ฮั่วหยุนเฉินหัวเราะ “พรืด” ออกมา พี่สะใภ้ในอนาคตของเขาช่างมีตรรกะที่น่าอัศจรรย์จริง ๆลู่ซีเจ๋อโกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขาตวาดด้วยความโมโห “เฉินมู่! ทำไมคุณถึงได้ชั่วร้ายขนาดนี้? คุณ...”เฉินมู่ทำทีแคะหูไปมา พลางเอ่ย “ลู่ซีเจ๋อ คุณช่วยเปลี่ยนคำได้ไหม คุณจะด่าว่าฉันชั่วร้ายทุกครั้งเลยหรือไง?”“เอาเถอะ ฉันรู้ว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่โหดเหี้ยมมาก ถ้าอย่างนั้นคุณก็กลับไปเฝ้าองค์หญิงน้อยจอมแอ๊บแบ๊วของคุณให้ดีเถอะ อย่าปล่อยให้เธอมาแหย่ฉันอีก”ลู่ซีเจ๋อขบกรามแน่น “คุณมันทั้งชั่วร้าย ทั้งใจแคบ! แค่ตำราอาหารพัง ๆ เล่มเดียว คุณถึงกับทำร้ายชิงเสวี่ยแบบนี้เลยเหรอ?”พอพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของเฉินมู่ก็เย็นเยียบขึ้นมาในพริบตา “ถ้าฉันจะทำแล้วมันจะทำไม?”“ฉันขอแนะนำให้คุณกลับไปประคบประหงมเธอให้ดี ๆ หากเธอกล้าแตะต้องของของฉันอีกล่ะก็ ฉันจะตัดมือเธอทิ้งซะ!”จบประโยคเฉินก็มู่หมุนกายขึ้นรถทันที ลู่ซีเจ๋อต้องการจะดึงเธอไว้ แต่ฮั่วหยุนเฉินเข้ามาขวางเขาเอาไว้ลู่ซีเจ๋อตะโกนด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “คุณชายเล็ก! นี่เป็นเรื่องของตระกูลเรา คุณเลิกยุ่งเรื่องชาวของบ้านสักทีได้ไหม?”ฮั่วหยุนเฉินเผยท่าทีเคร่งขรึมจริงจ
เธอหมุนกายแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องพักเพื่อจัดการสัมภาระ ฮั่วหยุนเซียวเดินตามมา พลางพิงกรอบประตูมองดูเธอจัดของเงียบ ๆเฉินมู่เริ่มเอ่ยปากก่อน “ฉันอธิบายให้ถังอวี่ฟังแล้ว เขาจะทำตามกำหนดการเดิมของเรา และพรุ่งนี้ฉันจะไปโรงพยาบาลเพื่อให้ความร่วมมือในการผ่าตัด”ฮั่วหยุนเซียวพยักหน้า แต่เฉินมู่หันหลังให้เขาอยู่ เธอจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา เสียงเข้มตอบไปหนึ่งประโยคสั้น ๆ “ตกลง ไปพรุ่งนี้”เฉินมู่พูดขึ้นมาอีกครั้ง “ส่วนทางซิงอวี่มีเดียฉันก็วางแผนไว้เรียบร้อยแล้ว หลังจากผ่าตัดเสร็จ ฉันจะใช้ประโยชน์จากช่วงที่กำลังพักฟื้นไปเป็นนักศึกษาฝึกงานที่บริษัท และจะไปสืบดูเบื้องหลังของศิลปินพวกนั้นสักหน่อย เพื่อที่จะไม่ให้เกิดเรื่องยุ่งยากตอนบริหารบริษัทแบบเต็มตัว”“ได้ เธอจัดการเถอะ” ฮั่วหยุนเซียวพูดเอ่ยเสียงเรียบเฉินมู่หันหน้ามามองเขาอย่างสงสัย “ฮั่วหยุนเซียว คุณเป็นอะไรไปเนี่ย? รู้สึกว่าใจคุณจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยนะ คุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”ฮั่วหยุนเซียวยิ้มจาง ๆ “เปล่าหรอก แค่พบว่ามีบางอย่างคืบหน้าแล้ว ก็เลยดีใจ”เฉินมู่เดาว่ามันคงจะเป็นเรื่องของงาน เธอเลยไม่ได้ถามจู้จี้อะไรอีกทว่าฮั่วห
โอวจินตัวแข็งทื่อกลายเป็นก้อนหินไปสิบวินาที ก่อนจะพูดอย่างตะกุกตะกัก “พวกคุณกินไอ้นี่ตอนกลางคืนเหรอ?”เฉินมู่พยักหน้า “อื้ม ฉันไม่หิว ส่วนเขาติดของหวานน่ะ”โอวจินถลึงตาใส่เพื่อนสนิทจนลูกตาแทบจะถลนออกมาอยู่แล้ว!ฮั่วหยุนเซียวติดของหวาน? เขาติดก็บ้าแล้ว! แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยชอบของหวานเลยด้วยซ้ำนี่มันบ้าอะไรเนี่ย?โอวจินมองฮั่วหยุนเซียวอย่างหมั่นไส้ แต่วันนี้ฮั่วหยุนเซียวอารมณ์ดีเกินกว่าจะถือสาเขาโอวจินถอนหายใจ เขาว่าแล้วเชียว ความรักของฮั่วหยุนเซียวนั้นไม่สามารถคาดเดาได้ด้วยความคิดของคนทั่วไปอย่างเขามือหนาเอากองรายงานออกจากกระเป๋าเอกสาร แล้วยื่นไปให้เธอ “ผลการทดสอบครั้งล่าสุดของคุณออกมาแล้ว พื้นฐานผิวตรงกับยาและสามารถทำการผ่าตัดได้ นอกจากนี้เรายังขจัดสารก่อภูมิแพ้ออกจากตัวยาแล้วด้วย”เฉินมู่รับมาเปิดพลิกดูอย่างถี่ถ้วน “งั้นพรุ่งนี้ฉันก็สามารถทำการผ่าตัดได้แล้ว?”โอวจินพยักหน้า “แน่นอน ขอเตือนว่าคืนนี้คุณต้องกินดื่มและพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะความเจ็บปวดนั้นเป็นความเจ็บปวดที่คนธรรมดาไม่สามารถทนได้”ฮั่วหยุนเซียวขมวดคิ้วมุ่น “อย่าทำให้เธอกลัว”โอวจินทำทีเอนกายพิงฮั่วหยุนเฉินอย่าง
ยาถูกฉีดเข้าไปในผิวหนังของเฉินมู่ เครื่องมือแสดงการรักษาทุกอย่างตามปกติ โอวจินเพิ่มปริมาณยา และจากนั้นก็ค่อย ๆ ถอนเข็มขนาดเล็กออกเขาปิดเครื่องจักร พลันเผยยิ้มบาง “เสร็จแล้ว ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก ไม่มีอาการไม่พึงประสงค์ใด ๆ ตามมา เมื่อร่างกายเริ่มฟื้นฟู รอยแผลก็จะดีขึ้นในเร็ว ๆ นี้แหละ”ฮั่วหยุนเซียวพยักหน้า ก่อนเดินเข้าไปในห้องแล้วอุ้มเฉินมู่ออกมา ขายาวพาร่างเล็กไปที่ห้องพักผู้ป่วยเฉินมู่นั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย แล้วยกมือขึ้นสัมผัสแก้ม “ยาชายังไม่หมดฤิทธิ์อีกเหรอ? รู้สึกว่าครึ่งหน้าฝั่งนี้ไม่มีความรู้สึกเลย”ฮั่วหยุนเซียวดึงมือเธอลงมา “อย่าจับ รออีกเดี๋ยวก็ดีเอง”เฉินมู่ถามต่ออย่างตื่นเต้น “คุณได้เห็นกระบวนการรักษาไหมคะ? เมื่อครู่นี้โอวจินได้พูดอะไรกับคุณไหม?”“โอวจินบอกว่าคุณเก่งมาก และการดูดซึมยาก็เป็นไปได้ด้วยดี คงจะฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่คาดการณ์เอาไว้” ฮั่วหยุนเซียวกล่าวเฉินมู่ดีใจสุด ๆ จนยิ้มตาหยี “งั้นฉันก็จะหายเร็วขึ้น! ฮั่วหยุนเซียว ฉันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ในเร็ว ๆ นี้แล้ว”ฮั่วหยุนเซียวยิ้มตาม “แต่ก่อนไม่เห็นว่าคุณจะสนใจเรื่องรอยแผลเป็นนี่เลย”เฉินมู่เบ้ปาก “นั่
เมื่อโอวจินจัดการบาดแผลของฮั่วหยุนเซียวเสร็จก็กำชับกับเฉินมู่ว่า “การรักษาครั้งแรกเป็นไปได้ด้วยดี ต่อจากนี้ยังเหลืออีกสองครั้ง แล้วในช่วงพักฟื้นหนึ่งเดือนนี้ก็ไม่สามารถแต่งหน้าได้ พยายามให้ใบหน้าสัมผัสกับสารเคมีได้น้อยที่สุด แบบนี้ก็จะได้หายเร็วขึ้นอีกนิด”เฉินมู่เหมือนกับเด็กประถมที่เชื่อฟัง เธอจดไว้ในใจทีละข้อ ๆ แล้วถามว่า “งั้นฉันใส่หน้ากากอนามัยได้ไหม?”โอวจินพยักหน้า “ได้ เปลี่ยนหน้ากากวันละครั้งก็พอ เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อจากแบคทีเรีย”เฉินมู่หยิบถุงหน้ากากอนามัยถุงใหญ่ที่ถูกเตรียมไว้ในกระเป๋าออกมา มือเรียวหยิบออกมาสวมหนึ่งอัน พร้อมกระพริบตาใส่ฮั่วหยุนเซียว “เรียบร้อย วันนี้ฉันต้องไปรายงานตัวที่ซิงอวี่มีเดียต่อ เรากลับกันเถอะ”ฮั่วหยุนเซียวพาเฉินมู่มาส่งที่ด้านล่างของตึกซิงอวี่มีเดีย เขายังรู้สึกไม่ค่อยวางใจเท่าไหร่ “หยุนเฉินบอกว่าศิลปินเหล่านี้มีเบื้องหลังไม่ดี คุณต้องระวังตัวเองไว้ให้ดี”เฉินมู่พยักหน้า “วางใจเถอะค่ะ ฉันจัดการได้”นี่มันเป็นอาชีพของเธอ กว่าเธอจะเอาบริษัทกลับคืนมาจากพ่อที่เย็นชาคนนั้นได้มันไม่ง่ายเลยสักนิด แล้วทำไมเธอจะจัดการไม่ได้ล่ะ?เฉินมู่เดินเข้าไ
เขาสำรวจเฉินมู่ตั้งแต่หัวจรดเท้าและพูดว่า “ถอดหน้ากากออกซิ”เฉินมู่กระแอมไอ พลันตอบ “ใบหน้าฉันมีอาการแพ้ค่ะ มีผื่นขึ้นบนหน้า ถอดแล้วเกรงว่าจะทำให้คนกลัวได้”พอได้ยินแบบนั้น หวงโหย่วเฉวียนก็ไม่มีความอดทนอะไรต่อ ชายร่างท้วมยกมือขึ้นโบกไปเชิงไม่พอใจ “พอแล้ว หางานเบ็ดเตล็ดให้เธอทำก็พอแล้ว อย่าทำให้งานฉันล่าช้า”เสี่ยวม่านพาเฉินมู่ออกมาอีกครั้ง ก่อนเอ่ย “ที่บริษัทวุ่นขึ้นมาก็เพราะเรื่องข่าวเฉพาะของบุคคล อย่างไรซะ ตอนนี้ทั้งบริษัทก็ถือหางหวางหว่านรั่วอยู่คนเดียว แต่งานของหล่อนก็ยังเพียงพอที่จะทำให้เรายุ่งกันได้อยู่”เฉินมู่นึกถึงข้อมูลที่ฮั่วหยุนเฉินมอบให้ก่อนหน้านี้ หวางหว่านรั่วเป็นดาราสาวคนหนึ่งที่มีนายทุนอยู่เบื้องหลัง หล่อนหน้าตาสะสวย ทักษะการแสดงพื้นฐานก็ได้มาตรฐาน แต่ว่ามีนิสัยเอาใจยากสุด ๆ และเป็นอย่างที่คิด เมื่อเธอได้ยินเสี่ยวม่านเอ่ยว่า “หล่อนขาดผู้ช่วยอยู่ เธอลองไปช่วยทางฝั่นนั้นก็แล้วกัน”เฉินมู่พยักหน้า และพอนึกได้ว่าในข้อมูลของฮั่วหยุนเฉินยังมีนักแสดงอีกสองคน จึงลอบถามหยั่งเชิง “ที่บริษัทยังมีศิลปินชายที่ชื่อเหยียนสือกับศิลปินหญิงที่ชื่อเฉิงหยวนอีกสองคนใช่ไหมคะ?”เสี่ย
เฉินมู่ยืนนิ่งไม่ไหวติง หวางหว่านรั่วรู้สึกไม่พอใจทันที เธอตะโกนเสียงดังลั่น “ฉันพูดกับเธออยู่นะ? เธอหูหนวกเหรอ? บอกให้มาสวมรองเท้าให้ฉันไง!”ดาราสาวนั่งอยู่บนโซฟา เท้าทั้งสองข้างกระดิกไปมาบนโต๊ะน้ำชา พลางเล่นโทรศัพท์ในมือไม่หยุดเฉินมู่ถามขึ้น “ทำไมถึงไม่ใส่เองล่ะ?”หวางหว่านรั่วขำลั่นเหมือนได้ฟังเรื่องตลก ก่อนจะชำเลืองตามองเฉินมู่แวบหนึ่ง “เธอกำลังล้อฉันเล่นอยู่หรือไง? ฉันเป็นดาราดังนะ ฉันเกิดมาเพื่อมีคนคอยปรนนิบัติรับใช้”หล่อนมองเฉินมู่ตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วพูดต่อ “รองเท้าของฉันคู่นี้ยังแพงกว่าตัวเธอเสียอีก เธอเป็นแค่นักศึกษาไร้ค่า สามารถถือรองเท้าฉันได้ก็นับว่าบุญแล้ว จะทำตามไหม ไม่งั้นก็ไสหัวไป!”เฉินมู่ยังต้องอยู่ที่นี่ต่อไป เธอจึงพยักหน้าอย่างจำยอม “ตกลงค่ะ ฉันจะใส่ให้คุณเอง”เธอเดินไปที่ตู้รองเท้า ก่อนหยิบรองเท้าส้นสูงคู่หนึ่งออกมาวางตรงหน้าหวางหว่านรั่ว มือเรียวทั้งสองข้างจับรองเท้าไว้มั่น จากนั้นหวางหว่านรั่วก็ยกเท้าเหยียบลงไป หล่อนลุกขึ้นสำรวจตัวเองครู่หนึ่งจึงพูดว่า “คู่นี้แหละ”ดาราสาวเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกครั้ง เฉินมู่แอบมองแวบหนึ่ง นั่นเป็นคอลเลคชั่นของปีที่แล้ว แสดงว
หล่อนเปลี่ยนชุดชั้นในของแบรนด์ในห้องแต่งตัว ก่อนจะสวมทับด้วยชุดคลุมผ้าไหมแท้เดินออกมา ดาราสาวยิ้มหวาน พลางเอ่ย “โอ๊ะ ฉันไม่ระวังเลยเผลอหลับไป ทุกคนคงรอนานแล้วสินะคะ”ทุกคนโบกมือกันพัลวัน “ไม่เลย ๆ ไม่ได้นานอะไรหรอก”หวางหว่านรั่วเดินเข้าไปในสตูดิโอด้วยความพึงพอใจ มือเรียวถอดชุดคลุมด้านนอกออก พร้อมโพสท่าเซ็กซี่เตรียมถ่ายรูป แต่กลับหยุดชะงักลงและตะโกนลั่น “ไม่ได้ ๆ สภาพตอนนี้ยังถ่ายไม่ได้!”ช่างถ่ายภาพวางกล้องลงอย่างจนปัญญา หวางหว่านรั่วเดินออกมาแล้วพูดว่า “เสี่ยวเฉิน เธอเอารองเท้าส้นสูงของฉันมาทีสิ”เฉินมู่หยิบรองเท้าออกมา พอหวางหว่านรั่วสวมเสร็จก็ยืนขึ้นเอ่ยด้วยเสียงมาดมั่น “แบบนี้ค่อยดูดีขึ้นหน่อย นี่สิถึงจะทำให้ฉันดูสูงและผอมเพรียว”ช่างภาพรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย เขาเอ่ยอย่างลังเล “แต่ตามที่เราตกลงกันไว้ในตอนนั้น ครั้งนี้เป็นการถ่ายภาพชุดชั้นในสไตล์อยู่บ้าน ให้ความรู้สึกนุ่มนวลและอ่อนโยน และไม่ควรสวมรองเท้าส้นสูง ผมว่าไม่ใส่รองเท้าเลยจะค่อนข้างเข้าคอนเว็ปต์กว่า”หวางหว่านรั่วไม่พอใจขึ้นมาทันที “สวมรองเท้าส้นสูงแล้วดูดีกว่าชัด ๆ!”ฝ่ายควบคุมจึงรีบเข้ามาเกลี้ยกล่อม “มันดูดี แต่เป็
ฮั่วหยุนเซียวไม่รู้ว่าควรจะสงสารสาวน้อยตรงหน้าดี หรือควรจะภูมิใจในความหนักแน่นในสถานการณ์ที่อันตรายของเธอดีเขายกมือพร้อมขมวดคิ้ว “ฮานเฉิง จัดการให้เรียบร้อย”“ครับ บอส”ฮานเฉิงยกโทรศัพย์อยู่หลายสาย และแล้วนักข่าวที่สมควรจะอยู่ที่นี่ต่อ กลับแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็วเฉิงหยวนกระพริบตา “ทำไมพวกเขาไปกันหมดแล้วล่ะ?”เมื่อฝูงชนสลายตัว สายตาเฉินมู่ก็สะดุดเข้ากับรถเบนท์ลีย์หรูที่จอดอยู่ข้างทาง“ปีศาจร้ายปรากฎตัวแล้ว” เธอกล่าวเฉิงหยวนถือถุงขนมของตัวเองตามไปและถามต่อ “อะไรนะ?”เฉินมู่ช่วยถือของในมือเธอ แล้วพูดว่า “ฉันจะไปส่งเธอที่บ้านก่อนแล้วกัน”ใต้แสงแดดอบอุ่นในฤดูหนาว สองสาวพูดคุยถึงเรื่องในอนาคต และรถหรูระดับโลกอย่างเบนท์ลีย์คันนั้นก็ขับตามหลังมาอย่างช้า ๆฮานเฉิงถามอย่างสุขุม “บอสครับ พวกเราจะขับช้าขนาดนี้จริงเหรอครับ?”ฮั่วหยุนเซียวมองแผ่นหลังหญิงสาวตรงหน้าอย่างสนใจ แล้วพยักหน้า “ขับช้ากว่านี้”ฮานเฉิง “...”เมื่อเดินมาถึงใต้อาคาร เฉินมู่ก็พูดว่า “คุณไปเก็บของให้เรียบร้อยแล้วเราไปโรงพยาบาลกัน”เฉิงหยวนปัดมือไปมา “ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน พวกเขาแค่ขว้างปาผักมาขู่ฉัน
เธอลงจากรถแล้วเห็นเฉิงหยวนที่ถูกฝูงชนล้อมเอาไว้ เหมือนแมวที่กำลังตื่นตระหนกตกใจ และไม่มีที่ซ่อนตัวเธอวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไป แล้วดึงเฉิงหยวนเข้ามายังอ้อมอก พร้อมถามอย่างกังวลว่า “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”เมื่อเฉิงหยวนเห็นเฉินมู่ ก็ถึงกลับปล่อยโฮออกมาเธอยื่นมือไปปัดเศษผักบนตัวของเฉินมู่ออกให้ พร้อมส่ายหัว “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”เฉินมู่ประคองเธอให้ลุกขึ้น และแล้วไข่ไก่ฟองหนึ่งก็ลอยมา แต่เฉินมู่ยกมือขึ้นรับไว้ได้อย่างแม่นยํา“แกร๊ก” ไข่ไก่ในมือถูกบดขยี้จนแหลก และไข่ไก่เหลว ๆ ก็ไหลลงมาตามข้อมือของเธอ แววตาอันโหดเหี้ยมของเฉินมู่ทำให้ฝูงชนและนักข่าวต่างค่อย ๆ สงบลงเธอพูดกับหน้ากล้องที่ใกล้ที่สุด ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “จรรยาบรรณของนักข่าวคือการนำเสนอความเป็นจริง หวังว่าสื่อมวลชนทุกคนจะตระหนักข้อนี้ไว้หน่อย”พลันมีเสียงดังมาจากด้านหลัง “ความจริงก็คือเฉิงหยวนเป็นมือที่สาม! คนทั้งโลกต่างก็รู้เรื่องนี้!”“ใช่ ๆ คุณเป็นใคร! ทำไมถึงได้แก้ตัวแทนเฉิงหยวน!”เฉินมู่ตอบอย่างเยือกเย็น “เธอไม่ใช่มือที่สาม หวังว่าหลังจากวันที่ความจริงกระจ่างแล้ว ทุกคนในที่นี้ต้องขอโทษต่อการกระทำที่ทำต่อเฉิงหยวน”จ
เฉินมู่ซบอยู่ในอ้อมกอดลู่ซีเจ๋อพร้อมเช็ดน้ำตาด้วยท่าทีน้อยใจ “พี่คะ พี่เชื่อฉันสักครั้งเถอะ…”ลู่ซีเจ๋อหมดความอดทนกับเฉินมู่อย่างสิ้นเชิง เขาตะโกนอย่างเหลืออดว่า “ออกไป! ไสหัวออกไป!”เฉินมู่มองท่าทีที่ปวดใจของลู่ซีเจ๋อ แล้วถอนหายใจ “ลู่ซีเจ๋อ คุณ…”ลู่ซีเจ๋อมองหน้าเธอด้วยความโกรธเคืองเฉินมู่จึงได้เงียบลง พลางคิดว่าทำไมต้องปริปากพูดคำนี้ทั้ง ๆ ที่่ก่อนหน้านี้เธองัดหลักฐานเป็นร้อย ๆ อย่างเพื่อให้เห็นถึงจิตใจอันโหดเหี้ยมของเฉินชิงเสวี่ย แต่ลู่ซีเจ๋อก็มองไม่เห็นเธอจะเกลี้ยกล่อมเขาอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ แถมยังต้องถูกเฉินชิงเสวี่ยตอกกลับว่าเธออิจฉา“คุณคิดจะพูดอะไรอีก?” ลู่ซีเจ๋อมองเธอด้วยโกรธเคืองเฉินมู่ส่ายหัว “ไม่มีอะไรแล้ว แต่มีอะไรอยากจะบอกคู่หมั้นสุดที่รักของคุณหน่อย”เฉินชิงเสวี่ยมองเฉินมู่ด้วยสายตาที่หวาดกลัว “พี่มีอะไรอยากให้ฉันช่วยคะ...”เฉินมู่หัวเราะ แล้วพูดว่า “รบกวนเธอฝากบอกซุยซินยี่กับเฉินชิงโหรวด้วยนะ ว่าเฉิงหยวนจะกลับเข้าสู่วงการบันเทิงเร็ว ๆ นี้”เฉินชิงเสวี่ยจ้องมองเฉินมู่อย่างปวดใจ พลันเอ่ย “พี่คะ เฉิงหยวนเป็นมือที่สาม ทำไมพี่ยังจะคบหากับคนแบบนั้นอยู่อีก?”
แผลเป็นที่หน้าเกลียดน่ากลัวเหมือนตัวหนอนเกาะอยู่บนใบหน้า แถมยังมีรอยแดง ๆ อยู่รอบ ๆ เฉินชิงเสวี่ยถอนหายใจอย่างโล่งใจ แผลเป็นยังอยู่!ตอนที่กำลังลองชุดคราวก่อน เธอได้ข่าวว่าเฉินมู่กำลังรักษารอยแผลพวกนี้ มันทำเธอทุรนทุรายไปหลายวันเธอกลัวว่าเฉินมู่จะรักษาร่อยรอยแผลบนใบหน้าจนหายดี เพราะหากใบหน้านี้หายดีแล้ว มันจะกลับมาทำให้ชาวเมืองปินไห่ตกตะลึงอีกครั้ง เฉินชิงเสวี่ยหัวเราะอย่างโล่งใจ แถมยังเย้ยหยันเฉินมู่ต่อว่า “ได้ยินว่าเธอไปรักษาใบหน้า ทำไมยังเป็นแบบนี้อยู่ล่ะ?”เธอชี้ไปยังใบหน้าของเฉินมู่ พร้อมหัวเราะเยาะเย้ย “เธอดูไม่ออกเหรอว่ามันอาการหนักกว่าเมื่อก่อนอีกน่ะ?”“เฉินมู่ อย่าพยายามต่อไปเลย หน้าของเธอยังไงก็รักษาไม่หายหรอก เธอต้องแบกหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลแบบนี้ไปตลอดชีวิต เธอจะถูกผู้คนหัวเราะเยาะตลอดเวลา และถูกทอดทิ้งตลอดไป”เฉินมู่ง้างมือขึ้นแล้วกระแทกไปที่ใบหน้าของคนเจ็บอย่างแรง ใบหน้าของเฉินชิงเสวี่ยหันไปตามเสียงดัง “เพี๊ยะ”เฉินชิงเสวี่ยโดนตบจนโกรธมาก เธอจ้องมองเฉินมู่ด้วยความเคียดแค้น “สมควร ใครให้เธออยู่เป็นหนามยอกอกในตระกูลเฉิน เธอควรตายไปพร้อมกับแม่ของเธอตั้งนานแล้ว!”
“นี่คุณ!” ลู่ซีเจ๋อถูกเฉินมู่ปั่นหัวจนออกอาการโกรธอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่ทั้งป่าเถื่อนและชั่วร้ายอย่างเธอมาก่อนเฉินชิงเสวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอีกครั้ง “ไม่เป็นไรหรอก พี่สาวก็แค่ล้อเล่น คุณไปเถอะ”เฉินชิงเสวี่ยออดอ้อนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอยากจะทานของหวานหน้าโรงพยาบาล ลู่ซีเจ๋อจึงได้แต่ทำตามคู่หมั้น แต่ก่อนเดินออกจากห้องก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่เฉินมู่อีกหนึ่งทีทันทีที่เขาเดินออกไป เฉินมู่ก็ขมวดคิ้วมองไปทางร่างบนเตียงอย่างเร็ว “เหลือเราแค่สองคนแล้ว มีอะไรอยากพูดไม่ใช่เหรอ?”ครั้งแรกเฉินลี่ซานสั่งให้เธอมาที่นี่ ครั้งที่สองลู่ซีเจ๋อก็พาเธอมาด้วยตัวเองอีกหนึ่งครั้ง เฉินชิงเสวี่ยเป็นคนวางแผนทั้งหมดให้เฉินมู่มาที่นี่ ไม่รู้ว่าเธอจะมีแผนการอะไรอีกเฉินชิงเสวี่ยเปลี่ยนสีหน้าในทันที ใบหน้าอ่อนหวานเมื่อสักครู่หายไปอย่างไร้ร่องรอยเธอมองหน้าเฉินมู่อย่างหงุดหงิด พร้อมพูดว่า “เธออย่ายุ่งเรื่องของตระกูลซุย!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนถามว่า “ทำไมเหรอ? ตระกูลซุยทำไมเหรอ?”เฉินชิงเสวี่ยพูดตรง ๆ ว่า “ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดี ตระกูลซุยกับตระกูลเราทำธุรกิจร่วมกันมา ถ้าเธอทำงานแต่งซินยี่
เฉินมู่ยักไหล่เล็กน้อย “ถึงฉันจะทำร้ายเธอจนตาย ฉันก็จะไม่รู้สึกผิด”ลู่ซีเจ๋อขมวดคิ้ว “เฉินมู่ คุณทำร้ายเสวี่ยเอ๋อถึงขั้นนั้น เธอยังไม่ถือโทษโกรธ แค่บอกให้คุณอย่าเข้าไปยุ่งกับตระกูลซุย แค่คุณไปเยี่ยมเธอบ้าง มันยากนักหรือไง?”เธอหัวเราะเยาะเล็กน้อย “แค่เธอบอกว่าไม่ถือโทษโกรธฉัน คุณก็เชื่อเหรอ? ลู่ซีเจ๋อ ฉันสงสัยจริง ๆ ว่าในสมองคุณมันมีรอยหยักบ้างไหม”ลู่ซีเจ๋ออึ้งไปสักพัก เขาไม่ใช่คนที่ทะเลาะวิวาทกับใครบ่อย ๆ ร่างสูงลากเฉินมู่ไปเรื่อย ๆ แล้วพูดว่า “ไปโรงพยาบาลกับผม!”ช่วงเวลาเลิกเรียนนักศึกษาทุกคนเดินลงจากอาคาร ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาตรงนั้น และแล้วทั้งสองก็เริ่มตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนเฉินมู่ไม่อยากตกเป็นประเด็นของคนทั้งมหาวิทยาลัยในวันพรุ่งนี้ จึงสะบัดมือออกอย่างจำใจและตอบว่า “ปล่อย ฉันเดินเองได้”ลู่ซีเจ๋อปล่อยมือเธอ เฉินหยวนจึงรีบวิ่งมาดึงแขนเฉินมู่ไว้ “ฉันไปเป็นเพื่อนนะ”เฉินมู่แตะมือเธอเบา ๆ “ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรหรอก เธอกลับหอพักไปก่อนเถอะ”เฉินหยวนพูดด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง “งั้นเธอต้องระวังตัวนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นต้องรีบโทรหาฉันนะ หรือไม่ก็… โทรหาตัวรวจเลย!”เฉินหยวนหัวเ
เช้าวันถัดมา เฉินมู่ไปมหาวิทยาลัยตามปกติเรื่องของเฉิงหยวนยังเป็นที่กล่าวถึงบนโลกโซเชียล ซุยซินยี่ยอมจ่ายให้กับคอมเมนท์พวกนี้ไม่น้อยเลยจริง ๆแต่เฉินมู่ยังต้องกลับไปเรียน ถึงแม้ว่าชาวเน็ตจะยังพากันด่าทอดาราในสังกัดของเธอก็ตามทันทีที่เดินเข้าห้องเรียน เฉินหยวนก็โบกมือเรียก “เฉินมู่ ฉันจองที่ตรงนี้ไว้ให้เธอ”เฉินมู่สาวเท้าเข้าไปพร้อมกระเป๋านักเรียน พลางเผยยิ้มกว้าง “ขอบคุณนะ”จางหยางที่นั่งโต๊ะด้านหน้าก็ยื่นกาแฟกับพร้อมแซนด์วิชให้ “อาหารเช้าของเธอ”เฉินมู่พูดด้วยความปลาบปลื้มใจ “ทำไมพวกเธอดีกับฉันจังเลย?”จางหยางส่ายหัวอย่างเคอะเขิน แล้วตอบว่า “แต่ก่อนฉันไม่ค่อยเป็นมิตรกับเธอ เพราะฉะนั้นตอนนี้ฉันจะแก้ตัว” ตั้งแต่ที่เธอทำให้ผู้คนเกิดความประทับใจในคืนงานเลี้ยงปีใหม่ ทุกคนในชั้นเรียนก็หันมาดีกับเธอเฉินหยวนรีบวิ่งเข้ามาซุบซิบ “เธอเห็นหรือยังว่าข่าวเฉิงหยวนในเน็ตกลับมาฉาวอีกแล้วนะ?”เฉินมู่รับอาหารเข้ากัดไปหนึ่งคำ ก่อนพยักหน้าตอบ “เห็นแล้ว”เฉินหยวนรีบโต้ตอบทันที “เฉินมู่ ฉันเห็นเธอสนิทกับหล่อน หล่อนไม่ใช่คนดีนะ!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนตอบว่า “หล่อนเป็นคนดีมาก แล้วต่อไปเธอจะรู้เอง
แค่คําเดียว ทำให้มุมปากของฮั่วหยุนเซียวกระตุกยกโค้งราวไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มไว้ได้เขาแตะมือไปที่ใบหน้าของเฉินมู่ พลางเรียกอย่างอ่อนโยนว่า “มู่มู่”เฉินมู่ลุกขึ้นนั่งอย่างสะลึมสะลือ แล้วถาม “คุณกลับมาแล้วเหรอคะ ตอนนี้กี่โมงแล้ว แล้วคุณทานข้าวหรือยัง?”แม้ว่าเธอไม่ได้งดงามเหมือนเหล่าคนมีชื่อเสียง แต่ก็แฝงด้วยความอ่อนหวานอยู่บ้างฮั่วหยุนเซียวไม่เคยรู้สึกว่า คําว่าเฉินมู่คํานี้จะอบอุ่นและน่าหลงใหลเช่นนี้มาก่อนหญิงสาวที่เขาสนใจนอนอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีกำลังงัวเงียผมเผ้ายุ่งเหยิงสามคำถามต่อเนื่องนั้นดึงเขาออกจากภวังค์และเข้าสู่ความเป็นจริง แต่เขาไม่มีทางเลือก และทำตามอย่างเต็มใจเฉินมู่อยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น ดวงตาค่อย ๆ ปิดลงอีกครั้ง ช่วงนี้เธอพักผ่อนไม่เพียงพอ ถ้าอยู่ในความสงบเมื่อไหร่เธอพร้อมจะหลับทันที“อืม…” จู่ ๆ ความเย็นก็เข้ามากระทบริมฝีปาก สมองเฉินมู่รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันทีสมองของเธอเริ่มประมวลผล พลันฝืนลืมตาขึ้น และเลียริมฝีปากตามสัญชาตญาณเธอมองเข้าไปในสายตาลึกลับของชายตรงหน้า ก่อนถามอย่างงุนงงว่า “อะไรเหรอ?”ปลายลิ้นของฮั่วหยุนเซียวไล่เลียตรงริมฝีปากล่างของตน รา
เมื่อทุกคนออกไป เฉิงหยวนก็ยังคงเกาะแขนของเฉินมู่ด้วยร่างกายอันสั่นอยู่อย่างนั้นเฉินมู่แตะมือเธอ พร้อมปลอบใจว่า “ไม่เป็นไรนะ ฉันจะคอยปกป้องคุณเอง”เฉิงหยวนพยักหน้า “ฉันเชื่อคุณ แต่ฉันไม่เข้าใจ ทำไมคนร้ายแบบพวกนั้น ถึงได้กล้ากล่าวหาเหยื่อแบบนี้”ผู้อำนวยการหยางวิ่งเข้ามาถามอย่างรีบร้อน “ผู้อำนวยการเฉินบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ? ผมพยายามห้ามคุณหนูซุยแล้ว แต่…”เฉินมู่ปัดมือไปมา พลางบอก “ไม่เป็นไรค่ะ ผู้อำนวยการหยางไม่ต้องกังวล นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเรา”เธอมองร่องรอยความเสียหายของข้าวของบนพื้น แล้วพูดต่อ “พวกเธอทำอะไรเสียหายบ้าง ลิสต์ให้ฉันด้วยนะ”ผู้อำนวยการหยางรีบยกปัดไม้ปัดมือปฎิเสธอย่างเร็ว “ไม่ได้ ๆ จะให้ผู้อำนวยการเฉินชดใช้ได้อย่างไร?” เฉินมู่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ใครบอกว่าฉันจะเป็นคนชดใช้ค่าเสียหาย? คุณหยางจัดการลิสต์รายการของที่เสียหายมาก็พอค่ะ”ผู้อำนวยการหยางก็ไม่รู้ว่าเฉินมู่คิดจะมาไม้ไหน จึงทำได้เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้นเฉิงหยวนกระแอมเล็กน้อย แล้วถามด้วยความระมัดระวังว่า “คงไม่ใช่ให้ฉันชดใช้ค่าเสียหายหรอกนะ?”“หึหึ” เฉินมู่ยิ้ม “ไม่ใช่ คนที่ลงมือทำลายข้าวของต่าง