“ผู้ฝึกฝนแสงนภานี้ ไม่เคยได้ยินมาก่อน รวมถึงแม้แต่ในโลกยุทธภพอีกด้วย”ทุกคนอุทานด้วยความประหลาดใจแม้แต่ปรมาจารย์ลึกลับทั้งสองบนท้องฟ้า ก็ยังจ้องมองลงมา“ก็แค่จอมยุทธขั้นสาม แล้วแกได้เป็นเจ้าของดินแดนเร้นลับนี้หรือเปล่า?”หนึ่งในนั้นมองที่ฉู่เฉินและพูดอย่างเย็นชา“ถ้าใช่แล้วจะทำไม?” ฉู่เฉินตอบอย่างไม่แยแสก่อนหน้านี้ ชายชราสองคนนี้ดูลึกลับและไม่อาจหยั่งรู้ได้ แต่ตอนนี้อาจเป็นเพราะพวกเขาอยู่ใกล้ทางออกของดินแดนเร้นลับ ฉู่เฉินจึงสามารถสัมผัสได้ถึงรัศมีของพวกเขาได้อย่างคลุมเครือ ซึ่งวรยุทธอยู่ในช่วงกลางของระดับจอมยุทธเท่านั้น มากที่สุดคือขั้นหก“เป็นแกจริงๆ สินะ! ช่างกล้าจริงๆ ไอ้หนู เพิ่งก้าวผ่านจิตมาแท้ๆ แต่แกก็เย่อหยิ่งและไม่เคารพผู้อาวุโสซะแล้ว แกคิดว่าเพียงเพราะแกเข้าสู่ระดับจอมยุทธแล้ว แกก็สามารถท้าท้ายพวกเราได้งั้นเรอะ?”ชายชราเปล่งเสียงออกมาด้วยความโกรธ เมื่อได้ยินแบบนั้น“แกนั่นแหละที่พูดจาวางมาดอยู่เสมอ ฉันไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ จะอะไรอีก เมื่อรู้แล้วว่าฉันได้ครอบครองดินแดนเร้นลับแล้ว แกก็ยังอยากจะบังคับฉันให้อยู่ที่นี่เหรอ?”ฉู่เฉินยังคงไม่ถ่อมตัวหรือเย่อหยิ่ง และมองต
จากข้อเรียกร้องของบรรพบุรุษตระกูลฉินฉู่เฉินก็ปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา“ไม่มี ไม่เห็นแม้แต่อันเดียว!”“เจ้าหนู แกถือว่ามีความกล้าทีเดียว แกคิดว่าในฐานะซวนหวู่สามารถปกป้องแกได้จริงๆ เรอะ ฉันพยายามพูดกับแกอย่างสุภาพ และแกกลับดูหมิ่นฉัน!” บรรพบุรุษตระกูลฉินโกรธแค้นทันทีต่อให้อารมณ์ดีขนาดไหนก็ทนไม่ไหวแล้วตอนนี้“ความเคารพเป็นสิ่งที่ต้องหามาเอง ไม่ใช่ต้องรอให้คนอื่นมามอบให้ หากแกไม่เคารพคนอื่นก่อน แล้วทำไมฉันต้องเคารพแกคืนด้วย!” ฉู่เฉินตอบอย่างใจเย็นคำพูดนั้นเต็มไปด้วยการเสียดสี“ไอ้หนู ด้วยทัศนคติแบบนี้ แกคือขยะเปียกที่เหลือรอดของตระกูลฉู่จริงๆ พวกแกทุกคนชอบร้องหาที่ตาย!”ผู้เฒ่าตระกูลฉินที่โดนการถากถาง จู่ๆ ก็ระงับความโกรธและหัวเราะเยาะเย้ยแทนเมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉู่เฉินก็ถามเขาทันที“แกหมายความว่าอะไร?”“ฉันหมายถึงอะไร ฉันรู้ว่าแกรู้เรื่องนั้นดีนิ”“แกกำลังบอกว่าเหตุการณ์ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าชิงซานนั้น ถูกจัดฉากโดยตระกูลฉินของแกเหรอ?”“แล้วจะทำไมล่ะ? ฉู่เฉิน แม้ว่าฉันจะบอกแกในตอนนี้ว่า ไม่เพียงแต่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าชิงซานที่ ถูกจัดการโดยตระกูลฉินในตอนนั้น แต่แม้แต
“ใช่แล้ว ใครจะคิดว่าฉู่ซวนหวู่จะเด็ดเดี่ยวและกล้าบ้าบิ่นได้ขนาดนี้ น่าเสียดาย หากเขาสามารถรอดไปจากหายนะครั้งนี้ได้ และจากการที่เขาครอบครองดินแดนเร้นลับนี้ ตระกูลฉู่ในเมืองหลวงก็จะกลับมารุ่งโรจน์ดังเช่นในอดีตอีกครั้ง”“จริงสิ น่าเสียดายนะ เฮ้อ”ทุกคนถอนหายใจแม้ว่าจะไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขาสองคนแต่ตอนนี้ ท่าทีที่ไร้เหตุผลของฉู่เฉินได้ประจักษ์ต่อสายตาของทุกคน ดังนั้นจึงถูกการวิพากย์วิจารณ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ไม่เพียงแต่ผู้ฝึกฝนอิสระเท่านั้นแม้แต่ชิงหลงและผู้อาวุโสเฉินที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉู่เฉิน ก็ยังตระหนักถึงอันตรายในขณะนี้สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ฉู่เฉินเสียสติไปแล้วแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมามัวคิดเรื่องนี้“ฮึ่ม กล้าที่จะโจมตีบรรพบุรุษของตระกูลฉิน ฉู่เฉินถึงคราวตายแล้ว!” ฉินลี่ชุนเยาะเย้ยอย่างเย็นชา มองไปทางชิงหลงกับผู้อาวุโสเฉินอย่างยียวน“ใช่ แม้ว่าพวกเราทั้งสองตระกูลจะขัดแย้งกันมาโดยตลอด แต่ฉันก็ยังเห็นด้วยกับสิ่งที่นายพูดในประเด็นนี้”หานฉวนซิงก็อยู่ข้างๆ มีท่าทางเหมือนชมการแสดงดีๆบนท้องฟ้าบรรพบุรุษของตระกูลฉินจงใจล่อฉู่เฉินมาที่นี่ เพื่อฆ่าเมื่อเห็นฉ
ทันใดนั้น ดินแดนเร้นลับขนาดใหญ่ก็ปกคลุมพวกเขาทั้งสองไว้บรรพบุรุษทั้งสองยังคงพูดคุยและหัวเราะโดยไม่รู้ตัว“ฉันไม่เคยคิดเลยว่า แค่เด็กหนุ่มหน้าใสจะทำให้นายไม่สามารถโค่นเขาลงได้ ถึงขั้นต้องเรียกหาฉันออกมา!”บรรพบุรุษตระกูลหานพูด“ใช่ ครั้งสุดท้ายที่พวกเราสองคนร่วมกันมือคือที่ตระกูลฉู่ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เวลาได้ผ่านมากว่าทศวรรษแล้ว แถมยังเป็นคนจากตระกูลฉู่อีก”บรรพบุรุษตระกูลฉินก็พูดอย่างใจเย็นเช่นกัน“เหมือนวาสข่าวลือเกี่ยวกับตระกูลฉินและหานที่ไม่ลงรอยกันก็ไม่เป็นความจริง!” ฉู่เฉินพูดขึ้นในขณะนี้เมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองคุยกันและหัวเราะเหมือนเพื่อนเก่า ก็อดไม่ได้ที่จะพูดแทรกขึ้นมา“ไม่ลงรอย? นั่นเป็นแค่เรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันของคนรุ่นใหม่” บรรพบุรุษตระกูลหานยิ้มและเชื่ออย่างชัดเจนว่าเมื่อทั้งคู่รวมพลังกัน ฉู่เฉินก็ไม่ใช่ภัยคุกคามใดๆ เลยบรรพบุรุษตระกูลฉินก็พูดเช่นกัน“หากพวกเราไม่สร้างเรื่องทะเลาะกันขึ้นมา ต้าเซี่ยจะอนุญาตให้พวกเราอยู่ในเมืองหลวงได้อย่างไร ช่างมันเถอะ แม้ว่าฉันจะบอกแกไป แกก็คงไม่เข้าใจ”“ไอ้หนู แกติดอยู่ในค่ายกลแล้ว ฉันจะถามแกเป็นครั้งสุดท้าย แกยินดีที่จะมอ
"จริงเหรอ?"ฉู่เฉินมีความคิดอีกอย่างหนึ่งบรรพบุรุษของตระกูลหานมองดูร่างกายของตัวเอง เริ่มหายไปจากเท้าขึ้นไปทีละน้อย“นี่… นี่เป็นไปไม่ได้!”วิธีการเหล่านี้สามารถลบออกได้ตามใจชอบ“นี่ไม่ใช่ค่ายกล แต่เป็นโลกของแกงั้นเรอะ?”ก่อนตาย บรรพบุรุษของตระกูลหานได้กล่าวคำพูดสุดท้ายแม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เรียกว่า โลกนี้คืออะไร แต่ก็มั่นใจว่ามันเป็นสิ่งที่ทรงพลังกว่าค่ายกลนี่จึงถือเป็นโลกของตัวเองตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดมากกว่านี้ สายตาเย็นชาของฉู่เฉินจับจ้องไปที่บรรพบุรุษตระกูลฉิน“ไว้ชีวิตฉันเถอะ ฉู่ซวนหวู่ สิ่งที่ฉันพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องโกหก ฉันหลอกคุณ ไว้ชีวิตฉันเถอะนะ แล้วฉันจะให้ทุกสิ่งที่คุณต้องการ!”บรรพบุรุษตระกูลฉิน เมื่อเห็นว่าบรรพบุรุษตระกูลหานหายไปต่อหน้าต่อตา ก็สึกหวาดกลัวอย่างยิ่ง เมื่อสบตากับแววตาของฉู่เฉินอีกครั้ง ก็ได้ร้องขอความเมตตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า“ตอนนี้สายเกินไปที่จะขอความเมตตาแล้ว หากแกคิดที่จะจัดการฉันและโจมตีฉันเพียงลำพัง อาจยังมีพื้นที่สำหรับการเจรจา แต่แกไม่ควรโจมตีทั้งสถานที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้าชิงซาน ไม่ต้องกังวล ฉันบอกแล้วว่าฉันจะฝังตระกูลฉินทั้ง
บรรพบุรุษของฉันหายไปไหน?ความคิดที่ไม่ดีพุ่งเข้ามาในจิตใจของฉินลี่ชุนเหมือนปีศาจความแข็งแกร่งของฉู่เฉินนั้น น่ากลัวมาก?ไม่ เป็นไปไม่ได้ บรรพบุรุษอยู่ในขั้นหกของระดับจอมยุทธ!คงจะเป็นไปได้ว่า บรรพบุรุษจะถูกรั้งด้วยอะไรบางอย่างและยังสามารถกลับมาไม่ปรากฏตัวได้เหมือนว่า ตอนนี้ตัวเขาจะไม่ใช่คู่มือของฉู่เฉินและไม่สามารถรอที่นี่ต่อไปได้ จึงต้องหนีและรอให้บรรพบุรุษกลับมาเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ฉินลี่ชุนก็พูดขึ้นทันที“ฉู่ซวนหวู่ แกสติกลับแล้วเหรอ? ฉันเป็นผู้นำตระกูลฉิน ถ้าแกยังกล้าลงมือกับฉัน ก็ถือว่าอยากจะมีความบาดหมางกับตระกูลฉันจริงๆ หรือ?”ฉินลี่ชุนพยายามใช้ตระกูลฉินทั้งหมดเป็นคำขู่ เพื่อหยุดการโจมจากฉู่เฉินนั่นคือสิ่งที่ฉู่เฉินต้องการ ฉู่เฉินเดินเข้ามาอย่างรวดเร็วผ่านฝุ่นด้วยฝุ่นที่ปกคลุม จึงง่ายสำหรับฉู่เฉินที่จะโจมตีการรับมือกับปรมาจารย์ระดับเดียวกันฉู่เฉินไม่จำเป็นต้องใช้ค่ายกลเลยฉู่เฉินดึงดาบดาราเจ็ดแสงออกมา ซึ่งกลายเป็นลำแสงและไล่ตามฉินลี่ชุนไป"เร็วมาก!"ฝุ่นไม่สามารถบดบังสายตาของเหล่าจอมยุทธในบริเวณนี้ได้หลายคนประหลาดใจกับความเร็วของฉู่เฉินความเร็วนี้ไม่ใช่
เห็นได้ชัดว่า ตัวเขารู้ว่าไม่สามารถโน้มน้าวฉู่เฉินได้อีกต่อไป“ฉู่เฉิน แกไม่ปล่อยวางจริงๆ สินะ แกรู้ไหมว่าเมื่อแกฆ่าฉัน แกจะบาดหมางกับตระกูลหานของฉันตลอดไป ภูมิหลังของของตระกูลหานนั้นอยู่เหนือล้ำเกินจินตนาการของแก”หานฉวนซิงถาม แต่ก็ยังไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้“ปล่อยวาง? ไร้สาระชะมัด ตั้งแต่แรกฉันก็ไม่เคยไปยั่วยุแกเลย เป็นแกเองนั่นแหละที่ตามล่าฉันอย่างไม่ลดละ แถมยังส่งคนมาฆ่าฉัน แล้วตอนนี้แกกลับพูดถึงการปล่อยวาง แกไม่คิดว่ามันน่าหัวเราะเหรอ?“หานฉวนซิง แกนี่มันดื้อด้านจริงๆ ลูกชายทั้งสองของแกตายด้วยน้ำมือของฉัน แต่แกก็ยังสงบมาก ดูเหมือนว่าลูกชายของแกไม่ได้มีความหมายอะไรต่อแกมากนัก!”ฉู่เฉินพูดเย้ยหยันเล็กน้อยใบหน้าของ หานฉวนซิงตึงเครียดทันทีเมื่อฉู่เฉินพูดในเชิงนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่มีเจตนาที่จะไว้ชีวิตตัวเขาไปเมื่อตระหนักถึงเรื่องนี้ หานฉวนซิงจึงละทิ้งความคิดที่จะหลบหนี“ฉู่เฉิน แกกำลังรนหาที่ตาย! แกคิดจริงๆเหรอว่าด้วยระดับจอมยุทธขั้นสามของแก แกสามารถเขย่าตระกูลหานได้เหรอ? ไร้สาระ”ความคิดของหานฉวนซิงเปลี่ยนไป เขาก็ไม่ต้องการหลบหนีอีกต่อไป แต่กลับปลดปล่อยการฝึกฝนทั้งหมดของเขาแล
ณ คฤหาสน์ตระกูลฉิน ภายในดินแดนเร้นลับจู่ๆ ชายชราก็ตื่นขึ้น! เปิดประตูสถานที่พักผ่อนอันเงียบสงบออก“เกิดอะไรขึ้น?”ชายชราเป็นผู้นำคนก่อนของตระกูลฉินและยังเป็นพ่อของฉินลี่ชุน ฉินเจิ้งเทียน!ได้ทำการบำเพ็ญเพียรอยู่ภายในดินแดนเร้นลับของตระกูลฉิน พยายามที่จะก้าวผ่านจิตจากระดับจอมยุทธไประดับเซียนวรยุทธแต่เพิ่งสัมผัสได้ว่ามีเรื่องสำคัญเกิดขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่เขาออกจากการบำเพ็ญเพียรหลังจากที่ฉินเจิ้งเทียนพูด หลายคนก็รีบเข้ามาจากด้านนอกทันที“ท่านบรรพบุรุษ มีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น!”“ทำไมต้องตื่นตระหนกขนาดนี้ สงบสติอารมณ์ซะ”ฉินเจิ้งเทียนตำหนิ เมื่อเห็นสมาชิกในตระกูลตัวสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้“ท่านบรรพบุรุษ ผู้นำตระกูลตายแล้ว!”"แกพูดอะไร?"ฉินเจิ้งเทียนตกตะลึง“ไม่เพียงแต่ผู้นำตระกูลเท่านั้น แต่ยังรวมถึงนายน้อยใหญ่และนายน้อยสองด้วย”คนส่งข่าวพูดด้วยความกลัวแม้แต่ฉินเจิ้งเทียนก็อดไม่ได้ที่จะสั่นเล็กน้อยในขณะนี้ลูกชายของตัวเองจากโลกนี้ไปแล้ว และหลานชายก็จากไปเช่นกัน“ใครเป็นคนทำ บอกมา มันเป็นหนึ่งในตระกูลที่ยิ่งใหญ่อื่นๆ ในเมืองหลวงหรือเป็นนิกายเร้นลับ?”ฉินเจิ้งเทียนครุ