การทดลองครั้งที่สองนี้เป็นการทดสอบความอดทนต่อรัศมี?ฉู่เฉินคาดเดาแน่นอน ในขณะที่เหยียนจุนค่อยๆ ก้าวไปทีละก้าว เหงื่อก็เริ่มออกบนใบหน้า ขณะที่กำลังพยายามอย่างหนักริมฝีปากของเยว่ฟู่หลงขยับเล็กน้อย ราวกับถามคำถามหลายข้อกับเหยียนจุน“ฟู่หลง เกิดอะไรขึ้นที่นี่?”ฉู่เฉินอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความอยากรู้ จึงส่งโทรจิตเยว่ฟู่หลงไม่กล้าเมินเฉยต่อคำถามของอาจารย์ จึงรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว“อาจารย์ การทดลองครั้งที่สองนี้เป็นการทดสอบลักษณะนิสัย ฉันใช้ความกดดันด้วยรัศมี เพื่อสำรวจหัวใจของพวกเขาจากการใช้วรยุทธพื้นฐาน จากนั้นฉันจะถามคำถามหลายชุด เพื่อตัดสินว่าบุคคลนั้นเหมาะสมที่จะกลายเป็นกำลังสำรองหรือไม่ สมาชิกที่มีจิตใจดีและความยุติธรรมเท่านั้นที่จะผ่านการทดสอบของฉัน”เมื่อเห็นความทุ่มเทอย่างไม่ลดละของซวนหวู่ในการคัดเลือกสมาชิกทีมสำรองฉู่เฉินอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบคนต่อไป และจะใช้วิธีการใดในการคัดกรองด้วยความอยากรู้ ฉู่เฉินจึงรอการทดสอบอันเข้มงวดของเยว่ฟู่หลงอย่างอดทน และเดินเข้าไปหาเขาทีละก้าว“ดีมาก พวกคุณสองคนผ่านการทดสอบแล้ว ไปที่ด่านต่อไปแล้วเดินออกไปทางประตูหลัง”
ฉู่เฉินคาดหวังไว้สูงกับเหยียนจุนนอกจากนี้ เขายังอยากรู้ว่าสิ่งที่เรียกว่าการทดลองครั้งที่สามนี้จะเป็นอย่างไร“แต่... ถ้าพวกเราตรงไปที่การทดสอบครั้งต่อไป มันจะไม่มากเกินไปสักหน่อยเหรอ? การทดสอบครั้งที่สองนั้นยากมากแล้ว และฉันคิดว่าการทดสอบสมาชิกอย่างเป็นทางการจะเข้มข้นยิ่งขึ้น” เหยียนจุนพูดความกังวลออกมาอย่างไม่จำเป็น“นายไม่อยากเห็นไอดอลของนายเหรอ? ถ้านายไม่ได้เป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการ นายจะไปพบเขาได้อย่างไร นอกจากนี้ เราทุกคนก็มาถึงจุดนี้แล้ว คุณเต็มใจที่จะยอมรับมันงั้นเหรอ?”เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่เฉิน เหยียนจุนก็รวบรวมสติและตัดสินใจ“ลุยกันเลย!”เหยียนจุนกัดฟันและเดินผ่านเว่ยอิงลัว มุ่งหน้าตรงไปยังสุดทางเดินเมื่อเขารู้ว่าฉู่เฉินไม่ได้ตาม ก็หยุดและรอ“ไปกันเถอะ”ฉู่เฉินมองเว่ยอิงลั่วอย่างงุนงง จากนั้นก็เดินตามขั้นบันไดกับเหยียนจุนและเดินไปทางปลายทางเดินที่ปลายทาง ก็คือจางเทาแตกต่างจากคนอื่นจางเทาสัมผัสได้ถึงฉู่เฉินจากระยะไกลแม้จะสู้ฉู่เฉินไม่ได้ในแง่ของความแข็งแกร่ง แต่ระดับปัจจุบันของจางเทาก็ยังสูงกว่าฉู่เฉินเล็กน้อย และฉู่เฉินก็ไม่ได้ปิดบังมันโดยเจตนาอีกต่อไปในข
รู้สึกประหลาดใจ เมื่อเห็นท่าทีของฉู่เฉินจางเทาพูดต่อไป“แต่ตราบใดที่เขายังอดทนอยู่ได้สักวินาที ก็จะไม่เป็นแบบนั้น หากเขายังอดทนอยู่สิบวินาที เขาก็ถือว่ามีคุณสมบัติ และอดทนได้สิบวินาทีหรืออาจจะนานกว่านั้น นั่นแสดงว่าความมุ่งมั่นอันแรงกล้าของเขา เป็นสิ่งที่หายากยิ่งในโลกนี้ ตอนนี้ผ่านไปมากกว่าสิบวินาทีแล้ว เขาก็ยังคงอดทนต่อไป ซึ่งถือว่าไม่เลว”เมื่อเห็นท่าทีของฉู่เฉินอ่อนลงจางเทาเกิดความสงสัยขึ้นทันที“ว่าแต่ฉู่ซวนหวู่ เขาเป็นใครกันแน่ ถึงได้รับความสนใจจากคุณมากขนาดนี้?”เมื่อเห็นสิ่งนี้ ฉู่เฉินก็รู้ว่าจางเทาเข้าใจผิดและคิดว่าคนคนนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา ดังนั้นเขาจึงอธิบาย“นายคิดมากเกินไป ฉันกับเขาเพิ่งรู้จักกันและบังเอิญเข้ามาด้วยกัน และฉันก็อยากรู้ว่านายจะประเมินอย่างไร ฉันจึงปกปิดตัวตนของฉันไว้ ฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา”ระหว่างการสนทนาของทั้งสองคน เหยียนจุนซึ่งหายตัวไปปรากฏขึ้นอีกครั้ง นอนราบลงบนพื้น เห็นได้ชัดว่าผ่านการทดสอบจนถึงขีดจำกัดแล้ว และหมดสติไป“เขาทำได้ดีทีเดียว เขาอยู่ได้เกือบยี่สิบวินาทีก่อนที่จะหมดสติไป ตอนนี้เขาเป็นหนึ่งในพวกเราอย่างเป็นทางการแล้ว” จ
คนที่ขวางทางไม่มีท่าทางเกรงกลัว แถมยังคงพูดอย่างมั่นใจในเวลาเดียวกัน มีคนสามถึงห้าคนยืนอยู่ตรงหน้าฉู่เฉินเมื่อเห็นคนเหล่านี้ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง ฉู่เฉินก็ระงับความโกรธและเตือนพวกเขาอีกครั้ง“ถอยออกไป ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันหยาบคาย!”“ฮ่าๆ! เจ้าหนู แกยังเด็กอยู่แท้ๆ แต่แกพูดจาอวดเก่งจริงๆ! ฉันอยากรู้ว่าแกจะหยาบคายกับฉันยังไง เข้ามาเลย มาตีฉันสิ ถ้าแกกล้า!” ชายร่างใหญ่กำยำเยาะเย้ย เขามีน้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัม มองดูรูปร่างเพรียวบางของฉู่เฉินด้วยความรังเกียจ อยากรู้ว่าฉู่เฉินจะทำร้ายเขาได้อย่างไรผู้คนรอบข้างก็มีรอยยิ้มที่ชั่วร้ายปรากฏบนใบหน้าเช่นกัน และไม่สนใจคำเตือนของฉู่เฉินเลยแม้แต่น้อย“ในเมื่ออยากรนหาที่ตาย ฉันก็จะจัดให้!”ฉู่เฉินพูดอย่างเย็นชา พร้อมกำหมัด ในพริบตา เขาก็โจมตีชายแต่ละคนที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยหมัดเดียว ทำให้พวกเขาล้มลงทีละคนแม้ว่าฉู่เฉินจะไม่ได้ใช้กำลังเต็มที่ แต่ก็อยากจะสอนบทเรียนให้พวกเขา โดยไม่คาดคิด หลังจากที่คนคนหนึ่งถูกต่อย กลุ่มคนเหล่านี้ก็ยังไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้“กลางวันแสกๆ ยังกล้าทำร้ายคนอีกเหรอ เชื่อไหม ฉันจะแจ้งความที่แกทำร้ายคน และเรียกตำร
หงส์เพลิงได้ส่งข้อความโดยตรงผ่านสำนักข่าวต้าเซี่ย"เนื่องจากความต้องการทางการร่วมมือทางธุรกิจ หงส์เพลิงจึงขอเชิญชวนเพื่อนนักสู้ทุกคนอย่างจริงใจให้มาร่วมงานกับพวกเรา ช่วยเหลือหงส์เพลิงและรับใช้ต้าเซี่ย เพื่อสร้างชื่อเสียงอันยอดเยี่ยมให้กับตัวคุณเอง"แม้ว่าสำนักข่าวต้าเซี่ยจะรายงานเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสนามประลองในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่ข่าวนี้ยังคงสร้างความฮือฮาในหมู่นักสู้หลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ฝึกฝนนอกรีตก่อนที่ผู้ฝึกฝนนอกรีตจะตัดสินใจมีข้อความอีกข้อความหนึ่งประกาศในสำนักข่าวต้าเซี่ยพยัคฆ์ขาวแทบจะคัดลอกมาทั้งหมด และเผยแพร่ข้อมูลเดียวกันเนื่องจากความต้องการทางด้านธุรกิจ พยัคฆ์ขาวขอเชิญนักสู้ทุกท่านอย่างจริงใจให้เข้าร่วมพยัคฆ์ขาว และมีส่วนสนับสนุนต่อความสำเร็จและชื่อเสียงของพยัคฆ์ขาวและต้าเซี่ยการออกแถลงการณ์พร้อมกันโดยองค์กรหลักสองแห่ง ประกอบกับการเคลื่อนไหวครั้งก่อนของซวนหวู่ ทำให้หลายคนเข้าใจได้ทันทีองค์กรป้องกันประเทศหลักทั้งสามแห่งนี้ได้แย่งชิงผู้มีความสามารถแล้วมันถึงจุดของการเผชิญหน้าอย่างเปิดเผยแล้วแม้แต่ผู้ฝึกฝนที่มีชื่อเสียงหลายคนที่ได้รับคำเชิญโด
ทั้งสองฝั่งมีคนของหงส์เพลิงยืนประจำการ และเมื่อได้ยินเข้า ก็เลยพูดออกมาตรง ๆไม่เพียงแต่ล้อเลียนคนที่พูดเท่านั้น แต่ยังสื่อถึงบางอย่างด้วย ราวกับว่ากำลังอ้างถึงองค์กรชิงหลงและพยัคฆ์ขาวด้วยคำพูดนี้ ทำให้นักสู้นอกรีตเกือบทั้งหมด หน้าเปลี่ยนสีเมื่อถูกล้อเลียนอย่างนี้แล้ว นักสู้นอกรีตที่คุ้นเคยกับอิสรภาพและการไม่มีพีธีรีตอง บางคนได้แสดงความไม่พอใจออกมาอย่างรวดเร็ว“หงส์เพลิงของนายยิ่งใหญ่มากสินะ หากพวกเราเข้าร่วมหงส์เพลิงไม่ได้ล่ะก็ ตอนนี้ก็ยังมีททั้งพยัคฆ์ขาวกับซวนหวู่ที่กำลังรับสมัครคนอยู่ ฉันแนะนำให้พวกคุณปรับทัศนคติของตัวเองซะ ไม่อย่างนั้น ฉันจะหันกลับไปและไปเข้าร่วมกับอีกสององค์กรนั่นแทน”นักสู้นอกรีตคิดว่า หากฝ่ายหงส์เพลิงให้ความสำคัญกับการรับสมัครของพวกเขาอย่างแท้จริง ก็คงไม่พูดเช่นนั้นออกมาแน่ไม่คิดว่า คำพูดเช่นนี้อ่อนไหวมาก เมื่อสมาชิกหงส์เพลิงซึ่งก่อนหน้านี้ ที่ดูไม่ได้สนใจอะไรมาก ตอนนี้หันความสนใจไปที่ผู้พูดอย่างรวดเร็วในหมู่พวกเขา ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากจูลี่จูลี่ทะยานขึ้นไปในอากาศทันที และร่อนลงต่อหน้านักสู้ที่กล้าดูหมิ่น“เมื่อกี้แกพูดว่าอะไร? ช่วยพูดอีกทีสิ?”น้ำเ
“ถูกต้อง พวกเราไปที่อื่นกันเถอะ”ทันทีที่ฉู่เฉินพูดขึ้น ก็มีคนในฝูงชนเข้าร่วมทันที และนักสู้หลายคนในที่สถานที่ก็เริ่มเคลื่อนตัวออกไปโดยเฉพาะคนที่จูลี่จับตาดูอยู่ก่อนหน้านี้ หลังจากได้ยินคำพูดของฉู่เฉิน ก็ส่งสายตาขอบคุณฉู่เฉินหันหลังกลับ และจากไปราวกับว่าเขาไม่เห็นคนที่ขอความช่วยเหลือ เหมือนว่าตัวเองต้องการจะจากไปจริง ๆไปดูที่อื่นเถอะจากการที่ฉู่เฉินที่เป็นผู้นำ ผู้คนจำนวนมากในบริเวณนั้น ก็เริ่มเคลื่อนตัวและเดินตามฉู่เฉินออกไปทันทีคนที่จูลี่จับตาดูก็ไม่ลังเล เดินตามฉู่เฉินออกไปด้วยเช่นกันด้วยผู้คนจำนวนมากที่จากไปในตอนนี้ ทูตของหงส์เพลิงจะไม่จับตาดูตัวเองได้ ดังนั้นจึงต้องปล่อยทุกคนไปเมื่อเห็นเช่นนี้ จูลี่ใบหน้ากลายเป็นสีแดงก่ำด้วยความโกรธ ราวกับว่าถูกทุกคนดูหมิ่น และไม่สามารถระงับอารมณ์ได้อีกต่อไปแสงวาบปรากฏขึ้นตรงหน้าของฉู่เฉิน ปิดกั้นทางกลับของทุกคนในเวลาเดียวกัน ปากก็เริ่มใช้น้ำเสียงสั่งการ“อย่าปล่อยให้พวกมันออกไปแม้แต่คนเดียว!”คำสั่งนี้มุ่งเป้าไปที่สมาชิกหงส์เพลิงคนอื่น ๆเห็นได้ชัดว่า จูลี่ ได้ตัดสินใจที่จะเผาสะพานทั้งหมด เพื่อบังคับให้ทุกคนอยู่ที่นี่หาก
ลำแสงส่องประกายมาทางฉู่เฉินในทันทีฉู่เฉินไม่แม้แต่จะมองมัน และตบออกไปด้วยฝ่ามือธรรมดาแน่นอนเมื่อมองไปที่ฝ่ามือธรรมดา ๆ เช่นนี้ จูลี่ไม่รู้ว่า จงใจหรือแค่เย่อหยิ่ง และไม่ได้ใส่ใจสักนิด คิดที่จะต้านทานในชั่วพริบตา ฝ่ามือของฉู่เฉินก็พุ่งตรงเข้าสู้เป้าหมาย โดยไม่เกิดเสียงดังฟ้าสะเทือน มีเพียงความเร็วกว่าปกติเล็กน้อยใบหน้าของจูลี่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อฝ่ามือธรรมดา ๆ นี้เกือบจะพรากชีวิตเธอไปครึ่งหนึ่ง“แก….แกเป็นใครกันแน่?”จูลี่ก็ตระหนักได้เช่นกันว่ามีบางอย่างผิดปกติ นี่ไม่ใช่ความแข็งแกร่งที่นักสู้นอกรีตควรจะมี!“ฉันเป็นใคร? ฉันเป็นเพียงนักสู้นอกรีตซึ่งถูกเธอบีบบังคับจนเกินทนไง!”หลังจากประสบความสำเร็จในการโจมตีครั้งแรก ฉู่เฉินก็ไล่ตามร่างของจูลี่ที่กำลังถอยกลับทันทีเมื่อเห็นฉู่เฉินไล่ตามอย่างรวดเร็วจูลี่ตระหนักได้ว่าชีวิตของเธอ อาจตกอยู่ในอันตราย“ใครก็ได้ ช่วยหยุดมันที!”แม้ว่าจูลี่จะถูกฝ่ามือฟาด แต่เธอก็ยังเฉียบคมพอ เมื่อรู้ว่ามีคนตรงหน้าเธอเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า เธอจึงรีบขอความช่วยเหลือจากกลุ่มหงส์เพลิงสมาชิกของหงส์เพลิงไม่ได้ทำให้ลี่ผิดหวัง เมื่อพวกเขาเห็นแบบนั้นเข้า
“ไสหัวไปซะ!” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและตะโกน สายตาของเขาเย็นชา และเผยจิตสังหารออกมา“อะไร? แกกำลังไล่พวกเรางั้นเรอะ?”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็ดูประหลาดใจและสงสัยว่าพวกเขาได้ยินผิด“ไอ้ขี้เหร่ แกกล้าอวดดีขนาดนั้นเลยเหรอ แกเชื่อไหมว่าฉันจะฆ่าแก”ทันใดนั้น ทุกคนก็โกรธฉู่เฉินอย่างมากแม้ว่านี่จะเป็นเมืองหลวง แต่พวกเขาก็เป็นสมาชิกของตระกูลหวัง พวกเขาข่มเหงผู้ที่อ่อนแอและข่มเหงคนหนุ่มสาวเป็นประจำทุกวัน จึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะหยิ่งผยองลำพองใจ พวกเขาคุ้นเคยกับแววตาหวาดกลัวและยอมจำนนของคนอื่น ๆ มาเป็นเวลานานคำพูดของฉู่เฉินทำให้พวกเขาโกรธมาก จนอยากจะถลกหนังเขาและหั่นเขาเป็นชิ้น ๆ!“ฉันจะพูดอีกครั้ง ไปให้พ้น! ไม่เช่นนั้นจะฆ่าอย่างไม่ปราณี!“ สายตาเย็นชาของฉู่เฉินกวาดไปทั่ว เต็มไปด้วยจิตสังหาร“ฆ่าอย่างไม่ปราณี?”“ฮ่า ๆ แกทำให้ฉันขำเป็นบ้า แกคิดว่าแกตัวเองคู่ต่อสู้ของพวกเราได้จริงเหรอ?”ชายหนุ่มหลายคนในชุดสูทมองขึ้นมาและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาของพวกเขาเยาะเย้ย ไม่สนใจเขาเลยฉู่เฉินส่ายหัวและถอนหายใจ คนพวกนี้มีสมองเอาไว้กั้นหูเท่านั้น เขาเพิ่งให้โอกาสพวกเขาไปเมื่อ
……ภายในเมืองหลวงที่คึกคัก บนถนนที่กว้างและราบเรียบกลุ่มบุคคลที่โดดเด่นเดินไปมาในเมือง โดดเด่นเหมือนฝูงนกยูงรำแพนหาง และดึงดูดสายตาที่อยากรู้อยากเห็นมากมายอย่างไรก็ตาม เครื่องแต่งกายของพวกเขาแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง โดยที่เย่ชิงชานสวมชุดสีขาวล้วน ดูบอบบางและงดงามเฉียวหานอวี้สวมชุดยาวสีม่วงแดง แสดงออกถึงท่าทางที่กล้าหาญและมั่นใจหนิงชิงเสว่ที่ยังเยาว์วัยและสวยงามในชุดสีน้ำเงิน ฉู่เหมิงเหยาผู้บริสุทธิ์และสวยงาม อ่อนโยนและเงียบขรึมมีเพียงฉู่เฉินที่สูงใหญ่และสง่างามในชุดสีดำเท่านั้นที่โดดเด่นออกมา ใบหน้าที่คมคายและเฉียบคมของเขาส่งออร่าของความเฉยเมยที่ทำให้เขาดูไม่เข้ากับคนอื่น ๆ“หนุ่มหล่อคนนั้นเป็นใคร? ทำไมเขามากับผู้หญิงมากมายขนาดนั้น?” พฤติกรรมของทั้งกลุ่มดึงดูดความสนใจของบางคนได้อย่างชัดเจนคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นชายหนุ่มและหญิงสาว แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหราและเครื่องประดับสีสันสดใส บ่งบอกถึงภูมิหลังครอบครัวมีฐานะ“ผู้ชายคนนั้นดูอ่อนแอมาก แต่ผู้หญิงที่อยู่รอบ ๆ เขาแจ่มเป็นบ้า” คนที่รู้จักฉู่เฉินกระซิบเตือน ไม่เต็มใจที่จะก่อเรื่องฉู่เฉินเดินไปข้างหน้าคนเดียว โดยไม่สนใจคนร
“อืม พวกเราจะไม่ทอดทิ้งนายแน่นอน!”เสียงเจี๊ยวจ๊าวของกลุ่มสาว ๆ ทำให้ฉู่เฉินหมดหนทาง แต่ที่สำคัญกว่านั้น มันทำให้หัวใจของเขาอบอุ่นขึ้นมา“เสี่ยวซือโถว เมื่อเป็นอย่างนั้น พวกเรามาเตรียมพร้อมกันเถอะ ฉันอยู่เฉย ๆ มาหลายวันแล้ว”เฉียวหานอวี้ถูกำปั้น และกระตือรือร้นที่จะพยายามทำอะไรสักอย่างพี่สาวคนอื่น ๆ ก็ตื่นเต้นเช่นกัน ราวกับว่าพวกเธอเห็นภาพของคนหลายคนที่เข้ามาในเมืองหลวงเป็นกลุ่มสถานการณ์นี้ทำให้ฉู่เฉินตกตะลึง“พี่ ๆ ได้โปรดรอก่อน เรื่องนี้ต้องดำเนินการทีละขั้นตอน และฉันกำลังจะทำสำเร็จในไม่ช้า ยังไม่สายเกินไปที่จะดำเนินการเมื่อฉันทำสำเร็จ และอีกอย่าง... ฉันไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือดของคุณจริง ๆ” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและพูดความเกลียดชังของคน ๆ หนึ่งต้องได้รับการจัดการด้วยตัวเองในที่สุด และไม่ให้พี่ ๆ มาเกี่ยวข้องได้ เพราะพวกเธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลยในเรื่องนี้“จะเป็นอะไรถ้านายไม่ใช่น้องของฉัน? นายเติบโตมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกับพวกเราตั้งแต่ยังเด็ก และแม้ว่านายไม่ใช่น้องร่วมสายเลือดของฉัน แต่พวกเราก็ปฏิบัติกับนายเหมือนเป็นน้องชายของพวกเรา”เฉียวหานอวี้เอื้อมมือไปจับแขนเสื้อข
“ประสบการณ์ของฉันก็เรียบง่ายมาก ในกองไฟของสถานรับเลี้ยงเด็ก ฉันได้รับการช่วยเหลือจากชายชราคนหนึ่ง หลังจากนั้น ฉันก็ติดตามชายชราไปฝึกวรยุทธ หลังจากประสบความสำเร็จในการฝึกฝน ฉันก็ออกมาเพื่อล้างแค้นให้กับคุณปู่ผู้อำนวยการและทุก ๆ คน ฉันได้ติดตามเบาะแสทีละขั้นตอนไปจนถึงเมืองหลวง และนั่นคือทั้งหมด”ฉู่เฉินกางมือออกกว้าง แสดงให้เห็นว่าพูดจบแล้ว“แค่นั้นหรือ ไม่มีอะไรเลยเหรอ? เสี่ยวซือโถว นายปฏิบัติกับเราเหมือนคนนอกและปฏิเสธที่จะบอกความจริงกับเรา”เฉียวหานอวี้พูดขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนหน้านี้ เหล่าพี่สาวได้ใช้สายตากดดัน โดยหวังจะเกลี้ยกล่อมให้ฉู่เฉินเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม แต่คิดไม่ถึงว่า ฉู่เฉินจะพูดเพียงไม่กี่คำพวกเธอรู้สึกเหมือนว่าแผนของพวกเธอล้มเหลว“เสี่ยวซือโถว ถ้านายไม่พูด พวกเราก็รู้กันดี แล้วก็รู้ว่าตระกูลฉู่ เป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงในอดีต เป็นตระกูลเดิมของนาย นายตั้งใจไม่บอกความจริงกับพวกเรา เพราะไม่อยากทำให้พวกเราต้องเดือดร้อนใช่ไหม? ”หลินอีนัวจ้องมองฉู่เฉินและพูด“ถ้าไม่เคยรู้มาก่อน ก็คงจะดีกว่า เพราะถ้ารู้แล้ว แต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย และจะกลายเป็นภาระสำ
ในคฤหาสน์หนานหวาง มีเสียงหัวเราะดังครึกครื้น พี่สาวทั้งห้าคนมารวมตัวกันและสนุกสนานกัน ฉู่เฉินก็สนุกเช่นกัน ในขณะนี้ คนทั้งหกคนอยู่ในลานบ้าน ชิมอาหารที่ฉู่เหมิงเหยานำมา และพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเขาเริ่มจากพี่สาม เฉียวหานอวี้ เธอได้พบกับหมอเทวดาหลี่ซ่างได้อย่างไร ทำไมถึงได้รับเป็นลูกศิษย์ได้ ทักษะทางการแพทย์ของเธอพัฒนาขึ้นอย่างไรหลังจากนั้น เธอช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างไรบ้าง เธอได้พบกับฉู่เฉินตอนไหน แล้วอะไรทำให้จดจำกันได้ และพูดถึงทุกอย่างอย่างละเอียด“ดังนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะน้องเจ็ดความจำเสื่อม พี่สามคงจะไม่ได้เจอเรา”หลังจากฟัง หลินอีนัวก็ถอนหายใจ“ใช่แล้ว พูดได้แค่ว่าโชคชะตาเล่นตลกกับผู้คน โอเค ฉันพูดจบแล้ว ถึงตาเธอแล้วนะ น้องห้า”เฉียวหานอวี้ส่งต่อบทสนทนาไปยังหลินอีนัวหลินอีนัว ก็ไม่ได้ปิดบังอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกตระกูลหลินพาตัวไป เข้าสู่วงการบันเทิงได้อย่างไร พบกับฉู่เฉินตอนไหน ทำไมถึงมาแสดงหนังร่วมกันอีก และสุดท้ายทำอีท่าไหนถึงเข้าร่วมนิกายเมียวหยินได้หลังจากที่หลินอีนัว พูดจบ พี่สาวหลายคนก็ถอนหายใจว่าประสบการณ์ของหลินอีนัวนั้นค่อนข้างทรหด จากนั้นพวกเธอก็
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ” เย่ชิงชาน หลินอีนัว และเฉียวหานอวี้ขึ้นรถคันที่สองไปแล้วด้วยความมึนงงชั่วขณะเมื่อเห็นเช่นนี้ หนิงชิงเสว่จึงรีบเข้าไปดึงฉู่เฉินอย่างสบาย ๆ“เสี่ยวซือโถว มานั่งด้วยกันเถอะ”“อืม”ฉู่เฉินตอบกลับ แล้วขึ้นรถที่อยู่ข้างหน้าเขา“ไปกันได้แล้ว” เมื่อมองไปที่เยว่ฟู่หลงที่ยังคงจ้องมองเขาอย่างซื่อบื้อ ฉู่เฉินก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูด“โอเค อาจารย์”เยว่ฟู่หลงเหยียบคันเร่งและรถออฟโรดสีดำ ก็พุ่งออกไปเหมือนสัตว์ร้ายที่คำรามภายในสนามบินเมืองหลวงฉู่เหมิงเหยาลงจากเครื่องบิน หยิบสัมภาระของเธอ และเห็นฉู่เฉินรออยู่ที่นั่น ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉู่เฉินคือผู้หญิงที่สวยงามสี่คน“พี่หก ทางนี้”ก่อนที่ฉู่เฉินจะพูด หนิงชิงเสว่ก็ตะโกนออกไปอันที่จริง แม้ว่าหนิงชิงเสว่จะไม่ตะโกน แต่ฉู่เหมิงเหยาก็คงจะเห็นแล้วเธอก้าวเท้าและเดินไปข้างหน้าเมื่อรู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับพี่สาวคนอื่น ๆ ฉู่เฉินกังวลว่าอาจจะเกิดความอึดอัด ฉู่เฉินจึงรีบแนะนำทุกคนทันที“พี่หก นี่คือพี่สาม เฉียวหานอวี้ ศิษย์โดยตรงของหมอเทวดา หลี่ซ่าง นี่คือพี่สี่ หลินอี้นัว ศิษย์สายตรงของหัวหน้านิกายเมียวห
“แกเป็นใคร?” จ้าวฟางเซียงถามโดยไม่รู้ตัว“ฉันชื่อฉู่เฉิน”เดิมทีฉู่เฉินคิดว่าในฐานะสมาชิกตระกูลจ้าวในเมืองหลวง จ้าวฟางเซียงต้องเคยได้ยินชื่อเขามาบ้าง และเมื่อรู้ว่าเป็นเขา อีกฝ่ายก็จะยับยั้งชั่งใจตัวเองได้บ้างโดยไม่คาดคิด หลังจากพูดชื่อของเขา จ้าวฟางเซียงก็หัวเราะออกมา“ฉันไม่สนใจว่าแกเป็นใคร ก็แค่ไอ้หน้าอ่อน แกยังกล้าประกาศชื่อของแกต่อหน้าฉัน มั่นหน้ามั่นโหนกจริง ๆ แต่น่าเสียดาย เมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน จ้าวฟางเซียง แกไม่ได้มีโอกาสที่จะหยิ่งยโส แก….”จ้าวฟางเซียงยังคงพูดไม่หยุดเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าชายชราที่ยืนอยู่ข้างหลังจ้าวฟางเซียงในตอนแรก มีสีหน้าหวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อของฉู่เฉินจริง ๆ แล้วเขาคือฉู่เฉิน ฉู่เฉินผู้ทำลายล้างตระกูลฉินเพียงลำพัง!ในบรรดาตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง ฉู่เฉินกลายเป็นสิ่งต้องห้าม โดยเฉพาะในหมู่ผู้ที่มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับตระกูลฉู่ชายชราเดินไปหาจ้าวฟางเซียงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ขัดจังหวะการพูดของเขา และกระซิบที่หูของเขา“นายน้อย เขาคือฉู่ซวนหวู่ ฉู่ซวนหวู่ที่ฆ่าล้างบางตระกูลฉิน!”เมื่อได้ยินแล้วจ้าวฟางเซียงก็รู้ว่าฉู่เฉินเป็นใครไม่น่าแปลกใจ ที่จะฟังดู
เมื่อได้ยินเยว่ฟู่หลงกับเว่ยอิงลั่ว เรียกตัวเองเช่นนี้สำหรับหนิงชิงเสว่นั้นไม่เป็นไร เพราะยังไงฉันก็เคยได้ยินคำพูดที่สนิทสนมกว่านี้มาก่อนคนที่เหลืออีกสามคน ไม่ว่าจะเป็นเย่ชิงชาน หลินอีนัว หรือเฉียวหานอวี้ต่างก็หน้าแดงแจ๋ฉู่เฉินพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว“พี่สาว อย่าไปสนใจพวกเขา พวกเขาเคยพูดจาไร้สาระ ไปคุยกันต่อบนรถดีกว่า”“อืม”ทั้งสามคนไม่คัดค้าน แต่ทุกคนรีบวิ่งไปที่รถที่อยู่ข้างหลังพวกเขา“หยุด!”เสียงเย็นชาดังขึ้น ทำให้ฉู่เฉินหยุดชะงัก ร่างหนึ่งก้าวมาข้างหน้าเฉียวหานหยู่ ขวางทางของเธอฉู่เฉินเดินเข้าไปและมองไปที่ชายคนนั้น“พี่สาม คุณรู้จักเขาไหม?”“ไม่รู้จักเลย” เฉียวหานอวี้ตอบพร้อมเอียงหัวอย่างไม่ใส่ใจ“งั้นก็อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ขึ้นรถกันเถอะ”ฉู่เฉินจับมือเธอเบา ๆ ช่วยประคองเธอขึ้นรถ ขณะที่เขาเปิดประตูค้างไว้การเห็นตัวเองถูกเมินอย่างซึ่ง ๆ หน้า ถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับจ้าวฟางเซียง เขาไม่เพียงแต่เคยคิดจะใช้เงินห้าสิบล้านหยวนเพื่อเอาชนะใจเธอเท่านั้น แต่ตอนนี้เขากลับถูกเมินอย่างสิ้นเชิง และที่แย่ไปกว่านั้น ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าและหล่อกว่าคนนี้ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอี
“คุณหนูเฉียว คุณจะไปไหน ฉันจะพาคุณไปส่งเอง”จ้าวฟางเซียงไม่รู้ว่า มั่นหน้ามั่นโหนกมาจากไหน จึงเอื้อมมือไปหามือหยกอันบอบบางของเฉียวหานอวี้ เพื่อจับมือเธอเฉียวหานอวี้เบี่ยงตัวและหลบไป“นายจะทำอะไร?”“เฮ้ ๆ ทำอะไรอยู่ เป็นเรื่องปกติที่ฉันจะไปส่งคุณกลับบ้าน ไม่ใช่แค่คุณเท่านั้น แต่รวมถึงพวกคุณทุกคนด้วย”เมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้สามารถหลบมือของตัวเอง ได้อย่างง่ายดายจ้าวฟางเซียงไม่ได้สนใจ และยื่นมือเของเขาออกไปอีกครั้ง“นายบ้าไปแล้วหรือไง ตอนกลางวันแสก ๆ ฉันสามารถแจ้งความอนาจารนายได้!”เฉียวหานอวี้หลบอีกครั้งและพูดจาเย็นชา“บอกฉันสิ? ดูเหมือนว่าคุณยังไม่เข้าใจน้ำหนักของคำว่าตระกูลจ้าวแห่งเมืองหลวง ใครในเมืองนี้ที่กล้าเข้ามายุ่งกับฉัน จ้าวฟางเซียง!”จ้าวฟางเซียงพูดจาเย่อหยิ่งเมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้หลบได้อีกครั้ง จ้าวฟางเซียงก็รู้ว่า แม้เขาจะโง่แต่ผู้หญิงคนนี้คือวรยุทธ ถึงจะไม่สามารถรับรู้ระดับวรยุทธของผู้หญิงคนนี้ได้ แต่ระดับวรยุทธของเธอก็อาจจะเท่ากับเขา คาดว่าผู้หญิงคนนี้ได้ฝึกฝนวิชามาเหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงหลบเลี่ยงเขาได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลังจากเข้าใจแล้ว จ้าวฟางเซียงก็พูดอย่