ตอนที่ 3
นายเป็นคนจริง ๆ ใช่มั้ย
“เจอ.. เจออะไรเหรอ” ฉันหันไปจ้องใบหน้าของฟอร์ซอย่างไม่เข้าใจ เขาดันตัวเองขึ้นมานั่งบนเตียงพร้อมขัดสมาธิแล้วจ้องตอบ เราสองคนไม่มีใครพูดอะไรออกมามีเพียงแค่คิ้วที่ขมวดเข้าหากันทั้งคู่
“ก็ผู้ชายที่หล่อ ๆ” ฟอร์ซพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ท้องฟ้าด้านนอกสว่างวาบด้วยสายฟ้าที่น่าจะฟาดลงที่ไหนสักแห่งใกล้ ๆ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงฟ้าผ่าที่ดังสนั่น
“หมายถึงจัสตินเหรอ” ฉันหันออกไปมองด้านนอกในใจก็คิดถึงผู้ชายคนนั้นขึ้นมา ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นยังไงกลับบ้านหรือยัง ถึงแม้ว่าตั้งแต่ตอนนั้นจนตอนนี้ฝนจะไม่ได้ตกลงมาอย่างที่คิดแต่ก็ยังอดห่วงไม่ได้อยู่ดี
“เขาชื่อจัสตินอย่างนั้นเหรอ” ฟอร์ซบ่นพึมพำออกมาทำให้ฉันหันไปมองหน้าเขา แต่ยังเป็นใบหน้าที่สร้างความสงสัยกับฉันได้อยู่ดี
“ฟอร์ซรู้จักงั้นเหรอ.. เขาเป็นใครล่ะ”
“เปล่าไม่รู้จัก.. ฟอร์ซเห็น” เขาเงยหน้าขึ้นมาจ้องหน้าฉันก่อนจะเงียบเสียงลงไปอีกจนมันกลายเป็นบรรยากาศที่น่าอึดอัด ก่อนที่เขานั้นจะทิ้งตัวหงายหลังลงไปนอนกางแขนออกดวงตาจ้องมองเพดานห้องเงียบ ๆ
“เห็นก็ไม่แปลกมั้ยล่ะ! ก็จัสตินน่าจะเป็นคนแถวนี้นี่นา” เพราะไม่รู้ว่าน้องชายต้องการอะไรกันแน่ จึงตัดความรำคาญด้วยการพูดออกไปแบบนั้นพร้อมกับส่ายหน้าแล้วหันหลังเตรียมออกไปอาบน้ำ
“พี่มั่นใจเหรอว่าเขาเป็นคน”
“...” เท้าที่เพิ่งก้าวไปได้สองก้าวหยุดอยู่กับที่อีกครั้ง หันไปที่เตียงก็เห็นว่าเจ้าเด็กคนนี้เด้งตัวขึ้นมากอดอกมองหน้าอีกรอบ และคำพูดกำกวมนี้มันทำให้นึกไปถึงความสามารถของน้องชายตัวเอง
“ฟอร์ซเห็นตั้งแต่เรามาถึง” เขาตอกย้ำคำพูดตัวเองด้วยน้ำเสียงเย็น ๆ จนตอนนี้ฉันเริ่มขมวดคิ้วนิ่วหน้าจนตีนกาแทบจะขึ้นหน้าผาก
“หมายความว่าไง”
“ฟอร์ซแค่รู้สึกได้.. ว่าผู้ชายคนนั้นเขาอาจจะไม่ใช่คน”
“ฟอร์ซ! ไม่เล่นนะ”
“เรื่องแบบนี้ฟอร์ซไม่เคยพูดเล่นพี่โซย่าก็รู้”
“...”
คำพูดไม่กี่คำของฟอร์ซฉุดให้ฉันสงสัยในตัวของจัสตินขึ้นมา และด้วยความที่เดิมทีก็เป็นสาวขี้เผือกอยู่แล้ว มันจะนอนหลับได้ยังไงล่ะจริงไหม.. หลังจากที่ไปอาบน้ำจนเรียบร้อยแล้วก็เดินกลับเข้ามาในห้องนอนของตัวเองส่วนคุณพ่อและคุณแม่รวมถึงคุณน้า ๆ ทุกครั้งที่มาพักบ้านคุณยายก็จะพากันสังสรรค์จนเช้า บางครั้งก็กางเต็นท์นอนที่สนามหญ้าหน้าบ้าน บางครั้งก็เข้ามานอนกันที่ห้องนั่งเล่นจึงเป็นเรื่องปกติ
สองเท้าก้าวเดินเข้ามาในห้องหลังจากที่อาบน้ำประแป้งและแต่งตัวด้วยชุดนอนกระโปรงหมีสีชมพู ก็เห็นว่าที่เตียงนั้นเจ้าน้องชายนอนหลับอยู่บนนั้นไปก่อนแล้ว ฉันผุดลุกผุดนั่งบนที่นอนไปมาเดินวนอยู่ในห้องพักใหญ่ด้วยความสงสัย ใจหนึ่งก็อยากเดินออกจากบ้านไปดูให้รู้แล้วรู้รอดแต่อีกใจก็กลัวว่าถ้าหากเขาเป็นผีจริงอย่างที่ฟอร์ซบอกฉันจะทำตัวยังไง
ในความรู้สึกและในดวงตาคู่นี้มันเห็นจัสตินด้วยตาเนื้อมันจึงทำให้ฉันมั่นใจว่าเขาไม่ใช่สิ่งลี้ลับ เขามีเนื้อมีหนังมีกระดูกที่ดูน่าจะจับต้องได้ เขายังลูบหัวมูมู่อยู่เลยจะเป็นผีหรือวิญญาณแบบที่ฟอร์ซบอกได้ยังไง ถึงแม้ในใจมันจะมีความคิดที่ย้อนแย้งกันก็เถอะ เพราะรู้ดีว่าฟอร์ซมักจะเห็นสิ่งลี้ลับมาตั้งแต่รถประสบอุบัติเหตุเมื่อตอนนั้น แต่ฉันไม่ใช่ไง.. และครั้งนี้ฉันเห็นนั่นแปลว่าจัสตินต้องไม่ใช่ผี
หลังจากที่เดินไปเดินมาผุดลุกผุดนั่งอยู่นาน หางตาได้เหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างและหางตาของฉันมองเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ริมถนนด้านนอก เขานั่งอยู่บนม้านั่งใต้เสาไฟที่ห่างจากบ้านไม่มาก ข้างกันนั้นมีเจ้ามูมู่ที่วิ่งออกไปจากบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้กำลังหยอกล้อส่ายหางระริกระรี้อยู่ ฉันขยี้ตาสามสี่ครั้งแล้วเปิดผ้าม่านให้กว้างขึ้นเพื่อดูว่าตาฉันตาฝาดไปหรือเปล่า
แต่ภาพที่ผู้ชายคนนั้นหยอกล้อมูมู่ก็ยังคงเป็นเช่นเดิม ฉันยังคงเห็นว่าจัสตินนั่งเล่นกับเจ้าหมาตัวนั้น ไม่รอช้าสองเท้าจึงรีบเดินออกจากห้องวิ่งลงมาที่ชั้นล่างกำลังจะวิ่งออกไปทางหน้าบ้าน แต่เพราะคุณแม่คุณพ่อคุณน้ายังสังสรรค์กันอยู่ และไม่อยากตอบคำถามกลัวว่าท่านจะคิดว่าออกไปหาผู้ชายตอนกลางคืนดึก ๆ ดื่น ๆ เลยเลือกที่จะออกไปทางประตูหลังแทน แม้ความหมายจะไม่ต่างแต่ถ้าหนีออกไปพวกท่านไม่รู้ก็ไม่ต้องตอบคำถามแหละนะ
ฉันเดินออกมาตามทางลับที่ไว้ใช้หนีคุณยายไปเล่นข้างนอกตั้งแต่เด็ก รีบวิ่งลัดเลาะตามทางมาเรื่อย ๆ ก่อนจะมุดรอดผ่านรูรั้วที่มันหักออกมาที่ถนน เดินตามทางจนถึงเสาไฟที่มีผู้ชายคนนั้นนั่งเล่นกับเจ้ามูมู่อยู่ตรงนั้น หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะในตอนที่มองเห็นว่าเขากำลังนั่งอยู่ตรงนั้น แต่แม้ว่าจะคิดถึงคำพูดของฟอร์ซจนขนลุกสองเท้าก็ยังเดินไปข้างหน้าจนเข้าใกล้เขาเรื่อย ๆ อยู่ดี เดินเข้าไปหาด้วยความรู้สึกสับสนปนกลัวนี่แหละ จะทำยังไงได้ก็คนมันอยากได้ความจริงนี่นาว่าตกลงแล้วที่ฟอร์ซพูดมันใช่ความจริงไหม
ระยะห่างของเราทั้งคู่เหลือเพียงไม่กี่เมตร จัสตินได้หันมามองฉันนิ่ง ๆ ก่อนที่เขานั้นจะยิ้มให้จนตาหยี แต่มือก็ยังไม่วายลูบหัวเจ้าตูบไปเรื่อย ๆ สองขาของฉันก็ยังคงก้าวเดินเข้าไปจนมาหยุดยืนอยู่ที่ข้างเก้าอี้นั้น
“ออกมาทำไมดึก ๆ เป็นผู้หญิงออกมาเดินแบบนี้ไม่ดีนะ” เขาหันมามองชัด ๆ ก่อนจะขมวดคิ้วจนหว่างคิ้วเกิดรอยด้วยท่าทางไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่
“คือ..” ความรู้สึกที่ทั้งกลัวและไม่กลัวนี่มันทำให้พูดอะไรไม่ออกจริง ๆ
“แล้วทำไมแต่งตัวแบบนี้ออกมาล่ะ ไม่หนาวเหรอ” เขาเปลี่ยนท่าทางตัวเองให้กลับเป็นปกติ
“ไม่.. ไม่หนาว”
“เป็นอะไรเหรอ ผมทำอะไรให้เธอกลัวหรือเปล่า” และอาจจะเพราะการเจอกันก่อนนี้ฉันพูดมากละมั้ง ครั้งนี้จึงทำให้จัสตินดูสงสัยอาการของฉัน เขาปล่อยมือออกจากเจ้ามูมู่แล้วลุกขึ้นยืนจ้องหน้า เราสองคนมองหน้ากันในระยะห่างที่มีเพียงไม่ถึง2เมตร
“นายเป็นคนใช่ไหม” และเพราะความอึดอัด หากไม่ได้ถามสิ่งที่อยากรู้ออกไปฉันคงนอนไม่หลับ เมื่อรวบรวมความกล้าทั้งหมดได้จึงเลือกที่จะถามออกไปตรง ๆ
"..." แต่สิ่งที่ฉันได้กลับมาคือความเงียบ เขาไม่ยอมตอบอะไรเอาแต่ยืนจ้องหน้าฉันแบบเดิม
“นายไม่ใช่ผีใช่ไหมจัสติน”
“ถ้าผมตอบว่าผมใช่ เธอก็จะกลัวแล้วหนีผมไปอีกคนใช่ไหม” น้ำเสียงของเขาสั่นมาก มันทั้งสั่นและหนาวเหน็บจนคนฟังอย่างฉันรู้สึกได้ถึงความเศร้าและหวาดกลัวในน้ำเสียงนั้น
“...” แต่คำถามนั้นของจัสตินก็ทำให้ฉันไม่รู้จะตอบอะไรออกมาจริง ๆ แบบนี้หมายถึงมันเป็นคำตอบที่เขายอมรับใช่ไหม
“ขอโทษนะ ผม..”
“ผมอะไร..” ฉันมองหน้าเขานิ่งพร้อมน้ำเสียงที่เปล่งออกไปอย่างแผ่วเบารอคำตอบ
“ผมไม่รู้ว่าผมเป็นตัวอะไร แต่ก็คงจะเรียกว่าคนไม่ได้” เขาเดินถอยหลังห่างฉันไปหนึ่งก้าว
หงิง~ หงิง~
“...” ฉันเงียบเพื่อรอฟังว่าเขาจะพูดอะไรต่อ หลุบตาลงไปมองเจ้ามูมู่ที่ทำหน้าเศร้าหมอบอยู่ข้างจัสติน
“ไม่รู้ว่าเป็นใครตั้งตื่นลืมตาขึ้นมาก็จำได้แค่ชื่อ.." น้ำเสียงที่เบาลงเรื่อย ๆ พร้อมกับเขาที่ก้าวเท้าถอยหลังไปทุกครั้งที่พูด
"ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมตายไปหรือยังหากตายแล้วทำไมผมยังไม่ไปไหน และต่อให้ผมยังไม่ตาย.. ผมก็ไม่รู้ว่าร่างกายของผมอยู่ที่ไหน”
“นาย..” น้ำเสียงของเขาที่แสดงออกมานั้นมันทำให้รู้สึกว่าเขาไม่ได้โกหก แต่ฉันกลับไม่กล้าก้าวเท้าตามเขาไป
“ผมไม่เป็นไร.. ขอบคุณนะโซย่าที่เห็นผม” เขาเงยหน้ามามองฉันหลังจากที่ก้าวเท้าถอยหลังไปหลายก้าวจนเกือบจะพ้นแสงไฟที่ส่องตรงนี้
“...” ฉันได้แต่มองรอยยิ้มของเขาที่ส่งมาให้ แต่มันช่างเป็นรอยยิ้มที่เศร้าเหลือเกิน
"ขอบคุณที่เวลานี้คุณก็ยังไม่วิ่งหนีหรือรังเกียจผม" เขายังคงพูดไปถอยหลังไปจนร่างกายของเขาเริ่มเข้าไปในความมืด
“ผมไปแล้วนะ วันนี้ก็แค่แวะมาเล่นกับเจ้าตูบเหมือนอย่างเคยเฉย ๆ เจ้านี่ชื่ออะไรนะ” เขาก้มลงมองที่เท้าตัวเอง ที่มีเจ้ามูมู่หมอบคลานตามเขาไปด้วย
“มูมู่” ฉันก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไม แต่เวลานี้กลับไม่รู้สึกว่ากลัวผู้ชายคนนี้เลยสักนิด
“ไปก่อนนะมูมู่.. ไว้เดี๋ยวค่อยมาหาใหม่” คำพูดนี้ของเขามันทำให้รู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่เหมือนโดนพายุหิมะกัดกินร่างนี่มันอะไรกัน
ฉันตกใจก็จริงที่เขาบอกว่าเขาไม่ใช่คน แต่ไม่ว่าจะมองยังไงเขาก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง จัสตินย่อตัวลงไปลูบหัวเจ้าโกลเด้นที่หมอบราบนั่นก่อนจะลุกขึ้นแล้วหันหลังก้าวเดินออกไปโดยที่มีเสียงเจ้ามูมู่ส่งเสียงครางหงิง ๆ ตามหลังเขา
ฉันมองจัสตินที่เดินออกไปจนหายลับไปจากแสงไฟ และไม่รู้ว่าตอนนั้นฉันคิดอะไรไอ้ความรู้สึกที่ควรจะหวาดกลัวสิ่งที่เห็น เมื่อรู้ว่าเขาไม่ใช่คนควรจะกรี๊ดออกมาแล้ววิ่งหนี แต่เวลานี้ทุกอย่างกลับไม่ใช่ ในส่วนลึกของความรู้สึกนั้นมันกลับรับรู้ว่าผู้ชายคนนี้น่าสงสาร รู้สึกได้เลยว่าเขาเหงา รู้สึกได้เลยว่าเขาโดดเดี่ยว
“นาย.. เหงามั้ย” ขนาดตัวฉันเองยังตกใจที่พูดออกไปแบบนั้น ตกใจจนต้องยกมือขึ้นมาปิดปากของตัวเองเอาไว้ แต่ดวงตาทั้งสองข้างก็ยังจ้องมองแผ่นหลังของเขาที่อยู่ในเงามืดนั้นไม่กะพริบ จัสตินหยุดเท้าทั้งสองข้างลงอยู่กับที่แต่เขากลับไม่ได้หันมามองหรือพูดอะไร พอได้สติจึงได้ปล่อยสองมือของตัวเองทิ้งลงตามแรงโน้มถ่วงโลก ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เขาหัวมามองหน้าฉันช้า ๆ
“เธอพูดว่าอะไรนะ”
“ฉันถามว่านายเหงาไหม”
“อื้อ! เหงา.. เหงามาก ๆ เลยด้วย”
ตอนที่ 4มาเป็นเพื่อนกันไหม“งั้นเรามาเป็นเพื่อนกันมั้ย” ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่คำที่พูดไปนั้นมาจากใจจริง ๆ เดิมทีตัวฉันเองก็ไม่ได้มีเพื่อนมากมายเท่าไหร่หากมีเพื่อนเป็นผีก็ไม่เลวหรอกนะ“เป็นได้เหรอ!” จัสตินเดินเข้ามาหาฉันสองก้าวแล้วถามออกมาด้วยน้ำเสียงดีใจ ใบหน้า ดวงตาของเขาที่แสดงออกว่ากำลังตื่นเต้นนั่นไม่ได้โกหก“นายไม่แหกอกควักไส้มาหลอกฉันก็พอ” และไม่รู้ว่าบรรยากาศของเราเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ในเมื่อความรู้สึกของฉันบอกว่าไม่ได้กลัวเขา หากเป็นเช่นนั้นเราก็สามารถเป็นเพื่อนกันได้โซย่าไม่ใช่คนใจจืดใจดำหรอกนะ“ใครจะไปทำ! เจ็บตาย” จัสตินพูดออกมาพร้อมกับส่ายหน้าทำท่าขนลุกขนชันเป็นการสำทับ“มันเจ็บด้วยเหรอ! นายเคยลองไหมรู้สึกเป็นยังไง” ด้วยความตื่นเต้นฉันก้าวเท้าเข้าไปหาเขาโดยไม่รู้ตัว ดวงตาทั้งสองจ้องมองใบหน้าของผู้ชายตรงหน้าอย่างรอคำตอบ“มันก็รู้สึกแบบว่า..” “โซย่าคุยกับใครน่ะลูก” ฉันสะดุ้งตัวโยนเพราะเสียงคุณแม่ที่เดินออกมาจากหน้าบ้าน ท่านตะโกนถามฉันที่ยืนอยู่ใต้เสาไฟฟ้า สายตาหันมองแม่สลับกับจัสตินอย่างตกใจ“หนูก็คุยกับ..” ฉันที่กำลังจะตอบคำถามแม่ก็ต้องชะงักให้กับคำถามต่อมาของท
ตอนที่ 5ตามหาความจริงเขาพูดนิ่ง ๆ พร้อมกับรอยยิ้มมุมปากแบบล้อเลียน นี่อย่าบอกนะว่าเขารู้ว่าฉันคิดอะไรในหัวทั้งหมด“แค่เรื่องของผมเท่านั้นแหละ เรื่องอื่นผมไม่ยุ่ง” และคำถามของฉันที่เกิดในหัวก็ได้คำตอบ นี่หมายความว่าหากเป็นเรื่องของเขาไม่ว่าฉันจะคิดอะไร เขาก็สามารถล่วงรู้ได้ทั้งหมดอย่างนั้นสินะ“คืออะไรหรือครับ” และเพราะน้องชายคงเห็นว่าฉันทำเพียงแค่จ้องหน้าเขานิ่ง ๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมา ก็มีเพียงแค่จัสตินคนเดียวที่พูดเหมือนกับว่าเขากำลังตอบคำถามอะไรสักอย่าง“อ๋อ~ พี่สาวนายกำลังสับสนและน่าจะโมโหมาก ๆ ด้วย นายระวังตัวไว้หน่อยก็ดีนะ” เขาหันไปยิ้มทะเล้นพร้อมทำท่าขยิบหูขยิบตาให้กับฟอร์พร้อมกับหันมาทำสีหน้าล้อเลียนส่งให้ฉัน“ผมชื่อฟอร์ซยินดีที่ได้รู้จักครับ” และดูเหมือนว่าคนที่ตื่นเต้นตอนนี้จะเป็นฟอร์ซเสียมากกว่า เขาจ้องจัสตินด้วยตาที่ไม่กะพริบ ก่อนจะลงจากเตียงไปเดินวนรอบตัวเขา“ผมชื่อจัสตินยินดีที่ได้รู้จักครับ”“ผมเห็นวิญญาณมาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่เคยได้คุยกับวิญญาณแบบนี้เลย” ฟอร์ซยังคงเดินวนรอบตัวของจัสตินอยู่อย่างนั้น พร้อมทั้งเขาใช้นิ้วไปจิ้มตามร่างกายซึ่งในความเป็นจริงคือเราสามารถจิ้มร่างกา
ตอนที่ 6เริ่มเปลี่ยนแปลงแต่ใครจะไปรู้ว่าตั้งแต่ที่เราคุยกันวันนั้นนี่ก็ผ่านมาถึงหกปีแล้ว พวกเรายังไม่สามารถตามหาได้เลยว่าความจริงแล้วจัสตินนั้นคือใคร หรือทำไมเขาถึงไม่ได้ไปไหนสักที"โซย่า! เมื่อวานใครมารับแกเหรอหล่อมาก!" มิลิน เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวตลอดระยะเวลาที่ฉันเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ เอ่ยถามหลังจากที่พวกเราเดินถือถาดข้าวมานั่งลงที่โต๊ะในที่โรงอาหารของมหาลัย"ใครเหรอ ไม่มีนะ" เพราะปกติแล้วฉันเองก็ไม่ใช่จะมีคนคบนอกจากผี ถึงได้ขมวดคิ้วถามออกไปแล้วมองหน้าเพื่อน เพราะไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องตลกที่ยัยเพื่อนคนนี้เตรียมมาอำฉันในวันนี้หรือเปล่า แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือสีหน้าของยัยมิลินนั้นไม่ได้ดูว่าเธอกำลังพูดเล่นหรือเป็นเรื่องที่เก็บมาอำฉันเลย เธอมองจ้องหน้าฉันเขม็งพร้อมทั้งขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่เข้าใจ"ไม่สิ! ก็ผู้ชายคนที่หล่อ ๆ ที่เดินมาหาเธอก่อนกลับบ้านที่หน้าคณะไง ฉันจะวิ่งไปเรียกเธอแล้วแต่ไปไม่ทัน" เธอยังคงถามพร้อมทั้งหันไปสนใจถาดข้าวแล้วตักมันเข้าปาก แต่ถึงแม้ว่าจะกำลังเคี้ยวข้าวจนแก้มตุ่ยแต่สายตาของเธอยังหันมาจ้องมองฉันด้วยท่าทางแปลก ๆ แสดงออกชัดเจนว่าไม่เชื่อสิ่งที่ฉันพูดและเพ
ตอนที่ 7เจ้าชายนิทราเพราะมันคือเรื่องที่ผ่านมานานหลายปีมากทำให้พวกเราลืมไปแล้ว และไม่คิดว่าจู่ ๆ พ่อกับแม่จะมาคิดถึงเรื่องนี้ เรื่องราวเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ในวันเทศกาลขึ้นปีใหม่ที่ทุกปีเราจะต้องไปบ้านของคุณตาคุณยาย และปีนั้นเป็นปีเดียวที่ฉันไม่ได้กลับบ้านพร้อมพวกท่าน หลังจากที่คุณพ่อคุณแม่พาฟอร์ซขับรถกลับบ้านในเมือง เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ได้รับโทรศัพท์จากโรงพยาบาลว่าพวกท่านประสบอุบัติเหตุในขณะลงจากเขาพ่อและแม่สลบไปเกือบหนึ่งสัปดาห์กว่าที่พวกท่านจะฟื้นขึ้นมา แต่ในเหตุการณ์ครั้งนั้นคนที่อาการโคม่ากลับเป็นฟอร์ซ หลังจากที่พ่อกับแม่ฟื้นขึ้นมาพวกท่านก็เอาแต่ร้องไห้อย่างหนักในตอนที่หมอบอกว่าให้ทำใจ แม้ว่าเวลานี้จะไม่อันตรายถึงชีวิตแต่อาจจะฟื้นขึ้นมาไม่สมประกอบหรือหากโชคร้ายกว่านั้นอาจจะต้องเป็นเจ้าชายนิทราก็ได้แต่แล้วปาฏิหาริย์ก็มีจริง หลังจากที่ฟอร์ซนั้นนอนอยู่ที่โรงพยาบาลไปเกือบสองเดือน ฉันก็ได้รับโทรศัพท์จากแม่ว่าน้องฟื้นขึ้นมาแล้ว เขาตื่นขึ้นมาราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ฟอร์ซบอกว่าเขารู้สึกเหมือนว่าเพิ่งหลับไปแค่คืนเดียวเท่านั้น แต่เพราะอุบัติเหตุนั้นนอกจากที่จะฟื้นขึ้นมาอย
ตอนที่ 8การพบกันครั้งสุดท้ายเราทั้งสามคนมองหน้ากันก่อนจะหันไปมองที่คุณยายอีกครั้ง ท่านส่งยิ้มมาให้มันช่างเป็นรอยยิ้มที่ดูใจดีที่สุดเท่าที่เคยพบเจอมา"คุณยาย.." โซย่าเอ่ยเพียงแค่นั้นก่อนจะเงียบเสียงลง เพราะน้องชายอย่างฟอร์ซจับแขนเสื้อของเธอเขย่าเบา ๆ สองสามทีเป็นการเตือน"คนนี้พี่จัสตินครับเป็นแฟนพี่โซย่า" ผมและโซย่าหันมองหน้าฟอร์ซพร้อมกันด้วยความรู้สึกตกใจ รู้สึกได้ว่าคุณยายนั้นมองมาที่เราสองคนสลับกันแต่นอกจากท่านจะไม่ดุหรือว่าไม่พอใจอะไรแล้ว ท่านกลับหัวเราะออกมาเสียงดังครู่หนึ่ง สองเท้าของคุณยายเดินตรงมาทางพวกเราก่อนที่ท่านจะเดินผ่านสองพี่น้องนั้นตรงมาทางผมช้า ๆ "หล่อจริง ๆ มาเข้าไปในกันก่อน" ผมมองหน้าคุณยายเล็กน้อย ท่านได้จูงมือผมเข้าไปในบ้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมทั้งฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีบรรยากาศในบ้านทุกอย่างดูดีและอบอุ่นเหมือนทุกครั้งที่มา เพียงแต่เหมือนว่าครั้งนี้พวกเรานั้นจะมาเร็วกว่าคนอื่น ๆ ไปเสียหน่อย จวบจนเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงเย็น ผมถูกโซย่าลากให้เดินเข้ามาในครัวจัดการเรื่องอาหารค่ำในคืนนี้ เพราะว่าเธอนั้นเป็นคนที่ไม่ได้สันทัดเรื่องอาหารสักเท่าไหร่ทำให้ทุก ๆ ก้าวนั้นต้อง
ตอนที่ 9นายเป็นใครผมยังคงนอนมองรอบ ๆ ห้องที่ดูก็รู้ว่าที่แห่งนี้น่าจะเป็นโรงพยาบาล หลังจากที่คุณหมอทุกคนตรวจเช็กเบื้องต้นแล้วก็ออกไปด้านนอก ก่อนจะมีผู้หญิงวัยกลางคนที่ใบหน้าและรูปร่างของเธอนั้นโทรมมาก วิ่งเข้ามาหยุดข้างเตียงของผม เธอยืนนิ่งส่งยิ้มที่สวยมากมาให้ ดวงตาทั้งสองข้างของเธอเอ่อล้นไปด้วยหยดน้ำตาก่อนจะไหลออกมาอาบทั้งสองแก้ม"ตื่นแล้วเหรอลูก" เธอพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินมานั่งลงข้างเตียง ใช้มือทั้งสองข้างนั้นโอบรอบมือของผมเอาไว้ ความอบอุ่นนี่มันคืออะไรกัน ผมมองมือของเธอและความรู้สึกที่อบอุ่นนี้ด้วยหัวใจที่พองโตราวกับว่าไม่ได้เจอมานานแสนนาน"ดีจริง ๆ ดีมากจริง ๆ" เธอยังคงจ้องมองมาที่ผมพร้อมทั้งน้ำตาอยู่แบบนั้นไม่ขยับไปไหน ผ่านไปอีกไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ ประตูหน้าห้องก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง คราวนี้เป็นผู้ชายรูปร่างหล่อเหลามากคนหนึ่งแม้จะดูโทรมไปบ้างวิ่งหน้าตื่นเข้ามาในห้อง เขาจ้องมองมาที่ผมด้วยสายตาทั้งตกใจและดีใจ ปฏิกิริยาของเขาช่างเหมือนกับผู้หญิงข้างเตียงเมื่อครู่ไม่มีผิด ดวงตาทั้งสองข้างของเขาคลอไปด้วยหยดน้ำตาก่อนที่มันจะค่อย ๆ ไหลออกมาอาบแก้ม แต่ผมมองได้ชัดเจนว่าใบหน้าของเขานั
ตอนที่ 10เราจะต้องกลับมาพบกันอีกครั้งผมนั่งนิ่งมองหน้าของผู้ชายคนนี้อย่างใช้ความคิด โซย่า.. ชื่อนี้รู้สึกคุ้นอย่างบอกไม่ถูก คุ้นมากและรู้สึกคิดถึงมากแต่กลับจำไม่ได้เลยว่าเธอคือใคร ผมส่ายหน้าให้ฟอร์ซช้า ๆ เป็นคำตอบ เห็นสีหน้าของผู้ชายคนนี้ก็พอเดาออกว่าเขาไม่ค่อยชอบใจคำตอบนี้เท่าไหร่"เธอคือใครเหรอ" ผมถามออกไปด้วยน้ำเสียงสงสัยพอ ๆ กับในใจที่รู้สึกคุ้นเคย"เธอคือคนที่รอใครบางคนกลับมาจนตายไปแล้ว" ฟอร์ซพูดด้วยเสียงประชดประชันแค่นั้นก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทางคุณอาทั้งสอง ผมมองตามหลังของเขาไปแต่ในใจกลับเต้นไม่เป็นจังหวะ"เป็นยังไงบ้างจัสติน.. ดีขึ้นบ้างไหม" คุณอาผู้หญิงเดินเข้ามาถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม"ดีขึ้นมากแล้วครับคุณอา" "แบบนี้ก็ใกล้ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วนะสิ" ส่วนนี่เป็นน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความยินดีของอาผู้ชาย"ใกล้แล้วครับ ถ้ากายภาพจนช่วยเหลือตัวเองได้แล้วอาหมอก็บอกว่ากลับบ้านได้ครับ" ผมยิ้มให้กับทั้งสองท่าน พร้อมทั้งพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกันอยู่สักพักใหญ่ แต่ในใจผมกลับไม่ได้รับรู้เรื่องราวที่พวกท่านคุยเลยแม้แต่น้อย ในสมองมีเพียงคำถามเดียวที่ยังติดอยู่ในใจ.. โซย่าเธอคือใคร///
ตอนที่ 11พบกันอีกแล้วนะหลังจากที่พูดคุยกับฟอร์ซจนรู้เรื่องแล้ววันรุ่งขึ้นฉันก็มุ่งหน้ามาที่โรงพยาบาลทันที สองเท้าหยุดมองป้ายของโรงพยาบาล ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในตามตึกที่ฟอร์ซบอก สองเท้าเดินขึ้นมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องพิเศษในมือถือกระเช้าผลไม้และของกินอีกสามสี่อย่าง ดวงตากลมโตจ้องมองป้ายชื่อของคนไข้ความรู้สึกตื่นเต้นจนเหงื่อเริ่มซึมที่ฝ่ามือ ฉันยืนจ้องอยู่ที่หน้าประตูอยู่นาน ใจหนึ่งก็อยากเปิดเข้าไปด้านในอีกใจก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเหมือนกัน แอ๊ด~ แต่ยังไม่ทันที่ฉันนั้นจะได้ถกเถียงกับตัวเองจนจบประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกเปิดออก พร้อมกับพยาบาลในชุดขาวที่เดินเข็นรถผู้ป่วยออกมา สายตาของเราสองคนจ้องมองกันใบหน้าของเขายังคงเหมือนเดิม เพียงแต่ในเวลานี้ร่างกายของเขานี้ดูซูบผอมกว่าตอนเป็นวิญญาณไปเสียหน่อย ฉันส่งยิ้มให้กับจัสตินบาง ๆ ด้วยความดีใจ"พบกันอีกแล้วนะ" ก่อนจะเอ่ยออกไปด้วยคำพูดนั้น ///ผมไม่รู้ว่าผู้หญิงด้านหน้านี้คือใคร แต่ใบหน้าของเธอช่างคุ้นเคยเสียจริง ไม่เพียงเท่านั้นเจ้าก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายกำลังตื่นเต้นจนพองโตราวกับว่ามันเจอสิ่งที่รอคอย"พบกันอีกแล้วนะ" เธอเอ่ยมาเพียงแค่ห้าคำแต่กลับทำให
ตอนพิเศษที่ 3แรกพบแห่งสรวงสวรรค์สวรรค์ชั้นเก้าถูกอาบไล้ด้วยแสงสีทองระยิบระยับ ผืนป่าศักดิ์สิทธิ์ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ต้นไม้สูงตระหง่านผลิดอกออกผลเป็นอัญมณีหลากสี กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้ทิพย์ล่องลอยไปตามสายลม ทุกสิ่งทุกอย่างดูสงบเงียบและงดงามราวกับภาพวาดจากฝีมือเทพเจ้าท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงัด จัสตินเทพผู้พิทักษ์แห่งแสงเดินทอดน่องไปตามแนวต้นไม้ ดวงตาสีทองของเขาสะท้อนแสงระยิบระยับพลางทอดมองวิวทิวทัศน์โดยรอบ แต่แล้วเสียงน้ำที่กระเพื่อมเบา ๆ กลับดึงดูดความสนใจของเขาชายหนุ่มรูปงามชะงักฝีเท้า ใบหน้าหล่อเหลาภายใต้เรือนผมสีเงินละสายตาจากผืนฟ้าลงมายังลำธารศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลผ่านใจกลางป่าและที่นั่นเองที่เขาเห็นเธอโซย่า เทพีแห่งสายลมกำลังเล่นน้ำอยู่กลางลำธาร เรือนผมสีน้ำเงินครามของเธอสะท้อนประกายแสงจันทร์ นางเอนกายอยู่กลางผืนน้ำดวงหน้างดงามราวรูปสลัก ผิวกายขาวเนียนเปลือยเปล่าแหวกว่ายอยู่ในกระแสน้ำใส ม่านละอองน้ำที่ลอยฟุ้งยิ่งขับให้เธอดูงดงามราวกับนางอัปสรจากสรวงสวรรค์จัสตินยืนนิ่งอยู่หลังแนวต้นไม้ร่างกายแข็งทื่อราวต้องมนตร์ ดวงตาของเขาจับจ้องอยู่ที่เธอไม่อาจละสายตาไปทางอื่นได้ เทพีแห่งสา
ตอนพิเศษที่ 2สูญสลายกลายเป็นเพียงหมอกดวงตาคมกวาดสายตามองไปรอบ ๆ บนสถานที่ที่แสนจะน่าเบื่อแห่งนี้ ถึงแม้ว่าที่แห่งนี้จะสวยสดงดงามราวกับว่าไม่มีอยู่จริงแต่มันก็แค่เปลือกนอก เขามองเห็นสายตาของเหล่าเทพีขั้นต้นมองตรงไปที่เขาด้วยท่าทางประหม่ามือหนาข้างหนึ่งยกขึ้นมาปาดน้ำตาที่ยังรื้นอยู่บริเวณหางตาออก ก่อนจะถอนหายใจออกมายาว ๆ ดั่งคนที่ปลงตก"แองเจล่า" จัสตินเพียงแค่เอ่ยเรียกเบา ๆ แต่เสียงที่ออกมานั้นกลับก้องกังวานไปทั่วทั้งห้องโถงแห่งนี้"เจ้าค่ะ" สตรีผู้หนึ่งในกลุ่มเทพีด้านล่างเดินออกมาด้านหน้าสามก้าว ทำความเคารพแล้วเงยหน้ามองผู้เป็นนาย เธอมองเขาด้วยสายตาเรียบเฉยไม่ได้รู้สึกประหม่าหรือกังวลเช่นผู้อื่นภาพความทรงจำทั้งหมดไหลเข้ามาในความทรงจำ ทำให้เขารู้ว่าความจริงแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเพียงความฝันตื่นหนึ่ง.. ซึ่งมันไม่ใช่ความฝันครั้งแรก มันเคยเกิดขึ้นมานับครั้งไม่ถ้วน"นี่เวลาใดแล้ว" เขายืดตัวตรงขยับเล็กน้อยเพื่อไล่ความเมื่อยขบ ใช้สายตาคมกริบจ้องมองใบหน้าของสตรีด้านล่าง"ค่ำแล้วเจ้าค่ะ" แองเจล่าเอ่ยตอบเขาเพียงเท่านั้น จัสตินได้พยักหน้าแล้วลุกขึ้นเดินลงมาจากบัลลังก์ ทุกย่างก้าวของเ
ตอนพิเศษที่ 1แหลกสลาย"คุณห้ามบอกเรื่องนี้กับลูกนะ" เสียงของผู้เป็นเจ้าของบ้านดังออกมาจากด้านในห้อง"เราจะทำยังไงกันดีคะ" นอกจากนั้นยังมีเสียงของคู่ชีวิตที่ดังขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ ผู้ชายรูปร่างสูงโปร่ง ดวงตาคมกริบดุจเหยี่ยวพร้อมทั้งเรือนผมสีเงินคราม กำลังยืนฟังทั้งสองอยู่ด้านนอกประตูบานนั้น โดยที่ไม่รู้ว่าทำไมพวกท่านถึงดูมีความกังวลเช่นนี้ มิหนำซ้ำสิ่งที่เขาได้ยินต้องเป็นเรื่องที่ไม่อยากให้เขารู้เป็นแน่"นายท่านคิดอะไรอยู่งั้นเหรอเจ้าคะ" เสียงของสตรีผู้หนึ่งที่ช่างดูคุ้นหน้าคุ้นตายิ่งนักดังขึ้นจากทางด้านหลัง ใบหน้าของเธองดงามราวกับสาวน้อยวัยแรกรุ่น"ทำไมคุณถึงมาอีกแล้ว" จัสตินเอ่ยถามสตรีท่านนี้ด้วยน้ำเสียงเอือมระอา แต่คนที่ถูกกระทำท่าทางเช่นนั้นใส่กลับไม่ได้ถือสาท่าทางของเขา"ข้าน้อยเพียงแค่อยากจะพาท่านไปท่องเที่ยวอีกครา หากท่องเที่ยวครานี้ลุล่วงนายท่านจะได้สมปรารถนาที่รอมาห้าร้อยปี" เธอยังคงเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นดังเดิม แองเจล่าเธอมาในรูปลักษณ์ของมนุษย์ผู้หนึ่ง เพียงแต่ทุกย่างก้าวของเธอจะพิเศษและแปลกกว่าผู้อื่นเสมอ"ทำไมต้องเป็นผม" เพราะเรื่องราวก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาเป็นดั่งละ
ตอนที่ 13ไม่ว่าจะกี่ภพกี่ชาติ.. คุณก็จะเป็นของผมตลอดไปผมรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังล่องลอยอีกครั้ง ภาพสีขาวสว่างวาบราวกับแสงของสปอตไลต์ รอบตัวผมค่อย ๆ ปรากฏก้อนความทรงจำกลม ๆ รอบกาย ผมมองเห็นเรื่องราวที่ผ่านมาก่อนนี้ มองเห็นเด็กมัธยมปลายที่จูงหมาตัวอ้วนมาคุยกับผม เห็นพี่น้องคู่หนึ่งที่ชวนผมไปอยู่ด้วย ตอนนี้ผมจำได้ทุกอย่าง ผมเห็นภาพของตัวเองที่แอบไปนอนกับเธอบนเตียงเป็นประจำ ภาพของตัวเองที่แอบขโมยหอมหน้าผากเธอเวลาหลับบ่อย ๆ และความทรงจำทั้งหมดนั้นกำลังไหลเข้ามาในหัวของผมอย่างรวดเร็วติ๊ด~ ติ๊ด~ ติ๊ด~ ผมลืมตาขึ้นมามันช่างเป็นเหมือนภาพเดจาวูเหลือเกิน สภาพห้องในโรงพยาบาลที่คุ้นเคย เสียงเครื่องมือแพทย์ที่ได้ยินประจำ ผมกวาดตามองรอบ ๆ เห็นโซย่านอนอยู่ที่ข้างเตียง เธอไม่ใช่เด็ก 5 ขวบคนนั้น แต่เป็นโซย่าที่ผมรู้จัก ผมมองใบหน้าของเธอนิ่งก่อนจะค่อย ๆ ยกมือมาเกลี่ยเส้นผมของเธอออกอย่างเบามือที่สุด"จัสติน! ฟื้นแล้วเหรอ" แต่ไม่รู้ว่าคำว่าเบา ๆ ของผมจะหนักไปหรือเปล่า เพราะเธอเด้งตัวตื่นมาทันทีที่นิ้วผมสัมผัส ผมยิ้มให้เธอบาง ๆ ก่อนจะมองตามเธอที่เดินไปกดเรียกพยาบาล แต่แล้วสายตาของผมก็ต้องสะดุดกับสิ่งหนึ
ตอนที่ 12เธอเป็นของผม"แม่คิดมาตลอดว่าอาจจะไม่ได้เห็นลูกตื่นขึ้นมาอีกแล้ว แต่ก็อ้อนวอนต่อพระเจ้ามาตลอดในที่สุด.. ลูกของแม่ก็ตื่นขึ้นมาสักที" คุณแม่พูดไปน้ำตาของท่านก็ไหลไป ผมเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้ท่านก่อนจะส่งยิ้มบาง ๆ ไปให้"ผมอยู่ตรงนี้แล้ว ลำบากแม่แล้วนะครับ" ท่านส่ายหน้าส่งมาให้พร้อมทั้งใช้มือลูบหัวผมเบา ๆ แอ๊ด~ เราสองคนหันไปทางประตู พบว่าคุณอาทั้งสองนั้นเดินเข้ามาพร้อมของเยี่ยมและรอยยิ้ม สายตาของผมมองเลยไปทางด้านหลังอย่างมีความหวังแต่กลับต้องเศร้าลงเพราะไม่มีใครอื่นนอกจากท่านทั้งสองคน"จัสตินเป็นยังไงบ้าง" คุณอาผู้หญิงเดินมาถามผมอย่างเช่นทุกครั้ง จากที่ผมสงสัยมานานว่าท่านคือใครในตอนนี้พอได้รับรู้ผมกลับรู้สึกผิดต่อพวกท่านเป็นอย่างมาก "อาโซเฟียครับ.. ผมขอโทษด้วยนะครับเรื่องอุบัติเหตุครั้งนั้น" แม้ว่ามันจะผ่านมานานแต่พอรู้ว่าครอบครัวเราเป็นคนที่ทำให้พวกท่านลำบาก ผมกลับรู้สึกไม่ดีเอามาก ๆ สองมือยกขึ้นไหว้ทั้งสองพร้อมน้ำตาที่คลอเบ้า พวกท่านมีท่าทางงงเล็กน้อยแต่ก็ยังเดินมาลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน"อุบัติเหตุไม่มีใครถูกใครผิด อาเองก็ไม่รู้ว่าหนูนอนอยู่ที่นี่มาถึง 10 ปี หากวันนั้นคุณอาม
ตอนที่ 11พบกันอีกแล้วนะหลังจากที่พูดคุยกับฟอร์ซจนรู้เรื่องแล้ววันรุ่งขึ้นฉันก็มุ่งหน้ามาที่โรงพยาบาลทันที สองเท้าหยุดมองป้ายของโรงพยาบาล ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในตามตึกที่ฟอร์ซบอก สองเท้าเดินขึ้นมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องพิเศษในมือถือกระเช้าผลไม้และของกินอีกสามสี่อย่าง ดวงตากลมโตจ้องมองป้ายชื่อของคนไข้ความรู้สึกตื่นเต้นจนเหงื่อเริ่มซึมที่ฝ่ามือ ฉันยืนจ้องอยู่ที่หน้าประตูอยู่นาน ใจหนึ่งก็อยากเปิดเข้าไปด้านในอีกใจก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเหมือนกัน แอ๊ด~ แต่ยังไม่ทันที่ฉันนั้นจะได้ถกเถียงกับตัวเองจนจบประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกเปิดออก พร้อมกับพยาบาลในชุดขาวที่เดินเข็นรถผู้ป่วยออกมา สายตาของเราสองคนจ้องมองกันใบหน้าของเขายังคงเหมือนเดิม เพียงแต่ในเวลานี้ร่างกายของเขานี้ดูซูบผอมกว่าตอนเป็นวิญญาณไปเสียหน่อย ฉันส่งยิ้มให้กับจัสตินบาง ๆ ด้วยความดีใจ"พบกันอีกแล้วนะ" ก่อนจะเอ่ยออกไปด้วยคำพูดนั้น ///ผมไม่รู้ว่าผู้หญิงด้านหน้านี้คือใคร แต่ใบหน้าของเธอช่างคุ้นเคยเสียจริง ไม่เพียงเท่านั้นเจ้าก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายกำลังตื่นเต้นจนพองโตราวกับว่ามันเจอสิ่งที่รอคอย"พบกันอีกแล้วนะ" เธอเอ่ยมาเพียงแค่ห้าคำแต่กลับทำให
ตอนที่ 10เราจะต้องกลับมาพบกันอีกครั้งผมนั่งนิ่งมองหน้าของผู้ชายคนนี้อย่างใช้ความคิด โซย่า.. ชื่อนี้รู้สึกคุ้นอย่างบอกไม่ถูก คุ้นมากและรู้สึกคิดถึงมากแต่กลับจำไม่ได้เลยว่าเธอคือใคร ผมส่ายหน้าให้ฟอร์ซช้า ๆ เป็นคำตอบ เห็นสีหน้าของผู้ชายคนนี้ก็พอเดาออกว่าเขาไม่ค่อยชอบใจคำตอบนี้เท่าไหร่"เธอคือใครเหรอ" ผมถามออกไปด้วยน้ำเสียงสงสัยพอ ๆ กับในใจที่รู้สึกคุ้นเคย"เธอคือคนที่รอใครบางคนกลับมาจนตายไปแล้ว" ฟอร์ซพูดด้วยเสียงประชดประชันแค่นั้นก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทางคุณอาทั้งสอง ผมมองตามหลังของเขาไปแต่ในใจกลับเต้นไม่เป็นจังหวะ"เป็นยังไงบ้างจัสติน.. ดีขึ้นบ้างไหม" คุณอาผู้หญิงเดินเข้ามาถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม"ดีขึ้นมากแล้วครับคุณอา" "แบบนี้ก็ใกล้ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วนะสิ" ส่วนนี่เป็นน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความยินดีของอาผู้ชาย"ใกล้แล้วครับ ถ้ากายภาพจนช่วยเหลือตัวเองได้แล้วอาหมอก็บอกว่ากลับบ้านได้ครับ" ผมยิ้มให้กับทั้งสองท่าน พร้อมทั้งพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกันอยู่สักพักใหญ่ แต่ในใจผมกลับไม่ได้รับรู้เรื่องราวที่พวกท่านคุยเลยแม้แต่น้อย ในสมองมีเพียงคำถามเดียวที่ยังติดอยู่ในใจ.. โซย่าเธอคือใคร///
ตอนที่ 9นายเป็นใครผมยังคงนอนมองรอบ ๆ ห้องที่ดูก็รู้ว่าที่แห่งนี้น่าจะเป็นโรงพยาบาล หลังจากที่คุณหมอทุกคนตรวจเช็กเบื้องต้นแล้วก็ออกไปด้านนอก ก่อนจะมีผู้หญิงวัยกลางคนที่ใบหน้าและรูปร่างของเธอนั้นโทรมมาก วิ่งเข้ามาหยุดข้างเตียงของผม เธอยืนนิ่งส่งยิ้มที่สวยมากมาให้ ดวงตาทั้งสองข้างของเธอเอ่อล้นไปด้วยหยดน้ำตาก่อนจะไหลออกมาอาบทั้งสองแก้ม"ตื่นแล้วเหรอลูก" เธอพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินมานั่งลงข้างเตียง ใช้มือทั้งสองข้างนั้นโอบรอบมือของผมเอาไว้ ความอบอุ่นนี่มันคืออะไรกัน ผมมองมือของเธอและความรู้สึกที่อบอุ่นนี้ด้วยหัวใจที่พองโตราวกับว่าไม่ได้เจอมานานแสนนาน"ดีจริง ๆ ดีมากจริง ๆ" เธอยังคงจ้องมองมาที่ผมพร้อมทั้งน้ำตาอยู่แบบนั้นไม่ขยับไปไหน ผ่านไปอีกไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ ประตูหน้าห้องก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง คราวนี้เป็นผู้ชายรูปร่างหล่อเหลามากคนหนึ่งแม้จะดูโทรมไปบ้างวิ่งหน้าตื่นเข้ามาในห้อง เขาจ้องมองมาที่ผมด้วยสายตาทั้งตกใจและดีใจ ปฏิกิริยาของเขาช่างเหมือนกับผู้หญิงข้างเตียงเมื่อครู่ไม่มีผิด ดวงตาทั้งสองข้างของเขาคลอไปด้วยหยดน้ำตาก่อนที่มันจะค่อย ๆ ไหลออกมาอาบแก้ม แต่ผมมองได้ชัดเจนว่าใบหน้าของเขานั
ตอนที่ 8การพบกันครั้งสุดท้ายเราทั้งสามคนมองหน้ากันก่อนจะหันไปมองที่คุณยายอีกครั้ง ท่านส่งยิ้มมาให้มันช่างเป็นรอยยิ้มที่ดูใจดีที่สุดเท่าที่เคยพบเจอมา"คุณยาย.." โซย่าเอ่ยเพียงแค่นั้นก่อนจะเงียบเสียงลง เพราะน้องชายอย่างฟอร์ซจับแขนเสื้อของเธอเขย่าเบา ๆ สองสามทีเป็นการเตือน"คนนี้พี่จัสตินครับเป็นแฟนพี่โซย่า" ผมและโซย่าหันมองหน้าฟอร์ซพร้อมกันด้วยความรู้สึกตกใจ รู้สึกได้ว่าคุณยายนั้นมองมาที่เราสองคนสลับกันแต่นอกจากท่านจะไม่ดุหรือว่าไม่พอใจอะไรแล้ว ท่านกลับหัวเราะออกมาเสียงดังครู่หนึ่ง สองเท้าของคุณยายเดินตรงมาทางพวกเราก่อนที่ท่านจะเดินผ่านสองพี่น้องนั้นตรงมาทางผมช้า ๆ "หล่อจริง ๆ มาเข้าไปในกันก่อน" ผมมองหน้าคุณยายเล็กน้อย ท่านได้จูงมือผมเข้าไปในบ้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมทั้งฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีบรรยากาศในบ้านทุกอย่างดูดีและอบอุ่นเหมือนทุกครั้งที่มา เพียงแต่เหมือนว่าครั้งนี้พวกเรานั้นจะมาเร็วกว่าคนอื่น ๆ ไปเสียหน่อย จวบจนเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงเย็น ผมถูกโซย่าลากให้เดินเข้ามาในครัวจัดการเรื่องอาหารค่ำในคืนนี้ เพราะว่าเธอนั้นเป็นคนที่ไม่ได้สันทัดเรื่องอาหารสักเท่าไหร่ทำให้ทุก ๆ ก้าวนั้นต้อง