึงเรื่องที่ทำให้หงุดหงิด เขาไม่มีอารมณ์ที่จะกอดแอริสโตเติลก่อนนอนด้วย และเขายังเอาแต่ดมผ้าปูที่นอนและผ้านวมที่เพิ่งเปลี่ยนใหม่เพื่อยืนยันว่าไม่มีกลิ่นแปลก ๆ ก่อนที่เขาจะนอนลงอย่างสบายใจแอเรียนอดไม่ได้ที่จะกลอกตาใส่เขา “ทำไมไม่ตัดแขนทิ้งไปเลยล่ะถ้าสมอร์อึใส่คุณ แบบนั้นน่าจะสะอาดที่สุด นี่คุณรังเกีจลูกตัวเองได้ยังไง?”มาร์คเลิกคิ้ว “ฉันไม่ปล่อยให้เขาได้มีโอกาสอึใส่ฉันหรอก เธอนั่นแหละเป็นแม่ยังไง? ทำไมถึงได้ปล่อยให้ลูกอึกใส่กางเกงตัวเอง?”แอเรียนหยิบผ้าอ้อมและตอบเขาระหว่างที่เปลี่ยนผ้าอ้อมให้แอริสโตเติล “ถ้าฉันคอยดูเขาได้ตลอดเวลาว่าจะฉี่หรืออึเมื่อไหร่แล้วจะใส่ผ้าอ้อมไปเพื่ออะไร? ในหลักความเป็นจริงก็คือ ลูกยังเด็กเกินที่จะฝึกเข้าห้องน้ำได้ เข้าใจไหม? เหมือนคุณจะไม่เข้าใจเลย คุณอาจจะรังเกียจ แต่ฉันไม่
แอเรียนยังคงเหม่อลอยเมื่อมาร์ครินไวน์ให้เฮเลนและกล่าวว่า “สุขสันต์วันคริสต์ครับคุณแม่”ทุกคนบนโต๊ะอาหารนิ่งเงียบเฮนรี่และแมรี่หันมามองแอเรียนอย่างเงียบ ๆแอเรียนรีบยกแก้วตัวเองเพื่อปกปิดบรรยากาศที่น่าอึดอัดและกล่าวว่า “สุขสันต์วันคริสต์ค่ะทุกคน ชนค่ะ”ทุกคนรู้ว่าเธอพยายามอย่างดีที่สุดที่จะไม่ทำตัวเหมือนกำลังอึดอัด ดังนั้นพวกเขาจึงตามน้ำเธอแอเรียนไม่เคยเรียกเฮเลนว่าแม่มาก่อน มาร์ครู้ดีว่าเธอยังไม่ได้ก้าวข้ามสิ่งกีดขวางในใจของเธอเฮเลนที่อายุมากที่สุดในบรรดาทุกคนบนโต๊ะเปลี่ยนเรื่องคุยอย่างช่ำชอง เธอถามมาร์คว่า “ปีนี้บริษัทเป็นอย่างไรบ้างล่ะมาร์ค?”มาร์คตอบว่า “ดีครับ พอถู ๆ ไถ ๆ ผ่านไปได้”ทั้งคู่คุยกันเรื่องธุรกิจต่อ เนื่องจากแอเรียนไม่ได้มีความรู้เรื่องนี้เท่าไหร่ เธอจึงดูแลสมอร์แทนหลังจากที่ทานอาหารกันเสร็จ ทั้งครอบครัวก็ขึ้นไปที่ระเบียงที่ชั้นสองเพื่อดูดอกไม้ไฟที่ถูกจุดไกล ๆ ในขณะนั้นหิมะก็เริ่มตกสมอร์เงยหน้ามองท้องฟ้าและอ้าปากอย่างมีความสุขการรวมตัวถึงจุดจบเมื่อตอนเกือบจะห้าทุ่ม เฮเลนสตาร์ทรถยนต์อุ่นเครื่องและกำลังเตรียมตัวกลับเมื่อมาร์คบอกกับแอเรียนว่า “แม่เธอกำลังจ
อเลฮานโดรได้รับคำตอบจากทิฟฟานี่และมองดูดอกไม้ไฟจากระยะไกลขณะที่เขานั่งอยู่บนรถเข็นของเขา ทิฟฟานี่และเขาน่าจะกำลังมองดูท้องฟ้าเดียวกันในเมื่อพวกเขาอยู่ที่เมืองเดียวกัน บนโลกใบเดียวกัน… ทันใดนั้นเมลานีก็เปิดประตูเข้าห้องนอนมาเอลฮานโดรวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะโดยเอาหน้าจอลงโดยสัญชาตญาณเมลานีสังเกตเห็นกิริยาของเขาแต่ทำเป็นเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ “คุณปู่ให้ซองฉัน ฉันเอาของคุณมาให้ เขาให้ซองลูกไว้ล่วงหน้าด้วย”อเลฮานโดรไม่รู้สึกอะไรแต่อย่างใด “คุณเก็บไว้เป็นโชคลาภเถอะ ผมเหนื่อย ผมขอเข้านอนก่อนแล้วกัน”เมลานีเดินเข้าไปหาเขาและช่วยพยุงเขาขึ้นเตียงก่อนที่จะช่วยเขาถอดรองเท้า “โอเคค่ะ ถ้าอย่างนั้นคุณนอนก่อนเลย ฉันจะกลับไปคุยกับคุณปู่ต่ออีกสักหน่อย” ก่อนที่เธอจะจากไปเธอก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองโทรศัพท์บนโต๊ะ เขาคุยกับทิฟฟานี่ก่อนที่เธอจะเข้ามาหรือเปล่า? เธอไม่ได้โง่นะ คำพูดบางคำของเขามันตรงกันข้ามกับการกระทำ... ในชีวิตคนเราใช่ว่าทุกคนจะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ในคืนนั้นไม่ใช่ทุกครอบครัวที่จะรวมตัวกันหรือสนุกสนานร่วมกันทั้งธัญญ่าและเจตต์ต่างไม่มีญาติมากนัก พวกเขามีเพียงกันและกันในขณะที
เธอรวบรวมความกล้าทั้งหมดของเธอและเดินไปที่ประตูของห้องนอนเขาก่อนที่จะเคาะเบา ๆ“พี่เจตต์ นอนหรือยังคะ?”ไม่มีเสียงตอบรับ อย่างไรก็ตาม ไม่นานหลังจากนั้นประตูก็เปิดออกและเผยให้เห็นร่างของเจตต์ เขามองหน้าเธอและถามว่า “มีอะไรเหรอ?”เธอบิดตัวด้วยความเขินอาย เธอต่อสู้กับการเรียบเรียงคำพูดตัวเอง หลังจากนั้นสักพัก เธอก็รวบรวมความกล้าและพูดว่า “ฉันว่า… เราลองดูสักตั้งก็ดีนะ ถ้าพี่คิดว่าเราเข้ากันไม่ได้เราค่อยเลิกกันก็ได้ และฉันสัญญาว่าฉันจะไม่รบกวนพี่อีก ฉันแค่รู้สึกว่าในเมื่อเรากำลังจะมีลูกด้วยกัน การคบกันก็อาจจะไม่ใช่ความคิดที่แย่อะไร ถ้าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดีล่ะ? ถึงตอนนั้นลูกของเราก็จะได้มีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ”เจตต์เงียบไปทุก ๆ วินาทีที่เขายังคงนิ่งเงียบ ธัญญ่ายิ่งรู้สึกใจสลาย สุดท้ายเธอก็ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเขา เธอเริ่มรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่ผลีผลามแสดงความรู้สึกออกมา ถ้าเขาไม่ได้มีความคิดแบบเดียวกับเธอล่ะ? ถ้าเธอไม่ใช่สเป็คของเขาล่ะ? เธอผูกมัดตัวเองกับเขาเพราะลูกเท่านั้นเหรอ?ระหว่างที่ธัญญ่ากำลังตื่นตระหนกกับการกระทำของเธอ ในที่สุดเจตต์ก็พูดเรียบ ๆ ว่า “มันดึกแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ”
แน่นอนว่าแอเรียนจะไม่กล้าอุ้มเพลโตอีกเนื่องจากเธอกลัวว่าลูกชายของเธอจะอิจฉาเมื่อแอเรียนบอกให้ทิฟฟานี่ตั้งชื่อเล่นให้เพลโต ทิฟฟานี่ก็ส่ายหัว “ผู้ชายจำเป็นต้องมีชื่อเล่นด้วยเหรอ? ถ้าสมอร์โตไปเป็นหนุ่มหล่อ มันจะไม่ตลกเหรอถ้าเราจะเรียกเขาว่าสมอร์? พวกสาว ๆ ที่ชอบเขาจะต้องหัวเราะจนน้ำตาไหลแน่นอน ชื่อเล่นจะน่ารักแค่ตอนที่ยังเด็กเท่านั้นแหละ”แอเรียนเบะปาก “เธอแค่ขี้เกียจที่จะคิดชื่อ ถูกไหม? เธอเลยอ้างเหตุผลทั้งหมดนี้ ชื่อเล่นเขาก็มีไว้เรียกเฉพาะตอนที่ยังเด็กเท่านั้นแหละ ใครเขาจะเรียกชื่อเล่นกันตอนโตล่ะ?”เมื่อพวกเธอกำลังคุยกันอยู่ อยู่ ๆ แจ็คสันก็โทรมา “คุณขับรถไปหาแอเรียนกับเพลโตคนเดียวเลยเหรอ? คุณไม่รู้จักฝีมือการขับรถตัวเองเลยเหรอ? ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะทำยังไง? คุณน่าจะขอให้คนขับรถของแม่ไปส่งคุณแทน”ทิฟฟานี่หงุดหงิดมาก “นี่คุณคงอยากให้อะไรเกิดขึ้นกับฉันมากสินะ? ฉันมาถึงแล้ว แค่นั้นยังไม่ดีพออีกเหรอ? ฉันแค่ถอยรถไม่เก่งแค่นั้นเอง ถ้าฉันขับเดินหน้าอย่างเดียวจะมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นได้บ้าง? คุณทำงานของคุณต่อไปเถอะค่ะ”ทิฟฟานี่อาจจะหงุดหงิด แต่จริง ๆ แล้วเธอก็แอบดีใจ อารมณ์ของเธอชัดเจนมากแม้ก
เมื่อเมลานีทานอาหารเสร็จและพวกเขาออกจากบ้าน อเลฮานโดรก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันทีที่พวกเขาขึ้นรถเมลานีเห็นดังนั้นจึงถามเขาว่า “โล่งอกใช่ไหมล่ะ? ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้องมา แต่คุณไม่ฟังฉันเอง ฉันเองยังเบื่อพ่อแม่ตัวเองเลย”อเลฮานโดรเงียบโดยไม่ตอบอะไร เขาตื่นเช้ามากและยังคงง่วงนอนอยู่ เขาจึงหลับตาลงและพักสายตาเมลานีเริ่มไม่สบายใจ อเลฮานโดรรู้เรื่องที่เธอแอบติดต่อกับทิฟฟานี่หรือเปล่า? เขาน่าจะ… ไม่รู้เรื่องหรอก ถูกไหม? ไม่อย่างนั้นเขาน่าจะโวยวายไปแล้วแทนที่จะนิ่งสงบแบบนี้ เธอเลยคิดว่าเธอน่าจะบอกเขาก่อนที่เขาจะรู้ด้วยตนเองหลังจากที่ลังเลอยู่ชั่วครู่เธอก็พูดว่า “ฉันติดต่อกับทิฟฟานี่อยู่”ร่างกายของอเลฮานโดรแข็งทื่อโดยไม่รู้ตัว “แล้ว?”เธอคิดถูกแล้วจริง ๆ อเลฮานโดรจะมีปฏิกิริยาก็ต่อเมื่อมันเป็นเรื่องของทิฟฟานี่ แต่นอกจากนั้นเขาจะเมินทุกคำพูดของเธอ เมลานีแอบไม่พอใจ แต่ไม่แสดงให้เขาเห็น “คุณไม่โกรธเหรอ?”อเลฮานโดรลืมตาและมองหน้าเธอ “ทำไมผมจะต้องโกรธด้วย? ยังไงคุณก็ไม่ทำอะไรเธออยู่แล้ว”เมลานีพูดไม่ออก เขามั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอว่าเธอจะไม่ทำอะไรทิฟฟานี่? เธอคิดมาเสมอว่าเธอไม่รู้จักอเลฮานโด
อเลฮานโดรรู้ตัวดีว่ามันเป็นเพียงความคิดตามสัญชาตญาณผู้ชายของเขาและไม่มีสิ่งอื่นใดหลังจากนั้นไม่นานหนังตาของเมลานีก็เริ่มหนัก อาจจะเป็นเพราะความเงียบสนิทที่เปรียบดั่งเพลงกล่อมนอนอย่างดี บวกกับครรภ์ของเธอที่ทำให้เธอง่วงเหนื่อยง่ายขึ้น ตอนแรกเธอคิดว่าเธอจะไม่สามารถนอนหลับได้เพราะอเลฮานโดรด้วยซ้ำ…ขณะที่เธอกำลังหาพลิกตัวหาท่านอนที่สบายด้วยความงัวเงีย อยู่ ๆ อเลฮานโดรก็พูดขึ้นมาว่า “หยุดขยับไปขยับมาสักที”เมลานีที่กำลังจะผล็อยหลับตื่นทันทีที่ได้ยินเสียงของเขาที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน เธอเริ่มรู้สึกรำคาญและเหวี่ยงใส่เขา “นี่มันบ้านของฉันและเตียงของฉัน ทำไมฉันจะขยับตัวไม่ได้? นี่คุณอย่าหาเรื่องโดยไม่มีเหตุผลได้ไหม?”เธอไม่ทันรู้ตัวว่าเธอเผลอไปโดนขาของเขาขณะที่เธอพลิกตัวไปมา ทันใดนั้นอเลฮานโดรก็ขึ้นคร่อมเธอโดยที่แขนแต่ละข้างของเขาอยู่ข้างตัวเธอเมลานีตกใจและหันหน้าหนีทันที “คุณจะทำอะไร? ลงไปเลยนะ!”กำปั้นของเธอเล็กมาก มันไม่เพียงแต่ไม่สามารถทำให้อเลฮานโดรเจ็บได้ แต่การกระทำของเธอยังทำให้เขามีอารมณ์มากขึ้นอีกด้วย “ผมบอกให้คุณเลิกขยับไง คุณจะไม่ฟังผมใช่ไหม?”เมลานีไม่กล้าที่จะขยับตัวอีกและ
ในความเป็นจริงแล้วอเลฮานโดรกลับรู้สึกสบายใจโดยไม่รู้เหตุผลเมื่อเข้ามาในห้องของเธอ “คุณสบายดีไหม?”เมลานีตะลึงเล็กน้อย “ฉันบอกคุณแล้วว่าคุณไม่ต้องแสดงหรอก ที่นี่ไม่มีใครสักหน่อย แล้วคุณจะแกล้งทำทำไม? ฉันไม่ฟ้องคุณปู่หรอก เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้คุณกลับไปเลยก็ได้ ฉันอยู่ที่นี่แล้วสบายดี”อเลฮานโดรไม่สนใจสิ่งที่เมลานนีพูดและเรียกหาเจตต์ผู้ซึ่งนำทุกอย่างที่อเลฮานโดรได้ซื้อให้เธอเข้ามาให้ โต๊ะเครื่องแป้งของเธอเต็มไปด้วยข้าวของมากมายในไม่ช้าหัวใจของเมลานีเริ่มละลายแต่เธอบังคับให้ตัวเองสงบนิ่งต่อไปเมื่อเธอพูดว่า “ขอบคุณสำหรับน้ำใจของคุณนะคะ แต่ฉันขอไม่รับของพวกนี้ดีกว่า เพราะฉันรู้ว่าคุณไม่ได้ให้มันด้วยความเต็มใจ”เจตต์ไม่ต้องการรู้เห็นเกี่ยวกับการทะเลาะของพวกเขา เขาจึงออกไปจากห้องเมื่อวางของเสร็จแล้วอเลฮานโดรพูดนิ่ง ๆ ว่า “ถ้าคุณไม่อยากได้นก็ทิ้งไปสิ เครื่องสำอางพวกนี้ไม่ได้แพงขนาดนั้น พวกเครื่องประดับก็ราคาแค่สองสามแสนดอลลาร์ เพราะฉะนั้นคุณจะทำอะไรกับพวกมันก็แล้วแต่คุณเลย ในเมื่อคุณไม่อยากเห็นหน้าผม ผมกลับวันพรุ่งนี้ก็ได้ นอนเถอะ ผมจะไปอาบน้ำก่อน”เมื่อเมลานีเห็นเขาเดินเข้าไปในห้องน้ำเธอ
ทิฟฟานี่ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติก่อนที่เธอจะพูดจบ เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าสีหน้าของแจ็คสันเยือกเย็น แววตาของเขาเปล่งประกายด้วยความตื่นตระหนก เธอไม่เข้าใจว่าเขาเป็นอะไรไป “เป็นอะไรเหรอ? ทำไมมองฉันแบบนั้นล่ะ?”มันเหมือนกับว่าเขาเปลี่ยนเป็นคนละคนไปเลย แม้แต่น้ำเสียงของเขาก็เยือกเย็น “เขาแต่งงานเพื่อความสะดวกแบบนั้น คุณยังจะเชื่อจริง ๆ เหรอว่าเขาจะมีความรู้สึกให้เมลานี ลาร์คจริง ๆ ? คุณคิดไปเองทั้งหมด ผมบอกคุณแล้วว่าห้ามไปเจอเขา ไม่ว่ามันจะเป็นเพียงเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจยิ่งห้ามแล้วใหญ่ คราวหน้าก็หลีกเลี่ยงเขาซะนะ!”ท่าทีที่เปลี่ยนไปกะทันหันของเขาทำให้ทิฟฟานี่ตกใจกลัว เธอกลืนน้ำลายและไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรแจ็คสันรีบอาบน้ำให้เสร็จและออกไปโดยปล่อยเธอไว้คนเดียวในห้องน้ำ เธอรู้สึกว่างเปล่าทันที ทุกอย่างกำลังไปได้ดีจนกระทั่งเธอพูดถึงอเลฮานโดรและทุกอย่างกลายมาเป็นแบบนี้… แจ็คสันหนีไปที่ห้องทำงานของเขาหลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำเพื่อแอบดูดบุหรี่อย่างต่อเนื่องโดยที่ทิฟฟานี่ไม่รู้ นิ้วที่เขาถือบุหรี่สั่นไม่หยุด เขากลัวเกินกว่าที่จะคิดถึงปฏิกิริยาของทิฟฟานี่เมื่อเธอต้องรู้ว่าจริง ๆ แล้วอเลฮ
ขณะที่เขากำลังหาสวิตช์เปิดไฟบนกำแพงเพื่อที่จะเปิดไฟทิฟฟานี่ก็หยุดเขาเอาไว้ “ไม่! ฉันชอบแบบปิดไฟมากกว่า ฉันอายนิดหน่อยน่ะ”เขารู้ดีว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เธอกลัวว่ารอยแตกของเธอจะทำให้เขาหมดอารมณ์ เขายิ้มและจุ๊บหน้าผากเธอ “ไม่เอาน่า ปกติคุณไม่ขี้อายนี่ ผมไม่ยักรู้ว่าคุณจะอายเป็นด้วยซ้ำ ผมไม่มีวันที่จะหมดอารมณ์กับคุณหรอก คุณได้รอยแตกเหล่านั้นมาเพราะคุณอุ้มท้องลูกของผม พวกมันเป็นรางวัลแห่งเกียรติยศของคุณนะ”ทิฟฟานี่เชื่อคำพูดของเขา เขามีลิ้นที่กะล่อนที่ช่วยให้เขาสามารถถ่ายทอดคำพูดเหล่านั้นอย่างราบรื่นได้จริง ๆแจ็คสันเปิดไฟเมื่อเธอกำลังเหม่อลอยในห้วงความคิดทิฟฟานี่รีบหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวเองทันทีที่ไฟสว่างขึ้น “โธ่ อะไรเนี่ย! ฉันไม่อยากเปิดไฟ ขอเวลาฉันปรับตัวหน่อยสิคะ!”เขายิ้มอย่างมีเลศนัยขณะที่เมินคำบ่นของเธอและคว้าแขนเธอเพื่อหยุดเธอจากการดิ้นหนี…เธอลืมหายใจเมื่อเขาจับคางของเธอ สายตาเธอเริ่มพร่ามัวหมอนใบหนึ่งนอนอยู่บนพื้นหน้าเตียงราวกับว่ามันรับความป่าเถื่อนของพวกเขาไม่ได้...หลังจากที่เสร็จภารกิจแล้ว ทิฟฟานี่ก็ขดตัวในอ้อมแขนของแจ็คสันและวาดวงกลมบนแขนของเขาแจ็คสันจับมือของเธ
”หยุดทำไมล่ะคะ?” แอเรียนถาม “เล่นต่อสิ”“เธอก็มาผลักสิ ไม่อย่างนั้นก็มานั่งกับสมอร์” มาร์คชักชวนแอเรียนเคยตกชิงช้าเมื่อตอนที่เธอยังเด็ก เธอจึงหวาดกลัว “ไม่ ๆ ไม่ คุณเล่นกับเขาเลย เดี๋ยวฉันผลักให้ ขาคุณก็ออกจะยาว คุณน่าจะแกว่งตัวเองได้สบาย ไม่เห็นจะต้องพึ่งฉันเลย แล้วคุณจะขอให้ฉันผลักทำไม?”เขาเลิกคิ้วหนึ่งข้างและตอบว่า “เพื่อที่เธอจะได้มีส่วมร่วมด้วยแทนที่จะยืนเหม่อลอยอยู่ยังไงล่ะ…”มีบางอย่างผิดปกติในคำพูดของเขา…แอเรียนยอมแพ้และเดินไปข้างหลังพวกเขา เธอวางมือบนหลังเขาและออกแรงผลักแอริสโตเติลจะส่งเสียงร้องด้วยความดีใจเป็นครั้งคราว ดูเหมือนว่าแอริสโตเติลไม่ได้มีความสุขได้เฉพาะเวลาที่เล่นกับเจนิซ เพียงแต่ว่าเวลาที่แอเรียนเล่นกับเขาเธอมักจะเล่นแบบนิ่ม ๆ และเงียบ ๆ เพราะเขาคือลูกคนแรกของเธอและมันเป็นครั้งแรกที่เธอต้องเล่นกับเด็กทารก เพราะฉะนั้นยังมีอีกหลายอย่างที่เธอยังต้องเรียนรู้อีก...ในขณะเดียวกันที่ไวท์ วอเตอร์ เบย์ วิลล่าหลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จแจ็คสันก็กำลังล้างจานในห้องครัวตามปกติ ทิฟฟานี่สามารถจ้องเขาในชุดผ้ากันเปื้อนได้ทั้งวัน เธอไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากยืนพิงกำแพงในห้
หลังจากนั้นไม่นาน อเลฮานโดรและเจตต์ก็เดินออกมาจากห้างสรรพสินค้าและขึ้นรถไปอเลฮานโดรจ้องกองสินค้าสำหรับผู้หญิงข้าง ๆ เขา ระหว่างคิ้วของเขาแอบมีร่องรอยของความไม่พอใจเจตต์มองเขาผ่านกระจกมองหลัง “ท่านครับ อย่าปล่อยให้เรื่องอื่นเบี่ยงเบนความตั้งใจของท่านเลยครับ ท่านตัดสินใจที่จะไปเยี่ยมนายหญิงที่อายาเช่แล้ว” เขาเตือนเบา ๆ “ดอน สมิธจะไม่มีวันมอบสมบัติของตระกูลสมิธให้ท่านถ้าท่านลงมือในตอนนี้”อเลฮานโดรมองออกไปนอกหน้าต่างและตอบอย่างใจเย็นว่า “รู้แล้ว”เขาคงจะไม่ได้ออกมาซื้อของในวันนี้หากดอน สมิธไม่ได้กดดันเขา เขายังต้องเหนื่อยซื้อของมากมายให้เมลานีอีกด้วย เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอแอเรียนและทิฟฟานี่ที่นี่เหมือนกัน ดูจากสีหน้าของแอเรียนแล้ว มาร์คคงจะบอกเธอทุกอย่างแล้วเขาได้ต้นไม้นั้นมาจากคนอื่นอีกที มันเป็นสายพันธุ์ที่หายากจากนาฟาเอธ เขาต้องลำบากอย่างมากเพื่อที่จะนำมันกลับเข้ามาในประเทศ และไม่มีใครรู้เลยว่ามันจะออกดอกเมื่อไหร่ ถ้ามันได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถัน มันคงจะออกดอกในไม่ช้า ตอนแรกเขาตั้งใจว่าเขาจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขากับทิฟฟานี่เมื่อต้นไม้นั้นออกดอก แต่น่าเสียดายที่การเปลี่ย
หลังจากที่คุยกันนานพอสมควร ในที่สุดทิฟฟานี่ก็จำได้ว่าเธอมาที่นี่เพื่อซื้อเครื่องสำอางกับแอเรียน เธอหันไปหาแอเรียนและพบกับสีหน้าที่แปลกไปบนใบหน้าของแอเรียน “แอริ เป็นอะไรเหรอ?” เธอถามด้วยความสงสัย “ทำไมดึงหน้าแบบนั้นล่ะ? เธอโอเครึเปล่า?”แอเรียนหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะตอบว่า “ไม่ ฉันรู้สึกเหนื่อย ๆ นิดหน่อย ฉันไม่อยากช้อปปิ้งแล้ว ไปกันเถอะ”ทิฟฟานี่เอื้อมมือไปจับหน้าผากของแอเรียน “เพราะโรคเลือดจางของเธอรึเปล่า? เธอดูซูบ ๆ นะ ไว้ฉันจะบอกให้มาร์คขุนเธอให้อ้วน แต่ไหน ๆ เราก็มาถึงที่นี่แล้ว ทำไมไม่ซื้อของของเธอเลยล่ะ? เหลือแค่ต้องจ่ายเงินเอง ไม่นานขนาดนั้นหรอก ไปนั่งก่อนไหม? เดี๋ยวฉันจ่ายให้”อเลฮานโดรหันมามองแอเรียน แววตาของเขาแฝงไปด้วยการยั่ยยุ ทั้งคู่ต่างตระหนักถึงสถานการณ์ในตอนนี้ดีแอเรียนกลบเกลื่อนความโกรธของเธอและหาม้านั่ง เธอหวังเพียงว่าทิฟฟานี่จะเร่งรีบซื้อเครื่องสำอางเพื่อที่พวกเธอจะได้รีบออกไปจากที่นี่ ทุก ๆ วินาทีที่อยู่กับอเลฮานโดรถือเป็นความเสี่ยง“ทิฟฟานี่ ต้นไม้ที่ผมให้คุณออกดอกหรือยังครับ?” อเลฮานโดรจงใจถามถึงต้นไม้ในกระถาง ทิฟฟานี่ยื่นบัตรเครดิตของเธอให้พนักงานคิดเง