แม้ว่าเฉินมู่จะสวมหน้ากากไว้ แต่เธอก็ยังจำเพื่อนร่วมทีมของตัวเองได้ เธอเงียบไปครู่หนึ่งจึงพูดว่า “ฉันไม่ใช่คนทรยศนะ พี่มู่”“อีกา ฉันจะถามอีกครั้ง เธอไปที่ไหนมา?”“ฉัน...” อีกายังไม่ทันที่จะพูดออกมา ก็ได้ยินเพียงเสียงปืนดัง “ปัง” พุ่งออกมาจากหน้าอกของอีกา!เธอตาโตนึกไม่ถึงว่าหน้าอกของตัวเองจะถูกเจาะ พลันเงยหน้าขึ้นมองกระจกหน้าต่างที่ถูกยิงทะลุ มีเงาของชายคนหนึ่งกระโดดลงไปจากหลังคาตึกฝั่งตรงข้ามเฉินมู่กดปากแผลของอีกาอย่างตื่นตระหนก “ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะพาเธอออกไป...”อีกาใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีผลักเฉินมู่ไปที่หน้าต่างแล้วขบกรามแน่น “รีบวิ่ง! วิ่งเร็วเข้า!”“อีกา ฉันจะพาเธอไปด้วย!” เฉินมู่จับที่แขนของอีกาไว้แน่นไม่ต่างกันเธอเคยพาอีกาไปปฏิบัติภารกิจด้วย แล้วก็เคยเดินฝ่ากระสุนที่ยิงออกมาเหมือนเม็ดฝน...นี่คือเพื่อนที่ร่วมกินร่วมนอนของเธอยามศึกเลยนะ!“พี่มู่ วิ่งสิ!” อีกามองจ้องจนเส้นเลือดในตาแทบแตก พร้อมพูดอย่างตะกุกตะกัก “ฉันไม่ใช่คนทรยศ พี่...พี่จำไว้ ฉันไม่ใช่...”เลือดบนหน้าอกของอีกาไหลออกมาไม่หยุด เธอเอื้อมมือไปจับมือของเฉินมู่ที่ถูกย้อมเป็นสีแดงเสี้ยววิ เธอก็ผ
ในคืนที่มืดมิด หน้ากากที่ถูกดึงก็ตกลงมาในทันที ความรุนแรงของมือหนานั่นมีมากราวกับจะฉีกสิ่งสุดท้ายของเฉินมู่ทิ้งไปฮั่วหยุนเซียวเกือบจะเห็นใบหน้าที่สมบูรณ์ภายใต้หน้ากาก แต่ทันใดนั้นเสียงปืนก็ดังขึ้นที่ชั้นบน!เขาสะดุ้ง แต่ในชั่วพริบตา ร่างของผู้หญิงคนนั้นก็กระแทกไปที่คางของเขา จนดวงตาของฮั่วหยุนเซียวมืดดำ และก่อนที่เขาจะลืมตาขึ้นมองดี ๆ ก็เห็นว่าผู้หญิงคนนั้นวิ่งหนีไปแล้วเมื่อความมืดปกคลุมลง ประกอบกับภูมิประเทศที่ซับซ้อนตามบ้านเรือนที่นี่ ภายในชั่วพริบตาจึงมองไม่เห็นคนที่วิ่งหนีเสียแล้วฮั่วหยุนเซียวทำได้เพียงส่งคนไล่ตามไป ก่อนหมุนตัววิ่งขึ้นไปชั้นบนและตะโกนเรียก “เหิงเหยียน!” ดังลั่นจี้เหิงเหยียนขานรับ “ฉันไม่เป็นไร”ฮั่วหยุนเซียววิ่งเข้าไปในห้อง จี้เหิงเหยียนโยนปืนลงบนพื้นอย่างหงุดหงิด ข้าง ๆ นั่นมีอีกาที่ร่างกายเต็มไปด้วยเลือดนอนอยู่จี้เหิงเหยียนถอนหายใจ “ฉันประมาทเอง ฉันคิดว่ามันได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนาแล้ว และไม่มีใครสามารถแตะต้องมันได้”ฮั่วหยุนเซียวตบไหล่ของจี้เหิงเหยียนเพื่อปลอบโยน “ไม่ใช่ความผิดของนายที่มันถูกยิงหรอก มีคนข้างนอกถือปืนซุ่มยิงอยู่ และน่าจะนั่งซุ่มอ
“ฮัลโหล?” ฟังจากเสียงฮั่วหยุนเซียวแล้ว เหมือนว่าเขาจะเหนื่อยล้าสุด ๆ เลย“ฉันเอง เฉินมู่”“คุณเฉินมีเรื่องอะไรเหรอ?” เสียงของฮั่วหยุนเซียวดูเย็นชาและห่างเหินเฉินมู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตอบกลับไป “ฉันไม่รู้ว่าคุณจะสะดวกหรือเปล่า ช่วยมาประกันตัวฉันที่สถานีตำรวจในแอตแลนตาหน่อย…”“ตอนนี้ผมยุ่งมาก คุณเฉินจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองไม่ได้เหรอ?” ฮั่วหยุนเซียวยังเก็บความอารมณ์ร้อนไว้ เขาไม่ชอบที่ผู้หญิงคนนี้เย็นชาและเมินเฉยต่อความดีที่มีให้เฉินมู่ไม่ได้โต้แย้งแต่อย่างใด ร่างบางพูดแค่คำว่า “อืม” คำเดียว พลันเอ่ย “ขอโทษที่รบกวนคุณนะ”หลังจากวางสายแล้ว เฉินมู่ก็เอนตัวพิงกำแพงไม่พูดไม่จา ราวกับว่าพลังที่อยากจะฆ่าคนในตรอกนั่นหมดไปในตอนนี้ เธอรู้อย่างชัดเจนว่าฮั่วหยุนเซียวอาจอยู่ห่างจากเธอไปเพียงไม่กี่กิโลเมตร แต่ทว่าพวกเราเพิ่งต่อสู้กันเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วตัดภาพมาที่ย่านเมืองเก่า ฮั่วหยุนเซียวมองไปยังหน้าจอโทรศัพท์ที่ดับสนิท จากนั้นใบหน้าของเขาก็ซีดเซียวมือหนาโยนบุหรี่ในปากลงบนพื้น จากนั้นก็หยิบเสื้อแจ็กเก็ตขึ้นมาแล้วตะโกนเสียงดัง “ฮานเฉิง!”ฮานเฉิงรีบเดินเข้ามาตามเสียงเรียกของฮั่
ฮั่วหยุนเซียวรีบพาอีกคนออกจากอ่างอาบน้ำอย่างรวดเร็ว พลันตบหน้าเรียกสติ และตะโกนเสียงดังลั่น “เฉินมู่! เฉินมู่!”เฉินมู่สำลักน้ำแล้วไอออกมา ร่างบางหอบหายใจเอนพิงตัวกับขอบอ่างอาบน้ำ แถมปลายนิ้วที่จับขอบอ่างอยู่ก็ซีดเล็กน้อยเฉินมู่เงยหน้าขึ้น แล้วพบกับดวงตาที่เป็นกังวลของฮั่วหยุนเซียว เสียงร้องเรียกของร่างสูงยังดังก้องอยู่ในหูของเธอจากนั้น ความทรงจำที่ไม่ได้เป็นของเธอ ก็แวบเข้ามาในจิตใจของเฉินมู่ เด็กสาวที่ฆ่าตัวตายด้วยความคับข้องใจของตนเอง ในวัยเด็กเต็มไปด้วยน้ำตา...คนอื่น ๆ ต่างเรียกชื่อเธอว่าเฉินมู่น้ำตาของเธอไหลออกมาราวกับมันคือน้ำไหลของคนในอดีตฮั่วหยุนเซียวเพียงคิดว่าร่างเล็กยังตกใจกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา และไม่ว่าตอนนี้สภาพของเธอจะเป็นยังไง เขาก็เลือกจะดึงหญิงสาวที่กำลังร้องไห้เข้ามาในอ้อมแขนพร้อมปลอบโยนเบา ๆ “ไม่เป็นไรแล้วนะ มู่มู่…”เฉินมู่คว้าเสื้อของเขาไว้แล้วร้องห่มร้องไห้ราวกับผืนดินแตกสลายเฉินมู่เศร้ามาก เธอรู้สึกเหมือนกับว่าชีวิตของตัวเองในตอนนี้นั้น ไม่ต่างจากช่วงสองปีที่ผ่านมาตอนนั้นเลยเธอถูกบังคับให้ออกจากเคโจว ถูกบังคับให้ตาย และถูกบังคับให้เกิดใหม่ ตอนนี้เธอ
“ก็เฉินมู่ไง เด็กน้อย ถ้าเจ็บก็แสดงออกว่าเจ็บเถอะ คุณจะแสดงความอ่อนแอออกมาขนาดไหน ก็ไม่มีใครว่าหรอก” ฮั่วหยุนเซียวกล่าวอีกครั้ง เฉินมู่น้ำตาซึม ชายผู้นี้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกธุรกิจ ไม่น่าเชื่อว่าจะพูดจาดี ๆ กับคนอื่นเขาเป็นด้วย!ฮั่วหยุนเซียวพูดถูก เธอคือ เฉินมู่ฉินมู่เป็นนักฆ่าชั้นยอด เป็นไพ่คิงที่ไม่รู้จักความพ่ายแพ้ และยังเป็นผู้ที่ทรยศ แน่นอนว่าไม่ใช่เฉินมู่ผู้นี้เธอได้ประสบกับการเกิดใหม่อย่างอัศจรรย์ ยังมีอะไรอีกที่เธอจะต้องกลัว?ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เธอได้เห็นร่างอีกาแล้ว ทุกอย่างยังหมุนไป และหวังว่าวันหนึ่งเธอจะได้รู้ความจริง!ฮั่วหยุนเซียวยกมือขึ้น ก่อนใช้ปรายนิ้วเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของเธอ ำร้อมเอ่ยเสียงนุ่มนวล “ร้องไห้เหมือนเด็กเลย ทำไมถึงเอะอะก็เอาแต่ร้องไห้ล่ะ?”เฉินมู่ปรับอารมณ์ พลันหันกลับมาพูดติดตลก “ก็คุณพูดเองไม่ใช่เหรอว่า ให้ฉันแสดงความอ่อนแอได้”ฮั่วหยุนเซียวบีบแก้มของเธอเบา พลางเอ่ยปนน้ำเสียงหัวเราะ “เด็กน้อยเอ๋ย คุณนี่ช่างถือตัวสะจริง ๆ”เฉินมู่ขึ้นไปบนเตียง เธอเหนื่อยมากราวกับว่าตัวเองได้สัมผัสกับความตาย และการเกิดใหม่อีกครั้ง ผ่านไปสักพักร่างบางก็หล
เฉินมู่ดูเหมือนจะหมกมุ่นอยู่แต่กับอาหารในจาน แต่เธอกลับรู้สึกประหม่าเป็นอย่างมาก จนแทบจะไม่สามารถรักษาสีหน้าท่าทางของตัวเองได้เลย “คุณไม่รู้เหรอว่า ฉันมาที่กองทุนเทียนสื่อ เพื่อเปลี่ยนชื่อแม่ของฉัน”เธอบอกเหตุผลที่ออกจากบ้านของตระกูลเฉิน ถ้าพูดตรง ๆ ก็คือ ชายชราได้รับจดหมายเชิญและเธอก็ทำหน้าที่มายังกองทุนเทียนสื่อแทน แม้ว่าฮั่วหยุนเซียวจะอยากตรวจสอบก็ตาม สิ่งต่าง ๆ ก็สมเหตุสมผลฮั่วหยุนเซียวใช้นิ้วอันเรียวยาวบิดช้อนซุปสีเงิน แล้วคนมันในถ้วยกาแฟ ทำให้เกิดเสียงดังช้อนกระทบแก้วดังแกร๊งเบา ๆ แต่มันกลับชัดยิ่งขึ้น เพราะบรรยากาศในห้องนั้นเงียบเกินไปเขาลืมตาขึ้น นัยน์ตาคมที่อยู่ภายใต้ขนตาอันเรียวยาวของเขา มันซ่อนร่องรอยการสอบถามไว้ เสี้ยววิ เสียงทุ้มก็เอ่ยถาม “ผมหมายถึง ทำไมเมื่อวานคุณถึงออกไปข้างนอกดึก ๆ ล่ะ?”เฉินมู่เอามือลูบคางเล็กน้อย หัวใจเธอเต้นแรงจนไม่กล้าสบตา ร่างเล็กทำเพียงก้มหน้ากินต่อ และพึมพำตอบ “เดิน แค่ไปเดินเล่น”เมื่อก่อนเธอไม่เคยหงุดหงิดเวลาหันหน้าเข้าหาเครื่องจับเท็จ แต่ตอนนี้พอเผชิญหน้ากับดวงตาที่สวยงามของฮั่วหยุนเซียว หัวใจของเธอก็เหมือนกับกำลังจะพุ่งออกจากหน้าอกฮั
ฮั่วหยุนเซียวนำกระเป๋าเดินทางของเธอเข้ามา ในที่สุดเฉินมู่ก็ได้เปลี่ยนใส่เสื้อผ้าของเธอเองเมื่อฮานเฉิงกลับมา เขาก็ยื่นกล่องดำให้ฮั่วหยุนเซียว ฮั่วหยุนเซียวจึงเปิดมันออกดู เฉินมู่เองก็เห็นชัดเจนว่าหน้ากากขอบดำในกล่องยังคงมีคราบเลือดแห้งอยู่เล็กน้อยฮั่วหยุนเซียวปิดกล่อง พลันมองไปที่เฉินมู่ “ผมมีบางอย่างที่ต้องจัดการ คุณพักอยู่ในโรงแรมคนเดียวได้ใช่ไหม?” เขายังจำภาพของเฉินมู่ในอ่างอาบน้ำเมื่อคืนนี้ได้ และยังคงกังวลอยู่เล็กน้อยเฉินมู่กำลังจะเปิดปากพูด ทว่าเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น พอมองไปที่โทรศัพท์ ก็เห็นว่าเป็นสายจากตระกูลคอลลิน มือเรียวจึงกดรับสายด้วยความลังเลใจ “ฮัลโหล?”“เฉินมู่! มาที่บ้านฉันด่วน! มาเดี๋ยวนี้!” ลิเดียตะโกนผ่านโทรศัพท์เฉินมู่ยังคงเจ็บหูจากการทะเลาะวิวาทเมื่อคืนนี้ แต่ตอนนี้เจ้าหญิงน้อยได้สงบศึกกับเธอแล้ว เธอจึงถามอย่างกระตือรือร้น “มีอะไรเกิดอะไรขึ้นเหรอ?”ลิเดียพูดทันที “เกิดเรื่องแล้ว! มาที่นี่เร็ว ๆ เถอะ!”หลังจากวางสาย เฉินมู่ก็พูดอย่างจำใจว่า “ลิเดียโทรมา บอกให้ฉันไปที่นั่น”ฮั่วหยุนเซียวขมวดคิ้ว “อาการบาดเจ็บของคุณยังไม่หาย งั้นผมจะพาคุณไปเอง”เฉินมู่ลั
เมื่อฮั่วหยุนเซียวและเฉินมู่มาถึงบ้านของคอลลิน ก็เห็นลิเดียนั่งอยู่บนโซฟาแล้วโบกมือให้เธอ “เฉินมู่! รีบเข้ามาสิ!”ฮั่วหยุนเซียวจึงเอ่ยขึ้นมา “คุณไปเล่นกับเธอเถอะ ผมมีอะไรจะคุยกับไซม่อนสักหน่อย”“ค่ะ” เฉินมู่เดินไปหาลิเดีย พลางถาม “มีอะไรเหรอ? ดูรีบร้อนเชียว”ลิเดียยิ้มเยาะ “ฉันเตรียมการแสดงดี ๆ ไว้ให้เธอด้วย!”ไม่นาน คนรับใช้ก็เดินเข้ามารายงานผู้เป็นนาย “คุณหนูคะ คุณเฉินชิงเสวี่ยและคุณลู่ อยู่ข้างนอก พวกเขาพูดว่า พวกเขามาเยี่ยมคุณค่ะ”ลิเดียพยักหน้า “เชิญเข้ามา!”เฉินมู่ขมวดคิ้ว ลิเดียจึงรีบอธิบายทันที “อย่าเพิ่งเข้าใจฉันผิด! วันนั้นหล่อนทิ้งฉันให้รอความตายตั้งนาน ฉันไม่ยกโทษให้หล่อนหรอกนะ! วันนี้จะเป็นการแก้แค้นของเธอกับฉัน!”เฉินมู่นั่งลงข้าง ๆ เพื่อเฝ้าดูความคิดพิเรนทร์ของเจ้าหญิงน้อยเฉินชิงเสวี่ยและลู่ซีเจ๋อเดินผ่านประตูเข้ามาด้วยความรู้สึกกังวล เนื่องจากรู้ว่าลิเดียยังไม่ตาย เธอจึงตั้งใจไปที่โรงพยาบาล แต่ถูกบอดี้การ์ดของคอลลินขวางไว้ ต่อมาเธอจึงกลับมาที่คฤหาสน์คอลลินอีกครั้ง แต่ก็ถูกคนรับใช้ขวางไว้เหมือนกัน พวกเขาบอกว่าลิเดียต้องการพักผ่อน และไม่สะดวกรับแขกเฉินชิงเสวี
ฮั่วหยุนเซียวไม่รู้ว่าควรจะสงสารสาวน้อยตรงหน้าดี หรือควรจะภูมิใจในความหนักแน่นในสถานการณ์ที่อันตรายของเธอดีเขายกมือพร้อมขมวดคิ้ว “ฮานเฉิง จัดการให้เรียบร้อย”“ครับ บอส”ฮานเฉิงยกโทรศัพย์อยู่หลายสาย และแล้วนักข่าวที่สมควรจะอยู่ที่นี่ต่อ กลับแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็วเฉิงหยวนกระพริบตา “ทำไมพวกเขาไปกันหมดแล้วล่ะ?”เมื่อฝูงชนสลายตัว สายตาเฉินมู่ก็สะดุดเข้ากับรถเบนท์ลีย์หรูที่จอดอยู่ข้างทาง“ปีศาจร้ายปรากฎตัวแล้ว” เธอกล่าวเฉิงหยวนถือถุงขนมของตัวเองตามไปและถามต่อ “อะไรนะ?”เฉินมู่ช่วยถือของในมือเธอ แล้วพูดว่า “ฉันจะไปส่งเธอที่บ้านก่อนแล้วกัน”ใต้แสงแดดอบอุ่นในฤดูหนาว สองสาวพูดคุยถึงเรื่องในอนาคต และรถหรูระดับโลกอย่างเบนท์ลีย์คันนั้นก็ขับตามหลังมาอย่างช้า ๆฮานเฉิงถามอย่างสุขุม “บอสครับ พวกเราจะขับช้าขนาดนี้จริงเหรอครับ?”ฮั่วหยุนเซียวมองแผ่นหลังหญิงสาวตรงหน้าอย่างสนใจ แล้วพยักหน้า “ขับช้ากว่านี้”ฮานเฉิง “...”เมื่อเดินมาถึงใต้อาคาร เฉินมู่ก็พูดว่า “คุณไปเก็บของให้เรียบร้อยแล้วเราไปโรงพยาบาลกัน”เฉิงหยวนปัดมือไปมา “ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน พวกเขาแค่ขว้างปาผักมาขู่ฉัน
เธอลงจากรถแล้วเห็นเฉิงหยวนที่ถูกฝูงชนล้อมเอาไว้ เหมือนแมวที่กำลังตื่นตระหนกตกใจ และไม่มีที่ซ่อนตัวเธอวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไป แล้วดึงเฉิงหยวนเข้ามายังอ้อมอก พร้อมถามอย่างกังวลว่า “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”เมื่อเฉิงหยวนเห็นเฉินมู่ ก็ถึงกลับปล่อยโฮออกมาเธอยื่นมือไปปัดเศษผักบนตัวของเฉินมู่ออกให้ พร้อมส่ายหัว “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”เฉินมู่ประคองเธอให้ลุกขึ้น และแล้วไข่ไก่ฟองหนึ่งก็ลอยมา แต่เฉินมู่ยกมือขึ้นรับไว้ได้อย่างแม่นยํา“แกร๊ก” ไข่ไก่ในมือถูกบดขยี้จนแหลก และไข่ไก่เหลว ๆ ก็ไหลลงมาตามข้อมือของเธอ แววตาอันโหดเหี้ยมของเฉินมู่ทำให้ฝูงชนและนักข่าวต่างค่อย ๆ สงบลงเธอพูดกับหน้ากล้องที่ใกล้ที่สุด ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “จรรยาบรรณของนักข่าวคือการนำเสนอความเป็นจริง หวังว่าสื่อมวลชนทุกคนจะตระหนักข้อนี้ไว้หน่อย”พลันมีเสียงดังมาจากด้านหลัง “ความจริงก็คือเฉิงหยวนเป็นมือที่สาม! คนทั้งโลกต่างก็รู้เรื่องนี้!”“ใช่ ๆ คุณเป็นใคร! ทำไมถึงได้แก้ตัวแทนเฉิงหยวน!”เฉินมู่ตอบอย่างเยือกเย็น “เธอไม่ใช่มือที่สาม หวังว่าหลังจากวันที่ความจริงกระจ่างแล้ว ทุกคนในที่นี้ต้องขอโทษต่อการกระทำที่ทำต่อเฉิงหยวน”จ
เฉินมู่ซบอยู่ในอ้อมกอดลู่ซีเจ๋อพร้อมเช็ดน้ำตาด้วยท่าทีน้อยใจ “พี่คะ พี่เชื่อฉันสักครั้งเถอะ…”ลู่ซีเจ๋อหมดความอดทนกับเฉินมู่อย่างสิ้นเชิง เขาตะโกนอย่างเหลืออดว่า “ออกไป! ไสหัวออกไป!”เฉินมู่มองท่าทีที่ปวดใจของลู่ซีเจ๋อ แล้วถอนหายใจ “ลู่ซีเจ๋อ คุณ…”ลู่ซีเจ๋อมองหน้าเธอด้วยความโกรธเคืองเฉินมู่จึงได้เงียบลง พลางคิดว่าทำไมต้องปริปากพูดคำนี้ทั้ง ๆ ที่่ก่อนหน้านี้เธองัดหลักฐานเป็นร้อย ๆ อย่างเพื่อให้เห็นถึงจิตใจอันโหดเหี้ยมของเฉินชิงเสวี่ย แต่ลู่ซีเจ๋อก็มองไม่เห็นเธอจะเกลี้ยกล่อมเขาอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ แถมยังต้องถูกเฉินชิงเสวี่ยตอกกลับว่าเธออิจฉา“คุณคิดจะพูดอะไรอีก?” ลู่ซีเจ๋อมองเธอด้วยโกรธเคืองเฉินมู่ส่ายหัว “ไม่มีอะไรแล้ว แต่มีอะไรอยากจะบอกคู่หมั้นสุดที่รักของคุณหน่อย”เฉินชิงเสวี่ยมองเฉินมู่ด้วยสายตาที่หวาดกลัว “พี่มีอะไรอยากให้ฉันช่วยคะ...”เฉินมู่หัวเราะ แล้วพูดว่า “รบกวนเธอฝากบอกซุยซินยี่กับเฉินชิงโหรวด้วยนะ ว่าเฉิงหยวนจะกลับเข้าสู่วงการบันเทิงเร็ว ๆ นี้”เฉินชิงเสวี่ยจ้องมองเฉินมู่อย่างปวดใจ พลันเอ่ย “พี่คะ เฉิงหยวนเป็นมือที่สาม ทำไมพี่ยังจะคบหากับคนแบบนั้นอยู่อีก?”
แผลเป็นที่หน้าเกลียดน่ากลัวเหมือนตัวหนอนเกาะอยู่บนใบหน้า แถมยังมีรอยแดง ๆ อยู่รอบ ๆ เฉินชิงเสวี่ยถอนหายใจอย่างโล่งใจ แผลเป็นยังอยู่!ตอนที่กำลังลองชุดคราวก่อน เธอได้ข่าวว่าเฉินมู่กำลังรักษารอยแผลพวกนี้ มันทำเธอทุรนทุรายไปหลายวันเธอกลัวว่าเฉินมู่จะรักษาร่อยรอยแผลบนใบหน้าจนหายดี เพราะหากใบหน้านี้หายดีแล้ว มันจะกลับมาทำให้ชาวเมืองปินไห่ตกตะลึงอีกครั้ง เฉินชิงเสวี่ยหัวเราะอย่างโล่งใจ แถมยังเย้ยหยันเฉินมู่ต่อว่า “ได้ยินว่าเธอไปรักษาใบหน้า ทำไมยังเป็นแบบนี้อยู่ล่ะ?”เธอชี้ไปยังใบหน้าของเฉินมู่ พร้อมหัวเราะเยาะเย้ย “เธอดูไม่ออกเหรอว่ามันอาการหนักกว่าเมื่อก่อนอีกน่ะ?”“เฉินมู่ อย่าพยายามต่อไปเลย หน้าของเธอยังไงก็รักษาไม่หายหรอก เธอต้องแบกหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลแบบนี้ไปตลอดชีวิต เธอจะถูกผู้คนหัวเราะเยาะตลอดเวลา และถูกทอดทิ้งตลอดไป”เฉินมู่ง้างมือขึ้นแล้วกระแทกไปที่ใบหน้าของคนเจ็บอย่างแรง ใบหน้าของเฉินชิงเสวี่ยหันไปตามเสียงดัง “เพี๊ยะ”เฉินชิงเสวี่ยโดนตบจนโกรธมาก เธอจ้องมองเฉินมู่ด้วยความเคียดแค้น “สมควร ใครให้เธออยู่เป็นหนามยอกอกในตระกูลเฉิน เธอควรตายไปพร้อมกับแม่ของเธอตั้งนานแล้ว!”
“นี่คุณ!” ลู่ซีเจ๋อถูกเฉินมู่ปั่นหัวจนออกอาการโกรธอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่ทั้งป่าเถื่อนและชั่วร้ายอย่างเธอมาก่อนเฉินชิงเสวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอีกครั้ง “ไม่เป็นไรหรอก พี่สาวก็แค่ล้อเล่น คุณไปเถอะ”เฉินชิงเสวี่ยออดอ้อนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอยากจะทานของหวานหน้าโรงพยาบาล ลู่ซีเจ๋อจึงได้แต่ทำตามคู่หมั้น แต่ก่อนเดินออกจากห้องก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่เฉินมู่อีกหนึ่งทีทันทีที่เขาเดินออกไป เฉินมู่ก็ขมวดคิ้วมองไปทางร่างบนเตียงอย่างเร็ว “เหลือเราแค่สองคนแล้ว มีอะไรอยากพูดไม่ใช่เหรอ?”ครั้งแรกเฉินลี่ซานสั่งให้เธอมาที่นี่ ครั้งที่สองลู่ซีเจ๋อก็พาเธอมาด้วยตัวเองอีกหนึ่งครั้ง เฉินชิงเสวี่ยเป็นคนวางแผนทั้งหมดให้เฉินมู่มาที่นี่ ไม่รู้ว่าเธอจะมีแผนการอะไรอีกเฉินชิงเสวี่ยเปลี่ยนสีหน้าในทันที ใบหน้าอ่อนหวานเมื่อสักครู่หายไปอย่างไร้ร่องรอยเธอมองหน้าเฉินมู่อย่างหงุดหงิด พร้อมพูดว่า “เธออย่ายุ่งเรื่องของตระกูลซุย!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนถามว่า “ทำไมเหรอ? ตระกูลซุยทำไมเหรอ?”เฉินชิงเสวี่ยพูดตรง ๆ ว่า “ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดี ตระกูลซุยกับตระกูลเราทำธุรกิจร่วมกันมา ถ้าเธอทำงานแต่งซินยี่
เฉินมู่ยักไหล่เล็กน้อย “ถึงฉันจะทำร้ายเธอจนตาย ฉันก็จะไม่รู้สึกผิด”ลู่ซีเจ๋อขมวดคิ้ว “เฉินมู่ คุณทำร้ายเสวี่ยเอ๋อถึงขั้นนั้น เธอยังไม่ถือโทษโกรธ แค่บอกให้คุณอย่าเข้าไปยุ่งกับตระกูลซุย แค่คุณไปเยี่ยมเธอบ้าง มันยากนักหรือไง?”เธอหัวเราะเยาะเล็กน้อย “แค่เธอบอกว่าไม่ถือโทษโกรธฉัน คุณก็เชื่อเหรอ? ลู่ซีเจ๋อ ฉันสงสัยจริง ๆ ว่าในสมองคุณมันมีรอยหยักบ้างไหม”ลู่ซีเจ๋ออึ้งไปสักพัก เขาไม่ใช่คนที่ทะเลาะวิวาทกับใครบ่อย ๆ ร่างสูงลากเฉินมู่ไปเรื่อย ๆ แล้วพูดว่า “ไปโรงพยาบาลกับผม!”ช่วงเวลาเลิกเรียนนักศึกษาทุกคนเดินลงจากอาคาร ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาตรงนั้น และแล้วทั้งสองก็เริ่มตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนเฉินมู่ไม่อยากตกเป็นประเด็นของคนทั้งมหาวิทยาลัยในวันพรุ่งนี้ จึงสะบัดมือออกอย่างจำใจและตอบว่า “ปล่อย ฉันเดินเองได้”ลู่ซีเจ๋อปล่อยมือเธอ เฉินหยวนจึงรีบวิ่งมาดึงแขนเฉินมู่ไว้ “ฉันไปเป็นเพื่อนนะ”เฉินมู่แตะมือเธอเบา ๆ “ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรหรอก เธอกลับหอพักไปก่อนเถอะ”เฉินหยวนพูดด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง “งั้นเธอต้องระวังตัวนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นต้องรีบโทรหาฉันนะ หรือไม่ก็… โทรหาตัวรวจเลย!”เฉินหยวนหัวเ
เช้าวันถัดมา เฉินมู่ไปมหาวิทยาลัยตามปกติเรื่องของเฉิงหยวนยังเป็นที่กล่าวถึงบนโลกโซเชียล ซุยซินยี่ยอมจ่ายให้กับคอมเมนท์พวกนี้ไม่น้อยเลยจริง ๆแต่เฉินมู่ยังต้องกลับไปเรียน ถึงแม้ว่าชาวเน็ตจะยังพากันด่าทอดาราในสังกัดของเธอก็ตามทันทีที่เดินเข้าห้องเรียน เฉินหยวนก็โบกมือเรียก “เฉินมู่ ฉันจองที่ตรงนี้ไว้ให้เธอ”เฉินมู่สาวเท้าเข้าไปพร้อมกระเป๋านักเรียน พลางเผยยิ้มกว้าง “ขอบคุณนะ”จางหยางที่นั่งโต๊ะด้านหน้าก็ยื่นกาแฟกับพร้อมแซนด์วิชให้ “อาหารเช้าของเธอ”เฉินมู่พูดด้วยความปลาบปลื้มใจ “ทำไมพวกเธอดีกับฉันจังเลย?”จางหยางส่ายหัวอย่างเคอะเขิน แล้วตอบว่า “แต่ก่อนฉันไม่ค่อยเป็นมิตรกับเธอ เพราะฉะนั้นตอนนี้ฉันจะแก้ตัว” ตั้งแต่ที่เธอทำให้ผู้คนเกิดความประทับใจในคืนงานเลี้ยงปีใหม่ ทุกคนในชั้นเรียนก็หันมาดีกับเธอเฉินหยวนรีบวิ่งเข้ามาซุบซิบ “เธอเห็นหรือยังว่าข่าวเฉิงหยวนในเน็ตกลับมาฉาวอีกแล้วนะ?”เฉินมู่รับอาหารเข้ากัดไปหนึ่งคำ ก่อนพยักหน้าตอบ “เห็นแล้ว”เฉินหยวนรีบโต้ตอบทันที “เฉินมู่ ฉันเห็นเธอสนิทกับหล่อน หล่อนไม่ใช่คนดีนะ!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนตอบว่า “หล่อนเป็นคนดีมาก แล้วต่อไปเธอจะรู้เอง
แค่คําเดียว ทำให้มุมปากของฮั่วหยุนเซียวกระตุกยกโค้งราวไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มไว้ได้เขาแตะมือไปที่ใบหน้าของเฉินมู่ พลางเรียกอย่างอ่อนโยนว่า “มู่มู่”เฉินมู่ลุกขึ้นนั่งอย่างสะลึมสะลือ แล้วถาม “คุณกลับมาแล้วเหรอคะ ตอนนี้กี่โมงแล้ว แล้วคุณทานข้าวหรือยัง?”แม้ว่าเธอไม่ได้งดงามเหมือนเหล่าคนมีชื่อเสียง แต่ก็แฝงด้วยความอ่อนหวานอยู่บ้างฮั่วหยุนเซียวไม่เคยรู้สึกว่า คําว่าเฉินมู่คํานี้จะอบอุ่นและน่าหลงใหลเช่นนี้มาก่อนหญิงสาวที่เขาสนใจนอนอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีกำลังงัวเงียผมเผ้ายุ่งเหยิงสามคำถามต่อเนื่องนั้นดึงเขาออกจากภวังค์และเข้าสู่ความเป็นจริง แต่เขาไม่มีทางเลือก และทำตามอย่างเต็มใจเฉินมู่อยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น ดวงตาค่อย ๆ ปิดลงอีกครั้ง ช่วงนี้เธอพักผ่อนไม่เพียงพอ ถ้าอยู่ในความสงบเมื่อไหร่เธอพร้อมจะหลับทันที“อืม…” จู่ ๆ ความเย็นก็เข้ามากระทบริมฝีปาก สมองเฉินมู่รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันทีสมองของเธอเริ่มประมวลผล พลันฝืนลืมตาขึ้น และเลียริมฝีปากตามสัญชาตญาณเธอมองเข้าไปในสายตาลึกลับของชายตรงหน้า ก่อนถามอย่างงุนงงว่า “อะไรเหรอ?”ปลายลิ้นของฮั่วหยุนเซียวไล่เลียตรงริมฝีปากล่างของตน รา
เมื่อทุกคนออกไป เฉิงหยวนก็ยังคงเกาะแขนของเฉินมู่ด้วยร่างกายอันสั่นอยู่อย่างนั้นเฉินมู่แตะมือเธอ พร้อมปลอบใจว่า “ไม่เป็นไรนะ ฉันจะคอยปกป้องคุณเอง”เฉิงหยวนพยักหน้า “ฉันเชื่อคุณ แต่ฉันไม่เข้าใจ ทำไมคนร้ายแบบพวกนั้น ถึงได้กล้ากล่าวหาเหยื่อแบบนี้”ผู้อำนวยการหยางวิ่งเข้ามาถามอย่างรีบร้อน “ผู้อำนวยการเฉินบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ? ผมพยายามห้ามคุณหนูซุยแล้ว แต่…”เฉินมู่ปัดมือไปมา พลางบอก “ไม่เป็นไรค่ะ ผู้อำนวยการหยางไม่ต้องกังวล นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเรา”เธอมองร่องรอยความเสียหายของข้าวของบนพื้น แล้วพูดต่อ “พวกเธอทำอะไรเสียหายบ้าง ลิสต์ให้ฉันด้วยนะ”ผู้อำนวยการหยางรีบยกปัดไม้ปัดมือปฎิเสธอย่างเร็ว “ไม่ได้ ๆ จะให้ผู้อำนวยการเฉินชดใช้ได้อย่างไร?” เฉินมู่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ใครบอกว่าฉันจะเป็นคนชดใช้ค่าเสียหาย? คุณหยางจัดการลิสต์รายการของที่เสียหายมาก็พอค่ะ”ผู้อำนวยการหยางก็ไม่รู้ว่าเฉินมู่คิดจะมาไม้ไหน จึงทำได้เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้นเฉิงหยวนกระแอมเล็กน้อย แล้วถามด้วยความระมัดระวังว่า “คงไม่ใช่ให้ฉันชดใช้ค่าเสียหายหรอกนะ?”“หึหึ” เฉินมู่ยิ้ม “ไม่ใช่ คนที่ลงมือทำลายข้าวของต่าง