“ทำลายร้านนี้ให้สิ้นซาก แล้วก็กระทืบมันให้พิการซะ!”หัวโล้นหวังไม่มีแม้แต่ความเมตตา ออกคำสั่งอย่างเย็นชาและกอดอกด้วยความสบายใจหัวโล้นหวัง ผู้มีชื่อเสียงฉาวโฉ่เป็นนายหน้าไล่ที่ และแน่นอนว่าฉินเฟินตัวน้อยจะไม่อยู่ในสายตาของเขาในสายตาของเขา ฉินเฟินเป็นเพียงสุนัขขี้เรื้อนตัวเล็ก ๆ และไม่คุ้มที่จะใส่ใจเลยในขณะที่ทีมงานรื้อถอนกำลังลงมือ ทั้งร้านก็เต็มไปด้วยเสียงของสิ่งของที่แตกละเอียดฉินเฟินทำได้เพียงนั่งลงบนพื้น จ้องมองอย่างโกรธแค้นตอนนี้เขาหงุดหงิดอย่างมากความโกรธนี้ทำให้เขาอยากฆ่าใครสักคน“ไอ้หนู นี่เป็นคำเตือนครั้งสุดท้ายของแก ถ้าพรุ่งนี้ฉันเห็นแกยังวนเวียนอยู่แถวนี้ แกได้ลงไปสวัสดียมบาลแน่!”หลังจากพังร้านแล้ว ชายหัวโล้นก็ทิ้งคำพูดเย็นชาและรุนแรงไว้ แล้วเดินจากไปสำหรับผู้จัดการทีมรื้อถอนคนนี้ เขาทำให้ประธานผิดหวังไปแล้ว“บ๊ะ! ดูสิว่าใครจะตาย”แน่นอนว่า ฉินเฟินยอมแพ้หลังจากคิดสักพัก เขาก็กัดฟันและเริ่มทำความสะอาดร้านลูกค้ามาที่ร้านในช่วงบ่าย“ช่วยทำรูปปั้นเทพเจ้า เพื่อปัดเป่าวิญญาณร้ายให้ฉันหน่อย! ไม่เอาพวกของตกแต่งบ้านนะ ฉันต้องการอันที่ใช้งานได้ แต่เมื่อมองไปที่
“ฮ่า ๆ มีแค่เราสองคนเอง ฉันจะเรียกเธอแบบนั้น!"ฉินเฟินเห็นท่าทางเขินอายของเธอแล้วก็ยิ้มอย่างมีความสุข แต่ทันทีที่เขายิ้ม บาดแผลบนศีรษะของเขาเปิดออก ทำให้เขาเบ้ปากและนั่งยอง ๆ ลงด้วยความเจ็บปวด"นายโดนเล่นงานอีกแล้วเหรอ ฉันบอกนายแล้วว่านายควรโทรเรียกตำรวจ! บังคับรื้อถอนแบบนี้มันผิดกฎหมาย พวกเราจะย้ายออกเร็ว ๆ นี้เช่นกัน ฉันได้ยินมาว่าเจียงซานกรุ๊ปซื้อถนนทั้งเส้นไปแล้ว"“ไม่ ฉันต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง! เพราะนี่แสดงให้เห็นว่าความสามารถของฉันยังไม่แข็งแกร่งพอ!"ฉินเฟินจำได้ว่าจิ๋นซีฮ่องเต้ไม่เคยขอความช่วยเหลือจากคนอื่นเมื่อเผชิญกับความยากลำบาก ดังนั้นเขาจึงยืนกรานที่จะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองอย่างดื้อรั้นแต่จางซินซินขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดของเขา“นี่นายพูดอะไรของนาย? นายคิดว่าจะจัดการพวกเขาได้ทั้งหมดด้วยตัวคนเดียวเหรอ พวกเขาโหดร้ายมาก! อย่าดื้อรั้นนักสิ!”จางซินซินเป็นที่รู้จักในฐานะสาวงามประจำถนน ด้วยรูปลักษณ์ที่เพรียวบางและสดใสนั้น ดึงดูดความสนใจของชายหนุ่มนักต่อนัก แต่เธอกลับปฏิบัติต่อฉินเฟินอย่างใจดีเพียงคนเดียวเท่านั้นนี่เป็นเรื่องเดียว ที่ฉินเฟินสามารถเอามาภาคภูมิใจ
จางซินซินกำลังยุ่งอยู่ในครัว และฉินเฟินก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มอย่างโง่เขลา ขณะที่เขาเฝ้าดูเธอแต่เมื่อเขาก้มหัวลง ก็รู้สึกหดหู่ใจอีกครั้งอย่างกะทันหัน เพราะสิ่งที่เขาเพิ่งใช้ทุบคนอื่นนั้น แท้จริงแล้วคือรูปปั้นที่เขาสร้างขึ้นเองมีรอยแตกร้าวบนหน้าผากของรูปปั้นนายน้อยคนนั้นควรจะมารับรูปปั้นในช่วงบ่ายวันนั้น และก็สายเกินไปที่จะทำขึ้นมาอีกชิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่มีวัสดุวิเศษเหลืออยู่อีกแล้วความคิดนี้ทำให้ฉินเฟินรู้สึกวิตกกังวลหลังจากรับประทานอาหารกับจางซินซิน และพาเธอออกไปส่งแล้ว ฉินเฟินสังเกตเห็นว่าเวลามารับของกำลังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว จะทำอย่างไรดี?ฉินเฟินวิตกกังวลอย่างมากฉู่เฉินที่เฝ้าดูอย่างไม่ละสายตา แต่ไม่สามารถหยุดพูดได้ เด็กคนนี้หัวทึบจริง ๆ เพิ่งได้รับคู่มือการสร้างสวรรค์ไม่ใช่เหรอ?จากที่ฉู่เฉินรู้หลังจากบรรลุขั้นแรกของคู่มือการสร้างสวรรค์แล้ว ก็สามารถซ่อมแซมวัสดุต่าง ๆ ได้โดยใช้จารึก ซึ่งจารึกเป็นการใช้พลังจิตวิญญาณนอกจากนี้ ขั้นแรกยังเกี่ยวข้องกับการขัดเกลาร่างกาย ซึ่งเป็นการสร้างความแข็งแกร่งอย่างมหาศาล สิ่งที่ต้องทำเพื่อให้สำเร็จขั้นแรก ก็คือการรว
ฉินเฟินพูดจาไม่อ่อนน้อมถ่อมตนไม่หยิ่งผยอง และนำรูปปั้นเทพเจ้าตั้งไว้บนเคาน์เตอร์“จะได้แสดงอิทธิฤทธิ์ไหม?”นายน้อยผู้มั่งคั่งเหลือบมองรูปปั้นนั้น และพูดจาดูถูก“ได้ผลแน่นอน!" ฉินเฟินย้ำอีกครั้ง รัศมีของเขาแผ่ถึงความมีอำนาจไปทุกทิศทุกทาง ทำให้คนรอบข้างหยุดคิดไปชั่วขณะแม้ว่าฉินเฟินจะพูดด้วยความมั่นใจ แต่ลึก ๆ เขาเองกลับไม่แน่ใจ“แฟนของฉันหนีไปแล้ว ถ้าเจ้านี่ได้ผล ฉันจะหาเธอเจอเหรือเปล่า?” นายน้อยผู้มั่งคั่งยังคงพูดอย่างเย่อหยิ่ง เหยียดสายตามองมาที่ฉินเฟิน“แน่นอน!” ฉินเฟินพูดด้วยความมั่นใจมาก ราวกับว่าเขาเป็นเง๋กเซียนฮ่องเต้เอง ช่างกล้าหาญมาก“เจ้าหนู อายุแค่นี้แต่คำพูดคำจาสวนทางกับอายุ!”นายน้อยผู้มั่งคั่งรู้สึกขบขัน และหัวเราะไปพร้อมกับบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างหลังเรื่องเหนือธรรมชาติช่นนี้ เด็กที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่แม้แต่จะคิดก่อนพูด และตอบตกลงทันที“ติ้ดๆ !”ทันใดนั้น โทรศัพท์ของนายน้อยผู้มั่งคั่งก็ดังขึ้น“สวัสดี เฟิงเหรอ? นี่หลินหลินเอง ขอโทษที่ไม่ได้บอกลาก่อนหายไป มีเรื่องเกิดขึ้นที่บ้าน และฉันต้องรีบกลับ”เสียงหวานดังมาจากอีกปลายสายของโทรศัพท์ และเป็นเรื่องบังเอิญที่แฟนสา
"บูชาเหรอ? นายบอกว่าฉันต้องคุกเข่าเหรอ?"เจียงเฟิงขมวดคิ้ว"ถูกต้อง!""นายกำลังหาเรื่องฉันอยู่เหรอ?"ความโกรธของเจียงเฟิงปะทุขึ้นอีกครั้งบอดี้การ์ดก็มีท่าทีเย็นชาและดูเหมือนว่ากำลังจะโจมตีฉินเฟิน“ถ้านายเชื่อฉัน ก็ลองดูสิ ถ้านายไม่เชื่อฉัน ก็ลืมมันไปซะ!”ฉินเฟินตัดสินใจแล้ว และขี้เกียจเกินกว่าที่จะสนใจพวกเขาสองคนอีกต่อไปเพียงแค่พูดออกมาอย่างเย็นชาแต่เจียงเฟิงไม่สามารถคุกเข่าลงได้ แต่หลังจากคิดทบทวนแล้ว เขาก็ตะโกนใส่บอดี้การ์ดของเขา "แก คุกเข่าและไหว้ซะ!"บอดี้การ์ดรู้สึกไม่พอใจแต่ก็ขัดขืนไม่ได้ หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง เขาก็เดินไปข้างหน้า ก่อนจะคุกเข่าลง เขาหันไปหาฉินเฟินและเตือน"ไอ้หนู จำไว้ ถ้าแกกล้าหลอกเรา ฉันจะเด็ดหัวแกออกมา!"ฉินเฟินไม่แยแส เพียงแค่วางรูปปั้นลงบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจและมองไปที่จารึกที่สลักไว้“เทพกวนอู ลูกช้างเลื่อมใสและศรัทธาท่านมาก แต่หากท่านกำลังช่วยคนหลอกลวงพวกนี้รังแกคนซื่อสัตย์ นั่นไม่ถูกต้อง!” บอดี้การ์ดบ่นพึมพำขณะคุกเข่าลงในเวลาเดียวกัน เขาก็อธิษฐาน “เทพกวนอู หากท่านศักดิ์สิทธิ์อย่างที่คนเขาล่ำลือกันจริง ๆ ท่านช่วยลูกช้างตามหาน้องชายที่หาย
“ช่วยด้วย! ฉันยอมแพ้แล้ว!”"ตุบ!" ตอนนี้ฉินเฟิงเตะเขาปลิวออกไปอย่างภาคภูมิใจ และหลบเลี่ยง “อุบัติเหตุ” ที่กำลังจะเกิดขึ้นได้อย่างหวุดหวิดฉินเฟินหัวเราะเบา ๆ และพูด:“บอกแล้วไงว่ารูปปั้นของฉันใช้ได้จริง ยังไม่เชื่อฉันอีกเหรอ?”“ไอ้หนู ฉันแค่ล้อเล่นกับนาย แฟนฉันอยู่ไหน? แล้วความเคารพจากพ่อของฉันล่ะ? ทำไมความปรารถนาที่สามของฉันเป็นจริงได้? ฉันไม่คิดว่ามันจะทรงพลังขนาดนั้น ฉันเบื่อเกินกว่าจะพูดเรื่องไร้สาระกับนายแล้ว ส่วนรูปปั้นฉันขอรับมันไปแล้วกัน และถ้ามันมีประโยชน์ ฉันจะให้เงินนาย นายเข้าใจไหม?”เจียงเฟิงยังคงกระอักกระอ่วนอยู่ จากนั้นลุกขึ้นและพูด แม้ว่าคำพูดของเขาจะขาดความมั่นใจก็ตาม“ได้สิ นายเอามันไปเลย!”ฉินเฟิงไม่สนใจคำพูดของเขา และนำรูปปั้นมาให้เขา“ฮึ่ม พรุ่งนี้ฉันจะกลับมาอีก!”เจียงเฟิงออกไปพร้อมกับเสียงสะอื้นและหยิบรูปปั้นออกมาพร้อมกันฉินเฟินไม่ได้หยุดเขาเมื่อเห็นเขาออกไปเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น“เฮ้ ๆ พี่ชาย ทำไมรูปปั้นของคุณถึงแตกร้าวอีกแล้วล่ะ?”เช้าตรู่ เมื่อฉินเฟินยังไม่เปิดประตูร้าน เจียงเฟิงก็กลับมาอีกครั้งพร้อมกับบอดี้การ์ดแต่ท่าทางของพวกเขาทั้งสองนั้นแป
หัวโล้นหวังรีบเข้ามา และเหลือบมองฉินเฟินที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร แต่เมื่อเขาเห็นเจียงเฟิงและบอดี้การ์ด เขาก็ตกตะลึงอีกครั้ง“พวกแกเป็นใคร พวกแกกล้ามาซื้อของได้ยังไง เบื่อที่จะหายใจแล้วใช่ไหม!”ฉินเฟินคว้ารูปปั้นบนโต๊ะทันทีอีกครั้ง เตรียมที่ทุบเจ้าคนหัวโล้นแต่เมื่อเจียงเฟิงเห็นรูปปั้นของตัวเองถูกคว้าไป ก็ถามทันทีด้วยความกังวล “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”“เกิดอะไรขึ้น? แกมาทำอะไรก่อน? สถานที่แห่งนี้ถูกกำหนดให้รื้อถอนเอาไว้แล้ว ไม่รู้เหรอ? รีบไปให้พ้น ไม่งั้นฉันจะจัดการนายไปด้วยเลย!”คิดไม่ถึงว่า เจ้าคนหัวโล้นไม่รู้จักเจียงเฟิง และตบเขาไปฉาบหนาง“เขาคือกรรมการผู้จัดการใหญ่!”บอดี้การ์ดเข้าใจความคิดของเจ้านายและโกรธทันที เดินสองก้าวและยกมือขึ้นตบเจ้าคนหัวโล้นดัง "เพี้ยะ!" ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียวและล้มลงกับพื้นทำให้เขาต้องอับอายอย่างมากในทันทีอันธพาลคนอื่น ๆ ต่างพากันตกตะลึงกับภาพนี้และกำลังจะรีบวิ่งเข้ามาแต่บอดี้การ์ดตะโกน: “พวกแกอยากเปลี่ยนงานเหรอ? นี่คือทายาทคนเดียวของกลุ่มเจียงซาน ลูกชายของท่านประธาน นายน้อยเจียงเฟิง”ไม่คาดคิดว่าบอดี้การ์ดจะจำคนได้สองสามคนฉินเฟินซึ่งเฝ
“พลังจิตวิญญาณ พลังจิตวิญญาณ… มีพลังจิตวิญญาณอยู่ที่นี่ นั่นคือเหตุผลที่ผู้จัดการโครงการยืนกรานที่จะต้องยึดสถานที่นี้”ในที่สุดหัวโล้นหวังก็สารภาพ แต่กลับดูวิตกกังวล“แต่ตอนนี้มันหายไปหมดแล้ว!”เจียงเฟิงเองก็พบกับความยากลำบากเช่นกัน หากเป็นก่อนเมื่อคืนนี้ เขาคงไม่เชื่อเรื่องเหล่านี้ แม้แต่ตอนนี้เอง เขาก็ไม่แน่ใจเช่นกันหากที่นี่มีพลังจิตวิญญาณจริง ๆ และจากนิสัยของพ่อของเขาแล้ว เขาจะต้องพยายามทุกวิธีทาง เพื่อยึดสถานที่นี้ และตอนนี้ตัวเขาเอง ก็กำลังขอความช่วยเหลือจากท่านอาจารย์ที่นี่ด้วย ดังนั้นควรทำอย่างไรดี?เมื่อเห็นความลำบากใจของเจียงเฟิงฉินเฟินกำลังจะพูดในตอนนั้นในที่สุดฉู่เฉินก็พูดขึ้นมีเพียงฉินเฟินเท่านั้นที่ได้ยินเสียง“ฉินเฟิน ปู่ของนายไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว ตอนนี้พลังของนายเองต่ำเกินไป ฉันแนะนำให้นายเอาเงินค่ารื้อถอนจำนวนหนึ่ง แล้วหาสถานที่ฝึกฝนที่ดีกว่าแทน เมื่อพลังของนายแข็งแกร่งขึ้น นายสามารถกลับมาได้ในภายหลัง มันยังไม่สายเกินไป”“แล้วการฟื้นฟูพลังจิตวิญญาณล่ะ”ฉินเฟินก็ไม่ใช่คนโง่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉู่เฉินปรากฏตัว และฉินเฟินก็ยอมรับการปรากฏตัวของเขาแล้ว“รอจน