บทที่ 37 : เรื่องราวที่เกิดขึ้น“อะ… โอ๊ย แสบตาชะมัด แล้วนี่?...” อาคุมุค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา พบว่าตัวเขานั้นอยู่บนเตียงนอนภายในห้องของเขาเอง“เอ๋? ลุงคาเอเกะ?... ห๊า?! ลุงคาเอเกะเหรอ?!!” อาคุมุหันไปทางประตูห้องก็ได้เห็นคาเอเกะนั้นนั่งหลับอยู่บนเก้าอี้ไม้‘หรือว่าฉันจะตาฝาด?’ อาคุมุคิดอยู่ในใจพร้อมกับขยี้ตาครั้งแล้วครั้งเล่า“นี่ลุงคาเอเกะจริง ๆ เหรอเนี่ย?!!... แอ่ก! แค่ก! โอ๊ย… เจ็บท้องเป็นบ้า”“เย้ย?! นายน้อยตื่นแล้วเหรอครับ? อาการบาดเจ็บเป็นอย่างไรบ้างครับ? พอจะดีขึ้นได้บ้างไหมครับนายน้อย?” คาเอเกะที่ตกใจตื่นขึ้นและเห็นอาคุมุฟื้นแล้วก็พรวดพราดเข้ามาหาอาคุมุในทันที“เอ่อ… คนที่ควรถามน่าจะต้องเป็นผมมากกว่านะครับ นี่ลุงคาเอเกะ… ยังไม่ตายใช่ไหมครับ?”“เอ๋?” คาเอเกะที่ได้ยินคำถามจากอาคุมุก็งุนงงไปในทันที“อืม… หรือว่าที่ยืนอยู่นี่มีแค่ร่างหรือเปล่า? หรือว่านี่จะเป็นแค่วิญญาณ? แต่ตอนพูดก็เหมือนลุงคาเอเกะตัวจริงเลยนะครับ”“เอ่อ… แหะ ๆ นี่กระผมจริง ๆ ครับนายน้อย ไม่ได้เป็นร่างไร้วิญญาณหรือวิญญาณที่ไม่มีร่างหรอกนะครับ ฮ่า ฮ่า ได้ยินแบบนี้กระผมก็รู้สึกโล่งใจที่นายน้อยไม่ได้รับผลกระทบมากจากก
บทที่ 38 : เริ่มต้นการฝึกฝนจากมือขวาในตอนนี้ อาคุมุและคาเอเกะนั้นอยู่ในสถานที่ฝึกลึกลับขององค์ชายชูยะที่อากิระนั้นเคยพามา เพื่อที่จะใช้เวลาอีก 2 วันที่เหลือสำหรับการฝึกฝนทักษะต่าง ๆ“เราจะเริ่มด้วยวิธีไหนเหรอครับลุงคาเอเกะ?” อาคุมุกล่าวถามกับคาเอเกะ“สิ่งแรกเลย นายน้อยคงจะต้องหยิบยกหัวข้อขึ้นมา ซึ่งก็คือทักษะทั้ง 3 รูปแบบ โจมตี ป้องกันและเคลื่อนที่ครับ”“นั่นสินะครับ ในตอนนี้สำหรับทักษะที่ใช้ในการโจมตีผมมีแค่ทักษะเดียว ก็คือแสงอัสนีบาต” อาคุมุตอบกลับไป ซึ่งคำตอบนี้ทำให้คาเอเกะนั้นตกใจอยู่พอสมควร“ถ้ามองไม่ออกจริง ๆ จะคิดว่าใช้หลายทักษะเลยนะครับ ถึงจะเป็นชื่อเดียวกันเมื่อตอนนั้นแต่เป็นการประยุกต์ใช้ได้หลากหลาย รวมทั้งเป็นทักษะโจมตีที่เดาทางยากมากเลยล่ะครับ” คาเอเกะกล่าวถึงการใช้ทักษะแสงอัสนีบาตของอาคุมุที่นำมาใช้ควบคู่กับวงแหวนเวท ทำให้การโจมตีแต่ละครั้งนั้นคาดการณ์ล่วงหน้าได้ยากพอสมควร“ผมตั้งใจให้มันรับมือได้ยากนี่แหละครับ เพราะผมมีทักษะโจมตีเพียงอย่างเดียว ที่ใช้ไปนั่นก็วางตำแหน่งขณะต่อสู้จริงทุกครั้ง”“แล้วก็ทักษะป้องกัน… ใช่ครับ! นี่คือสิ่งที่ผมต้องการล่ะครับ ที่ผมได้รับบาดเจ็บหน
บทที่ 39 : ความแปลกใหม่ของทักษะ“ทักษะพันธนาการ… จุดประสงค์ของทักษะนี้ก็เพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของคนอื่น ในการต่อสู้จริงจะเป็นประโยชน์อย่างมาก แต่ถ้าสามารถทำให้ทักษะพันธนาการนี้ใช้โจมตีเพื่อสร้างบาดแผลได้ด้วยก็จะเป็นประโยชน์ยิ่งกว่า” คาเอเกะพูดขึ้นมา“การโจมตีในขณะเดียวกันกับการพันธนาการ…”คำพูดของคาเอเกะนั้นทำให้อาคุมุนึกถึงทักษะพันธนาการขององค์ชายชูยะ ซึ่งก็คือทักษะผลึกน้ำแข็งพันธนาการ เป็นทักษะที่พันธนาการศัตรูไว้ด้วยกรงน้ำแข็ง มากไปกว่านั้นคือสามารถจบชีวิตของผู้ที่ถูกพันธนาการด้วยแท่งน้ำแข็ง สามารถหยุดการเคลื่อนไหวและโจมตีได้ในทักษะเดียว “พลังเวทมังกรสายฟ้าของฉัน อืม… ใช้สายฟ้าเพื่อพันธนาการ ทำให้ร่างกายขยับไม่ได้จากการถูกช็อตด้วยสายฟ้า? ดูธรรมดาชะมัด” อาคุมุบ่นพึมพำ“แต่กระผมรู้สึกว่านั่นเป็นสิ่งที่ใช้ได้จริงนะครับ เพราะสำหรับพลังเวทของนายน้อย การที่ใช้สายฟ้าโจมตีแล้วทำให้ร่างกายของผู้ที่ถูกโจมตีเกิดอาการชาจนขยับไม่ได้ ถือเป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งมากเลยนะครับ” คาเอเกะตอบกลับแนวคิดของอาคุมุ“การใช้สายฟ้าโจมตี? หรือลุงคาเอเกะจะบอกว่าถ้าผมฝึกดี ๆ ก็สามารถทำให้การโจมตีด้วยพลังเวทไม่ว่
บทที่ 40 : ผลประโยชน์อันมหาศาลในตอนนี้ การโจมตีด้วยสายฟ้าของอาคุมุไม่ว่าจะเป็นทักษะใดก็ตาม สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่ารับมือได้ยากมาก เพราะการโจมตีแต่ละครั้งมีผลกระทบกับผู้ที่ถูกโจมตีโดยทำให้ขยับร่างกายไม่ได้สักพัก ราวกับว่าถูกพันธนาการไปพร้อม ๆ กันนั่นเอง“ตอนนี้ผ่านมาสักพักแล้ว เป็นยังไงบ้างครับลุงคาเอเกะ?” อาคุมุถามคาเอเกะที่ถูกผลกระทบจากการโจมตีของเขาความสามารถเสริมที่อาคุมุมีติดตัวอยู่ในตอนนี้นั้นใช้งานได้ดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะถึงแม้ระดับพลังของอาคุมุและคาเอเกะจะต่างกันลิบลับ แต่ผลกระทบก็ยังคงเกิดขึ้นได้แม้จะไม่สามารถสร้างบาดแผลจากการโจมตีได้เลยก็ตาม“ครับ ตอนนี้ร่างกายเป็นปกติแล้วครับนายน้อย กระผมถูกหยุดการเคลื่อนที่คงจะประมาณ 2 นาทีได้ แต่ด้วยช่องว่างระหว่างพลังของเรามันทำให้ไม่สามารถเห็นผลได้อย่างแน่ชัดเท่าไรนะครับ” คาเอเกะตอบกลับซึ่ง… อาคุมุไม่ได้คิดเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย“ไม่หรอกครับลุงคาเอเกะ ผมว่ามันดีมากต่างหากล่ะครับ ระดับพลังที่แต้ม B ไม่ถึง 10k (10,000) อย่างผม สามารถทำให้ระดับพลังที่สูงกว่ามากอย่างลุงคาเอเกะหยุดชะงักไปได้ 2 นาที มันเป็นอะไรที่สุดยอดมากเลยนะครับ”“จะว
บทที่ 41 : สิ้นสุดการฝึกฝนจากมือขวาในวันต่อมา อาคุมุและคาเอเกะก็เข้าไปยังสถานที่ฝึกเช่นเดิม ความสามารถรอบด้านและความแข็งแกร่งที่อาคุมุได้รับมาจากการฝึกฝนเพียงวันเดียวนั้นเพิ่มขึ้นมาอย่างมากโข“เท่านี้ นายน้อยก็มีทักษะโจมตีเพิ่มมาอีก 1 ทักษะ มีทักษะป้องกัน ทักษะพันธนาการ ทักษะเคลื่อนที่ที่นายน้อยมีอยู่ในตอนนี้…”“นายน้อยอาจจะต้องลองคิดค้นทักษะเคลื่อนที่ด้วยพลังเวทสักหน่อยนะครับ เพราะถึงยังไงความโดดเด่นของมังกรสายฟ้าก็คือความรุนแรงและความเร็ว นายน้อยต้องใช้ประโยชน์จากตรงนี้ด้วยเพื่อที่จะได้แสดงความสามารถที่แท้จริงของพลังออกมาอย่างมากที่สุดครับ” คาเอเกะอธิบาย“เข้าใจแล้วล่ะครับ แล้วเรื่องของเขตแดน…” อาคุมุพูดยังไม่ทันจบประโยค คาเอเกะก็ตอบกลับในทันที“เขตแดนน่ะสามารถฝึกฝนได้แล้วครับ ข้อจำกัดแค่ต้องมีแต้ม B ถึง 20k (20,000) ซึ่งนายน้อยก็มีพร้อมแล้ว เพียงแต่ว่าการที่จะฝึกและใช้ทักษะนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพจะต้องเข้าใจในพลัง สามารถควบคุมได้เป็นอย่างดี ถ้าให้พูดง่าย ๆ คือมันต้องใช้เวลาน่ะครับนายน้อย”“สำหรับวันนี้วันเดียวก็คงจะไม่พอสินะครับ” อาคุมุถามกลับไป “ตามทฤษฎีคือใช่ครับ แต่วันเดียวที
บทที่ 42 : กลไกในสนามประลอง?เมื่อสิ้นสุดการฝึกฝนจากคาเอเกะ คนที่อาคุมุนั้นคุ้นเคยและเพิ่งพูดถึงไปไม่นานก็เดินลงมาจากชั้นบนอย่างช้า ๆตึก… ตึก… ตึก…“เป็นการฝึกฝนที่เห็นผลได้ชัดเลยล่ะ” อากิระพูดขึ้นมาพร้อมกับใบหน้าที่เผยให้เห็นรอยยิ้มเล็ก ๆ“ลุงอากิระ!” อาคุมุวิ่งเข้าไปหาในทันที คาเอเกะที่เห็นอย่างนั้นก็เดินตามหลังอาคุมุมาด้วยความเร็วที่น้อยกว่า“ดูท่า นายจะแข็งแกร่งขึ้นแบบก้าวกระโดดเลยนะ แต่ถึงฉันจะมาทันในตอนที่ฝึกเสร็จพอดี เขา…” อากิระพูดยังไม่ทันจบ อาคุมุก็ตอบกลับไปในทันที“เขาเป็นคุณลุงของผมน่ะครับ ชื่อว่าลุงคาเอเกะ”“เข้าใจแล้วล่ะ คิดว่าคุณคาเอเกะคงจะรู้จักตัวผมแล้ว ฉันขอเข้าเรื่องเลยแล้วกันนะอาคุมุ” อากิระพูดขณะที่มือขวาของเขาจับไปที่กระเป๋าของเสื้อคลุมในเวลาเดียวกันอากิระก็นั่งลงที่พื้น อาคุมุและคาเอเกะก็นั่งลงตามเช่นกัน“ว่าแต่ อาการบาดเจ็บเป็นยังไงบ้างเหรอครับลุงอากิระ?” อาคุมุถามกับอากิระ“ก็นะ ใกล้จะเป็นปกติดีแล้วล่ะ เรียกได้ว่าเกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์” อากิระตอบกลับมาพร้อมกับแผ่นกระดาษที่อยู่ในมือ“แล้วนี่คือ…”“นี่น่ะเป็นแผนผังของสนามประลอง มันไม่ใช่สนามธรรมดา ๆ หรอกนะ” อา
บทที่ 43 : สู่สนามประลองเช้าวันต่อมาในวันนี้เป็นเช้าวันแรกของการประลอง… เป็นวันที่อาคุมุรอคอยและวันที่อาคุมุรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ…“เราไปกันเถอะครับนายน้อย อย่ากังวลมากเลยนะครับ”“ผมกังวลและตื่นเต้นน่ะครับ กังวลว่าจะเจอวิธีการเล่นสกปรกแบบไหนบ้าง…” อาคุมุพูดในขณะที่เตรียมของอย่างมีดสั้นและดาบใส่กระเป๋าสะพาย พร้อมกับเสื้อคลุมตัวใหญ่ของเขาที่สวมทับเสื้อแขนสั้น“...ส่วนที่ตื่นเต้นคือผมอยากจะลองซัดให้หนัก ๆ สักตั้ง วิธีการของจักรพรรดินั่นจะทำอะไรผมได้สักแค่ไหนกันเชียว!” อาคุมุพูดออกไปด้วยความมั่นใจ ซึ่งลึก ๆ ก็ยังคงแฝงไปด้วยความกังวลเช่นเดิม“เราไม่สามารถคาดเดาสิ่งที่เขาจะทำได้ แต่กระผมมั่นใจว่านายน้อยจะค้นหาทางออกที่ดีที่สุดได้แน่นอนครับ ส่วนเรื่องขององค์จักรพรรดิเดี๋ยวกระผมจะเล่าให้ฟัง”ได้ยินอย่างนั้นอาคุมุก็เดินไปที่ประตูห้องก่อนคาเอเกะ“ไปกันเลยครับลุงคาเอเกะ”หลังจากนั้นทั้งสองจึงมุ่งหน้าไปยังสนามประลองของจักรวรรดิไดจิ ซึ่งอยู่ใจกลางเมืองไดอิกิแห่งนี้ เดินไปเพียงไม่นานก็ถึงที่หมายได้“จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิไดจิมีนามว่า เออิจิ ได ปกครองจักรวรรดินี้มานาพอสมควรจากที่กระผมเคยได้ยินมา
บทที่ 44 : เริ่มต้นการประลอง“อยู่นั่นสินะ องค์จักรพรรดิ…” อาคุมุมองขึ้นไปยังแท่นที่สูงเหนือทุกสิ่ง องค์จักรพรรดิซึ่งมายืนในตำแหน่งที่คาดว่ามองลงมาก็อาจจะเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทุกอย่าง รวมไปถึงมองเห็นอาคุมุด้วยเช่นกัน…ในตำแหน่งข้างบนนอกจากองค์จักรพรรดิแล้วยังมีซาบาราชิ รวมไปถึงนักเวทคนอื่น ๆ อีกที่อยู่ข้างหลังองค์จักรพรรดิลักษณะภายนอกนั้นแน่นอนว่าต้องมีความน่าเกรงขามด้วยชุดที่มีสีทองอร่าม ใบหน้าที่ยังดูวัยเยาว์สวนทางกับที่ควรจะเป็น ผมสีน้ำตาลเข้ม ร่างกายที่ใหญ่และความสูงที่ค่อนข้างมากในมุมมองของอาคุมุ ซึ่งในขณะที่เขามองจ้องไปอยู่นั้น องค์จักรพรรดิก็ชายตาลงมาเล็กน้อยและตรงกับตำแหน่งที่อาคุมุยืนอยู่‘มองมาที่ฉันพอดีเหรอ?’ถึงแม้ระยะห่างจากตรงจุดที่อาคุมุยืนกับจุดที่องค์จักรพรรดิยืนอยู่ข้างบนนั้นจะมีมาก แต่เขาก็สามารถมองเห็นองค์จักรพรรดิได้อย่างชัดเจน แต่ที่มากไปกว่านั้น…‘นี่มัน… อะไรกัน?’ สิ่งที่อาคุมุเห็นในตอนนี้มีเพียงตัวเขาที่มองขึ้นไปและองค์จักรพรรดิที่มองลงมา ผู้คนรอบข้างรวมถึงคาเอเกะเองอาคุมุก็ไม่สามารถมองเห็นได้“หวังว่านายจะเอาตัวรอดกลับไปได้นะ” เสียงพูดขององค์จักรพรรดิดังกึก
บทที่ 60 : มอบรางวัลด้วยเลือด [จบเล่ม 2]การต่อสู้จบลง สนามประลองแบบจำลองก็ได้หายไป อาคุมุลืมตาขึ้นมาก็พบว่าเขาอยู่ที่สนามประลองของจักรวรรดิไดจิเสียแล้ว เขามองไปรอบ ๆ ขณะเดียวกันกับเสียงตอบรับที่ดังมาจากผู้ชมทั่วทั้งสนามประลองอย่างครึกครื้น“อาคุมุชนะจริง ๆ ด้วย?!!”“เขาสู้แบบนั้นได้ยังไงกันนะ? โดนรุมนั่นน่ะ”“เจ้าเด็กคนนี้ต้องแข็งแกร่งขนาดไหนกันเนี่ย?! แน่ใจนะว่าไม่ใช่นักเวทของจักรวรรดิ?”“ตามดูเจ้าหนูนี่มาตั้งแต่วันแรก ไม่ทำให้ผิดหวังเลย!”…“ในรอบนี้เราสามารถหาผู้ชนะเลิศได้เลยล่ะครับทุกท่าน! ผู้ชนะการประลองของจักรวรรดิไดจิในครั้งนี้คือ… คาอิคะ อาคุมุ!!!” ผู้คุมสนามประกาศออกไปอย่างเป็นทางการด้วยผลการต่อสู้ที่เป็นเอกฉันท์กลางสนามประลองที่มีผู้ชมเป็นจำนวนมาก คู่ต่อสู้ทั้งหกคนของอาคุมุนั้นนอนบาดเจ็บอยู่ที่พื้น โดยมีอาคุมุยืนอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้น แม้การบาดเจ็บจะไม่ได้สาหัสมากนัก แต่ร่องรอยบาดแผลตามที่เห็นคงต้องใช้เวลาพอสมควร‘ไม่มีใครตายเพราะเมื่อพลังชีวิตแบบจำลองหมดไปก็จะถูกส่งออกมาทันทีสินะ’ อาคุมุที่ไม่ได้เข้าใจเกี่ยวกับทักษะสร้างภาพลวงตาของราชันจอมเวทอาวุโสนี้มากนัก ทำได้เพียงวิเ
บทที่ 59 : หนึ่งรุมหกการโจมตีที่รุนแรงและรวดเร็วของรินนั้นทำให้ฮิบาริไม่สามารถหลบหลีกหรือป้องกันได้ทั้งหมด ทำให้เขาต้องรับการโจมตีไปอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งพลังชีวิตแบบจำลองเป็นศูนย์ในตอนนี้ฮิบาริได้ถูกคัดออกจากการประลองแบบกลุ่มแล้ว ซึ่งทำให้กลุ่มของอาคุมุนั้นเหลือเพียงสามคน และภายในทักษะหมอกเพลิงสีชาดของรินนี้… เหลือเพียงอาคุมุและรินเท่านั้น“นายจะทำยังไงดีล่ะเจ้าหนูอาคุมุ? สู้กับฉันตัวต่อตัวไหวไหมนะ? อืม… ฉันมีสมาชิกอยู่ข้างล่างทั้งหมด 5 คนเนี่ยสิ คงจะเอาชนะฉันได้ไม่ง่ายหรอกมั้ง” รินพูดขึ้นมา ซึ่งนั่นทำให้อาคุมุแปลกใจในทันที“ว่าไงนะ? ทั้งหมดห้าคนนี่หมายความว่าอะไร?” อาคุมุถามกลับไป“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! นายนี่น่าขำจริง ๆ เลย คิดว่าเจ้าพวกที่เหลืออยู่จะมั่นใจในตัวนายแล้วไม่สนผลประโยชน์หรือไงกัน?” รินตอบกลับมา“หรือว่านั่นคือ…”“ใช่แล้วล่ะ! ฉันแค่เสนอให้พวกมันมาร่วมมือกับฉัน ข้อแลกเปลี่ยนคือการเข้าร่วมกลุ่มจันทราแดง ถึงจะถูกคัดออกและไม่ชนะเลิศในการประลอง แต่มีเงินใช้ง่าย ๆ ต่อจากนี้… ใครจะไม่ชอบกันล่ะ ลองดูนั่นสิ” รินพูดจนจบและชี้ลงไปยังข้างล่าง ซึ่งสิ่งที่เห็นนั้นคือสมาชิกกลุ่มของอาคุมุที
บทที่ 58 : ผู้ที่ถูกคัดออกคนแรกในตอนนี้ สถานการณ์ของอาคุมุและฮิบารินั้นไม่สู้ดีนัก พวกเขาถูกปิดล้อมไปด้วยทักษะหมอกเพลิงสีชาดของริน อีกทั้งยังถูกล้อมไปด้วยสมาชิกคนอื่น ๆ ในกลุ่มของรินจากภายนอก ซึ่งสามารถโจมตีเข้ามาได้โดยตรง เรียกได้ว่าถูกบีบให้จนมุมทั้งอย่างนั้น‘ซวยจริง ๆ แล้วไง’“ออกไปเฉย ๆ ไม่ได้เลย!” ฮิบาริกำลังพยายามจะดันตัวเองออกไปจากทักษะของริน‘ไอ้บ้านี่มันแกล้งทำเป็นไม่รู้เหรอ?’“ถ้าออกไปได้ง่าย ๆ เขาจะสร้างขึ้นมาทำไมล่ะครับคุณฮิบาริ?” อาคุมุถามกลับไป“พวกนายฟังฉันนะ! ทักษะหมอกเพลิงสีชาดนี้จะสามารถใช้ได้ 30 นาที หลังจากนั้นจะสามารถใช้ทักษะนี้ได้อีกครั้งเมื่อเวลาผ่านไปอีก 30 นาที” รินพูดขึ้นมา“แล้ว... บอกทำไมเหรอครับ?” อาคุมุที่ได้ยินอย่างนั้นจึงถามกลับไป“เพราะว่า... ฉันสามารถเอาชนะพวกนายได้ใน 30 นาทีนี้ไงล่ะ!! กระสุนเพลิงสีชาด!!!” รินตอบกลับมาพร้อมกับยิงกระสุนเพลิงเข้าใส่อาคุมุและฮิบาริด้วยความเร็ว“ตาข่ายอัสนี!”ตู้มมมม!!!“อึ่ก! บ้าจริง”ถึงแม้อาคุมุจะใช้ทักษะป้องกันไว้ได้ทัน แต่ความเสียเปรียบนั้นปรากฏขึ้นมาให้เห็นอย่างชัดเจน เพราะตาข่ายอัสนีของอาคุมุนั้นถูกทำลายได้โดยการ
บทที่ 57 : ความได้เปรียบเป็นศูนย์รินและสมาชิกอีกสามคนได้มาถึงที่ตำแหน่งของอาคุมุ ซึ่งรินนั้นปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับอาวุธคู่กายอย่างปืนพกเช่นเดิม ส่วนอีกสามคนนั้นก็คือนักเวทชุดขาวเป็นผู้ชายสองคนและผู้หญิงอีกหนึ่งคน โดยทุกคนนั้นมีกระเป๋าสะพายอยู่ข้างหลัง“อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิดเลยล่ะครับ... ทุกอย่างเลย” สิ่งที่อาคุมุคิดไว้นั้นเป็นจริงทุกอย่าง ซึ่งก็คือการที่นักเวทชุดขาวทั้งสามนั้นเปลี่ยนชุดก่อนจะเข้ามายังสนามประลองแบบจำลองนี้“แต่ว่า... จะทำไปเพื่ออะไรเหรอครับ? เตรียมชุดมาเปลี่ยนตอนเข้ามาในนี้แล้วเนี่ย?” อาคุมุถามออกไป“ก็ถ้าพวกฉันอยู่ในบทบาทของนักเวทชุดขาวตั้งแต่ตอนที่อยู่ข้างนอกล่ะก็... คงจะโดนประท้วงพอดีน่ะสิ” หนึ่งในนักเวทชุดขาวตอบกลับมา“ฉันควรจะแนะนำตัวอีกครั้งไหมนะ? ฉันคือ อากาเนะ ริน เป็นเพียงคนที่กำลังจะได้เป็นจอมเวทระดับ 3 แล้วล่ะนะ!!” รินพูดขึ้นมาพร้อมกับจับปืนพกทั้งสองกระบอกไว้แน่น ลมจากแรงของพลังเวทปะทะเข้ากับร่างของอาคุมุโดยตรง‘กำลังจะได้เป็นจอมเวทระดับ 3 งั้นเหรอ? สีของออร่าพลังเวทกำลังจะเป็นสีแดงแล้วสินะ แข็งแกร่งขึ้นมากจริง ๆ ด้วย’“สุดยอดไปเลยนะครับ สมแล้วกับตำแหน่งรอ
บทที่ 56 : เริ่มการประลองแบบกลุ่มในตอนนี้ ผู้คุมสนามได้ทำการสร้างสนามประลองแบบจำลองเสร็จสิ้นแล้ว เป็นทักษะที่มีความเหมือนจริงเป็นอย่างมาก ถึงได้ชื่อว่าเป็นภาพลวงตา และด้วยความแข็งแกร่งระดับราชันจอมเวทอาวุโส การที่สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ก็คงจะไม่เกินจริงนัก...ที่สนามประลอง ภายนอกทักษะภาพลวงตา“สิ่งที่ทุกคนเห็นอยู่ตรงหน้านี้... คือสิ่งที่เกิดขึ้นภายในนั้นครับ” เสียงของผู้คุมสนามได้ดังกึกก้องไปทั่วทั้งสนามประลองด้วยทักษะพลังเวทของพิธีกร เสียงตอบรับจากคนดูก็เกิดขึ้นในทันที“น... นี่เหมือนฉันดูการประลองผ่านจอเลยนะ”“ข้างในนั้นจะไม่เป็นอะไรแน่เหรอ?”“ดูนั่นสิ! อาคุมุอยู่นั่นล่ะ!!”“ที่นั่นมันคือจำลองเมืองไหนหรือเปล่า? ที่ไหนในจักรวรรดิหรือเปล่านะ?”...สิ่งที่ทุกคนเห็นอยู่ตรงหน้านั้น คือลูกบาศก์ขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยออร่าของพลังเวทสีม่วง ลอยอยู่ในอากาศตรงกลางสนามประลอง ทั้งสี่ด้านนั้นเผยให้เห็นภาพจากมุมมองของแต่ละคนและมุมมองภาพรวมภายในนั้น ราวกับว่ากำลังดูผ่านจอขนาดยักษ์“สถานที่ภายในนั้นคือเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในจักรวรรดิ มีชื่อว่าเมืองชิโตเสะครับ... ขอให้ทุกคนเพลิดเพลินไปกับการประลองในครั้ง
บทที่ 55 : ราชันจอมเวทอาวุโส?กฎและกติกาการแข่งขันในรอบ 8 คนสุดท้ายนั้น ได้ถูกเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันโดยไม่ได้มีการประกาศล่วงหน้า ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เข้ารอบหรือผู้ชมทั่วทั้งสนามประลอง ไม่เคยมีใครคิดไว้ว่าจะถูกเปลี่ยนเป็นการประลองแบบกลุ่ม“เริ่มจากการจัดกลุ่ม กลุ่มที่ 1 จะมีผู้ชนะจากสายการต่อสู้เดิมก็คือสาย A, B, C และ D ส่วนกลุ่มที่ 2 ก็จะมีผู้ชนะจากสายการต่อสู้เดิมคือสาย E, F, G และ H ครับ”พิธีกรได้ประกาศวิธีการแบ่งกลุ่มให้กับทั้ง 8 คน‘ฉันพอเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงแบ่งกลุ่มง่าย ๆ แบบนี้...’‘...เพราะรินอยู่ในกลุ่มที่ 2 สินะ? การคาดเดาของฉันถูกต้องอย่างแน่นอน!’สิ่งที่อาคุมุคิดไว้นั้นมีเพียงความได้เปรียบของฝั่งตรงข้าม ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด และในสถานการณ์ตรงหน้านี้ ความได้เปรียบที่ว่าก็คงจะหนีไม่พ้นการที่กลุ่มนั้นมีคนอย่างรินอยู่ด้วยนั่นเอง“ก่อนที่จะเข้าสู่ลำดับถัดไป...” พิธีกรพูดยังไม่ทันจบประโยค เสียงจากแท่นด้านบนก็ดังขึ้นมาในทันทีตึ้ง!!ซึ่งเป็นเสียงขององค์จักรพรรดิที่ใส่พลังเวทเข้าไปในแท่นข้าง ๆ ตัว สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ทำให้ทุกคนต่างก็ตกใจกันไปตาม ๆ กัน“องค์จักร
บทที่ 54 : รอบ 8 คนสุดท้ายอาคุมุนั้นเก็บชัยชนะไปได้อีกครั้ง ทุกรอบของการลงสนาม อาคุมุได้สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน แต่จากการที่สามารถเอาชนะผู้ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์นี้ได้ ทำให้ทั่วทั้งเมืองหลวงแห่งนี้ได้รับรู้และได้สัมผัสแล้ว... ...ว่าความแข็งแกร่งของเขานั้นเป็นเช่นไรโดยไร้ข้อกังขาวันต่อมาในเวลาเดิม อาคุมุและคาเอเกะก็เดินไปยังสนามประลอง วันนี้เขาได้สะพายกระเป๋าและเตรียมเสื้อคลุมยาวใส่ไว้ในกระเป๋าด้วย แน่นอนว่าของสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยก็คือดาบแห่งราชันสิ่งที่เกิดขึ้นก็ยังคงเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับทุกครั้งที่ผ่านมา ซึ่งก็คือเหล่าผู้คนที่เข้าหาล้อมหน้าล้อมหลัง‘เฮ้อ! ฉันล่ะเหนื่อยจริง ๆ เลย ในช่วงอาคุมุพบปะประชาชนเนี่ย’“ยินดีต้อนรับท่านผู้มีเกียรติทั้งหลาย!! ไม่ว่าจะเป็นผู้เข้าแข่งขัน หรือผู้ที่ชื่นชอบในการประลอง วันนี้... เราเดินทางมาถึงวันสุดท้ายในการประลองของจักรวรรดิไดจิแล้วครับ!!!”ผู้เป็นพิธีกรกล่าวขึ้นมาเพียงเท่านั้น กระแสตอบรับของผู้คนต่างก็แตกออกเป็นสองเสียง ทั้งคนที่ดีใจกับการจะได้เห็นรอบชิงชนะเลิศ และคนที่เสียใจกับการจบลงของการประลองอันแสนดุเดือดนี้“ใกล้จะได้ดูรอบชิงแล้วโ
บทที่ 53 : คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดการโจมตีของอาคุมุในครั้งนี้นั้นรุนแรงยิ่งกว่าการโจมตีของดาอิเสียอีก ทั้งยังทำให้ดาอิต้องถอยร่นออกไปเพื่อรับมือกับการโจมตีนี้‘ถึงจะบอกว่าลบล้างสิ่งชั่วร้าย แต่ไอ้หมอนี่ดูจะไม่ใช่คนชั่วร้ายแบบนั้นเลยนะ หมายความว่ายังไงกันแน่เนี่ย? ฉันล่ะไม่เข้าใจกับดาบเล่มนี้เลยจริง ๆ แฮะ’อาคุมุยังคงครุ่นคิดกับสิ่งที่มังกรผู้เป็นเจ้าของดาบแห่งราชันได้บอกไว้“แต่... ดาบฉัน? มันไม่ได้อยู่ในมือนี่?!” นั่นคือสิ่งที่อาคุมุเพิ่งจะรู้สึกตัวได้“ความรู้สึกนายนี่มันช้าจริง ๆ เลยนะ” ดาอิพูดและเดินเข้ามาหาอาคุมุอย่างช้า ๆ พร้อมกับดาบแห่งราชันที่อยู่ในมือดาอินั้นสามารถหลบการโจมตีที่รุนแรงของอาคุมุได้เพียงบางส่วน ซึ่งเขาได้รับบาดเจ็บมากพอสมควร“แล้วมันไปอยู่ที่คุณได้ยังไงกัน? แล้วก็สภาพแบบนั้น...”“การโจมตีของนายมันรุนแรงจนดาบนายหลุดมือมาทางนี้เลยล่ะ ฉันแค่โดนเฉียด ๆ ยังเละขนาดนี้ ถ้าฉันรู้สึกตัวช้าอีกหน่อยคงละเอียดจนเป็นผงไปแล้ว” ดาอิตอบกลับมาพร้อมกับโยนดาบแห่งราชันของอาคุมุไปยังทางด้านหลังของตัวเขาเอง จุดที่ดาบตกอยู่นั้นคือขอบของสนามประลองพอดี“ปล่อยมันไว้แบบนั้นก่อนก็แล้ว
บทที่ 52 : พลังที่แท้จริง?“ลุกขึ้นมาซะ!! ผมบอกแล้วไง... ว่าผมกำลังต้องการคู่ซ้อมน่ะ” อาคุมุพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ใครเห็นต่างก็คงต้องขนลุกไปตาม ๆ กัน“นี่แก... เป็นบ้าไปแล้วรึไง?! ชนะขาดลอยขนาดนี้แล้วยังจะเอาอะไรอีกห๊ะ?!!” ดาอิตอบกลับมา“ขาดลอย?”ดาอิที่ได้ยินอย่างนั้นก็แปลกใจ“อะไรของแก?”“ผมถามอะไรคุณหน่อยสิ คุณผู้ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์... หากได้ชัยชนะมาแบบนี้นี่คุณภูมิใจเหรอครับ? ทั้งที่อีกฝ่ายยังไม่ได้ใช้พลังเลยเนี่ยนะ? ผมไม่เอาด้วยหรอกนะครับ” อาคุมุถามกลับไปดาอิที่ได้ยินอย่างนั้นก็ชะงักไปในทันที“อึ่ก... แต่ตอนนี้เราแค่ประลองกันนี่! จะเล่นเอาตายเลยหรือไง?!! แกคิดจะรบเร้าฉันไปถึงไหน?”“ถ้าผมตายขึ้นมาจริง ๆ ล่ะก็... คนที่ได้ผลประโยชน์คือคุณไม่ใช่เหรอครับ? แข็งแกร่งขึ้นมาทันตาเห็นเลยนะ เป็นจอมเวทระดับ 3 เลยสิเนี่ย? ระดับพลังเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเลยแฮะ...” อาคุมุพูดแล้วจึงหยุดไป“ฮ่า! แก... ไม่สิ นายนี่ทำให้ฉันนึกถึงสิ่งที่ลืมคิดไปได้ยังไงกันนะ? หาแรงจูงใจมาให้ฉันจนได้!!” ดาอิพูดพร้อมกับใช้หอกดันตัวขึ้น ออร่าพลังเวทได้ถูกแผ่ออกมาจากรอบ ๆ ตัวเขา “ไม่ธรรมดาจริง ๆ เลย ต้องแบบนี้สิครั