“ไอ้เด็กเหลือขอ แกเอาขยะสามตัวนั่นมาไว้ที่นี่?” ขณะที่ทั้งสามหายตัวไป พวกเขาก็ปรากฏตัวไม่ไกลจากจวินหวู่หมิง ซึ่งนั่นทำให้เขาบ่นทันที“ผู้อาวุโส โปรดยกโทษให้ฉันด้วย ทั้งสามคนนี้เป็นลูกน้องของฉันเอง เมื่อการต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้น ฉันกลัวว่าจะทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นฉันจึงต้องให้พวกเขาไปซ่อนตัวอยู่กับคุณก่อน” ฉู่เฉินอธิบายเมื่อได้ยินคำอธิบายของฉู่เฉิน จวินหวู่หมิงก็ไม่ได้บ่นอีกต่อไป เพียงพูดต่อเท่านั้น"เจ้าหนู ด้วยลมปราณที่แท้จริงของนายเพียงครึ่งเดียว ไม่สามารถเอาชนะเขาได้!"“ถึงอย่างนั้นผมก็ต้องสู้ ไม่เพียงแต่สู้เท่านั้น แต่ยังต้องฆ่าเขาด้วย!” น้ำเสียงของฉู่เฉินเต็มไปด้วยจิตสังหาร“ถ้าอย่างนั้นมันก็มีราคาที่ต้องจ่าย” จวินหวู่หมิงพูดต่อ"ค่าใช้จ่ายอะไร?" ฉู่เฉินถาม“ราคาก็คือ นายต้องซื้อโทรศัพท์มือถือมาให้ฉัน แล้วฉันจะบอกนาย” จวินหวู่หมิงพูดด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์ มันยากที่จะจินตนาการถึงท่าทางเช่นนี้ของปรมาจารย์ผู้ทรงพลังที่รู้จักกันในนามราชาวรยุทธนี่เป็นเพราะความคุ้นเคยของเขากับฉู่เฉิน โดยปกติแล้วคนอื่น คงจะไม่ได้เห็นมุมนี้ของเขา“สบายมาก ผมจะจัดการให้คุณทีหลัง” ฉู่เฉิน
จากการปะทะกันของนักสู้ทั้งสองได้ปะทุขึ้นทีละระลอก โดยได้ซัดปรมาจารย์เคนอิจิถอยไปไกลตอนนี้พื้นที่ทั้งหมดอยู่ในสภาพพังทลายลงราบเป็นหน้ากลองทั้งสองต่อสู้จากบนฟ้าและทะยานลงสู่พื้นดิน บนพื้นมีหลุมและบ่อทั้งจากคลื่นกระแทก ทั่งทั้งบริเวณเกิดฝุ่นคลุ้งกระจายไปทั่วและทั้งสองทะยานขึ้นไปโจมตีกันอีกครั้งกลางอากาศด้วยเสียงคำรามซ้ำแล้วซ้ำเล่าและการเผชิญหน้านับพันครั้ง ทันใดนั้น ฉู่เฉินก็ถูกโจมตีเข้าที่หน้าอกด้วยฝ่ามือ ราวกับโดนลูกธนูปักเข้ากลางอก ทำให้ฉู่เฉินกระเด็นลอยออกไปไกลเมื่อลุกขึ้นมา ก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก ทั้งสองฝ่ายหลุดออกจากระยะการโจมตีชั่วคราว“ฮ่าๆ ฉู่ซวนหวู่ ยังไงซะ แกฉันก็กระดูกคนละเบอร์ และแกจะต้องเอาชีวิตของแกชดใช้ความเย่อหยิ่ง ก่อนหน้านี้ควรจะปล่อยฉันไป แต่ดันทุรังมารั้งฉันเอาไว้ ตอนนี้แกบาดเจ็บและสู้ฉันต่อไม่ได้ แกตายตามซวนหวู่ของแกไปซะเถอะ” ปรมาจารย์ฮานาดะหัวเราะดังลั่น เมื่อเห็นฉู่เฉินกระอักเป็นเลือดออกมาจากการการโจมตีด้วยฝ่ามือเพียงครั้งเดียวฮานาดะชนะแล้ว!ปรมาจารย์เคนอิจิที่อยู่ใกล้ๆ ได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจมาก และรีบเดินเข้าไปด้านหลังฮานาดะ“ปรมาจารย์ฮานาดะ อย่า
หลังจากได้ตรวจสอบมาสักพัก ปรมาจารย์ฮานาดะก็ไม่เข้าใจสัญลักษณ์แม้แต่ตัวเดียวจึงกวักมือเรียกปรมาจารย์เคนอิจิ“ฉันได้ยินมาว่าคุณมีงานวิจัยเกี่ยวกับค่ายกลของต้าเซี่ย ค่ายกลนี้คืออะไรกันแน่? คุณมีวิธีที่จะทำลายมันหรือเปล่า?”ตอนที่ค่ายกลก่อตัวขึ้น ปรมาจารย์เคนอิจิก็เริ่มศึกษาค่ายกลนั้นเมื่อได้ยินคำถามของปรมาจารย์ฮานาดะ ปรมาจารย์เคนอิจิก็ขมวดคิ้วและครุ่นคิด ก่อนที่จะตอบ: "น่าจะค่ายกลแผนผังแปดทิศทั่วๆ ไปในต้าเซี่ย แต่เมื่อเปรียบเทียบกับค่ายกลแผนผังแปดทิศแบบปกติ ค่ายกลนี้ไม่มีรูปแบบการโจมตี แต่กลับมีค่ายกลเล็กๆ ที่เชื่อมต่ออยู่มากกว่าสิบค่ายกล การก่อตัวของกับดักเล็กๆ ปะปนกัน ทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ได้ และฉันก็รู้บางส่วนแล้ว แต่ก็มีค่ายกลอื่นๆ อีกที่ ... "“หยุดพูดพล่ามแล้วบอกฉันมาสักทีว่าคุณจะทำลายมันได้ไหม!” ฮานาดะขัดจังหวะการพูดไม่รู้จบของเคนอิจิ“ถ้าให้เวลาฉันไม่กี่วัน ฉันก็น่าจะทำลายมันได้” เคนอิจิตอบ“ไม่กี่วันงั้นเหรอ? งั้นมีแกไว้ทำสากกะเบือเหรอ!” ฮานาดะที่ติดอยู่ภายในค่ายกลและไม่มีที่ไหนที่จะระบายความโกรธได้ จึงเตะปรมาจารย์เคนอิจิออกไป……ครึ่งชั่วโมงต่อมาฉู่เฉินไม่เพียงแ
“เพราะในสายตาของฉัน แกมันกระจอกยังไงล่ะ!” ฉู่เฉินตอบอย่างเย็นชา"แก!" ฮานาดะมีท่าทางที่ไม่เชื่อแกได้ยินเรื่องไร้สาระที่แกพูดออกมาไหม? ทั้งคู่ต่างก็อยู่ขั้นแรกของระดับพระกาฬ แต่แกกล้ามาเรียกตัวฉันว่ากระจอกงั้นเหรอ“โอ้ เผื่อแกจะยังไม่รู้ ฉันจะบอกให้แกรู้แล้วกันว่า แม้แต่การฝ่ามือก่อนหน้านี้ก็เป็นสิ่งที่ฉันตั้งใจให้แกซัดฉันเองล่ะ มันช่วยให้ฉันเพิ่มเลือดเข้าไปในค่ายกล เพื่อจะได้เปิดใช้งานมัน แกคิดว่าคนจากประเทศเกาะเล็กๆ อย่างแกจะคู่ควรต่อสู้กับฉันจริงๆเหรอ?” ฉู่เฉินยังคงพูดจาถาถางต่อ“ฉู่ซวนหวู่ ใครก็โม้กันได้ มาค้นหาความจริงในการต่อสู้กันดีกว่า” ปรมาจารย์ฮานาดะพูดด้วยความโกรธพร้อมแสดงสีหน้าอาฆาตแค้น“ฉันรู้ว่าแกแค่แสร้งทำเป็นโกรธ เพื่อล่อฉันเข้าไปในค่ายกล” ฉู่เฉินพูดอย่างสงบเมื่อได้ยินเข้า ปรมาจารย์ฮานาดะก็รู้ทันทีว่า ถูกมองออกแล้วใช่แล้ว คนที่สามาบำเพ็ญตนจนได้ถึงระดับพระกาฬ ล้วนแต่ไม่ใช่คนโง่ปรมาจารย์ฮานาดะไม่ได้เสแสร้งอีกต่อไป แต่มองไปที่ฉู่เฉินจากภายในค่ายกลอย่างเย็นชาฉู่เฉินพูดต่อ “ตอนนี้ฉันมีมากกว่าสิบวิธีที่จะฆ่าแก ตัวอย่างเช่น ฉันสามารถไปที่ฐานเพื่อไปเอานกกระจอก ร
ฉู่เฉินเดินเข้าไปหา แล้วตบบนไหล่ของเคนอิจิ“สมแล้วกับที่เป็นปรมาจารย์สวรรค์ของญี่ปุ่น! ในเมื่อแกต้องการยอมรับฉันในฐานะเจ้านายมาก ฉันจะไว้ชีวิตนาย ไสหัวไปให้พ้น กลับไปญี่ปุ่นซะ!”“ขอบคุณ ฉู่ซวนหวู่ ขอบคุณมาก ฉันจะไม่ลืมบุญคุณอย่างแน่นอน นายท่าน” เมื่อได้ยินเช่นนี้ เคนอิจิรู้สึกได้รับการอภัยโทษครั้งใหญ่ จึงลุกขึ้นแล้วรีบวิ่งหนีไปเคนอิจิไม่กล้าบินหนีไปเพราะกลัวว่าจะเป็นการยั่วยุฉู่เฉินอีกครั้ง เมื่อวิ่งออกจากฐานซวนหวู่ ก็ได้ทะยานบินขึ้นไปบนท้องฟ้า“ฉู่ซวนหวู่ ความอัปยศในวันนี้จะได้รับการล้างแค้นเป็นร้อยเป็นพันเท่า แล้วฉันจะทำให้แกคุกเข่าอ้อนวอนต่อหน้าฉัน!”เคนอิจิเหลือบมองกลับไปที่ฐานซวนหวู่และสาบานอยู่ใจ“ไอ้หนู จะปล่อยเขาไปแบบนี้จริงๆเหรอ?” แม้แต่จวินหวู่หมิงก็ยังสงสัย“ไม่ต้องห่วง ผู้อาวุโส ฉันได้ร่ายคำสาปไว้บนร่างกายของเขาแล้ว คำสาปนี้สามารถควบคุมความเป็นความตายของเขาได้ไม่ว่าจะอยู่ห่างไกลแค่ไหน และต้องเป็นฉันเท่านั้นที่เราจะสามารถถอนคำสาปได้ จะให้เขาอยู่หรือตายก็เป็นที่ฉันกำหนดได้ ตอนนี้ปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปอีกสองสามวันก็ไม่เป็นไรหรอก”“นายไม่กลัวว่าข่าวลือของตัวเองจะแ
พวกเขาทั้งสามมองหน้ากัน แต่ไม่มีใครพูดอะไรเมื่อเห็นปฏิกิริยาของพวกเขา ฉู่เฉินก็เข้าใจว่าทั้งสามคนอาจหมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝนมาก จนไม่ได้ใส่ใจในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับซวนหวู่เลย ไม่เช่นนั้นคงไม่มีปฏิกิริยาแบบนี้“เรียกพวกเขาทั้งสองคนกลับมา และหลังจากที่ราชาอัสนีบาตสวรรค์กลับมา พวกเราก็จะมีการประชุมเล็กๆ กัน ฉันมีอะไรจะพูด”หลังจากที่ฉู่เฉินพูดจบ ร่างของเขาก็หายวับไปจากตรงนั้น“หัวหน้าผู้ฝึกสอนเริ่มเข้าใจยากมากขึ้นเรื่อยๆ”……เมื่อฉู่เฉินปรากฏตัวอีกครั้ง ก็อยู่บนถนนของชูโจวแล้ว ถือโทรศัพท์และพูดคุยกับใครบางคนที่อยู่ปลายสายไม่มีใครรู้ว่าฉู่เฉินที่เพิ่งสังหารปรมาจารย์ชาวญี่ปุ่นชั้นนำหลายคน ตอนนี้กำลังเดินไปตามท้องถนนเหมือนคนธรรมดา“ท่านผู้นำพูดตามตรงกับฉันเถอะ องค์กรป้องกันประเทศที่สำคัญทั้งสี่ของต้าเซียคืออะไรกันแน่?”“ฉู่เฉิน ฉันไม่รู้รายละเอียดขนาดนั้น ฉันรู้แค่ว่าหลังจากที่คุณเข้ารับตำแหน่งที่ซวนหวู่แล้ว พวกระดับสูงก็ส่งชิงหลงไปญี่ปุ่น จากการบอกเล่าของชิงหลง เขาได้สังหารปรมาจารย์ไปหนึ่งคนในญี่ปุ่น ซึ่งเรื่องนี้นำไปสู่สถานการณ์ปัจจุบันของซวนหวู่”“ท่านผู้นำ นี่ฉันต้องตามเช็ดก้
รู้สึกละอายใจบ้างที่รับศิษย์สองคนแต่โดยพื้นฐานแล้วทำตัวเหมือนเป็นปรมาจารย์ที่ไร้ประสบการณ์ ทิ้งหนังสือเคล็ดวิชาไว้ให้พวกเขาแล้วหายไปเนื่องจากตอนนี้อยู่ที่ฉู่โจว จึงต้องการประเมินความก้าวหน้าของลูกศิษย์ทั้งสอง“วันนี้คุณสองคนไปไหนมาบ้าง?” ฉู่เฉินถาม“อาจารย์ วันนี้พวกเรากำลังช่วยนายหญิง” เว่ยอิงลั่วตอบอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เยว่ฟู่หลงจะพูดอะไร"อะไร? นายหญิง? ทำไมฉันถึงไม่รู้ว่าตัวเองมีภรรยาล่ะ?” ฉู่เฉินดูสับสน“อ่า พวกคุณสองคนไม่ได้ยืนยันความสัมพันธ์ของคุณเหรอ? เธอบอกให้ฉันเรียกเธอว่านายหญิง” เว่ยอิงลั่วรีบอธิบายเมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของอาจารย์ของเธอ"ใคร?" ฉู่เฉินกดดันต่อไป“คุณหนูฉู่” เว่ยอิงลั่วตอบอย่างรวดเร็วที่แท้เป็นพี่หก ดังนั้นฉู่เฉินก็เข้าใจในทันทีว่านี่คือการแกล้งของฉู่เมิ่งเหยา“เป็นเธอนี่เอง เอาล่ะ ไร้สาระพอแล้ว ฉันขอตรวจสอบว่าระหว่างที่ฉันไม่ได้อยู่ฉู่โจว พวกคุณสองคนแอบอู้กันหรือเปล่า” ฉู่เฉินเปลี่ยนหัวข้อยิ่งฉู่เฉินเปลี่ยนเรื่องมากเท่าไร ศิษย์ทั้งสองคนก็ยิ่งรู้สึกเหมือนว่าเขากำลังซ่อนอะไรบางอย่างไว้มากขึ้นเท่านั้น“อาจารย์ เธอเป็นนายหญิงของอาจารย์จริงๆ เหรอ?”
“พี่หก กำลังทำอะไรอยู่? หากคนอื่นเห็นราชินีแห่งฉู่โจวทำแบบนี้ คนอื่นจะคิดกันยังไง” ฉู่เฉินรีบหลบ“แล้วไงล่ะ? จะให้ราชินีแห่งฉู่โจวไม่สามารถคบค้าสมคมกับใครได้เลย? ไม่สามารถทำตัวบ๊องแบ๊วต่อหน้าคนที่ชอบได้?” ฉู่เมิ่งเหยาไม่สนใจ และพยายามเบียดตัวเองเข้าไปในอ้อมแขนของฉู่เฉินต่อไป“เพราะแบบนี้ พี่ถึงขอให้เว่ยอิงลั่วเรียกพี่ว่านายหญิงเหรอ?” ฉู่เฉินยิ้มอ่อนแน่นอน ทันทีที่พูดออกมา ฉู่เมิ่งเหยาก็หยุดและหน้าแดงทันทีการมีลูกศิษย์เรียกตัวว่า นายหญิงของอาจารย์ถือว่ามีการพัฒนา“โอ้ พี่หก พี่ยังเขินอายได้อยู่?” ฉู่เฉินหยอกล้อไม่คาดคิด ฉู่เมิ่งเหยา ที่หน้าแดงจู่ๆ ก็เชิดหน้าและไหล่ผึ่ง“แค่การเรียกว่านายหญิงแล้วมันจะทำไม ยังไงซะ... ปีนั้นพวกเราพูดกันว่าจะแต่งงานกันนิ เสี่ยวเฉิน นายจะไม่กลับคำพูดใช่ไหม!”ถึงคราวของฉู่เฉินที่ต้องรู้สึกอึดอัดหลังจากนั้นไม่นาน ฉู่เฉินก็พูดย้อนกลับมาที่เรื่องหลัก: "พี่หก ฉันได้พบพี่สี่กับพี่ห้าแล้ว"ตามที่คิดไว้ เมื่อได้ยินเข้า ฉู่เมิ่งเหยาก็รีบสอบถามทันที“จริงเหรอ พวกเธออยู่ที่ไหน?”“ตอนนี้ทุกคนอยู่ที่หนานเจียงกับป้าหลาน”“ถ้าอย่างนั้นจะรออะไรอีกล่ะ ไปกัน
“ไสหัวไปซะ!” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและตะโกน สายตาของเขาเย็นชา และเผยจิตสังหารออกมา“อะไร? แกกำลังไล่พวกเรางั้นเรอะ?”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็ดูประหลาดใจและสงสัยว่าพวกเขาได้ยินผิด“ไอ้ขี้เหร่ แกกล้าอวดดีขนาดนั้นเลยเหรอ แกเชื่อไหมว่าฉันจะฆ่าแก”ทันใดนั้น ทุกคนก็โกรธฉู่เฉินอย่างมากแม้ว่านี่จะเป็นเมืองหลวง แต่พวกเขาก็เป็นสมาชิกของตระกูลหวัง พวกเขาข่มเหงผู้ที่อ่อนแอและข่มเหงคนหนุ่มสาวเป็นประจำทุกวัน จึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะหยิ่งผยองลำพองใจ พวกเขาคุ้นเคยกับแววตาหวาดกลัวและยอมจำนนของคนอื่น ๆ มาเป็นเวลานานคำพูดของฉู่เฉินทำให้พวกเขาโกรธมาก จนอยากจะถลกหนังเขาและหั่นเขาเป็นชิ้น ๆ!“ฉันจะพูดอีกครั้ง ไปให้พ้น! ไม่เช่นนั้นจะฆ่าอย่างไม่ปราณี!“ สายตาเย็นชาของฉู่เฉินกวาดไปทั่ว เต็มไปด้วยจิตสังหาร“ฆ่าอย่างไม่ปราณี?”“ฮ่า ๆ แกทำให้ฉันขำเป็นบ้า แกคิดว่าแกตัวเองคู่ต่อสู้ของพวกเราได้จริงเหรอ?”ชายหนุ่มหลายคนในชุดสูทมองขึ้นมาและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาของพวกเขาเยาะเย้ย ไม่สนใจเขาเลยฉู่เฉินส่ายหัวและถอนหายใจ คนพวกนี้มีสมองเอาไว้กั้นหูเท่านั้น เขาเพิ่งให้โอกาสพวกเขาไปเมื่อ
……ภายในเมืองหลวงที่คึกคัก บนถนนที่กว้างและราบเรียบกลุ่มบุคคลที่โดดเด่นเดินไปมาในเมือง โดดเด่นเหมือนฝูงนกยูงรำแพนหาง และดึงดูดสายตาที่อยากรู้อยากเห็นมากมายอย่างไรก็ตาม เครื่องแต่งกายของพวกเขาแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง โดยที่เย่ชิงชานสวมชุดสีขาวล้วน ดูบอบบางและงดงามเฉียวหานอวี้สวมชุดยาวสีม่วงแดง แสดงออกถึงท่าทางที่กล้าหาญและมั่นใจหนิงชิงเสว่ที่ยังเยาว์วัยและสวยงามในชุดสีน้ำเงิน ฉู่เหมิงเหยาผู้บริสุทธิ์และสวยงาม อ่อนโยนและเงียบขรึมมีเพียงฉู่เฉินที่สูงใหญ่และสง่างามในชุดสีดำเท่านั้นที่โดดเด่นออกมา ใบหน้าที่คมคายและเฉียบคมของเขาส่งออร่าของความเฉยเมยที่ทำให้เขาดูไม่เข้ากับคนอื่น ๆ“หนุ่มหล่อคนนั้นเป็นใคร? ทำไมเขามากับผู้หญิงมากมายขนาดนั้น?” พฤติกรรมของทั้งกลุ่มดึงดูดความสนใจของบางคนได้อย่างชัดเจนคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นชายหนุ่มและหญิงสาว แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหราและเครื่องประดับสีสันสดใส บ่งบอกถึงภูมิหลังครอบครัวมีฐานะ“ผู้ชายคนนั้นดูอ่อนแอมาก แต่ผู้หญิงที่อยู่รอบ ๆ เขาแจ่มเป็นบ้า” คนที่รู้จักฉู่เฉินกระซิบเตือน ไม่เต็มใจที่จะก่อเรื่องฉู่เฉินเดินไปข้างหน้าคนเดียว โดยไม่สนใจคนร
“อืม พวกเราจะไม่ทอดทิ้งนายแน่นอน!”เสียงเจี๊ยวจ๊าวของกลุ่มสาว ๆ ทำให้ฉู่เฉินหมดหนทาง แต่ที่สำคัญกว่านั้น มันทำให้หัวใจของเขาอบอุ่นขึ้นมา“เสี่ยวซือโถว เมื่อเป็นอย่างนั้น พวกเรามาเตรียมพร้อมกันเถอะ ฉันอยู่เฉย ๆ มาหลายวันแล้ว”เฉียวหานอวี้ถูกำปั้น และกระตือรือร้นที่จะพยายามทำอะไรสักอย่างพี่สาวคนอื่น ๆ ก็ตื่นเต้นเช่นกัน ราวกับว่าพวกเธอเห็นภาพของคนหลายคนที่เข้ามาในเมืองหลวงเป็นกลุ่มสถานการณ์นี้ทำให้ฉู่เฉินตกตะลึง“พี่ ๆ ได้โปรดรอก่อน เรื่องนี้ต้องดำเนินการทีละขั้นตอน และฉันกำลังจะทำสำเร็จในไม่ช้า ยังไม่สายเกินไปที่จะดำเนินการเมื่อฉันทำสำเร็จ และอีกอย่าง... ฉันไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือดของคุณจริง ๆ” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและพูดความเกลียดชังของคน ๆ หนึ่งต้องได้รับการจัดการด้วยตัวเองในที่สุด และไม่ให้พี่ ๆ มาเกี่ยวข้องได้ เพราะพวกเธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลยในเรื่องนี้“จะเป็นอะไรถ้านายไม่ใช่น้องของฉัน? นายเติบโตมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกับพวกเราตั้งแต่ยังเด็ก และแม้ว่านายไม่ใช่น้องร่วมสายเลือดของฉัน แต่พวกเราก็ปฏิบัติกับนายเหมือนเป็นน้องชายของพวกเรา”เฉียวหานอวี้เอื้อมมือไปจับแขนเสื้อข
“ประสบการณ์ของฉันก็เรียบง่ายมาก ในกองไฟของสถานรับเลี้ยงเด็ก ฉันได้รับการช่วยเหลือจากชายชราคนหนึ่ง หลังจากนั้น ฉันก็ติดตามชายชราไปฝึกวรยุทธ หลังจากประสบความสำเร็จในการฝึกฝน ฉันก็ออกมาเพื่อล้างแค้นให้กับคุณปู่ผู้อำนวยการและทุก ๆ คน ฉันได้ติดตามเบาะแสทีละขั้นตอนไปจนถึงเมืองหลวง และนั่นคือทั้งหมด”ฉู่เฉินกางมือออกกว้าง แสดงให้เห็นว่าพูดจบแล้ว“แค่นั้นหรือ ไม่มีอะไรเลยเหรอ? เสี่ยวซือโถว นายปฏิบัติกับเราเหมือนคนนอกและปฏิเสธที่จะบอกความจริงกับเรา”เฉียวหานอวี้พูดขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนหน้านี้ เหล่าพี่สาวได้ใช้สายตากดดัน โดยหวังจะเกลี้ยกล่อมให้ฉู่เฉินเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม แต่คิดไม่ถึงว่า ฉู่เฉินจะพูดเพียงไม่กี่คำพวกเธอรู้สึกเหมือนว่าแผนของพวกเธอล้มเหลว“เสี่ยวซือโถว ถ้านายไม่พูด พวกเราก็รู้กันดี แล้วก็รู้ว่าตระกูลฉู่ เป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงในอดีต เป็นตระกูลเดิมของนาย นายตั้งใจไม่บอกความจริงกับพวกเรา เพราะไม่อยากทำให้พวกเราต้องเดือดร้อนใช่ไหม? ”หลินอีนัวจ้องมองฉู่เฉินและพูด“ถ้าไม่เคยรู้มาก่อน ก็คงจะดีกว่า เพราะถ้ารู้แล้ว แต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย และจะกลายเป็นภาระสำ
ในคฤหาสน์หนานหวาง มีเสียงหัวเราะดังครึกครื้น พี่สาวทั้งห้าคนมารวมตัวกันและสนุกสนานกัน ฉู่เฉินก็สนุกเช่นกัน ในขณะนี้ คนทั้งหกคนอยู่ในลานบ้าน ชิมอาหารที่ฉู่เหมิงเหยานำมา และพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเขาเริ่มจากพี่สาม เฉียวหานอวี้ เธอได้พบกับหมอเทวดาหลี่ซ่างได้อย่างไร ทำไมถึงได้รับเป็นลูกศิษย์ได้ ทักษะทางการแพทย์ของเธอพัฒนาขึ้นอย่างไรหลังจากนั้น เธอช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างไรบ้าง เธอได้พบกับฉู่เฉินตอนไหน แล้วอะไรทำให้จดจำกันได้ และพูดถึงทุกอย่างอย่างละเอียด“ดังนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะน้องเจ็ดความจำเสื่อม พี่สามคงจะไม่ได้เจอเรา”หลังจากฟัง หลินอีนัวก็ถอนหายใจ“ใช่แล้ว พูดได้แค่ว่าโชคชะตาเล่นตลกกับผู้คน โอเค ฉันพูดจบแล้ว ถึงตาเธอแล้วนะ น้องห้า”เฉียวหานอวี้ส่งต่อบทสนทนาไปยังหลินอีนัวหลินอีนัว ก็ไม่ได้ปิดบังอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกตระกูลหลินพาตัวไป เข้าสู่วงการบันเทิงได้อย่างไร พบกับฉู่เฉินตอนไหน ทำไมถึงมาแสดงหนังร่วมกันอีก และสุดท้ายทำอีท่าไหนถึงเข้าร่วมนิกายเมียวหยินได้หลังจากที่หลินอีนัว พูดจบ พี่สาวหลายคนก็ถอนหายใจว่าประสบการณ์ของหลินอีนัวนั้นค่อนข้างทรหด จากนั้นพวกเธอก็
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ” เย่ชิงชาน หลินอีนัว และเฉียวหานอวี้ขึ้นรถคันที่สองไปแล้วด้วยความมึนงงชั่วขณะเมื่อเห็นเช่นนี้ หนิงชิงเสว่จึงรีบเข้าไปดึงฉู่เฉินอย่างสบาย ๆ“เสี่ยวซือโถว มานั่งด้วยกันเถอะ”“อืม”ฉู่เฉินตอบกลับ แล้วขึ้นรถที่อยู่ข้างหน้าเขา“ไปกันได้แล้ว” เมื่อมองไปที่เยว่ฟู่หลงที่ยังคงจ้องมองเขาอย่างซื่อบื้อ ฉู่เฉินก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูด“โอเค อาจารย์”เยว่ฟู่หลงเหยียบคันเร่งและรถออฟโรดสีดำ ก็พุ่งออกไปเหมือนสัตว์ร้ายที่คำรามภายในสนามบินเมืองหลวงฉู่เหมิงเหยาลงจากเครื่องบิน หยิบสัมภาระของเธอ และเห็นฉู่เฉินรออยู่ที่นั่น ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉู่เฉินคือผู้หญิงที่สวยงามสี่คน“พี่หก ทางนี้”ก่อนที่ฉู่เฉินจะพูด หนิงชิงเสว่ก็ตะโกนออกไปอันที่จริง แม้ว่าหนิงชิงเสว่จะไม่ตะโกน แต่ฉู่เหมิงเหยาก็คงจะเห็นแล้วเธอก้าวเท้าและเดินไปข้างหน้าเมื่อรู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับพี่สาวคนอื่น ๆ ฉู่เฉินกังวลว่าอาจจะเกิดความอึดอัด ฉู่เฉินจึงรีบแนะนำทุกคนทันที“พี่หก นี่คือพี่สาม เฉียวหานอวี้ ศิษย์โดยตรงของหมอเทวดา หลี่ซ่าง นี่คือพี่สี่ หลินอี้นัว ศิษย์สายตรงของหัวหน้านิกายเมียวห
“แกเป็นใคร?” จ้าวฟางเซียงถามโดยไม่รู้ตัว“ฉันชื่อฉู่เฉิน”เดิมทีฉู่เฉินคิดว่าในฐานะสมาชิกตระกูลจ้าวในเมืองหลวง จ้าวฟางเซียงต้องเคยได้ยินชื่อเขามาบ้าง และเมื่อรู้ว่าเป็นเขา อีกฝ่ายก็จะยับยั้งชั่งใจตัวเองได้บ้างโดยไม่คาดคิด หลังจากพูดชื่อของเขา จ้าวฟางเซียงก็หัวเราะออกมา“ฉันไม่สนใจว่าแกเป็นใคร ก็แค่ไอ้หน้าอ่อน แกยังกล้าประกาศชื่อของแกต่อหน้าฉัน มั่นหน้ามั่นโหนกจริง ๆ แต่น่าเสียดาย เมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน จ้าวฟางเซียง แกไม่ได้มีโอกาสที่จะหยิ่งยโส แก….”จ้าวฟางเซียงยังคงพูดไม่หยุดเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าชายชราที่ยืนอยู่ข้างหลังจ้าวฟางเซียงในตอนแรก มีสีหน้าหวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อของฉู่เฉินจริง ๆ แล้วเขาคือฉู่เฉิน ฉู่เฉินผู้ทำลายล้างตระกูลฉินเพียงลำพัง!ในบรรดาตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง ฉู่เฉินกลายเป็นสิ่งต้องห้าม โดยเฉพาะในหมู่ผู้ที่มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับตระกูลฉู่ชายชราเดินไปหาจ้าวฟางเซียงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ขัดจังหวะการพูดของเขา และกระซิบที่หูของเขา“นายน้อย เขาคือฉู่ซวนหวู่ ฉู่ซวนหวู่ที่ฆ่าล้างบางตระกูลฉิน!”เมื่อได้ยินแล้วจ้าวฟางเซียงก็รู้ว่าฉู่เฉินเป็นใครไม่น่าแปลกใจ ที่จะฟังดู
เมื่อได้ยินเยว่ฟู่หลงกับเว่ยอิงลั่ว เรียกตัวเองเช่นนี้สำหรับหนิงชิงเสว่นั้นไม่เป็นไร เพราะยังไงฉันก็เคยได้ยินคำพูดที่สนิทสนมกว่านี้มาก่อนคนที่เหลืออีกสามคน ไม่ว่าจะเป็นเย่ชิงชาน หลินอีนัว หรือเฉียวหานอวี้ต่างก็หน้าแดงแจ๋ฉู่เฉินพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว“พี่สาว อย่าไปสนใจพวกเขา พวกเขาเคยพูดจาไร้สาระ ไปคุยกันต่อบนรถดีกว่า”“อืม”ทั้งสามคนไม่คัดค้าน แต่ทุกคนรีบวิ่งไปที่รถที่อยู่ข้างหลังพวกเขา“หยุด!”เสียงเย็นชาดังขึ้น ทำให้ฉู่เฉินหยุดชะงัก ร่างหนึ่งก้าวมาข้างหน้าเฉียวหานหยู่ ขวางทางของเธอฉู่เฉินเดินเข้าไปและมองไปที่ชายคนนั้น“พี่สาม คุณรู้จักเขาไหม?”“ไม่รู้จักเลย” เฉียวหานอวี้ตอบพร้อมเอียงหัวอย่างไม่ใส่ใจ“งั้นก็อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ขึ้นรถกันเถอะ”ฉู่เฉินจับมือเธอเบา ๆ ช่วยประคองเธอขึ้นรถ ขณะที่เขาเปิดประตูค้างไว้การเห็นตัวเองถูกเมินอย่างซึ่ง ๆ หน้า ถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับจ้าวฟางเซียง เขาไม่เพียงแต่เคยคิดจะใช้เงินห้าสิบล้านหยวนเพื่อเอาชนะใจเธอเท่านั้น แต่ตอนนี้เขากลับถูกเมินอย่างสิ้นเชิง และที่แย่ไปกว่านั้น ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าและหล่อกว่าคนนี้ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอี
“คุณหนูเฉียว คุณจะไปไหน ฉันจะพาคุณไปส่งเอง”จ้าวฟางเซียงไม่รู้ว่า มั่นหน้ามั่นโหนกมาจากไหน จึงเอื้อมมือไปหามือหยกอันบอบบางของเฉียวหานอวี้ เพื่อจับมือเธอเฉียวหานอวี้เบี่ยงตัวและหลบไป“นายจะทำอะไร?”“เฮ้ ๆ ทำอะไรอยู่ เป็นเรื่องปกติที่ฉันจะไปส่งคุณกลับบ้าน ไม่ใช่แค่คุณเท่านั้น แต่รวมถึงพวกคุณทุกคนด้วย”เมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้สามารถหลบมือของตัวเอง ได้อย่างง่ายดายจ้าวฟางเซียงไม่ได้สนใจ และยื่นมือเของเขาออกไปอีกครั้ง“นายบ้าไปแล้วหรือไง ตอนกลางวันแสก ๆ ฉันสามารถแจ้งความอนาจารนายได้!”เฉียวหานอวี้หลบอีกครั้งและพูดจาเย็นชา“บอกฉันสิ? ดูเหมือนว่าคุณยังไม่เข้าใจน้ำหนักของคำว่าตระกูลจ้าวแห่งเมืองหลวง ใครในเมืองนี้ที่กล้าเข้ามายุ่งกับฉัน จ้าวฟางเซียง!”จ้าวฟางเซียงพูดจาเย่อหยิ่งเมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้หลบได้อีกครั้ง จ้าวฟางเซียงก็รู้ว่า แม้เขาจะโง่แต่ผู้หญิงคนนี้คือวรยุทธ ถึงจะไม่สามารถรับรู้ระดับวรยุทธของผู้หญิงคนนี้ได้ แต่ระดับวรยุทธของเธอก็อาจจะเท่ากับเขา คาดว่าผู้หญิงคนนี้ได้ฝึกฝนวิชามาเหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงหลบเลี่ยงเขาได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลังจากเข้าใจแล้ว จ้าวฟางเซียงก็พูดอย่