พอเฉินมู่กลับมายังประเทศจีน เธอได้รับการดูแลราวกับเป็นหมีแพนด้าตัวยักษ์ คนทั้งตะกูลต่างก็มองออกว่าท่าทีของชายชราที่มีต่อเฉินมู่นั้นดีขึ้นเรื่อย ๆขนาดเฉินลี้ซานเองก็ยังไม่กล้าพูดอะไรมาก ส่วนเฉินชิงเสวี่ยกับซู่หรูหลานก็ทำได้เพียงโมโหอยู่ในใจ แต่ไม่กล้าแสดงออกทางสีหน้าอะไรมากมายนักขณะนั้นเอง เฉินมู่นั่งอยู่ในอพาร์ทเม้นท์ของฮั่วหยุนเซียว มือเรียวถือเอกสารสัญญาไว้ในมือทั้งสองข้างและถามอีกครั้ง “บริษัทที่คุณซื้อมาในราคาห้าสิบล้าน คุณจะยอมยกให้ฉันงั้นเหรอคะ?”เธอติดตามซิงอวี่มีเดียมาตั้งนาน เพื่อที่จะเอาบริษัทกลับมา เธอทั้งทำขนมและเอาใจฮั่วหยุนเซียวสารพัด แต่ตอนนี้ฮั่วหยุนเซียวกลับวางสัญญาไว้ตรงหน้าเธอง่าย ๆ เสียอย่างนั้นเธอไม่ค่อยแน่ใจ จึงถามต่ออีก “ทำไมถึงให้ฉันล่ะ?”ดวงตาของฮั่วหยุนเซียวฉายแววความจนใจ “คุณพูดว่าตัวเองต้องการรับช่วงต่อบริษัทจากคุณแม่ และปกป้องสิ่งที่ท่านทิ้งไว้ให้ไม่ใช่เหรอ?”“ใช่ค่ะ” เฉินมู่พูดอย่างลังเล “แต่นี่มันไม่ใช่สิ่งของไร้ค่าที่จะพูดว่าให้ก็ให้ได้เลยนะคะ มันเป็นเงินของคุณตั้งห้าสิบล้าน...”ฮั่วหยุนเซียวยิ้มจาง ๆ “ผมยินดีที่จะช่วยคุณปกป้องสิ่งที่คุณอยากจะป
ฮั่วหยุนเซียวพยักหน้า “น้องชายของผม ฮั่วหยุนเฉิน คุณเคยพบเขาที่เซียวเซียงซวนแล้ว”ในหัวของเฉินมู่ปรากฏใบหน้าของคนชั่วร้ายในชุดเสื้อเชิ้ตสีม่วง เป็นครั้งแรกที่เธอและฮั่วหยุนเซียวไปกินข้าวกันที่ร้านเซียวเซียงซวน คนที่แค่โบกมือใหญ่ไปมาก็ทำให้เฉินชิงเสวี่ยต้องจ่ายเงินชดใช้ถึงสองแสนเฉินมู่กระพริบตาแล้วถามว่า “เขาไม่ใช่เจ้าของร้านอาหารหรอกเหรอ?”ฮั่วหยุนเซียวตอบทั้ง ๆ ที่ยังนั่งหลับตา เสียงเข้มพึมพำ “อืม” ออกมานิ่ง ๆ หนึ่งประโยค “แล้วก็ยังเป็นประธานของหยุนซ่างฟิล์มด้วย”เฉินมู่อ้าปากค้างด้วยความตกใจ “หยุนซ่างฟิล์ม? บริษัทภาพยนตร์และสื่อโทรทัศน์ที่ใหญ่ที่สุดในวงการบันเทิง? คนที่อยู่เบื้องหลังของภาพยนตร์นับไม่ถ้วนคนนั้นน่ะเหรอ?”ฐานะทางสังคมสุดยอดขนาดนี้ ทำไมฮั่วหยุนเซียวถึงพูดออกมาได้อย่างหน้าตาเฉยกันนะ!ฮั่วหยุนเซียวพยักหน้า “อืม น่าจะใช่ ผมไม่ค่อยติดตามวงการบันเทิง”เฉินมู่ “...”พี่น้องสองคนนี้ช่างเป็นคนที่แข็งแกร่งแบบกินกันไม่ลงจริง ๆ !เฉินมู่ถอนหายใจแล้วพูดต่อ “ต้องรับช่วงต่อบริษัทจริง ๆ แล้วสินะ แต่รอยแผลเป็นบนใบหน้าของฉันมันไม่เหมาะสมจริง ๆ แม้การแต่งหน้าจะสามารถปกปิดได้บางส
แววตาเฉินมู่ฉายแววเศร้าสร้อย เมื่อนึกถึงตัวเฉินมู่ในอดีตที่ถูกรุมล้อเลียนเหน็บแนมในมหาลัยจนกลายเป็นเรื่องสนุกเรื่องหนึ่งพวกวงศ์ตระกูลที่ได้สิทธิพิเศษพวกนี้ เหล่าเด็กหนุ่มต่างโอ้อวดกันว่าในอนาคตจะเป็นดาราที่โด่งดัง และไม่ลังเลที่จะใช้ทุกวิถีทางทำให้เฉินมู่เผยความอัปลักษณ์ออกมา เผื่อว่าจะทำให้พวกเขาได้มีช่วงเวลาสนุกสนานอะไรบ้างในมหาลัยไร้ชื่อที่แสนน่าเบื่อแห่งนี้ตัวอย่างเช่น การถ่ายรูปตอนที่เฉินมู่ดูน่าเกลียด การพูดคุยกันเรื่องแผลเป็นของเฉินมู่บนฟอรั่มของมหาลัยอย่างโจ่งแจ้ง หรือการวาดรูปแต่งเรื่องต่าง ๆ แล้วเอาไปพาดเป็นหัวข้อใหญ่บนประกาศของคณะราวกับว่าพอได้เห็นเฉินมู่น้ำตาตกก็ได้รับชัยชนะแล้วส่วนเฉินมู่คนเดิม เพื่อที่จะหลบเลี่ยงความอัปยศอดสูเหล่านั้น จึงต้องไปเรียนคนเดียว กินข้าวคนเดียว กระทั่งเข้าออกจากทางประตูหลังเท่านั้น จนเธอกลายเป็นฝุ่นละอองที่ไร้ค่าหน้าผากของฮั่วหยุนเซียวสุมไปด้วยความโกรธเกรี้ยว เขามองไปยังเฉินมู่ แต่กลับเห็นว่าใบหน้าของเฉินมู่นั้นดูสงบนิ่ง ราวกับว่าหญิงสาวที่เป็นหัวข้อหลักของการพนันกันอย่างบ้าคลั่งในห้องถัดไปนั้นไม่ใช่เธอ“ไม่โกรธเหรอ?” ฮั่วหยุนเซียวถาม
เมื่อรถจอดสนิท ฮานเฉิงก็ช่วยเธอเอากระเป๋าเดินทางไปใส่ไว้ที่ท้ายรถ ส่วนเฉินมู่ก็พึ่งจะมองเห็นชัด ๆ ว่ารถคันที่ฮานเฉิงขับมาวันนี้คือ รถออดี้คันสีดำ“คุณหนูเฉิน ขึ้นรถเถอะครับ” ฮานเฉิงเอ่ยพร้อมเปิดประตูที่นั่งด้านหลังเฉินมู่นั่งลงด้วยสีหน้างงงวย ก่อนจะเห็นฮั่วหยุนเซียวที่ใส่ชุดสูทสวมรองเท้าหนังนั่งอยู่ตรงเบาะหลัง ชายคนนั้นหันมามองเธอแล้วพูดอย่างปกติ “อรุณสวัสดิ์”“ฮั่วหยุนเซียว?” สมองของเฉินมู่เริ่มทำงานหนักตั้งแต่เช้า “เมื่อวานฉันไม่ได้บอกเหรอว่า คุณไม่จำเป็นต้องไปส่งฉันแบบนี้?”ฮั่วหยุนเซียวปิดโน๊ตบุ๊คแล้วมองไปเธอแวบหนึ่ง “ก็ผมไม่ได้พูด เป็นคุณต่างหากที่พูด”เฉินมู่ “ใช่ค่ะ ฉันพูดเอง ดังนั้น...”“คุณบอกว่าเบนท์ลีย์โดดเด่นเกินไป ดังนั้นผมก็เลยเปลี่ยนเป็นรถอีกคัน” ฮั่วหยุนเซียวตอบฮานเฉิงที่นั่งตำแหน่งคนขับกล่าวเสริมว่า “คุณหนูเฉินครับ ผมเพิ่งรับรถคันนี้มาเมื่อวานเอง! มันเป็นคันที่สะดุดตาน้อยที่สุดในโรงรถของบอสแล้วครับ!”เฉินมู่รู้สึกว่าสมองของเธอทำงานหนักขึ้นมาอีกครั้ง วงจรสมองของเธอมันแตกต่างจากฮั่วหยุนเซียวตรงไหนบ้างนะ?รถคันหรูขับมาถึงประตูของมหาวิทยาลัยปินไห่ ที่นี่เป็นสถาบ
พอมีคนที่หนึ่งคิดแบบนี้ ก็จะมีคนที่สองตามมา“ถ้าไม่มีแผลเป็นนั่น คงจะสวยมากแน่ ๆ”“ตอนนี้ก็ดูดีมากแล้ว เฉินมู่หน้าตาดีจังเลย!” ผู้คนที่มุงดูอยู่เริ่มชมออกมาสองสามประโยค พลันเสียงเอะอะก็ดังมาจากไกล ๆ เมื่อมองตาเสียงไปก็เห็นหญิงสาวสวยดั่งตุ๊กตาคนหนึ่งเดินลงมาจากรถแลนด์โรเวอร์ ในมือของเธอมีหนังสืออยู่หลายเล่ม ยิ่งทำให้ดูสะดุดตามากขึ้นไปอีก คนรอบด้านเริ่มพูดคุยกันอีกครั้ง“นั่นใช่เฉินชิงเสวี่ยหรือเปล่า? คนจากภาควิชาการแสดงน่ะ!”“เธอนั่นเอง! เทอมที่แล้วฉันได้เรียนกับเธอด้วย สวยมากจริง ๆ!”“แน่นอนว่าสวยมาก! เธอเป็นดอกไม้งามของภาควิชาการแสดงเลยนะ!”เฉินชิงเสวี่ยยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนอย่างภาคภูมิใจ ไม่ว่าเมื่อไหร่ เธอก็มักจะเป็นจุดสนใจเสมอทุกคนผลักกันอย่างแรง และไม่รู้ว่าใครผลักเฉินมู่จากทางด้านหลัง เจ้าตัวถึงได้เซไปสองก้าว พอตั้งหลักได้ กลับมีคนอาศัยช่วงชุลมุนถอดหมวกของเธอออก!เฉินมู่เงยหน้ามองหาตามสัญชาตญาณ สายลมยามเช้าพัดเส้นผมไปจากใบหน้าด้านขวา ราวกับถูกเปิดผ้าคลุมหน้าออกรอยแผลเป็นที่ถูกเยาะเย้ยจากคนหมู่มาก ได้ถูกเปิดเผยภายใต้ดวงอาทิตย์ยามเช้าท่ามกลางสายตาของทุกคนแล้วสายตาทุกค
เฉินมู่ยกมือขึ้นแตะริมฝีปากแดงระเรื่อของตัวเองเบา ๆ พลันเอ่ย “ฉันไม่ได้ฟันเหยินนะ นายคิดว่างั้นเหรอ?”“มะ...ไม่ใช่...” ชายหนุ่มคล้อยตามคำพูดของเธอโดยไม่รู้ตัวเฉินมู่พยักหน้าอย่างพึงพอใจ “อย่าลืมแก้ล่ะ ขอบใจมาก”พูดจบร่างบางก็กลับหลังหันมองไปยังหน้าต่างด้านหลังของรถออดี้ ใบหน้าเล็กโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม ฮั่วหยุนเซียวยิ้มขำเบา ๆ แล้วเก็บความคิดที่จะลงจากรถไว้สาวน้อยที่เขาเลือกนั้นช่างแข็งแกร่งมากจริง ๆหลังจากฝูงคนที่มุงดูแยกย้ายกันออกไป เฉินชิงเสวี่ยจึงย่ำรองเท้าส้นสูงเดินเข้ามา พร้อมกวาดสายตามองออดี้คันที่อยู่ข้าง ๆ เฉินมู่แวบหนึ่ง แล้วพูดเย้ยหยัน “เฉินมู่ อย่างน้อยแกก็น่าจะแสร้งเรียกรถที่มันดูดีกว่านี้หน่อยนะ!”“ไม่ไหวเลยจริง ๆ ฉันจะให้คนที่บ้านส่งรถคันอื่นมาให้แก ขืนแกนั่งออดี้มา ไม่รู้หรือไงว่ามันจะทำให้ตระกูลเฉินขายขี้หน้า?”เฉินมู่เอียงศีรษะมองหน้าต่างรถแวบหนึ่ง แม้จะมีกระจกสีดำกั้นเอาไว้ แต่เธอกลับรู้สึกได้ว่าฮั่วหยุนเซียวกำลังมองอยู่เฉินมู่กลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ได้ นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่ฮั่วหยุนเซียวถูกคนอื่นพูดคำว่า ‘ขายหน้า’ ใส่ใช่ไหม?“เฉินมู่ ฉันคุยกับแกอยู่นะ!” เฉิ
เมื่อได้ยินเสียงของเฉินชิงเสวี่ย เฉินมู่ก็ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วถามกลับไปว่า “เป็นเธอสินะ ที่สั่งให้คนลงโพสต์?”เฉินชิงเสวี่ยยิ้มอย่างสะใจ “แกไม่ได้อยากเด่นหรอกเหรอ? ฉันจะช่วยแกเอง! เฉินมู่ ตอนอยู่เมืองนอกแกมีตระกูลคอลลินคอยปกป้อง แต่ว่าที่มหาวิทยาลัย แค่ขยับนิ้วก็มีคนนับไม่ถ้วนที่ยอมไปบุกน้ำลุยไฟให้ฉันแล้ว! และไม่ต้องพูดถึงเรื่องส่งแกไปงานเลี้ยงเรื่องเล็ก ๆ นั่นเลย! แกได้ดังแน่”“ให้ฉันช่วยแกคิดดีไหมว่าจะแสดงอะไร? โชว์เสียโฉม? กรีดแขน? หรือจะเป็นการร้องไห้อย่างน่าสมเพชดี?”เฉินมู่มองหัวข้อที่แปะอยู่บนหน้าแรกของเว็บไซต์ คำวิจารณ์ด้านล่างเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมทั้งข้างหูเองก็มีเสียงหัวเราะที่สะใจและโหดเหี้ยมของเฉินชิงเสวี่ยดังก้องอยู่ “เฉินมู่ ฉันมีหลายร้อยวิธีที่จะทำให้การแสดงของแกได้รับการคัดเลือก แต่แกอย่าคิดที่จะได้ไต่ขึ้นเวทีเลยดีกว่า!”“แกเป็นได้แค่นังปีศาจอัปลักษณ์ที่ถูกเหยียบจมโคลนมาโดยตลอด! แต่ถ้าแกอยากออกจากโคลน งั้นเรามาดูกันว่ามันจะเป็นยังไง!”เฉินชิงเสวี่ยวางสาย เมื่อเธอเห็นความเคลื่อนไหวบนจอ แววตาก็ฉายแววอำมหิตออกมาทันทีนับตั้งแต่กลับมาจากต่างประเทศ คุณปู่ก็มองว่าเฉิน
ยิ่งคนในห้องเรียนเอะอะโวยวายแบบนี้ จางหยางก็ยิ่งโมโหมากขึ้นกว่าเดิม “เฉินมู่ เธออย่าไปให้ขายขี้หน้าเลยจะดีกว่า! พวกเราสละสิทธ์เถอะ!”เฉินมู่ตบมือเฉินหยวนอย่างปลอบใจ พลันเงยหน้าขึ้นมองไปยังจางหยางที่กำลังโกรธจัด แล้วถามเสียงแข็ง “ทำไมต้องสละสิทธิ์ด้วย?”จางหยางเป็นคนที่อ่อนโยนมาตลอด ทว่าวันนี้เขาโกรธจัดเพราะเรื่องงานเลี้ยง จึงใช้คำพูดตอบกลับแบบไม่รักษาน้ำใจเขาตะโกนเสียงดังออกมา “ไม่สละสิทธิ์แล้วจะทำยังไง? ต้องไปขายหน้าให้ได้เลยใช่ไหม? เธอสามารถแสดงอะไรได้? จะหยิบอะไรไปสู้กับดอกไม้งามของสาขาการแสดงกัน?” “ดอกไม้งามของสาขา?” เฉินมู่ถามขึ้น “เฉินชิงเสวี่ยเนี่ยนะ?”“ก็ใช่น่ะสิ!” จางหยางพยักหน้า แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ข่าวกระจายไปทั่วทั้งโรงเรียนแล้ว แถมปีนี้เฉินชิงเสวี่ยยังร่วมมือกับถังอวี่เดือนมหาลัยอีกด้วย พวกนั้นต้องเลือกการแสดงโชว์ที่เหมาะสมกับสองคนนี้มาใช้แสดงแน่!”เฉินมู่เลิกคิ้วขึ้น ถังอวี่เดือนมหาลัยคนนี้ คือนักศึกษาชั้นปีที่สี่ของมหาวิยาลัยปินไห่ และยังเป็นนักร้องที่มีอำนาจในวงการบันเทิงจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้อีกด้วยเฉินมู่ใจเต้นแรงขึ้นมาทันที ตอนนี้บริษัทนายหน้าที่ใกล้เจ
ฮั่วหยุนเซียวไม่รู้ว่าควรจะสงสารสาวน้อยตรงหน้าดี หรือควรจะภูมิใจในความหนักแน่นในสถานการณ์ที่อันตรายของเธอดีเขายกมือพร้อมขมวดคิ้ว “ฮานเฉิง จัดการให้เรียบร้อย”“ครับ บอส”ฮานเฉิงยกโทรศัพย์อยู่หลายสาย และแล้วนักข่าวที่สมควรจะอยู่ที่นี่ต่อ กลับแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็วเฉิงหยวนกระพริบตา “ทำไมพวกเขาไปกันหมดแล้วล่ะ?”เมื่อฝูงชนสลายตัว สายตาเฉินมู่ก็สะดุดเข้ากับรถเบนท์ลีย์หรูที่จอดอยู่ข้างทาง“ปีศาจร้ายปรากฎตัวแล้ว” เธอกล่าวเฉิงหยวนถือถุงขนมของตัวเองตามไปและถามต่อ “อะไรนะ?”เฉินมู่ช่วยถือของในมือเธอ แล้วพูดว่า “ฉันจะไปส่งเธอที่บ้านก่อนแล้วกัน”ใต้แสงแดดอบอุ่นในฤดูหนาว สองสาวพูดคุยถึงเรื่องในอนาคต และรถหรูระดับโลกอย่างเบนท์ลีย์คันนั้นก็ขับตามหลังมาอย่างช้า ๆฮานเฉิงถามอย่างสุขุม “บอสครับ พวกเราจะขับช้าขนาดนี้จริงเหรอครับ?”ฮั่วหยุนเซียวมองแผ่นหลังหญิงสาวตรงหน้าอย่างสนใจ แล้วพยักหน้า “ขับช้ากว่านี้”ฮานเฉิง “...”เมื่อเดินมาถึงใต้อาคาร เฉินมู่ก็พูดว่า “คุณไปเก็บของให้เรียบร้อยแล้วเราไปโรงพยาบาลกัน”เฉิงหยวนปัดมือไปมา “ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน พวกเขาแค่ขว้างปาผักมาขู่ฉัน
เธอลงจากรถแล้วเห็นเฉิงหยวนที่ถูกฝูงชนล้อมเอาไว้ เหมือนแมวที่กำลังตื่นตระหนกตกใจ และไม่มีที่ซ่อนตัวเธอวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไป แล้วดึงเฉิงหยวนเข้ามายังอ้อมอก พร้อมถามอย่างกังวลว่า “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”เมื่อเฉิงหยวนเห็นเฉินมู่ ก็ถึงกลับปล่อยโฮออกมาเธอยื่นมือไปปัดเศษผักบนตัวของเฉินมู่ออกให้ พร้อมส่ายหัว “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”เฉินมู่ประคองเธอให้ลุกขึ้น และแล้วไข่ไก่ฟองหนึ่งก็ลอยมา แต่เฉินมู่ยกมือขึ้นรับไว้ได้อย่างแม่นยํา“แกร๊ก” ไข่ไก่ในมือถูกบดขยี้จนแหลก และไข่ไก่เหลว ๆ ก็ไหลลงมาตามข้อมือของเธอ แววตาอันโหดเหี้ยมของเฉินมู่ทำให้ฝูงชนและนักข่าวต่างค่อย ๆ สงบลงเธอพูดกับหน้ากล้องที่ใกล้ที่สุด ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “จรรยาบรรณของนักข่าวคือการนำเสนอความเป็นจริง หวังว่าสื่อมวลชนทุกคนจะตระหนักข้อนี้ไว้หน่อย”พลันมีเสียงดังมาจากด้านหลัง “ความจริงก็คือเฉิงหยวนเป็นมือที่สาม! คนทั้งโลกต่างก็รู้เรื่องนี้!”“ใช่ ๆ คุณเป็นใคร! ทำไมถึงได้แก้ตัวแทนเฉิงหยวน!”เฉินมู่ตอบอย่างเยือกเย็น “เธอไม่ใช่มือที่สาม หวังว่าหลังจากวันที่ความจริงกระจ่างแล้ว ทุกคนในที่นี้ต้องขอโทษต่อการกระทำที่ทำต่อเฉิงหยวน”จ
เฉินมู่ซบอยู่ในอ้อมกอดลู่ซีเจ๋อพร้อมเช็ดน้ำตาด้วยท่าทีน้อยใจ “พี่คะ พี่เชื่อฉันสักครั้งเถอะ…”ลู่ซีเจ๋อหมดความอดทนกับเฉินมู่อย่างสิ้นเชิง เขาตะโกนอย่างเหลืออดว่า “ออกไป! ไสหัวออกไป!”เฉินมู่มองท่าทีที่ปวดใจของลู่ซีเจ๋อ แล้วถอนหายใจ “ลู่ซีเจ๋อ คุณ…”ลู่ซีเจ๋อมองหน้าเธอด้วยความโกรธเคืองเฉินมู่จึงได้เงียบลง พลางคิดว่าทำไมต้องปริปากพูดคำนี้ทั้ง ๆ ที่่ก่อนหน้านี้เธองัดหลักฐานเป็นร้อย ๆ อย่างเพื่อให้เห็นถึงจิตใจอันโหดเหี้ยมของเฉินชิงเสวี่ย แต่ลู่ซีเจ๋อก็มองไม่เห็นเธอจะเกลี้ยกล่อมเขาอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ แถมยังต้องถูกเฉินชิงเสวี่ยตอกกลับว่าเธออิจฉา“คุณคิดจะพูดอะไรอีก?” ลู่ซีเจ๋อมองเธอด้วยโกรธเคืองเฉินมู่ส่ายหัว “ไม่มีอะไรแล้ว แต่มีอะไรอยากจะบอกคู่หมั้นสุดที่รักของคุณหน่อย”เฉินชิงเสวี่ยมองเฉินมู่ด้วยสายตาที่หวาดกลัว “พี่มีอะไรอยากให้ฉันช่วยคะ...”เฉินมู่หัวเราะ แล้วพูดว่า “รบกวนเธอฝากบอกซุยซินยี่กับเฉินชิงโหรวด้วยนะ ว่าเฉิงหยวนจะกลับเข้าสู่วงการบันเทิงเร็ว ๆ นี้”เฉินชิงเสวี่ยจ้องมองเฉินมู่อย่างปวดใจ พลันเอ่ย “พี่คะ เฉิงหยวนเป็นมือที่สาม ทำไมพี่ยังจะคบหากับคนแบบนั้นอยู่อีก?”
แผลเป็นที่หน้าเกลียดน่ากลัวเหมือนตัวหนอนเกาะอยู่บนใบหน้า แถมยังมีรอยแดง ๆ อยู่รอบ ๆ เฉินชิงเสวี่ยถอนหายใจอย่างโล่งใจ แผลเป็นยังอยู่!ตอนที่กำลังลองชุดคราวก่อน เธอได้ข่าวว่าเฉินมู่กำลังรักษารอยแผลพวกนี้ มันทำเธอทุรนทุรายไปหลายวันเธอกลัวว่าเฉินมู่จะรักษาร่อยรอยแผลบนใบหน้าจนหายดี เพราะหากใบหน้านี้หายดีแล้ว มันจะกลับมาทำให้ชาวเมืองปินไห่ตกตะลึงอีกครั้ง เฉินชิงเสวี่ยหัวเราะอย่างโล่งใจ แถมยังเย้ยหยันเฉินมู่ต่อว่า “ได้ยินว่าเธอไปรักษาใบหน้า ทำไมยังเป็นแบบนี้อยู่ล่ะ?”เธอชี้ไปยังใบหน้าของเฉินมู่ พร้อมหัวเราะเยาะเย้ย “เธอดูไม่ออกเหรอว่ามันอาการหนักกว่าเมื่อก่อนอีกน่ะ?”“เฉินมู่ อย่าพยายามต่อไปเลย หน้าของเธอยังไงก็รักษาไม่หายหรอก เธอต้องแบกหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลแบบนี้ไปตลอดชีวิต เธอจะถูกผู้คนหัวเราะเยาะตลอดเวลา และถูกทอดทิ้งตลอดไป”เฉินมู่ง้างมือขึ้นแล้วกระแทกไปที่ใบหน้าของคนเจ็บอย่างแรง ใบหน้าของเฉินชิงเสวี่ยหันไปตามเสียงดัง “เพี๊ยะ”เฉินชิงเสวี่ยโดนตบจนโกรธมาก เธอจ้องมองเฉินมู่ด้วยความเคียดแค้น “สมควร ใครให้เธออยู่เป็นหนามยอกอกในตระกูลเฉิน เธอควรตายไปพร้อมกับแม่ของเธอตั้งนานแล้ว!”
“นี่คุณ!” ลู่ซีเจ๋อถูกเฉินมู่ปั่นหัวจนออกอาการโกรธอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่ทั้งป่าเถื่อนและชั่วร้ายอย่างเธอมาก่อนเฉินชิงเสวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอีกครั้ง “ไม่เป็นไรหรอก พี่สาวก็แค่ล้อเล่น คุณไปเถอะ”เฉินชิงเสวี่ยออดอ้อนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอยากจะทานของหวานหน้าโรงพยาบาล ลู่ซีเจ๋อจึงได้แต่ทำตามคู่หมั้น แต่ก่อนเดินออกจากห้องก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่เฉินมู่อีกหนึ่งทีทันทีที่เขาเดินออกไป เฉินมู่ก็ขมวดคิ้วมองไปทางร่างบนเตียงอย่างเร็ว “เหลือเราแค่สองคนแล้ว มีอะไรอยากพูดไม่ใช่เหรอ?”ครั้งแรกเฉินลี่ซานสั่งให้เธอมาที่นี่ ครั้งที่สองลู่ซีเจ๋อก็พาเธอมาด้วยตัวเองอีกหนึ่งครั้ง เฉินชิงเสวี่ยเป็นคนวางแผนทั้งหมดให้เฉินมู่มาที่นี่ ไม่รู้ว่าเธอจะมีแผนการอะไรอีกเฉินชิงเสวี่ยเปลี่ยนสีหน้าในทันที ใบหน้าอ่อนหวานเมื่อสักครู่หายไปอย่างไร้ร่องรอยเธอมองหน้าเฉินมู่อย่างหงุดหงิด พร้อมพูดว่า “เธออย่ายุ่งเรื่องของตระกูลซุย!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนถามว่า “ทำไมเหรอ? ตระกูลซุยทำไมเหรอ?”เฉินชิงเสวี่ยพูดตรง ๆ ว่า “ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดี ตระกูลซุยกับตระกูลเราทำธุรกิจร่วมกันมา ถ้าเธอทำงานแต่งซินยี่
เฉินมู่ยักไหล่เล็กน้อย “ถึงฉันจะทำร้ายเธอจนตาย ฉันก็จะไม่รู้สึกผิด”ลู่ซีเจ๋อขมวดคิ้ว “เฉินมู่ คุณทำร้ายเสวี่ยเอ๋อถึงขั้นนั้น เธอยังไม่ถือโทษโกรธ แค่บอกให้คุณอย่าเข้าไปยุ่งกับตระกูลซุย แค่คุณไปเยี่ยมเธอบ้าง มันยากนักหรือไง?”เธอหัวเราะเยาะเล็กน้อย “แค่เธอบอกว่าไม่ถือโทษโกรธฉัน คุณก็เชื่อเหรอ? ลู่ซีเจ๋อ ฉันสงสัยจริง ๆ ว่าในสมองคุณมันมีรอยหยักบ้างไหม”ลู่ซีเจ๋ออึ้งไปสักพัก เขาไม่ใช่คนที่ทะเลาะวิวาทกับใครบ่อย ๆ ร่างสูงลากเฉินมู่ไปเรื่อย ๆ แล้วพูดว่า “ไปโรงพยาบาลกับผม!”ช่วงเวลาเลิกเรียนนักศึกษาทุกคนเดินลงจากอาคาร ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาตรงนั้น และแล้วทั้งสองก็เริ่มตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนเฉินมู่ไม่อยากตกเป็นประเด็นของคนทั้งมหาวิทยาลัยในวันพรุ่งนี้ จึงสะบัดมือออกอย่างจำใจและตอบว่า “ปล่อย ฉันเดินเองได้”ลู่ซีเจ๋อปล่อยมือเธอ เฉินหยวนจึงรีบวิ่งมาดึงแขนเฉินมู่ไว้ “ฉันไปเป็นเพื่อนนะ”เฉินมู่แตะมือเธอเบา ๆ “ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรหรอก เธอกลับหอพักไปก่อนเถอะ”เฉินหยวนพูดด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง “งั้นเธอต้องระวังตัวนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นต้องรีบโทรหาฉันนะ หรือไม่ก็… โทรหาตัวรวจเลย!”เฉินหยวนหัวเ
เช้าวันถัดมา เฉินมู่ไปมหาวิทยาลัยตามปกติเรื่องของเฉิงหยวนยังเป็นที่กล่าวถึงบนโลกโซเชียล ซุยซินยี่ยอมจ่ายให้กับคอมเมนท์พวกนี้ไม่น้อยเลยจริง ๆแต่เฉินมู่ยังต้องกลับไปเรียน ถึงแม้ว่าชาวเน็ตจะยังพากันด่าทอดาราในสังกัดของเธอก็ตามทันทีที่เดินเข้าห้องเรียน เฉินหยวนก็โบกมือเรียก “เฉินมู่ ฉันจองที่ตรงนี้ไว้ให้เธอ”เฉินมู่สาวเท้าเข้าไปพร้อมกระเป๋านักเรียน พลางเผยยิ้มกว้าง “ขอบคุณนะ”จางหยางที่นั่งโต๊ะด้านหน้าก็ยื่นกาแฟกับพร้อมแซนด์วิชให้ “อาหารเช้าของเธอ”เฉินมู่พูดด้วยความปลาบปลื้มใจ “ทำไมพวกเธอดีกับฉันจังเลย?”จางหยางส่ายหัวอย่างเคอะเขิน แล้วตอบว่า “แต่ก่อนฉันไม่ค่อยเป็นมิตรกับเธอ เพราะฉะนั้นตอนนี้ฉันจะแก้ตัว” ตั้งแต่ที่เธอทำให้ผู้คนเกิดความประทับใจในคืนงานเลี้ยงปีใหม่ ทุกคนในชั้นเรียนก็หันมาดีกับเธอเฉินหยวนรีบวิ่งเข้ามาซุบซิบ “เธอเห็นหรือยังว่าข่าวเฉิงหยวนในเน็ตกลับมาฉาวอีกแล้วนะ?”เฉินมู่รับอาหารเข้ากัดไปหนึ่งคำ ก่อนพยักหน้าตอบ “เห็นแล้ว”เฉินหยวนรีบโต้ตอบทันที “เฉินมู่ ฉันเห็นเธอสนิทกับหล่อน หล่อนไม่ใช่คนดีนะ!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนตอบว่า “หล่อนเป็นคนดีมาก แล้วต่อไปเธอจะรู้เอง
แค่คําเดียว ทำให้มุมปากของฮั่วหยุนเซียวกระตุกยกโค้งราวไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มไว้ได้เขาแตะมือไปที่ใบหน้าของเฉินมู่ พลางเรียกอย่างอ่อนโยนว่า “มู่มู่”เฉินมู่ลุกขึ้นนั่งอย่างสะลึมสะลือ แล้วถาม “คุณกลับมาแล้วเหรอคะ ตอนนี้กี่โมงแล้ว แล้วคุณทานข้าวหรือยัง?”แม้ว่าเธอไม่ได้งดงามเหมือนเหล่าคนมีชื่อเสียง แต่ก็แฝงด้วยความอ่อนหวานอยู่บ้างฮั่วหยุนเซียวไม่เคยรู้สึกว่า คําว่าเฉินมู่คํานี้จะอบอุ่นและน่าหลงใหลเช่นนี้มาก่อนหญิงสาวที่เขาสนใจนอนอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีกำลังงัวเงียผมเผ้ายุ่งเหยิงสามคำถามต่อเนื่องนั้นดึงเขาออกจากภวังค์และเข้าสู่ความเป็นจริง แต่เขาไม่มีทางเลือก และทำตามอย่างเต็มใจเฉินมู่อยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น ดวงตาค่อย ๆ ปิดลงอีกครั้ง ช่วงนี้เธอพักผ่อนไม่เพียงพอ ถ้าอยู่ในความสงบเมื่อไหร่เธอพร้อมจะหลับทันที“อืม…” จู่ ๆ ความเย็นก็เข้ามากระทบริมฝีปาก สมองเฉินมู่รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันทีสมองของเธอเริ่มประมวลผล พลันฝืนลืมตาขึ้น และเลียริมฝีปากตามสัญชาตญาณเธอมองเข้าไปในสายตาลึกลับของชายตรงหน้า ก่อนถามอย่างงุนงงว่า “อะไรเหรอ?”ปลายลิ้นของฮั่วหยุนเซียวไล่เลียตรงริมฝีปากล่างของตน รา
เมื่อทุกคนออกไป เฉิงหยวนก็ยังคงเกาะแขนของเฉินมู่ด้วยร่างกายอันสั่นอยู่อย่างนั้นเฉินมู่แตะมือเธอ พร้อมปลอบใจว่า “ไม่เป็นไรนะ ฉันจะคอยปกป้องคุณเอง”เฉิงหยวนพยักหน้า “ฉันเชื่อคุณ แต่ฉันไม่เข้าใจ ทำไมคนร้ายแบบพวกนั้น ถึงได้กล้ากล่าวหาเหยื่อแบบนี้”ผู้อำนวยการหยางวิ่งเข้ามาถามอย่างรีบร้อน “ผู้อำนวยการเฉินบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ? ผมพยายามห้ามคุณหนูซุยแล้ว แต่…”เฉินมู่ปัดมือไปมา พลางบอก “ไม่เป็นไรค่ะ ผู้อำนวยการหยางไม่ต้องกังวล นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเรา”เธอมองร่องรอยความเสียหายของข้าวของบนพื้น แล้วพูดต่อ “พวกเธอทำอะไรเสียหายบ้าง ลิสต์ให้ฉันด้วยนะ”ผู้อำนวยการหยางรีบยกปัดไม้ปัดมือปฎิเสธอย่างเร็ว “ไม่ได้ ๆ จะให้ผู้อำนวยการเฉินชดใช้ได้อย่างไร?” เฉินมู่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ใครบอกว่าฉันจะเป็นคนชดใช้ค่าเสียหาย? คุณหยางจัดการลิสต์รายการของที่เสียหายมาก็พอค่ะ”ผู้อำนวยการหยางก็ไม่รู้ว่าเฉินมู่คิดจะมาไม้ไหน จึงทำได้เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้นเฉิงหยวนกระแอมเล็กน้อย แล้วถามด้วยความระมัดระวังว่า “คงไม่ใช่ให้ฉันชดใช้ค่าเสียหายหรอกนะ?”“หึหึ” เฉินมู่ยิ้ม “ไม่ใช่ คนที่ลงมือทำลายข้าวของต่าง